คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Prologue
ร่างของชายผมสีดำเดินมาพร้อมถือจานอาหารมาก่อนจะเคาะประตู
"ท่านศาสดาอาหารมาแล้ว" ชายหนุ่มกล่าวแต่ไม่มีเสียงตอบรับเขาจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปพบร่างของหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงสวมชุดบางจนเกรงว่าถ้าออกไปด้านนอกคงโดนข่มขื่นได้ง่ายๆ
เขาเดินไปใกล้ๆก่อนจะวางจานอาหารไว้บนโต๊ะ ดูเหมือนศาสดาของเขายังไม่ตื่นเขายกยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะมานั่งใกล้ๆนาง เขาจูบลงบนหน้าผากของหญิงสาว "อะไรกันวันนี้ขี้เซ้ากว่าปกติเหรอ?งั้น" ชายหนุ่มกดร่างของหญิงสาวจนเธอได้สติ "ไงยัยขี้เซ้า" เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังกดร่างเธออยู่จึงตกใจจนเกือบตกเตียงแต่ชายหนุ่มก็ช่วยไว้
"ตื่นได้แล้ว อาหารเช้าพร้อมแล้วนะวันนี้จะออกเดินทางไม่ใช่เหรอ" ชายหนุ่มกล่าวก่อนที่จะมองหญิงสาวที่กำลังงัวเงียอยู่ชั่วครู่เขาจึงเอามือจิ้มแก้มอีกฝ่ายจนเธอมองเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะโกรธแต่ในใจก็ไม่โกรธ เขายิ้มออกมาก่อนที่จะหอบแก้มอีกฝ่ายไปหนึ่งหน
หญิงสาวสัมผัสกับจุดที่ตนโดนจูบก่อนจะหน้าแดงขึ้นมา "อย่าโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวสิ" เธอเอาหมอนปิดหน้าของตนเองไว้
ชายหนุ่มเดินออกมานอกห้องก่อนจะหันไปมองหญิงสาวรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้าก่อนที่จะเดินออกจากตรงๆนั้นให้หญิงสาวแต่งตัวด้วยตัวเอง เมื่อเดินออกมาถึงห้องโถง ก็พบกับชายหน้าหล่อดูหยิ่งยโสนัยน์ตาสีแดงทับทิมประกายแสง ผมสีบลอนด์ทอง ดูไม่สนโลก สวมชุดสูทพร้อมชุดอีกอันคลุมบ่า
เขาเดินไปตรงหน้าชายคนนั้นขณะที่กำลังนั่งโดยไม่ใส่ใจเขาที่อยู่ตรงหน้าพร้อมนั่งไขว่ห้างทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกันตอนแรกไม่มีใครคุยกันเลยทำให้เงียบมากก่อนที่หญิงสาวคนอีกคนจะเดินเข้ามา
เด็กสาวที่มีผมสั้นเลยติ่งหูสีดำสนิทราวกับถ่าน มีตาสองชั้น มีดวงตาสีเหลืองทองอร่ามเมื่อมองแล้วเหมือนมีเวทมนตร์บางอย่าง
เด็กสาวเดินมามองไปทั้งสองเธอควรนั่งข้างใครดีชายหนุ่มผมสีดำดูไม่ค่อยต้อนรับเท่าไหร่แต่อีกคนมองไม่เห็นเธอ
แต่ชายผมสีบลอนด์กลับหันมามองเธอจนเธอเหวอไปชั่วขณะ แต่เธอก็ไม่นั่งข้างชายผมสีบลอนด์
"เธอชื่อคาร่าใช่มั้ย" แตกต่างจากหนุ่มผมสีบลอนด์ อลันกล่าวกับเธอ คาร่าเหมืออยากถามว่าเขารู้จักชื่อเธอได้ไงชายหนุ่มตัดบทด้วยของคาร่าอย่างง่ายๆ "ได้ยินตอนคุยกับชิออน" เมื่อได้ยินเธอจึงเงียบลงไปแต่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาเห็นเธอได้ไงทั้งสองคนเลย
"เจ้านี้คือเลโอเพื่อนสมัยเด็กของไอกะฉันอลันหวังว่าจะไม่ลืมชื่อฉันเพราะมันจำได้ง่ายจนเกินไปหรอกนะ" อลันกล่าวออกมาเขาใช้สายตามองไปยังทั้งสองคนก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
