คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Forbidden nine[Update]
Forbidden Road : สุดเส้นทางเปื้อนเลือด
Forbidden nine
ร่างที่มีส่วนสูงพอๆกับเอสเลของชายหนุ่มชุดดำเส้นผมยาวถึงบั้นเอวและดวงตาสีดำสนิทราวกับรัตติกาล คิ้วโก่งยาวนอนพาดอยู่บนดวงตาคมกริบจมูกโด่งเป็นสันกับเรียวปากบางที่ไม่ค่อยได้ขยับยิ้มเขา ดาร์โกเรน ดารกเนสส์ ภูติความมืดชั้นสูงที่หาได้ยากแสนในปัจจุบัน
เจ้าดาร์กี้ของฟรีเซเรียส
“มาทำไมเนี่ย!!!!! กำลังมันส์ไอ้ที่เลยดาร์กี้น้อย”
เสียงฟรีเซเรียสแหวใส่ภูติหนุ่มผู้มารับพลองไว้
“ใครใช้ให้สู้กับเทพแล้วไม่มีภูติ”
“ใครใช้ให้แกไม่อยู่กันหมดฝูงเล่า”
“แล้วทำไมไม่รอ”
“แล้วทำไมต้องรอ”
“...”
จากการประลองที่เคร่งเครียดกลายเป็นการเถียงกันของภูติกับนายอย่างคร่ำเครียด
“แหมเจ๊ก็ทำไมไม่รอพวกผมเล่าริอาจสู้กับเทพผู้เป็นแม่ทัพกองทหารเหนือโดยไม่มีภูตินี่เสี่ยงนะ”
เสียงสดใสต่างจากเสียงเรียบของดาร์โกเรนสิ้นเชิง เชวิลโล วินด์ ภูติหนุ่มเริงร่า
เจ้าชายแห่งลายลมโชย เส้นผมที่ระต้นคอสีฟ้าจางๆกับควงตาสีท้องฟ้ายามสดใสเป็นประกาย
“พี่ชายยังจะต่ออยู่หรือเปล่าเนี่ย??”
“ไว้โอกาสหน้าก็ได้ท่านเซเรียสข้าเพิ่งได้สัญญาณเรียกตัวกลับฐานทัพเมื่อครู่”
นิ้วยาวของเอสเลก็ชี้ไปที่ต่างหูที่กระพริบวาบๆให้ดูว่าเขาถูกเบื้องบนเรียกตัวกลับแล้ว
“ขอบคุณท่านเอสเลมากที่ยังไม่ได้ฆ่าเจ้านายผม”
เสียงสดใสของเชวิลโลเอ่ยบอกกับเอสเล
“ฝีมือระดับข้าไม่อาจฆ่าท่านฟรีเซเรียสได้หรอกท่านฟรีเซเรียสน่ะเก่งจริง”
ว่าจบร่างสูงของแม่ทัพหนุ่มก็หายวับไปกับประตูมิติที่ถูกสร้างขึ้น
"สนุกไหม เซเรียส”
“มันหยดไปเลยพี่รอยด์”
“ไม่ได้เห็นใช้แรงเยอะแบบนี้มานานแล้วนี่”
“โหยเบอเรใจมันสั่นไปหมดตอนที่เขาเปลี่ยนมาใช้ตาของกราเนียร์ ลาร์กีในตัวอย่างกับจะกระโจนออกมา”
ใช่ตอนที่เขาให้แรงกดดันนั่นแหละดวงตาที่เขาเหลือบขึ้นมามันคือกราเนียร์
“เอ้อใช้ สภากลางฝากจดหมายมานะ”
...สภากลาง ไอ้ตาแก่พวกนั้นหาเรื่องอะไรมาให้อีกแล้วหละ!!??...
มือของฟรีเซเรียสแกะจดหมายจากสภากลางอย่างรวดเร็วกวาดตาไปมาตามตัวอักษรที่เขียนไว้อย่างเรียบร้อยเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นรอยยิ้มน้อยๆปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“สภากลางเรียกตัวแล้วพี่น้อง...แต่เราก็มีปัญหาแล้วแหละเฮสเซซัสและเอนเซ่ถูกเรียกตัวกลับไปปฎิบัติการพิเศษของหน้าที่ผู้คุ้มครองแห่ง กอเพรดียากีร์* จึงไม่สามารถเข้ารับการทดสอบเส้นทางต้องห้ามนี้ได้”
ชายหนุ่มผู้คุ้มครองทั้งสองมองหน้ากันด้วยสีหน้าปั้นยาก พวกเขาเสียโอกาสอันสำคัญที่สุดไปเรียบร้อยตั้งแต่ที่พวกเขาเรียนจบจากสถาบันอันดับหนึ่งของเฟเรียนด์ มันก็เลยเวลามามากแล้วสำหรับการจะเป็นสุดยอดในสายใดสายหนึ่งในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะรอการทดสอบสีเลือดนี้แล้ว สุดท้ายโอกาสมันก็หายไปจริงๆด้วย
“ยังมีโอกาสน่า เอนซ์ เฮเซ ถึงพวกนายจะไปไม่ถึงเส้นทางเปื้อนเลือดสายนี้แต่มันก็มีอีกหลายปะตูนี่นาใช่ไหม?? ก็นั่นแหละทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดน่า”
สาวร่างเล็กเปิดปากพูดปลอบเพื่อนด้วยเสียงเบาราวกระซิบสลายบรรยากาศมาคุไปหมดสิ้น
“ถึงเราที่เหลือจะมีโอกาสได้รับการทดสอบแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนแน่ๆที่จะไปถึงมัน”
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหวานยิ่งกว่าอิสตรีใดๆเอ่ยขึ้นมาและตบบ่ารุ่นพี่ทั้งสองเป็นการปลอบใจ
“ดาร์กี้ เชลโล”
เสียงเรียกจากนายแห่งภูติทั้งสองดังขึ้นเบาๆ
“ครับ”
“ไอ้เพี้ยนที่เหลือเมื่อไหร่จะมา?”
