คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 แก๊งซาตานอัคคี
บทที่ 3 ซาตานอัคคี
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยปี แต่เขตสยามนั้นก็ยังเป็นหนึ่งในเขตที่มีผู้คนหนาแน่นที่สุดในกรุงเทพไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยจำนวนห้างสรรพสินค้า ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อนเป็น10กว่าแห่ง ร้านอาหารและแหล่งซื้อสินค้าราคาถูกที่ผุดขึ้นมาราวกับเชื้อไวรัสก็ทำให้ที่นี่ยังคงครึกครึ้นได้ตลอดเวลา จนถึงกับมีคำกล่าวที่ว่า ถ้าหาของที่นี่ไม่ได้ก็ไม่ต้องหาแล้ว
ที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม ซึ่งบัดนี้กลายเป็นเครือข่ายรถไฟฟ้าทั่วทั้งประเทศแล้วนั้น เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างก็มีจุดหมายที่ต่างออกไป ไม่ว่าจะมาเรียนพิเศษ มาช๊อปปิ้ง หรือมาออกเดท แต่สำหรับชายหนุ่มคอเคเชียนผมบลอนด์สั้นในชุดเชิ้ตดำลายหัวปีศาจ และกางเกงยีน ผู้มีดวงตาที่น่ากลัวบนใบหน้าที่กระชากใจสาวๆ กลับมีจุดหมายที่แตกต่างออกไป หลังจากที่ทำการสแกนข้อมือ เพื่อที่จะออกจากสถานีแล้ว เขาก็เดินลงไปยังร้านกาแฟสดเล็กๆร้านหนึ่ง
“ป้า เอสเพรสโซ่แก้วหนึ่งครับ ” น้ำเสียงที่ค่อนข้างแข็งกระด้าง ทำเอาหลายคนแถวนั้นดูไม่พอใจเท่าไรนัก แต่ป้าร้านกาแฟก็ไม่ได้กล่าวอะไร กลับเผยให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเสียอีก
“เอานี่จ๊ะ” ชายหนุ่มหยิบแก้วกาแฟออกมา ดูดมันจากหลอดเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ได้จ่ายเงิน แต่ป้าร้านกาแฟคนนั้นก็มิได้ทักท้วงแต่อย่างใด
“ป้าคะ ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันคะ หยาบคายเอามากๆ“หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะเธอเองก็รู้จักกับป้าร้านกาแฟคนนี้
“ถ้าเป็นคนอื่น ป้าก็จะบอกหยาบคายนะ แต่กับคนนี้นะ เรื่องปกติ”เห็นหน้างงของผู้หญิงคนนั้น ป้าจึงอธิบายต่อ “นั่นนะ ชื่อเฟรย์ ไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร รู้แต่ทั้งหล่อ รวย และนิสัยดีซะด้วย”
“นิสัยดีเหรอคะ ยังไง”
“ช่วยป้าจากพวกเก็บค่าคุ้มครอง ออกค่ารักษาให้ลูกป้าที่ป่วยหนัก แถมยังออกตังให้ป้าเปิดร้านกาแฟร้านนี้อีกต่างหาก” เท่านั้นเอง หญิงสาวถึงบ้างอ้อ พวกปากแข็งนี่เอง
ใช่แล้ว คนที่ว่านี้มิใช่ใครอื่น เป็นปีศาจร้ายในคราบของหนุ่มหล่อผู้มีนามว่าเฟรย์นั่นเอง เขามาทำอะไรที่นี่ ?