"ยังไงก็ตามตอนนี้คนยังมาไม่ครบฉันอาจไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรอย่างงี้แต่ ขอบคุณมากที่ยอมมา" อลันกล่าวก่อนที่เขาจะก้มหัวลงจนคาร่ากับเลโอตกใจ
แน่นอนสำหรับอลันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าไอกะอีกแล้วเขายอมแลกกระทั่งชีวิตเพื่อปกป้องนาง แม้กระทั่งต้องคุกเข่าให้กับคนอื่นก็ตามที่แต่ถ้าสามารถปกป้องไอกะไม่ว่าอะไรเขาก็ยอมแม้จะต้องแลกกับชีวิตของเขาก็ตาม
ดวงตาสีมหาสมุทธจ้องมองทั้งสองด้วยสายตาที่อ่อนลงมากเขานั้นเริ่มที่จะไม่กีดกั้นคนอื่นจริงเขาอยากขอบคุณมากกว่านี้แต่เขายังมีสิ่งอื่นที่ต้องไปทำอีกแค่นี้ก็ถือว่าเขาสละเวลามามากแล้ว
"พวกนายสามารถไปไหนก็ได้ในคฤหาสถ์ของฉันแต่เวลานี้อย่าพึ่งเข้าห้องแต่งตังกับห้องนํ้าก็พอ" ตอนแรกอลันพูดอย่างเป็นมิตรแต่พอผ่านคำว่าอย่าไปเขาก็เสียงเย็นชาขึ้นจนไม่ทราบว่าเป็นไบโพล่ารึเปล่า
อลันกล่าวจบเขาก็เดินออกไปทิ้งทั้งสองให้นั่งอยู่ตรงนั้น ก่อนที่เลโอจะลุกขึ้นเขามองไปรอบก่อนจะมีชายอีกคนเดินเข้ามา
ชายร่างสูงหนา มีผมสีดำสนิท ไหล่กว้าง ดวงตาสีเหลืองส่อประกาย จมูกโด่งเป็นสัน
"พวกนายก็ถูกอลันเชิญเหมือนกันเหรอ" ชายหนุ่มกล่าวถามทั้งสองได้แต่นิ่งไม่ตอบชายหนุ่มจนเขาสงสัยว่าเขาพูดอะไรผิดไปรึเปล่า ก่อนทั้งสามจะได้ยินเสียงพึมพำของใครบางคน
"หวานเลี่ยนไปหน่อยแฮะบางทีถ้าใส่ผงไปมากกว่านี้อาจทำให้มัน---พึมพำๆ" ชายสวมเสื้อฮู้ดสีดำคล้ายชุดเกราะสวมกางเกงนักผจญภัยทับเสื้อสีขางหน้าตาดูมีเสน่ทรงผมสีดำนัยตาสีแดงนั่งพึมพำอยู่สักพัก
ทั้งสามมองไปยังชายหนุ่มด้วยดวงตาที่ไม่รู้จะสันหาคำอธิบายทำไมมันมีแต่พวกแปลกๆ เลโอเดินออกจากห้องไป ก่อนที่ชายร่างสูงจะแนะนำตัวกับคาร่า
"แบล็ค เดอะ การ์เดี้ยนเรียกฉันว่าแบล็ค" แบล็คกล่าวออกมาคาร่าจึงฉงนอีกรอบทำไมมีแต่คนที่เห็นเธอล่ะ แต่เธอก็ไม่พูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกไป
"คาร่า โกลดี้เรย์ เรียกว่าคาร่านะคะ" หญิงสาวกล่าวทักทายภายใต้หน้ากากของตนเอง ก่อนที่ชายคนที่ห้าจะเดินเข้ามา
"สวัสดีทุกคนผมเซย์!คร้าบยินดีที่ได้รู้จัก" ชายผมสีดำทรงเห็ดดวงตาสีแดงผิวสีไข่อ่อนใส่ชุดสีดำเหมือนพ่อบ้านทั้งตัวกล่าวออกมาแต่กลับไม่มีใครสนใจ
"แค่เฟิร์สอิมเพรสชั่นก็เฟลแล้ว" เซย์กล่าวขณะที่นั่งเขี่ยพื้นอยู่ก่อนที่ชายอีกคนจะเดินมา
เขาคนนี้เป็นผู้ชายร่างสูงประมาณ 184 ซม. มีผมสีน้ำเงินออกดำเหมือนสีน้ำทะเลยามค่ำคืน มีตาสีเหลือง เมื่ออยู่ในที่มืดจะสามารถเรืองแสงได้ และมีรอยสัญลักษณ์วงกลมสีเหลืองเหมือนกับดวงตาของเขา 2 วง มีผิวสีขาวซีดราวกับไม่มีเลือดไปเลี้ยง สวมชุดสีดำ เขาเดินมาปรกติแต่เมื่อพบกับคาร่าเขาก็ฉีกยิ้ม
