คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 พบกันอีกครั้ง
พญาไท แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ผุดขึ้นมาเพื่อที่จะระบายคนจากแหล่งท่องเที่ยวเดิม เขตนี้ถึงแม้จะไม่ได้โด่งดังเท่ากับเขตท่องเที่ยวเดิม แต่นักท่องเที่ยวก็ดูหนาตาไม่ใช่น้อย ด้วยสวนสาธารณะ 3แห่ง ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เป็นแหล่งปิกนิกชั้นเยี่ยมของครอบครัวในพื้นที่ ห้างสรรพสินค้า 5 แห่ง ที่คอยดึงดูดคน และร้านขายของต่างๆอีกมากมาย แต่วันนี้ที่นี้ กำลังจะนองไปด้วยเลือด
ของผู้ที่หาญกล้าต่อกรแก๊งซาตานอัคคี!
หลังจากประชุมกันเสร็จ เฟรย์ก็นัดลูกน้อง300กว่าชีวิต มาที่พญาไทและรวมพลที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก่อนจะนำกำลังพล เข้าไปปะทะกับกองกำลังฝ่ายศัตรูที่ตั้งมั่น อยู่บริเวณสวนสาธารณะ ที่ตอนนี้ปลอดคนไปแล้วเนื่องจากเป็นห่วงชีวิตตัวเองมากกว่า แก๊งซาตานอัคคีที่ติดอาวุธหนักและได้รับการฝึกดีกว่า ย่อมสามารถกดดันฝ่ายศัตรูที่ได้รับการฝึกน้อยกว่าไปอย่างรวดเร็ว
เฟรย์และลูกน้องคู่กายทั้ง4คนย่อมต้องมาดูผลงานละเลงเลือดครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีสมาชิกระดับS อีก2คน ยืนอยู่ใกล้กับพวกเขา โดยพวกเขาคอยสังเกตการณ์อยู่บนตึกสูง10ชั้น
“เฮอะ พวกไม่เจียมตัวทั้งหลาย อย่างพวกมันก็มีดีเพียงแค่ให้พวกเรามาถลุงเล่นแค่นั้นแหละ ว่ามั้ย หมากทมิฬ หยุดโลหิต” เฟรย์ให้ไปถามชายวัยกลางคนสองคน ซึ่งเป็นสมาชิกระดับ S ซึ่งทั้งสองก็ทำเพียงขานรับเบาๆ “แต่สงสัย เจ้าตะขอเกี่ยวเมฆา คงเบื่อน่าดู ข้างล่างนะ มีแต่พวกลูกกระจ๊อก พวกพรรคทลายนภาก็ไม่เห็นส่งใครมาช่วยจริงจังซักเท่าไร”
“สงสัย รู้ตัวว่าช่วยไปก็เท่านั้นละมั้งครับ น่าจะไม่มีใครอยู่แล้ว... เอ๊ะ ลูกพี่ ผมเห็นคนกลุ่มใหญ่5กลุ่มกำลังพุ่งเข้ามาครับ พลังสูงเกินกว่าสมาชิกระดับ B ซะอีกนะครับนะ” CS โพล่งขึ้นหลังจากที่เห็นคนกลุ่มใหญ่พุ่งไปหาคนของแก๊ง
