ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11
Fiction : Born to Be# 11
Pairing : YunhoXJaejoong, YuchunXJunsoo, KibumXDonghae
Author: Deumbeui
Author’s note: "ผะ...ผะ....ผี!!!!!"
Warning : PG-8 เด็กลงเรื่อยๆ =_="
Pairing : YunhoXJaejoong, YuchunXJunsoo, KibumXDonghae
Author: Deumbeui
Author’s note: "ผะ...ผะ....ผี!!!!!"
Warning : PG-8 เด็กลงเรื่อยๆ =_="
ยาดม...
ใครก็ได้เอายาดมให้ที....เอามาแม่งสักลังเลยยิ่งดี...
การทำตามความฝันเพื่อให้สมหวังในรักอย่างที่ตัวเองวาดหวังไว้สำหรับเขาสองคนนี่...
มันถึงได้ยากเย็นและอุปสรรคมากมายขนาดนี้เนี่ย!!!!~~~
แจ จุงแทบจะจิกทึ้งหัวตัวเองลงไปดิ้นพรากๆกับพื้น ไม่ต่างกันกับเซียที่ก็อยากจะทิ้งตัวนอนฟาดครีบลงกับพื้นดิ้นไปดิ้นมาสัก ล้านครั้ง...โชคชะตาชีวิตของเขาทั้งสองช่างน่าสมเพชและน่าละเหี่ยใจเสีย จริง...
"ไม่ม่อก็ไม่ใช่มันแล้วว่ะ..ยูชอน"เสียงนุ่มทุ้มลึกของ ยุนโฮเรียกสติให้แจจุงและเซียกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงหลังจากถอดจิตไป โอดครวญอยู่กับพระพรหมได้ไม่นาน...
"ม่อที่ไหนเล่า...ก็แค่..."เว้นระยะนิดนึงพลางหรี่ตามองสองสาวที่จิตเพิ่งสถิตเข้าร่างก่อนเอ่ยต่อ...
"ก็แค่รู้จักกันต่างหาก "
ปัญหาแรกพวกกูยังไม่เคลียร์ มึงนี่วางขี้ใส่ข้างแก้มให้พวกกูอีกข้างหน้าตาเฉยเลยนะ ไอ้หมอบ้า!!!!
นั่นไงล่ะ...หันมาจ้องพร้อมกันทีเดียวสองคน..และจะให้ตอบว่าไรดีล่ะ ท่านพระพร้หมมมมมมม...ช่วยลูกช้างด้วยทีเทิ้ดดดดดด...
สายตาเฉิดฉายยามแย้มอรุณของยุนโฮทอดผ่านอากาศสดชื่นตอนเช้าอย่างฉงนสงสัย...
สอง สาวมองหน้ากันอย่างเลิกลั่ก...ต่างคนต่างเงียบไม่พูดอะไร กลัวว่าถ้าโพล่งอะไรออกไปไม่เหมือนกันจะยิ่งสร้างปัญหามากกว่า...แจจุงกับ เซียจึงได้แต่มองหน้าสลับกันไปมา..มีบางครั้งที่เหลือบมองไอ้หมอเจ้าเล่ห์ ที่ยืนยิ้มเยาะอย่างสบายใจ..
"เอ่อ...คือ...คือว่า.... "แจจุงตัดสินใจเป็นหน่วยกล้าตายเปล่งเสียอะไรออกมาสักนิดก่อนทั้งๆที่เจ้า ตัวก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน...
คิบอมยืนอมยิ้มอย่างมีความ สุขที่ได้แกล้งหญิงสาวทั้งสอง...ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอกอย่างสบายอก สบายใจ...คอยดูว่าแจจุงจะว่ายังไงบ้าง...พลางสลับหันไปมองเซียที่มีสภาพไม่ ต่างกันออกไปมากนัก...ไม่นานเมื่อคิบอมพออกพอใจสักพักแล้วจึงเป็นคนเอ่ยปาก พูดขึ้นแทนก่อนที่ยุนโฮและมิกกี้จะสงสัยไปมากกว่านี้...
"ก็ฉันมา เป็นหมอตรวจเช็คร่างกายไง...ก็เลยได้เจอกับแจจุงตอนนั้นน่ะ...อะไรกันแค่นี้ ก็จำกันไม่ได้แล้วหรอ??"คิบอมพูดทีเล่นทีจริงเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์ กระอักกระอ่วนเมื่อครู่ได้อย่างแนบเนียน...
"อะ..เอ้อ..ใช่ฮะ! ตอนนั้นเองแล่ะ...ผมนี่แย่จริงๆเลย นึกไม่ออกได้ยังไง ทั้งๆที่หมอคิบอมเองนี่แล่ะที่เป็นคนพบว่าผมเป็นโรคแพ้นวม...จะว่าไปผมต้อง ขอบคุณหมอมากเลยนะฮะ...ถ้าไม่รู้ก่อนนี่ ตอนขึ้นแข่งคงแย่แน่... "แจจุงรับช่วงต่ออย่างรวดเร็ว...ไอ้เรื่องไหลลื่นน่ะขอให้บอก...ถ้ามีคน เริ่มมาให้ ไอ้ให้แถต่อน่ะ กล้วยๆ...แต่จริงๆเรื่องตอแหลน่ะ เขาก็ไม่เป็นสองรองใครหรอกนะ...แต่เมื่อกี๊มันแค่ยังไม่ได้ทันตั้งตัว เท่านั้นเองนะเหอะ!
"เออใช่..นั่นสิ จะว่าไปแล้ว แจจุง..นายบอกว่ามีเรื่องอยากจะขอคำปรึกษาหมอเรื่องนี้อยู่พอดีเลยไม่ใช่ หรอ? ดีเลยนะที่หมอคิบอมไปน้ำพุร้อนด้วยกันครั้งนี้ด้วย...ยังไงรบกวนหมอไปนั่ง กับเราด้วยนะฮะ...จะได้คุยกันระหว่างนั่งรถไปด้วยเลย..ไม่เสียเวลาดี...นะ ฮะ.. "เซียรับช่วงต่อทันทีอย่างกับนัดกันมา...ไม่เสียชื่อคู่หูปลาไหลไถลลื่นได้ ไกลกับแจจุงเลยสักนิด...แถมไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น...หลังจากจบประโยคเจ้า ตัวก็รีบคว้าหมับเข้าที่แขนของคิบอมก่อนจะรีบจ้ำออกเดินทันที....
"ไว้ เจอกันที่น้ำพุร้อนนะฮะ ยูชอน "ไม่ลืมที่จะหันมาโบกมือลาสองหนุ่มที่กำลังนิ่งอึ้งกับเหตุการณ์ที่เพิ่ง เกิดขึ้นรวดเร็วปานลมหายใจเดียว...สองหนุ่มยกมือโบกลาเก้ๆกังๆกับคนน่ารัก สองคนก่อนจะหันมาสบสายตากันอย่างงุนงง...
"มานี่เลย!!!! "เซียที่พุ่งตรงขึ้นรถบัสอย่างรวดเร็วกระชากคนด้านหลังให้เร่งเดินตามอย่าง ไม่ปรานีปราศรัย...เจ้าตัวรีบจ้ำเอาหาตรงที่นั่งที่พอให้นั่งได้แค่สามคน เท่านั้นเพื่อให้ม่ันใจว่าถ้ายุนโฮกับมิกกี้เกิดเดินขึ้นมานั่งรถคัน เดียวกัน จะต้องไม่มีที่นั่งพอสำหรับสองคนนั้นในระแวกใกล้ๆที่เขา แจจุงและไอ้หมอนี่นั่งกันอยู่...
"เข้าไปเลย! "เซียหยุดลงตรงมุมหนึ่งค่อนไปทางท้ายของรถบัสที่เหลือเพียงแค่สี่ที่นั่ง พอดี...หญิงสาวหน้ากลมไล่ชายหนุ่มที่มีดีกรีเป็นถึงหมอศัลย์มือต้นๆของ ประเทศให้เข้าไปนั่งริมสุดติดหน้าต่างก่อนที่แจจุงจะเสียบนั่งข้างๆ ทันที...ส่วนเซียทิ้งตัวที่เบาะหลังและวางกระเป๋าเอาไว้ที่นั่งข้างๆของ ตน....
"เรามีเรื่องต้องคุยกัน "แจจุงหันหน้าเข้าหาพลางกระซิบกระซาบเสียงเบา...ถึงแม้คนบนรถไม่มีทางที่จะ ได้ยินอะไรมากมายก็ตามเพราะเสียงจอแจของคนบนรถอึกทึกมากอยู่ทีเดียว...
"คนที่พวกเธอชอบคือยุนโฮกับยูชอนสินะ "
"เห้ย!!! เบาๆดิวะ!!!"แจจุงรีบเอามือปิดปากคิบอมทันที...พลางมองว่ามีใครฟังอยู่หรือ ไม่...สายตาจึงเหลือบไปเห็นยุนโฮกับมิกกี้กำลังขึ้นรถพอดี...เจ้าตัวรีบลด มือตัวเองลงทันทีก่อนจะเอ็ดใส่...
"นายห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดเข้าใจมั้ย!!?? โดยเฉพาะสองคนนั่น... "
"ใช่ แล้วอีกอย่าง...อย่ามาใช้สรรพนาม ทง เธออะไรแถวนี้ด้วย...เดี๋ยวความก็ได้แตกกันพอดี "เซียที่นั่งอยู่ด้านหลังชะโงกหัวกลมๆเข้ากลางวงทำเสียงเข้มสมทบ...
"โอ้ ย...พวกเธอ..นี่...ฉันหมายถึงพวกนายน่ะ...คิดว่าไอ้สองตัวนั่นมันไม่รู้รึไง กัน...ว่าพวกทะ..พวกนายชอบมันกันน่ะ "คิบอมที่ตอนแรกหลุดเรียกสรรพนามผิดรีบเปลี่ยนคำใหม่ทันทีเพราะสายตาจิกกัด อย่างเอาเรื่องของสองสาวว่าพลางพยักเพยิดหน้าหล่อๆไปทางยุนโฮกับมิกกี้ที่ นั่งลงแถวด้านๆหน้าเพราะที่ด้านหลังถูกจับจองจนครบหมดแล้ว...
แจจุ งกับเซียหันตามพลางเห็นสองหนุ่มเหลือบมองมายังทั้งสองด้วย...แต่สองสาวแกล้ง ทำเป็นมองไม่เห็นพลางเน้นย้ำกับคิบอมต่อเรื่องที่จะต้องช่วยกันปกปิดความ ลับ..
"อีกอย่าง...นายมาก็ดีแล้ว...ถ้ามีอะไรฉุกเฉินนายจะได้ช่วยพวกเราได้ด้วย... "แจจุงร่ายต่อด้วยสีหน้าจริงจัง...
"นี่ฉันไปเข้าร่วมขบวนการกับพวกเธอ เอ้ย..พวกนายตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่ทราบ ห๊ะ?! ทำไมฉันต้องเชื่อฟังพวกนายด้วยรึไง?"
"โห่ หมอ...ถือว่าเราสองคนขอร้องล่ะนะ...เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว...ถ้าความลับ มาแตกเอาตอนนี้...พวกเราต้องแย่แน่ๆ... "หญิงสาวโอดครวญใช้โหมดอ้อนเข้าสู้ มือขาวคว้าหมับมือใหญ่ที่วางอยู่บนตักพลางเคลื่อนหน้าสวยๆขาวๆเข้าใกล้
"เห้ยๆๆ...ไม่ ต้องมาจับมือถือแขน...ฉันรู้แล้วล่ะน่า!! "ไม่ได้จะหวั่นไหวหรอกนะ...เขาน่ะ Born to Be แน่แท้..ไม่มีทางหวั่นไหวกับผู้หญิงพวกนี้หรอก...เพียงแต่...ขี้เกียจแก้ตัว ตอนหลังกับเจ้าของสายตาสองคู่ที่หันมามองเป็นระยะจากด้านหน้าต่างหาก...
"และ พวกนายจะเอายังไงต่อ...ต่อให้่ความลับไม่แตกตอนนี้...แต่จะปิดไปได้นานอีก สักเท่าไหร่กันเชียว...สักวันความจริงก็ต้องเปิดเผย...หวังว่าพวกนายไม่ได้ ลืมข้อนี้กันหรอกนะ... "
"พวกเรารู้น่า... "เป็นเซียที่อยู่ด้านหลังเป็นคนตอบรับเสียงอ่อยพลางก้มหน้ากลมๆได้รูป ลง...สีหน้าเริ่มเคร่งเครียด...ร้อนตัวให้คิบอมต้องรีบแก้ตัวซะเอง...
"เออๆ ๆๆ...เอาเป็นว่า..เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดตอนมันมาถึงก็แล้วกัน...ตอนนี้พวกนาย สองคนช่วยทำตัวเป็นปกติก่อนที่ไอ้สองคนนั้นมันจะสงสัยมากไปกว่านี้ดีกว่า นะ... "คิบอมชี้เตือนสติให้กับสองสาวที่ตอนนี้ทำหน้าเศร้า คิดมากไม่แคร์สื่อให้รู้ตัว...
"พวกมันหันมามองฉันหลายรอบแล้ว...แค่ พวกนายลากฉันมานั่งด้วยเนี่ย...ฉันว่าไอ้สองคนนั้นมันก็ต้องตะหงิดๆบ้างแล้ว เหอะ... "ชายหนุ่มพยักเพยิดหน้าเบาๆไปทางสองหนุ่มรูปหล่อที่เหลือบหันมาทางด้านหลัง เป็นระยะๆจนคอแทบบิดอยู่รอมร่อ...
แจจุงกับเซียปรับท่านั่งให้เป็น ปกติพลางหยิบสายไอพอทจากกระเป๋าขึ้นมาเสียบเข้าที่หู้แสร้งทำเป็นทำ เพลง...หลังจากนั้นไม่นาน...รถบัสก็เคลื่อนตัวออกจากลานสนามบาสมุ่งหน้าสู่ ประตูใหญ่ของโรงเรียน...
