คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 เฟรย์
บทที่ 2 ซาตานอัคคี
1 วันให้หลังจากเหตุการณ์ “จับแมงป่อง”
โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพ
วันนี้ก็เป็นวันที่แสนธรรมดาอีกวันหนึ่งของ เฟรย์ หรือเจ้าของฉายาที่เป็นที่รู้จักในโรงเรียนว่า “Iron Fist” ชายหนุ่มที่อาจจะไม่ได้หล่อที่สุดในโรงเรียน แต่ก็ไม่น้อยหน้าไปกว่าเจ้าของตำแหน่งนั้นซักเท่าไร ชายหนุ่มที่อาจจะไม่ได้เป็นเด็กเรียนเก่งที่สุดในโรงเรียน แค่เกรดเฉลี่ย 4.00 ในโรงเรียนที่ขึ้นชื่อว่าติดอันดับ1ใน10 สุดยอดโรงเรียนระดับประเทศ ชายหนุ่มที่อาจจะไม่ได้เป็นนักกีฬาที่โดดเด่นที่สุด แต่ครอบครองตำแหน่ง มาสเตอร์ ในวงการกีฬาต่อสู้ ตั้งแต่อายุ16
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังนั่งฮัมเพลงสบายอารมณ์ เนื่องจากเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว และกำลังนั่งรอเพื่อนที่โต๊ะเรียนสีเงินซึ่งมีคีย์บอร์ดติดอยู่กับโต๊ะ ไม่มีจอ เพราะเป็นแบบฉายภาพ ซึ่งเป็นอุปกรณ์การเรียนในยุคนี้ ที่จริงวันนี้น่าจะเป็นวันธรรมดา ถ้าไม่ใช่เพราะมีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นและหอบแฮ่กๆโผล่มาหน้าห้องของเขา
“เฟรย์ แย่แล้ว”ชายหนุ่มผมสั้นสีแดงเข้มเอ่ยทั้งๆที่ยังเหนื่อยอยู่
“อะไรวะ รอน”ชายหนุ่มชื่อรอน หอบอีก3-4ครั้ง ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า
“พวกยัยกิ๊ฟนะ กินข้าวอยู่ดีๆก็ดันไปมีเรื่องกับคุณตัวของพวกเด็กช่างกลเข้า อีพวกนั้นเลยพาคู่นอนมันมาหาเรื่องพวกยัยกิ๊ฟนะสิ มากันหลาย10เลยละ
“เฮ้ย แล้วนี่เรียกพวกไอ้โชมาหรือยัง”
“พวกไอ้โชอยู่หน้าโรงเรียนเรา ส่วนไอ้ริคไปเอารถกระบะมาแล้ว กูนัดพวกมันให้เจอกันตรงร้านข้าว”
“เออ งั้นจะรอหาพระแสงอะไรละ ก็ไปสิวะ”เฟรย์ ลุกขึ้น ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปกับรอน วิ่งกันไปได้ซักพัก ก็ถึงบริเวณหน้าโรงเรียน ซึ่งมีรถกระบะโฮเวอร์คันหนึ่งจอดอยู่ ในรถมีชายหนุ่มที่หน้าตาคล้ายรอน แต่มีผมสีดำซึ่งก็คือริค และคนอื่นอีกสองสามคน ส่วนท้ายรถมีคนอีก5-6คนนั่งรถอยู่ เมื่อพวกเฟรย์ขึ้นรถแล้วริคก็สตาร์ทรถ ก่อนจะขับบึ่งออกไป
พวกเฟรย์มาถึงหน้าร้าน ที่เป็นที่หมาย ก่อนที่ริคจะดับเครื่องและพากันลงจากรถ ก่อนจะเดินเข้าไป เฟรย์ก็เอ่ยขึ้นว่า