เฟรย์เดินไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน ช่วงที่เขาเดินมาถึงเป็นเวลา 10โมงกว่าๆ คนจึงยังไม่เยอะนัก แต่ก็เริ่มเพิ่มจำนวนเรื่อยๆ ชายหนุ่มเดินไปไม่นานนัก ก็มาถึงตึกสูงแห่งหนึ่ง
“The Great Library” ร้านหนังสือที่ตั้งชื่อตามหอสมุด ที่เป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ เป็นร้านหนังสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ มีความสูงถึง 15 ชั้น รวบรวมหนังสือ ทั้งเก่าและใหม่ ทั้งหนังสือที่เป็นรูปเล่ม หรือแบบอิเล็กทรอนิกส์บุ๊ค รวมไปถึงโปสเตอร์ แผนที่ สื่อการสอนต่างๆ และที่นี่ยังใช้พื้นที่บางส่วนเป็นสถานที่กวดวิชาอีกด้วย แต่กับเด็กหัวกะทิที่ได้เกรดเฉลี่ย 4.00 อย่างเฟรย์ แล้ว สถานที่กวดวิชาไม่น่าจะเป็นสถานที่ที่จำเป็นซักเท่าไร ชายหนุ่มเดินเข้าไปจนไปถึงประตูบานหนึ่ง ที่เขียนคำว่า Employees Only ซึ่งประตูบานนั้นก็ได้สแกนตัวเฟรย์ ก่อนที่ประตูจะเปิดออก เขาเดินเขาไปในห้อง ก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ชั้นหนังสือภายในห้อง ทันใดนั้นชั้นหนังสือก็ได้เลื่อนออก เผยให้เห็นเครื่องสแกนม่านตา สแกนเสร็จ ชั้นหนังสือก็แยกออกเผยให้เห็นลิฟท์ข้างใน พอเขาเดินเข้าไปข้างในชั้นชั้นหนังสือก็ปิดตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลิฟท์พาเฟรย์ลงมายังชั้นใต้ดิน ซึ่งลึกกว่า 700 เมตรหลังจากนั้น ชายหนุ่มก็เดินออกจากลิฟท์ ก่อนจะไปเจอกับประตูเหล็กบานใหญ่ ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นประตูที่ทำจากโลหะซีรูเซียม-01 บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นโลหะที่ตกลงมาจากอวกาศในเหตุการณ์ปีค.ศ 2723 การตกครั้งนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้โลกได้รู้จักแร่ธาตุชนิดใหม่แล้ว ยังส่งผลให้เกิดวิวัฒนาการถึงสองประการ ประการแรก คือเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปแบบก้าวกระโดด และประการที่2ที่สำคัญที่สุดก็คือ พลังที่ตื่นขึ้นมาในตัวมนุษย์ ซึ่งก็คือพลังที่พวกเฟรย์และกลุ่มอำนาจอื่นๆมีนั่นเอง
ประตูเหล็กบานนั้นเปิดเครื่องสแกนเฟรย์อีกครั้ง แต่คราวนี้ประตูบานนี้สแกนไปถึง DNA เลยทีเดียว หลังจากสแกนเสร็จก็มีเสียงดังขึ้นมาจากประตูบานนั้น
“โปรดแสดงพลังของท่าน”นอกจากมันจะแข็งแบบสุดๆแล้ว ประตูนี้ยังถูกติดตั้งด้วยเครื่องกำเนิดสนามพลังงาน ซึ่งให้พลังถึงLevel 250 เลยทีเดียว
“Level 100 เคล็ดคัมภีร์มารดารา หมัดกระสุนดาวตกมรณะ”ความร้ายกาจของกระบวนท่านี้ยังคงไม่ลดน้อยลงไป และแลดูการออกหมัดดีขึ้นกว่าตอนที่ใช้จัดการกับพวกของหมัดป่นภูผาด้วยซ้ำ บ่งบอกถึงความไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตัวเอง ประตูเหล็กประมวลผลซักพัก มันก็เปิดออก