"ว่าแต่...หมอไปรู้จักสองคนนั้นได้ไงอะ? "แจจุงเปิดประโยคถามหลังจากตีบทเงียบแสร้งทำเป็นฟังเพลงไปแล้วสักพัก...
"ก็...แม่พวกเราเป็นเพื่อนกันน่ะ เลยรู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้ว"
"จริง หรอ???!!! เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ...ฉันอยากรู้เรื่องยุนโฮตอนเด็กๆน่ะ"แจจุงยิ้มแก้มปริ อย่างลืมตัวพลางหันเข้้าหาอีกคนอย่างอยากรู้อยากเห็น...เซียที่นอนหัวซบไป ทางกระจกรีบเด้งตัวยื่นหน้ามาระหว่างเก้าอี้สองตัวด้านหน้าทันที...
"ก็ ฉันโตกว่าพวกมันมากก็จริงนะ..แต่สองคนนั้นเล่นกับฉันเหมือนรุ่นเดียวกันมา โดยตลอด...ก็เลยสนิทกันมากน่ะ...ตอนเด็กๆพวกนั้นนะ.... "สองสาวเพลิดเพลินกับนิทานสมัยเด็กประถมของชายหนุ่มที่ทั้งคู่หลงรัก...จน ไม่ทันรู้ตัวเลยว่า...ทางด้านหน้านั้น...ชายหนุ่มสองคนนั่งไม่ติดเก้าอี้กัน เลยทีเดียว....
.
.
รถบัสปรับอากาศสองคันต่างก็ มุ่งหน้าลงใต้สู่เมืองอาซานที่ตั้งของน้ำพุร้อนออนยังชื่อดังซึ่งตั้งห่าง ออกไปจากสนามบินนานาชาติอินชอนประมาณสองชั่วโมง...ตลอดระยะทางทั้งสองสาว สนุกเพลิดเพลินกับเรื่องเล่าต่างๆสมัยเด็กๆของชายหนุ่มที่ตนหลงรักจากปากของ คนที่เป็นทั้งพี่และเพื่อนสนิทต่างรุ่นของพวกเขาอย่างไม่ได้สนใจเวลาที่ล่วง ผ่านไปเลยสักนิด...ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมั่นใจในความเป็นแฟนพันธ์แท้ตัวยงของ ทั้งยุนโฮและมิกกี้นั้นไม่มีทางเป็นสองรองใคร...แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามี หลายเรื่องมากมายที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย...
"พ่อแม่สองคนนั้น รู้จักกันดีขนาดนั้นเลยหรอ? "แจจุงที่ตั้งอกตั้งใจฟังเอ่ยปากถามหลังจากที่ได้ฟังประวัติย่อโดยสังเขปของ ตระกูลทั้งสองที่ดูจะผูกพันฉันมิตรมากันมาหลายชั่วอายุคน...
"ก็ นอกจากที่แม่ของทั้งคู่น่ะรู้จักกันตั้งแต่สมัยอากงอาม่าแล้วนั่นน่ะ....แม่ ของยุนโฮกับยูชอนน่ะก็โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก...ส่วนพอหลังจากที่ทั้งสองคน ได้แต่งงานแล้ว..พ่อของยุนโฮกับยูชอนก็ได้มาทำธุรกิจเป็นหุ้นส่วนร่วมกันอี กด้วยน่ะ... "
"พวกเขาใจดีไหมอะ? "เซียที่นั่งมีส่วนร่วมผ่านช่องว่างตรงกลางระหว่างเบาะพนักพิงเอ่ยถามขึ้น...
"จะ ว่าใจดีก็ใจดีนะ..แม่ยุนโฮกับยูชอนน่ะเหมือนกันมาก...ชอบอะไรหลายๆอย่าง คล้ายๆกัน...ดีแทบทุกเรื่อง..เสียอยู่อย่างเดียว...เอาแต่ใจสูงมาก...ถ้า ตัดสินใจอะไรแล้วล่ะก็ จะต้องทำให้ได้ตามที่คิดไว้...ดังนั้นถ้าไอ้สองตัวนี้ขัดใจขึ้นมาเมื่อไร... บ้านแทบแตกทุกครั้งไป...เห็นว่าตอนนี้ก็ไม่รู้ทะเลาะอะไรกันสักอย่างอยู่ เหมือนกัน...พวกมันไม่ค่อยกลับบ้านกันสักเท่าไร... "
"โห่ย...หมออ้ะ ...ไม่ได้เรื่องเลยยยย....รู้เรื่องของทั้งสองตระกูลนี้ดียังกะเป็นคนเขียน แผนผังครอบครัว...แต่เรื่องใกล้ตัวแค่นี้ทำไมดันไม่รู้ซะงั้นอ้ะ!? "
คิบอมเหลือบตามองแจจุงเล็กน้อยพลางตอบอย่างไม่หยี่หระ..
"ฉัน ไม่ได้พิศวาสอยากได้พวกมันมาเป็นคู่สักหน่อย ถึงต้องอยากรู้เรื่องของมันไปซะทุกเรื่องน่ะ...พวกเธอน่ะ...ฉันว่าเข้าข่าย โรคจิตชัดๆ ที่อยากรู้มันไปซะทุกเรื่องเนี่ย... "
"เอ๊!!!...ก็บอก ว่าอย่าพูดว่า ‘เธอ’ ไงล่ะ!! อีกอย่าง...มันไม่ใช่ว่าฉันต้องรู้ทุกเรื่องซะหน่อย...แต่นี่เล่นทะเลาะที พร้อมกันสองคน แล้วก็ไม่กลับบ้านด้วย...คนที่เป็นทั้งพี่และเพื่อนสนิทอย่างหมอ...จะไม่ อยากรู้อะไรหน่อยเลยรึไง? "คนสวยว่าพลางทำหน้านิ้วคิ้วขมวด และเหลือบมองคนรอบกายที่บ้างก็นั่งฟังเพลง คุยกันส่งเสียงเอะอะบ้าง ส่วนคนด้านหน้ารถ..ท่าจะหลับไปแล้วล่ะมั้ง...
"ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่อง ชาวบ้านนั่นข้อหนึ่งล่ะ ส่วนอีกข้อ คือเพราะมันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลยสำหรับฉัน...ใช่ว่าสองคนนี้ขัดใจแม่ตัว เองไม่บ่อยเสียเมื่อไร...ฉันน่ะต้องรับกรรมให้ที่พักที่ผ่อนมันมากี่ครั้ง แล้ว...จนตอนนี้พอมันขับรถกันได้ก็เลยอันเชิญตัวเองไปอยู่ที่คอนโดของบ้าน ไอ้ยูชอนมันกันทุกครั้งที่ทะเลาะกับมารดาของมันทั้งสอง..."
"โหหหห...มีคอนโดออกมาอยู่กันเองได้ด้วย..ดีจัง!! "เซียอุทานพลางฝันหวานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...
ถ้าเราได้มีโอกาสไปและอยู่กับยูชอนสองต่อสองสักครั้งนะ...
"นี่ มึงเลิกคิดวางแผนเสียตัวเลยนะ...ไอ้น่าไม่อาย "แจจุงหันไปชายตามองเพื่อนรักทางด้านหลังก่อนจะพูดดักคอคนที่กำลังฟุ้งอยู่ ในห้วงอารมณ์เพ้อฝันขนานหนัก...
เซียจิ๊ปากพลางมองเขม่นเพื่อนสาวอีกคนกลับทันที...
"ทำเหมือนมึงไม่ได้คิดงั้นแล่ะ! "
"แต่จะว่าไป.... "จู่ๆคิบอมก็พูดแทรกขึ้น...
"ครั้ง นี้ดูท่าจะทะเลาะแรงอยู่นะ...ทั้งสองคนนั่น...ไม่ปริปากบอกอะไรฉันสัก คำ...อีกอย่าง...จู่ๆพวกมันก็..."หมอรูปหล่อพูดค้างอยู่แค่นั้น...ตาเรียว เหม่อออกไปทางหน้าต่างรถบัส...
แปลก....
เรื่องนี้คาใจเขามาสักพักแล้ว....
ไอ้สองคนนี้...มัน...
มันดู.....
ไม่น่า....
ไม่น่าจะ....
ไม่น่าจะมีแวว....
มีแวว....
"อะไร หรอล่ะหมอ??? "เสียงแจจุงเรียกสติของคิบอมให้กลับมา...หญิงสาวเบิ่งตาที่โตอยู่แล้วอย่าง อยากรู้อยากเห็น...ไม่ต่างจากเซียที่ตอนนี้ยืดตัวคำ้เบาะขึ้นมาฟังอย่างตก อกตั้งใจไม่แพ้กัน...
"ก็...ก็...จู่ๆพวกมัน...พวกมัน..."
"เอา ล่ะทุกคน!! ถึงแล้ว!!!! "เสียงชินดงจากด้านหนังดังแทรกกลางอากาศดึงความสนใจของผู้คนในรถที่กำลัง ตื่นตาตื่นใจกับวิวด้านนอกให้หันกลับมา...
"ขอต้อนรับสู่อาซาน เมืองแห่งน้ำพุร้อน!!!... "ชินดงว่าด้วยเสียงเปรมปรีดาประหนึ่งไกด์ผู้เชี่ยวชาญพาลูกทัวร์มาลงเที่ยว พร้อมๆกับยิ้มกว้างที่ถูกแจกออกไปอย่างทั่วถึง...
"เดี๋ยวขอให้ทุกคนลงกันไปรอที่ล๊อบบี้ของโรงแรมเลยนะ...เราจะแจกกุญแจห้องกันที่นั่น...เอาล่ะ! พร้อมแล้วก็ไปกันได้เลย!! "
"ฉัน ว่าพวกเธอรีบๆออกกันไปหาพวกมันดีกว่านะ...ถ้าไม่อยากถูกสงสัยไปมากกว่านี้ "หมอหนุ่มรูปหล่อพูดพลางดันให้แจจุงลุกออกไปยืนตรงทางเดินก่อนที่จะลุกออกมา บ้าง...มือใหญ่ถูกยื่นออกไปหยิบกระเป๋าลงจากชั้นด้านบนอย่างง่ายดาย..คว้าที เดียวสองใบทั้งของแจจุงและเซียก่อนยื่นให้สองสาวและไม่ลืมที่จะหยิบของตัว เองที่อยู่ในสุดลงมาจากชั้นเช่นกัน...
"โอเคๆอ่ะ... "แจจุงเอ่ยปากตอบรับ...ส่วนเซียทำเพียงแค่พยักหน้าตอนคิบอมส่งกระเป๋าให้และพากันเดินไปทางประตูด้านหน้าเพื่อลงจากรถ...
เมื่อ สองสาวลงจากรถลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...สายตาก็ประสานเห็นชายหนุ่มสองคน ที่ยืนหันหลังเหมือนกำลังรอใครอยู่ไม่ไกลจากตัวรถนัก...จะเป็นใครนั้นแจจุ งกับเซียแทบไม่ต้องเปลืองสมองเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย...
"เอ่อ...ยู ชอน..ไปกันเลยไหมฮะ...? "เซียอาสาเป็นหน่วยกล้าตายเอ่ยปากถามก่อน...ชายหนุ่มเจ้าของชื่อได้ยินก็หัน หลังมาตามเสียงเรียก...อีกคนก็หันมาเช่นกัน...สีหน้าทั้งสองเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ...
"เรารู้จักกันด้วยหรอครับ? "มาละนั่นไง...มุขน้ำเน่าขี้งอนตามสเตป....เซียแทบอยากจะยกครีบตบหน้าผากก ลมๆของตัวเอง...นี่ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าตาดีมีเสน่ห์หน้าผากกว้างโหวงเฮ้งดี เซียไม่ตอบกลับไอ้ประโยคขี้น้อยใจไร้สาระนี้หรอกนะเหอะ...
"อ้าว แล้วถ้างั้นยูชอนยืนรอใครอยู่ล่ะฮะ?...ก็... "เซียเว้นหยุดเล็กน้อยก่อนหันหลังไปมองที่ประตูรถที่ปิดสนิทเรียบร้อยแล้ว...
"ไม่มีใครเหลืออยู่บนรถแล้วนี่ฮะ?...หรือยูชอนรอคุณลงคนขับรถ?? "จบประโยคเสร็จก็ทำตาแป๋วไร้เดียงสาเต็มที่...
แหม ถึงเขาจะวิ่งไล่จับผู้ชายก็จริง...แต่เขาก็รู้จักเล่นตัวในบางครั้งเพื่อไม่ให้ดูไร้ค่าหรอกนะ...
ขืนตามใจมากไปก็เสียการปกครองกันหมดพอดี...
"ผม ว่ารีบไปกันดีกว่านะฮะ..อยากขึ้นห้องจะแย่แล้ว....จะได้พักผ่อนกันไง ฮะ..เดี๋ยวช่วงบ่ายก็ต้องซ้อมแล้วนา... "หญิงสาวอีกคนค่อยๆกระเถิบตัวไปใกล้ชายหนุ่มอีกคนที่ตั้งแต่เขาลงมาจากรถ แล้วยังปริปากพูดอะไร...
"นั่นดิ...นานๆทีฉันจะได้พักยาวแบบนี้ ...ปิดคลีนิคตั้งสามวันแถมยังได้มาเที่ยวแบบนี้อีก...สวรรค์เลยล่ะ..ไปเร็ว เหอะ.. "คิบอมพูดต่อจากแจจุงก่อนยกมือขึ้นคล้องคอเพื่อนทั้งสองแล้วออกเดิน...สอง สาวที่ถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังมองหน้ากันก่อนจะออกเดินตามหลังชายหนุ่มอีกสาม คน....
.
.
"เห้อ!! ถึงซะที "แจจุงวางกระเป๋าลงตรงปลายเตียงก่อนจะหงายตัวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม...