"อ่าว~ไงคาร่าคนสวย~" ชายหนุ่มกล่าวออกมาทำให้คาร่ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาประหลาดๆกึ่งเวทนา แต่ไม่รู้มันมองอิท่าไหนดันมองว่าสายตาที่เวทนาตนกลายเป็นความงดงามของมันได้
"เธอรู้จักเจ้านั้นเหรอ?" ตัวของแบล็คเป็นคนกล่าวถามคาร่าจึงส่ายหัว "ใจร้าย~อะคาร่า ฉันบารอส เรียกรอสก้ได้นะ" ชายหนุ่มกล่าวออกมาพร้อมยกยิ้มขึ้นเต็มใบหน้าของตนเอง
ก่อนที่ร่างของหญิงสาวอีกคนจะเดินมา เธอคนนี้มีหน้าตาสละสลวยผมสีขาวสะอาดปอยผมสีฟ้าและสีชมพูบนหัวมีหูหมีจมูกโด่งสวยดวงตาสองสีต่างกันดวงตาสีแดงทับทิมข้างขวาสีฟ้าสดใสข้างซ้าย มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พวกคุณคงเป็นเพื่อนของอลันสินะคะ" หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนที่เซย์จะเดินมาจับมือกับเธอ "ไม่เจอกันนานนะครับเลดี้อิงกริด" เซย์กล่าวด้วยรอยยิ้ม(ด้วยความที่สองคนนี้น่าจะพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างเพราะงั้นบางตัวที่น่าจะมีชื่อเสียงผมจะให้มันรู้จักกันนะครับ)
"ไม่คิดว่าอสูรสงครามจะยอมลาออกจากหน้าที่ของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่มาเพื่อหาเพื่อนนะเนี้ย" อิงกริดกล่าวด้วยรอยยิ้มเซย์จึงยิ้มแห้งๆออกไป "ก็น่าผมเองก็อยู่ในกองทัพซะนานมันก็ต้องมีการเกษียณเป็นธรรมดาต่อให้เป็นนักรบอันดับหนึ่งก็ยังเคยออกจากกองทัพเพื่อมาใช้ชีวิตสงบๆเลย" เซย์กล่าวออกก่อนที่ทั้งสองจะคุยไปเรื่อยๆทำให้นอกจากชายผมดำที่พึมพำเรื่องกาแฟแล้วก็ไม่มีใครไม่มีคู่คุย
จนกระทั่ง--- อลันเดินกลับมาก็ต้องพบเข้ากับกลุ่มคนจำนวนมหาศาลที่ดันเยอะแบบงงๆ "พวกนายมานี่จะคุยกันแค่ในห้องแคบอย่างงี้นี้นะ" อลันกล่าวเรียกความสนใจให้ทุกคนหันไปมองก่อนที่ทั้งหมดจะเดินตามไป
เมื่อเดินมาถึงก็พบกับเลโอที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วพร้อมเด็ก(?)อีกคนหนึ่งที่มีผิวดูเนียนนุ่มมากๆ และเป็นชายที่มีดวงตาสีเดียวกับดวงตะวันยามเย็น ครอบครองเรือนผมสีควันบุหรี่ มีหูกับหางจิ้กจิกสีแดงดุจไวน์ ใส่ชุดนักรบโบราณและแบกกล่องบางอย่างไว้ที่หลัง มีขวดน้ำเต้าแขวนอยู่ข้างๆ โดยด้านบนขวดน้ำเต้าเป็นดาบคะตะนะ เด็กชายนอนลงกับโต๊ะยาวที่จัดให้กินได้หลายคน
ก่อนที่เด็กสาวอีกคนผู้มีหน้าตาดูน่าเอ็นดู แก้มสีขมพูใสๆตัวเตี้ยอรชรอ้อมแอ้น สีผมสีทองใส นัยตาสีแดงสตอร์เบอรี่สวมมงกุฎดอกไม้ตลอด สวมชุดสีเดรตเบบี้ดอร์สีฟ้า จะนำเค้กมาให้พวกเขา "ทานเค้กกันก่อนนะคะทุกคน" เมื่อได้ยินคำกล่าวของเด็กสาวทุกสายตาจับจ้องไปยังอาหารเค้กที่หญิงสาวเอามาให้ คนที่เปิดประเดิมคือโครโน่ "รสชาติถือว่าใช่ได้การใช้ครีมฟิลาเดเฟียช่วยดึงรสของวัตถุดิบบางส่วนออกมาแต่การใช้คู่กับชาวิคทอเรียล์ไม่ใช่ความคิดที่ดีเนื่องจากมันมีรสสัมผัสที่ทำให้รู้สึกอุ่นในขณะที่ตัวฟิลาเดเฟียจะให้ความรู้สึกเย็นส่วนตัวเค้กถือว่านุ่ม เหนียวได้ที่เลย" โครโน่กล่าวหลังจากกัดไปคำแรกซึ่งเมื่อโดนอธิบายระเอียดขนาดนี้คงต้องกินล่ะนะ
