ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ FIC]..........Obajicon..........[YunJae][YuSoo]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter :: 3 :: “นายยังแอบชอบเด็กมันอยู่ใช่ไหม?”

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 54


    Fiction : Obajicon 3
    Pairing : YunhoXJaejoong, YuchunXJunsoo (คู่รองออกแล้น)
    Genre : Romantic Comedy
    Author: Deumbeui
    Author’s note: “นายยังแอบชอบเด็กมันอยู่ใช่ไหม?”
    Warning : PG-15, อ่านเรื่อง Shotacon ก่อนนะคะ ไม่งั้นงงแน่นอนค่ะ มันเป็นฟิกภาคต่อกันเน้อ




    “เห้อ!~”

    เสียงถอนหายใจอันไม่เบาเรียกความสนใจให้กับคนที่เพิ่งเดินเปิดประตูเดินเข้ามาละสายตาจากเอกสารในมือ..ตาเรียวมองผ่านแว่นที่ไว้ใส่เฉพาะเวลาทำงานก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาบุคคลที่เพิ่งถอนหายใจเสียงดังและนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ

    “เป็นอะไรแต่เช้า?”เอกสารถูกตีเบาๆลงบนกลุ่มผมสีดำ...แจจุงเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย...

    “จุนซูอ่า~”เขาทำเสียงอ้อนกับคนที่เป็นทั้งเจ้านายกลายๆและเพื่อนรักตั้งแต่สมัยมอปลายก่อนจะฟุบลงไปกับโต๊ะอีกรอบ...บริษัทที่เขาทำอยู่นั้นพี่ชายของพ่อจุนซูเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้..ดังนั้นพ่อของจุนซูจึงเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและส่วนจุนซูเองก็เป็นถึงหนึ่งในคณะผู้บริหาร.. ตอนจุนซูเป็นคนชวนเขามาทำงานด้วยกันที่นี่...เขาก็แอบเกร็งๆนิดนึง..จะว่าไปก็เหมือนเขาจะใช้เส้นนั่นแล่ะ... แต่เขาก็พิสูจน์ด้วยผลงานที่ผ่านมาซึ่งทำให้เขาได้รับตำแหน่งผู้ช่วยพีอาร์อย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่นาน...

    จุนซูส่ายหัวพลางยิ้มกับอากัปกิริยาของเพื่อน.. “เที่ยงนี้ค่อยโม้กัน...รีบๆทำงานให้เสร็จล่ะ!” มือกลมเคาะเอกสารลงที่หัวเพื่อนอีกหนึ่งทีก็จะเดินจากไป...

    แจจุงมองเพื่อนรักที่คงเดินเข้าไปคุยงานตาละห้อย...ปากแดงเป่าลมพัดผมหน้าของเขาให้ลอยขึ้น...ตาโตเหม่อมองไปด้านหน้าขณะปล่อยอารมณ์ล่องลอยไปกับความคิด...

    นี่ก็ประมาณอาทิตย์นึงแล้วสินะที่ยุนโฮย้ายมาเรียนที่นี่...เขาเจอยุนโฮครั้งล่าสุดก็โน่น...เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนั่นแล่ะ หลังจากที่พาเด็กมันย้ายเข้าคอนโด เขาก็ไม่ได้เจออีกเลย...ว่าจะพาแวะไปที่โรงเรียนก่อนจะได้รู้ว่าไปยังไง..จากที่อยู่ที่พ่อแม่เด็กมันให้มา...โรงเรียนอยู่ไม่ได้ไกลจากคอนโดเลยด้วย แต่ก็ลืมก็เพราะ...ก็เพราะ...โอ้ย!!~~ หัวใจเขาแทบจะวายอยู่รอมร่อ สติแทบไม่เหลืออยู่กับตัว...กลับมาถึงบ้านได้นี่ก็บุญแค่ไหนละ..แต่พอวันรุ่งขึ้นเด็กมันเปิดเรียนวันแรกก็โทรมาเล่าโน่นเล่านี้ให้ฟัง แถมเห็นบอกว่าโชคดีได้เจอเพื่อนที่ก็เคยเรียนอยู่อเมริกาสองคนด้วย...ก็เลยคิดว่าไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วง...

    แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยเหอะ...

    ไอ้ที่ว่าจะให้ไปทำอาหารให้กินบ้างล่ะ..สอนทำอาหารบ้างล่ะ...ก็ไม่เห็นจะติดต่อโทรมา...แล้วจะให้เขาจู่ๆเป็นคนโทรไปถามว่า ‘วันนี้จะให้ไปทำอาหารให้กินไหม’ น่ะหรอ??? ไม่ดีมั้งงงงง....


    ตาโตหรี่ลงพร้อมๆกับที่ปากเริ่มแบะออก...เห๊อะ! สงสัยจะเจอเพื่อนรุ่นเดียวกันก็เลยทิ้งคนแก่อย่างเราอีกแล้วสินะ!! ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยสี่ปีที่แล้วจนได้!!

    โอ้ย~!! แล้วนี่เราเป็นไรมากป้ะเนี่ยยยยยยย!!??~~ พออยู่ใกล้ ก็ตื่นเต้นจนจะระเบิดตัวเอง พอไม่ได้เจอกันก็...ก็....

    เห้ย!!!!~~ เปล่านะ...!!~~ เขาไม่ได้...

    ไม่ได้...


    ไม่ได้..คิดถึง..เด็กมันซะหน่อย !!~

    เปล่าจริงๆนะ... T^T

    .
    .



    “นี่จะกินไหม ข้าวน่ะ เขี่ยอยู่ได้...”จุนซูที่มองเพื่อนรักตัวเองกำลังเขี่ยข้าวเล่นในจานอย่างเหม่อลอยก็อดจะถามไม่ได้...มันเป็นอะไรของมันเนี่ย??..ปกติเจริญอาหารอย่างกับอะไรดีเถอะ.. “เป็นอะไรรึเปล่า? ฉันเห็นนายดูเหม่อๆนะ อาทิตย์ที่ผ่านมาเนี่ย”

    แจจุงเหลือบมองหน้าจุนซูทีนึงก่อนถอนหายใจ... “นายจำเด็กที่ฉันเคยเล่าให้ฟังได้ไหม?”

    จุนซูที่กำลังกระดกแก้วน้ำดื่มหยุดค้างกลางคันพลางใช้ความคิด... “เด็ก?...เด็กอะไร?”

    “ก็เด็กที่ฉันไปเจอตอนกลับไปเยี่ยมโฮสไงล่ะ”

    “อ๋อ....ไอ้เด็กหล่อที่นายตกหลุมรักอะนะ”

    “เห้ย!!~ ตกหลุมรงหลุมรักอะไรเล่า!!~~เปล่าซะหน่อย...”

    “ช่วยเลิกเถียงเถอะ..นายพูดงี้ตั้งแต่สี่ปีที่แล้วนะ ขนาดตอนนี้แค่พูดถึง..นายก็ยังหน้าแดงอยู่เล้ย...นี่ท่าจะเป็นเอามากนะเนี่ย”

    แจจุงรีบวางช้อนส้อมจับเข้าที่แก้มสองข้างของตัวเองทันที...เออ...มันร้อนจริงๆด้วยว่ะ =^=

    “และไงอะ? จะบอกว่าจู่ๆก็เกิดคิดถึงขึ้นมาช่วงนี้เลยไม่เป็นอันกินอันนอนอะนะ?”จุนซูว่าต่อ..

    “หนักกว่านั้นอีก..”

    จุนซูทำตาโตเป็นเชิงถาม...