“เฮ้ย พวกเรา เอาอุปกรณ์ช่วยมาหรือเปล่าวะ”ทั้งหมดไม่ตอบ แต่ยกอุปกรณ์ช่วยที่ว่าขึ้นมาให้เห็น เป็นไม้หน้าสามบ้าง เป็นโซ่บ้าง บ้างก็ใส่สนับมือ เฟรย์จึงนำพวกนั้นเข้าไป
ในร้านอาหาร ตอนนี้ ลูกค้าคนอื่นๆต่างก็หนีกันไปหมดแล้ว มีแต่คู่กรณี ซึ่งฝั่งหนึ่งเป็นกลุ่มเด็กสาวในชุดนักเรียนกระโปรงแดง4-5คน ในขณะที่อีกฝั่งมีผู้หญิงสวมเกาะอกกางเกงขาสั้น2-3คนและกลุ่มผู้ชายถือไม้ยาวกันครบมือ 20กว่าคน
“ไม่เอาน่า จ่ายค่าเสียหายมาซะ ไม่งั้นก็ไปนอนกับพวกเราซะดี”
“ไม่มีทางหรอก พวกแก ไปไหนก็ไปเลยไป”ฝั่งหญิงสาวไม่ยอม ชาย2คนเดินเข้าไปเพื่อหวังจะลวนลาม เด็กสาวตกใจกลัว แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ก็มีคนฟาดโซ่โดนเข้าที่หัวของไอ้หื่นทั้งสองคนนั้น จนทำให้มันตัวกุมหัวร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
“เฮ้ยอย่ายุ่งกับเพื่อนพวกกูนะเว้ย”
“แล้วพวกมึงมายุ่งอะไรด้วยวะ เฮ้ย มึง ไอ้เวรเฟรย์” ชายตัวโตอัปลักษณ์คนหนึ่งตะโกนกลับมา ก่อนที่จะต้องโพล่งด้วยความตกใจเมื่อเห็นหน้าเฟรย์
“ไงไอ้ศิลา โดนไปคราวก่อนไม่เข็ดใช่มั้ย โอ้ แผลที่หน้ามึงยังไม่หายนี่หว่า ยังเห็นเป็นรอยอยู่เลย”
“หุบปากเถอะน่า ไอ้ระยำเอ้ย แต่มึงมาก็ดีแล้ว กูจะได้คิดบัญชีกับมึงเมื่อเรื่องคราวก่อน”
“เออ กูคงยังไม่มีเงินคืนให้วะ แต่กูขอถอนเพิ่มด้วยการกระทืบมึงให้เละคาตีนกูซักหน่อยเป็นไง”
“หนอย คิดว่าที่ซัดพวกกู 5 คนไปนี่แน่นักหรือไงวะ”
“อย่างน้อยกูก็ได้เห็น หมาหน้าโง่หนีหัวซุกหัวซุนละว้า”
“มึง! อย่าอยู่เลย เฮ้ยออกมาได้แล้ว”สิ้นเสียงของศิลา หลังร้านก็มีคนเดินเข้ามา เป็นชายฉกรรจ์อีก20กว่าคนมาพร้อมกับอาวุธครบมือเช่นกัน
“เฮ้ย เฟรย์ พวกแม่งกะหมาหมู่วะ ทำไงดีวะ”รอนที่เป็นคนฟาดโซ่ไปเมื่อกี้นี้เอ่ยขึ้น สีหน้าของเขายังปกติดี แถมยังทำท่าหักนิ้วดังกร๊อบอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่างหาก เฟรย์เองก็เช่นกัน
“1 ต่อ 4 เหรอ พวกเราที่มีตำแหน่งมาสเตอร์ค้ำคอกันอยู่ทุกคน สู้ไม่ได้ให้มันรู้ไปสิวะ” ศิลาที่ได้ยินคำสบประมาทนี้ก็ตะโกนสั่งให้ลูกน้องของมันเข้าตะลุมบอนกับพวกเฟรย์
ในการศึกสงคราม คนทั่วไปมักจะคิดว่าฝ่ายที่มีทหารจำนวนมากกว่าย่อมจะได้เปรียบกว่าฝ่ายที่มีทหารน้อยกว่า แต่ในมุมมองของนักวางแผนแล้ว ทหารจำนวนน้อยแต่ชาญศึกก็สามารถเอาชนะทหารจำนวนมากแต่อ่อนแอได้ หรือพูดง่ายๆว่า