"นี่ อย่าเพิ่งมาสบายใจไปหน่อยเลย...มันเพิ่งเริ่มต่างหาก...จะว่าไปตอนนี้ฉันชัก จะกังวลอย่างที่ชางมินมันเตือนมาแล้วนะ... "เซียวางกระเป๋าลงที่ปลายเตียงของตัวเองบ้างก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงเช่นกัน...
"โอ้ ย...อย่าไปกังวลอะไรที่ยังไม่เกิดเลยน่า...ยังไงเราก็เตรียมพร้อมมาทุกอย่าง แล้วนี่...อย่าเพิ่งคิดมากให้เสียอารมณ์เลยนะ...ไหนๆก็ได้มาเที่ยวแล้ว ด้วย... "แจจุงหันหน้าพลางพูดปลอบใจเพื่อนที่เริ่มกังวลคิดมากจิตตกเกินเหตุก่อนจะ หันหน้ากลับไปอีกทางมองออกไปทางหน้าต่างที่เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์เขียวขจี ด้านนอก...
"นี่... "
"อะไร?? "เซียที่ไม่ได้ทำตามอย่างที่แจจุงว่าซักเท่าไรขานรับเสียงเอื่อย...
"โหย...มึง อย่ามาทำหน้าเต้าหู้ยี้แถวนี้นะ...ยิ่งเรากังวลมากเท่าไร...เรื่องแย่ๆที่ เราคิดมันก็จะมีโอกาสเกิดขึ้นมากเท่านั้นนะเว้ย... "
"ก็จะไม่ให้คิดมากได้ไง...แล้วดูเหมือนยูชอนกับยุนโฮของมึงน่ะ...ก็เหมือนจะสงสัยเรื่องเรากับคิบอมด้วยนะ..."
"นี่ฟังนะ... "หญิงสาวที่นอนเลื้อยอยู่เมื่อครู่เด้งขึ้นมานั่งพลางจ้องเพื่อนรักอีกคนที่ตอนนี้เริ่มเครียดหนักกว่าเดิม...
"เลิก ทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว...คิ้วตาหูจมูกปากมึงจะไปยุบรวมกันอยู่แล้วนั่นน่ะ... ปกติพื้นที่รอบด้านข้างของหน้ามึงก็เยอะพออยู่แล้ว อย่าไปเพิ่มพื้นที่ให้มันมากไปกว่านี้เลยนะ จุนซู "
"คือกูไม่ตลกในเวลานี้...อย่าพยายาม...มันไม่เวิร์ค"
"กูไม่ได้พยายามตลก...กูพูดเรื่องจริง "
"..... "
"โอเคๆ กูไม่เล่นแล้วก็ได้...กูแค่จะบอกว่า...ที่นี่เขาชื่อดังเรื่องบ่อน้ำพุร้อน มากเลยนะเว้ย...กูว่าตอนดึกๆเราแอบเข้าไปแช่หลังจากที่คนอื่นๆเขาแช่กัน แล้ว..ดีป่ะ?? "
หน้าเซียบี้หนักกว่าเดิม..
"นี่มึงได้ฟังที่กูพูดไปบ้างไหม?? ห๊ะ?? หรือสมองไม่มีถึงคิดไม่ได้เนี่ย??? "
"โอ้ ยยย...นี่มึงจะเครียดเพิ่มทำไมเนี่ย...ปกติสถานการณ์ก็เครียดอยู่แล้ว นะ...อย่างที่มึงว่า เนี่ยมันเพิ่งเริ่มต้น เรายังต้องลุยกันอีกเยอะ...จะไปกังวลสิ่งที่ยังมาไม่ถึงทำไมล่ะห๊ะ....ใจ เย็นๆสิ...ใจเย็นๆนะ...Relax...หายใจเข้าลึกๆ.... "แจจุงว่าพลางมีท่าทางประกอบยกสองมือขึ้นๆลงๆตามจังหวะลมหายใจสูดเข้าสูด ออก...แต่เซียก็ยังไม่เข้าถึงอารมณ์ซักเท่าไรนัก...
"ตกลงนี่เรามาซ้อมมวย หรือรำไทเก๊กกันแน่??? "
"ก็ มึงอ้ะ!!! ทำเสียอารมณ์มันทุกเรื่องจริงๆนี่!!...เอาหน่า....กูว่านะ..ยิ่งเป็นแบบนี้ มึงยิ่งต้องหาอะไรทำคลายเครียด...ตกดึกเราแอบไปแช่กันเหอะนะ จุนซู กูอยากแช่มานานมากแล้วนะ นะๆๆๆๆๆ "
อะโด่...
อ้างว่าช่วยคลายเครียด..
จริงๆแล้วตัวเองอยากแช่น้ำพุร้อนต่างหาก....
เห้อ...ชักไม่มั่นใจซะแล้วว่านี่กูคิดผิดคิดถูกเนี่ยที่ดักดานเป็นเพื่อนกับคิม แจจุงมาหลายปีดีดัก = =”
ตก บ่ายหลังจากกินข้าวเที่ยงกันอิ่มหนำสำราญแล้ว...ชินดงก็นัดแนะเวลาซ้อมช่วง บ่ายและแจกตารางการฝึกซ้อมเก็บตัวครั้งนี้ให้กับสมาชิกในชมรมทุกคน...ทุกคน ต่างก็แยกย้ายกันไปซ้อมร่วมกับรุ่นของที่ตัวเองจะลงแข่ง...จึงเป็นเรื่องน่า เศร้าสำหรับสองสาวที่ต้องแยกกันซ้อมกับชายหนุ่มที่ตัวเองต่างก็ปลาบปลื้ม อย่างเสียไม่ได้...
หลังจากซ้อมเสร็จก็เป็นเวลาที่ทุกคนรอคอย...นั่น ก็คือช่วงเวลาของการแช่น้ำพุร้อนนั่นเอง...จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ลงแช่น้ำ อุ่นๆสบายตัวหลังจากที่ต้องเสียแรงเสียเหงื่อไปเป็นถังเป็นโอ่งจากการซ้อม หนักได้ล่ะ...ทุกคนในชมรมกุลีกุจอวิ่งเข้าห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเพื่อไปกิน ข้าวเย็นในห้องอาหาร หลังจากทานอาหารเสร็จก็จะเป็นเวลาส่วนตัวของทุกคนที่จะไปแช่น้ำร้อน หรือทำอะไรตามอัธยาศัย...
จะมีก็สองสาวนี่ล่ะ...ที่ไม่มีทีท่ารีบ ร้อนแต่อย่างใด...หลังจากซ้อมเสร็จ ทั้งสองก็รีบหายหัวขึ้นห้องพักโดยไว...โดยมีข้ออ้างให้กับสองหนุ่มหล่อว่า รู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอขึ้นไปพักผ่อนบนห้องสักพัก...
.
.
"เสียดายเหอะ"
"เสียดาย ไรของมึงวะ แจจุง"เซียถามขึ้นหลังจากที่ทั้งสองรีบหลบขึ้นมาที่ห้องพักโดยที่คนในชมรม ไม่ทันสังเกต...หญิงสาวทิ้งตัวลงข้างๆแจจุงที่นอนเหยียดยาวหันหน้ามาทางปลาย เตียง..หน้าขาวฟุบอยู่กับหมอนใบโตเหลือเพียงตาโตใสสองข้างโผล่ขึ้นมาให้ เห็น...
"ก็แหม...มึงไม่คิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีหรอวะ?..คิดดู มึงจะได้แช่น้ำพุร้อนกับยูชอนเลยนะเว้ย!!! "
"เฮอ ะ...ถ้าแช่กับยูชอนคนเดียวกูก็รับได้อยู่หรอกนะ...แต่การที่จะต้องเห็นอะไรๆ ของคนที่กูไม่ได้อยากจะเห็นด้วยเนี่ย...กูคงได้อ้วกแตกคาบ่อน้ำพุร้อนแน่... "เซียว่าพลางทำหน้าเหยเกขณะเช็ดผมสั้นกุดของตัวเองไปด้วย...สองสาวอาบน้ำ เรียบร้อยและต่างก็อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวด้วยกันทั้งคู่...
"ก็จริงของมึงอะนะ...คิดแล้วกูก็ขนลุก "แจจุงนึกภาพตามที่เพื่อนรักบอกแล้วทำท่าขนลุกอย่างอดไม่ได้ก่อนจะหันมาถามเซียต่อ...
"ว่าแต่...แล้วเราจะไปแช่กันเมื่อไรดีล่ะ? "
"รอดึกๆหน่อยเหอะ...กูไม่อยากเสี่ยง โอเคป่ะ? "
"เออ รู้แล้วน่า..กูไปสำรวจมาแล้วเรียบร้อย....มีบ่อที่อยู่ลึกเข้าไปทางด้าน ใน...คิดว่าตอนดึกคงไม่มีคนไปแช่แถวนั้นหรอกนะ...ยังไงก็เอาผ้าเช็ดตัวไป หลายๆผืนเผื่อเอาไว้ก่อนด้วยละกัน... เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน "
"ถึงตอนนั้นกูว่าผ้าแม่งไม่ได้ใช้ประโยชน์แน่...เห้อ... นี่พวกเราแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำได้โดยไม่ถูกจับได้กันน่ะ "
"โห่ ย จุนซู อย่าคิดมากไปเลยน่ะ....หรือมึงทนได้รึไง? มาถึงบ่อน้ำพุร้อนแล้วกักตัวเองอยู่แต่ในห้องแบบเนี้ยเนี่ย??!! "อย่าอะไรมากเลย...ไม่ใช่ว่าแจจุงไม่ได้กลัวความจริงเปิดเผยหรอกนะ...ไอ้ เรื่องเนี้ย มันเครียดตั้งแต่ชางมินกดดันเขาแล้วล่ะ...แต่จะให้ทำยังไง...ก็มันยังไม่ พร้อมนี่...มาถึงขนาดนี้แล้ว...จะให้บอกความจริงตอนนี้ก็ใช่ที่...ขืนเอาแต่ นั่งเฉยๆไม่ทำอะไรจะยิ่งทำให้เขาคิดมากฟุ้งซ่านหนักกว่าเพื่อนหน้ากลมที่ นั่งขมวดคิ้วเป็นปมข้างๆเขาเสียอีก...สู้เอาเวลาไปผ่อนคลาย เลิกคิดเรื่องพวกนี้สักพักยังดีเสียกว่า...
ตกดึกคืนนั้น...สอง สาวแอบย่องออกจากห้องกลางดึกพร้อมเสื้อผ้าและผ้าขนหนูพร้อมอยู่ในกระเป๋า สะพายใหญ่หนึ่งใบ...แจจุงเดินลัดเลาะนำเพื่อนสาวไปยังบ่อที่ตั้งลึกเข้าไป ส่วนในสุดของโรงแรม...บ่อน้ำร้อนนั้นว่างเปล่า...ด้านหนึ่งของบ่อติดกับสวน ขนาดย่อมที่รอบล้อมไปด้วยต้นไม้สูงและพุ่มไม้สลับกันประปราย...
"ใน ที่สุด...เห้อ~~~~ สดชื่นจัง "แจจุงแหงนหน้าขึ้นท้องฟ้าพลางเหยียดแขนออกด้านข้างลำตัว...เซียวางกระเป๋า ลงข้างๆกันพลางหย่อนขาลงไปจุ่มบ่อน้ำร้อน...
"อูยยยย....น้ำร้อนดีจัง... "เซียเอ่ยขึ้นบ้างพลางค่อยๆหย่อนขาลงลึกลงไปอีกทั้งสองข้าง...
สอง สาวอยู่ในเสื้อกล้ามตัวบางสีน้ำเงินเข้มกับขาสั้นกุดสีดำกำลังดื่มด่ำกับ ธรรมชาติอย่างเบิกบาน...แจจุงนี่แทบจะเรียกได้ว่ากระโดดใส่บ่อน้ำร้อนเลยก็ ว่าได้...
"นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้มาแช่น้ำร้อนด้วยกันแบบนี้... "
"น้ำเน่าน่ะมึง...พูดยังกะคนแก่... "โลมาสะบัดครีบเข้าให้ทำเอาน้ำร้อนกระเซ็นเข้าปากแจจุงไปสองสามหยด...
"เอ้ า!!...ก็จริงนี่...ครั้งก่อนก็โน่น....ตอนเพิ่งขึ้นม.ปลายกันได้มั้ง....เรา ไปที่ไหนกันนะ...จำไม่ได้ละ...แต่กูว่าที่นี่สวยกว่ากันเยอะเลยนะ...วิวสวน กับบ่อน้ำนี่อย่างกับฉากในวรรณคดีแน่ะ... "
"ย่ะ แม่งนางกินรี...เชิญร่ายรำแหวกว่ายให้เต็มที่เลย...พรุ่งนี้ไม่เอาแล้วนะ กูขอเสี่ยงวันเดียวพอ... "
"เอ ออออ...รู้แล้วน่ะ ย้ำจริง.... "แจจุงว่าอย่างไม่หยี่หร่ะก่อนจะเริ่มร่ายรำอย่างที่เซียว่าทันที...ร่างบาง ย่อตัวลงจนเหลือแค่หัวพ้นน้ำและเริ่มเคลื่อนตัวไปยังกลางบ่อน้ำร้อน...และ ที่ทำเอาเซียต้องกลอกตาขึ้นพลางยกครีบตะปบหน้าผากตัวเองก็คือเสียงร้องเพลง หลงคีย์ของแจจุงนั่นเอง....
ตอนร้องในห้องคาราโอเกะว่าแย่แล้ว...
มาร้องในสถานที่แบบนี้...
แม่งกูคิดว่ากูอยู่ในหนังผีก็ไม่ปาน = =”
กินรีหรือผีพรายกันแน่วะเนี่ย!!!
หน้าตาก็พอไหวอยู่หรอก... แต่พออ้าปากร้องเพลงนี่กูคิดว่ามึงหลุดออกมาจากต้นตะเคียน!