“ ไม่เกินอีกครึ่งชั่วโมงครับ”
เสียงสดใสตอบกลับมา เชวิลโล ก็ยังคงเป็นเชวิลโลที่ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศรอบข้างซักเท่าไหร่
“ เซเรียส สภาแจ้งให้กลับวันไหน?”
ในที่สุดเอนเซ่ก็เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยปากถามด้วยเสียงที่ยังไม่คงที่นัก
“วันนี้ ในจดหมายระบุว่าเรื่องสำคัญมากถึงกับเรียก รวมผู้ปกป้องทั้งเจ็ดแห่ง
กอเพรดียากีร์มารวมตัวกันเลยนะ”
สงคราม...
กอเพรดียากีร์ไม่ได้เรียกรวมเหล่าผู้ปกป้องเป็นกรณีพิเศษอย่างนี้มานานนับร้อยปีแล้ว
ฟรีเซเรียสสำเหนียกได้ถึงเหตุการณ์อันไม่ชอบมาพากลได้โดยมโนสำนึก
“ ทุกคน เราสองคนต้องไปทำตามสิ่งที่สายเลือดได้สร้างไว้...ฝากเส้นทางเปื้อนเลือดไว้กับพวกนายทุกคน”
เอนเซ่เช่นเดิมที่ตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้ว ในขณะที่เฮสเซซัสยังคงนิ่งเงียบผิดวิสัย
“ฟรีเซเรียส”
เสียงนิ่งทุ้มที่ฝังแล้วไม่ค่อยเป็นเฮสเซซัสเอ่ยออกมาทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปผงกหัวรับน้อยๆ
“เธอคือความหวังใหม่ของทุกสถาบันในเฟเรียนด์รวมถึงเราทุกคนพยายามรักษาชีวิตไว้ก่อนไม่ว่าจะยังไงก็ตาม”
“...”
ความเงียบงันจากปากของฟรีเซเรียสคือสิ่งผิดวิสัยอย่างยิ่ง
“สัญญากับเราได้ไหม”
หัวสวยได้รูปส่ายไปมาเส้นผมสีน้ำเงินสะบัดกระจาย เธอสัญญาไม่ได้หรอก
“ไม่ได้เฮเซ การที่ฉันเลือกเส้นทางนี้ก็เท่ากับตัวฉันครึ่งตัวมันอยู่กับความตายแล้วอีกอย่างนะเลือดของฉันมักเรียกร้องหาถึงคาวเลือดและความตายเสมอไม่ว่าจะเป็นของตัวฉันเองก็ตาม”
“นั่นซินะ...เพราะนั่นคือสิ่งที่เป็นเธอ”
ฟรีเซเรียสก็ได้แต่ระบายยิ้มกว้างจากใจให้เพื่อนที่รู้จักกันมาแสนนานและเธอก็ได้รอยยิ้มกลับคืนมาเช่นกัน
อีกเพียงพริบตาเดียวร่างทั้งสองก็ได้หายลับไปจากสายตาอีกห้าคู่ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมยืนมองดูดวงตะวันในหน้าร้อนที่เป็นสีแดงออ่นอย่างที่เป็นอยู่เสมอในทุกๆเย็น
เราต้องไปถึงสุดทางเปื้อนเลือด
...ด้วยปีกของเราเอง...
-----------------------------------------------------
*กอเพรดียากีร์ คือผู้ปกป้องแห่งอาณาจักรหรือก็คือเหล่าอัศวินในยุคโบราณซึ่งเป็นการรวมระหว่างสองเขตแดนคือ พียาก้าและกอนดอร์ซึ่งปกครองด้วยระบบกษัตริย์และลำดับแห่งสายเลือดมาช้านาน รวมถึงผู้เป็นผู้ปกป้องแห่ง กอเพรดียากีร์จะมียศเท่ากับเจ้าเมืองใหญ่ๆ
******************************************************************
update 06-07-2009
มันนี้แมวบ้ามาอัพเพิ่มอีก 2ตอนๆๆๆๆ
แก้คำผิดบานนน...
แต่ก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านฮะ
Rohm R.
(แมวบ้า)
ความคิดเห็น