ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One more time

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 แก้คำผิดรัวๆขอบคุณ คุณ Little ค่า

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 58


     

    บทที่ 2

     

     

     

    เขาทำตัวแปลกไปจริงๆไม่ใช่แค่การประพฤติตัวกับเธอในฐานะจูเลียนจะเปลี่ยนไปเท่านั้น ภารกิจเสี่ยงอันตรายที่เขามักรับจนเหมือนกวาดมาหมดนั้นก็แทบไม่มีเลย เธอเลยไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหมือนทุกที ทำเพียงแค่มองจากจอกล้องที่ติดอยู่กับตัวเขา นอกจากนี้เขายังไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม รอบคอบไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บด้วยความบ้าบิ่นเหมือนชีวิตตัวเองไม่มีความหมายเหมือนที่ผ่านมา การกระทำที่เปลี่ยนไปของเขาทำให้เธอโล่งใจไปได้มากแต่ความสงสัยของเธอก็เพิ่มมากขึ้นพอๆกัน อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปในระยะเวลาสั้นๆอย่างนี้ ไม่สิ ไม่ใช่เปลี่ยนไปเขากลับไปเป็นคนเดิมที่เคยเป็นเมื่อสองปีก่อน เธอมองเขาไปพร้อมขยับมือทำแซนวิชไปด้วย

    “มองอะไร”คนที่เธอคิดว่าเขาไม่รู้ตัวก็พูดขึ้น

    “เปล่านี่”เธอไม่คิดจะถามอีกเพราะรู้ว่าคำตอบที่ได้คงไม่ต่างจากเดิมนักอีกอย่างเธอไม่อยากถามให้มันเข้าตัวด้วย โชคดีที่หลังจากวันนั้นเขาไม่ได้ลากเธอไปที่บริษัทอีกเพราะสองสามวันนั้นเขาก็มัวแต่ยุ่งกับภารกิจ เธอเจอกับเขาแค่ช่วงเช้าที่มาทำอาหารให้นั้น เธออาศัยช่วงนั้นตรวจสอบข้อมูลที่ได้มาจากเขาแล้วนำผลมาให้เขาวันนี้ “นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการลักลอบขนของในบริษัทนาย ฉันตรวจสอบมาแล้วตัดรายชื่ออกจากทั้งหมดห้าสิบรายเหลือสิบสองรายแต่มันก็ยังมากอยู่ดี ฉันคิดว่าเราคงต้องหาข้อมูลมามากกว่านี้”

    เรย์พยักหน้า “ฉันจะให้ลูคัสสืบคนพวกนี้ดู”

    “งั้นฉันขอตัวก่อนนะพอดีมีธุระน่ะ”หลังจากส่งจานแซนวิชให้เขาแล้ว เธอก็จัดการล้างอุปกรณ์และเก็บขนมปัง แฮม ชีส ผักกาดหอมที่เหลือเข้าตู้เย็น เธอสะพายกระเป๋าอดไม่ได้ที่จะเหลือบตากลับไปมองชายหนุ่มซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ เท่าที่เธอดูตารางงานของเขาวันนี้เขาว่าง น่าแปลกที่วันนี้เขาไม่อออกไปไหนพอๆกับที่เขาทานอาหารที่เธอทำทั้งหมด ทุกครั้งที่เขามีเวลาว่าง เขามักจะไม่อยู่คอนโด เขาจะหายหน้าไปตั้งแต่คืนที่มีงาน หากไม่ไปสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับงานก็ไปหาผู้หญิงกับเหล้า บางทีเขาอาจจะออกไปตอนสายกว่านี้

    “วันนี้นายไม่ออกไปข้างนอกเหรอ”เธออดถามออกไปไม่ได้จริงๆ

    “ออก”เขาตอบสั้นๆถามกลับด้วยคำถามสั้นๆเช่นเดียวกัน “ทำไม”

    “เปล่าแค่สงสัยว่าอาหารเย็นที่ฉันทำจะเป็นม่ายเหมือนทุกทีไหม”วันนี้เขาจะกลับมาที่คอนโดไหม ดีทีเธอไม่ได้ถามคำถามที่อยากรู้มากที่สุดออกไป “ฉันจะได้เอาไปกินเอง”เธอเปลี่ยนใจไม่รอฟังคำตอบ “ช่างมันเถอะ ฉันพูดเล่นน่ะสายแล้ว”ยอมรับว่าเธอกลัวคำตอบที่จะได้ยิน ชิงหนีไปก่อนที่เขาจะตอบ

     

    เธอไม่รอฟังคำตอบเขา จงใจหลบหน้าเขาด้วย เขาดูออก ท่าทางเธอจะไปคิดเอาเองอีก ทั้งที่เขาจะตอบเธออยู่แล้ว เขารู้ว่าเธอแปลกใจที่เขายังนั่งกินอาหารเฉยๆทั้งที่ปกติเขาต้องไม่อยู่ ก็ในเมื่อเจ้าของเบาะแสที่เขาตามหาทั้งหมดมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขาจะออกไปข้างนอกอีกทำไมล่ะ ส่วนที่เขาบอกว่าจะออกไปข้างนอนนั่นน่ะ เป็นเพราะเธอบอกว่าจะออกไปข้างนอกต่างหาก เขาอุตสาห์เคลียร์งานทั้งหมดให้เสร็จเร็วๆเธอจะได้มาต้องตามมาช่วยในการปฏิบัติภารกิจของเขาอีก เขาเกือบจะเผยไต๋ออกมาให้เธอรู้ หลังจากที่รู้ว่าเธอคอยติดตามการปฏิบัติภารกิจของเขาผ่านทางจอกล้องติดตัวมาตลอดและคอยแอบช่วยเหลือเขาโดยไม่ให้เขารู้ เขาแทบจะพุ่งไปจับตัวเธอมาเขย่าว่าเธอคิดอะไรถึงได้ทำอะไรบ้าๆแบบนี้ ตอนแรกวันนี้เขาตั้งใจว่าจะตามเธอไปด้วย แต่เธอดันทิ้งเขาไว้ข้างหลังเสียแล้ว