อี กด้้านหนึ่งของบ่อน้ำ...ในสวนขนาดย่อมมีกลุ่มผู้ชายจากชมรมชกมวยสองสามคนที่ เพิ่งแช่น้ำร้อนเสร็จแล้วมาเดินเล่นในสวนแทบจะเดินสะดุดก้อนหินข้างหน้า เมื่อได้ยินเสียงเสียงหนึ่งเข้า...
"มึงได้ยินอะไรปะวะ? "คนที่เดินสะดุดก้อนหินเป็นคนเอ่ยถามขึ้น...
"ไม่มี อะไรหรอกมั้ง...คงเป็นสัตว์แถวๆนี่แล่ะมั้ง... "คนที่เดินชนด้านหลังของคนที่เดินสะดุดก้อนหินเอ่ยขึ้นหลังพยายามเงี่ยหูฟัง เสียงที่ว่า
"สัตว์เหี้ยไรร้องเสียงแบบนั้นวะ?... "คนที่สามที่ยืนอยู่หลังสุดออกความเห็น...
หลัง จากเงียบกันไปสักพักเพื่อเงี่ยหูฟังในความเงียบ...ทั้งสามก็ยังไม่สามารถ ระบุได้ว่าเสียงโหยหวนท่ามกลางความมืดนั่นคือเสียงอะไรกันแน่...
"กูว่า...เหมือนเสียงผู้หญิงเลยนะเว้ย "ในที่สุดคนที่สองที่อ้างว่าเสียงที่ได้ยินในตอนแรกเป็นเสียงสัตว์ในบริเวณนั้นเอ่ยขึ้น...
"มัน ดังมาจากฝั่งใกล้ๆนี้เองนี่หว่า... "คนแรกของกลุ่มเอ่ยขึ้นบ้างพลางสาวเท้าไปข้างหน้าผ่านพุ่มไม้เล็กๆก่อนจะ เลี้ยวไปทางซ้ายเล็กน้อย...และก็เห็นบ่อน้ำพุร่อนที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางสวนที่ พวกเขากำลังจะเดินผ่าน...
....
"เห้ย เสียงเงียบไปแล้วว่ะ "คนสุดท้ายที่เดินตามเพื่อนทั้งสองมาเอ่ยขึ้น
"ชู่ว!!! ฟังก่อน "คนแรกหันมาส่งสัญญาณให้เงียบ ตั้งใจเงี่ยหูฟังเสี่ยงประหลาดเบาๆที่จับใจความไม่ได้ดังขึ้นมาแทนเสียง โหยหวนราวหมูถูกเชือดนั่น...
.
.
"จุนซู กูว่ากูอยากถอดเสื้อกล้ามว่ะ "คนที่หยุดร้องเพลงไปแล้วค่อยๆเถิบตัวมายังฝั่งที่เซียกำลังนั่งแช่น้ำร้อนสบายใจเฉิบ...
"มึงนี่หาเรื่องเหลือเกินนะ...เออ แต่จะว่าไปถอดไปคนเค้าก็ไม่รู้หรอก หน้าหลังโล้นขนาดนั้น "
"เชี่ยนี่!! ปากแบบนี้ครั้งหน้ากูจะให้ทงเฮตัดทรงกะลามะพร้าวให้!!! "
เซีย ยักไหล่กลมๆอย่างไม่หยี่หระก่อนจะเริ่มมุดตัวลงน้ำทิ้งให้แจจุงยืด กระฟัดกระเฟียดอยู่สักพักก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อกล้ามออกและโยนไปวางตรงขอบ บ่อ...ผิวนวลขาวส่องกระทบกับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเหนือน้ำก่อนจะค่อยๆจม หายไปกับไอควันที่ลอยฟุ้งอยู่บนผิวน้ำ...
.
.
.
"ว่า ไงอะมึง...แม่งเงียบไปนานแล้วนะ "ชายคนกลางท่ามกลางสามคนที่กำลังขดตัวอยู่ในพุ่มไม้ถามขึ้นในที่สุดหลังจาก เสียงโหยหวนและเสียงพึมพำเงียบหายไปแล้วสักพัก...
"ชู่ว!! ฟังดิ! "คนหน้าสุดทำสัญญาณให้เงียบอีกครั้งก่อนทั้งสามจะตั้งใจฟังเสียงที่เหมือน เสียงน้ำเคลื่อนที่....สามหนุ่มเคลื่อนตัวเข้าใกล้บ่อน้ำมากขึ้นเรื่อยๆก่อน จะมายืนเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน...ค่อยๆโผล่หน้าขึ้นจากพุ่มไม้เพ่งสายตาไป ยังบ่อน้ำพุร้อนขนาดไม่ใหญ่มากโดยคาดหวังว่าจะเห็นสาวสักคนที่กำลังแช่น้ำพุ ร้อน...แต่ภายในบ่อกลับว่างเปล่า...สายตาสามคู่เลิกลักมองไปทั่วอย่าง สงสัย..สายลมหวีดหวิวขึ้นครั้งนึงก่อนเสียงแหลมที่ได้ยินในตอนแรกจะดังขึ้น อีกครั้ง....แต่ทั้งสามก็ยังไม่เห็นใคร...ใบไม้ที่หลุดร่วมจากต้นไม้เหนือ ทั้งสามปลิวผ่านหน้าไปตามแรงลม....เสียงโหยหวนยังคงดังต่อเนื่อง...ก่อนที่ จู่ๆก็มีเสียงหมาหอนดังมาจากที่ไกลๆสักที่....สามหนุ่มขนลุกซู่ ต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง...อยากจะวิ่งออกไปให้สุดแรงเกิด แต่ขาทั้งสองข้างกลับไม่ให้ความร่วมมือซะนี่...
"..มะ...มึง...กูว่า ไม่ค่อยจะดีแล้วนะ "
"นะ..นั่นดิ... "
"....... "คนสุดท้ายไม่ได้พูดอะไรเพียงสะกิดเพื่อนทั้งสองให้หันหน้าไปทางพุ่มไม้ด้านหน้าของพวกตนที่กำลังขยับไหวอย่างรุนแรง....
ท่ามกลางความมืดนั้นจู่ๆก็มีใบหน้าขาวโผล่ขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว...
"ว๊ากกกกกกกก!!!!!!!!!!!~~~ "สามหนุ่มประสานเสียงกันโดยมิได้นัดหมายก่อนจะรีบจรลีวิ่งหนีออกจากพุ่มไม้ที่ซ่อนตัวอยู่อย่างรวดเร็ว...
เท่า ที่สติของแจจุงเหลือก่อนจะหงายหลังตกบ่อน้ำพุร้อนคือภาพของชายสามคนวิ่งหนี อย่างไม่คิดชีวิตพุ่งไปทางทิศตรงข้ามกับที่เขาอยู่...ผ้าขนหนูของคนรั้งท้าย ถูกเกี่ยวกับกิ่งไม้ข้างทางแต่เจ้าตัวคนวิ่งไม่ได้ใส่ใจจะหันกลับมาเก็บแต่ อย่างใด...แต่กลับวิ่งล่อนจ้อนแหกปากลั่นรีสอร์ทอย่างไม่คิดชีวิต...
ตู้ม!!!
เสียงตกน้ำจากฝั่งฟากตรงข้ามทำเอาเซียผุดหัวขึ้นจากน้ำทันใด....
"แจจุง!!!! "เซียรีบแหวกว่ายพุ่งตัวไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงน้ำสั่นไหว...สองครีบตะกายน้ำร้อนก่อนจะถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว...
"ค่อก!!แคก~~! "แจจุงพุ่งตัวเองขึ้นจากน้ำก่อนจะสำลักไอพุ่งใส่หน้าเซีย...
"เห้ย !!~ มึงโอเคป่ะเนี่ย??! "มือป้อมถูกยกขึ้นกันน้ำที่สาดกระเด็นใส่ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง...
"มะ..เมื่อกี๊.... "แจจุงพูดด้วยความยากลำบากเนื่องจากกลืนน้ำร้อนเข้าไปหลายอึก...
"เมื่อกี๊อะไร?? "
"มะ..มีผู้ชายสามคนแอบอยู่ในพุ่มไม้!~ "
"หา!!!!!!!!!???? แล้วมันเห็นหน้ามึงรึเปล่า? "
"เต็มๆตาเลยล่ะ... "
"เชี่ย แล้วไง!!~~ "เซียสะบัดครีบกับน้ำอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะส่งสายตาค้อนหนักๆไปยังเพื่อน สาวที่ตอนนี้พยายามปาดน้ำออกจากหน้าของตัวเองอยู่...."แล้วไปทำอีท่าไหนถึง ถูกเจอเข้าเนี่ย!!~ ให้ตายเหอะกูมุดลงไปในน้ำหน่อยเดียวเองนะ! "
"ก็...ก็ กูดำน้ำมาถึงฝั่งนี้แล้วก็ร้องเพลงไปเรื่อยก่อนจะได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้ หลังพุ่มไม้อะ...แล้วพอปีนขึ้นไปดูก็จะเอ๋กันพอดี...แม่งทำเอากูตกใจเหมือน กันนั่นแล่ะ หงายหลังตกน้ำมาเนี่ย...นี่ดีนะหัวกูไม่โขกถูกอะไรเข้า...แต่กูว่ามันมืดมาก เค้าคงจำหน้ากูไม่ได้หรอก...มั้ง..."
"เพราะเสียงร้องเพลงผีป่าผี ตะเคียนมึงแน่ๆที่ดึงคนพวกนั้นเข้ามาน่ะ...อีกอย่างนี่มึงบ้าหรือมึงโคดโง่ กันแน่?? ที่ปีนขึ้นไปทั้งๆที่โป๊ท่อนบนแบบนี้อะนะ!? "
"ก็คนมันลืมคิดนี่!!.... "
"พอ! ไม่ต้องพล่ามแล้ว! ขึ้นห้องเดี๋ยวนี้เลยก่อนที่คนอื่นๆเขาจะแห่กันมาถึงนี่!!"เซียตวัดครีบลาก แจจุงไปยังอีกฝั่งทันทีก่อนจะรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วพากันย่องออกจาก น้ำพุร้อนกลับห้องตัวเองให้เร็วที่สุด....
.
.
"อ๊า กกกกกกกกกกกกกก~~!!!!~~~ "เสียงกรีดร้องดังลั่นของชายสามคนที่วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตดึงดูดความสนใจชาย หนุ่มสองคนที่กำลังยืนอยู่ในสวนด้านหลังของโรงแรมให้หันไปมองอย่างตื่น ตกใจ...
"เห้ย!!!! นี่พวกนายวิ่งหนีอะไรกันมาเนี่ย!?? "ยุนโฮถามชายคนแรกที่วิ่งมาถึงตัว...สีหน้าของคนที่พูดด้วยขาวซีดไร้เลือด ฝาด...คนที่สองที่วิ่งมาสมทบทีหลังก็หน้าตาแตกตื่นไม่แพ้กัน...ปากสั่นตัว ซีดกันถ้วนหน้า...ไม่มีใครพูดอะไรจนมิกกี้ต้องเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง...
"ว่า ไง??!! เกิดอะไรขึ้น!? "ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะตอบอะไร...ชายคนสุดท้ายที่วิ่งล่อนจ้อนไม่มีอะไร ปกปิดก็วิ่งมาสมทบทำเอามิกกี้กับยุนโฮแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง....
.
.
.
"ไหน...ว่า มา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? "ยุนโฮเอ่ยถามขึ้นในที่สุดหลังจากหาผ้าหาผ่อนให้คนที่ล่อนจ้อนมีอะไรปกปิด ก่อนจะจับทั้งสามคนนั่งลงกับม้าหินแถวๆในสวนหลังโรงแรม...ตอนนี้มีชินดงและ สมาชิกในชมรมสามสี่คนที่ได้ยินเสียงตื่นตกใจมายืนล้อมวงสมทบหาความจริงด้วย เช่นกัน....
"คะ...คือ....พวกเรากำลังเดินกลับจากอาบน้ำพุร้อนจาก ฝั่งด้านในของโรงแรม..แล้วจู่ๆก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังขึ้นมาระหว่าง ทาง..."ชายหนุ่มคนแรกที่เป็นคนได้ยินเสียงประหลาดก่อนใครเพื่อนเอ่ยพูดด้วย เสียงสั่นเครือ...เพื่อนอีกสองคนก็มีอาการไม่ต่างกันนั่งสั่นเป็นลูกนกพลาง สอดส่องสายตาลอกแลกตลอดเวลา...
"มันเป็นเสียงที่...ประหลาดมาก ...จริงๆนะครับ พวกเรานิ่งฟังกันอยู่สักพักก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือเสียงอะไร...พวก เราเดินตามทางของเสียงนั้นไปเรื่อยๆ...จนไปหยุดที่หลังพุ่มไม้ข้างๆบ่อน้ำพุ ร้อน..."คนที่สองเป็นคนเอ่ยต่อเสียงสั่นกว่าคนแรกเท่าตัว...
"แล้วยังไงต่อ? "มิกกี้สวนถามขึ้นเมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ทั้งสามคนกลับเงียบเสียงและมองหน้ากันอย่างหวาดหวั่น...
คน ที่สามที่วิ่งเปลือยผ้าท้าแสงจันทร์ลอบเงยหน้าขึ้นมองทุกคนที่จ้องมาที่ ตน...กลืนน้ำลายก้อนใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากเล่าต่อ... "แล้ว...แล้ว....พวกเรา..ก็.....ก็เห็น...... "
สวบ!!
"ใครน่ะ!? "ชินดงเอ่ยเสียงเข้มพลางหันหลังควับโดยไม่กลัวคอจะหักไปทางด้านหลังที่เมื่อกี๊ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินผ่าน....
"ฉันถามว่านั่นใคร!? "
เสียง สาวเท้าที่บ่งบอกได้ว่ามีมากกว่าหนึ่งคนค่อยๆก้าวออกมาจากร่มเงา ต้นไม้...ใบหน้าหวานคมของเด็กหนุ่มสองคนสะท้อนกับแสงจันทร์...ยุนโฮกับมิ กกี้ยิ้มพรายอย่างไม่รู้ตัวก่อนกำลังจะเอ่ยชื่อของคนที่เพิ่งเดินเข้ามา สมทบ....แต่ทว่า...