"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ จะไปปรับใช้นะคะ" หญิงสาวคนนี้ชื่อว่ายูกะ ไอ เซลด้าเมื่อเธอได้ยินและมองไปที่โครโน่เธอจึงพยักหน้าและหันไปพร้อมยิ้มออกมา อลันที่ไม่รู้ว่ามีแฟนแล้วยังจะรำคาญทำไมได้แสดงหน้าเหยเกออกมาก่อนที่จะหยิบคทาก่อนจะชี้ออกไปเป็นทาง "จะทำอะไรเหรอคะ?" ยูกล่าวจบร่างของอลันก็พุ่งไปมาด้วยความเร็วระดับที่ภาพลางอยู่ในท่ากำลังทำอาหารอยู่(คิดสภาพอาจารย์โคโระตอนแยกมาหลายๆร่าง) ผ่านไปหลังจากกินเค้กเสร็จอาหารจานแรกก็มาเสริฟให้ทุกคนทันทีเพียงกัดเข้าไปรสสัมผัสที่พวกเขาได้มันก็ละลายในปากแถมชุ่มชําอีกด้วย
สาเหตุที่เป็นแบบนี้เนื่องจากไอกะแฟนสาวของเขาเป็นคนที่กินจุมากแต่กินไปมากแค่ไหนนํ้าหนักก็ไม่เคยเพิ่มเรียกได้ว่ารักษาสุขภาพมาก แต่การกินจุก็ทำให้เขาต้องรับหน้าที่พ่อบ้านตั้งแต่กวาดใบไม้ ทำความสะอาดคฤหาสถ์หลังโคตรใหญ่ แถมยังทำอาหารอีกเรียกได้ว่านอกจากเวลานอนเขาไม่เคยพักเลยจนไอกะเคยพยายามทำอาหารให้เขาและเขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กินอาหารฝีมือไอกะอีกและห้ามเธอแตะต้องข้าวของเครื่องใช้ใดๆที่ช่วยทำอาหารเด็ดขาด
เมื่อทุกคนกินจารเก่าหมดก็จะถูกเติมใหม่เรื่อยไเรียกได้ว่าอลันทำอาหารพอสำหรับคนหลายๆคนได้ดีเลย ถ้าไม่ใช่พวกที่กินจุอย่างงี้อะน่ะเขาคงทำให้คนธรรมดาอิ่มจนไม่รู้จะทำอะไรอีกแล้วแต่ไอ้คนพวกเนี้ยความกินจุของพวกแมร่งเนี้ยเขาไม่เข้าใจว่ามันไร้ขีดจำกัดเลยรึเปล่า แต่เขายังทำต่อไปแบบไม่หยุดจนผ่านๆปกว่าสามชั่วโมงหญิงสาวผู้หนึ่งเดินมาจากทางประตูก็พบสีหน้าพูดไม่ออก
"เอ่อ.. อลันทำไมพวกเขาอยู่ในสภาพเงี้ย" ไอกะกล่าวถามเขาเอาผ้ามาเช็ดมือตัวเอง สภาพแต่ละคนคือจุก กินอาหารตลอดสามชั่วโมงมันก็ต้องจุกอยู่แล้วและพวกเขากินแบบไม่พักอีกเรียกได้ว่าจุกจนจะอ้วกอยู่แล้ว
"ก็แค่ของขวัญสำหรับพวกกินจุนะก็กินแรงใช่ได้อยู่เหมือนกันแล้วเธอล่ะ" อลันกล่าวถามขณะควงกระทะในมือไอกะได้แต่ปฏิเสธเนื่องจสกคฤหาสถ์ตนโดนผลาญทรัพยากรไปเยอะแล้วถ้ายังโดนผลาญอีกก็คงจะเกินไปหน่อย และเมื่อคนอื่นพบว่าไอกะมาแล้วเลยเกิดการชุลมุนเล็กน้อยก็เป็นแค่การถามไถ่กันแบบเพื่อนล่ะน่ะ เขาคิดแบบนั้นแต่ตอนที่เลโอเข้ามาใกล้ๆก็จับแขนพร้อมเช็คร่างกายเธอนิดหน่อยแต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้บางคนยันแตก "เอ่อ... อลัน แกเป็นอะไรวะอลัน" รอสกล่าวถามอลันจึงหันมายิ้มให้ทำเอาเขามีสีหน้าฉงนก่อนที่อลันจะหันมาด้วย'รอยยิ้ม'
"ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนิรอส" อลันกล่าวพร้อมจิตสังหารที่ขนาดหลอกเด็กยังทำไม่ได้ทำเอารอสมีอาการพูดไม่ออกเหมือนกันเมื่อกี้ยังดูมีความสุขทำไมปล่อยยันได้ขนาดนี้ จนกระทั่งรอสหันไปพบกับแบล็คที่คุยกับคาร่าสนิทสนมแม่งก็ไม่ต่างกันเลย