    เอาเถอะ ไม่เป็นไร

    เรย์หยิบแท๊บเล็ตที่หน้าจอกำลังแสดงแผนที่ของเมืองและจุดสีแดงที่กำลังเคลื่อนไหว

    เขาตามเธอไปเองก็ได้

     

    เธอขับรถเข้าไปจอดในโรงรถของบ้านสีขาวหลังหนึ่งในเขตเมืองแมรี่แลนด์ มันเป็นบ้านอีกหลังที่เธอซื้อไว้พักผ่อนและเป็นของส่วนตัวที่บอกว่าเธอคือ ณลินา แองเจลิน่า เคอร์ติส เธอไม่อยากเสี่ยงให้เขารู้ว่าเธอเป็นใครเพราะงั้นห้องในคอนโดของเธอจึงมีแต่ของใช้ของจูเลียนเท่านั้น มีแต่ที่นี่ที่เธอจะหลับเป็นตัวเองได้ เธอปลดกิ๊บกับวิกออก มัดผมยาวเกือบถึงสะโพกเป็นหางม้าผมเธอดูจะยาวเกินไปแล้ว คงต้องตัดออกบ้าง เธอคิดพลางดึงหน้ากากที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษออก เปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นเสือเชิ๊ตกับกางเกงขาสั้น หญิงสาวเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำงาน เธอเป็นส่วนหนึ่งของ CIN ก็จริงแต่งานที่ทำเธอทำส่วนใหญ่มักจะเป็นงานเบื้องหลังมากกว่า เธอถนัดเรื่องการวางแผนและการสนับสนุนฝ่ายปฏิบัติ พอส่งไฟล์งานไปแล้ว เธอก็อดคิดถึงเรื่องที่สงสัยก่อนหน้านี้ไม่ได้ มันน่าแปลกจริงๆกับพฤติกรรมของเรย์ในช่วงนี้ ที่สำคัญพักนี้เธอมักพบสายตาของเขามองมาที่เธออยู่บ่อยๆ

    เธอกดอินเตอร์โฟนต่อสายตรงเข้าหาคนที่กุมอำนาจสูงสุดของ CIN

    “น่าแปลกที่วันนี้หลานโทรมาหาปู่ได้”เสียงของเอียนดังมาตามสาย

    เธอเลิกเชื่อคำพูดที่ทำเป็นไม่รู้อะไรของปู่มาตั้งแต่ตอนอายุ 14 “คุณปู่เรื่องของเรย์น่ะค่ะ เขาไม่ได้รับงานอื่นนอกจากนี้ใช่ไหมคะ”

    เสียงถอนหายใจของคนเป็นปู่ดังมาตามสาย “ลิณาก็แฮ๊กเข้าไปในระบบของ CIN มาแล้วยังจะมาถามปู่อีกทำไม”

    ดูท่าเธอจะต้องใช้วิธีนั้นอีกแล้ว เธอกระแอมปรับน้ำเสียงที่ใช้พูด “ก็หนูไม่แน่ใจนี่คะและหนูรู้ว่าคุณปู่ช่วยได้”

    เพราะวิธีขอร้องที่ถูกใจเสียงของเอียนที่เงียบไปจึงกลับมาตามสายอีกครั้ง “เห็นว่าหลานขอร้องหรอกนะ”

    “ไม่มี”เธอทวนคำตอบที่ได้รับมา”

    “ใช่ไม่”เอียนยืนยันอีกครั้ง “ช่วงนี้เรย์ไม่รับงานเลย ที่มีตอนนี้มีแต่งานที่รับมาห่อนหน้านี้ทั้งนั้น”

    แม้จะไม่อยากเชื่อแต่ถ้ามันออกมาจากปากของเอียน เธอก็รู้ว่าตัวเองควรหยุดความสงสัยเพียงเท่านี้ เขามีเรื่องปิดบังเธอแต่คงไม่ใช่เรื่องภารกิจ

    “งั้นเหรอคะ ขอบคุณมากค่ะคุณปู่”เธออดยิ้มออกมาไม่ได้กับนุ่เสียงตัดพ้อจากอีกฝ่ายเมื่อเธอทำท่าจะวางสายทันที “เอาไว้อาทิตย์หน้าหนูจะอบพายเนื้อไปฝากนะคะ”

    เธอวางสายโทรศัพท์ลุกจากโต๊ะและตรงไปที่เตียงนอน ถึงเธอจะยังสงสัยอยู่แต่การที่เธอตามเขามาตลอดสามวันที่ผ่านมาทำเอาเธอแทบจะไม่ได้นอนเลยเพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้าๆอีก เธอขอพักก่อนแล้วค่อยใช้วิธีของตัวเองในการสืบหาว่าเขามีอะไรปิดบังเธอ

     