"นะ..นั่นมัน...ผะ...ผะ.....ผี!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! "
2BC
ใครก็ได้เอายาดมให้ที....เอามาแม่งสักลังเลยยิ่งดี...
การทำตามความฝันเพื่อให้สมหวังในรักอย่างที่ตัวเองวาดหวังไว้สำหรับเขาสองคนนี่...
มันถึงได้ยากเย็นและอุปสรรคมากมายขนาดนี้เนี่ย!!!!~~~
แจ จุงแทบจะจิกทึ้งหัวตัวเองลงไปดิ้นพรากๆกับพื้น ไม่ต่างกันกับเซียที่ก็อยากจะทิ้งตัวนอนฟาดครีบลงกับพื้นดิ้นไปดิ้นมาสัก ล้านครั้ง...โชคชะตาชีวิตของเขาทั้งสองช่างน่าสมเพชและน่าละเหี่ยใจเสีย จริง...
"ไม่ม่อก็ไม่ใช่มันแล้วว่ะ..ยูชอน"เสียงนุ่มทุ้มลึกของ ยุนโฮเรียกสติให้แจจุงและเซียกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงหลังจากถอดจิตไป โอดครวญอยู่กับพระพรหมได้ไม่นาน...
"ม่อที่ไหนเล่า...ก็แค่..."เว้นระยะนิดนึงพลางหรี่ตามองสองสาวที่จิตเพิ่งสถิตเข้าร่างก่อนเอ่ยต่อ...
"ก็แค่รู้จักกันต่างหาก "
ปัญหาแรกพวกกูยังไม่เคลียร์ มึงนี่วางขี้ใส่ข้างแก้มให้พวกกูอีกข้างหน้าตาเฉยเลยนะ ไอ้หมอบ้า!!!!
นั่นไงล่ะ...หันมาจ้องพร้อมกันทีเดียวสองคน..และจะให้ตอบว่าไรดีล่ะ ท่านพระพร้หมมมมมมม...ช่วยลูกช้างด้วยทีเทิ้ดดดดดด...
สายตาเฉิดฉายยามแย้มอรุณของยุนโฮทอดผ่านอากาศสดชื่นตอนเช้าอย่างฉงนสงสัย...
สอง สาวมองหน้ากันอย่างเลิกลั่ก...ต่างคนต่างเงียบไม่พูดอะไร กลัวว่าถ้าโพล่งอะไรออกไปไม่เหมือนกันจะยิ่งสร้างปัญหามากกว่า...แจจุงกับ เซียจึงได้แต่มองหน้าสลับกันไปมา..มีบางครั้งที่เหลือบมองไอ้หมอเจ้าเล่ห์ ที่ยืนยิ้มเยาะอย่างสบายใจ..
"เอ่อ...คือ...คือว่า.... "แจจุงตัดสินใจเป็นหน่วยกล้าตายเปล่งเสียอะไรออกมาสักนิดก่อนทั้งๆที่เจ้า ตัวก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน...
คิบอมยืนอมยิ้มอย่างมีความ สุขที่ได้แกล้งหญิงสาวทั้งสอง...ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอกอย่างสบายอก สบายใจ...คอยดูว่าแจจุงจะว่ายังไงบ้าง...พลางสลับหันไปมองเซียที่มีสภาพไม่ ต่างกันออกไปมากนัก...ไม่นานเมื่อคิบอมพออกพอใจสักพักแล้วจึงเป็นคนเอ่ยปาก พูดขึ้นแทนก่อนที่ยุนโฮและมิกกี้จะสงสัยไปมากกว่านี้...
"ก็ฉันมา เป็นหมอตรวจเช็คร่างกายไง...ก็เลยได้เจอกับแจจุงตอนนั้นน่ะ...อะไรกันแค่นี้ ก็จำกันไม่ได้แล้วหรอ??"คิบอมพูดทีเล่นทีจริงเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์ กระอักกระอ่วนเมื่อครู่ได้อย่างแนบเนียน...
"อะ..เอ้อ..ใช่ฮะ! ตอนนั้นเองแล่ะ...ผมนี่แย่จริงๆเลย นึกไม่ออกได้ยังไง ทั้งๆที่หมอคิบอมเองนี่แล่ะที่เป็นคนพบว่าผมเป็นโรคแพ้นวม...จะว่าไปผมต้อง ขอบคุณหมอมากเลยนะฮะ...ถ้าไม่รู้ก่อนนี่ ตอนขึ้นแข่งคงแย่แน่... "แจจุงรับช่วงต่ออย่างรวดเร็ว...ไอ้เรื่องไหลลื่นน่ะขอให้บอก...ถ้ามีคน เริ่มมาให้ ไอ้ให้แถต่อน่ะ กล้วยๆ...แต่จริงๆเรื่องตอแหลน่ะ เขาก็ไม่เป็นสองรองใครหรอกนะ...แต่เมื่อกี๊มันแค่ยังไม่ได้ทันตั้งตัว เท่านั้นเองนะเหอะ!
"เออใช่..นั่นสิ จะว่าไปแล้ว แจจุง..นายบอกว่ามีเรื่องอยากจะขอคำปรึกษาหมอเรื่องนี้อยู่พอดีเลยไม่ใช่ หรอ? ดีเลยนะที่หมอคิบอมไปน้ำพุร้อนด้วยกันครั้งนี้ด้วย...ยังไงรบกวนหมอไปนั่ง กับเราด้วยนะฮะ...จะได้คุยกันระหว่างนั่งรถไปด้วยเลย..ไม่เสียเวลาดี...นะ ฮะ.. "เซียรับช่วงต่อทันทีอย่างกับนัดกันมา...ไม่เสียชื่อคู่หูปลาไหลไถลลื่นได้ ไกลกับแจจุงเลยสักนิด...แถมไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น...หลังจากจบประโยคเจ้า ตัวก็รีบคว้าหมับเข้าที่แขนของคิบอมก่อนจะรีบจ้ำออกเดินทันที....
"ไว้ เจอกันที่น้ำพุร้อนนะฮะ ยูชอน "ไม่ลืมที่จะหันมาโบกมือลาสองหนุ่มที่กำลังนิ่งอึ้งกับเหตุการณ์ที่เพิ่ง เกิดขึ้นรวดเร็วปานลมหายใจเดียว...สองหนุ่มยกมือโบกลาเก้ๆกังๆกับคนน่ารัก สองคนก่อนจะหันมาสบสายตากันอย่างงุนงง...
"มานี่เลย!!!! "เซียที่พุ่งตรงขึ้นรถบัสอย่างรวดเร็วกระชากคนด้านหลังให้เร่งเดินตามอย่าง ไม่ปรานีปราศรัย...เจ้าตัวรีบจ้ำเอาหาตรงที่นั่งที่พอให้นั่งได้แค่สามคน เท่านั้นเพื่อให้ม่ันใจว่าถ้ายุนโฮกับมิกกี้เกิดเดินขึ้นมานั่งรถคัน เดียวกัน จะต้องไม่มีที่นั่งพอสำหรับสองคนนั้นในระแวกใกล้ๆที่เขา แจจุงและไอ้หมอนี่นั่งกันอยู่...
"เข้าไปเลย! "เซียหยุดลงตรงมุมหนึ่งค่อนไปทางท้ายของรถบัสที่เหลือเพียงแค่สี่ที่นั่ง พอดี...หญิงสาวหน้ากลมไล่ชายหนุ่มที่มีดีกรีเป็นถึงหมอศัลย์มือต้นๆของ ประเทศให้เข้าไปนั่งริมสุดติดหน้าต่างก่อนที่แจจุงจะเสียบนั่งข้างๆ ทันที...ส่วนเซียทิ้งตัวที่เบาะหลังและวางกระเป๋าเอาไว้ที่นั่งข้างๆของ ตน....
"เรามีเรื่องต้องคุยกัน "แจจุงหันหน้าเข้าหาพลางกระซิบกระซาบเสียงเบา...ถึงแม้คนบนรถไม่มีทางที่จะ ได้ยินอะไรมากมายก็ตามเพราะเสียงจอแจของคนบนรถอึกทึกมากอยู่ทีเดียว...
"คนที่พวกเธอชอบคือยุนโฮกับยูชอนสินะ "
"เห้ย!!! เบาๆดิวะ!!!"แจจุงรีบเอามือปิดปากคิบอมทันที...พลางมองว่ามีใครฟังอยู่หรือ ไม่...สายตาจึงเหลือบไปเห็นยุนโฮกับมิกกี้กำลังขึ้นรถพอดี...เจ้าตัวรีบลด มือตัวเองลงทันทีก่อนจะเอ็ดใส่...
"นายห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดเข้าใจมั้ย!!?? โดยเฉพาะสองคนนั่น... "
"ใช่ แล้วอีกอย่าง...อย่ามาใช้สรรพนาม ทง เธออะไรแถวนี้ด้วย...เดี๋ยวความก็ได้แตกกันพอดี "เซียที่นั่งอยู่ด้านหลังชะโงกหัวกลมๆเข้ากลางวงทำเสียงเข้มสมทบ...
"โอ้ ย...พวกเธอ..นี่...ฉันหมายถึงพวกนายน่ะ...คิดว่าไอ้สองตัวนั่นมันไม่รู้รึไง กัน...ว่าพวกทะ..พวกนายชอบมันกันน่ะ "คิบอมที่ตอนแรกหลุดเรียกสรรพนามผิดรีบเปลี่ยนคำใหม่ทันทีเพราะสายตาจิกกัด อย่างเอาเรื่องของสองสาวว่าพลางพยักเพยิดหน้าหล่อๆไปทางยุนโฮกับมิกกี้ที่ นั่งลงแถวด้านๆหน้าเพราะที่ด้านหลังถูกจับจองจนครบหมดแล้ว...
แจจุ งกับเซียหันตามพลางเห็นสองหนุ่มเหลือบมองมายังทั้งสองด้วย...แต่สองสาวแกล้ง ทำเป็นมองไม่เห็นพลางเน้นย้ำกับคิบอมต่อเรื่องที่จะต้องช่วยกันปกปิดความ ลับ..
"อีกอย่าง...นายมาก็ดีแล้ว...ถ้ามีอะไรฉุกเฉินนายจะได้ช่วยพวกเราได้ด้วย... "แจจุงร่ายต่อด้วยสีหน้าจริงจัง...
"นี่ฉันไปเข้าร่วมขบวนการกับพวกเธอ เอ้ย..พวกนายตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่ทราบ ห๊ะ?! ทำไมฉันต้องเชื่อฟังพวกนายด้วยรึไง?"
"โห่ หมอ...ถือว่าเราสองคนขอร้องล่ะนะ...เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว...ถ้าความลับ มาแตกเอาตอนนี้...พวกเราต้องแย่แน่ๆ... "หญิงสาวโอดครวญใช้โหมดอ้อนเข้าสู้ มือขาวคว้าหมับมือใหญ่ที่วางอยู่บนตักพลางเคลื่อนหน้าสวยๆขาวๆเข้าใกล้
"เห้ยๆๆ...ไม่ ต้องมาจับมือถือแขน...ฉันรู้แล้วล่ะน่า!! "ไม่ได้จะหวั่นไหวหรอกนะ...เขาน่ะ Born to Be แน่แท้..ไม่มีทางหวั่นไหวกับผู้หญิงพวกนี้หรอก...เพียงแต่...ขี้เกียจแก้ตัว ตอนหลังกับเจ้าของสายตาสองคู่ที่หันมามองเป็นระยะจากด้านหน้าต่างหาก...
"และ พวกนายจะเอายังไงต่อ...ต่อให้่ความลับไม่แตกตอนนี้...แต่จะปิดไปได้นานอีก สักเท่าไหร่กันเชียว...สักวันความจริงก็ต้องเปิดเผย...หวังว่าพวกนายไม่ได้ ลืมข้อนี้กันหรอกนะ... "
"พวกเรารู้น่า... "เป็นเซียที่อยู่ด้านหลังเป็นคนตอบรับเสียงอ่อยพลางก้มหน้ากลมๆได้รูป ลง...สีหน้าเริ่มเคร่งเครียด...ร้อนตัวให้คิบอมต้องรีบแก้ตัวซะเอง...
"เออๆ ๆๆ...เอาเป็นว่า..เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดตอนมันมาถึงก็แล้วกัน...ตอนนี้พวกนาย สองคนช่วยทำตัวเป็นปกติก่อนที่ไอ้สองคนนั้นมันจะสงสัยมากไปกว่านี้ดีกว่า นะ... "คิบอมชี้เตือนสติให้กับสองสาวที่ตอนนี้ทำหน้าเศร้า คิดมากไม่แคร์สื่อให้รู้ตัว...
"พวกมันหันมามองฉันหลายรอบแล้ว...แค่ พวกนายลากฉันมานั่งด้วยเนี่ย...ฉันว่าไอ้สองคนนั้นมันก็ต้องตะหงิดๆบ้างแล้ว เหอะ... "ชายหนุ่มพยักเพยิดหน้าเบาๆไปทางสองหนุ่มรูปหล่อที่เหลือบหันมาทางด้านหลัง เป็นระยะๆจนคอแทบบิดอยู่รอมร่อ...
แจจุงกับเซียปรับท่านั่งให้เป็น ปกติพลางหยิบสายไอพอทจากกระเป๋าขึ้นมาเสียบเข้าที่หู้แสร้งทำเป็นทำ เพลง...หลังจากนั้นไม่นาน...รถบัสก็เคลื่อนตัวออกจากลานสนามบาสมุ่งหน้าสู่ ประตูใหญ่ของโรงเรียน...
"ว่าแต่...หมอไปรู้จักสองคนนั้นได้ไงอะ? "แจจุงเปิดประโยคถามหลังจากตีบทเงียบแสร้งทำเป็นฟังเพลงไปแล้วสักพัก...