    ร่างขาวบางถอนหายใจอีกสักรอบพลางก้มหน้าเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ในโรงอาหารของบริษัท... “ยุนโฮย้ายมาเรียนต่อที่นี่...ฉันเพิ่งไปรับเขาอาทิตย์ที่แล้วเอง”

    “อ๋อ...”จุนซูกระดกแก้วขึ้นสูงเพื่อเทน้ำแข็งเข้าปากก่อนจะเคี้ยวกรุบๆสักพักแล้วก็หยุดค้าง.. “หา!!!!  นี่เด็กมันตามนายมาถึงที่นี่เลยหรอ!!!!?????”ก้นแก้วกระแทกลงกับโต๊ะเสียงดัง..จุนซูตะโกนทั้งๆที่น้ำแข็งเต็มปากทำเอาน้ำกระเด็นใส่หน้าใส่ตาแจจุงจนร่างบางต้องหลับตา...

    “ตามบ้าตามบออะไรเล่า!!??? เห็นพ่อแม่ยุนโฮบอกว่าใช้โควต้าที่เล่นเบสบอลทรานซเฟอร์มาเรียนที่นี่แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมเบสบอลของโรงเรียนไปด้วยเลยน่ะ”

    “แจจุง เท่าที่ฉันจำได้ ถึงแม้จะเลือนลางมากก็เถอะนะ...แต่เท่าที่นายเล่ามา เด็กมันจะกินนายชัดๆ!! เล่นออกตัวแรงขนาดนี้น่ะ!! นี่..อย่าบอกนะว่า ไอ้ที่กลุ้มๆเนี่ย...ก็เพราะว่าเด็กมันรังแกนายอีกแล้ว????”

    จะบอกได้ไหมว่า...ไอ้ที่กลุ้มเนี่ย กลุ้มเพราะไม่ได้โดนรังแกซะมากกว่า...  ><


    “ก็..ก็...โอ้ย!~ ฉันไม่รู้ว่ะ!~”

    จุนซูจ้องมองเพื่อนรักที่ทำสีหน้ายุ่งยากเหมือนไขปัญหาที่แก้ไม่ตกไม่ออก...มือกลมเอาหลอดเขี่ยวนไปมาในแก้วน้ำอย่างครุ่นคิด.. “นายยังแอบชอบเด็กมันอยู่ใช่ไหม?”

    แจจุงถึงขั้นไปไม่เป็นเลยทีเดียว...เขาอึกอักจะพูดแล้วก็ไม่พูดอยู่หลายรอบ... รู้สึกสีหน้าร้อนหนักกว่าเดิมได้โดยทั้งๆที่ไม่ต้องยกมือสัมผัส...


    “ว่าไง?”

    “มะ..ไม่รู้ ฉันไม่รู้”

    “ไม่รู้หรือไม่อยากยอมรับกันแน่?”

    “จุนซู...ยุนโฮเด็กกว่าฉันแปดปีนะ!! แปดปี!!! คิดดูตอนนี้เด็กมันเพิ่งจะแตกหนุ่ม...แต่ฉันปาไปจะครึ่งชีวิตแล้วนะ อีกห้าปีจะเลขสามอยู่รอมร่อ...มัน..เป็นไปไม่ได้หรอก...”

    ใบหน้ากลมส่ายหัวให้ความรั้นของเพื่อน.. “เอ้า ตามใจ อยากหาข้ออ้างอะไรก็หาไป...ฉันต้องไปแล้ว ตอนบ่ายมีประชุม...ไว้เจอกัน”


    จุนซูลุกไปได้สักพักแล้ว แต่เขาก็ยังเขี่ยข้าวในจานไม่เลิก...ในใจพลางคิดไม่ตกไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตตัวเองดี...

    คือถ้าเขายอมรับความรู้สึกตัวเองแล้วไงอะ? เด็กมันคิดยังไง เขาเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดเลย... เขาเองก็อายุขนาดนี้แล้ว...ถ้าเด็กมันจะเล่นๆ เขาเองก็ไม่อยากจะเสียเวลาหรอกนะ...