คุณภาพย่อมดีกว่าปริมาณ
ถึงฝ่ายตรงข้ามจะมีคนมากกว่าถึง4เท่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนั้นจะมีสมองและทักษะมากตามไปด้วย คนที่มีโซ่ก็มักจะเหวี่ยงโซ่ไปโดนพวกเดียวกันเนื่องจากพื้นที่ในร้านที่แคบลงเมื่อเจอกับคนจำนวนมาก ในขณะที่รอนและคนใช้โซ่ของฝั่งเฟรย์ต่างก็เอาโซ่พันรอบมือแล้วตะลุมบอนระยะประชิดแทนพวกที่ใช้ไม้ฝ่ายตรงข้ามก็ทำได้เพียงแค่ฟาดไปฟาดมา ในขณะที่ฝั่งของเฟรย์สามารถหลบหลีก ปลดอาวุธและสยบฝ่ายตรงข้ามในเวลาอันรวดเร็ว
ในส่วนของเฟรย์นั้น เขาได้เลือกใช้สนับมือเข้าโจมตีในระยะประชิด เขาชกหน้าฝ่ายตรงข้ามจนล้มไปคนหนึ่งก่อนจะหันไปคว้าคอของคนๆหนึ่งเข้า ก่อนจะใช้ท่าChoke slam เหวี่ยงศัตรูลงพื้น ก่อนจะเตะซ้ำด้วยความแรงจนคู่ต่อสู้ร้อง อีกคนถือไม้เข้ามาฟาดเขา เฟรย์หลบฉากก่อนจะสวนเข้าที่ท้องไปหนึ่งหมัดจนจุก แล้วคว้าคอเสื้อมันก่อนจะตีเข่า2-3ทีแล้วหันหลังทุ่มมันข้ามไหล่ของเขา
“เฮ้ยหลบไป ให้กูจัดการไอ้เฟรย์เอง” ศิลาพูดจบ ก่อนจะคว้าโซ่จากคนที่นอนอยู่ แล้วเหวี่ยงมันหวังจะเล่นงานเฟรย์ แต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มในตอนแรกของมันก็ต้องแปรเปลี่ยน
เฟรย์เอามือคว้าโซ่ที่ชายอัปลักษณ์ฟาดมาโดยที่ไม่หันไปมองด้วยซ้ำ
“ทำได้แค่นี้เองเหรอ”ว่าแล้ว เฟรย์ก็กระชากโซ่ ดึงศิลาเข้ามาใกล้ๆ ชกเข้าที่ท้องของมันจนจุกก่อนจะปิดท้ายด้วยอัปเปอร์คัทจนศิลาล้มลงไปนอน พอดีกับที่เสียงไซเรนดังขึ้น
“เฮ้ยเฟรย์ พวกตำรวจมาแล้ว”ริคที่หันไปมองข้างนอกเอ่ยบอกพวกเฟรย์ พวกตำรวจแสดงตัวเพื่อจะเข้าจับกุม แต่พวกเฟรย์ทุกคนได้หยิบบัตรสีเทาที่มีตรารูปโล่ออกมาเพื่อที่จะบ่งบอกว่า
“สมาคมป้องกันเหตุร้ายประจำโรงเรียนอย่างนั้นหรือ”ผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้น “ยิ่งเป็นโรงเรียนนี้เสียด้วย ท่าทางคงไม่มีฝ่ายของพวกเธอบาดเจ็บใช่มั้ย”
“ไม่เท่าไรหรอกครับ ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะครับ” เฟรย์เอ่ยขึ้นมา ก่อนทั้งหมดจะพากันชิ่งหนีออกไป พวกหนุ่มๆไปส่งสาวๆ ก่อนจะพากันมาเดินเที่ยวต่อ
“ให้ตายสิ ตำรวจมาตอนไหนไม่มา มาตอนที่เรายังไม่ทันชิ่ง เวรเอ๊ย”รอนพูดขึ้นมา หลังจากที่พวกเขาไปส่งเพื่อนคนสุดท้าย