(ไอ้สองปีศาจขี้ห่วง)
"ฉันขอพาเธอไปคุยอะไรนิดๆหน่อยๆก่อนพวกแกก็ทำตามใจเถอะ" อลันกล่าวด่อนที่จะอุ้มไอกะออกไปพวกเขาเงียบกันอยู่ชั่วครู่ดูเหมือนว่าเจ้านี้จะหึงสุดๆเลยมั้ง พวกเขาจึงลองเดินสำรวจคฤหาสถ์ของอลันดู
คาร่าเดินไปยังห้องสมุดและดูเหมือนคนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จะทำอะไรก็มายังห้องสมุดเหมือนกัน ที่แห่งนี้คือหอสมุดของขุนนางระดับมาร์ควิซหรือนี่คือห้องสมุดที่อาเรสพ่อของไอกะเป็นคนสร้างเผื่อว่าลูกจะหันมาศึกษาแต่คนอย่างไอกะที่แค่แตะหนังสือยังขี้เกียจเลยไม่ได้มาเลย จะมีก็แต่อลันเท่านั้นที่เขามาหาอะไรต่อมิอะไรเขาเป็นคนที่เพียรสูงและมีพรสวรรค์แต่ถ้าจะพูดให้ถูกมันน่าจะเรียกคำสาปมากกว่าเห็นกระนั้นแต่อายุของอลันก็เฉียดๆร้อยปีแล้วแต่ที่นิสัยยังเด็กอยู่เพราะมีไอกะจริงๆ
ข้อมูลที่คาร่าพบเจอในหมวดเวทมนตร์ถือว่าช่วยเธอได้นิดหน่อยเกี่ยวกับเส้นสายเวท(ถือโอกาสอะิบายพลังเวทกับลมปราณไปในตัวเลยละกัน) เส้นสายเวทคือสิ่งที่มนุษย์มีอยู่ในร่างกายสำหรับจอมยุทธ์มันคือเส้นชีพจรที่ช่วยดึงพละกำลังมากมายมหาศาลออกมาได้ และเส้นสายเวทนั้นคาดว่าเกิดและวิวัฒนาการมาคั้งแต่ยุคแห่งไฟแล้วมันจึงมีการพัฒนาจนหากสัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า'ละอองมานา'ได้จะถูกจัดว่าเป็นนักเวทย์ช่วงต้น เมื่อสามารถสร้างวงแหวนเวทขึ้นมาได้ตะถูกเรียกว่านักเวทย์ช่วงกลาง และหากสามารถเข้าถึง'แก่นแท้ธาตุ'ก็จะถูกเรียกว่านักเวทย์ช่วงปลาย และหากจะก้าวลํ้าไปกว่านั้นต้องผ่านการ'รู้แจ้งอาตมัน'เสียก่อนเมื่อถึงขั้นนั้นจึงจะถูกเรียกว่าจอมเวทย์พลังแต่ละระดับค่อนข้างห่างกันพอสมควรหลังจากตอมเวทย์ก็จะเป็นจอมเวทย์มายา จอมเวทย์เร้นลับ พาลาดิน และสูงสุดคือแก่นแท้มหาเวทย์เอาจริงๆมันก็คือการที่ใช้เวทย์ระดับมหาเวทย์ได้จึงถูกเรียกว่าแก่นแท้มหาเวทย์ แต่ก็ควรรู้ไว้ว่าตัวตนที่สามารถใช้พลังระดับมหาเวทย์ได้ย่อมสั่นคลอน22อาณาจักรใหญ่(7มนุษย์ 5เอลฟ์ 6คนแคระ 3ปิศาจ 1ยักษา)ได้เลย
มหาเวทย์นั้นคือสิ่งใด มันคือเวทที่มีอยู่เพียงแค่ในนิทานปรัมปราของวีรชนคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเทพแห่งโลกกุนพอลัสเขาชื่อว่า'ราฮาน' วีรชนแห่งบรรพกาลในช่วงยุคที่5 ผู้จบสงครามอันไร้สาระกล่าวกันว่าเขาใช้เวทนั้นล้างบางทรชนและพวกทรราชที่เลวทรามทั้งหลายจนสูญสิ้นน่าเสียดายที่หลัวจาดยุคนั้นมหาเวทย์ก็ถูกตราหน้าจากเหล่าผู้วายชนว่าเป็นเวทย์มนต์ดำ เมื่อนักโบราณคดีรู้เรื่องนี้แทบเอาบาทาไปลูบหน้าบรรพชนของตนเองเพราะหากมีแม้มหาเวทย์เพียงหนึ่งบทเล็ดลอดออกมาคงดีกว่านี้เยอะ