    กำลังคิดจะลุกจากโต๊ะเพราะใกล้เวลาเข้างานช่วงบ่ายแล้ว.. จู่ๆโทรศัพท์ก็ส่งเสียงร้องจากกระเป๋ากางเกงของเขา...

    เบอร์ไม่คุ้นแฮะ...

    มือขาวบางสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย.. “ฮัลโหล?”

    “คุณคิม แจจุงใช่ไหมคะ?”

    “เอ่อ ครับ...”

    “ดิฉันคิม นายุนเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้องของชอง ยุนโฮนะคะ”

    “หะ...หา??...อาจารย์ที่ปรึกษา?”

    “ค่ะ...จะแจ้งให้ทราบว่าพรุ่งนี้มีประชุมผู้ปกครองตอนเช้าแปดโมงครึ่งนะคะ..ไม่ทราบว่าสะดวกหรือเปล่าคะ?”

    “คะ...ครับ...”

    “ค่ะ งั้นพอมาถึงโรงเรียนแล้วให้ขึ้นมาที่ตึกสอง ห้อง 2-B นะคะ ขอบคุณคุณคิม แจจุงมากค่ะ”


    ร่างบางยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความมึนงง...สายถูกตัดไปแล้วแต่แจจุงก็ยังจ้องหน้าจอโทรศัพท์ราวกับว่ามันจะมีคำอธิบายอะไรขึ้นมาแบบนั้น... และก็เหมือนพลังจิตของเขาส่งไปถึงอีกคนเมื่อสายที่เรียกเข้าสายต่อมาเป็นสายที่เขารอมาเกือบทั้งอาทิตย์...

    “ยุนโฮ!”

    “อ้าว พี่แจจุง..รับเร็วจัง”

    “ไม่ต้องมาอ้งมาอ้าว...ประชุมผู้ปกครองพรุ่งนี้มันคืออะไร???”

    “...พี่รู้แล้วหรอ??”

    “ก็อาจารย์ที่ปรึกษาเราโทรมาหาพี่เมื่อกี๊นี้เอง...”

    “งั้นหรอครับ...”

    “ไม่ต้องมางั้นหรอเลยนะ...อธิบายมาซะดีๆ”

    “ก็อาจารย์เขาถามผมว่ามีใครที่ติดต่อได้ในเกาหลีไหม...ผมก็เลยบอกชื่อพี่ไป..”

    แจจุงกุมขมับ...ไม่ต้องนั่งเครียดอะไรให้เสียเวลาแล้วล่ะมั้ง.. ก็มันชัดเจนอยู่แล้วนิ...ว่าเด็กมันไม่ได้คิดอะไรนอกจากเห็นเขาเป็นผู้ปกครองที่ต้องดูแลคนหนึ่งเท่านั้นเองเนี่ย!!~

    “ถ้าพี่แจจุงไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ...เดี๋ยวผมบอกอาจารย์เอง”

    “เห้ย...ไม่ใช่ๆ...คือพี่แค่เห็นว่ามันกระทันหันเท่านั้นเอง...แล้วเราก็ไม่ได้โทรมาบอกอะไรพี่ก่อน...พี่ก็เลย...”

    “ผมคิดว่าเขาแค่จะเอาชื่อพี่ไปเฉยๆ..ไม่ได้คิดว่าเขาจะให้มาวันประชุมด้วย..จนเพิ่งมารู้วันนี้จากเพื่อนว่าอาจารย์ปกติจะโทรเรียนเชิญผู้ปกครองของเด็กทุกคนด้วยตัวเองอยู่แล้ว...ผมก็เลยรอพักกลางวันก็รีบโทรหาพี่นี่ไง..”

    “เอาเถอะๆ...พี่ก็เพิ่งรับปากอาจารย์ไป... ยังไงไว้พรุ่งนี้พี่โทรหาละกันนะ”

    “งั้นพรุ่งนี้พี่มารับผมที่คอนโดไปด้วยกันได้ไหม?...”