“เออนะอย่าบ่นไปเลยน่าไอ้รอนเอ้ย ว่าแต่ มีใครสนใจเล่มเกมกับกูซักตาสองตามั้ย”เพื่อนทั้งกลุ่มขานรับพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายทันที
3วันต่อมา
“เฮ้ย ไอ้เฟรย์ ยุ่งแล้ว”
“อะไรอีกวะมึง หาเรื่องให้กูจังเลยวะ”เฟรย์ที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่ต้องตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงรอนตะโกนมาแต่ไกล แต่รอบนี่ดีหน่อยที่รอนแค่นั่งอ่านข่าวอยู่ในห้อง ไม่ได้วิ่งหอบแฮ่กๆ
“ไอ้ศิลานะสิ โดน หมัดป่นภูผาช่วยไปแล้ว ”
“ใครวะ หมัดป่นภูผา”เฟรย์เลิกคิ้ว เพราะเขาไม่รู้จักคนๆนี้
“ชาวยุทธ์ที่มีพลังLevel 5 นะสิ มันเป็นญาติกับไอ้ศิลา พอมันถูกตำรวจจับไป มันก็พาพรรคพวกไปช่วยไอ้ศิลาแหกคุกมาน่ะ กูว่ามันต้องมาเล่นงานมึงแน่ๆ เฮ้ยระวังตัวให้ดี เราสู้กับพวกชาวยุทธ์ไม่ได้นะเว้ย”
“เออ ขอบใจที่เตือน แต่กูเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว พวกมึงก็ระวังตัวด้วยละกัน”
“มึงนี่เคยสนใจตัวเองบ้างมั้ยเนี่ย เอาแต่บอกให้คนอื่นระวังตัวเนี่ย หา”
“เออน่า แล้วนี่มึงยังไม่ไปอีกเหรอ มึงนัดน้องแพรวไว้ไม่ใช่เหรอวะ”
“เฮ้ยจริงดิ ซวยแล้ว ไปสายคราวนี้ โดนน้องแพรวด่าตายเลย ไปละเพื่อน”ว่าแล้วรอนก็ชิ่งไปดื้อๆ เฟรย์ก็ได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะกดตรงบริเวณข้อมือ เลือกเมนูสื่อสาร ซักพักหน้าจอก็ปรากฏ เผยให้เห็นหน้าของคนๆหนึ่ง ชายหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นหน้าคมเข้ม บุคลิกขรึมๆ หน้าตาดีพอที่จะกระชากใจหญิงสาวทั่วหล้าได้อย่างไม่ยากเย็น
“เฮ้ย กูมีเรื่องให้ช่วย”
เวลา 19.32 ณ ซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง
ยามนี้ตะวันได้ลับฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังเริ่มมีเสียงฟ้าร้อง ซึ่งทำให้ผู้คนหลายคนต่างรีบหาที่หลบกันจ้าละหวั่น หลายคนไม่ได้เพียงแค่หลบฝนเท่านั้น แต่จะหลบคนอีกกลุ่มหนึ่งชนิด ยิ่งไกลยิ่งดีอีกด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นกลุ่มของชายอัปลักษณ์ ผู้ซึ่งโดนเฟรย์เล่นงานสองครั้งสองครา ที่มีชื่อว่าศิลานั่นเอง