“ชิ พรรคทลายนภาส่งคนมาช่วยจริงๆหรือนี่ ถ้าไม่ทำอะไร ตะขอกับพวกสมาชิกต้องโดนเก็บแน่ๆ เฮ้ย KT สั่งให้ สมาชิกระดับ S 5คนนำสมาชิกระดับC กับ Bอีก300 คนมาหนุนด่วนเลย ส่วนพวกเราลงไปลุยกับพวกมันก่อน” เฟรย์เริ่มสั่งการ ส่วนKT พยักหน้าก่อนที่จะติดต่อไปยังรังของพวกเขา แล้วได้พากันลงไปลุยกับพวกที่เข้ามาใหม่ ซึ่งถึงจะมีเพียงไม่กี่คน แต่พวกเฟรย์ก็ทำเอาพวกพรรคทลายนภาต้องเปลี่ยนเป้ามารับมือเฟรย์แทน แต่ถึงเฟรย์กับเหล่าผู้นำจะเข้าไปช่วย แต่อย่างไรน้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ สุดท้ายพวกเขาก็โดนล้อมกรอบ แต่ก็ไม่นานนัก กำลังหนุนก็มาถึง และล้อมกรอบฝ่ายศัตรูได้ เฟรย์จึงฉวยโอกาสนั้น ปล่อยท่าไม้ตาย เพื่อกระตุ้นให้ฝ่ายของตนโจมตีกลับไป
“Level 100 คัมภีร์มารดารา หมัดกระสุนดาวตกมรณะ” เฟรย์ใช้พลังเต็มที่ซัดปราณหมัดนับหลายพัน กระหน่ำใส่ฝูงศัตรูอย่างดุเดือด ถึงแม้พวกพรรคทลายนภาจะมีฝีมือดีกว่าหมัดป่นภูผา ถึง5เท่า แต่ก็ไม่สามารถต้านทานปราณหมัดที่พุ่งมาด้วยความบ้าคลั่งได้เลยซักนิดเดียว
“ฆ่ามันให้หมด อย่าให้หนีรอดไปได้ซักคนเดียว”ชายหนุ่มตะโกนสั่งเหล่าลูกน้องที่เริ่มกระเหี้ยนหือรือ ซึ่งมีหรือที่เหล่าลูกน้องจะไม่ทำตามคำสั่ง ไม่นานนัก ฝ่ายศัตรูก็เริ่มแตกพ่าย แต่ก็ไม่มีใครสามารถหนีรอดไปได้แม้แต่เพียงคนเดียว สิ่งที่ศัตรูเหลือไว้ มีเพียงแต่ซากศพเท่านั้น
“JK เคลียร์ซากสวะให้เรียบร้อยละ กุขอตัวกลับไปทำการบ้านก่อน เพื่อนที่โรงเรียนส่งงานมาให้กุสรุป แต่กูสงสัยว่าได้ทำใหม่ชัวร์ เพราะฉะนั้น ไปละนะ” สิ้นเสียง หัวหน้าแก๊งซาตานอัคคี ก็หายลับไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้แต่เพียงเหล่าผู้ชนะที่เริ่มทำการเคลียร์พื้นที่ ที่เต็มไปด้วยเหล่าซากศพของผู้แพ้ เหตุการณ์ครั้งนี้ ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่เฟรย์ได้แสดงให้คนภายนอกเห็น
ถึงความโหดร้ายไร้ปราณีของแก๊งซาตานอัคคีต่อศัตรู!!
วันต่อมา ช่วงพักเที่ยง ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง
เนื่องด้วยจำนวนนักเรียนและครูที่ค่อนข้างเยอะกว่าโรงเรียนทั่วๆไป โรงอาหารของโรงเรียนแห่งนี้จึงมีถึง3ชั้น และแต่ละชั้น ก็เพียงพอต่อการจุคนได้ถึง 1000 คนเลยทีเดียว แต่ว่าภายในนั้นกลับค่อนข้างกว้างขวางและดูปลอดโปร่ง ดังนั้นบรรยากาศจึงไม่ค่อยแออัดนัก ที่นี้มีทั้งร้านอาหารที่ทำขึ้นสดๆร้อนๆ และเครื่องขายอาหารอัตโนมัติไว้บริการเหล่านักเรียน
