ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : guardian angel EP.01
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญคร๊าบบ..” เสียงตอบรับที่ทอดเอื่อย แสดงถึงอารมณ์เฉื่อยชาของผู้พูดเป็นอย่างดีนั้น ทำให้คนที่เคาะประตูนิ่วหน้าเล็กน้อย ก่อนจะปรับให้เป็นปกติและผลักประตูบานหนาก้าวเข้าไปพร้อมถาดเครื่องดื่นควันกรุ่น ของโปรดของคนในห้อง
ชายหนุ่มร่างบางแต่ไม่ถึงกับอ่อนแอ้นเหมือนผู้หญิง นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวโต คิ้วเข้มขมวดมุ่น ในมือถือปากกาที่จรดนิ่งกับแฟ้มตรงหน้าราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง แต่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำใกล้เข้ามา ใบหน้าเรียวหวานจึงเงยขึ้นสบตาผู้มาเยือนด้วยแววตาอ่อนล้อ
“โกโก้ร้อนครับ” เครื่องดื่มที่เตรียมมาถูกวางลงบนโต๊ะ พร้อมคุกกี้กลิ่นหอม
“ขอบคุณครับ...คุณซองมิน..” ร่างบางกล่าวขอบคุณเลขาคนสนิทเสียงเบา ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่
“กลุ้มใจเรื่องนั้นหรือครับ” ซองมินถามด้วยความเป็นห่วง ตัวก็เล็กแค่นี้นอกจากต้องมาดูแลบริษัทแล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายเข้าให้อีก
“ใช่ครับ...พวกนั้นยังตามก่อกวนผมไม่เลิก เมื่อวานนี้ก็เล่นซะผมเกือบตาย” ชายหนุ่มร่างบางบอกอย่างท้อแท้ พลางผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง
“ผมว่าคุณหาบอดี้การ์ดสักคนดีไหมครับ...” ท่าทางจริงจังนั้นทำเอาปาร์ค จองซู วางปากกาที่ถือค้างอยู่นานลง และสนใจข้อเสนอของเลขาทันที นั้นสิ ทำไมเขาไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยนะ
“อึม...นั่นสิ แล้วผมจะหาที่ไหนได้ละครับ บอดี้การ์ดเนี่ย” ชายหนุ่มถามด้วยความหนักใจ วัน ๆ เขาก็มีแต่งานกับงาน รู้จักแต่นักธุรกิจ ไม่รู้จักพวกบอดี้กง บอดี้การ์ดอะไรนี้สักคน
“แล้วถ้าผมจ้างบอดี้การ์ดจริง ๆ เรื่องมันจะไม่ไปกันใหญ่เหรอ” จองซูสนใจเรื่องบอดี้การ์ด แต่ก็อดคิดถึงผลที่จะตามมาไม่ได้ เพราะนี้ขนาดเขาไม่ได้ตอบโตอะไรเลยยังโดนขมขู่ก่อกวนให้จิตตกแทบทุกวัน แล้วถ้ามีคนมาคอยคุ้มกัน เขาไม่โดนฆ่าตายเลยหรือ
“เรื่องบอดี้การ์ด ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวผมจัดการให้ครับ..” ซองมินตอบรับด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ แม้จะติดใจว่าคนเรียบร้อยอย่างซองมิน ทำไมรู้จักคนพวกนี้ แต่ก็ไว้ใจเกินกว่าจะถามต่อ
“ส่วนเรื่องที่กลัวว่าพวกนั้นจะทำอะไรมากกว่าการแวะเวียนมาก่อกวนให้คุณประสาทเสียนั้น เราก็อย่าให้บอดี้การ์ดที่เราจ้างมาเปิดเลยตัวตนที่แท้จริงสิครับ ทำทีเป็นว่าเป็นเพื่อนคุณ หรือเป็นญาติห่างๆ ทางคุณแม่ของคุณเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก็ได้ เจ้าพวกนั้นมันไม่รู้หรอกครับ
“อึม...นั่นสินะ” คำแนะนำของซองมินล้วนแต่มีเหตุผลและแก้ข้อกังวลของเขาได้หมดจด จนทำให้ความตรึงเครียดที่เกิดขึ้นในใจเบาบางลงไปได้ไม่น้อย
“ถ้าอย่างนั้น ผมรบกวนด้วยนะครับ” จองซูยิ้มน้อย ๆ เป็นการตอบแทน ก็ยังดีที่มีซองมินเป็นที่ปรึกษา และคอยช่วยเหลือทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัวไม่อย่างนั้นเขาคงแย่
ซองมินยิ้มรับด้วยความเต็มใจ พร้อมกับห้อมแห้มที่เซนต์เรียบร้อยแล้วกลับออกไป
“อ๋อ....พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนวันหนึ่งนะครับ” ซองมินหันกลับมาบอกเมื่อนึกขึ้นไปถึงธุระสำคัญที่ต้องไปทำวันพรุ่งนี้
“ครับ...ตามสบายครับ”
