ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha SF] :: All About Shortfic :: by Corn on the Cob

    ลำดับตอนที่ #3 : [Shortfic AF8] :: Present Perfect Continuous Tense :: [TaoKacha] NC-15

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 56


    Fiction : Present Perfect Continuous Tense 
    Pairing : TaoKacha
    Genre : Drama Romantic
    Author : Corn on the Cob (ข้าวโพดปาดเนย)
    Author’s note : ฝืดๆเคืองๆไปบ้างอย่าว่ากัน ตีสองแล้ว แต่อยากลงมาก
    Warning : NC-15



    “เตรียมตัวนะครับน้องคชา เดี๋ยวอีกสิบนาทีงานจะเริ่ม แสตนบายด้านหลังเวทีได้แล้วนะครับ”

     

    “ฮะ”

     

    เด็กหนุ่มตัวเล็กจัดแต่งทรงผมและตรวจดูความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายตรงหน้ากระจกก่อนจะเดินไปเข้าประจำที่หลังเวที รอคิวของตัวเอง...

     

    วันนี้เป็นวันที่เขามาเดินแบบแฟชั่นโชว์ให้กับเสื้อผ้ายี่ห้อดังแถวย่านช้อปปิ้งชื่อดังใจกลางเมือง...นี่ก็ผ่านมาจะสองปีแล้วสำหรับเขาและเพื่อนๆเอเอฟแปด ต่างคนต่างก็เริ่มแยกย้ายกันไปตามทางที่ตัวเองถนัด ทำเอาช่วงนี้เขาได้เจอเพื่อนๆกันไม่ค่อยบ่อยเอาซะเลย...ไม่อยากจะคิดเท่าไรเลยว่าอนาคตพอยิ่งแยกกันไปนานๆแล้วคงยากที่จะกลับมาร่วมงานด้วยกันอีกครั้ง


    โดยเฉพาะกับคนๆนั้น...

    แต่ก็ดีแล้วนินะ...


    รวมๆตอนนี้ก็สองเดือนแล้ว...

     

    ที่เลิกกัน

     

    ถามว่ารู้สึกอะไรไหม...ให้บอกว่าไม่รู้สึกเลยก็คงเป็นไปไม่ได้...แต่ท่าทีของเขาด้วยความที่เป็นหน้าเดียวแบบนี้อยู่แล้ว คนภายนอกเลยดูกันไม่ออก...ลับหลังแล้วก็มีตัวเองที่รู้ดีที่สุด...ว่าแม้แต่จะเงียบๆเป็นปกติ แต่ลึกๆข้างในแล้วไม่เคยเป็นปกติเลยต่างหาก...


    “น้องคชาครับ คิวต่อไปแล้วนะครับ”


    สติสตางค์ของคนตัวเล็กถูกดึงให้กลับมาอยู่ในปัจจุบันกับงานตรงหน้า...คชารอสัญญาณของสต๊าฟที่บอกให้เขาขึ้นเวทีได้...พอถึงคิว ตัวเล็กก็เดินขึ้นเวที..

     

    ด้วยสไตล์เสื้อผ้าเป็นแนวสบายๆ ชิลล์ๆ เจ้าตัวเลยเดินได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ต้องเกร็งหรือเก๊กอะไรมาก...ตาเรียวกวาดไปทั่วงานขณะเดิน...และมาหยุดลงตรงปลายเวทีเพื่อโพสท่าถ่ายรูปและก็หมุนตัวกลับ...

     

    ทว่าจังหวะหันหลังกลับนั้น ตาเรียวสวยก็สบเข้ากับใบหน้าคนๆหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตาดี...

     

    ก็คิดถึงแทบทุกลมหายใจ ทำไมจะจำไม่ได้แม้จะใส่แว่นดำในห้างแบบนี้ก็เถอะ...

     

    แม้จะเดินเข้าไปจนจะสุดเวทีแล้ว แต่คชาก็สัมผัสได้ว่าดวงตาคู่คมภายใต้กรอบแว่นดำนั้นยังจ้องมองเขาอยู่...คชาเดินมาจนสุดเวทีหันกลับมาโพสให้ผู้คนอีกรอบ สายตาเหลือบมามอง และก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้...คนๆนั้นยังคงจ้องมาที่เขาไม่วางตา...

