คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่7 ได้โอเกอร์มาเป็นพวกเหรอ?
หลังจากที่ริมุรุคุงได้ร่างมนุษย์เรียบร้อยแล้วก็ต้องไปอธิบายกับคนอื่นๆอีกซึ่งตอนแรกทุกคนก็ตกใจกันอยู่หรอก แต่พออธิบายไปแล้วก็เข้าใจกันได้ทันที เข้าใจจริงรึเปล่าหว่าแต่ชั่งเถอะ หลังจากนั้นการพัฒนาหมู่บ้านก็เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งตัวผมทำงานอะไรงั้นเหรอ คำตอบก็คือนักวิจัยไง เห็นอย่างนี้แต่ผมก็เคยเป็นนักวิทยาศาสตร์นะก็เลยเอาเป็นงานนี้ดีกว่า ไอ้พวกงานราชการอะไรพวกเนี่ยไม่ไหวหรอก แต่เอาตรงๆตอนนี้ยังไม่หัวข้อวิจัยเลย ก็เลยทดลองอะไรหลายๆอย่างไปเรื่อยๆก่อนละนะ ซึ่งตอนนี้ผมก็กำลังจะไปสถานที่ทำงานของผมซึ่งก็คือถ้ำที่เคยผนึกเจ้าเวลโดร่าไว้ไงละ
(ไรท์บรรยาย)
โซลล่ากำลังเดินออกจากหมู่บ้านเพื่อไปที่ถ้ำ แต่ก็ต้องหยุดเดินก่อนเพราะเห็นริมิรุกำลังคุยกับพวกริกุรุอยู่
โซลล่า:“โอ๊ะ? นั้นพวกริมุรุคุงนี่”
แล้วโซลล่าก็กำลังจะเดินไปพวกริมุรุแต่
ริมุรุ:“ฮ้า!!”
ปัก!
ก็อปตะ:“อ้ากกก!!!”
ตุบ!!
โซลล่าก็ต้องหยุดเดินก่อนเพราะเห็นจู่ๆริมุรุก็กระโดดเตะใส่ก็อปตะจนกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น
โซลล่า:“ทำอะไรของเจ้าพวกนั้นละเนี่ย ยังไงก็ยังไม่ไปทักตอนนี้ดีกว่า”
แล้วโซลล่าก็เปลี่ยนทิศทางแล้วมุ่งหน้าไปที่ถ้ำทันที
.
.
.
เวลาต่อมาโซลล่าก็มาถึงห้องวิจัยแล้ว
โซลล่า:“เอาละเริ่มงานดีกว่า…”
หลังจากเปลี่ยนไปใส่เสื้อกาวแล้วก็เริ่มงานทันที
.
.
.
เวลาต่อมา ณ หน้าถ้ำ
เวลาผ่านมาได้ซักพักโซลล่าก็ได้ทำงานของตัวเองจนเสร็จแล้วออกมาข้างนอก ซึ่งตอนนี้ก็กำลังยืดเส้นยืดสายอยู่
โซลล่า:“อ่า~ไม่ได้เมื่อยเพราะทำงานนานๆแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย ซักหมื่นปีได้แล้วมั้ง…หือ?”
โซลล่าได้หันไปเห็นเปลวเพลิงสีดำขนาดใหญ่ที่กำลังลอยอยู่เหนือป่าไกลๆ ซึ่งมันก็คือ เอ็กซ์ตร้าสกิล เพลิงทมิฬ ของริมุรุนั้นเอง
โซลล่า:“เพลิงทมิฬเหรอ? หือ!!!”
เปรี้ยง!!!
จู่ๆก็มีสายฟ้าสีดำผ่าลงมาตรงจุดนั้นซ้ำอีก ซึ่งมันก็คือ เอ็กซ์ตร้าสกิล สายฟ้าทมิฬ ของริมุรุอีกนั้นเอง
โซลล่า:“อะไรกันละเนี่ยหมอนั่นทำอะไรของมันละเนี่ย…หือ!”
แล้วไม่นานเพลิงทมิฬก็หายไป
โซลล่า:“ตรงลงทำอะไรของหมอนั่นเนี่ย ทดลองสกิลเหรอ? ไม่สิหมอนั่นไม่ใช่คนชอบทำทำตัวเด่นแบบนั้นนิ…ชั่งเถอะ ไว้ค่อยไปถามเอาทีหลังตอนกลับไปถึงหมู่บ้านแล้วก็แล้วกัน”
พูดจบโซลล่าก็เดินต่อเพื่อกลับหมู่บ้าน
.