ที่นี่ก็คือ 1ในรังของ แก๊งซาตานอัคคีที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้นั่นเอง นี่เป็นฐานบัญชาการใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์ล้ำยุคและจำเป็นครบถ้วน รวมไปถึงความบันเทิงต่างๆมากมายหลากหลาย บาร์เครื่องดื่ม วีดีโอเกม สนามกีฬาในร่ม ซึ่งก็เต็มไปด้วยเหล่าสมาชิกซึ่งเป็นลูกน้อง ผู้แข็งแกร่งและจงรักภักดีอย่างที่สุด
“ลูกพี่เคออส” เหล่าสมาชิกที่อยู่ในนั้นต่างก็ส่งเสียงทักทาย ผู้เป็นลูกพี่ของพวกเขา ชายหนุ่มทักทายกลับไปอย่างเป็นกันเองก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า
“พวก JK มาหรือยัง”
“อยู่ในห้องประชุมใหญ่แล้วครับลูกพี่” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา เฟรย์เอ่ยขอบใจก่อนจะเดินไป
ปกติแล้ว ทุกคนที่โรงเรียนนั้นจะรู้จักเฟรย์ในฐานะลูกชายบุญธรรมคนโปรดคนเดียวของตระกูลโรเซนไฮม์ ซึ่งเป็นตระกูลมหาเศรษฐีระดับโลกผู้มีทั้งเงินทองและอำนาจ แต่ดันมีแต่ลูกสาวซะนี่ ดังนั้น จ้าวตระกูลโรเซนไฮม์คนปัจจุบัน ริชาร์ด เดรโก โรเซนไฮม์ จึงได้รับ บุตรชายของเพื่อนสนิทเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งเพื่อนสนิทคนนั้นก็คือพ่อของเฟรย์นั่นเอง และเป็นที่รู้จักกันในนาม เฟรย์ อีเกิ้ล โรเซนไฮม์ ซึ่งชื่อเสียงในโรงเรียนนั้นเราก็คงทราบกันดี หรือแม้แต่ในวงสังคม เฟรย์ก็ทำตัวเป็นทายาทของตระกูลโรเซนไฮม์ที่ดี เป็นที่ชื่นชมของบุคคลที่ได้พบเจอ ถึงแม้ว่าบุคลิกบางครั้งจะเป็นที่น่าหมั่นไส้ของคนบางคนก็ตาม
แต่แท้จริงแล้ว นั่นเป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น ต่อให้ตระกูลโรเซนไฮม์ไม่รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ตัวเขาเองก็มีฐานะที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว นั่นก็คือ ฉากหลังของตระกูลโรเซนไฮม์ที่ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลโรเซนไฮม์ แต่กลับมีเพียงคนในเท่านั้นที่รู้เรื่อง ฉากหลังที่มีชื่อว่าตระกูลชไนเดอร์ ตระกูลที่สามารถชักใยตระกูลโรเซนไฮม์อีกที โดยเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลซึ่ง ปล่อยให้เหล่าทายาท ทั้งรุ่นลูกและหลาน(ซึ่งก็คือเฟรย์) ได้ออกไปโลดแล่น และสร้างฐานอำนาจขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่แข็งแกร่ง และคนที่ทำผลงานได้มากที่สุด ย่อมเป็น เฟรย์ เคออส ชไนเดอร์ และแก๊งซาตานอัคคีของเขานั่นเอง
ชายหนุ่มเดินเข้าไปเรื่อย จนหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้อง มันเลื่อนออกไปทันทีเมื่อชายหนุ่มเดินมาถึง ข้างในห้องนั้นนอกจากโต๊ะและอุปกรณ์ต่างๆแล้วนั้น ยังมีชายหนุ่ม4คน อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเฟรย์ กำลังนั่งทำกิจกรรมส่วนตัวรอเฟรย์ไปเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อพวกเขาเห็นเฟรย์นั้น แต่ละคนก็มีปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไป
“ไงพรรคพวก เฮ้ย JK นี่มึงจะขัดดาบจนมันสะท้อนแสงใส่ศัตรูตายเลยหรือไง” เฟรย์เอ่ยทักก่อนจะแซวหนุ่มหล่อชาวญี่ปุ่น ผู้มีดวงตาที่เฉียบคมไม่ต่างอะไรกับดาบที่เจ้าตัวกำลังขัดอยู่ และเขาก็ส่งสายตาที่แหลมคมนั้นพุ่งเข้าหาเฟรย์ จนเฟรย์ต้องร้อง “โว้วๆ ใจเย็น JK มึงนี่จริงจังไปหน่อยมั้ง”
ชายหนุ่มคนนี้ก็คือ คาซึยะ ซานาดะ ผู้มีรหัสที่ใช้เรียกทั่วไปในแก๊งว่า JK เขาเป็นลูกหลานของตระกูลซานาดะ ซึ่งเป็นตระกูลข้าหลวงเก่าของญี่ปุ่นในอดีต คาราเต้คือศิลปะป้องกันตัวพื้นฐานที่เขาฝึก ซึ่งแน่นอน เป็นสายดำซะด้วย และด้วยฐานะประจำตัว ซึ่งก็คือ คุณชายแห่งสำนักมังกรฟ้า ทำให้เขาได้ครอบครองวรยุทธ์ชั้นสูงของสำนัก ซึ่งก็คือ กรงเล็บมังกรฟ้าที่พลิกแพลงได้108 ประการ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดและสร้างชื่อให้กับเขามากที่สุดก็คือ ความสามารถในการใช้ดาบของเขา ที่เก่งฉกาจ จนได้ฉายาในโลกเบื้องหลังว่า “เซียนดาบน้อย” เลยทีเดียว ถึงเขาจะยังไม่ได้ครอบครอง เพลงดาบมังกรฟ้า ของสำนัก แต่เพลงดาบประจำตัวของเขา “เคล็ดคู่สี่สังหาร” ของเขาก็เคยทำเอาเฟรย์เฉียดความตายมาแล้ว เขาเป็นคนที่พูดน้อยที่สุดในกลุ่ม และก็ต่อยหนักเอาเรื่องซะด้วย แถมยังจริงจังที่สุดอีกต่างหาก
“ไง KT ไหนละเงิน3ล้าน ที่กูพนันไว้กับมึงละ” เฟรย์ หันไปทักหนุ่มหน้าหวานคนหนึ่ง ผู้ซึ่งมีใบหน้ายิ้มแย้ม และท่าทางที่ดูสุภาพ
“จ่ายวันหลังละกันนะครับลูกพี่”
คิมโซเรน คือชื่อของหนุ่มชาวเกาหลีผู้แสนสุภาพคนนี้ ใบหน้าที่ดูหวานๆ บวกกับตาสวยๆ ขายาวๆและผมยาวสลวยสีดำ ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้หญิงอยู่เสมอ แต่ลูกชายบุญธรรมของ คิมซูกวาง ทหารเก่าผู้เป็นเจ้าขององค์กรทหารรับจ้าง Basilisk นั้นไม่ธรรมดาแน่นอน เขามีเทควันโด้ เป็นศิลปะป้องกันตัวพื้นฐานที่เขาถนัด ในวัยเด็กพ่อบุญธรรมของเขา ได้เคยฝากเขาไว้ที่พรรคมารฟ้าสาขาเกาหลี ซึ่งเขาก็ได้เรียนวิชาของพรรคจนหมดสิ้น เพียงแต่เขายังใช้ได้ไม่หมดทุกวิชา แต่ก็นับว่ามากพอดู ทั้งกรงเล็บมารฟ้า 4 ท่า มารฟ้าร่างทอง เพลงเตะมารฟ้า ซึ่งทำให้เขามีพิษสงรอบตัวเลยทีเดียว เขาใช้ทอนฟาคู่เป็นอาวุธคู่กายแต่ก็ไม่ค่อยนำออกมาใช้เท่าไรนัก ด้วยนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ใจดี และความสุภาพนั้น ทำให้เขามักจะได้ตำแหน่งฑูตของแก๊งอยู่เสมอ แถมยังมีสมองที่ฉลาดเฉลียวจนพรรคพวกยกย่องให้เป็นกุนซือประจำแก๊งด้วย และคนในแก๊งต่างก็รู้ซึ้งจนเข้าเส้นเลือดว่า ถ้าชายหนุ่มผู้มีรหัสว่า KT เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาเมื่อไร ก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น
“ลูกพี่ ผมพึ่งไปฉกไวน์จากบ้านเจ้าพ่อแถวปากน้ำมา สนใจมั้ยครับ”หนุ่มหล่อตัวโต คนหนึ่งตะโกนแทรกเข้ามา เฟรย์ส่ายหน้า ก่อนจะบอกสวนไปว่า