     

    คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาเปลี่ยนเสื้อเดินออกไปอีกสองสามรอบ และทุกครั้งก็จะมีสายตาของอีกคนจ้องมาไม่วางตาทุกครั้งไป...

     

    “วันนี้ขอบคุณมากนะครับ”

     

    หลังจากเสร็จงาน คชากล่าวขอบคุณพี่ๆสต๊าฟและปลีกตัวออกมาไปยังลานจอดรถที่คับคังหนาแน่นไปด้วยแฟนคลับที่มายืนรอส่งเขาเป็นประจำ...

     

    คชารับของฝาก ถ่ายรูปกับแฟนๆพอประมาณก่อนจะขึ้นรถกลับบ้านไป...

     

    ในระหว่างทางบนรถ...คชาเหลือบมองกระจกหลังบ่อยกว่าปกติมาร่วมชั่วโมงแล้ว...รถคันหลังทะเบียนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีขับตามเขามาได้สักพักแล้วตั้งแต่ออกมาจากงาน


    ในที่สุดกลายเป็นคชาเองที่เริ่มทนไม่ไหว หักรถเปลี่ยนเส้นทางไปในทางตรงกันข้ามบ้านเขาอย่างสิ้นเชิง...รถคันหลังยังคงไล่หลังมา จนสุดท้ายมาจอดลงที่สถานที่ๆหนึ่งเคยคุ้นเคยและมาอยู่บ่อยๆอยู่ช่วงหนึ่ง...

     

    คชาจอดรถในลานจอดรถเสร็จก็ออกมายืนพิงประตูรถตัวเอง...รอคนในรถอีกคันกำลังจอดรถอยู่ไม่ไกลออกไป...


    “ไม่กลัวโดนแฟนคลับตามได้รึไง?”เสียงหวานห้วนเอ่ยขึ้นสั้นๆเมื่อร่างของอีกคนเดินใกล้เข้ามาทางเขาหลังจากจอดรถเสร็จแล้ว...

    คนมาใหม่ยิ้มมุมปากเบาๆพลางถอดแว่นดำออก.. “เป็นห่วงหรอ?”

     

    “เปล่า ขี้เกียจแก้ข่าวทีหลัง”

     

    “ถ้าเป็นงั้นจริง ชาคงไม่ขับมาถึงคอนโดเต๋าที่นี่หรอกมั้ง”

     

    ตัวเล็กถอนหายใจเร็วๆพลางเอ่ยเสียงแข็ง “มีอะไรก็ว่ามา จะได้รีบกลับบ้าน ง่วงจะแย่แล้วเนี่ย”

     

    คนตัวโตกว่าทอดสายตามองคนตรงหน้าที่ตาปรือ คงจะเหนื่อยไม่น้อยสินะ ได้ข่าวว่าช่วงนี้คนตัว

    เล็กตรงหน้าเขาโหมทำงานไม่ค่อยได้พักผ่อนซะด้วย..

     

    แต่ก็ยังน่ารัก..

     

    เหมือนเดิม...

     

    ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด...

     

    “ถ้างั้นขึ้นไปคุยบนห้องไหม?”

     

    คชาหันมามองหน้าอีกคน...คิ้วขมวดอย่างสงสัย 

     

    “ก็..ยืนตรงนี้ถ้ามีคนมาเจอ จะแย่เอานะ”

     

    ตัวเล็กก้มหน้าลงก่อนจะค่อยๆเป็นฝ่ายเดินนำออกไปก่อนโดยไม่พูดไม่จา...

    .
    .
    .

     

    มีเหตุผลมากมายเหลือเกิน ที่บอกให้ฉันหยุดความรักนี้

    มีเหตุผลมากมายนับร้อยพัน ที่บอกว่าไม่มีวันที่จะเป็นจริง

     

     

    “จะกินน้ำอะไรหน่อยไหม?”

     

    คนตัวเล็กส่ายหัว “ขอเข้าห้องน้ำหน่อยละกัน”

     

    ถึงอีกคนจะปฏิเสธ แต่เต๋าก็หยิบน้ำออกมารินใส่แก้วก่อนจะเดินเอามาวางไว้ที่โต๊ะรับแขกให้อีกคนอยู่ดี คนตัวโตทิ้งตัวลงพลางทอดสายตามองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่...ขณะที่กำลังพยายามรวบรวมสติและความคิดอยู่นั้น...เสียงเตือนโนทิฟิเคชั่นของไอโฟนบนโต๊ะก็ดังขึ้นขัดจังหวะ...