ทันทีที่ประตูบานหนักปิดลง ร่างบางก็ทิ้งหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง จริงอยู่ที่ซองมินจะจัดการเรื่องการหาบอดี้การ์ดมาให้คอยดูแล แต่ต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งกระวนกระวาย กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่ทุกวันนี้นี่สิ
เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่เขาไปประชุมที่พูซาน เนื่องจากการประชุมกินเวลานาน จนเลยเวลาอาหารค่ำ และเขามีงานด่วนที่ต้องเซนต์ จึงกลับขึ้นไปบนห้องพักทันทีที่ประชุมเสร็จทำให้พลาดอาหารเย็นที่ทางผู้จัดงานได้เตรียมไว้ให้สังสรรค์กัน เดือดร้อนให้เขาต้องหิวในเวลาเกือบเที่ยงคืน จนต้องออกมาหาอะไรกินด้านตรงข้ามโรงแรม ซึ่งเห็นว่าเป็นร้านอาหารปิดราว ๆ ตีหนึ่ง แต่!!! อาหารยังไม่ทันตกถึงท้อง ก็มีเหตุให้เขาต้องอิ่มเสียดื้อ ๆ เมื่อเขาได้บังเอิญเข้าไปเห็นการฆาตกรรมนักธุรกิจใหญ่ทางด้านอัญมณีของเกาหลี และที่สำคัญคนที่ยืนกำกับมือปืนให้ลั่นไกนั้น คือคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดี คนที่ทำให้พ่อต้องทำงานหนัก จนต้องจากไปก่อนวัยอันควร คนที่ทำให้เขาต้องกลับมาจากอเมริกา ทั้งที่ยังเรียนอยู่แค่ ม.ปลาย เพราะบริษัทที่กำลังเจริญรุ่งเรืองเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง จนเป็นหนี้ธนาคารหลายร้อยล้านวอน
เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงติดตาและตามหลอกหลอนเขาจนถึงทุกวันนี้ แต่ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือการที่คน ๆ นั้นส่งลูกน้องมาก่อกวนให้เขาต้องขวัญผวาไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นของขวัญเปื้อนเลือด ขนมหน้าตาน่ากิน แต่ภายในสอดไส้ด้วยเลือดสีแดงฉานชวนอาเจียน แต่เมื่อวานนี้พวกมันเล่นแรงกว่าทุกที เพราะถึงขนาดให้ลูกน้องขับรถประกบซ้ายขวา แกล้งทำเป็นชักปืนของมาควงเล่น ๆ ให้เขาขวัญผวา
ทั้งนี้ทั้งนั้น หลังจากไตร่ตรองถึงเหตุผลที่ทำไมพวกมันไม่ฆ่าปิดปากเขาไปเลยซะตั้งแต่วันนั้น ดีกว่าส่งคนมาคอยประกบติดแบบนี้ให้เสียเวลา ก็ได้ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า....เพราะมันต้องการถือหุ้นทั้งหมดของปาร์ค คอเปอร์เรชั่นกรุ๊ป หึหึ...ช่างน่าขำ
.................................................
วันต่อมา
“เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ชั้นล่างสุดของบริษัท”
“ไม่ได้คะคุณ วันนี้ท่านประธานไม่ว่างเลยค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวสวยตอบด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง แต่ก็ยังข่มเสียงให้สุภาพ
“อะไรกัน แค่ 5 นาที 10 นาที ให้พบไม่ได้เลยหรือไง” ชายวันกลางคนโวยวายเสียงดัง รปภ. ที่ยังยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ เริ่มขยับตัวเมื่อชายผู้บุกรุกทำท่าจะไม่ยอมง่าย ๆ
“ค่ะ.. มันเป็นระเบียบของทางบริษัทนะคะ ถ้าหากคุณต้องการพบท่านประธานก็รบกวนฝากชื่อและเบอร์โทรศัพท์ไว้ แล้วทางเราจะติดต่อกลับไปโดยเร็วที่สุดค่ะ” หญิงสาวยังคงทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากแต่ภายในกลับร้อนระอุพร้อมจะเผาตาแก่พูดไม่รู้เรื่องคนนี้ให้ไหม้เป็นจุล
“มันคิดว่ามันเป็นใคร เจ้าเด็กเมื่อวานซื่น ขอพบนิดพบหน่อยไม่ได้ ต้องพิธีรีตอง ลืมผู้มีพระคุณคนนี้ไปแล้วหรือไง ไอ่เด็กอ่อน แกมันก็เหมือนพ่อของแกที่ตายไปนั้นล่ะ ไม่รู้จักบุญคุณคนถึงได้อายุสั้นไงล่ะ” ไม่รู้ว่าตาแก่ท่าทางสติไม่ดีคนนี้ไปมีพระคุณกับท่านประธานคนก่อนและลูกชายตั้งแต่เมื่อไร แต่ด้วยวาจาไร้การศึกษาเลยทำให้ปากบางที่คลี่ยิ้มหวานเมื่อครู่บูดเบี้ยวขึ้นมาทันตาเห็น
“คุณตาค่ะ เห็นที่คงจะพูดดี ๆ ด้วยไม่ได้ ดิฉันคิดว่าคงจะต้องให้ ร.ป.ภ.มาลาก เอ้ย มาเชิญคุณตาออกไปโวยวายที่สถานีตำรวจแล้วละค่ะ ร.ป.ภ.”