    “เอาอย่างนั้นหรอ?..โอเคๆก็ได้...ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”


    แจจุงทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้อีกรอบ...มือบางจับไปที่หัวใจที่ตอนนี้เต้นแรงเพียงเพราะว่าได้คุยกับไอ้เด็กนั่น..

    ตอนนี้เขาไม่รู้จะดีใจ เสียใจ หรือยังไงดี... มันเหมือนมีทั้งสองอย่างแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าอย่างไหนมันมากกว่ากัน... ดีใจที่ได้คุย ได้เป็นคนแรกที่เด็กมันนึกถึง... แต่แล้วก็อีกล่ะ...เด็กมันนึกถึงเขาในฐานะอะไรกันแน่...ผู้ปกครอง คนดูแล คนที่พึ่งพาได้...แค่นั้นรึเปล่านะ??

    แถมจุนซูยังมาพูดจาอะไรให้เขาคิดมากอีก...


    โอ้ย!!!!!!!!!!!!!!!~~ นี่มันอะไรนักหนาเนี่ย!!!!!~~~~



    ............
    .........................


    วันรุ่งขึ้นแจจุงต้องตื่นเช้ากว่าปกติ...ทุกวันกว่าจะเข้าบริษัทก็เก้าโมงสิบโมง...แต่วันนี้ต้องถ่างตาไปรับเด็กมันไปโรงเรียนแถมต้องเป็นผู้ปกครองให้มันอีก...เขาบอกผู้จัดการฝ่ายพีอาร์ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าวันนี้จะเข้างานสาย...

    ร่างบางแต่งตัวเสร็จก็รีบบึ่งรถออกจากบ้านไปยังคอนโดหรูย่านใจกลางเมืองเพื่อไปรับยุนโฮ...เขานัดกับเด็กมันที่หน้าตึกเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจอดรถ...พอหักเลี้ยวโค้งสุดท้าย..ยังไม่ทันต้องสอดสายตามองหาให้เมื่อย...เด็กผู้ชายในชุดเครื่องแบบนักเรียนม.ปลายโรงเรียนเอกชนชื่อดังก็ยื่นเด่นหราเป็นสง่าท่ามกลางผู้คนบนทางเท้าที่เดินขวักไขว่ไปมา...

    พอรถจอดเข้าขางทาง..ยุนโฮก็เปิดประตูขึ้นนั่งด้านข้างคนขับรถทันที...

    แจจุงแอบใช้เวลาอันน้อยนิดสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนแม้ไม่ได้เจอกันเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ก่อนจะละสายตาไปยังถนนใหม่...

    “ย้อมสีผมหรอ?”เสียงหวานถามขณะกำลังจะรอจังหวะหักรถออกสู่ถนนใหญ่...

    “อ๋อ...ครับ พอดีเพื่อนที่เคยไปเรียนที่อเมริกาสองคนที่ผมเล่าให้พี่แจจุงฟังพาผมไปทำมาน่ะ”ยุนโฮว่าพลางจับๆลูบๆผมที่ถูกเซ็ทลวกๆไว้เพียงแค่ให้มันเข้าทรง...

    มาเรียนได้อาทิตย์เดียว...ก็ดูท่าจะเปลี่ยนจากอาชีพนักเรียนเป็นนายแบบเต็มตัวแล้วล่ะมั้ง!~


    “แล้วนี่ตกลงเราไปโรงเรียนยังไงล่ะ?”

    “แล้วแต่นะ..บางวันก็เดิน บางวันก็รถเมลล์..”

    “แล้วเราชินหรอ? ปกติอยู่อเมริกา ส่วนใหญ่คนเขาก็ขับรถตลอดนี่...”ยิ่งเมืองที่เด็กกับโฮสเขาอยู่นี่แบบ...ไม่มีรถเมลล์ หรือรถโดยสารอะไรเลยด้วย...ไปไหนมาไหน ผู้คนก็ใช้รถส่วนตัวกันตลอด..