     

    ไอโฟนของเขายังอยู่ในกระเป๋า ดังนั้นที่อยู่บนโต๊ะเป็นของอีกคนแน่นอน...

     

    มือขาวเอื้อมไปหยิบพลางสไลด์เปิดอ่านอย่างถือวิสาสะ...

     

    มีรหัสล๊อก...เต๋าเสี่ยงกดรหัสที่เขาทั้งสองคนรู้...

    และก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้...

    คชายังใช้รหัสเดิม..

    รหัสที่เหมือนกับเครื่องของเขา...


    เสียงที่ได้ยินเป็นโนทิฟิเคชั่นของไลน์...เต๋าไล่อ่านข้อความที่มีคนส่งมา...

    อ้อ... นางแบบที่เดินแบบด้วยกันวันนี้...จะว่าไปเขาก็คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่...รู้สึกคนที่อยู่ในไลน์เนี่ยจะเคยเจอกับคชาในงานอื่นมาก่อนหน้าแล้วด้วย...ดูท่าคุยกันมาสักพักแล้วสินะ...

    เต๋าไล่ดูไม่เยอะก่อนจะกดปิดล๊อกไปวางบนโต๊ะที่เดิมทันก่อนที่อีกคนเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำพอดี...

     

    คชาเดินมาพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพลางหยิบมือถือขึ้นมาดู...

    “แอบดูมือถือคนอื่น นิสัยไม่ดีเลยนะ”

     

    “ก็ทีหลังหัดตั้งรหัสอื่นที่คนอื่นไม่รู้สิ”

     

    “ไม่เห็นจะเกี่ยว รู้หรือไม่รู้ ก็ไม่ควรแอบดูของคนอื่น”

     

    เต๋าส่งเสียงหึออกมาเบาๆจากลำคอ 

     

    “คนอื่นหรอ...”เต๋าว่าพลางหันหน้ามาทางอีกคน “ชาไม่เคยเป็นคนอื่นสักหน่อย”

     

    นิ้วที่กำลังจะพิมพ์ตอบกลับข้อความในไลน์ชะงักเล็กน้อย..เรียวปากบางแอบเม้มเข้าหากันนิดนึงก่อนจะรีบคลาย และเรียวนิ้วก็เริ่มพิมพ์ต่อ..

     

    ต้องการอะไรหรือ?

     

    ที่พูดแบบนี้ อยากจะพูดอะไรกันแน่?

     

     

    “คุยกันนานรึยัง?”

     

    คชาไม่ตอบเพียงแต่หันหน้ามามอง

     

    เต๋าก็นิ่งกลับ แต่สายตาที่สื่อออกไปนั้นบอกทุกอย่างชัดเจน..

     

    คนตัวเล็กถอนหายใจนิดนึงก่อนหันไปพิมพ์ต่อกับหน้าจอมือถือ... 

     

    “สักพัก”

     

    “แค่คุย....”

     

    “......”

     

    “....แต่ยังไม่ได้รักใครใช่ไหม”

     


    แต่ในทุกครั้ง ที่ฉันเดินออกมาจากเธอ

    เหมือนว่าใจจะขาด เหมือนอะไรมันขาดหายไป

    และสุดท้ายคือฉันเอง ที่เดินกลับมาตรงนี้

     


    คชาเงยหน้าจากโทรศัพท์...สายตาจ้องนิ่งไปข้างหน้า...

     

    “ถามทำไม..”

     

    “ถามเพราะอยากรู้”

     

    จะอยากรู้ไปทำไม?

     

    คนที่บอกเลิกคือนายเองไม่ใช่รึไง?..

     

     

    “ชายังรักเต๋าอยู่ไหม?”

     

     


    ฉันแค่อยากรู้ ทุกสิ่งที่ฉันรู้สึก

    ฉันคิดไปเองข้างเดียว รู้สึกไปเองข้างเดียวหรือเปล่า

    แค่เพียงเธอพูดมาคำเดียว ว่าเธอก็รู้สึกเหมือนกัน


     

    “เรายังรักกันอยู่เหมือนเดิม...ใช่ไหม?”