.
.
พอเดินมาได้ซักพักโซลล่าก็บังเอิญเจอกับคนที่ตัวเองอยากคุยด้วยพอดี
โซลล่า:“ไง ริมุรุคุง…หือ?”
โซลล่าได้เห็นกลุ่มโอเกอร์6คนตามริมุรุมาด้วยจึงรู้สึกสงสัย ทางริมุรุพอได้ยินเสียงก็หันมาโซลล่าพร้อมกับคนอื่นๆ
ริมุรุ:“หือ?…อ่าว คุณโซลล่าเองเหรอ”
โซลล่า:“อ่า กะว่าพอไปถึงหมู่บ้านแล้วจะไปถามนายเรื่องที่ปล่อยสกิลออกมาเมื่อกี้พอดีเลย…แต่จะว่าไปแล้ว พวกโอเกอร์พวกนี้เป็นใครเหรอ?”
โซลล่าพูดพร้อมหันไปมองพวกโอเวอร์ซึ่งประกอบไปด้วย โอเกอร์ชายผมแดง2เขาซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า โอเวอร์ชายผมน้ำเงินเขาเดียว โอเกอร์ชายผมดำ2เขา โอเกอร์ชายชรา2เขา โอเกอร์หญิงผมม่วงอกโตเขาเดียว และโอเกอร์หญิงผมชมพู2เขา
ริมุรุ:“อ่อ พอดีเมื่อกี้มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยนะครับ เลยจะไปคุยกันที่หมู่บ้านน่ะ”
โซลล่า:“อย่างนี้นี่เอง”
โอเกอร์แดง:“เอ่อ คือว่าท่านนี้คือ?…”
ริมุรุ:“อ่อ เขาชื่อโซลล่าน่ะ จะว่ายังไงดี เอาเป็นว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณของชั้นน่ะนะ”
โซลล่า:“ถ้าเรื่องคุณชิซุละก็ชั้นทำตามใจชอบเองต่างหาก แต่ชั่งเถอะวันนี้มีงานฉลองด้วยนิรีบกลับกันเถอะ”
แล้วทุกคนก็เดินกลับไปที่หมู่บ้าน
ตัดไปตอนช่วงค่ำ
งานเลี้ยงที่มีชื่อว่า“งานเฉลิมฉลองที่ท่านริมุรุรับประทานอาหาร”
โซลล่า:“ชื่อแบบนี้เจ้าตัวคงอายสุดๆแหงๆ”
ทางด้านริมุรุ พวกก็อบลินจ้องริมุรุแบบตาไม่กระพริบเพื่อดูว่านายเหนหัวของพวกตนจะพึงพอใจกับอาหารรึเปล่า ริมุรุได้หยิบเนื้อเสียบไม้ที่“ก็อบอิจิ”ก็อบลินพ่อครัวทำมาให้ขึ้นมาแล้วริมุรุก็กัดเข้าไปหนึ่งคำ จากนั้นก็มีท่าทางตัวสั่นแปลกๆ
ริกูด:“ทะ…ท่านริมุรุ”
ริกุรุ:“ไม่ถูกปากเหรอครับ?”
พวกริกูดพูดด้วยอาการเหงื่อตกแต่
โซลล่า:‘ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ’
ริมุรุ:“อร่อย~~~~~~”
ริมุรุได้ร้องเสียงหลงพร้อมกับใบหน้าที่ชื่นบานแสดงถึงความสุขซึ่งมันเป็นหลักฐานชัดเจนว่าอาหารอร่อยมาก
โซลล่า:‘นั้นไงว่าแล้ว’
ทุกคน:“โอ้ววว!!!”