    เธอหลับไปแล้วหลังจากแน่ใจเรื่องนั้นเขาก็จัดการปลดล็อกกุญแจประตู เดินเข้าไปด้านใน ใช้เวลาไม่นานเขาก็เข้าถึงตัวเธอ ร่างบอบบางของเธอนอนตะแคงหลับสนิทอยู่บนเดียง เขามองเธออยู่ซักพัก ถอดเสื้อกับรองเท้าออกขึ้นไปบนเตียงสอดท่อนแขนเข้าโอบรอบเอวบางรั้งแผ่นหลังเล็กของเธอให้แนบอยู่กับอกของเขา เขาถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อรับรู้ถึงแรงเต้นของหัวใจแผ่วเบาจากร่างของเธอ เขากดจมูกกับกลุ่มผมสีดำนุ่มสลวยหอมกรุ่นของเธออย่างระมัดระวังไม่ให้เอตื่น เธอพึ่งหลับไปได้ไม่นานนักหลังจากตามเขามาตลอดหลายวันนี้ เธอควรพักผ่อน การที่ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอตามเขาปฏิบัติภารกิจมาตลอดไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ชายตัวใหญ่บางคนยังร้องโอดโอยมาแล้ว จนถึงตอนนี้เขายังแทบไม่อยากเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเธอคอยตามเขามาทุกภารกิจจริงๆถ้าเขาไม่ได้เห็นพวกอุปกรณ์มอนิเตอร์ นอกจากนี้เธอในฐานะจูเลียนยังเป็นคนทำหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเขา

    ท่าทางเขาจะทำให้เธอเป็นห่วงจริงๆ ถ้างั้นทำไมเธอถึงไม่ยืนอยู่ข้างเขา ทำไมเธอต้องหลอกเขาด้วย เธอกล้าดียังไงถึงปั่นหัวเขาขนาดนี้ เขากอดเธอแน่นขึ้นอีก ถึงนั่นจะทำให้เขาดูโง่มากก็เถอะ เพราะมันไม่ต่างกับการทรมานตัวเอง เขารู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มสูงและความเป็นชายของเขาที่เริ่มแข็งขึงเหมือนหอกเพียงแค่ได้สัมผัสตัวเธอ คลื่นความปรารถนาร้อนผ่าวระลอกแล้วระลอกเล่าผลัดกันซัดเข้าหาตัวเขา เขาไถหน้ากับเส้นผมของเธอ ผ่อนลมหายใจระบายความอึดอัดแม้มันจะช่วยได้ไม่มากนักก็ตาม

    เขาลืมตาที่ปิดอยู่ขึ้นและมองเธอ

     

    เธอตื่นขึ้นมาตอนเกือบจะหกโมงเย็น การหลับไปเกือบสี่ชั่วโมงทำให้เธอแปลกใจ นานมากแล้วที่เอไม่ได้นอนกลางวันนานขนาดนี้ ลิณาพลิกตัวนอนตะแคง น่าแปลกเธอได้กลิ่นของเขาด้วย นี่เธอคิดถึงเขามากจนหลอนเลยหรือเนี่ยเธอคิดเพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เขาจะมาอยู่ที่นี่ ลิณาลุกจากเตียง เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงเตือนข้อความเข้า

    เธอเปิดอ่านข้อความที่ถูกส่งมา มันเป็นข้อความที่ถูกส่งมา มันเป็นข้อความที่ถูกส่งมาจากปลายทางที่ไม่ระบุชื่อ นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอกดเปิดข้อความหลังจากโปรแกรมตรวจสอบไม่พบไวรัส หน้าจอสีขาวแสดงข้อความที่เขียนเอาไว้คำเดียวว่า

    DEATH

    ซึ่งเป็นอย่างที่เธอคิดเพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้รับมัน เธอขมวดคิ้วเมื่อโปรแกรมที่เขียนขึ้นมาใหม่เพื่อสะกดรอยไม่สามารถค้นหาปลายทางได้ คงเป็นเพราะอีกฝ่ายใช้โทรศัพท์แบบที่ใช้แล้วทิ้ง ถึงแม้ว่าข้อความนี้จะไม่มีอะไรนอกเหนือจากข้อความข่มขู่เพราะที่ผ่านมาไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นกับเธอ แต่การที่เธอไม่สามารถสืบหาต้นทางที่ส่งข้อคามนี้มาได้ทำให้เธอไม่สบายใจเลยเพราะตอนนี้เธอคือคนที่ไม่มีตัวตน แต่หัวเรื่องของจดหมายนี้กลับระบุชื่อของเธอ

    คนที่ส่งข้อความนี้มาให้เธอเป็นใครกัน เธอจะต้องรู้ให้ได้ถึงตอนนี้จะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอก็เถอะ เธอตั้งใจจะออกไปหาข้อมูลตามสถานที่ที่โปรแกรมคำนวณว่าข้อความนี้ถูกส่งมาจากที่ไหน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะ

    เธอกะพริบตาปริบ สมองหยุดคิดชั่วขณะเพราะคนตรงหน้า

    “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเรย์”

    “ฉันมีธุระแถวนี้ จำได้ว่านายเคยบอกว่ามีบ้านพักอยู่แถวนี้เลยแวะมา ขอเข้าไปหน่อยสิ ขับรถมันเหนื่อยอยากพัก”

    เขาไม่รอคำตอบของเธอเบียดร่างใหญ่โตที่เกือบจะเต็มประตูเข้ามา

    อะไรกันวันนี้เขาไม่ได้..ออกไปเที่ยวเหมือนทุกทีหรอกเหรอ “ฉันนึกว่านายจะไปเที่ยวเหมือนทุกทีเสียอีก”