และที่ชั้น 1 ของโรงอาหารแห่งนี้ หากเราเดินเข้าไปบริเวณด้านในสุด จะมองเห็นกลุ่มชายหนุ่ม 20กว่าคน กำลังกินข้าวและคุยโว ตามประสาวัยรุ่นอย่างสนุกสนาน
“ไอ้รอน! มึงทำงานบ้าอะไรของมึงมาเนี่ย รู้มั้ยมึงทำเอาคืนวันอาทิตย์กูหายไปทั้งคืนเลยนะไว้เวร มึงนะหัดทำงานดีๆบ้างดิวะ”
“มึงนั่นแหละเฟรย์ อย่าตั้งมาตรฐานสูงเกินไปสิวะ กุไม่ใช่เทวดานะโว้ย จะทำให้ได้ดั่งใจมึงเนี่ย งั้นคราวหลังมึงทำเองคนเดียวเลยไป”
“เออ งั้นคราวหลังมึงก็ไม่ต้องเอาคะแนนงานกลุ่มนะ”
“Oh No I’m Just Kidding”
แน่นอน กลุ่มคนที่กำลังเถียงกันอยู่ ก็ต้องเป็นกลุ่มของเฟรย์แน่นอนอยู่แล้ว พวกเขาทั้งหมดถึงแม้จะส่งเสียงอึกทึกไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรเสียหายนัก คนอื่นเองก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งซักเท่าไร แม้แต่ครูบาอาจารย์ก็ตามที แค่เฟรย์ที่เป็นลูกบุญธรรมของตระกูลโรเซนไฮม์ พวกครูก็เกร็งกันสุดขีดแล้ว เหล่าสมาชิกในกลุ่มคนอื่นๆเองถึงจะไม่ได้มีตำแหน่งสูงอะไรปานนั้น แต่ก็เกิดมาบนกองเงินกองทองกันทุกคน อีกอย่าง พวกเฟรย์ไม่เคยทำอะไรให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น พวกครูอาจารย์ทั้งหลายจึงตัดสินใจว่า
ช่างมันเหอะ!! แค่นั้นแหละ
“พวกแก๊งซาตานอัคคีนี่ขยันสร้างเรื่องจังเลยน้า อาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งจับคุณชายแมงป่องได้ พอวันศุกร์ก็เล่นงานหมัดป่นภูผาซะราบ เมื่อวาน ก็ไล่ถล่มคู่อริแถวพญาไทอีก” เสียงของโชดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขาเป็นหนุ่มแว่น (ที่ไม่ได้สายตาผิดปกติ แต่เพราะแค่อยากใส่) ที่ดูหน้าตาหน่อมแน้ม ท่าทางไม่น่าจะไปกระทืบคนได้
“เออพูดถึงแก๊งซาตานอัคคี ไอ้เฟรย์มึงนี่เสน่ห์แรงจังเลยวะ ไอ้บ้านั่นจะมาไล่ฆ่ามึง มันดันโดนฆ่าไปก่อนซะงั้นอะ”รอน ที่หลังจากทำขอโทษขอโพยแบบขอไปทีเสร็จ ก็แซวเฟรย์ต่อ ภายในเวลาไม่ถึงนาที
“เสน่ห์แรง! กุเนี่ยนะ กุไม่ใช่มึงนะเฟ้ย ที่ไปหว่านเสน่ห์ม่อสาวๆ จนเกือบจะทั่วกรุงเทพแล้ว” เฟรย์ตอกกลับ ทำเอาทั้งวงหัวเราะครืนกันอย่างสะใจ “มึงไม่โดนๆ สาวๆเหยียบตายก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“อะไรวะเนี่ย พวกมึงเข้าข้างแต่ไอ้เฟรย์ กุน้อยใจเป็นนะเว้ย เชอะ!”