ทุกคนโห่ร้องด้วยความดีใจ ก็อบอิจิได้ถอนหายใจโล่งอกริกูดที่เห็นแบบนั้นก็ไปตบไหล่ก็อบอิจิ
ริมุรุ:‘อ๊า~มีความสุขจังเลย~~เพราะร่างสไลม์มันรับรสไม่ได้นี่น่า รสชาติของอาหารที่ลิ้มรสเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาโลกนี้ อ๊า~การมีชีวิตอยู่นี่มันช่างวิเศษจริงๆ’
งานฉลองได้ดำเนินไปอย่างคลึกคลื้น ตัดมาทางด้านกลุ่มคุยในร่มเงาซึ่งประกอบด้วย โอเกอร์แดง โอเกอร์น้ำเงิน โอเกอร์ชรา ไคจิน ริกูด ริกุรุ และโซลล่า
ไคจิน:“พรวด!!”
ไคจินได้สำลักน้ำออกมาเพราะตกใจกับเรื่องที่โอเกอร์แดงเล่า
ไคจิน:“ออร์คเข้าจู่โจมโอเกอร์งั้นเหรอ? เรื่องบ้าบอแบบนั้นมัน”
โอเกอร์:“มันคือความจริง”
ไคจิได้ไปหาพวกริกูด
ไคจิน:“เรื่องแบบนั้นมันเป็นไปได้ด้วยงั้นเหรอ?”
ริกุรุ:“………”
ริกูด:“ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
โซลล่า:‘ถ้าเจ้านั้นโผล่มามันก็เป็นไปได้อยู่หรอกนะ แต่ถ้ามีออร์คที่ไปถึงขั้นนั้นแล้วมันน่าจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเกือบหมดแล้วแปลว่ามีคนชักใยอยู่สินะ’
ในตอนนั้นเองก็อปตะก็เดินผ่านมาพอดี
ก็อบตะ:“มันเป็นเรื่องแปลกขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
ริกุรุ:“ก็อบตะ”
แล้วคิสึโอะก็เดินมาพอดี
คิสึโอะ:“มันก็แน่อยู่แล้วสิ แค่ความแข็งแกร่งทางเผ่าพันธ์ระหว่างออร์คกับโอเกอร์มันต่างชั้นกันมากเลยนะ”
ไคจิน:“ใช่แล้วการที่เผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอกว่าอย่างออร์คไปจู่โจมก่อนมันเป็นไปไม่ได้”
โอเกอร์แดง:“แต่ว่า พวกมันก็มา…”
แล้วโอเกอร์แดงก็ว่าพวกออร์คติดอาวุธและชุดเกราะบุกจู่โจมหมู่บ้านของพวกตน ด้วยกองกำลังที่ท้วมทันราวกับลบล้างได้ทั้งป่า ซึ่งในกองทัพนั้นมีมารสวมหน้ากากซึ่งน่าจะเป็นคนค่อยสั่งการอยู่ด้วย ซึ่งโอเกอร์แดงก็ยืนยันว่าเป็นมารชั้นสูงไม่ผิดแน่
โซลล่า:“อย่างนี้นี่เอง หมายความว่าพวกนายเผลอจำผิดว่าเจ้านั้นเป็นริมุรุคุงเลยมาท้าสู้สินะ”
โอเกอร์:“ครับ”
โซลล่า:‘ไอเจ้าพวกนี้โชคดีแล้วนะที่อีกฝ่ายเป็นริมุรุคุงไม่งั้นป่านนี้ได้กลับไปเกิดใหม่แน่(ว่าไปนั่น) แต่แบบก็ชัดแล้วสินะแปลว่าตัวหน้ารำคาญเกิดมาแล้วสิเนี่ย’
ก็อบตะ:“แล้วมันหมายความว่ายังไงเหรอครับ?”
ริกุรุ:“หมายความว่าพวกออร์คเป็นกองกำลังให้กับจอมมารคนไหนซักคน แบบนั้นไม่ใช่เหรอ?”
ก็อบตะ:“อย่างงั้นเหรอครับ?”