    “ก็แรกๆผมก็เหนื่อยนะ..แต่ว่ามันก็สนุกดี ที่นี่มีของกับร้านข้างทางเยอะ ไม่เหมือนกับที่อเมริกา...ก็เลยเดินแล้วก็เพลินน่ะ”

    จริงอย่างที่เด็กมันว่า..ที่อเมริกาชอบสร้างอะไรแบนๆกว้างๆ...แค่เดินออกจากที่จอดรถไปยังตัวตึกก็ไกลจะแย่..ไม่ต้องคิดถึงตอนเดินจากถนนใหญ่เข้าตัวตึกเล้ย...ไม่มีรถนี่หอบแตกแน่นอน....แถมอย่าหวังจะเห็นพวกขายของข้างทางหรือริมถนนเหมือนเอเชีย...เมืองเล็กเมืองใหญ่ ไม่มีทั้งนั้นแล่ะ..ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านอาหารเป็นร้านๆไปเลยทั้งนั้น...

    “เก่งนะ นั่งรถเมลล์เป็นด้วย...ทั้งๆที่มาแค่อาทิตย์เดียวเอง”

    “ยามที่คอนโดนสอนผมน่ะพี่แจจุง”

    ร่างบางได้ยินก็หลุดขำ..ใบหน้าขาวผินไปมองคนพูดที่ก็ขำเองเช่นกัน... “ขอโทษนะ วันนั้นพี่ก็คิดไว้ว่าจะพาเราแวะไปโรงเรียน จะได้ไปเองเป็น แต่ก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย เอาเป็นว่าไว้วันหลังจะมาสอนนั่งรถเมลล์พาเที่ยวที่อื่นนะ พี่น่ะเซียนรถเมลล์เลยล่ะตอนเรียนมอปลาย...”

    “ตกลงครับ...”เด็กหนุ่มว่าพลางยิ้มกว้าง....


    หลังจากขับมาได้สักพักแจจุงก็เห็นป้ายชื่อโรงเรียนอยู่ทางด้านขวามือ...แจจุงหักรถเลี้ยวเข้าไป..ขับตรงไปที่บริเวณที่จอดรถก่อนจะดับเครื่องยนต์...

    แจจุงดึงกุญแจรถออกพลางนึกขึ้นได้ว่าเขาเอากระเป๋าตังค์ตัวเองไว้เบาะหลังรถกับเอกสารอื่นๆเพราะเมื่อเช้ารีบออกมา...คว้าอะไรได้ก็จับโยนลงเบาะหลังไปก่อน...คนตัวบางเอี้ยวตัวไปด้านหลังรื้อๆกองกระดาษที่วางทับไว้ด้านบน...

    “พี่แจจุงหาอะไรหรอ?”ยุนโฮที่นั่งอยู่ข้างๆยังไม่ได้ลุกไปไหนถามขึ้นพลางส่งสายตาเรียวไปยังเบาะหลังด้วย...

    “กระเป๋าตังค์น่ะ...เอ๊...ก็วางไว้ด้วยกันแถวนี้นี่น่า”

    “อยู่นั่นไงครับ”ยุนโฮว่าเสร็จก็ยืดตัวไปหยิบกระเป๋าตังค์ที่อยู่ใกล้ๆมุมของเบาะนั่งกับประตูฝั่งข้างหลังแจจุง...ร่างบางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวกำลังจะหันไปตามทางที่เด็กหนุ่มบอก...แต่เพราะจังหวะที่หันมันพร้อมๆกันกับจังหวะที่ยุนโฮยืนตัวไปพอดี...แก้มขาวจึงเฉียดริมฝีปากของอีกคน..เฉียดรอบเดียวไม่พอ ตอนยุนโฮดึงตัวกลับมาที่เบาะก็ปาดโดนมันอีกสักรอบด้วย...

    “อ่ะ นี่ครับ”ยุนโฮยื่นกระเป๋าตังค์ให้แถมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...แจจุงลอบมองหน้ายุนโฮที่ไม่แสดงความผิดปกติใดๆก่อนจะยื่นมือไปรับกระเป๋าตังค์มาและรีบเปิดประตูออกจากรถ...

