ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คนแห่งความเหงา

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 เจ้าชายสีนิล

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 49


    บทที่ 1

    เจ้าชายสีนิล

     

           บนเตียงฟูกสีขาวสะอาดฉันกำลังจินตนาการตัวเองเป็นเจ้าหญิง มือคู่น้อยบอบบางขยับแว่นตาให้เข้าที่ จะแปลกไหมถ้าเจ้าหญิงจะสายตาสั้นสักประมาณสองร้อย

     

           ที่หน้าต่างกรอบสีทรายมีจดหมายวางเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่จะร่วงแหล่มิร่วงแหล่ที่ฉันเฝ้ารออยู่ทุกค่ำคืน แด่ผู้เป็นที่รัก คำจ่าหน้าซองที่ชวนให้หัวใจที่เคยเหงาหงอยกลับมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง มือน้อยๆค่อยๆครี่เปิดออกอย่างถนอมด้วยราวกับกลัวกระดาษหยาบๆนั้นจะช้ำ

     

           มีเพียงความว่างเปล่าอยู่ภายในเนื้อกระดาษหยาบกร้านแผ่นนั้น ฉันยิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อพลันนึกถึงผู้ส่ง

     

           ไม่กล้าเขียนละสิ

     

           คำกล่าวแผ่วเบามาพร้อมกับรอยยิ้มที่เผยอย่างอ่อนโยนเมื่อนัยน์ตาสบเข้ากับผู้อยู่หลังบานหน้าต่าง นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นดูเวิ้งว้างว่างเปล่าแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่เกินอธิบาย ฉันได้แต่ก้มหน้าหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นหน้าของเขา เจ้าชายสีนิล

     

           เจ้าชายในชุดนักศึกษาที่ไม่ค่อยเรียบร้อยนักบนหลังอาชาสีดำขริบเป็นมันวาวยิ้มแค่นๆบอกได้ว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยถนัดที่จะยิ้มสักเท่าไหร่

     

           เชิญเจ้าหญิงประทับขอรับ

     

          เจ้าชายกล่าวอย่างเขินอาจพลางก้มหน้านิ่ง ดวงหน้าได้รูปนั้นแดงระเรื่อเมื่อถูกสบมองยิ่งทำให้ใจเจ้ากรรมเต้นถี่ไม่เป็นจังหวะดั่งจะหลุดฝากรักให้คนตรงหน้าเสียให้ได้

     

          บรื้น!

     

           เสียงอาชาดำขริบร้องพลางพยศเล็กน้อยเรียกให้ฉันขึ้นซ้อนท้ายผู้เป็นนายของมันอย่างแกมบังคับ ฉันรู้สึกว่ามันกำลังยิ้มเยาะชอบใจกับดวงหน้าฉันเองที่แดงระเรื่ออย่างช่วยไม่ได้ เจ้าหญิงในชุดนอนหัวยุ่งเหยิงเป็นกระเซิงกำลังขึ้นซ้อนท้ายอาชาจอมพยศที่ถูกขับควบโดยเจ้าชายสีนิล

     

           เสียงอาชาดำขริบร้องระงมหึ่มๆไปตลอดทางที่ทอดยาวสู่ที่ใดสักแห่งที่ไม่รู้จัก ยิ่งฉันรู้สึกกลัวมันก็ยิ่งควบเร็วขึ้นจนฉันเผลอกอดเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ แก้มบอบบางแนบซบสนิทกับแผ่นหลังกับวงแขนอ่อนแอและร่างอ้อนแอ้นอรชรกอดแนบร่างเจ้าชายสีนิลจนแน่น ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหลับตาปี๋แต่ก็รู้สึกเป็นสุข เป็นสุขกับความอบอุ่นที่แผ่ซ่านตรึงให้แก้มบอบบางแนบอยู่อย่างนั้น ราวกับว่าฉันอยากอยู่อย่างนั้น ตราบชั่วนิรัน

     

           อาชาดำขลับชะลอหยุดลงอย่างแช่มช้า ณ โบสถ์เล็กๆที่มีแสงเทียนสว่างวับแวบอยู่ภายใน ใจเจ้ากรรมเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้งแล้วเมื่อมือแข็งกร้าวจับแน่นที่ข้อมือจนเจ็บ

     

          ขอโทษ เราตื่นเต้นมากไปหนะ

     

           เจ้าชายสีนิลกล่าวทั้งที่ไม่กล้าสบมองตา เขายังคงก้มหน้าเอียงอายอยู่อย่างนั้นก่อนจะคลายพันธนาการมี่ข้อมือน้อยๆออกแช่มช้าแล้วลูบลงอย่างทนุถนอมราวกับเป็นสิ่งที่อยากจะดูแลอย่างดีชั่วนิจนิรัน

     

           แสงเทียนสลัวๆให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ที่นั่นเองที่นิ้วนางบอบบางถูกครอบครองเสียแล้วด้วยแหวซึ่งถูกทำขึ้นจากดอกหญ้า เพียงเผลอใจเล็กๆรอยจูบก็ประทับลงบนหลังมือข้างนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว สัมผัสจากริมฝีปากอบอุ่นนั้นยิ่งทำให้ใจดวงน้อยพอโตอย่างน่าประหลาด

     

           ตาบ้า! ทำอะไรหนะ

          

           ก็จูบเจ้าสาวไง

     

           เจ้าชายสีนิลยิ้มพลางเกาหัวแกรกๆแล้วสบมองนัยน์ตา เพียงแค่ถูกจับจ้องชั่วครู่ก็สั่นระรัวร้อนวาบไปทั้งเรือนกาย เพียงแค่จ้องมองดวงตาคู่นั้นใจเจ้ากรรมก็ยกให้เขาไปเสียแล้ว ทั้งหัวใจ

     

           ตาบ้า ใครเขาจูบเจ้าสาวแบบนั้นกัน

     

           ตาบ้าหัวเราหึๆ ท่าทางน่าเอ็นดู นั่นเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่ริมฝีปากบอบบางกระประกบลงกับริมฝีปากของร่างที่สูงกว่า นัยน์ตาที่ปรือลงหลับพริ้มอยู่อย่างนั้นก่อนที่เสียงนาฬิกาปลุกจะเรียกให้เจ้าหญิงตื่นจากนิทรา

     

           แปดโมงเช้าเรียนวิชาพฤติกรรมมนุษย์ ถ้าไปสายถูกหักคะแนนแน่ๆ

     

           ถึงเวลาที่เจ้าหญิงต้องไปแล้ว ต้องออกไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง ถึงแม้เจ้าชายสีนิลจะไม่เคยประทับรอยจุมพิตลงบนหลังมือบอบบาง ถึงแม้อาชาดำขริบจะไม่ได้ถูกซ้อนท้ายโดยเจ้าหญิงที่มีสายตาสั้นสองร้อยก็ตาม

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×