“ไม่เอาว้อย CS มึงก็รู้ว่ากุไม่ชอบไวน์”
หนุ่มตัวโตที่โวยวายอยู่เมื่อซักครู่นั้นก็คือ CS หรือชื่อจริงก็คือ หยางซื่อหลง ในบรรดาลูกน้องคู่ใจทั้ง4คนของเฟรย์ หมอนี่เป็นคนที่ตัวใหญ่ที่สุด แต่ก็ไม่นับว่าเกินมาตรฐานนัก นิสัยขี้เล่น รักสนุก แต่เวลาจริงจัง หมอนี่ก็จริงจังไม่ใช่น้อย แถมมักใจจะร้อนหุนหันพลันแล่นอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ด้วยความเชี่ยวชาญทั้งมวยไทยและมวยสากล รวมไปถึง “คัมภีร์จ้าวตะวัน” ซึ่งถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นแรก แต่ก็โดดเด่นและหาคู่ต่อสู้ในรุ่นราวคราวเดียวกันได้ยากเต็มที่ ดังนั้น เรื่องการบุกตะลุยไล่ถล่มฝ่ายศัตรูต้องยกให้เขาคนนี้ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถึงแม้ความใจร้อนจะทำให้เขาตกอยู่ในวงล้อมบ่อยๆ แต่ด้วยเพลงกระบี่ที่ประสานกับพลังของ คัมภีร์จ้าวตะวัน ก็มักจะทำให้เขาเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ หมอนี่ยังเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีอีกคน ทำให้เขามีคอนเนคชั่นกับหลายๆฝ่าย รวมไปถึงความเจ้าชู้ซึ่งก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับผองเพื่อนในแก๊งไม่ใช่น้อย
“โธ่เอ้ย CS มึงนี่น่า ตัวโตซะเปล่า สมองไม่มีหรือไง” ชายหนุ่มคนหนึ่ง เอ่ยสวนออกมา ศีรษะที่มีหมวกสวมอยู่ของเขากำลังโยกไปกับจังหวะเพลง ซึ่งเสียงเพลงส่งโดยตรงจากกระเป๋ามิติ ตรงข้อมือไปถึงสมองโดยไม่ต้องใช้หูฟังให้ยุ่งยาก ถึงจะฟังเพลงอยู่แต่เขาก็ยังได้ยินบทสนทนา แถมยังแซวแทรกได้อีก
“เฮ้ย พูดงี้มีตายไอ้เวรเอ้ย”ว่าแล้ว CS ก็หันไปซัด หนุ่มรักเสียงเพลงคนนั้น ซึ่งเขาเองก็ไม่ยอมให้CS ซัดอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน
คนที่กำลังโดนเพื่อนไล่เตะอยู่ ก็คือ คริส โฮวาร์ด แห่งกองกำลังอัสนีคลั่งแห่งบราซิล หรือรหัส BC แห่งแก๊งซาตานอัคคี ผู้ขึ้นชื่อ ในเรื่องไอเดียต่างๆ ในเรื่องของแผนปฏิบัติการ ซึ่งต่อยอดจากแผนการใหญ่ซึ่ง KT เป็นคนคิดไว้ ด้วยประสบการณ์ที่ได้รับมาจากกองกำลังอัสนีคลั่งเมื่อครั้งยังเด็ก ทำให้เขาเป็นลูกน้องที่สำคัญคนหนึ่งของเฟรย์ ซึ่งความสำคัญนี้ก็รวมไปถึงวรยุทธ์ของเขาด้วย ทั้งคาโปเอร่า ที่เป็นศิลปะป้องกันตัวพื้นฐาน และ ”เพลงเตะสายฟ้าคลั่ง” ซึ่งเขาเป็นคนบัญญัติขึ้นมาเอง โดยต่อยอดมาจากพลังอัสนีที่เขามี เขายังมีวาสนาได้รับคัมภีร์ไม้ตีสุนัขแห่งพรรคกระยาจก ซึ่งถึงแม้จะฝึกได้เพียงครึ่งหนึ่ง แต่ก็เพียงพอที่จะตะลุยไปทั่วอย่างไม่เกรงกลัว และด้วยนิสัยรักสนุก และ ปากเสียนี่เอง ทำให้เขามีเรื่องกับ CS อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็เป็นเพียงการต่อยตีที่ไม่จริงจังนัก