“อะไร แม่นางรอน ทำงอนเป็นเด็กผู้หญิงไปได้”ทั้งกลุ่มยังคงหัวเราะต่อไป หลังจากได้ยินเฟรย์สวนคำพูดเข้าไปเสียจน รอนเลิกทำท่างอน ก่อนจะพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“เฮ้ย ไอ้โช ผู้หญิงในวีดีโอ ที่มึงส่งมาให้กุอะ มึงบอกว่าเขาอยู่โรงเรียนนี้จริงเหรอวะ”
“ก็ห้องเดียวกับน้องแพรวของมึงนั่นแหละ เออนี่ กุก็เพิ่งรู้ว่าน้องเขาเก่งน่าดูนะเว้ย ทั้งเต้นเก่ง ร้องเพลงเพราะ เก่งถึงขนาดได้เป็นนางเอกละครบนบรอดเวย์เลยนะเว้ย”
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ นี่มึงพูดถึงหญิงที่ไหนวะ” เฟรย์แทรกขึ้นเอาดื้อๆ โชจึงต้องหันมาไขข้อข้องใจให้ชายหนุ่ม
“มึงน่าจะเคยได้ยินถึงข่าวลือเรื่องตัวเก็งดาวโรงเรียนคนใหม่ใช่ปะ”เฟรย์พยักหน้า “ก็น้องคนนี้อะแหละ เห็นเขาว่าพูดได้หลายภาษาโดยไม่ต้องใช้เครื่องแปลภาษาด้วยนะเว้ย”
“เก่งขนาดนั้นเชียว น่าสนใจแฮะ” เฟรย์ที่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องพวกนี้ ยังอดที่จะต้องสนใจไม่ได้
“นั่นแน่ สนใจละสิมึง เฮ้ยพวกเรา เฟรย์กำลังจะจีบหญิงคนใหม่วะ” หญิงคนใหม่เหรอ หมายความว่าเฟรย์เคยมีแฟนงั้นสิ แต่เฟรย์ก็ไม่ได้สนเรื่องนั้น สิ่งที่เขาสนก็คือ การสวนกลับไอ้ตัวแสบที่พยายามเอาคืนเฟรย์
“เฮ้ยๆ มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย”
“กุไม่ได้คิด มึงนั่นแหละที่คิดก่อน” เฟรย์ได้ยินก็ฉุนกึก ก่อนจะ.....
“ได้เลยมึง อยากมีเรื่องก็จัดให้ตามคำขอ”ว่าแล้วเฟรย์ก็เริ่มปฏิบัติการไล่เตะไอ้รอนทันที
หลังจากพวกเขาสนุกสนานกันจนพอใจ ก็ขึ้นห้องเรียน อย่างที่เคยกล่าวไว้ว่าเฟรย์นั้นเป็นเด็กหัวกะทิ นอกจากจะหัวดีแล้วยังตั้งใจอีกด้วย เพื่อนๆในห้องเองต่างก็รู้ดี ดังนั้นพวกเขาจะเห็นเฟรย์อยู่ในอิริยาบถที่บ่งบอกว่ากำลังใช้สมาธิอยู่เสมอ แต่วันนี้ พวกเขากลับเห็นเฟรย์
ในสภาพที่กำลังเอามือกุมขมับ!
“เฮ้ย ไอ้เฟรย์ เนื้อหามันไม่ได้ยากขนาดนั้นนะเว้ย มึงเป็นไรป่าวเนี่ย” โชที่นั่งข้างเฟรย์เห็นก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้
“เปล่าหรอก แค่ปวดหัวเพราะนอนไม่พอเมื่อคืนนะ” เฟรย์ตัดบทไป อันที่จริงแล้วแค่อดนอนคืนเดียวไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเฟรย์เลย แต่ที่เฟรย์เอามือกุมขมับก็เพราะ
(สังหรณ์ไม่ดีเลยวะ หวังว่าผู้หญิงที่ไอ้โชพูดถึงคงจะไม่ใช่...หล่อนนะ) เฟรย์ถึงกับคิดมากเรื่องแค่นี้หรือ เกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน
เลิกเรียน นักเรียนหลายคนต่างก็รีบกุลีกุจอออกจากห้องไป บ้างก็จะรีบกลับบ้าน บ้างก็จะไปเที่ยวหลังเลิกเรียน บ้างก็ออกไปซ้อมกีฬา แล้วเฟรย์ละ? วันนี้พวกเขาทั้งหมดต่างก็นัดที่จะไปถล่มร้านเกมหน้าโรงเรียนกัน แต่รอนนั้น ขอตัวไปหาน้องแพรวที่รอที่ห้องเรียนก่อน พวกเฟรย์จึงตัดสินใจตามมาด้วย
“น้องแพรวคร้าบ!!!!!” รอนตะโกนเรียกเสียดังลั่น โดยไม่เกรงใจฟ้าดินเลยแม้แต่น้อย ทำเอาคนอื่นรอบๆหันมามอง แม้กระทั่งเพื่อนร่วมก๊วนเองยังรู้สึกเอือมระอา
“พี่รอน ทำอะไรเนี่ย ไม่อายคนอื่นเลยหรือไง” สาวน้อยคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องเรียน เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่ไม่ค่อยสูงมาก ใบหน้ากลมบวกกับตากลมโต ทำให้เธอดูน่ารัก น่าเอ็นดูไม่ใช่น้อย
“จะอายทำไม ในเมื่อคนเขาก็รู้กันทั้งโรงเรียนแล้ว”นอกจากคำพูดที่ไม่น่าพูดออกมาได้แล้ว หนุ่มเจ้าเสน่ห์ยังถือวิสาสะเดินเข้าไปจับมือหญิงสาวอีกต่างหาก ทำเอาเหล่าผองเพื่อนที่อยู่ด้านข้างพร้อมใจกันคิดในสิ่งเดียวกันว่า
(นี่กูคิดถูกหรือเปล่าเนี่ย ที่ดันไปรู้จักกับคนหน้าด้านอย่างมัน) แต่ความคิดของเหล่าหนุ่มๆก็หยุดลง เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาหาแพรว ก่อนจะเริ่มคุยธุระกัน
ถ้าคิดว่านางฟ้าบนสวรรค์งามแล้ว งั้นผู้หญิงที่เดินออกมาหาแพรวก็คงจะเป็นนางฟ้าในหมู่นางฟ้า ผิวที่ขาวเนียนราวกับหิมะฤดูหนาว ดวงตาสีดำกลมโต ผมสีดำยาวสลวย ปากที่เรียวงามได้รูป หุ่นเพรียวสวย ทั้งหมดประกอบกัน เป็นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ทำเอาเหล่าชายหนุ่ม ถึงกับจ้องตาไม่กะพริบ แม้กระทั่งโชที่เคยเห็นเธอแล้ว ก็ยังไม่อาจละสายตาไปจากหญิงสาวได้เลย ทุกท่วงท่าอิริยาบถของเธอคงจะประทับจำฝังใจหนุ่มๆไปอีกนานเลยทีเดียว นางฟ้าคนนั้นคุยกับแพรวได้ซักพัก แพรวก็นึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้แนะนำ เหล่าชายหนุ่มตรงหน้าเลย เธอจึงแนะนำรอนให้นางฟ้าคนนั้นรู้จักก่อน ก่อนที่นางฟ้าคนนั้นจะต้องหน้าเปลี่ยนสี
เมื่อเธอมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งหน้าเปลี่ยนสีไปก่อนหน้านี้เรียบร้อย!
ทั้งคู่อึ้งกันไปครึ่งนาที บรรยากาศรอบๆถึงกับเปลี่ยนไปทันตาเห็น เหล่าก๊วนหนุ่มๆต่างก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่หญิงสาวผู้งามหมดจดจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“พี่...พี่เฟรย์หรือคะ” เหล่าผองเพื่อนของเฟรย์ถึงกับช๊อกรอบสองทันที แต่ก็คงจะไม่เท่าเฟรย์ที่ตอนนี้วิญญาณเกือบจะหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อย
“ยัย...ยัยมิ้นท์” เฟรย์ที่ตอนนี้หลุดไปเรียบร้อย ก็โพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ต่างจาก นางฟ้าตรงหน้าเขา ตอนนี้คนรอบข้างล้วนมีคำถามเดียวกันในหัว
(เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย) ทั้งคู่มัวแต่อึ้งกันอยู่นานจนรอน ต้องเอ่ยแทรกขึ้นมา
“เดี๋ยวๆ ใครช่วยบอกกูทีสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เฟรย์ที่ได้ยินเสียงของรอนก็ตั้งสติได้ ก่อนจะหันหลังแล้วเอ่ยว่า
“เฮ้ย วันนี้กูขอตัวกลับก่อนนะ พอดีมีธุระ” มิ้นท์ที่เห็นว่าเฟรย์กำลังจะเผ่น ก็ทำสิ่งที่คนรอบข้างจะต้องอิ้งไปอีกนาน ด้วยการกระโดดหมุนตัวเตะด้วยความเร็วสูงใส่ก้านคอของเฟรย์เสียเต็มแรง เฟรย์ถึงกับล้มไปในทันที
แน่นอนว่าเฟรย์ที่แม้กระทั่งจรวดมิสไซล์ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ของแค่นี้ย่อมไม่สามารถสร้างแม้กระทั่งรอยฟกช้ำแน่นอน เขาเพียงแค่แอบใช้พลังเกราะอสุรา เพียงแค่ขั้นที่1ก็เพียงพอต่อการต้านทานลูกเตะจากนางฟ้าอารมณ์ร้อนคนนี้ แต่ที่เขาต้องล้มลงไปก็เพื่อจะไม่ให้ผิดสังเกตแค่นั้นเอง
“โอ้ย ยัยมิ้นท์ ไม่เจอกันนาน มือเท้าหนักกว่าเดิมเยอะเลยนะ แฮะแฮะ”เฟรย์แสร้งกุมบริเวณที่โดนเตะไปพร้อมๆกับหันไปสนทนากับนางฟ้าที่กำลังย่างสามขุมมาหาเขา
“พี่เฟรย์คะ เรามีเรื่องต้องสะสางกันเยอะเลยนะคะ และก็ห้ามหนีไปไหนเด็ดขาดนะคะ ไม่งั้น”มิ้นท์ เอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับหักนิ้วขู่ ทำเอาแม้แต่เฟรย์ที่ผ่านสมรภูมิมามากก็ยังอดขนลุกซู่ไม่ได้ ดังนั้นเหล่าก๊วนหนุ่มๆที่ได้ยินบทสนทนาก็มีอาการไม่ต่างกันซักเท่าไร
หญิงสาวเดินเข้าไปกระชากเฟรย์ให้ยืนขึ้นก่อนจะโดนดึงแขนไปกระทั่งลับสายตาเหล่าพยาน ซึ่งตอนนี้เป็นงงเป็นที่เรียบร้อย
“เออ ดีเหมือนกันวะ นานๆ เฟรย์มันจะเจอดาวข่มซักที เฮ้ยไปเหอะ ให้2คนนั้น เขาสะสางเรื่องส่วนตัวของเขาไปละกัน”โชเอ่ยขึ้นมาหลังจากตั้งสติได้ พวกก๊วนหนุ่มๆจึงเดินจากไป ส่วนรอนก็จูงแขนแฟนสาวของตนเดินไปด้วย
“หวังว่ายัยนั่นคงไม่รู้เรื่องนี้นะ “ รอนพึมพำ
หลังจากโดนหญิงสาวฉุดกระชากลากถู(?) มาเสียนาน เฟรย์และมิ้นท์ก็มาที่บริเวณดาดฟ้าของตึกเรียน ซึ่งตอนนี้เริ่มปลอดคน เนื่องจากเลยเวลาเลิกเรียนได้ซักพักหนึ่งแล้ว แดดที่เคยแรงกล้าเมื่อยามบ่ายก็เริ่มจะจางลงเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้บรรยากาศของเย็นวันนี้ไม่เลวร้ายเท่าไรนัก มิ้นท์เดินไปที่ขอบระเบียง เอามือวางค้ำไว้ ส่วนเฟรย์ก็เอาหลังผิงผนังยืนกอดอกเอาไว้ ก่อนที่จะเริ่มสะสางบัญชีกัน
“นี่คราวหลังนะ จะเตะใครก็ระวังหน่อยนะแม่คุณ ถ้าเป็นคนอื่นละก็ถึงตายได้น้องนะ”นี่คือบทสนทนาเริ่มแรกของ ซาตานในคราบเทพบุตร และ นางฟ้า(ในสายตาของคนอื่น)จอมโหด(ในสายตาของผู้เห็นเหตุการณ์)