    เรย์ถือวิสาสะเข้ามาในบ้านของเธอเหลียวหน้ากลับมาตอบ “ขี้เกียจไป ว่าแต่ฉันหิวแล้วมีอะไรกินไหม ฉันไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้ว”

    อะไรนะ คำพูดของเขาประโยคนั้นทำให้เธอหยุดซักถามเขา รีบเดินเข้าครัวเปิดตู้เย็นหาของที่พอจะนำมาทำเป็นอาหารได้ “นายนี่ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้าง อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ”โชคดีที่เธอซื้อขนมปังแถวกับแฮมและเบคอนมาเก็บไว้ มันฝรั่งที่เธอซื้อมาทำอาหารอาทิตย์ที่แล้วน่าจะเอามาทำเป็นพายมันฝรั่งให้เขาทานได้ แครอทที่เหลือจากสลัดเมื่อวานนี้อยู่ที่ไหนกันนะ “อย่างน้อยนายก็ควรกินอาหารให้ตรงเวลา”

    เขาทำตัวแปลกๆอีกแล้ว เขาไม่มีท่าทางหงุดหงิดหรือรำคาญใจเลยซักนิดตอนที่เธอบ่นเขาถึงปกติเขาก็มักจะเงียบอยู่แล้วก็เถอะแต่ไม่ได้มีท่าทางแปลกๆแบบนี้ ท่าทางที่ดูเหมือนเขากำลัง..พอใจ แต่จะเป็นไปได้ยังไงมีใครบ้างที่จะรู้สึกพอใจที่ตัวเองโดนว่า เธอบอกตัวเองว่าคงเป็นเพราะเธอคิดไปเองซะมากกว่า

     

    เพราะเขาเธอเลยต้องล้มเลิกแผนที่คิดจะทำไป ถ้าปล่อยให้เขาอยู่ในบ้านคนเดียวก็อันตรายเกินไป เธอไม่อยากเสี่ยงผลลัพธ์ที่ได้ไม่คุ้มกัน เธอเก็บของใช้ส่วนตัวเข้าตู้แล้วล็อกมันเอาไว้ คิดว่าซักพักเขาคงออกจากบ้านไปแต่หลังจากที่เขาทานพายมันฝรั่งทั้งหมดไปแล้วร่างสูงของเขาก็ขึ้นไปอยู่บนเตียงของเธอ ปฏิกิริยาไม่คาดคิดของเขาทำให้เธอไม่ทันห้าม รู้ตัวอีกทีหมอนของเธอก็ถูกเขายึดไปแล้ว

    เธอพูดไม่ออกยืนมองร่างสูงที่นอนขายาวเลยเตียงของเธออกมา เอาเถอะเธอขยับเก้าอี้จากโต๊ะมาข้างเตียง นั่งท้าคางกับเข่ามองเสี้ยวหน้าด้านข้างยามหลับของเขา ถึงจะแค่ด้านข้างเธอก็เห็นแนวกรามแข็งแรงของเขาชัดเจน นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้มองใบหน้ายามหลับของเขาแบบนี้ท่าทางเขาจะไม่ค่อยได้นอน ใต้ตาของเขาคล้ำจนสังเกตเห็นได้อาจเพราะเขายังตามหาเธออยู่ เธอพึมพำคำพูดที่รู้ว่าเขาไม่มีทางได้ยิน

    “หยุดตามหาฉันเถอะเรย์ คิดว่าฉันตายไปแล้วก็ได้ ฉันขออยู่ข้างๆคุณแบบนี้ไปเรื่อยๆดีกว่า อย่าตามหาฉันอีกเลย”me'

    เธอทิ้งเขาไว้ในห้องนอน ย้ายตัวเองมาอยู่ในห้องทำงานดึงสมาธิของตัวเองให้มาอยู่ที่งานแม้จะทำได้ไม่ดีนักเพราะถูกความคิดที่ว่าเขาคนนั้นอยู่ในห้องนอนของเธอบนเตียงของเธอมารบกวน เฮ้อ แบบนี้ก็เท่ากับว่าการที่เธอย้ายตัวเองออกมาจากห้องก็ไม่มีความหมายอะไรเลยสิ เธอเกือบปล่อยแก้วชาที่ดื่มจนหมดถ้วยลงกับพื้นขณะที่คิดจะลุกไปเติม ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขามายืนอยู่ตรงหน้าเธอ เรย์พิงไหล่กับกรอบประตู

    เธอพยามยามปิดความตกใจบนสีหน้าของตัวเอง “ทำอะไรของนายเรย์?”

    “มองนายไง”

    ..มันไม่ใช่ประโยคคำถามซักหน่อยที่เธอพูดน่ะ “ทำไมนายยังไม่ไปขึ้นเครื่องอีก นายมีงานที่ LA ไม่ใช่รึไง”ถ้าเอจำตารางงานของเขาไม่ผิด

    คิ้วหนายกขึ้นเหมือนจะถามว่าเธอรู้เรื่องตารางงานของเขาได้ยังไงโดยไม่ใช้คำพูด “ฉันเป็นคนตามนายไปทำภารกิจทุกครั้งไม่ใช่หรือไง”

    “อ่อ นั่นสินะ”ไม่รู้เธอคิดไปเองรึเปล่าว่าน้ำเสียงของเขามีแวว..ขบขัน?