พวกเขาทั้ง4ล้วนแต่ เป็นยอดฝีมือรุ่นใหม่ ที่เคยโลดแล่นในโลกเบื้องหลังมาในช่วงก่อนที่เฟรย์จะเริ่มสร้างผลงาน แต่ได้เพียงซักพักก็หายหน้าไปจากวงการ ซึ่งทั้ง4นั้น มีขีดความสามารถที่จะตั้งขุมกำลังของตัวเองและเป็นใหญ่อย่างไม่ยาก แต่ทั้ง4กลับยอมสยบให้กับเฟรย์ผู้นี้ นั่นหมายความว่า เฟรย์จะต้องมีพลังและขีดความสามารถที่น่ากลัวไม่น้อย
“เฮ้ยๆ พอๆ ประชุมได้แล้วโว้ย พวกมึง2ตัวนี่” เฟรย์ห้ามปรามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนที่จะขึ้นหัวข้อ “ปฏิกิริยาของพรรคทลายนภาเป็นอย่างไร”
พรรคทลายนภาคือ1ใน3พรรคใหญ่ผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศ เคียงคู่กับพรรคกุหลาบฟ้าและพรรคจันทรา เฟรย์คิดจะทำอะไรกัน เราลองมาฟังคำรายงานสถานการณ์จาก CS กันก่อนดีกว่า
“สายภายในรายงานว่า พวกนั้นวุ่นวายกันหาท่าเรือขนส่งสินค้าใหม่กันยกใหญ่เลยละครับ พวกเราเล่นถล่มองค์กรเลือดทมิฬทั้งองค์กรแถมยังยึดท่าเรือ ภายในเวลาไม่ถึง2 อาทิตย์แบบนี้ ถ้าไม่ทำอะไรเลย ก็ออกจะเกินไปหน่อยนะครับ”
“ลูกพี่ ตอนนี้พวกหุ้นส่วนของพรรคทลายนภาหลายคน เริ่มไม่ไว้วางใจพวกมันแล้วครับ แต่ว่าพวกพรรคทลายนภาก็เชือดไก่ให้ลิงดู ไป3-4คน แถมยังปลอบขวัญ ด้วยการจัดประชุมกลางทะเลในสัปดาห์หน้าอีกต่างหาก”
“งั้นเหรอ เหอะ อยากจะทำอะไรก็เชิญ เพราะไม่ว่าพวกมึงจะทำอะไร พวกกูก็จะเล่นงานพวกมึงให้ราบคาบเอง ใช่มั้ย KT” เฟรย์หันไปถาม KT เป็นเชิงของความเห็น
“ลูกพี่เองก็เดาออกนี่ครับ ว่าเราควรจะทำอะไรต่อไป” KT พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนจะโดน JK แทรกขึ้นมาดื้อๆว่า
“จัดการมันซะ” KT ได้ยินก็ออกจะไม่พอใจเล็กน้อย แต่ใบหน้าเขาก็ยังยิ้ม ก่อนจะตำหนิไป
“คุณ JK ครับ อย่าแทรกคนอื่นเวลาพูดสิครับ” หนุ่มญี่ปุ่นก็หันมาส่งสายตาเป็นเชิงบอกว่า อย่ายุ่งกับกู
“เอาเป็นว่าทุกคนคงไม่มีปัญหากับแผนการถล่มพวกพรรคทลายนภานะ” ทุกคนพยักหน้า เฟรย์จึงหันไปหา BC บ้าง
“ลูกพี่ ไม่ต้องเตือนหรอก ผมกำลังจะบอกอยู่นี่ไงละ “ หนุ่มชาวบราซิล แทรกขึ้นมาอย่างรู้งาน ก่อนจะเริ่มอธิบาย
“อย่างที่พวกเรารู้กัน พรรคทลายนภา ครอบครองกองเรือรบขนาดใหญ่ซึ่งเพียงพอที่จะถล่มทั้งประเทศได้ง่าย และการประชุมที่จะมาถึงนี้ พวกมันคงจะโชว์พาว ด้วยการนำกองเรือทั้งหมดออกมาแน่ครับ” หนุ่มบราซิลเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะโชว์ภาพโฮโลกแกรมจำลองยุทธศาสตร์การรบขึ้น แล้วเอ่ยต่อไป “กองเรือของพรรคทลายนภานั้น นับว่าสมบูรณ์แบบ ทั้ง เรือพิฆาต เรือประจัญบาน เรือลาดตระเวน และเรือบรรทุกเครื่องบิน พวกนั้นมีทั้งคอปเตอร์และเรือดำน้ำลาดตระเวน ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เราไม่สามารถเข้าไปโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้าได้แน่ๆ กระนั้น ผมก็ขอเสนอวิธีการ...” ก่อนที่ BC จะได้พูดอะไรต่อไป ก็มีสัญญาณติดต่อเข้ามา