ไคจิน:“จอมมารงั้นเหรอ”
ริกูด:“แต่ว่าทำไมจอมมารถึงได้…”
โซลล่า:‘ก็คงเป็นเหตุผลไร้สาระสุดๆจนอยากจะต่อยให้กระเด็นซักเปลี้ยงนั้นแหละนะ’
โอเกอร์แดง:“ไม่รู้เหมือนกัน ที่เรารู้แน่ชัดคือพวกพ้องทั้ง300ตนของพวกเรา ตอนนี้เหลือกันแค่6ตนแล้ว”
โอเกอร์แดงได้พูดขึ้นมาอย่างเจ็บแค้น ในตอนนั้นเองริมุรุก็เดินมาพอดี
ริมุรุ:“แบบนี้นี่เองน่า ก็ถึงว่าทำไมถึงเจ็บใจกันขนาดนั้น”
แล้วริมุรุก็ไปนั่งพิงต้นไม้ข้างๆ
โอเกอร์แดง:“กินเนื้อพอแล้วเหรอท่านริมุรุ”
ริมุรุ:“พักอาหารซักเดี๋ยวนึงน่ะ แต่น้องสาวของนายนี่สุดยอดเลยนะ”
พอพูดแล้วก็หันไปหาโอเกอร์ชมพูที่กำลังคุยกับพวกก็อบลินอย่างสนิทสนม
ริมุรุ:“รู้ละเอียดเกี่ยวกับสมุนไพรและการปรุงอาหารเลยสนิทกับพวกก็อบลินได้ในทันทีเลย”
โอเกอร์แดง:“เพราะเธอเป็นเป็นเด็กติดบ้านล่ะนะ คงดีใจที่ได้ถูกพึ่งพานั่นล่ะ”
ริมุรุ:“แล้วต่อจากนี้พวกนายจะทำยังไงต่อเหรอ?“
โอเกอร์แดง:“ต่อที่ว่า?”
ริมุรุ:“แนวทางหลังจากนี้ไง ไม่ว่าจะสร้างหมู่บ้านขึ้นมาใหม่หรือย้ายไปอยู่ที่อื่น ชะตากรรมของพวกพ้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายไม่ใช่เหรอ?”
โอเกอร์แดง:“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว เราจะรวบรวมกำลังแล้วเข้าสู้อีกครั้ง”
ริมุรุ“มีแผนแล้วเหรอ?”
โอเกอร์แดง:“………”
โอเกอร์แดงยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
ริมุรุ:‘แบบนี้Noแผนสินะ’
โซลล่า:‘ไม่ได้แช่งนะแต่แบบนี้อายุไม่ยืนแหงๆ’
ริมุรุ:“ชั้นมีข้อเสนอให้นะ พวกนายทุกคนสนใจมาเป็นลูกน้องของชั้นมั้ย?”
โอเกอร์:“ลูกน้อง?”
ริมุรุ:“ก็นะ ที่ชั้นจะจ่ายให้พวกนายได้ก็มีแค่อาหาร ที่พัก และเสื้อผ้าเท่านั้นล่ะนะ มีฐานที่มั่นไว้มันดีกว่าไม่ใช่เหรอ?”
โอเกอร์แดง:“แต่ว่า…ถ้าเป็นแบบนั้นเมืองนี้ก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการล้างแค้นของพวกเราด้วย”
ริมุรุ:“ก็นะ มันก็ไม่ใช่แค่เพื่อพวกนายอย่างเดียวด้วย ออร์คนับหมื่นแถมติดอาวุธเข้ามาโจมตีใช่ไหมล่ะ อาจจะมีจอมมารชักใยอยู่ก็เป็นไปได้”
ริกูด:“พวกออร์คมันอาจจะจ้องสิทธิ์ครอบครองป่าใหญ่จูร่าแห่งนี้อยู่ก็เป็นไปได้นะครับ”
ริมุรุ:“อืม เมืองนี้เองจะพูดว่าปลอดภัยก็ไม่ได้ล่ะนะ เพราะแบบนั้น ยิ่งกำลังรบเยอะขึ้นมันก็ดีสำหรับทางนี้ด้วยเหมือนกัน กลับกันถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับพวกนายชั้นเองก็จะสู้ด้วย…ชั้นจะไม่ทิ้งพวกพ้อง”
โซลล่า:“หึ”
โซลล่าได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับคำพูดนั้นของริมุรุ
โอเกอร์:“…แบบนี้เอง…อยากขอเวลาคิดสักหน่อย”