     

    มือใหญ่เข้ากอบกุมมือเล็กที่เจ้าของแน่นิ่งไม่ขยับ...ใบหน้าหวานค่อยๆหันมาสบตา...ตาเรียวที่รื้นน้ำตาเล็กๆทำเอาอีกคนรู้สึกผิดจนจุกอก


    “แล้วเต๋าคิดว่าไงล่ะ?”

     

    “........”

     

    ความอดทนของเต๋าขาดผึ่งเมื่อน้ำตาเม็ดโตค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาที่เขาหลงใหลเสมอ...มือใหญ่ประคองใบหน้าเล็กพลางปาดมันออกไป...ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มซ้อนทับกับใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา...

     

    ด้วยฝีมือเขาเอง...

     

    เต๋ารวบอีกคนเข้ามากอดแน่นจนแทบไม่เหลือช่องว่างใดๆ...

     

    “ขอโทษ...เต๋าขอโทษนะ”



    ขอโทษที่คิดอะไรตื้นๆ โง่ๆ....

     

    ที่คิดว่า ถ้ากลับไปเป็นแค่เพื่อน อาจจะดีกว่าต่อสถานะที่เขาทั้งคู่เป็นอยู่...

     

    ก็แค่ไม่อยากให้ตัวเล็กของเขาต้องกดดัน...

     

    ทั้งเรื่องข่าวของเขาเองกับผู้หญิงที่ยังเคลียร์กันไม่เรียบร้อยสักที...

     

    และไหนจะกระแสสังคมอีก...

     

     

    ทั้งๆที่คนตรงหน้าไว้ใจ และเชื่อใจเขากว่าใคร

     

    แต่เขาก็ยังตัดสินใจทำแบบนั้น...

     

    และสุดท้ายกลายเป็นเขาเอง...

     

    ที่อยู่ไม่ได้...


    ถ้าใช้เหตุผล เขาสองคนอาจจะรักกันไม่ได้...

    แต่ถ้าใช้ความรู้สึก...เขารู้ซึ้งแล้วว่า เขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคชา..ไม่มีคนตัวเล็กตรงหน้านี้...

    สองเดือน แค่สองเดือนก็เกินพอแล้ว...จริงๆ...


     

    ตัวโตผละอ้อมกอดออกมา...มือขาวไล้ไปทั่วบริเวณใบหน้าน่ารักที่เปรอะน้ำตาไปทั่ว...เต๋ายืดตัวจูบหน้าผากเล็กแรงๆก่อนจะไล้มาที่หางตา...จูบซ้ำน้ำตาทั้งหมด...และเลื่อนให้หน้าผากตัวเองชนกับของอีกคน...


    ตาเรียวใสของตัวเล็กช้อนมองจนเส้นฟางสุดท้ายของเต๋าก็ขาดสะบั้นลง...ปากหยักประทับจูบบางเบาในตอนเริ่มก่อนจะค่อยๆเพิ่มความร้อนแรงตามอารมณ์ที่ถูกพัดโหม...เอวบางถูกช้อนยกมานั่งบนตักทั้งๆที่เรียวปากยังไม่ห่างกัน...


    ประตูห้องนอนถูกเปิดออกอย่างแรง ตัวโตอุ้มประคองตัวเล็กไม่ห่าง...

     

    “อื้อ!”

     

    เสียงหวานร้องประท้วงเล็กน้อยเมื่อหลังของตัวเองกระแทกเข้ากับบานประตู แต่เต๋าก็ยังไม่สนใจที่จะเสียเวลาละริมฝีปากออกแม้แต่นิดเดียว...


    ผืนเตียงกว้างยุบลงเมื่อสองร่างหล่นลงมาพร้อมกัน...มือขาวทำหน้าที่ของมันได้ดีไม่ต่างกับปากที่ยังคงป้อนจูบนัวเนียให้กับตัวเล็กบนเตียงอย่างต่อเนื่อง...

     

    เสื้อผ้าถูกเขวี้ยงลงข้างเตียงอย่างไม่ใยดี...เรือนร่างบางที่เขาโหยหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันตอนนี้ก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว....