"ก็...แม่พวกเราเป็นเพื่อนกันน่ะ เลยรู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้ว"
"จริง หรอ???!!! เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ...ฉันอยากรู้เรื่องยุนโฮตอนเด็กๆน่ะ"แจจุงยิ้มแก้มปริ อย่างลืมตัวพลางหันเข้้าหาอีกคนอย่างอยากรู้อยากเห็น...เซียที่นอนหัวซบไป ทางกระจกรีบเด้งตัวยื่นหน้ามาระหว่างเก้าอี้สองตัวด้านหน้าทันที...
"ก็ ฉันโตกว่าพวกมันมากก็จริงนะ..แต่สองคนนั้นเล่นกับฉันเหมือนรุ่นเดียวกันมา โดยตลอด...ก็เลยสนิทกันมากน่ะ...ตอนเด็กๆพวกนั้นนะ.... "สองสาวเพลิดเพลินกับนิทานสมัยเด็กประถมของชายหนุ่มที่ทั้งคู่หลงรัก...จน ไม่ทันรู้ตัวเลยว่า...ทางด้านหน้านั้น...ชายหนุ่มสองคนนั่งไม่ติดเก้าอี้กัน เลยทีเดียว....
.
.
รถบัสปรับอากาศสองคันต่างก็ มุ่งหน้าลงใต้สู่เมืองอาซานที่ตั้งของน้ำพุร้อนออนยังชื่อดังซึ่งตั้งห่าง ออกไปจากสนามบินนานาชาติอินชอนประมาณสองชั่วโมง...ตลอดระยะทางทั้งสองสาว สนุกเพลิดเพลินกับเรื่องเล่าต่างๆสมัยเด็กๆของชายหนุ่มที่ตนหลงรักจากปากของ คนที่เป็นทั้งพี่และเพื่อนสนิทต่างรุ่นของพวกเขาอย่างไม่ได้สนใจเวลาที่ล่วง ผ่านไปเลยสักนิด...ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมั่นใจในความเป็นแฟนพันธ์แท้ตัวยงของ ทั้งยุนโฮและมิกกี้นั้นไม่มีทางเป็นสองรองใคร...แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามี หลายเรื่องมากมายที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย...
"พ่อแม่สองคนนั้น รู้จักกันดีขนาดนั้นเลยหรอ? "แจจุงที่ตั้งอกตั้งใจฟังเอ่ยปากถามหลังจากที่ได้ฟังประวัติย่อโดยสังเขปของ ตระกูลทั้งสองที่ดูจะผูกพันฉันมิตรมากันมาหลายชั่วอายุคน...
"ก็ นอกจากที่แม่ของทั้งคู่น่ะรู้จักกันตั้งแต่สมัยอากงอาม่าแล้วนั่นน่ะ....แม่ ของยุนโฮกับยูชอนน่ะก็โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก...ส่วนพอหลังจากที่ทั้งสองคน ได้แต่งงานแล้ว..พ่อของยุนโฮกับยูชอนก็ได้มาทำธุรกิจเป็นหุ้นส่วนร่วมกันอี กด้วยน่ะ... "
"พวกเขาใจดีไหมอะ? "เซียที่นั่งมีส่วนร่วมผ่านช่องว่างตรงกลางระหว่างเบาะพนักพิงเอ่ยถามขึ้น...
"จะ ว่าใจดีก็ใจดีนะ..แม่ยุนโฮกับยูชอนน่ะเหมือนกันมาก...ชอบอะไรหลายๆอย่าง คล้ายๆกัน...ดีแทบทุกเรื่อง..เสียอยู่อย่างเดียว...เอาแต่ใจสูงมาก...ถ้า ตัดสินใจอะไรแล้วล่ะก็ จะต้องทำให้ได้ตามที่คิดไว้...ดังนั้นถ้าไอ้สองตัวนี้ขัดใจขึ้นมาเมื่อไร... บ้านแทบแตกทุกครั้งไป...เห็นว่าตอนนี้ก็ไม่รู้ทะเลาะอะไรกันสักอย่างอยู่ เหมือนกัน...พวกมันไม่ค่อยกลับบ้านกันสักเท่าไร... "
"โห่ย...หมออ้ะ ...ไม่ได้เรื่องเลยยยย....รู้เรื่องของทั้งสองตระกูลนี้ดียังกะเป็นคนเขียน แผนผังครอบครัว...แต่เรื่องใกล้ตัวแค่นี้ทำไมดันไม่รู้ซะงั้นอ้ะ!? "
คิบอมเหลือบตามองแจจุงเล็กน้อยพลางตอบอย่างไม่หยี่หระ..
"ฉัน ไม่ได้พิศวาสอยากได้พวกมันมาเป็นคู่สักหน่อย ถึงต้องอยากรู้เรื่องของมันไปซะทุกเรื่องน่ะ...พวกเธอน่ะ...ฉันว่าเข้าข่าย โรคจิตชัดๆ ที่อยากรู้มันไปซะทุกเรื่องเนี่ย... "
"เอ๊!!!...ก็บอก ว่าอย่าพูดว่า ‘เธอ’ ไงล่ะ!! อีกอย่าง...มันไม่ใช่ว่าฉันต้องรู้ทุกเรื่องซะหน่อย...แต่นี่เล่นทะเลาะที พร้อมกันสองคน แล้วก็ไม่กลับบ้านด้วย...คนที่เป็นทั้งพี่และเพื่อนสนิทอย่างหมอ...จะไม่ อยากรู้อะไรหน่อยเลยรึไง? "คนสวยว่าพลางทำหน้านิ้วคิ้วขมวด และเหลือบมองคนรอบกายที่บ้างก็นั่งฟังเพลง คุยกันส่งเสียงเอะอะบ้าง ส่วนคนด้านหน้ารถ..ท่าจะหลับไปแล้วล่ะมั้ง...
"ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่อง ชาวบ้านนั่นข้อหนึ่งล่ะ ส่วนอีกข้อ คือเพราะมันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลยสำหรับฉัน...ใช่ว่าสองคนนี้ขัดใจแม่ตัว เองไม่บ่อยเสียเมื่อไร...ฉันน่ะต้องรับกรรมให้ที่พักที่ผ่อนมันมากี่ครั้ง แล้ว...จนตอนนี้พอมันขับรถกันได้ก็เลยอันเชิญตัวเองไปอยู่ที่คอนโดของบ้าน ไอ้ยูชอนมันกันทุกครั้งที่ทะเลาะกับมารดาของมันทั้งสอง..."
"โหหหห...มีคอนโดออกมาอยู่กันเองได้ด้วย..ดีจัง!! "เซียอุทานพลางฝันหวานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...
ถ้าเราได้มีโอกาสไปและอยู่กับยูชอนสองต่อสองสักครั้งนะ...
"นี่ มึงเลิกคิดวางแผนเสียตัวเลยนะ...ไอ้น่าไม่อาย "แจจุงหันไปชายตามองเพื่อนรักทางด้านหลังก่อนจะพูดดักคอคนที่กำลังฟุ้งอยู่ ในห้วงอารมณ์เพ้อฝันขนานหนัก...
เซียจิ๊ปากพลางมองเขม่นเพื่อนสาวอีกคนกลับทันที...
"ทำเหมือนมึงไม่ได้คิดงั้นแล่ะ! "
"แต่จะว่าไป.... "จู่ๆคิบอมก็พูดแทรกขึ้น...
"ครั้ง นี้ดูท่าจะทะเลาะแรงอยู่นะ...ทั้งสองคนนั่น...ไม่ปริปากบอกอะไรฉันสัก คำ...อีกอย่าง...จู่ๆพวกมันก็..."หมอรูปหล่อพูดค้างอยู่แค่นั้น...ตาเรียว เหม่อออกไปทางหน้าต่างรถบัส...
แปลก....
เรื่องนี้คาใจเขามาสักพักแล้ว....
ไอ้สองคนนี้...มัน...
มันดู.....
ไม่น่า....
ไม่น่าจะ....
ไม่น่าจะมีแวว....
มีแวว....
"อะไร หรอล่ะหมอ??? "เสียงแจจุงเรียกสติของคิบอมให้กลับมา...หญิงสาวเบิ่งตาที่โตอยู่แล้วอย่าง อยากรู้อยากเห็น...ไม่ต่างจากเซียที่ตอนนี้ยืดตัวคำ้เบาะขึ้นมาฟังอย่างตก อกตั้งใจไม่แพ้กัน...
"ก็...ก็...จู่ๆพวกมัน...พวกมัน..."
"เอา ล่ะทุกคน!! ถึงแล้ว!!!! "เสียงชินดงจากด้านหนังดังแทรกกลางอากาศดึงความสนใจของผู้คนในรถที่กำลัง ตื่นตาตื่นใจกับวิวด้านนอกให้หันกลับมา...
"ขอต้อนรับสู่อาซาน เมืองแห่งน้ำพุร้อน!!!... "ชินดงว่าด้วยเสียงเปรมปรีดาประหนึ่งไกด์ผู้เชี่ยวชาญพาลูกทัวร์มาลงเที่ยว พร้อมๆกับยิ้มกว้างที่ถูกแจกออกไปอย่างทั่วถึง...
"เดี๋ยวขอให้ทุกคนลงกันไปรอที่ล๊อบบี้ของโรงแรมเลยนะ...เราจะแจกกุญแจห้องกันที่นั่น...เอาล่ะ! พร้อมแล้วก็ไปกันได้เลย!! "
"ฉัน ว่าพวกเธอรีบๆออกกันไปหาพวกมันดีกว่านะ...ถ้าไม่อยากถูกสงสัยไปมากกว่านี้ "หมอหนุ่มรูปหล่อพูดพลางดันให้แจจุงลุกออกไปยืนตรงทางเดินก่อนที่จะลุกออกมา บ้าง...มือใหญ่ถูกยื่นออกไปหยิบกระเป๋าลงจากชั้นด้านบนอย่างง่ายดาย..คว้าที เดียวสองใบทั้งของแจจุงและเซียก่อนยื่นให้สองสาวและไม่ลืมที่จะหยิบของตัว เองที่อยู่ในสุดลงมาจากชั้นเช่นกัน...
"โอเคๆอ่ะ... "แจจุงเอ่ยปากตอบรับ...ส่วนเซียทำเพียงแค่พยักหน้าตอนคิบอมส่งกระเป๋าให้และพากันเดินไปทางประตูด้านหน้าเพื่อลงจากรถ...
เมื่อ สองสาวลงจากรถลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...สายตาก็ประสานเห็นชายหนุ่มสองคน ที่ยืนหันหลังเหมือนกำลังรอใครอยู่ไม่ไกลจากตัวรถนัก...จะเป็นใครนั้นแจจุ งกับเซียแทบไม่ต้องเปลืองสมองเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย...
"เอ่อ...ยู ชอน..ไปกันเลยไหมฮะ...? "เซียอาสาเป็นหน่วยกล้าตายเอ่ยปากถามก่อน...ชายหนุ่มเจ้าของชื่อได้ยินก็หัน หลังมาตามเสียงเรียก...อีกคนก็หันมาเช่นกัน...สีหน้าทั้งสองเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ...
"เรารู้จักกันด้วยหรอครับ? "มาละนั่นไง...มุขน้ำเน่าขี้งอนตามสเตป....เซียแทบอยากจะยกครีบตบหน้าผากก ลมๆของตัวเอง...นี่ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าตาดีมีเสน่ห์หน้าผากกว้างโหวงเฮ้งดี เซียไม่ตอบกลับไอ้ประโยคขี้น้อยใจไร้สาระนี้หรอกนะเหอะ...
"อ้าว แล้วถ้างั้นยูชอนยืนรอใครอยู่ล่ะฮะ?...ก็... "เซียเว้นหยุดเล็กน้อยก่อนหันหลังไปมองที่ประตูรถที่ปิดสนิทเรียบร้อยแล้ว...
"ไม่มีใครเหลืออยู่บนรถแล้วนี่ฮะ?...หรือยูชอนรอคุณลงคนขับรถ?? "จบประโยคเสร็จก็ทำตาแป๋วไร้เดียงสาเต็มที่...
แหม ถึงเขาจะวิ่งไล่จับผู้ชายก็จริง...แต่เขาก็รู้จักเล่นตัวในบางครั้งเพื่อไม่ให้ดูไร้ค่าหรอกนะ...
ขืนตามใจมากไปก็เสียการปกครองกันหมดพอดี...
"ผม ว่ารีบไปกันดีกว่านะฮะ..อยากขึ้นห้องจะแย่แล้ว....จะได้พักผ่อนกันไง ฮะ..เดี๋ยวช่วงบ่ายก็ต้องซ้อมแล้วนา... "หญิงสาวอีกคนค่อยๆกระเถิบตัวไปใกล้ชายหนุ่มอีกคนที่ตั้งแต่เขาลงมาจากรถ แล้วยังปริปากพูดอะไร...
"นั่นดิ...นานๆทีฉันจะได้พักยาวแบบนี้ ...ปิดคลีนิคตั้งสามวันแถมยังได้มาเที่ยวแบบนี้อีก...สวรรค์เลยล่ะ..ไปเร็ว เหอะ.. "คิบอมพูดต่อจากแจจุงก่อนยกมือขึ้นคล้องคอเพื่อนทั้งสองแล้วออกเดิน...สอง สาวที่ถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังมองหน้ากันก่อนจะออกเดินตามหลังชายหนุ่มอีกสาม คน....
.
.
"เห้อ!! ถึงซะที "แจจุงวางกระเป๋าลงตรงปลายเตียงก่อนจะหงายตัวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม...
"นี่ อย่าเพิ่งมาสบายใจไปหน่อยเลย...มันเพิ่งเริ่มต่างหาก...จะว่าไปตอนนี้ฉันชัก จะกังวลอย่างที่ชางมินมันเตือนมาแล้วนะ... "เซียวางกระเป๋าลงที่ปลายเตียงของตัวเองบ้างก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงเช่นกัน...