หลังจากโดนหมัดป่นภูผาช่วยออกมา ศิลาก็ได้พยายามเรียกพรรคพวกจากโรงเรียนของเขาเอง แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปกับเขา เพราะกลัวพวกของเฟรย์ ดังนั้นศิลาจึงได้แต่อาศัยหมัดป่นภูผาผู้เป็นญาติเพื่อหวังที่จะแก้แค้นเฟรย์ ถึงแม้คนในกลุ่มของเขามีเพียง20คน แต่ทั้งหมดล้วนแต่มีพลังระดับ Level3-4 เลยทีเดียว ผู้ที่โดดเด่นที่สุด ย่อมต้องเป็น ชายวัย28 ที่มีผมทรงโมฮ๊อก(เขียนถูกมั้ยฟะเนี่ย)สีแดง ซึ่งก็คือหมัดป่นภูผานั่นเอง
“พี่ พี่ต้องแก้แค้นให้ผมนะ ไอ้เวรนั่นทำผมเจ็บแสบมากเลย”ศิลาโวยวายก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งหมัดป่นภูผาก็ได้แต่ห้ามปรามผู้เป็นญาติผู้น้องว่า
“มึงใจเย็นหน่อยเหอะ หนีตำรวจก็จะแย่อยู่แล้ว มึงยังมีหน้าจะคิดแก้แค้นคนอื่นอีกหรือไง”
“ผมเชื่อมือพี่อยู่แล้ว ว่าเราต้องหนีตำรวจรอดแน่นอน”ศิลาเอ่ยให้กำลังใจ หมัดป่นภูผาก็ได้แต่ถอนหายใจ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาว่า
“เฮอะ พวกมึงอาจจะหนีตำรวจรอด แต่กูไม่คิดว่ามึงจะหนีพ้นกูหรอกนะ”ทั้งหมดหันไปทางต้นเสียง เป็นชายหนุ่มหน้าหล่อ ผมรองทรงสีบลอนด์ ใบหน้าดูยิ้มแย้ม ซึ่งขัดกับแววตาที่ดูชั่วร้ายอย่างสิ้นเชิง
“ตายยากจริงนะมึง ไอ้เฟรย์ กูไม่รู้ว่ามึงหาพวกกูเจอได้ไง แต่คราวนี้มึงอย่าหวังจะได้มีชีวิตรอดไปได้อีกเลยมึง”ศิลาชี้หน้าด่าเฟรย์ นี่เฟรย์เขามาทำอะไรที่นี่ เขาไม่มีวรยุทธ์ซักหน่อยมิใช่เหรอ
“เฮอะ ถ้ามึงคิดจะหวังพึ่งไอ้พวกที่อยู่ข้างหลังมึงละก็ มึงนั่นแหละที่จะไม่มีชีวิตรอดกลับไป”ศิลาถึงกับหน้าเขียวปั๊ด อันที่จริงอย่าว่าแต่ศิลาเลย ลูกน้องของหมัดป่นภูผาที่ได้ยินก็แทบจะกระโจนเข้าไปหาอยู่แล้ว
“มึงนี่ปากดีจริงๆนะ หวังว่าหลังจากที่โดนพวกกูซัดไปหลายหมัด มึงยังคงจะปากดีได้อยู่นะ”หมัดป่นภูผาตอบกลับ จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องทั้งหมดเกือบ20กว่าคน เข้าโจมตีทันที พวกลูกสมุนที่หมั่นไส้เฟรย์มานานแล้วก็ออกกระบวนท่าจู่โจม กระโจนเข้าหาทันทีแต่สีหน้าของเฟรย์ก็ยังนิ่งเฉย แต่มือของเขานั่นกลับมีไอสีดำแผ่ออกมา หมัดป่นภูผาที่มองเห็นและรับรู้ได้ก็จะตะโกนบอกพวกสมุน แต่ก็ช้ากว่าหมัดของเฟรย์
“Level 100 เคล็ดคัมภีร์มารดารา หมัดกระสุนดาวตกมรณะ”เฟรย์รัวหมัดที่ปล่อยไอลมปราณสีดำออกไปนับไม่ถ้วนด้วยความเร็วสูง สมุนทั้ง20ต่างก็โดนกันถ้วนหน้า ไม่ต่ำกว่า1500หมัด ซึ่งทั้งหมดก็ล้มลงทันที คนที่ล้มลงต่างก็ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เพราะผลพิเศษของมัน
