มัชฌิมพิภพ ตอน ขลุ่ยวิเศษสมุทรมรกต
ผู้เข้าชมรวม
247
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
แสงนวลของเหล่าราชินีแห่งราตรีทั้งสามส่องผาดผ่านเหนือผืนทะเลสาบ อัคคารัน อย่างอ่อนโยน และประหนึ่งว่าจะตอบรับกับอ้อมกอดแห่งแสงจันทร์ ท้องธาราได้ถักทอแสงนวลนั้นให้เป็นประกายระยิบระยับประชันกับแสงแห่งเหล่าดารานับล้านเบื้องบน สายลมอันเย็นระรื่นพัดพลิ้วผ่าน กระจายกลิ่นอันหอมหวานของดอกไม้ป่าให้กำจายไปทั่วอาณาจักรแห่งป่าโบราณ เสียงกระซิบของสายลมเคลื่อนผ่านเหล่าพฤกษาผู้อ่อนไหวทั้งยังขยับกิ่งใบตอบรับ ผสมผสานขับขานเป็นดนตรีแห่งราตรีอันสงบ สมถะและงดงาม
จะมีก็เพียงแต่เหล่าเกสรดาราเท่านั้นที่รู้จักสดับฟังความไพเราะของบทเพลงแห่งราตรี ส่องเสพถึงความงามแห่งประกายดาราบนผืนน้ำ กำซ่านถึงความหอมหวานของมวลดอกไม้ป่าในอณูอากาศ และโลดแล่นลัดเลาะไปตามหมู่แมกไม้กับสายลมราตรี ส่วนเหล่ามนุษย์นั้น จะมีก็แต่เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะรู้จักเสพธรรมชาติดั่งเช่นเหล่าภูต
ราตรีนี้เป็นอีกหนึ่งราตรีอันงดงามดั่งเช่นทุก ๆ ราตรีที่ผ่านมาในดินแดน มัชฌิมโลก ภายใต้การปกครองแห่งเหล่าผู้นำที่ทรงอำนาจทั้งหลาย ดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่ทุกเผ่าพันธุ์ต่างอยู่ร่วมกันอย่างสงบ สันติ
ทะเลสาบอัคคารัน หรือทะเลสาบนาคะคีรี จัดว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสามในมหาทวีปเพรีนเทดาร์นี้ กินอาณาเขตกว้างติดชายแดนของสามประเทศ อันได้แก่ ประเทศดาเรนองค์ ประเทศอันฟีรีย์ และ ประเทศทินนาคานส์
ทะเลสาบแห่งนี้มีเหล่าภูตธรรมชาติสถิตอยู่ตามพื้นที่แผ่นดินโดยรอบและในห้วงน้ำเหลือคณานับ จนกลายเป็นที่มาของฉายานามของมันอีกชื่อหนึ่งคือ ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์
ครั้นเมื่อสายลมอ่อนโยนแห่งราตรีพลิ้วหอบนำกลิ่นอวลหอมของดอกไม้ป่าออกมาจากป่าโบราณ คูไร ลอยล่องฟุ้งมายังริมทะเลสาบอีกครา ก็พลันบังเกิดเรื่องราวหนึ่งขึ้น
ผืนน้ำที่กระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นอย่างสงบ กลับปั่นป่วนกินพื้นที่ในทะเลสาบเป็นบริเวณกว้าง ผิวน้ำถูกบิดให้หมุนวนเป็นเกลียวไชลงไปใต้ทะเลสาบอันลึกราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าแปลกยิ่งนักที่สายลมยังคงพัดมาอย่างระเรื่อยราวกับไม่สนใจกับความ อลหม่านที่เกิดขึ้นในทะเลสาบ ทุกสรรพสิ่งบนผืนดินยังคงดำเนินต่อไปราวกับไม่รับรู้กับเหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้น
ภายใต้ผืนน้ำลึกลงไปนั้น พลันปรากฏเงาร่างอ้อนแอ้นเงาร่างหนึ่งที่ปลายของเกลียวน้ำวนผุดลอยขึ้นมายังผิวน้ำเบื้องบนอย่างช้า ๆ โดยไม่ได้แยแสกับกระแสอันเชี่ยวกรากรอบ ๆ กาย เงาร่างนั้นค่อย ๆ กระจ่างขึ้นเมื่อลอยมาเกือบถึงผิวน้ำ
ราชินีแห่งราตรีทั้งสามยังคงทอแสงอ่อนโยนลงมาโดยมิได้ถูกบดบังด้วยเมฆาผู้อิสระ หากแต่รัศมีของนางทั้งสามหาได้สุกสกาวเท่ากับร่างอ้อนแอ้นที่ผุดผาดเหนือผิวน้ำนั้นไม่ เส้นผมยาวอันดำขลับพลิ้วสยายไปตามลมราตรีที่เข้ามาทักทายคลอเคลียและสะท้อนระยิบระยับเมื่อต้องแสงดารา วงหน้านั้นสวยซึ้งดูไร้เดียงสาปานความงามของมวลบุปผชาติ ทั้งยังเปล่งประกายเป็นนวลใยราวกับถูกสลักขึ้นมาจากหยกขาวอันศักดิ์สิทธิ์ ร่างอันบอบบางสวมใส่อาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ละอองแห่งแสงจันทร์ทั้งสามขับให้ชุดของนางเปล่งรัศมีมิแพ้เหล่าราชินีบนนภา
นางผู้มาจากท้องธารา เพียงเหลือบมองรอบกายเพียงชั่วขณะ จากนั้นจึงพลิ้วร่างเหินเข้าสู่ป่าโบราณอย่างนุ่มนวล
บทเพลงแห่งราตรีได้ขับขานบรรเลงต่อจนกระทั่งรุ่งอุษา ราบเรียบและสงบราวกับมิได้เกิดเหตุอันใดขึ้น หากทว่าจะเป็นเยี่ยงนั้นต่อไปในอนาคตกระนั้นหรือ
ผลงานอื่นๆ ของ Dejovati ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Dejovati
ความคิดเห็น