    “ฉันทำภารกิจทั้งหมดเสร็จแล้ว ยกเว้นภารกิจที่ทำกับนาย”

    คำตอบของเขาทำเธอตะลึง “อะไรนะ”

    “ฉันอยากรีบทำงานให้มันเสร็จ”

    “ทำไมนายถึงทำอะไรบ้าๆแบบนั้น” การที่เธอไม่รู้เรื่องพวกนี้ บอกเธอว่าเขาทำภารกิจทั้งหมดนี้ด้วยตัวคนเดียว ถ้าไม่กลัวว่าเขาจะจับได้เธอคงหยิบกองหนังสือข้างโต๊ะมาทุ่มใส่หัวเขาแล้ว แต่ด้ามปากกานี่น่าจะใช้ได้

    “ฉันอยากหยุดพัก”

    อะไรนะ เธอตกใจจนเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว

    “ก็อย่างที่ฉันบอกนาย ฉันอยากหยุดเรื่องภารกิจซักพัก ฉันอยากพัก ฉันจะเข้าไปบริหารบริษัทเต็มตัวซักพักทิ้งให้ลูคัสคอยดูแลมานานเกินไปแล้ว”

    “คงไม่บังเอิญหรอกใช่ไหมที่จู่ๆนายถึงได้อยากหยุดพักขึ้นมา”ทั้งๆที่เธอและคนอื่นๆเคนบอกให้เขาหยุดรับงานบ้าง ใช้วันหยุดพักผ่อนของตัวเองบ้างแต่เขากลับปฏิเสธโดยไม่ต้องหยุดคิดเลยด้วยซ้ำ จู่ๆเขามาบอกว่าอยากหยุดพัก เธอไม่คิดว่าเหตุผลจะมีแค่นั้นหรอก

    “ก็มีอีกเหตุผลหนึ่งนะ”เขาลูบคาง “แต่ฉันไมบอกนายหรอก”

    เธอทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ งุนงงกับท่าทางของเขา ท่าทางขี้เล่นที่เขาแสดงออกมาให้เห็น นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้เห็นท่าทางร่าเริงขี้เล่นอย่างนี้จากเขา โชคดีที่เขาอยู่ห่างจากเธอพอสมควรไม่อย่างนั้นเขาอาจจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเธอ

    “เอาล่ะเราจะไปกันหรือยัง”

    คำพูดของเขาดึงความสนใจของเธอกลับมายังปัจจุบัน “ไปไหน”

    “ไปกินข้าวเย็นไง ถ้าจำไม่ผิดของกินนายหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”

    นั่นเป็นเพราะใครกันล่ะ เขาคนเดียวทานอาหารที่เธอตุนไว้พออยู่ได้สบายๆอย่างน้อยสามวันให้เหลือแค่ครึ่งวันภายในมื้อเดียว

    เธอคิดว่าตัวเองไม่ควรไปไหนมาไหนกับเขาตามลำพัง “ช่างมันเถอะเอาไว้ค่อยไปซื้อวันหลัง นายจะกลับเลยใช่ไหม”

    “ถ้ากลับตอนนี้ฉันต้องขับรถข้ามรัฐตอนกลางคืนนะ”

    จริงสิ นอกจากนี้ “แล้วนายยังขับข้ามรัฐมาด้วยมอเตอร์ไซค์เนี่ยนะ”เธอไม่อยากเชื่อเขาเลยจริงๆ

    เขามองหน้าเธอเหมือนจะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา โอ้ นั่นสินะ สำหรับผู้ชายน่ะ พวกเขาต้องรอให้ให้มันเป็นเรื่องขึ้นมาก่อนมันถึงจะเป็นเรื่อง

    “ทีนี้นายจะไปกินข้าวข้างนอกหรือจะซื้อของล่ะ”เขายกมือขึ้นกอดอกถามเธอ ดูเขาจะพอใจที่จะต้องอยู่กับเธอที่นี่ หมายความว่ายังไง เขาอยากจะอยู่กับเธองั้นเหรอ?

    บ้าน่า“ทั้งสองอย่าง”เธอหยุดความคิดของตัวเองพร้อมปิดคอมพิวเตอร์เข้ารหัส “บอกไว้ก่อนเลยนะว่านายต้องเลี้ยงฉัน”

     

    “ร้านอาหารแถวนี้อร่อยกว่าที่คิดไว้นะ”

    เธอรินชาเย็นให้ตัวเองกับเขาที่เรย์ที่เดินตามมา หลังจากนั้นก็ทยอยเก็บของใช้ที่ซื้อมาเข้าที่ค่อยนั่งที่โต๊ะ เขาที่ยืนอยู่ไม่นั่งกลับนั่งลงข้างเธอต่อจากนั้น

    เขาแปลกไปจริงๆการกระทำ ท่าทางการแสดงออกทุกอย่างเปลี่ยนไป ไม่ใช่สิ มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมต่างหากเหมือนที่เขาเคยทำในอดีต “ที่นายทำตัวแปลกไปเป็นมีเหตุผลเดียวกับที่จู่ๆนายก็อยากหยุดพักขึ้นมารึเปล่า”

    เขาตอบรับคำพูดเธอด้วยอาการเลิกคิ้วแล้วยิ้มแบบที่ทำให้เธอต้องหันหน้าไปทางอื่น “ใช่”เขาตอบหลังจากยกแก้วชาขึ้นดื่ม เลิกคิ้วเมื่อเขาเห็นว่าฉันพยักหน้ารับรู้แต่ไม่ถามต่อ

    “ไม่ถามต่อแล้วเหรอ”

    “ก็นายบอกฉันเองไม่ใช่รึไง ว่าจะไม่บอกฉัน”

    “แค่ตอนนี้น่ะนะ”