ร.ป.ภ.ร่างยักษ์ที่ดูลาดเลาอยู่ไม่ไกลรีบวิ่งเข้ามาในเหตุการณ์ทันที
“ครับ” พร้อมกระชับกระบองที่ข้างเอว เตรียมทำหน้าที่ทันที
“ช่วยพาคุณตาคนนี้ไปส่งที่สถานีตำรวจที่นะคะ อ๋อ นี่เงิน...ซื้อน้ำให้ตาแกสักขวดเผื่อว่าในคุกน้ำจะไม่สะอาด” หญิงสาวยืนเศษเหรียญให้ ร.ป.ภ. พลางส่งสายตาดูแคลนไปยังชายผู้นั้น
“นี่...เธอ ระวังคำพูดหน่อย ฉันไม่ใช่ขอทาน”
“ใครเขาว่าคุณตาเป็นขอทานกันละ” หญิงสาวตอบอย่างสะใจ
“จำเอาไว้ ฉันจะฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทตั้งแต่แกไปจนถึงเจ้านายจอมยโสของแกเลย คอยดู” พูดจบก็สะบัดชายเสื้อเดินออกไป โดยไม่ต้องให้ ร.ป.ภ. ช่วยพาออกไปแต่อย่างใด
“มันจะไม่แรงไปหน่อยหรือมีนา ถ้าหาคุณตาคนนั้นเป็นผู้มีพระคุณกับท่านประธานจริงๆ เราจะแย่เอาน๊า” หญิงสาวท่าทางขี้กลัวถามเพื่อนร่วมงานสาวที่ยืนกอดอกสะใจในผลงานของตัวเอง
“ไม่หรอกอึนเฮ อย่ากลัวไปหน่อยเลย” มีนาบอกอย่างมั่นใจ “เธอไม่สังเกตหรือไง ว่าพักนี้ชอบมีคนมาก่อกวนบริษัทเราบ่อยๆ แล้วอยู่ ๆ ท่านประธานก็เกิดมีคำสั่งห้ามให้ใครเข้าพบก่อนได้รับอนุญาต ฉันวามันแปลก ๆ น๊า” มีนาเกาคางอย่างใช้ความคิด
“เหรอ....”
“เธอคิดดู ตาลุงคนเมื่อกี้ เป็นคนที่เท่าไรในรอบ 2 วันนี้” มีนาอธิบายด้วยความภูมิใจ ราวกับตัวเองเป็นนักสืบ
“อึม..ก็ 5 รายล่ะ”
“แล้วฉันยังบังเอิญได้ยินมาว่า เมื่อวานมี ร.ป.ภ. จับชายแปลกหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซด์วนไปวนมาข้างหน้าบริษัทได้คนหนึ่งด้วย”
“เหรอ...ร.ป.ภ. คนนั้นเขาจีบเธอเหรอ” ไอ่เรื่องที่ควรจะเข้าใจดันคิดไม่ได้ มีนาส่ายหัวอย่างระอาใจ แต่แล้วก็ยิ้มอย่างภูมิใจในเสน่ห์ของตัวเอง
“ใช้แล้วจ๊ะอึนเฮจอมซื่อบื้อ”
“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มร้องทักอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ หลังจากยืนมองฟังการสนทนาของ 2 สาวอยู่นาน
“อึนเฮ...เหรอไปทำหน้าที่บ้างสิ..” มีนาโบ๊ยไปให้เพื่อน โดยไม่ได้หันไปมองผู้มาติดต่อเลยสักนิด มีนาพยักหน้าและเดินไปตอนรับแขกอย่างว่าง่าย ก็ในเมื่อคนที่มาเป็นหนุ่มหล่อ ไม่ใช่ตาแก่จอมหาเรื่องอย่างเมื่อครู่
“สวัสดีค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรค่ะ” มีนาถามด้วยท่าทางสุภาพ พร้อมรอยยิ้มหวาน
“ผมมาติดต่อขอพบคุณปาร์ค จองซูครับ”
นั่นปะไร ซื้อหวยไม่ถูก มีนานึกในใจพลางจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้อึนเฮรับหน้าไป
“นัดไว้หรือเปล่าค่ะ ถ้าไม่ได้นัดคงต้องรบกวนจดชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ไว้ แล้วทางเราจะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุดนะคะ” อึนเฮพูดตามสคิปแปะ โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายบอกว่านัดหรือไม่นัดเอาไว้ก่อน