คาร่าเปิดปิดอ่านสมุดหลายเล่มจนเบื่อก่อนที่รอสจะเดินเข้ามาคุยด้วยจึงเหมือนเพื่อนแก้เหงาไปพรางๆ รอสก็พยายามจีบคาร่าไปพรางๆแต่ดูเหมือนคาร่าจะไม่สนใจเขาเท่าไหร่เลยแหะ เขาแทบอยากรํ่าไห้นี่สินะความรู้สึกของคำว่า'เขาไม่สนใจเรา' แต่รอสก็ยังคงไม่ยอมแพ้เขาทั้งแอบพูดชมพยายามตีสนิทกับคาร่าสุดความสามารถแต่อีกฝ่ายก็ยังคงอ่านหนังสือไปเรื่อยๆไม่ได้แม้แต่จะหันมามองเขาด้วยซํ้า
"นี่สุดสวยเธออ่านอะไรอยู่เหรอ" รอสกล่าวถามคาร่าเอาจริงๆเธอก็รำคาญอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากเนื่องจากมันก็แก้เหงาได้ดีถึงแม้บางทีรอสจะน่ารำคาญ(มาก)แต่ก็ยังดีกว่านั่งอ่านอย่างเหงาๆคนเดียว ทางด้านเลโอ
คาร่าอาจไม่ชอบความเหงาแต่คนที่มาอยู่กับเลโอคงคิดว่าตัวเองจะเป็นโรคกลัวความเงียบรึเปล่า อันเนื่องจากเลโอเป็นคนรักความสันโดษมากจึงทำให้บรรยากาศของเขาดุอึดอัดบวกกับนิสัยที่เขาเข้าถึงยากแล้วยิ่งหนักทำให้เขาดูเหมือนคนที่หยิ่งยโส ไม่ค่อยมีใครเข้าหาเขาเท่าไหร่แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี
แบล็คมองไปยังสมุดมากมายบนชั้นหนังสือก่อนจะพบเข้ากับเลโอจึงทักตามมารยาทแต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบทำให้เขาดูหยิ่งหนักกว่าเดิมแต่แบล็คไม่กล่าวอะไรทั้งสองทำเพียงอ่านหนังสือแบบเงียบๆ เพราะพวกแม่งเย็นชาแล้วเย็นชาอีกจนชาตุหมดร้อนแล้วเนี้ย(มุกแม่งโคตรฝืด)
ทางด้านโครโน่เขาอยู่กับยูพร้อมอธิบายเกี่ยวกับความพอเหมาะของสมุนไพรและยาสูตรต่างๆให้เธอฟังแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ยูจังฟังเพราะตั้งใจที่จะเก็บไปพัฒนาหรือแค่อยากอยุ่กับโครโน่กันแน่
สองคนนี้เวลาพุดอะไรมักออกเข้าใจยากสำหรับคนอื่นนิดๆเนื่องจากมันค่อนข้างเฉพาะทางเรื่องอาหารพอสมควรอย่างน้อยก็ต้องเรียนเกี่ยวกับอาหารมาระดับหนึ่งถึงจะฟังทั้งสองรู้เรื่องแต่ก็นั้นแหละไม่ค่อยมีใครรู้เชิงลึกขนาดนั้นปม้แต่ตัวอลันที่ทำอาหารเพื่อให้ไอกะกินไม่สนว่าควรมีข้อมูลอะไรเอาง่ายๆคือมันไม่สนเลยว่าต้องรู้อะไรสนแค่ว่าทำอะไรกับอะไรมันจะอร่อยแค่นั้น
ทางด้านอีกสามคนที่เหลือเซย์ อิงกริด และเมียงกุทั้งสามนั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของขุนนางและการเมืองต่างๆ แม้จะมีการกวนตีนจากเมียงกุแต่ทั้งสามก็ค่อนข้างเข้ากันดี(?) แต่กระนั้นสองบุรุษเองก็รุ้สึกแย่นิดๆเนื่องจากหญิงสาวมักยิ้ม ที่ไม่ได้มาจากใจเสมอเป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนผู้ใหญ่กิริยาอะไรก็เป็นผู้ใหญ่ไปหมดจนพวกเขาเองก็เกร็งๆนิดๆ
แต่ทั้งสามเองก็เป็นคนใหญ่คนโตพอสมควรเซย์เป็นถึงแม่ทัพผู้มีชื่อเสียง อิงกริดเองก้เป็นลูกขุนนางเฉกเช่นไอกะ เมียงกุเองก็มีเส้นสายมากมายกับขุนนางหลายๆคนไม่งั้นเขาคงไม่รู้จักกับไอกะหรอกจริงมั้ย