    เธอรู้ว่าเขากำลังมองเธอแม้ว่าตอนนี้เธอกำลังหันหลังล้างแก้วในซิงค์

    “ฉันจะบอกนายแน่อีกไม่นานนี้”

    “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนายขนาดนั้น”เธอพูดหลังจากที่เริ่มล้างแก้ว

    “แล้วก็เรื่องของณาฉันคิดว่าจะหยุดตามหาเขาแล้ว”

    “เหรอ ก็ดีแล้ว นายจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง ฉันจะได้ไม่ต้องตกใจทุกครั้งที่เห็นตานางแดงก่ำแบบนั้นอีก สภาพนายดูไม่ได้เลย”

    “หือ? มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

    ใช่ซะที่ไหนกันล่ะ เธอกล้าพูดเลยว่าในสภาพที่แย่ขนาดนั้น คงจะไม่มีใครดูเซ็กซี่ได้มากเท่าเขาอีกแล้ว เธอเลือกที่จะเงียบดีกว่าทำบาปอีกครั้งด้วยการโกหกออกไป เธอไล่เขาให้ไปนอนในห้องนอนอีกห้องที่ยังว่างอยู่ พอได้ยินเสียงเขาปิดประตูห้อง เธอถึงหันมาล้างแก้วที่กุมค้างเอาไว้จนเสร็จ แก้วที่เธอทำหลุดมือตอนที่เขาบอกว่าจะเลิกตามหาเธอ

     

    มือถือเครื่องบางสั่นเมื่อได้รับข้อความ และถูกกดหยุดก่อนที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงจะรู้สึกตัวตื่น

    ข้อความที่ถูกกดเปิดแสดงขึ้นบนหน้าจอ ตัวอักษรห้าตัวเรียงเป็นคำ

    DEATH

    กรามหนาบดเข้าหากัน ก่อนตัวอักษรนั้นจะถูกทำให้หายไปจากหน้าจอ โทรศัพท์ถูกวางลงที่เดิมของมัน ดวงตาที่อยู่ในความมืดลดลงมองเจ้าของมันที่นอนซุกหน้ากับหมอน

    คำสบถที่เขาอยากสบถออกมาดังๆทำได้แค่พูดในใจ เขาไม่อยากเสี่ยงให้เธอรู้สึกตัวการที่เขาเข้ามาในบ้านของเธอจะต้องทำให้เธอระวังตัวมากขึ้นแน่ เขาซุกมือทั้งสองข้างลงไปในกระเป๋ากางเกงหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ปลุกเธอขึ้นมาแล้วบีบคอเธอที่ปิดบังเขา เขาทั้งโมโหทั้งโกรธทั้งห่วงใยคนตัวเล็กพร้อมๆกัน เรื่องที่เธอถูกขู่ลอบทำร้ายนี่เขามั่นใจว่าไม่มีใครรู้ เธอคงคิดจะแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ด้วยตัวคนเดียว ผู้หญิงบ้า เขาไม่ยอมให้เป็นไปอย่างที่เธอคิดหรอก คราวนี้เขาจะปกป้องเธอให้ได้แม้ว่ามันจะต้องแลกด้วยชีวิตเขาก็ตาม

     

    วันต่อมาเขาลากเธอมาที่บริษัทด้วย พาเธอไปอยู่ในห้องทำงานของประธานบริษัทกับเขาด้วย โดยไม่สนใจสายตาตั้งคำถามของพนักงานบริษัทตัวเอง

    เพราะไม่มีข้อมูลความเคลื่อนไหวของการลักลอบขนของเถื่อนในบริษัทเขาเพิ่มเติม แน่นอนว่าเธอไม่มีอะไรทำ และเขาบอกเรื่องนี้กับเธอหลังจากมาถึงที่บริษัทแล้ว พอเธอบ่นเขาก็หาปัญหาไอทีของบริษัทเขามาให้เธอแก้จนเธอสงสัยว่าเขาน่าจะให้เงินเดือนเธอด้วยซะเลย ปัญหาโปรแกรมช่วยฆ่าเวลาให้เธอพอสมควร เธอขอตัวไปเข้าห้องน้ำกับเขาแต่เดินไปที่ลิฟต์ เธอกดลงมาที่ชั้นล่างสุด เปิดประตูออกจากบริษัทเขา

    เธอกำลังหนีจากเขา เรื่องอะไรเธอต้องอยู่กับเขาทั้งที่ไม่มีเหตุผลด้วยล่ะ อีกอย่างการกระทำแปลกๆของเขาทำให้เธอไม่สบายใจเลย หลายครั้งมานี้เธอจับได้ว่าเขาแอบมองเธอ ลางสังหรณ์บอกเธอว่าคงไม่ดีถ้าเธอจะอยู่ใกล้ๆเขาต่อไป

    เธอเหลือบเห็นผู้ชายสองสามคนที่เดินตามกันมาออกมาจากลิฟต์อีกคนที่อยู่ตรงฟร้อนต์ก็เดินเข้าไปหาการที่พวกเขาเดินตามหลังเธอมาทำให้เธอมั่นใจ เรย์จับตามองเธอ

    นี่มันหมายความว่ายังไง เขาทำแบบนี้ทำไม หรือว่าเขาจะรู้ตัวจริงของเธอแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่ถามเธอล่ะ เขาน่าจะโมโหมากนี่ นอกเหนือจากนี้เธอก็นึกไม่ออกว่าเขามีเหตุผลอะไรถึงให้คนพวกนี้จับตาดูเธอ เธอฉวยโอกาสที่คนของเขาเดินไปอีกทาง รีบออกไปจากบริษัท