“เปล่า ไม่ได้นัด แต่มีธุระด่วน และคาดว่าจะสำคัญมาก”
“เออ...ถ้าอย่างนั้น”
“แต่ผมมีนี้...” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หยิบกระดาษแข็งออกมาจากระเป๋าเสื้อและยื่นให้ประชาสัมพันธ์สาว แล้วเดินตรงไปยังลิฟท์ที่โชคดีมีคนกดไว้ก่อนแล้ว
ชั้น 57 หน้าห้องประธานกรรมการบริหารปาร์คกรุ๊ป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
“เชิญ...” ร่างเล็กบอบบางด้านในกล่าวอนุญาตด้วยความคุ้นเคย
“
..” ประตูบานหน้าถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าย่ำหนัก ๆ ตรงมาหยุดลงที่หน้าโต๊ะทำงานตัวโตของท่านประธาน
“กระต่ายเป็นอย่างไงบ้าง ปลอดภัยดีไหมครับคุณซองมิน..” จองซูถามขึ้นทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มกองพะเนินบนโต๊ะ
“
” เอ๊ะ...ทำไมไม่ตอบ หรือว่ากระต่ายสุดที่รักจะลาโลกไปแล้ว จองซูรู้สึกเห็นใจขึ้นมาทันที จึงละสายตาจากแฟ้มเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนด้วยความหวงใย แต่แล้วดวงตาคู่นั้นกลับเบิกกว้างขึ้นทันใด
“นาย
นายเป็นใคร
เข้ามาในนี้ได้อย่างไง ออกไปนะ...” จองซูควาดไล่เสียงดัง ผู้บุกรุกยังคงก้าวเข้าไปยังร่างบางอย่างไม่เกรงกลัวสัดนิด จองซูถอยตามก้าวที่ชายคนนั้นก้าวเข้ามา จนในที่สุดเขาก็จนมุม
“หยุดนะ
.หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่งั้นฉันเรียกตำรวจนะ” จองซูขู่เสียงสั่น ใจขณะที่มือควานหาโทรศัพท์ แต่ปรากฏว่ามันถูกชาร์ทแบตเตอร์รี่อยู่บนโต๊ะ จะไปหยิบก็ไกลเกินเอื้อม แถมสายตาคมคู่นั้นก็มองไปจุดหมายเดียวกันกับเขา พร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์เสียด้วย
ตาย..ตาย แน่ ๆ เลย จองซู ตายแน่ ๆ เอาอย่างไงดีล่ะ ทำอย่างไงดี คิดซิ คิด....ทั้งที่พยายามตั้งสติหาหนทางช่วยเหลือตัวเอง แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งอับจนหนทาง
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นนายเจอดีแน่..” แม้จะกลัวแต่ก็ยังขู่ไว้ก่อน เผื่อจะช่วยให้เจ้าหมอนี่ถอยออกไปได้บ้าง แต่ก็ไร้ประโยชน์ เมื่อร่างสูงยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างไม่เกรงกลัว และไม่ยอมเปิดทาง หรือเปิดโอกาสให้เขาได้เข้าใกล้โต๊ะทำงานเลยแม้แต่น้อย
แต่แล้ว......จองซูก็พบอาวุธจำเป็นที่พอจะช่วยเขาได้แล้ว.....วัตถุทำด้วยแก้วชั้นดีทนทานและแข็งแรงอย่างแน่นอน ถูกคว้าเข้ามาอยู่ในมือ
“ชั้นบอกให้ออกไป” คราวนี้เสียงที่เคยสั่นกลับแข็งขึ้นมาทันตาเห็น อย่างน้อยก็อุ่นใจกับอาวุธในมือ หากแต่ชายแปลกหน้ากลับหัวเราะในลำคออย่างขบขัน ทำเอาร่างบางหน้าแดงด้วยความโกรธผสมอาย น่าขำตรงไหน ที่เขี่ยบุหรี่ก็มีค่ากับชีวิตฉันก็แล้วกัน
“หยุด!!!!” จองซูตวาดไล่ เมื่ออีกฝ่ายยังก้าวเข้ามาหาตัวเองไม่หยุด
ปึก!!!!