     

    เต๋าไล้เรียวปากไปทุกตารางนิ้วที่พาดผ่าน....มือเล็กกำแน่นกับผ้าห่มพลางพยายามกลั้นเสียงทุกครั้งที่เต๋ากดเน้นย้ำไปบนร่างของตัวเอง...

     

    เวลาผ่านไปจากนาที เป็นชั่วโมง จนล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่....แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่เสร็จสิ้น เสียงหอบยังมีให้ได้ยินเป็นระยะ...จนเมื่อฟ้าที่เคยมืดมิดค่อยๆมีแสงรำไรจากขอบฟ้านั่นแล่ะ...ที่ตัวเล็กได้ปิดเปลือกตาลง...พร้อมๆกับที่อีกคนสอดตัวเข้าใต้ผืนผ้าห่มเดียวกันดึงร่างของคนตัวเล็กมาซุกเข้ากับอกก่อนจะเข้าสู่นิทราไปด้วยกัน...

     

     

    ไม่ว่าต่อจากนี้ จะเป็นเช่นไร ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ จะไกลขนาดไหน

    ไม่ว่ารักเราจะเก่าสักเท่าไหร่ จะแก่แค่ไหน รู้ไว้จะมีฉันเคียงข้างกัน

     

    รู้ไว้ว่าทุก ๆ วัน จะมีความหมาย ความหมายที่เป็นเธอ ตลอดเวลา

    ทุกคำสำคัญที่พูดมา ดั่งคำสัญญา จากหัวใจ

     

     

    แสงอาทิตย์ในยามรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่สาดส่องผ่านช่องว่างตามผ้าม่านเข้ามากระทบกับคนสองคนบนเตียงที่กอดกันแน่นภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน...

     

    ตัวโตที่รู้สึกตัวก่อนหยีตาสู้แสงแดดที่ส่องเข้ามา...ขยับตัวเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนในอ้อมกอดที่ยึดเขาแน่นเป็นหมอนข้างซุกนอนสบายใจเฉิบ รอยยิ้มที่ไม่ได้มีมากว่าสองเดือนก็เผยให้เห็นอย่างง่ายดาย...

     

    เต๋าเหลือบมองนาฬิกา....ห๊ะ! นี่มันจะเที่ยงแล้วหรอเนี่ย!?

     

    ตัวเขาเองน่ะ ไม่มีคิวงานวันนี้ แต่คนตัวเล็กตรงหน้านี่สิ...


    “ชา ตื่นเร็ว จะเที่ยงแล้วนะ”

     

    “อื้อ...”

     

    “ชาตื่นนน...วันนี้มีคิวงานกี่โมงครับ หืม?”ว่าพลางขยับตัวออกพร้อมๆกับเขย่าคนตัวเล็กที่สลึมสะลืองัวเงียไม่ห่าง...

     

    “อื้อออ...ขออีกแป๊ปนะเต๋า...”

     

    เสียงหวานออดอ้อนจนเต๋าแทบใจอ่อน...


    แค่สองเดือนที่เขาไม่ได้มีสิ่งเหล่านี้ มันทำให้เขาคิดถึงมากมายได้ขนาดนี้เลยหรอนี่?

     

    หัวกลมๆซุกเข้ากับหมอนอีกครั้งทำเอาเต๋าส่ายหัวกับความขี้เซาของตัวเล็กไม่ได้...มือขาวไล้ไปตามเรียวขาที่เผยให้เห็นเพราะแรงขยับตัวของตัวเล็กทำเอาผ้าห่มเลิกขึ้นมา...ผิวเนียนใสล้อกับแสงแดดยามเช้าทำเอาจากที่แค่จะแกล้งๆให้อีกคนตื่นนอนชักเตลิดไปไกล...


    “อื้ออออ...! ชาจะนอน เต๋าาาา”

     

    “ชายังไม่บอกเลยนะ วันนี้มีงานกี่โมงเดี๋ยวก็ไปไม่ทันหรอก”

     

    “อื้ออ..มีตอนสามโมง”

     

    “สามโมง? นี่จะเที่ยงแล้วนะครับ ไหนจะอาบน้ำกินข้าว ออกจากบ้านอีก...เวลานั้นรถในเมืองก็เริ่มติดแล้วด้วย...ชาตื่นได้แล้วนะ”

     

    อีกคนยังคงนิ่ง...จนสุดท้ายตัวโตต้องใช้ไม้ที่สอง...