ริมุรุ:“โอ้ ไปคิดให้เต็มที่ได้เลย เอาละ งั้นชั้นขอไปกินเนื้ออีกหน่อยก็แล้วกัน”
พูดจบริมุรุก็ลุกแล้วเดินออกไป ส่วนโอเกอร์แดงที่คิดหนักก็เดินเข้าไปในป่าคนเดียว โซลล่าที่เห็นแบบนั้นก็คิดขึ้นมา
โซลล่า:‘อาจเป็นทางเลือกที่ลำบากแต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็อย่าเสียใจทีซะละ’
วันต่อมา
(โซลล่าบรรยาย)
ในวันนี้เจ้าโอเกอร์แดงก็มาให้คำตอบกับริมุรุคุงแล้ว เนื่องจากผมเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านผมจึงมาแอบฟังนอกเต็นท์ ซึ่งดูเหมือนจะตอบตกลงเป็นสัญญาจนกว่าจะจบเรื่องของออร์คได้สินะ
แล้วหลังจากนั้นริมุรุคุงก็ให้โอเกอร์แดงไปเรียกโอเกอร์ที่เหลือมา รอบนี้ผมเข้ามาในเต็นท์ด้วย ว่าแต่ที่เรียกพวกโอเกอร์มาหมดนี่อย่าบอกนะว่า
ริมุรุ:“ชั้นจะมอบชื่อให้กับพวกนายเป็นหลักฐานการเข้ามาเป็นพรรคพวกของชั้น”
นั้นไงละว่าแล้ว ทุกคนก็ดูตกใจกันหมดเลยก็ไม่แปลกหรอกนะ
โอเกอร์แดง:“กับพวกเราทุกคนเลยเหรอ?”
ริมุรุ:“ถ้าไม่มีชื่อมันไม่สะดวกจริไหมละ”
โอเกอร์แดง:“แต่ว่า…”
โอเกอร์ชมพู:“ระ รอก่อนค่ะ การตั้งชื่อเดิมทีเป็นสิ่งที่มีอันตรายตามมาด้วย แล้วยิ่งตั้งชื่อให้กับ…”
ริมุรุ:“เอาน่าๆไม่เป็นไรหรอก”
โอเกอร์ชมพู:“แต่ว่า…”
ริมุรุ:‘อันตรายที่ว่าคือได้นั้นใช่ไหมละ ไอ้ที่ใช้แกนเวทย์มากเกินไปจนง่วงขึ้นมา คราวนี้แค่6คนเองไม่เป็นไรหรอกน่า’
คงคิดแบบนั้นอยู่แหงๆคิดง่ายไปแล้วเฟ้ย เอาเถอะถ้ามีเวลโดร่าอยู่ในกระเพาะอยู่คงไม่ตายหรอกปล่อยให้เจอกับตัวเองเลยดีกว่า
ริมุรุ:“หรือว่าไม่พอใจที่ถูกชั้นตั้งชื่อให้งั้นเหรอ?”
โอเกอร์ชมพู:“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ…”
โอเกอร์แดง:“ไม่คัดค้าน”
โอเกอร์ชมพู:“ท่านพี่!”
โอเกอร์แดง:“ขอรับไว้ด้วยความยินดี”
โอเกอร์ชรา:“ถ้าหากนายน้อยพูดเช่นนั้นละก็”
ริมุรุ:“อืม งั้นเริ่มละนะ…”
แล้วริมุรุคุงก็เริ่มตั้งชื่อโดยเป็นดังนี้ แดง=เบนิมารุ น้ำเงิน=โซเอย์ ชมพู=ชูนะ ม่วง=ชิออน ชรา=ฮาคุโร่ ดำ=คุโรเบ้ แล้วแน่นอนว่าพอตั้งชื่อเสร็จเจ้าคนตั้งชื่อก็น็อคหลับไปเรียบร้อย ทางพวกโอเกอร์ก็วิวัฒนาการเป็นคิชินกันหมดแล้ว เบนิมารุกลายเป็นหนุ่มหล่อ โซเอย์เป็นหนุ่มหล่อเคร่งขรึม ชูนะเป็นสาวน้อยน่ารัก ชิออนเป็นสาวสาวอกโต ฮาคุโร่ดูหนุ่มขึ้น คุโรเบ้กลายเป็นคุณลุงธรรมดา
ถึงจะดูเหมือนว่าร่างกายเล็กลงแต่แกนเวทย์สูงขึ้นมากซึ่งแน่นอนว่าแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน ยังไงก็เถอะหลังจากนี้คงมีอะไรเกิดขึ้นอีกเยอะแน่
ตอนต่อไป กิ้งก่าผู้หลงระเริง
ความคิดเห็น