“โอ้ย!!!!” เลือดสีแดงเข้มค่อย ๆ ซึมลอดออกมาตามง่ามนิ้ว ของชายแปลกหน้าที่ยืนเอามือกุมหัว
“นี่คุณ
..ผมไม่ปล้ำคุณหรอก” ร่างสูงตวาดกลับเสียงดัง จนจองซูตกใจ ถอยกรูดไปยืนชิดมุมเหมือนเดิม
“ซวยชะมัดเลย กว่าจะเข้าพบได้ก็ยากเย็น ต้องนั่งรอเป็นวัน ๆ เสียเวล่ำเวลา พอได้เจอก็ต้องมาเจ็บตัวอีก คุ้มค่าจ้างไหมเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นไปพลางกดบาดแผลห้ามเลือดไปพลาง ส่วนจองซูก็ได้แต่ยืนหน้าซีดพะอืดพะอมเพราะเห็นเลือด
“นายเป็นใคร
” พอได้ยินคำบ่นพึมพำของร่างสูงที่ถือวิสาสะดึงกระดาษทิชชูบนโต๊ะทำงานของเขาไปเช็ดเลือด ก็นึกเอะใจขึ้นมา เนื่องจากคำสั่งของเขาที่ห้ามคนแปลกหน้าเข้าพบ แต่คน ๆ นี้ขึ้นมาพบได้คงต้องมีอะไรแน่ ๆ
“เป็นคนที่นายจ้างมาเป็นบอดี้การ์ดไง
มือหนักอย่างนี้ไม่ต้องมงไม่ต้องมีมันแล้วมั้งบอดี้การ์ด...ดูแลตัวเองได้นิ” คนที่อ้างตัวพูดอย่างอารมณ์เสีย พร้อมส่งสายตาขว้างค้อนอันโตให้ร่างบางที่ยืนนิ่ง ไม่เข้าใจบอดี้การ์ดที่เขา ไม่สิ..ที่ซองมินหามาให้ ตัวก็โตแต่ทำไมขี้ใจน้อยอย่างนี้อ่ะ สำออยอีกต่างหาก จองซูนึกในใจอย่างหมั่นไส้
“ฉันไม่เชื่อ
.ท่าทางนายไม่ให้” จองซูบอกอย่างที่คิด บอดี้การ์ดอะไรใส่กางเกงยีนส์ขาด ๆ เสื้อยืดมอซอ แจ็คเก็ตเก่า ๆ โทรมๆ อาวุธอะไรสักอย่างก็ไม่เห็นจะมี หน้าตาก็ดูหล่อ ไม่...แค่ดูดี หน้าตาก็ดูดีจนเกินไป พูดไปสายตาก็มองสำรวจไปตั้งแต่หัวจรดเท้า คนถูกมองก้มลงมองตัวเองบ้าง แล้วก็ยักไหล่ไม่ยี่หระกับสภาพร่างกาของตัวเอง
“คุณครับ
.ของอย่างนี้มันวัดกันที่ฝีมือ
ไม่ใช่การแต่งตัว
” ชายหนุ่มบอกไปด้วยท่าทางยียวน รู้สึกพอใจกับท่าทางของคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก
“อย่างไงก็ไม่เชื่อ
.” ดื้อจังแฮะ
.เห็นตัวบางๆ อย่างนี้มือหนักใช่เล่น แถมยังใจสู้อีกต่างหาก สงสัยรับงานคราวนี้จะมีอะไรสนุกตื่นเต้นกว่าที่คิดซะแล้ว
“ไม่เชื่อ
.นายก็ไปถามเลขานายดูเองแล้วกัน” ร่างสูงไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงมากนัก จึงให้ไปถามคนที่ติดต่อเข้าโดยตรงเองดีกว่า
“คุณซองมินนะเหรอ...”