    “อ๊ะ!”ตัวเล็กสะดุ้งตื่นทันทีพลางจับหมับเข้าที่มือขาวของอีกคนที่กำลังไล้จากต้นขาของตัวเองสูงขึ้นมาเรื่อยๆ...


    “ก็บอกให้ตื่นได้แล้ว ไม่งั้นไม่รู้ด้วยนะ”

     

    “อ๊ะ!! โอเคๆ ตื่นแล้วๆๆๆ!!!”ตัวเล็กรีบลุกขึ้นมานั่งก่อนจะเอาผ้าห่มคลุมทั้งตัว...ผมยุ่งๆกับใบหน้าน่ารักๆที่ตอนนี้บูดบึ้งนิดหน่อยจากการถูกปลุก...

     

    ตื่นเต็มตาและเนี่ย...ก็เล่นเอามือล้วงเข้ามาซะ...คือในตัวเขาไม่มีอะไรสักชิ้นนอกจากผ้าห่มที่คลุมอยู่ไง มันถึงต้องสะดุ้งตื่นน่ะ ไม่งั้น...มือขาวๆนั่นคง....โอ้ย!! ไม่พูดแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า..

     

    คชากอบโกยเอาผ้าห่มไว้กับตัวก่อนจะวิ่งดุ๊กๆเข้าห้องน้ำไป...โดยมีเต๋านั่งยิ้มพิงหัวเตียงอยู่ทางด้านหลัง...

     

    หลังจากที่คชาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพก็มานั่งลงที่หน้ากระจก...ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าคชาไปหาชุดจากไหน....ก็เสื้อผ้าคชายังกองเต็มตู้ยังไงเมื่อสองเดือนก่อน ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นนั่นแล่ะ...

     

    ในตอนนี้เหลือแค่เตรียมเซตผมเป็นขั้นตอนสุดท้าย...สายตาเรียวเหลือบมองเต๋าที่ในตอนนี้กำลังโกนหนวดอยู่อีกด้านของเตียง...แผ่นหลังเปลือยเปล่าขาวผ่องสู้กับผ้าขนหนูสีขาวที่พันอยู่รอบเอว...

     

    ตั้งแต่ออกจากบ้านมา หุ่นเต๋านี่แบบบึก ปึก ขึ้นมากกกเหอะ!

     

    ซิกพงซิกแพก กล้าม เกลิ้ม นี่เรียงสวยเชีย...และดูเขาดิ...

     

    นับวันนับวันยิ่งไม่เหมือนผู้ชาย เข้าใกล้เพศที่เรียกว่าทอมมากเข้าไปทุกที...

     

    มองตัวเองในกระจกและก็ต้องถอนหายใจแรงๆ...


     

    เต๋าที่ได้ยินปิดเครื่องโกนพลางหันมาถาม... 

     

    “ถอนหายใจทำไมอ่ะชา?”

     

    พอถูกถามหน้าน่ารักๆนั่นก็ยิ่งบู้บี้เข้าไปอีก... 

     

    “อยากเปลี่ยนทรงผมแล้วอะ...ตัดทรงนี้ยิ่งดูเหมือนทอมเข้าไปทุกที...”

     

    ตัวโตได้ยินอย่างนั้นก็หลุดยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนจะค่อยๆกระเถิบตัวเข้าไปหาและกอดซ้อนหลัง...

     

    “นี่ยังมีความคิดอยากดูแมนอยู่อีกหรอ?”

     

    คชาหันมาค้อนควับ

     

    “เอ้าก็จริงนี่ จะทรงไหนคชาก็ไม่แมนไปกว่านี้หรอก”ว่าพลางเอาคางวางเกยไว้ที่ไหล่ยื่นปากไปจูบแก้มของอีกคนเร็วๆ...

     

    มือเล็กของคชาตีเพียะเข้าที่แขนของอีกคน “ไปอาบน้ำเลยไป...ปลุกชาตื่นซะเร็ว ตัวเองมัวแต่อืดอาด”

     

    ตาโตของเต๋าเหลือบมองไปที่นาฬิกาก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์...ตัวโตลุกขึ้นยืนข้างเตียงก่อนจะปลดผ้าออกต่อหน้าคชาและโน้มตัวลงกระซิบที่หูบางเบา...