    ในระหว่างที่เธอกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อไปเพื่อออกไปที่ถนนใหญ่ รถยนต์คันหนึ่งก็พุ่งตรงมาที่เธอ ราวกับมันรอเธออยู่แล้ว เธอรู้ตัวว่าเธอควรจะหนี เธอมองเพ่งไปที่ตำแหน่งคนขับและพบว่าที่นั่งนั้นไม่มีคน นี่มัน... หน้ารถอยู่ห่างจากตัวเธอไม่ถึงเมตร เธอยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อเตรียมรับแรงกระแทก

    เสียงรถยนต์พุ่งชนกับกระจกและตึกดังลั่น เธอกะพริบตาปริบ สิ่งที่เธอเห็นคือบ่ากว้างที่กว้างๆพอๆกับท้องฟ้าในสายตาเธอ หลังจากนั้นคือเสียงตะโกนลั่นจนหูอื้อ

    “คุณบ้าไปแล้วรึไง ทำไมถึงไม่รีบหลบ!?”ใบหน้าหล่อเหลาที่คิ้วขมวดแน่นของเรย์เข้ามาในสายตาของเธอ ความโกรธทำให้ดวงตาของเขาเป็นสีดำจัด ผู้หญิงคนนี้ แทนที่จะรีบหลบในช่วงเวลาที่หลบได้กลับเอาแต่จะดูว่าคนขับรถเป็นใคร “ให้ตายสิเจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

    เธอไม่สนใจคำถามของเขาที่เธอสนใจคือสิ่งที่เขาพุดก่อนหน้านี้ ก่อนที่รถนั่นจะพุ่งชนเธอ เขาเรียกเธอ “คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”เรียกชื่อจริงของเธอ “ว่าฉันคือลิณา”

     

    ถึงเขาจะไม่ยอมบอกเธอว่ารู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ลิณาก็รู้ดีว่าเขาคงรู้เรื่องของเธอมาได้พักใหญ่แล้วนั่นอธิบายท่าทางแปลกๆของเขาในช่วงที่ผ่านมาได้ รวมถึงภารกิจร่วมกันที่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขากุมันขึ้นมา เพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขารู้ตัวจริงของเธอเขาจึงไม่คิดจะปิดบังท่าทีของตัวเองอีกเพราะเขาเธอเลยต้องถอดกริ่งที่ติดอยู่ในอพาร์ตเมนท์ออก แต่ดูเหมือนเธอจะคิดน้อยไป เธอคิดได้เมื่อเห็นร่างสูงที่กำลังยืนดูต้นไม้ในกระถางที่เธอปลูกตรงระเบียง

    “นี่ต้นกุหลาบเหรอ”ดูเขาจะไม่คิดซ่อนตัวด้วย เขาเอ่ยปากทักทันทีที่เห็นเธอ

    “คุณเข้ามาได้ยังไง”ไม่ทันให้เขาบอกเธอก็นึกออกเมื่อเห็นรอยยิ้มบางๆที่มุมปากของเขา เขาปีนระเบียงขึ้นมาที่ห้องของเธอ เขาปีนระเบียงจากชั้น 74 มาที่ระเบียงชั้น 75 ของเธอ

    “อย่าโกรธสิ ก็คุณไม่ยอมเปิดประตูให้ผมนี่”

    เมื่อไม่มีหน้ากากก็ยากที่เธอจะปิดบังความรู้สึกตัวเองจากเขา เธอเลิกปลอมตัวเป็นจูเลียนแล้วเพราะมันไม่ความหมายอีก เมื่อสาเหตุที่ทำให้เธอปลอมตัวรู้ความจริงแล้ว เธอหันหลังเดินไปที่เครื่องชงกาแฟ “นั่นไม่ได้ทำให้คุณรู้เหรอว่าฉันไม่อยากเจอหน้าคุณ”

    “รู้สิแต่ผมไม่ได้ไม่อยากเห็นหน้าคุณนี่”เสียงที่ได้ยินบ่งบอกว่าเขาเดินตามเธอมา

    คางของเธอถูกเขาจับไว้ “นานมากแล้วนะที่ผมไม่ได้เห็นหน้าคุณแบบนี้”

    พระเจ้า รอยยิ้มของเขาควรเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เธอบอกได้เลยว่ารอยยิ้มของเขาสามารถล่อลวงจิตใจคนได้เพราะเธอเองก็เคยถูกมันล่อลวงมาแล้ว

    “คุณมาที่นี่ทำไม”เธอพยายามเรียกสติตัวเองกลับมาด้วยการเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับเดินให้ห่างจากเขา แค่เธอเผลอแป๊บเดียวกำแพงมนุษย์สูงเกือบเจ็ดฟุตก็มาอยู่หน้าเธอแล้ว

    “คุณถอยไปหน่อยได้ไหม”

    เขาเลิกคิ้วกับคำพูดของเธอ “ไม่ได้หรอก”

    ตอนที่เธออ้าปากจะถามเขาว่าทำไม เธอก็ได้รู้คำตอบเพราะเขาก้มลงจูบเธอ ความตกใจเปิดโอกาสให้ปลายลิ้นของเขาเข้ามาในปากเธอ ลิ้มรสที่เธอไม่ต้องการมอบให้เขา มอบรสชาติของเขาที่เธอไม่ต้องการรับรู้และไม่สามารถปฏิเสธได้ให้ อ้อมแขนของเขาไม่ต่างจากจุมพิตรู้สึกตัวอีกทีเธอก็พบว่ามันรัดเอวของเธอเอาไว้แล้ว ผิวกายเรียบตึงอบอุ่นกับกล้ามเนื้อของเขา ที่แม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้นเธอก็สามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเรือนกายเขา ไม่ ไม่ได้นะ