“อึม...ถ้านายมีเลขาคนเดียว ก็คนนี้ล่ะ” คำพูดกวน ๆ วกวน ทำเอาจองซูชักจะไม่พอใจ
“ถ้ารู้ว่ามาแล้วต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ ไม่มาดีกว่า ไร้สาระชะมัด” แต่ก็ยังไม่วายบ่น เนื่องจากบาดแผลที่หัวเริ่มแสดงอาการปวดตุ๊บ ๆ
“ฉันจะไว้ใจนายได้อย่างไง...” แม้ในใจจะเชื่อไป 70 % แล้วก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คน ๆ นี้จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้เขา
“ก็ดี
นายไม่เชื่อฉันจะได้ไป ไม่เห็นอยากจะเป็นบอดี้การ์ดให้นายเลย กะอีแค่ถูกแฟนใหม่ของแฟนเก่าขู่เอาชีวิต เสน่ห์แรงจริ๊งจริง...” ประโยคหลังพึมพำเบาๆ หวังว่าร่างบางนั้นจะไม่ได้ยิน หรือได้ยินก็ช่าง
‘แฟนใหม่ของแฟนเก่าขู่เอาชีวิต’ เรานะเหรอ จองซูคิดอย่างงงๆ หรือเราเราจะฟังผิด
Tru....Tru....
เสียงเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กส่งเสียงแหลมขัดจังหวะพอดี จองซูรีบกระโดดคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย และถอยกลับไปยืนที่เดิมอย่างรวดเร็ว
“คุณซองมินหรือครับ....” จองซูถามด้วยความดีใจ ไม่มาให้เห็นตัวมาแต่เสียงก็ยังดี จะได้ถามไถ่กันได้
“ผมติดต่อบอดี้การ์ดให้คุณได้แล้วนะครับ...”
“บอดี้การ์ดหรือครับ” จองซูหันไปมองร่างสูงอย่างชั่งใจ และชักจะรู้สึกหมั่นไส้กับท่าทางกวน ๆ นั้นเสียจริง
..
“ครับ...คิดว่าป่านนี้คงจะมาถึงบริษัทแล้ว...ผมเลยโทรมาบอกคุณก่อน จะได้สั่งให้ ร.ป.ภ.พาขึ้นมาพบขึ้นนะครับ”
“ครับ
เขา...เออ..อยู่ตรงนี้แล้ว” จองซูบอกอย่างไม่เต็มเสียงนัก เมื่อรู้ว่าคนที่ยืนกอดอกเก๊กแมนอยู่ข้างโต๊ะคือคุณบอดี้การ์ดที่ซองมินจ้างมาให้ดูแลตัวเอง
“ผมบอกเขาเหตุผลของการว่าจ้างไปว่า คุณถูกแฟนใหม่ของแฟนเก่าขู่เอาชีวิตนะครับ.”
“หา!!...ฟะ
..แฟน มะ..ไม่.....อ้อ
ครับ
.ได้ครับ
” จองซูร้องเสียงหลง หน้าสวยส่ายไปมาจนหัวกระเซิง เหตุผลที่จ้างบอดี้การ์ด ทำไมมันฟังดูแย่อย่างไงชอบกล
“ผมขอพูดกับเขาหน่อยได้ไหมครับ...” ซองมินบอกกับเจ้านายที่ยังอึ้งไม่หายกับเหตุผลสุดงี่เง่า
“ครับ.....” จองซูตอบเสียงอ่อย พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้บอดี้การ์ดคนใหม่ล่าสุด
“ขอบใจ...” น้ำเสียงยังคงยียวนกวนประสาท จนร่างบางต้องทำปากยื่นสะบัดหน้าไปทางอื่น แต่หูก็ค่อยฟังว่าพูดอะไรกับเลขาของตัวเอง...
“อึม
” แต่บอดดี้การ์ดของเขาก็ตอบเพียงสั้น ๆ เสียงในลำคอ นั่นยิ่งสร้างความเดือดดาลใจให้ท่านประธานจองซูมากขึ้น อึม อึม อึม อะไรกัน พูดอย่างนี้แล้วใครจะไปรู้เรื่อง
“ตกลง...คุณไม่ต้องการแล้วใช่ไหมบอดี้การ์นะ” ร่างสูงถามด้วยมาดกวนๆ และหมุนตัวเดินกลับทันทีที่ยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ จองซูมองตามร่างสูงค่อยๆ เดินไปยังประตูอย่างชั่งใจ
“เดี๋ยว
นายชื่ออะไร” ร่างบางร้องถามรัวเร็ว เพราะกลัวประตูบ้านโตนั้นจะถูกเปิดออกซะก่อนที่เขาจะพูดจบ
“จะรู้ไปทำไม เราไม่ใช่นายจ้างลูกจ้างกันสักหน่อย” ร่างสูงยังคงกวนไม่เลิก ก็แค่ลองใจนิดหน่อยสนุกดี ร่างสูงอมยิ้มและรีบหุบทันที เมื่อร่างบางขึงตาให้เขาอย่างไม่พอใจ