     

    “อาบให้เต๋าหน่อยสิ”

     

    คชาที่หูเหอหน้าเน่อนี่แดงไปถึงอีกกาแลคซี่หนึ่งของจักรวาลไม่รู้จะทำเอาสายตาไปมองไว้ที่ไหนกันเลยทีเดียวเชียว...ตาเรียวเลิกลักมองซ้ายขวา แต่สุดท้ายก็รู้สึกว่ามองขึ้นบนดูจะปลอดภัยสุด ไม่เห็นอะไรวับๆแวมๆ... แต่ตัวเล็กก็มาตระหนักได้ว่าคิดผิดมหันต์....

     

    สายตาที่อีกคนมองมานี่สิ...ทำเอาทำอะไรไม่ถูกไปหมดเลยเหอะ!

     

    ปากเล็กถูกกัดพลางช้อนตามองอีกคน... 

     

    “นี่ชาต้องเซทผมแต่งตัวใหม่อีกแล้วใช่ไหม”

     

    “^__^”

     

     

    ไม่ว่าสิ่งไหน จะมีวันเปลี่ยนแปลง อาจมีวันจางหายไป

    แต่ในทุก ๆ ถ้อยคำที่ฉันเคยบอกไว้ จะเป็นคำอันเป็นนิรันดร์

     

     

    กว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจทุกสิ่งอย่าง...ก็ปาไปจะบ่ายสอง...ความคิดที่ว่าจะหาอะไรกินในบ้านก่อนออกเป็นอันต้องพับเก็บไปตามปริยาย...เต๋าอาสาไปส่งครึ่งทางท่ามกลางเสียงคัดค้านของตัวเล็กของเขา...แต่ก็นะ โดนปิดปากไปอีกสองสามที สุดท้ายก็เลยต้องยอมให้...

     

    “แปลกแฮะ...”

     

    “อะไรหรอ?”สารถีจำเป็นเอ่ยถามขณะกำลังเลี้ยวรถออกจากคอนโดตัวเอง...

     

    “แม่ไม่เห็นโทรตามคชาเลย”คิ้วเรียวขมวดมุ่นขณะมองหน้าจอไอโฟนที่คิดว่าน่าจะมีสายที่ไม่ได้รับของแม่ตัวเอง แต่กลับไม่มีสักกะสาย...

     

    “อ๋อ...เต๋าบอกแม่คชาไปแล้วว่าจะค้างเมื่อคืน”

     

    ตัวเล็กหันควับ “ตอนไหน”

     

    “ตอนเอ่อ...ตอนที่คชาไปล้างตัวก่อนที่เราจะต่อรอบที่สามกันน่ะ เต๋าโทรหาแม่คชาให้แล้ว”

     

    ตัวเล็กหน้าแดงอย่างห้ามไม่อยู่พลางหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว

     

    คือถ้าจะพูดเรื่องแบบนั้นได้หน้าตาเฉยแบบนี้!!!!

     

    ตกลงใครกันแน่ที่หน้าเดียวเนี่ย!? 

     

    เรื่องแบบนี้คชาหน้าเดียวไม่ออกหรอกนะ!!!

     



    ความเงียบเข้าปกคลุมในรถเมื่อต่างคนต่างเหมือนกลับไปจมอยู่ในความคิดของตัวเอง...เพราะเนื่องจากเมื่อวานต่างก็ไม่ได้มีเวลาได้คิดไตร่ตรองอะไร...ทุกอย่างดำเนินไปตามอารมณ์ของทั้งสองคนล้วนๆ...พอได้มีเวลามาหยุดคิด...คนที่เงียบไปเลยคือคชาจนเต๋าเองสังเกตได้...

     

    เมื่อใกล้ถึงจุดหมาย...เต๋าตัดสินใจหักรถเข้้าจอดข้างทางก่อน...มือขาวเอื้อมไปจับแน่นกับมือเล็กของอีกคน...

     

    “คิดอะไรอยู่หรอ?”