    “ปะ..ไปเร็ว..จะถึงเวลาแล้ว..”แจจุงแสร้งทำเป็นล๊อกประตูแล้วรีบเดินนำหน้าออกมาก่อนทันที...


    นี่เด็กมันไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่เนี่ย??!!!...

    แต่เฉียดซะขนาดนั้นนะ!!!


    หรือจริงๆเราเองต่างหากที่คิดบ้า คิดมากไปเองวะ????!!!!

    โอ้ย!!!!!!!!~~ แต่เช้า แต่เช้าเลยนะ!!!!~~ จะทำให้สติจะมันแตกแต่เช้าเลยใช่ไหมเนี่ย?????



    “งั้นเดี๋ยวผมไปหาเพื่อนนะ..พี่เสร็จแล้วโทรมาละกันนะครับ”ยุนโฮพูดถึงเมื่อมาส่งแจจุงหน้าตึกก่อนจะขอแยกตัวไปอีกทาง...

    แจจุงหมุนตัวเพื่อเดินขึ้นตึก..มือบางคว้ามือถือออกมาดูเวลา...เขามาถึงเร็วกว่าเวลานิดหน่อยเพื่อยุนโฮจะได้ไม่เข้าเรียนสาย...ตอนนี้ก็ประมาณแปดโมงสิบนาที...เขาเลื่อนนิ้วกดไปที่เมนู Favorite และกดเบอร์ที่คุ้นเคยก่อนโทรออก...

    ป่านนี้น่าจะตื่นแล้วมั้ง..


    “ฮัลโหล จุนซู..วันนี้ฉันเข้าสายหน่อยนะ พอดีตอนนี้ฉันออกมาทำธุระข้างนอกน่ะ ไม่รู้ว่าทันกลับไปกินข้าวกับนายรึเปล่า...”

    “วันนี้ฉันอาจจะไม่ได้เข้าบริษัทว่ะ”

    “อ่าวทำไมอ้ะ?...”

    จุนซูถอนหายใจเสียงดัง...“ฉันขับรถชนน่ะ”

    “หา????? ตอนนี้นายอยู่ไหน?? แล้วนี่นายเป็นไรมากรึเปล่าเนี่ย??”

    “ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก..แต่เอ่อ..คนที่ฉันชน ล้มจากมอเตอร์ไซด์น่ะ..ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล..”

    “แล้วยังไง?? เขาเป็นไรมากรึเปล่า?”

    “ยังไม่รู้เลย..เนี่ยเพิ่งมาถึงเอง..แต่คงไม่ซีเรียสอะไรมาก...แค่ล้มลงไปเฉยๆ ไม่ได้ต้องเข้าห้องไอซียูน่ะ..”

    “เห้อ...ค่อยยังชั่ว...แล้วขับอีท่าไหนไปชนคนเขาได้เนี่ย...”

    “ก็รีบนี่หว่า..ตื่นสายและนึกได้ว่ามีประชุมเช้า...ฉันเลยเหยียบตอนไฟเหลืองน่ะ..ฉันพ้นแล้วนะ..แต่เด็กมันขับออกมาจากซอยหลังไฟแดงพอดี ฉันก็เลยเบรคไม่ทันน่ะสิ...”

    “เด็ก..นายขับชนเด็กหรอ?..”

    “เออสิ...เด็กมอปลายแล่ะมั้ง...เห็นใส่เครื่องแบบน่ะ..ซวยแต่เช้าเลยเหอะ ให้ตาย...เอาเป็นว่าไว้ได้เรื่องยังไง เดี๋ยวฉันโทรบอกอีกทีละกันนะ”จุนซูวางสายจากเพื่อนรักไปเสร็จก็ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้หน้าห้องที่หมอเพิ่งเข็นคนที่เขาชนเข้าไป...