“เปล๊า!!” จองซูยักไหล่ตอบกลับเสียงสูง “ก็แค่จะจำเอาไว้บอก ร.ป.ภ. ว่าคราวหน้าก็ให้เข้ามาเลยไม่ต้องแลกบัตร” พูดจบก็เดินไปนั่งเก้าอี้ตัวโตและก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียงหัวเราะในใจของใครบางคนที่เป็นฝ่ายชนะ
“ฉัน....คิม ยองอุน ยินดีที่ได้ร่วมงานกับท่านประธานขอรับ...” ยองอุนแนะนำตัวเอง พร้อมกับโค้งตัวตามธรรมเนียมฝรั่ง
“ฉัน
ปาร์ค จองซู ยินดีจ่ายค่าเสื้อผ้าให้นายเป็นค่าตอบแทนที่จะคอยเป็นบอดี้การ์ดให้ชั้น” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยท่าทางกวนๆ ไม่แพ้กัน
“นายคงทราบรายละเอียดการจ้างครั้งนี้จากคุณซองมินเลขาของฉันแล้ว” และก็วางท่าออกคำสั่งในทันที
“อึม
.คุณจ้างผมมาเป็นบอดี้การ์ด ด้วยเหตุผลที่ว่าถูกแฟนใหม่ของแฟนเก่าขู่ฆ่า” ยองอุนตอบกลับอย่างไม่ลดลาวาศอก
“อึม....” รู้สึกว่าตั้งแต่คุยกับผู้ชายคนนี้ เขาจะเจ็บตัวตลอด
“นายต้องตามฉันไปทุกที อยู่กับฉันตลอดเวลา ไม่มีเวลาไปป้อสาวนะ หวังว่าคุณจะเข้าใจ” จองซูสั่งเสียงเข้มด้วยความหมั่นไส้จึงอดที่จะกระทบกระแทกให้เจ็บๆ คัน ๆ เป็นการแก้แค้นไม่ได้
“แน่นอน
.ตอนคุณอึ จะให้ไปนั่งเฝ้าด้วยังได้เลย” ยองอุนยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบอย่างไม่ยอมแพ้
อึ้ย!!! จองซูได้แต่กัดฟันแน่น เจ็บใจนัก แทนที่จะเป็นบอดี้การ์ด น่าจะไปเป็นมาเฟียคุมแม่ค้าปากตลาดมากกว่านะเนี่ย
“ไอ้บ้า”
“งั้นก็เริ่มเลยแล้วกัน เย็นนี้ฉันมีนัดลูกค้า ซึ่งนายต้องไปกับฉันด้วย โอ.เค.ไหม”
“ได้อยู่แล้ว” ยองอุนยักไหล่ตอบอย่างสบายๆ ก่อนจะไปแหมะก้นลงบนเก้าอี้รับแขกตัวยาว กอดอกมองหน้าเจ้านายคนใหม่โดยไม่ให้คลาดสายตา
“นี่!! นายไม่ต้องจ้องฉันขนาดนี้ก็ได้นะ” หลังจากถูกจ้องมองมานานกว่า 10 นาที ในที่สุดก็ทนไม่ได้จนต้องบอกออกมาเสียงเข้ม
“อ้าว ก็ไม่ให้คลาดสายตาไง” อีกฝ่ายก็ตอบกลับอย่างกวนได้ใจจริง ๆ
“อึ๊ย!!” เมื่อเถียงไม่ขึ้น เขาก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป จนกว่าจะถึงเวลานัด
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
การทำงานโดยมีผู้ชายตัวโต ออกจะเพี้ยนๆ นั่งอยู่ด้วยในที่ทำงาน แรก ๆ ก็รำคาญไม่น้อย แต่อยู่ ๆ ไปก็เริ่มชิน อย่างน้อยเขาก็ไม่เหงา เพราะมีคนคอยให้กัดคอยจิกทั้งวัน
“วันนี้มีงานเลี้ยงประจำปีบริษัท
.คุณซองมินบอกนายแล้วใช่ไหม
” จองซูเงยหน้าขึ้นมาถามร่างสูงที่นั่งอ่านนิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจอยู่อย่างขะมักเขม้น หรือบางทีก็เอาโน๊ตบุ๊คขึ้นมาทำงานอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่อยากรู้ แต่จองซูก็ไม่กล้าเข้าไปถามหรือดูใกล้ๆ เพราะเกรงว่าจะถูกต่อว่าให้เจ็บตัวเอาอีก
“อึม
” ตอบรับเสียงในลำคอ ในขณะที่มือยังเปิดหน้าต่อไป ไม่สนใจเงยหน้าขึ้นมองท่านประธานแม้แต่น้อย
“นายคงไม่คิดจะใส่ชุดนี้ไปหรอกนะ
” จองซูชักฉุน....หรี่ตามองคุณบอดี้การ์ดที่ยังคงแต่งตัวสไตล์เดิม เสื้อยืดมอซอ กางเกงยีนส์ขาด ๆ แจ็คเก็ตตัวเดิม ที่ใส่มาเป็นชาติไม่เห็นเปลี่ยนตัวใหม่เสียที สงสัยซื้อไว้เป็นโหล