"โอ้ ย...อย่าไปกังวลอะไรที่ยังไม่เกิดเลยน่า...ยังไงเราก็เตรียมพร้อมมาทุกอย่าง แล้วนี่...อย่าเพิ่งคิดมากให้เสียอารมณ์เลยนะ...ไหนๆก็ได้มาเที่ยวแล้ว ด้วย... "แจจุงหันหน้าพลางพูดปลอบใจเพื่อนที่เริ่มกังวลคิดมากจิตตกเกินเหตุก่อนจะ หันหน้ากลับไปอีกทางมองออกไปทางหน้าต่างที่เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์เขียวขจี ด้านนอก...
"นี่... "
"อะไร?? "เซียที่ไม่ได้ทำตามอย่างที่แจจุงว่าซักเท่าไรขานรับเสียงเอื่อย...
"โหย...มึง อย่ามาทำหน้าเต้าหู้ยี้แถวนี้นะ...ยิ่งเรากังวลมากเท่าไร...เรื่องแย่ๆที่ เราคิดมันก็จะมีโอกาสเกิดขึ้นมากเท่านั้นนะเว้ย... "
"ก็จะไม่ให้คิดมากได้ไง...แล้วดูเหมือนยูชอนกับยุนโฮของมึงน่ะ...ก็เหมือนจะสงสัยเรื่องเรากับคิบอมด้วยนะ..."
"นี่ฟังนะ... "หญิงสาวที่นอนเลื้อยอยู่เมื่อครู่เด้งขึ้นมานั่งพลางจ้องเพื่อนรักอีกคนที่ตอนนี้เริ่มเครียดหนักกว่าเดิม...
"เลิก ทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว...คิ้วตาหูจมูกปากมึงจะไปยุบรวมกันอยู่แล้วนั่นน่ะ... ปกติพื้นที่รอบด้านข้างของหน้ามึงก็เยอะพออยู่แล้ว อย่าไปเพิ่มพื้นที่ให้มันมากไปกว่านี้เลยนะ จุนซู "
"คือกูไม่ตลกในเวลานี้...อย่าพยายาม...มันไม่เวิร์ค"
"กูไม่ได้พยายามตลก...กูพูดเรื่องจริง "
"..... "
"โอเคๆ กูไม่เล่นแล้วก็ได้...กูแค่จะบอกว่า...ที่นี่เขาชื่อดังเรื่องบ่อน้ำพุร้อน มากเลยนะเว้ย...กูว่าตอนดึกๆเราแอบเข้าไปแช่หลังจากที่คนอื่นๆเขาแช่กัน แล้ว..ดีป่ะ?? "
หน้าเซียบี้หนักกว่าเดิม..
"นี่มึงได้ฟังที่กูพูดไปบ้างไหม?? ห๊ะ?? หรือสมองไม่มีถึงคิดไม่ได้เนี่ย??? "
"โอ้ ยยย...นี่มึงจะเครียดเพิ่มทำไมเนี่ย...ปกติสถานการณ์ก็เครียดอยู่แล้ว นะ...อย่างที่มึงว่า เนี่ยมันเพิ่งเริ่มต้น เรายังต้องลุยกันอีกเยอะ...จะไปกังวลสิ่งที่ยังมาไม่ถึงทำไมล่ะห๊ะ....ใจ เย็นๆสิ...ใจเย็นๆนะ...Relax...หายใจเข้าลึกๆ.... "แจจุงว่าพลางมีท่าทางประกอบยกสองมือขึ้นๆลงๆตามจังหวะลมหายใจสูดเข้าสูด ออก...แต่เซียก็ยังไม่เข้าถึงอารมณ์ซักเท่าไรนัก...
"ตกลงนี่เรามาซ้อมมวย หรือรำไทเก๊กกันแน่??? "
"ก็ มึงอ้ะ!!! ทำเสียอารมณ์มันทุกเรื่องจริงๆนี่!!...เอาหน่า....กูว่านะ..ยิ่งเป็นแบบนี้ มึงยิ่งต้องหาอะไรทำคลายเครียด...ตกดึกเราแอบไปแช่กันเหอะนะ จุนซู กูอยากแช่มานานมากแล้วนะ นะๆๆๆๆๆ "
อะโด่...
อ้างว่าช่วยคลายเครียด..
จริงๆแล้วตัวเองอยากแช่น้ำพุร้อนต่างหาก....
เห้อ...ชักไม่มั่นใจซะแล้วว่านี่กูคิดผิดคิดถูกเนี่ยที่ดักดานเป็นเพื่อนกับคิม แจจุงมาหลายปีดีดัก = =”
ตก บ่ายหลังจากกินข้าวเที่ยงกันอิ่มหนำสำราญแล้ว...ชินดงก็นัดแนะเวลาซ้อมช่วง บ่ายและแจกตารางการฝึกซ้อมเก็บตัวครั้งนี้ให้กับสมาชิกในชมรมทุกคน...ทุกคน ต่างก็แยกย้ายกันไปซ้อมร่วมกับรุ่นของที่ตัวเองจะลงแข่ง...จึงเป็นเรื่องน่า เศร้าสำหรับสองสาวที่ต้องแยกกันซ้อมกับชายหนุ่มที่ตัวเองต่างก็ปลาบปลื้ม อย่างเสียไม่ได้...
หลังจากซ้อมเสร็จก็เป็นเวลาที่ทุกคนรอคอย...นั่น ก็คือช่วงเวลาของการแช่น้ำพุร้อนนั่นเอง...จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ลงแช่น้ำ อุ่นๆสบายตัวหลังจากที่ต้องเสียแรงเสียเหงื่อไปเป็นถังเป็นโอ่งจากการซ้อม หนักได้ล่ะ...ทุกคนในชมรมกุลีกุจอวิ่งเข้าห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเพื่อไปกิน ข้าวเย็นในห้องอาหาร หลังจากทานอาหารเสร็จก็จะเป็นเวลาส่วนตัวของทุกคนที่จะไปแช่น้ำร้อน หรือทำอะไรตามอัธยาศัย...
จะมีก็สองสาวนี่ล่ะ...ที่ไม่มีทีท่ารีบ ร้อนแต่อย่างใด...หลังจากซ้อมเสร็จ ทั้งสองก็รีบหายหัวขึ้นห้องพักโดยไว...โดยมีข้ออ้างให้กับสองหนุ่มหล่อว่า รู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอขึ้นไปพักผ่อนบนห้องสักพัก...
.
.
"เสียดายเหอะ"
"เสียดาย ไรของมึงวะ แจจุง"เซียถามขึ้นหลังจากที่ทั้งสองรีบหลบขึ้นมาที่ห้องพักโดยที่คนในชมรม ไม่ทันสังเกต...หญิงสาวทิ้งตัวลงข้างๆแจจุงที่นอนเหยียดยาวหันหน้ามาทางปลาย เตียง..หน้าขาวฟุบอยู่กับหมอนใบโตเหลือเพียงตาโตใสสองข้างโผล่ขึ้นมาให้ เห็น...
"ก็แหม...มึงไม่คิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีหรอวะ?..คิดดู มึงจะได้แช่น้ำพุร้อนกับยูชอนเลยนะเว้ย!!! "
"เฮอ ะ...ถ้าแช่กับยูชอนคนเดียวกูก็รับได้อยู่หรอกนะ...แต่การที่จะต้องเห็นอะไรๆ ของคนที่กูไม่ได้อยากจะเห็นด้วยเนี่ย...กูคงได้อ้วกแตกคาบ่อน้ำพุร้อนแน่... "เซียว่าพลางทำหน้าเหยเกขณะเช็ดผมสั้นกุดของตัวเองไปด้วย...สองสาวอาบน้ำ เรียบร้อยและต่างก็อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวด้วยกันทั้งคู่...
"ก็จริงของมึงอะนะ...คิดแล้วกูก็ขนลุก "แจจุงนึกภาพตามที่เพื่อนรักบอกแล้วทำท่าขนลุกอย่างอดไม่ได้ก่อนจะหันมาถามเซียต่อ...
"ว่าแต่...แล้วเราจะไปแช่กันเมื่อไรดีล่ะ? "
"รอดึกๆหน่อยเหอะ...กูไม่อยากเสี่ยง โอเคป่ะ? "
"เออ รู้แล้วน่า..กูไปสำรวจมาแล้วเรียบร้อย....มีบ่อที่อยู่ลึกเข้าไปทางด้าน ใน...คิดว่าตอนดึกคงไม่มีคนไปแช่แถวนั้นหรอกนะ...ยังไงก็เอาผ้าเช็ดตัวไป หลายๆผืนเผื่อเอาไว้ก่อนด้วยละกัน... เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน "
"ถึงตอนนั้นกูว่าผ้าแม่งไม่ได้ใช้ประโยชน์แน่...เห้อ... นี่พวกเราแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำได้โดยไม่ถูกจับได้กันน่ะ "
"โห่ ย จุนซู อย่าคิดมากไปเลยน่ะ....หรือมึงทนได้รึไง? มาถึงบ่อน้ำพุร้อนแล้วกักตัวเองอยู่แต่ในห้องแบบเนี้ยเนี่ย??!! "อย่าอะไรมากเลย...ไม่ใช่ว่าแจจุงไม่ได้กลัวความจริงเปิดเผยหรอกนะ...ไอ้ เรื่องเนี้ย มันเครียดตั้งแต่ชางมินกดดันเขาแล้วล่ะ...แต่จะให้ทำยังไง...ก็มันยังไม่ พร้อมนี่...มาถึงขนาดนี้แล้ว...จะให้บอกความจริงตอนนี้ก็ใช่ที่...ขืนเอาแต่ นั่งเฉยๆไม่ทำอะไรจะยิ่งทำให้เขาคิดมากฟุ้งซ่านหนักกว่าเพื่อนหน้ากลมที่ นั่งขมวดคิ้วเป็นปมข้างๆเขาเสียอีก...สู้เอาเวลาไปผ่อนคลาย เลิกคิดเรื่องพวกนี้สักพักยังดีเสียกว่า...
ตกดึกคืนนั้น...สอง สาวแอบย่องออกจากห้องกลางดึกพร้อมเสื้อผ้าและผ้าขนหนูพร้อมอยู่ในกระเป๋า สะพายใหญ่หนึ่งใบ...แจจุงเดินลัดเลาะนำเพื่อนสาวไปยังบ่อที่ตั้งลึกเข้าไป ส่วนในสุดของโรงแรม...บ่อน้ำร้อนนั้นว่างเปล่า...ด้านหนึ่งของบ่อติดกับสวน ขนาดย่อมที่รอบล้อมไปด้วยต้นไม้สูงและพุ่มไม้สลับกันประปราย...
"ใน ที่สุด...เห้อ~~~~ สดชื่นจัง "แจจุงแหงนหน้าขึ้นท้องฟ้าพลางเหยียดแขนออกด้านข้างลำตัว...เซียวางกระเป๋า ลงข้างๆกันพลางหย่อนขาลงไปจุ่มบ่อน้ำร้อน...
"อูยยยย....น้ำร้อนดีจัง... "เซียเอ่ยขึ้นบ้างพลางค่อยๆหย่อนขาลงลึกลงไปอีกทั้งสองข้าง...
สอง สาวอยู่ในเสื้อกล้ามตัวบางสีน้ำเงินเข้มกับขาสั้นกุดสีดำกำลังดื่มด่ำกับ ธรรมชาติอย่างเบิกบาน...แจจุงนี่แทบจะเรียกได้ว่ากระโดดใส่บ่อน้ำร้อนเลยก็ ว่าได้...
"นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้มาแช่น้ำร้อนด้วยกันแบบนี้... "
"น้ำเน่าน่ะมึง...พูดยังกะคนแก่... "โลมาสะบัดครีบเข้าให้ทำเอาน้ำร้อนกระเซ็นเข้าปากแจจุงไปสองสามหยด...
"เอ้ า!!...ก็จริงนี่...ครั้งก่อนก็โน่น....ตอนเพิ่งขึ้นม.ปลายกันได้มั้ง....เรา ไปที่ไหนกันนะ...จำไม่ได้ละ...แต่กูว่าที่นี่สวยกว่ากันเยอะเลยนะ...วิวสวน กับบ่อน้ำนี่อย่างกับฉากในวรรณคดีแน่ะ... "
"ย่ะ แม่งนางกินรี...เชิญร่ายรำแหวกว่ายให้เต็มที่เลย...พรุ่งนี้ไม่เอาแล้วนะ กูขอเสี่ยงวันเดียวพอ... "
"เอ ออออ...รู้แล้วน่ะ ย้ำจริง.... "แจจุงว่าอย่างไม่หยี่หร่ะก่อนจะเริ่มร่ายรำอย่างที่เซียว่าทันที...ร่างบาง ย่อตัวลงจนเหลือแค่หัวพ้นน้ำและเริ่มเคลื่อนตัวไปยังกลางบ่อน้ำร้อน...และ ที่ทำเอาเซียต้องกลอกตาขึ้นพลางยกครีบตะปบหน้าผากตัวเองก็คือเสียงร้องเพลง หลงคีย์ของแจจุงนั่นเอง....
ตอนร้องในห้องคาราโอเกะว่าแย่แล้ว...
มาร้องในสถานที่แบบนี้...
แม่งกูคิดว่ากูอยู่ในหนังผีก็ไม่ปาน = =”
กินรีหรือผีพรายกันแน่วะเนี่ย!!!
หน้าตาก็พอไหวอยู่หรอก... แต่พออ้าปากร้องเพลงนี่กูคิดว่ามึงหลุดออกมาจากต้นตะเคียน!
อี กด้้านหนึ่งของบ่อน้ำ...ในสวนขนาดย่อมมีกลุ่มผู้ชายจากชมรมชกมวยสองสามคนที่ เพิ่งแช่น้ำร้อนเสร็จแล้วมาเดินเล่นในสวนแทบจะเดินสะดุดก้อนหินข้างหน้า เมื่อได้ยินเสียงเสียงหนึ่งเข้า...