“ฉายภาพเข้ามา” ภาพเผยให้เห็นใบหน้าของชายวัยกลางคน ดวงตาของเขาทำให้หลายคนมองเขาว่าเป็นบุคคลจอมเจ้าเล่ห์เจ้าความคิด ผมสั้นสีดำที่เริ่มมีสีขาวแซมเข้ามาบอกถึงอายุของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี เขาก็คือประธานบริษัทอาวุธยักษ์ใหญ่ Zenith Corporation นาม เจสัน กัลลาฮอร์น ผู้เป็นเจ้าของโครงการอาวุธสงครามหลายสิบโครงการที่ยังไม่เสร็จของสหรัฐอเมริกา แต่อาวุธที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์นั้น หลายต่อหลายชิ้นนั้น ได้ถูกใช้งานภายในแก๊งซาตานอัคคีเรียบร้อย โดยที่รัฐบาลสหรัฐไม่ได้ระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย รวมไปถึงอาวุธที่เจสันกำลังจะรายงานพวกเขาด้วย
“All Hail Schneider สวัสดีครับคุณหนูเฟรย์และสมาชิกแก๊งซาตานอัคคีทุกท่าน”
“ไม่ต้องมากมารยาทหรอกเจสัน รายงานมาได้เลย” เฟรย์ตัดบท เจสันจึงเอาภาพของอาวุธสองชิ้น ขึ้นที่จอ พร้อมกับอธิบายไปพลางๆ แต่ถึงจะเป็นแค่ภาพ แต่อัตราส่วนที่เขาได้บอกแก่เหล่าแก๊งซาตานอัคคีนั้น ทำให้หนุ่มๆทั้งหมดถึงกับตกตะลึง จะยกเว้น ก็เพียงแต่เฟรย์ซึ่งดูเหมือนว่ารู้อยู่แล้ว
“เอาละ BC กูไม่รู้ว่ามึงมีแผนอะไรนะ แต่กูเสนอขอให้ใช้เจ้าสิ่งนี้อยู่ในแผนด้วยละกัน”
“จัดไปตามคำขอครับลูกพี่ เดี๋ยววันพรุ่งนี้ ผมจะส่งแผนปฏิบัติการไปอีกทีนะครับ อ้อ ลูกพี่ครับ ก่อนลูกพี่จะมาถึงที่นี่นะครับ เมื่อชั่วโมงที่แล้ว สายของเราที่เขตพญาไทส่งรายงานมาครับ” หนุ่มบราซิลเอ่ยทักขึ้น “พวกปลาซิวปลาสร้อย ที่เล็ดรอดจากแหของพวกเรา กำลังสุมหัวกับพวกพรรคทลายนภาครับ ดูเหมือนว่า กำลังเจรจาขอเข้าร่วมอยู่นะครับ”
“เฮอะ พวกสวะ นอกจากจะไร้ความสามารถแล้วยังโง่อีกด้วย เตรียมกำลังไว้พร้อมแล้วใช่มั้ย BC” เฟรย์สบถขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยถามต่อไป
“ครับ เป็นสมาชิก ระดับ E ถึง ระดับ C ส่วนใหญ่ แล้วก็พวก ตะขอเกี่ยวเมฆา มือหมากทมิฬ และก็ เล็บหยุดโลหิต อีก 3 คนครับ นี่ยังไม่รวมหน่วยติดอาวุธอีกจำนวนหนึ่งนะครับลูกพี่”
“สมาชิกระดับ S 3คนหรือ อืม ก็ดี เผื่อพวกพรรคทลายนภาส่งยอดฝีมือมาจะได้ต้านไว้บ้าง วันนี้แหละจะได้เอาไอ้เสี้ยนหนามบัดซบนี่ออกไปซะที”
ในแก๊งซาตานอัคคีนั้น จะมีการแบ่งระดับชั้นของสมาชิกจากต่ำสุดไปสูงสุดไว้อย่างชัดเจน โดยเริ่มจาก F, E, D, C, B, A, S, SS ซึ่งจะวัดจากพลังฝีมือและก็ผลงานที่สร้างไว้กับแก๊ง โดยที่ระดับF นั้นส่วนใหญ่เป็นพวกเข้าใหม่ ซึ่งยังไม่ได้รับการฝึกและไม่ได้สร้างผลงานมากนัก โดยที่ระดับ SS นั้นก็คือ พวก JK ทั้ง4 คนซึ่งเป็นลูกน้องคู่กายคู่ใจของเฟรย์นั่นเอง ส่วนเฟรย์นั้นไม่จำเป็นต้องมีระดับ เพราะว่าเขาอยู่เหนือคนทั้งหมดนั่นเอง
“เอาละ มีใครจะเพิ่มเติมอะไรหรือเปล่า...ถ้าไม่ ก็เลิกประชุม และก็ Let’s Rock n’ roll” เฟรย์พูดจบ ทั้งหมดก็โห่ร้องตอบรับออกมาเช่นกัน ปฏิบัติการสะท้านกรุงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้ว
ความคิดเห็น