    “ไม่ คุณปล่อยฉัน”เขาให้โอกาสเธอได้พูดแค่สามคำก่อนริบสิทธิในการพูดไปจากเธออีก ไม่ใช่แค่นั้นเขายังครอบงำการรับรู้ทั้งหมดของเธอ เสียงเครื่องชงกาแฟที่ร้องเตือนไม่ได้เข้ามาในการรับรู้ของเธอ ซึ่งมันไม่ดีเลย  เขาคือกุญแจ กุญแจเพียงดอกเดียวที่สามารถไขประตูความลับของเธอได้

    แขนเล็กทั้งสองยกขึ้นโอบรอบต้นคอของเขา

    รอยยิ้มกระหยิ่มกระหย่องของเขาที่มอบให้หลังจากนั้น ทำให้เขาดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ

    เขาขี้โกง ขี้โกงที่สุด

    แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มักทำแบบนี้ ใช้เสน่ห์ของตัวเองมาทำแบบนี้กับเธอ

    เธอดึงมือของตัวเองคืนมา ในเมื่อทำให้เขาถอยไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะถอยไปเอง ไม่สนใจอาการขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจของเขา “คุณมาที่นี่ทำไม”เธอรินกาแฟจากเหยือกใส่ในถ้วย รสขมจัดของกาแฟทำให้เธอต้องพยายามไม่เบ้หน้าออกมา

    ดูเขาจะไม่สนใจคำถามของเธอเท่าไหร่ “ทำไมคุณยังไม่ทำแผล”สายตาของเขามองที่มือของเธอ

    “มันแค่แผลถลอก คุณตอบคำถามของฉันได้แล้ว”เขาหมายถึงแผลที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้

    เขากอดอกปลายคิ้วเลิกขึ้นนิดเพราะคำถามของเธอเหมือนจะถามเป็นนัยว่า เธอยังต้องถามเขาอีกเหรอ “คุณต้องเป็นฝ่ายตอบผมมากกว่าว่าเมื่อวานนี้มันเรื่องอะไรกันแน่”

    เหตุผลของเขาไม่ต่างจากที่เธอคิดไว้เลย เธอเปิดกระปุกน้ำตาลเพื่อเติมน้ำตาลลงไปในกาแฟอีก “คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องพวกนี้หรอก คุณก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเจอกับเรื่องแบบนี้”เขาเองก็รู้เรื่องนี้ดีพอๆกับเธอ ที่เธอพูดแบบนี้ไม่ถือว่าเกินไป แต่ร่องระหว่างคิ้วของเขากลับกดลึกลงอีกเพราะคำพูดของเธอ เธอเดาว่าน่าจะเป็นเพราะเธอพูดเหมือนดูถูกศักดิ์ศรีแบบผู้ชายอะไรทำนองนั้นของเขามากกว่า

    “ผมจะอยู่กับคุณ”

    เธอรู้สึกกาแฟที่ดื่มเปรี้ยวขมฝาดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณล่ะ คุณจะทำยังไง”

     

     

     

    [Talk]        

    หนูลิณาจะเริ่มแสดงฤทธิ์แล้วนะคะ

    พี่เรย้ตรียมตัวรึยังฮ่า

    เม้นน้อยจังเลย อัลขอเม้นเยอะกว่านี้หน่อยได้ไหมคะแงๆ ;’(

    เม้นกันคนละเม้นสองเม้นนะตัว ฮือ

    ตอนนี้อัลอยากได้เม้นมากๆเลย

    FROM  Aunqio


     

    [Talk]

    ความแตกแล้วนะพี่เรย์

    หนูลิณาจะทำยังไงนะ

    เม้นๆเป็นกำลังใจให้กันเหมือนเดิมน๊า รีดเดอร์ที่น่ารัก ^3^

    แล้วอัลจะมาต่อโดยไว

    FROM  Aunqio

     

    [Talk]

    ตกหล่นนะคะ ตกฉากเรทนิดๆ ฮ่าๆ

    ตอนนี้พี่เรย์เค้าน่ารักเนอะ มันติดเรทไหมเนี่ยตอนนี้ ฮ่า

    แต่ลิณาของเค้าไม่ยอมง่ายๆหรอกนะขอบอก

    ขอแก้ชื่อจากที่เรียกณาเฉยๆ เป็นลิณานะคะ

    อัลคิดว่าเพราะกว่าณาเฉยๆ

    อย่าลิมเม้นๆนะคะ เม้นติชมได้เต็มที่น๊า

    FROM  Aunqio

     

    [Talk]

    มาแล้วนะคะ วันนี้มาน้อยไปหน่อย 20%แฮะๆ

    เดียวจะรีบมาต่อให้ครบ 50% นะคะ

    สงสารหนูณายังไม่รู้อะไรเลย พี่เรย์เขาแอ๊บไม่รู้เรื่องเก่งฮ่าๆ

    มาลุ้นกันนะคะว่าหนูณาจะรู้ตัวเมื่อไหร่

    <<เพจอัลเองค่าเข้าไปเมาส์กันได้น๊า

    อยากให้เข้าไปกดไลค์กันนะคะเพราะในหน้าเด็กดีจะเห็นอัพ(หลอก)บ่อย ฮ่า

    แต่ในเพจจะบอกแค่เวลาที่อัพจริงซะส่วนใหญ่ค่ะ

    FROM  Aunqio

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×