ทางด้านไอกะกับอลันทั้งสองอยู่ในห้องนอนกันอลันถอดปิ่นของเธอออกทำให้เห็นกับผมยาวสีดำครามสลวยเขาทั้งลูบผมของเธอและยังมาดมอีก "พอใจรึยังล่ะอีตาลามก" ไอกะถามเมื่อได้ยินเขาจึงยิ้มก่อนจะดมผมของเธอไปเรื่อยๆ
"อลันมันจั๊กจี้" ไอกะพูดอลันที่ได้ยินจึงให่เะอหันม่ก่อนจะจิ้มที่แก้มของเธอพร้อมเลื่อนลงมาที่ปาก "ฉันว่าเธอไม่ลืมนะว่าเธอเป็นของใคร" อลันกล่าวก่อนจะประกบปากของไอกะ
หลังจากนั้น--- ณ ย่านการค้าของเมืองชายชราผู้หนึ่งผมสีดำมีตีนกาโผล่ออกมาร่างกายออกกำยำเล็กน้อยดมไปยังดอกไม้ช่อหนึ่ง ก่อนจะหยิบขึ้นมาพร้อมยื่นตังห์จ่ายให้กับพ่อค้า
หนึ่งในจอมเวทย์เร้นลับที่มีอยู่แค่พันคนในจักรวรรดิราชสีห์ทองคำหนึ่งในห้าอาณาจักรใหญ่ของมนุษย์ ถือว่าเป็นคนระดับสูงของประเทศเลยสมกับเป็นขุนนางระดับมาร์ควิสที่รองแค่ดยุค แกรนด์ดยุค อาร์คดยุค ราชา และพระจักรพรรดิ
ฮิมาวาริ อาเรสแต่เดิมเขาชื่ออีโกล อาเรสแต่เนื่องจากฝ่ายพ่อตาไม่ยอมใช้ชื่อเขาจึงยอมใช้สกุลฮิมาวาริ อาเรสเดินผ่านฝูงคนมากมายในระหว่างที่กำลังถือช่อดอกไม้ ตอนนั้นเองที่นักฆ่าคนหนึ่งพุ่งเข้ามาเอาดาบจ่อมาที่คอ "อะไรกันเนี้ยสมัยนี้นักฆ่ามีปัญญาทำได้แค่นี้รึไง" อาเรสกล่าวออกมาขณะเหยียบร่างของนักฆ่าลง
ตอนนั้นเองที่อีกสามสองคนจะออกมาจากฝูงชนเพียงมือสัมผัสกับหัวของนักฆ่าร่างกายของมันก็ถูกแผดเผา จนชายผู้นั้นร้องโหยหวนออกมาอีกสองคนพุ่งเข้ามาทางด้านหลัง
เขาได้ใช้พลังสายลมปัดเป่าทั้งสองร่างลอยออกไปติดกับกำแพง "น่าเบื่อ! น่าเบื่อ!!จริงๆ เดี๋ยวนี้พวกนักฆ่ามือสมัครเล่นมันชอบหวังเกินตัวรึไง" อาเรสกล่าวก่อนที่จะกระทืบไปยังร่างของนักฆ่าที่อยู่ตรงใต้เท้า
"อัก!" เสียงดังออกมาเขาจึงสงสัยก่อนที่จะลองเปิดฮูดของนักฆ่าดูปรากฏว่าเป็นเพียงเด็กชายเท่านั้น เขานิ่งเงียบอยู่ชั่วขณะคงตอนนั้นเองที่กลิ่นอายจอมเวทย์มายาพุ่งมาด้านหลัง "ไงท่านมาร์ควิส" เมื่ออาเรสหันไปก็พบเพียงความว่างเปล่า
ชายคนนั้นมองไปที่ความว่างเปล่าอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะยกร่างของเด็กชายขึ้นพร้อมช่อดอกไม้ เพื่อไปยังบ้านของอลัน เมื่อเดินมาถึงคฤหาสถ์ของตนเองก่อนที่จะโยนร่างของเด็กชายไปยังห้องเก็บของ
ก่อนที่จะเอาโซ่มามัดไว้และเดินเข้าไปภายในบ้านของอลันเมื่อเปิดประตูเมื่อเปิดออกเขาก็พบกับรอสและคาร่าที่กำลังคุยกันอยู่ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำอิท่าไหนถึงมาอยู่จุดนี้ได้
"โอ้! เธอคงเป็นเพื่อนของอลันสินะ" อาเรสกล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าก่อนที่ชายชราจะเขาไปจับมือของหญิงสาวแล้วชายหนุ่มพร้อมกันโดยที่ช่อดอกไม้ลอยอยู่เหนือพื้นราวกับมันเป็นเรื่องปกติ "หลังจากนี้ต่อไปก็ฝากไอกะด้วยล่ะเธอนะพึ่งพาได้ไม่เท่าไหร่" อาเรสกล่าวก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมหัวเราะดังๆ
"เอ่อ... เมื่อกี้คือลอร์ดอาเรสขุนนางระดับมาร์ควิสใช่มั้ย" คาร่ากล่าวถามแต่รอสก็ส่ายหน้าเขาไม่ค่อยสนใจมนุษย์เท่าไหร่แต่เมื่อกี้ตอนที่ชายคนนั้นปรากฏตัวออกมากลิ่นอายที่น่าเกรงขามขนาดนั้นเขาไม่เคยเจอมาก่อนแม้กระทั่งเผ่าพันธุ์ของเขาก็ตาม
เป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นแล้วถ้าได้สู้คงต้องบอกว่า'สิ้นหวัง'มากๆ ขนาดเขาเคยเล่น(สู้)กับอลันมาแล้วเขายังไม่รู้สึกขนาดนี้เลย ในหมู่ปิศาจไม่มีการแบ่งแยกระดับนอกจากปิศาจสายเลือดบริสุทธิ์ กับพวกปิศาจชั้นตํ่าที่มีสายเลือดของมนุษย์ปะปนเท่านั้น
ปิศาจที่แข็งแกร่งจริงๆคือปิศาจชั้นสูง และลอร์ดปิศาจตัวตนเหล่านี้คือบุคคลที่ยังพบได้ในยุคสมัยนี้เท่านั้น แต่แค่ปิศาจชั้นสูงพวกเขาไม่จำเป็นต้องจดจ่อกับการต่อสู้ก็สามารถชนะพวกเขาทั้งหมดได้ด้วยซํ้า ชายคนเมื่อกี้อยู่ระดับเดียวกับปิศาจชั้นสูงเกือบเทียบเท่าลอร์ดปิศาจ
ทางด้านอลัน ระหว่างที่เขากำลังล้างจานอยู่ที่ห้องครัวจิตสังหารก็พุ่งมาแทงร่างของเขาแต่เขาคุ้นชินกับมันแล้วเขาหยิบมีดครัวออกมาก่อนที่หมายจะมาตัดคอของผู้ที่แผ่จิตสังหารมายังเขาชายชราปัดมีดออกไปแต่อลันจับมือเอาไว้ได้
"โห้ว ฝีมือพัฒนาขึ้นเยอะมีดเมื่อกี้ข้าแทบสัมผัสไม่ได้เลยนะ" อาเรสกล่าวออกมาก่อนที่มีดที่โดนปัดออกไปจะกระเด้นมาหาอาเรสเขาจับมีดนั้นกลางอากาศไม่ให้มันบาดแม้แต่นิดเดียวก่อนจะยื่นให้อลัน
เขาจึงเดินออกไปอลันจึงล้างจานเช่นเดิม อาเรสได้เดินมาหาไอกะเมื่อพบลูกสาวของตนเองเขาจึงอุ้มเธอขึ้น "พ่อ!? แล้วจำเป็นต้องยกหนูทุกครั้งที่เจอหน้ามั้ยเนี้ย" ไอกะกล่าวเมื่อได้ยินชายชราจึงยิ้มออกมาแม้เห็นว่าเขาจะดูอายุๆราวๆ40-50มีน้อยคนจะรู้ว่าเขาอายุเกินร้อยปีไปแล้วแม้จะมีลูกอายุ23ปีก็ตาม
"แหม่ไอกะของพ่อลูกเนี้ยน่ารักตั้งแต่เด็กดอกทานตะวันน้อยของพ่อ" อาเรสกล่าวออกมาหญิงสาวที่ได้ยินยิ้มออกมา ตอนนั้นเองที่ไอกะมองไปที่พ่อของตนก่อนจะถามบางอย่างด้วยท่าทีสงสัย "พ่อคะ ปกติพ่อจะมีงานตลอดวันนี้มีอะไรถึงมาหาหนูล่ะคะ" ไอกะกล่าวถามกับบิดาของตนเมื่อได้ยินชายชราจึงยิ้มก่อนที่จะจับแก้มของลูกสาวตน
"อ่า วันนี้งานไม่เยอะพ่อเลยถือโอกาสนี้มาหน่ะ ว่าแต่ลูกไม่โกรธพ่อแล้วเหรอ?" อาเรสที่สังเกตได้ว่าหญิงสาวดูแตกต่างจากครั้งก่อนๆที่เคบเจออย่างสิ้นเชิงจึงกล่าวถาม "...ฮะฮะ ก็อลันเป็นคนบอกนี่นะ" อาเรสกล่าวราวกับรู้นิสัยของลูกสาวแบะลูก(เลี้ยง+เขย)ชายของตนจึงพูดออกมาก่อนที่เธอจะได้บอกอะไร
"ลูกรัก พ่อไม่สามารถช่วยลูกได้ตลอดเมื่อถึงเวลาพ่อก็ต้องโรยรา เมื่อนั้นพ่อได้แต่เก็บความทรงจำดีๆเท่าที่ทำได้เท่านั้น พ่อรักลูกทั้งสองคนนะ"ชายชรากล่าว ก่อนที่จะจูบหน้าผากของไอกะและเดินไปยังห้องของตนโดยเฉพาะ
กาลเวลาร่วงเลยผ่านไปจนถึงตอนคํ่าคืน ร่างของนักฆ่าทั้ง8ได้ย่างกรายมาในยามวิกาล ณ คํ่าคืนที่พระจันทร์เต็มดวง...
จบ
ไม่ถึงเป้าเลยแหะกะจะให้ต่อยเสร็จสักคู่
ความคิดเห็น