นี่ก็คือวรยุทธ์ที่สร้างชื่อให้กับมารดารา เต็งว่านถง เป็นอย่างมาก ว่ากันว่าเขาสามารถฝ่าค่ายกล 18อรหันต์โดยที่ปราศจากรอยขีดข่วนใดๆ ก็ด้วยวรยุทธ์ชุดนี้ คัมภีร์มารดาราซึ่งเต็งว่านถงได้บัญญัติไว้นั้น อาจจะไม่ใช่สุดยอดวิชาที่ไร้เทียมทาน แต่ก็หาคู่ต่อสู้ได้ยากเต็มที
หมัดกระสุนดาวตกมรณะ-รัวปราณหมัดนับพัน ใส่ศัตรู ยิ่งถ้าดาหน้าเข้ามาเป็นกลุ่ม หมัดนี้จะมีอานุภาพมากเป็นพิเศษ ผลพิเศษของมันทำให้เลือดของศัตรูเป็นพิษ ถ้ารักษาไม่ทัน ตัวก็จะเริ่มบวมเป่ง ก่อนจะระเบิดออกในที่สุด เว้นแต่จะมีพลังลมปราณที่จะช่วยให้อาการนั้นสงบซักพัก
หมัดอสูรดาวหางทะลวงฟ้า-เน้นโจมตีเพียงเป้าหมายเดียว แต่เป็นหมัดที่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายภายในหมัดเดียว ถ้าศัตรูมีลมปราณน้อยกว่า แต่ถึงศัตรูมีลมปราณมากกว่า หมัดนี้ก็จะทำให้ลมปราณภายในปั่นป่วน
เพลงเตะเงาฝนมารดารา-เงาร่างนับไม่ถ้วนจู่โจมศัตรู เน้นโจมตีจุดชีพจร พลังโจมตีเบา แต่ก็แฝงไปด้วยความร้ายกาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสองท่าแรก เพราะจุดชีพจรเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้ใช้วรยุทธ์ได้ ถ้าถูกสกัดจุดไว้ก็นับว่าปิดทางชนะของฝ่ายศัตรูไปกว่าครึ่ง
เพลงเตะมารคู่แยกพสุธา-โจมตีสองครั้ง ครั้งแรกจะทำทีเหมือนกับจะโจมตีคู่ต่อสู้จากด้านหน้าอย่างรุนแรง แต่แท้จริงแล้ว เป็นการโจมตีคู่ต่อสู้จากทิศทางอื่น
พลังเกราะอสุรา-เป็นพลังคุ้มกายที่แข็งแกร่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า พลังระฆังทองของวัดเส้าหลิน มี6ขั้น เพียงขั้นที่3 อาวุธธรรมดาก็ฟันแทงไม่เข้าอย่างถาวรแล้ว ตัวของเฟรย์เองก็ฝึกถึงขั้นนี้แล้วด้วย ขั้นสูงสุดสามารถสะท้อนการโจมตีทุกชนิดกลับไปหาผู้ใช้ได้ด้วยความแรงที่มากขึ้นถึงสองเท่า อีกทั้งปิดจุดตายจนหมดสิ้น
ท่าร่างดาราลับฟ้า-มันอาจจะไม่ได้เป็นท่าร่างที่พิสดารมากมาย แต่เป็นท่าร่างที่เหมาะกับวรยุทธ์ในคัมภีร์มารดาราเป็นอย่างยิ่ง รวดเร็วดุจดั่งภูตพราย
“นี่...มึงเป็นใครกัน”หมัดป่นภูผาถึงกับตัวสั่น จริงอยู่ที่พวกลูกสมุนไม่ได้เก่งมากมาย แต่การที่ลูกสมุน ทั้ง20ล้มลงภายในกระบวนท่าเดียว ย่อมมีพลังไม่ธรรมดา