“โธ่ พี่เฟรย์คะ หนูรู้ว่าแค่นี้ทำไรพี่ไม่ได้ไง ถึงได้เตะออกไป”เธอแก้ตัว สายตาของเธออยู่ที่ดวงตะวันที่ใกล้จะลับขอบฟ้า “ตอนได้ยินชื่อพี่ หนูก็นึกว่า เป็นใครที่ไหนซะอีก”
“เฮ้อ เอาเถอะ แต่...ก็นานเหมือนกันนะ ที่เราไม่ได้เจอกันเลย”
“นั่นสิคะ 6ปีเห็นจะได้แล้วมั้งคะ พี่ต้องย้ายมาที่เมืองไทย ส่วนหนูก็ต้องเข้าคอร์สฝึกที่คุณแม่ขอไว้ให้”เสียงของเธอเริ่มอ่อนลง กลับมาเป็นเสียงหวานดั่งเดิม “พี่เฟรย์กลายเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลโรเซนไฮม์ ส่วนหนูก็เป็นดาวรุ่งที่วงการมายา”
“เอ้อนั่นสิ แล้วทำไมถึงมาเรียนที่เมืองไทยได้ละมิ้นท์”เฟรย์ถามขึ้นบ้าง
“แม่หนู เขาอยากจะให้หนูเรียนต่อที่เมืองไทย อีกอย่าง คุณพ่อก็เพิ่งเปิดสาขาใหม่ของธุรกิจที่นี่นะค่ะ หนูก็เลยได้ย้ายมาที่นี่”พูดจบ เธอก็หันมามองเฟรย์ก่อนจะเริ่มพูดต่อ “พี่เฟรย์อยู่ที่นี่เป็นไงบ้างคะ”
“ก็ไม่เป็นไงหรอก ยังสบายดี ลัลล้ามีความสุข”
(แต่ชีวิตพี่กำลังจะยุ่งเหยิงแล้วละน้องเอ้ย)
“ใช่สิ ไม่มีมิ้นท์มาคอยป่วนใช่มั้ยละ” น้ำเสียงน้อยใจออกมาจากปากของนางฟ้า ที่มองค้อนใส่เขา ก่อนจะเชิดหน้ากลับไปทางเดิม เฟรย์นึกสนุกเลยยุต่อ
“รู้ตัวเหมือนกันนี่ ยัยป่วนไร้สมอง” เท่านั้นแหละ เหตุการณ์คิวหลุดรอบสองก็เกิดขึ้น
เมื่อนางฟ้ากระโปรงแดงไล่เตะซาตานหนุ่มกางเกงน้ำเงิน
วิ่งไล่กันไปวิ่งไล่กันมา ซักพัก หญิงสาวก็เริ่มเหนื่อย เฟรย์ที่มองเห็นก็หัวเราะอย่างสะใจจนเธอโวยวายขึ้นมาอีก ก่อนที่เฟรย์จะต้องปรามเธอลง ทั้งคู่แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ซึ่งติดต่อผ่านอุปกรณ์ที่อยู่บริเวณข้อมือ ก่อนที่มิ้นท์จะขอตัวไปซ้อมเต้นสำหรับงานแข่งที่จะมาถึงนี้ เฟรย์จึงเดินออกมาบริเวณหลังโรงเรียนที่เขาจอดโฮเวอร์ไบค์สีเงินดำคันงามเอาไว้อยู่ เขาสตาร์ทเครื่อง ตั้งจุดหมายปลายทาง และเปิดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ โฮเวอร์ไบค์ของเขาก็โลดแล่นไปตามถนนโดยที่ไม่ต้องไปบังคับมันเลยแม้แต่น้อย ซึ่งจริงๆแล้ว เจ้าโฮเวอร์ไบค์ของเขาน่าจะเรียกว่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลแบบที่นั่งเดียวน่าจะดีกว่า เพราะมันมีที่เอนหลังด้วยเช่นกัน เพียงแต่มันมีรูปร่างคล้ายมอเตอร์ไซค์มากกว่ารถยนต์แค่นั้นเอง ซึ่งการที่เขาไม่ต้องขับรถเองนั้น ทำให้เขาใช้เวลาไปกับ การนึกถึงความหลังครั้งเก่าซึ่งเป็นตอนที่ครอบครัวเขาพักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