     

    ตัวเล็กที่เหมือนเพิ่งได้สติหันหน้ามาสบตาก่อนจะหลุบตาลงพลางส่ายหัว...

     

    เต๋าเห็นดังนั้นก็ประคองมือทั้งสองข้างพลางเชยคางอีกคนขึ้น...


    “เต๋าขอโทษนะ...”

     

    “.....”

     

    “เต๋าไม่รู้หรอกว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน...เต๋ารู้แค่ว่าสิ่งที่เต๋าคิดว่ามันดีที่สุดสำหรับชากับเต๋าเอง...มันไม่ใช่เลย...”

     

    “.....”

     

    “เต๋าไม่อยากคิดมากอีกแล้ว และก็ไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนสองเดือนที่ผ่านมาด้วย...ในตอนนี้เต๋ารู้แค่ว่า..อะไรที่คิดว่าจะทำให้เราสองคนมีความสุข เต๋าจะทำ...”

     

    ปากหยักประทับจูบลงแนบแน่นที่หลังมือทั้งสองข้างของอีกคน..

     

    “คชามีความสุขไหม?”

     

    หัวกลมๆพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ...เรียกอีกคนให้ใจชื้นได้มากทีเดียว...

     

    “เต๋าจะไม่ทำให้ดีที่สุด...”

     

    “.....”

     

    “แต่เต๋าจะทำให้ชามากพอ...ให้เราสองคนมีความสุขนะครับ”

     

    มือใหญ่ประคองใบหน้าเล็กให้เข้าใกล้... 

     

    “เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ...นะครับชา”

     

    ตัวเล็กยิ้มตาหยี...ก่อนจะถูกรวบเข้าไปกอดแน่น...

     

    “อื้อ...”



    คชาไม่รู้หรอกว่าที่เขายอมให้ง่ายๆแบบนี้มันจะดีรึเปล่า... แต่ก็อย่างที่เต๋าว่า..

     

    เขาเองก็ไม่อยากกลับไปเป็นแบบสองเดือนที่ผ่านมาแล้วเหมือนกัน...


    ถ้าต้องกลับไปทรมานตัวเองแบบนั้น...เขายอมมีคนๆนี้เคียงข้างพร้อมที่จะเดินไปด้วยกันยังจะดีซะกว่า..

     

    อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด...

     

    อย่างน้อยในตอนนี้ แค่ได้ทำอะไรแล้วมีความสุข...

     

    ก็เพียงพอแล้วล่ะ...

     

     

     

     

    ไม่ว่าต่อจากนี้ จะเป็นเช่นไร ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ จะไกลขนาดไหน

    ไม่ว่ารักเราจะเก่าสักเท่าไหร่ จะแก่แค่ไหน รู้ไว้จะมีฉันเคียงข้างเธอ

     

    รู้ไว้ว่าทุก ๆ วัน จะมีความหมาย ความหมายที่เป็นเธอ ตลอดเวลา

    ทุกคำสำคัญที่พูดมา ดั่งคำสัญญา จากหัวใจ









     

    FIN



    Talk

    เอาจริงแอบเขียนยากอะ

    เป็นคนเขียนอะไรแบบนี้แล้วติดตอนจบบ่อยมากกกกก ๕๕๕๕

    ถนัดแนวคอมมาดี้มากกว่าจริงๆแฮะ ๕๕๕๕๕

     

    แบบดูเอมวีเพลงสัญญารักเสร็จ

    ไปดูหนังต่ออีกวัน

    กลับมา ไม่ได้ละ ฉันจะแต่งงงงงงง

     

    คนที่ไปดูหนังมาแล้วก็น่าจะพอเดาได้ว่าฉากไหนอะไรยังไงในฟิคนี้ กร้ากกก

    ก็หวังว่าจะชอบกันนะคะ

     

    ตอนนี้อันๆมะไหวแล้ว 

    ขอตัวไปสลบก่อน 

    พรุ่งนี้ทำงานอีก ฮึกกก

    นี่ครึ่งนึงแอบแต่งทีที่่ทำงานนะเนี่ย อีกครึ่งมาต่อที่บ้าน ๕๕๕๕

     

    ไปแล้วค่ะ

    รักคนอ่าน คนเม้นทุกคนนะคะ จ๊วบบบบ!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×