“ชนะกูให้ได้ก่อนสิ แล้วกูจะบอกมึงเอง” ชนะเหรอ สำหรับหมัดป่นภูผาแล้ว แค่จะต้านให้ได้ซักครึ่งกระบวนยังยากเลย แต่นั่นก็เป็นทางเลือกเดียว หมัดป่นภูผาเดินพลังชั่วชีวิตทั้งหมดของเขา ใช้พลัง12ส่วน ทำให้เขาสามารถเปล่งพลังได้Level 6 ก่อนจะออกหมัดโจมตีใส่เฟรย์
“กระจอกจริงๆเลยนะ มึงเนี่ย”เฟรย์เอ่ยเยาะเย้ย กำปั้นขวาของเขาปรากฏไอปราณสีดำเข้มข้น “เอาละ กูจะให้มึงมีชีวิตยืนยาวซักหน่อยก็แล้วกัน”
“Level 40 เคล็ดคัมภีร์มารดารา หมัดอสูรดาวหางทะลวงฟ้า” หมัดป่นภูผาที่มีพลังเพียงLevel 6 ไหนเลยจะสามารถต้านหมัดที่มีพลังถึงLevel 40ได้ โดนเข้าไปหมัดเดียว หมัดป่นภูผาถึงกับกระเด็นชนกับผนังตึก เกิดเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่ ชายหนุ่มกระอักเลือด ที่จริงแล้วหมัดนี้จะต้องสังหารหมัดป่นภูผาไปแล้ว แต่เฟรย์เปลี่ยนเป็นการทำลายชีพจรแทน หลังจากยืนชมผลงานเพียงชั่วครู่ เขาก็หันมามองศิลาเป็นเป้าหมายต่อไป
“หวะ....เหวอ”ศิลาหน้าซีดเซียว เขาไม่นึกเลย ว่าคู่แค้นของเขาจะมีพลังมากขนาดนี้ ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงหยิบปืนเลเซอร์ที่เก็บไว้ในช่องเก็บของ ก่อนจะกราดยิงอย่างไม่ยั้งใส่เฟรย์ เฟรย์ผู้ซึ่งแม้แต่จรวดก็ทำอะไรเขาไม่ได้ทำ เพียงแค่เดินลมปราณ
“พลังเกราะอสุราขั้นที่3!”มีพลังไร้สภาพบางอย่างสะท้อนกระสุนเลเซอร์กระเด็นกระดอนออกไป ศิลาผู้โชคร้ายก็โดนกระสุนที่สะท้อนเข้ามากลับไปถึง2นัดที่ไหล่ซ้ายและไหล่ขวา
“เชอะ พวกสวะหน้าโง่”เฟรย์บิดขี้เกียจคราหนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ร่างของศิลาที่ล้มลงไป
แล้วเหยียบที่หัวของศิลาพร้อมกับถ่ายพลังมารดาราเข้าร่าง!
“อั๊ก...อ๊ากกกกกก!” ชายหนุ่มร้องลั่น ในขณะที่เฟรย์หัวเราะอย่างสะใจ ในตอนนี้เฟรย์ก็ไม่ต่างอะไรจากปีศาจร้ายเลยซักนิดเดียว
“เฮอะ พวกมึงโดนพลังมารดาราของกุเข้าไปแล้ว เชิญเสพสุขก่อนตายให้สะใจไปเลย แต่ก่อนตาย กุจะไขข้อข้องใจให้กับมึงละกันนะ” เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างของศิลา กระซิบคำพูดบางอย่าง และทำเช่นเดียวกับหมัดป่นภูผา ก่อนจะหายลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานร่างกายของศิลาก็ระเบิดออก หมัดป่นภูผาเห็นดังนั้น ก็เอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนที่ร่างกายจะระเบิดว่า
“ไอ้ศิลาเอ้ย มึงมีเรื่องกับใครไม่มี”
“มึงดันไปมีเรื่องกับหัวหน้าแก๊งซาตานอัคคีซะนี่”
ความคิดเห็น