พ่อของเขาเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของมิ้นท์ และมักจะไปหาที่บ้านบ่อยๆ ซึ่งเฟรย์ในวัยเด็กก็ได้ติดสอยห้อยตามไปกับผู้เป็นบิดา ดังนั้นจึงได้รู้จักกับหญิงสาวที่ตอนนั้นยังเป็นแค่เด็กหญิงตัวน้อยๆ ซุกซน น่ารักน่าเอ็นดู และยังน่าแกล้งในสายตาของเด็กชาย ทำเอาเด็กหญิงตัวน้อยๆต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเขาก็มักจะโดนเอ็ดจากผู้เป็นบิดาอยู่ร่ำไป แต่มิ้นท์ก็ไม่ได้เกลียดหรือกลัวเขาแต่อย่างใด เนื่องจากมิ้นท์ในวัยเด็กไม่มีเพื่อนเล่นนัก ดังนั้น เธอจึงยินดีที่ได้เห็นเขาอยู่เสมอๆ ถึงแม้จะลงเอยด้วยน้ำตาก็ตาม
ต่อมา ทางสภาผู้อาวุโสได้ออกคำสั่งให้เฟรย์ย้ายมาตั้งฐานรากในเมืองไทย ซึ่งตอนนั้นเขาอายุได้13กว่าปีแล้ว เขาจึงเริ่มฝึกทั้งศาสตร์การต่อสู้และด้านอื่นๆอย่างจริงจัง อีก2ปีต่อมา เฟรย์ที่กำลังเที่ยวอยู่ก็ได้พบกับมารดารา ซึ่งได้หลบหนีการตามล่าจากพวกฝ่ายธรรมะที่จีนแผ่นดินใหญ่มาที่เมืองไทย เฟรย์จึงใช้อำนาจที่ตอนนั้นได้รับมาจากสภาผู้อาวุโสเพียงนิดเดียว หาที่ซ่อนตัวให้ ดังนั้น มารดาราที่แต่เดิมไม่เคยรับลูกศิษย์ก็ยังไม่สามารถมองข้ามเด็กหนุ่มที่มีหน่วยก้านยอดเยี่ยมเช่นนี้ไปได้ ดังนั้นเฟรย์จึงได้รับการฝึกวรยุทธ์จากหนึ่งในยอดยุทธ์ที่เก่งกาจที่สุดบนโลก ซึ่งเขาใช้เวลาเพียงแค่4เดือน ก็สำเร็จทุกสิ่งทุกอย่างจนมารดารา ต้องเอ่ยโพล่งออกมาว่า โลกจะต้องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เฟรย์ที่สำเร็จวิชาก็เริ่มออกซ่า สร้างฐานอำนาจของตัวเอง เขาเริ่มใช้ทั้งพลังฝีมือและเงิน รวบรวมสมัครพรรคพวก เขาปราบแก๊งของ JK KT และ CS ซึ่งล้วนแต่เป็นศึกที่ทำให้เฟรย์ต้องเจ็บปวดแสนสาหัสมาแล้วทั้งสิ้น เขาใช้เงินซื้อตัว BC และปราบพยศเขาด้วยพลังฝีมือ ขณะเดียวกันก็เริ่มใช้ฐานะ เฟรย์ อีเกิ้ล โรเซนไฮม์ สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องลึก และเริ่มสร้างอาณาเขตของตัวเอง และก้าวขึ้นสู่กลุ่มอำนาจที่เป็นที่จับตามองของทั้งประเทศ
แต่เขายังไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เขาประกาศสงครามกับองค์กรเลือดทมิฬ โดยเริ่มจากนำกำลังไล่ยึดท่าเรือทั้งสอง ซึ่งมีแก๊งจิ้งจอกทมิฬ และแก๊งค้าวคาวไฟ เป็นผู้ดูแล ซึ่งทั้ง2แก๊งก็ถูกลบชื่อภายในเวลาเพียง1วันเท่านั้น เหลือแต่เพียงแก๊งแมงป่องโลหิต ซึ่งเป็นแกนหลักขององค์กรเลือดทมิฬ เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เราทราบดี
บัดนี้เฟรย์ เคออส ชไนเดอร์ ได้ก้าวเพิ่มขึ้นอีกหลายก้าวสำหรับหนทางสู่จุดสูงสุด เขากำลังเตรียมกองกำลังภายในแก๊งซึ่งบัดนี้ได้รับการสนับสนุนจากทั้งตระกูลชไนเดอร์และตระกูลโรเซนไฮม์ เพื่อปะทะ กับ1ในพรรค ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย พรรคทลายนภา
ความคิดเห็น