"มึงได้ยินอะไรปะวะ? "คนที่เดินสะดุดก้อนหินเป็นคนเอ่ยถามขึ้น...
"ไม่มี อะไรหรอกมั้ง...คงเป็นสัตว์แถวๆนี่แล่ะมั้ง... "คนที่เดินชนด้านหลังของคนที่เดินสะดุดก้อนหินเอ่ยขึ้นหลังพยายามเงี่ยหูฟัง เสียงที่ว่า
"สัตว์เหี้ยไรร้องเสียงแบบนั้นวะ?... "คนที่สามที่ยืนอยู่หลังสุดออกความเห็น...
หลัง จากเงียบกันไปสักพักเพื่อเงี่ยหูฟังในความเงียบ...ทั้งสามก็ยังไม่สามารถ ระบุได้ว่าเสียงโหยหวนท่ามกลางความมืดนั่นคือเสียงอะไรกันแน่...
"กูว่า...เหมือนเสียงผู้หญิงเลยนะเว้ย "ในที่สุดคนที่สองที่อ้างว่าเสียงที่ได้ยินในตอนแรกเป็นเสียงสัตว์ในบริเวณนั้นเอ่ยขึ้น...
"มัน ดังมาจากฝั่งใกล้ๆนี้เองนี่หว่า... "คนแรกของกลุ่มเอ่ยขึ้นบ้างพลางสาวเท้าไปข้างหน้าผ่านพุ่มไม้เล็กๆก่อนจะ เลี้ยวไปทางซ้ายเล็กน้อย...และก็เห็นบ่อน้ำพุร่อนที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางสวนที่ พวกเขากำลังจะเดินผ่าน...
....
"เห้ย เสียงเงียบไปแล้วว่ะ "คนสุดท้ายที่เดินตามเพื่อนทั้งสองมาเอ่ยขึ้น
"ชู่ว!!! ฟังก่อน "คนแรกหันมาส่งสัญญาณให้เงียบ ตั้งใจเงี่ยหูฟังเสี่ยงประหลาดเบาๆที่จับใจความไม่ได้ดังขึ้นมาแทนเสียง โหยหวนราวหมูถูกเชือดนั่น...
.
.
"จุนซู กูว่ากูอยากถอดเสื้อกล้ามว่ะ "คนที่หยุดร้องเพลงไปแล้วค่อยๆเถิบตัวมายังฝั่งที่เซียกำลังนั่งแช่น้ำร้อนสบายใจเฉิบ...
"มึงนี่หาเรื่องเหลือเกินนะ...เออ แต่จะว่าไปถอดไปคนเค้าก็ไม่รู้หรอก หน้าหลังโล้นขนาดนั้น "
"เชี่ยนี่!! ปากแบบนี้ครั้งหน้ากูจะให้ทงเฮตัดทรงกะลามะพร้าวให้!!! "
เซีย ยักไหล่กลมๆอย่างไม่หยี่หระก่อนจะเริ่มมุดตัวลงน้ำทิ้งให้แจจุงยืด กระฟัดกระเฟียดอยู่สักพักก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อกล้ามออกและโยนไปวางตรงขอบ บ่อ...ผิวนวลขาวส่องกระทบกับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเหนือน้ำก่อนจะค่อยๆจม หายไปกับไอควันที่ลอยฟุ้งอยู่บนผิวน้ำ...
.
.
.
"ว่า ไงอะมึง...แม่งเงียบไปนานแล้วนะ "ชายคนกลางท่ามกลางสามคนที่กำลังขดตัวอยู่ในพุ่มไม้ถามขึ้นในที่สุดหลังจาก เสียงโหยหวนและเสียงพึมพำเงียบหายไปแล้วสักพัก...
"ชู่ว!! ฟังดิ! "คนหน้าสุดทำสัญญาณให้เงียบอีกครั้งก่อนทั้งสามจะตั้งใจฟังเสียงที่เหมือน เสียงน้ำเคลื่อนที่....สามหนุ่มเคลื่อนตัวเข้าใกล้บ่อน้ำมากขึ้นเรื่อยๆก่อน จะมายืนเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน...ค่อยๆโผล่หน้าขึ้นจากพุ่มไม้เพ่งสายตาไป ยังบ่อน้ำพุร้อนขนาดไม่ใหญ่มากโดยคาดหวังว่าจะเห็นสาวสักคนที่กำลังแช่น้ำพุ ร้อน...แต่ภายในบ่อกลับว่างเปล่า...สายตาสามคู่เลิกลักมองไปทั่วอย่าง สงสัย..สายลมหวีดหวิวขึ้นครั้งนึงก่อนเสียงแหลมที่ได้ยินในตอนแรกจะดังขึ้น อีกครั้ง....แต่ทั้งสามก็ยังไม่เห็นใคร...ใบไม้ที่หลุดร่วมจากต้นไม้เหนือ ทั้งสามปลิวผ่านหน้าไปตามแรงลม....เสียงโหยหวนยังคงดังต่อเนื่อง...ก่อนที่ จู่ๆก็มีเสียงหมาหอนดังมาจากที่ไกลๆสักที่....สามหนุ่มขนลุกซู่ ต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง...อยากจะวิ่งออกไปให้สุดแรงเกิด แต่ขาทั้งสองข้างกลับไม่ให้ความร่วมมือซะนี่...
"..มะ...มึง...กูว่า ไม่ค่อยจะดีแล้วนะ "
"นะ..นั่นดิ... "
"....... "คนสุดท้ายไม่ได้พูดอะไรเพียงสะกิดเพื่อนทั้งสองให้หันหน้าไปทางพุ่มไม้ด้านหน้าของพวกตนที่กำลังขยับไหวอย่างรุนแรง....
ท่ามกลางความมืดนั้นจู่ๆก็มีใบหน้าขาวโผล่ขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว...
"ว๊ากกกกกกกก!!!!!!!!!!!~~~ "สามหนุ่มประสานเสียงกันโดยมิได้นัดหมายก่อนจะรีบจรลีวิ่งหนีออกจากพุ่มไม้ที่ซ่อนตัวอยู่อย่างรวดเร็ว...
เท่า ที่สติของแจจุงเหลือก่อนจะหงายหลังตกบ่อน้ำพุร้อนคือภาพของชายสามคนวิ่งหนี อย่างไม่คิดชีวิตพุ่งไปทางทิศตรงข้ามกับที่เขาอยู่...ผ้าขนหนูของคนรั้งท้าย ถูกเกี่ยวกับกิ่งไม้ข้างทางแต่เจ้าตัวคนวิ่งไม่ได้ใส่ใจจะหันกลับมาเก็บแต่ อย่างใด...แต่กลับวิ่งล่อนจ้อนแหกปากลั่นรีสอร์ทอย่างไม่คิดชีวิต...
ตู้ม!!!
เสียงตกน้ำจากฝั่งฟากตรงข้ามทำเอาเซียผุดหัวขึ้นจากน้ำทันใด....
"แจจุง!!!! "เซียรีบแหวกว่ายพุ่งตัวไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงน้ำสั่นไหว...สองครีบตะกายน้ำร้อนก่อนจะถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว...
"ค่อก!!แคก~~! "แจจุงพุ่งตัวเองขึ้นจากน้ำก่อนจะสำลักไอพุ่งใส่หน้าเซีย...
"เห้ย !!~ มึงโอเคป่ะเนี่ย??! "มือป้อมถูกยกขึ้นกันน้ำที่สาดกระเด็นใส่ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง...
"มะ..เมื่อกี๊.... "แจจุงพูดด้วยความยากลำบากเนื่องจากกลืนน้ำร้อนเข้าไปหลายอึก...
"เมื่อกี๊อะไร?? "
"มะ..มีผู้ชายสามคนแอบอยู่ในพุ่มไม้!~ "
"หา!!!!!!!!!???? แล้วมันเห็นหน้ามึงรึเปล่า? "
"เต็มๆตาเลยล่ะ... "
"เชี่ย แล้วไง!!~~ "เซียสะบัดครีบกับน้ำอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะส่งสายตาค้อนหนักๆไปยังเพื่อน สาวที่ตอนนี้พยายามปาดน้ำออกจากหน้าของตัวเองอยู่...."แล้วไปทำอีท่าไหนถึง ถูกเจอเข้าเนี่ย!!~ ให้ตายเหอะกูมุดลงไปในน้ำหน่อยเดียวเองนะ! "
"ก็...ก็ กูดำน้ำมาถึงฝั่งนี้แล้วก็ร้องเพลงไปเรื่อยก่อนจะได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้ หลังพุ่มไม้อะ...แล้วพอปีนขึ้นไปดูก็จะเอ๋กันพอดี...แม่งทำเอากูตกใจเหมือน กันนั่นแล่ะ หงายหลังตกน้ำมาเนี่ย...นี่ดีนะหัวกูไม่โขกถูกอะไรเข้า...แต่กูว่ามันมืดมาก เค้าคงจำหน้ากูไม่ได้หรอก...มั้ง..."
"เพราะเสียงร้องเพลงผีป่าผี ตะเคียนมึงแน่ๆที่ดึงคนพวกนั้นเข้ามาน่ะ...อีกอย่างนี่มึงบ้าหรือมึงโคดโง่ กันแน่?? ที่ปีนขึ้นไปทั้งๆที่โป๊ท่อนบนแบบนี้อะนะ!? "
"ก็คนมันลืมคิดนี่!!.... "
"พอ! ไม่ต้องพล่ามแล้ว! ขึ้นห้องเดี๋ยวนี้เลยก่อนที่คนอื่นๆเขาจะแห่กันมาถึงนี่!!"เซียตวัดครีบลาก แจจุงไปยังอีกฝั่งทันทีก่อนจะรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วพากันย่องออกจาก น้ำพุร้อนกลับห้องตัวเองให้เร็วที่สุด....
.
.
"อ๊า กกกกกกกกกกกกกก~~!!!!~~~ "เสียงกรีดร้องดังลั่นของชายสามคนที่วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตดึงดูดความสนใจชาย หนุ่มสองคนที่กำลังยืนอยู่ในสวนด้านหลังของโรงแรมให้หันไปมองอย่างตื่น ตกใจ...
"เห้ย!!!! นี่พวกนายวิ่งหนีอะไรกันมาเนี่ย!?? "ยุนโฮถามชายคนแรกที่วิ่งมาถึงตัว...สีหน้าของคนที่พูดด้วยขาวซีดไร้เลือด ฝาด...คนที่สองที่วิ่งมาสมทบทีหลังก็หน้าตาแตกตื่นไม่แพ้กัน...ปากสั่นตัว ซีดกันถ้วนหน้า...ไม่มีใครพูดอะไรจนมิกกี้ต้องเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง...
"ว่า ไง??!! เกิดอะไรขึ้น!? "ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะตอบอะไร...ชายคนสุดท้ายที่วิ่งล่อนจ้อนไม่มีอะไร ปกปิดก็วิ่งมาสมทบทำเอามิกกี้กับยุนโฮแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง....
.
.
.
"ไหน...ว่า มา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? "ยุนโฮเอ่ยถามขึ้นในที่สุดหลังจากหาผ้าหาผ่อนให้คนที่ล่อนจ้อนมีอะไรปกปิด ก่อนจะจับทั้งสามคนนั่งลงกับม้าหินแถวๆในสวนหลังโรงแรม...ตอนนี้มีชินดงและ สมาชิกในชมรมสามสี่คนที่ได้ยินเสียงตื่นตกใจมายืนล้อมวงสมทบหาความจริงด้วย เช่นกัน....
"คะ...คือ....พวกเรากำลังเดินกลับจากอาบน้ำพุร้อนจาก ฝั่งด้านในของโรงแรม..แล้วจู่ๆก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังขึ้นมาระหว่าง ทาง..."ชายหนุ่มคนแรกที่เป็นคนได้ยินเสียงประหลาดก่อนใครเพื่อนเอ่ยพูดด้วย เสียงสั่นเครือ...เพื่อนอีกสองคนก็มีอาการไม่ต่างกันนั่งสั่นเป็นลูกนกพลาง สอดส่องสายตาลอกแลกตลอดเวลา...
"มันเป็นเสียงที่...ประหลาดมาก ...จริงๆนะครับ พวกเรานิ่งฟังกันอยู่สักพักก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือเสียงอะไร...พวก เราเดินตามทางของเสียงนั้นไปเรื่อยๆ...จนไปหยุดที่หลังพุ่มไม้ข้างๆบ่อน้ำพุ ร้อน..."คนที่สองเป็นคนเอ่ยต่อเสียงสั่นกว่าคนแรกเท่าตัว...
"แล้วยังไงต่อ? "มิกกี้สวนถามขึ้นเมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ทั้งสามคนกลับเงียบเสียงและมองหน้ากันอย่างหวาดหวั่น...
คน ที่สามที่วิ่งเปลือยผ้าท้าแสงจันทร์ลอบเงยหน้าขึ้นมองทุกคนที่จ้องมาที่ ตน...กลืนน้ำลายก้อนใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากเล่าต่อ... "แล้ว...แล้ว....พวกเรา..ก็.....ก็เห็น...... "
สวบ!!
"ใครน่ะ!? "ชินดงเอ่ยเสียงเข้มพลางหันหลังควับโดยไม่กลัวคอจะหักไปทางด้านหลังที่เมื่อกี๊ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินผ่าน....
"ฉันถามว่านั่นใคร!? "
เสียง สาวเท้าที่บ่งบอกได้ว่ามีมากกว่าหนึ่งคนค่อยๆก้าวออกมาจากร่มเงา ต้นไม้...ใบหน้าหวานคมของเด็กหนุ่มสองคนสะท้อนกับแสงจันทร์...ยุนโฮกับมิ กกี้ยิ้มพรายอย่างไม่รู้ตัวก่อนกำลังจะเอ่ยชื่อของคนที่เพิ่งเดินเข้ามา สมทบ....แต่ทว่า...
"นะ..นั่นมัน...ผะ...ผะ.....ผี!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! "
2BC
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น