    ในมือของจุนซูมีกระเป๋าตังค์ของผู้เสียหายที่ทำหล่นไว้ตอนล้มจากมอเตอร์ไซด์...จุนซูชั่งใจนิดหนึ่งก่อนถือวิสาสะเปิดออกดู...

    มือเล็กกลมดึงเอาบัตรนักเรียนที่เสียบไว้อยู่ช่องบนสุดออกมา...แค่เหลือบเห็นชื่อโรงเรียนจุนซูก็เริ่มใจไม่ดีแล้ว...

    เป็นไฮสคลูชื่อดังซะด้วยสิ...เป็นลูกคนรวยแหงๆ..ครอบครัวเด็กมันจะเอาเขาตายไหมเนี่ย!? T_T

    จุนซูดึงมันออกมาอีกนิดก็เห็นชื่อของเจ้าของบัตรหราพร้อมๆกับรูปนักเรียนด้านข้าง..


    “Student ID : ปาร์ค ยูชอน”






    2BC


    Talk

    มาต่อด้วยความเร็วแสง...๕๕๕ เนื่องจากกลัวว่าจะลืม จริงๆคิดได้แล้วจดเอาไว้ในกระดาษตอนเรียนหนังสือ แต่พอกลับบ้านมา มันหายไปพร้อมกับชีทที่อาจารย์แจกแล้วอันๆต้องเอามาดูเป็นไกด์ไลน์พรีเซ้นเท่ชั่นวันจันทร์นี้ T____T

    ไอ้ชีทอาจารย์นี่ไม่เครียดเลยเหอะ เพราะขอยืมเพื่อนได้ แต่ไอ้ใบเขียนฟิกนี่สิ.. ดีนะไม่ได้เขียนอะไรเยอะ พอรู้ว่ามันหาย ก็รีบพิมพ์ลงคอมเท่าที่จำได้...แม้มันไม่ครบก็ตามทีเถอะ = =” ตอนนี้เปลี่ยนเป็นว่าจดใส่ไอโฟนมันละเนี่ย หวังเพิ่งดิจิตอลลูกเดียวละ ๕๕๕  มีคนบอกว่า ถ้างั้นมือถือห้ามหายเลยนะ อันนี้มันหายไม่ได้อยู่ละล่ะ หายที เครียดหนัก มันเป็นทุกอย่างจริงๆเถอะ... ทั้งนาฬิกาปลุกตอนเช้า ไม่มีนี่ไม่ต้องตื่นไปเรียน เป็นเมมโม่ทุกอย่างด้วย เหอๆ

    เวิ่นอีกละ เอาเป็นว่าตอนนี้คลอดพระรองนางรองมาละนะคะ... คาดว่าคนอ่านคงเดาเรื่องออกบ้างละล่ะ ว่าใครเป็นใคร ๕๕๕๕ ที่แน่ทั้งๆเรื่องนี้กินเด็กมันกันหมด กร้ากกกกกก
    ตอนนี้เด็กมันไม่ค่อยได้ทำอะไรคนแก่ อดใจไว้หน่อยเนอะ ให้ทุกตอนมันรุกตลอด เด๋วคนแต่งหมดมุข (ไม่ใช่ละ ๕๕๕) หมายถึงให้ได้ดำเนินเนื้อเรื่องบ้างเนอะ ฮี่~

    ไปล่ะค่ะ ตอนหน้ามาเมื่อไรไม่รู้ แต่จะพยายามให้เร็วๆนะคะ แต่ตอนนี้ต้องจรลีไปอ่านที่ต้องทำพรีเซ้นจันทร์นี้แล้วววว >< ได้ข่าวว่ายังมีอย่างอื่นอีกด้วยเถอะ อ่านเยอะมากอ้ะ จะร้องไห้ ไม่รู้เลือกเรียนด้านนี้ทำไม ให้ตายเถอะ เขียนก็ไม่ได้เรื่องได้ข่าว เห้อ~~


    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังใจนะคะ
    เจอกันตอนหน้าค่ะ!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×