“ถ้าใครเห็นเข้าจะว่าเอาได้ว่าฉันคบกับพวกนักเลงข้างถนน...” เมื่ออีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับปากตอบโต้เหมือนทุกที ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยเลยเหน็บแนมเข้าให้ นั่นล่ะ...ยองอุนจึงก้มมองเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่ แล้วก็ยักไหล่ให้หนึ่งทีเสมือนว่าที่จองซูพูดไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย และก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมือต่อไป
จองซูได้แต่ยืนมองคุณบอดี้การ์ดตาเขียวปั๊ด
..เออ
..ทีใครทีมัน จำไว้ ทำเป็นหูทวนลม อย่างให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วไป
ณ ห้องบอลลูมใหญ่ของโรงแรมระดับ 5 ดาวกลางกรุงโซล
“ไปไหนของเขานะ...เจ้าอ้วน ได้เวลาเข้าไปในงานงานแล้วด้วยซิ...” ร่างบางยืนชะเง้อคอมองหาบอดี้การ์ดมาดกวน ที่ขอไปทำธุระส่วนตัวร่วม 20 นาทีได้แล้ว
“นี่ถ้าเจ้าพวกนั้นบุกเข้ามาฆ่าฉันตอนนี้ล่ะก็ ...ฉันจะตามไปหักคอนาย...เจ้าอ้วน” จองซูบ่นพึมพำๆ อยู่คนเดียว ถ้าอีก 5 นาทีไม่มา ฉันจะไม่รอนายแล้ว.....
หลังจากนั้นประมาณ 4 นาทีครึ่ง ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทตัดกับผิวขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกจัดแต่งทรงอย่างเรียบร้อยไม่รุงรัง ดูแล้วสง่างามจนสาว ๆ พนักงานโรงแรมพากันมองเหลียวหลัง ก็ก้าวเข้ามายืนซ้อนหลังร่างบางด้วยรอยยิ้มเท่ห์ แต่ในความคิดของจองซู มันกลับเป็นรอยยิ้มที่กวนอารมณ์ที่สุด
“นี่...” ไหล่บางถูกสะกิดเบา ๆ จนทำเอาสะดุ้งสุดตัว และรีบกระโดดถอยห่างไปตั้งหลักในระยะ 2 เมตร
“นี่....นะ....นาย...”
“ทำไมไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง
จองซู” เป็นคำถามที่ทำเอาร่างบางต้องเบ้หน้า และเมินไปทางอื่นทันที ทำไมต้องใจเต้นแรงด้วยนะ ก็แค่คนกวน ๆ คนหนึ่ง...ชริ!! ไม่เห็นจะหล่อ...
“ใครใช้ให้นายเรียกฉันว่าจองซู....” เลยแก้เก้อด้วยการหาเรื่องซะเลย
“ไม่ให้เรียกจองซู งั้นเรียกว่า....เป็ด...อึม ใช่ละ คุณเป็ดน้อย โอ.เค๊..” ร่างสูงทำปลายเสียงสูงเพื่อขอความเห็นชอบ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคนถูกเรียกไม่ชอบ...
“ทำไมต้องเป็ด ห้ามเรียกเลยนะ..” ได้ผลทันตาเห็น คนที่ถูกเรียกเถียงกลับปากยื่น เรียกเสียงหัวเราะจากยองอุนได้เป็นอย่างนี้....ร่างสูงไม่ตอบว่าอะไร แค่แตะนิ้วที่ปากและยิ้มทะเล้นๆ เท่านั้น
“อึ้ย...ไอ้อ้วน....” คราวนี้ร่างสูงถึงกับหน้าตึงหุบยิ้มทันควัน เลยทำให้ร่างบางคลี่ยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะบ้าง และเดินนำเข้าไปในงาน โดยมีร่างสูงเดินตามมาข้างหลัง โอ้ยย ...สะใจ
“คนอะไรไม่ยอมรับความจริง..หมูอ้วน
” ทำเป็นบ่นพึมพำให้อีกคนได้ยิน
ยองอุนได้ยินประโยคนั้นเข้าให้เต็มสองหู เลยรีบก้าวยาว ๆ เข้าไปประกบด้านข้างโดยที่จองซูไม่ทันได้รู้ตัว
“ถ้านายไม่เรียกชื่อฉันว่ายองอุน......มีเรื่องแน่...” ยองอุนกระซิบเบาๆ ข้างหู พร้อมโอบเอวบางนั้นไว้ท่ามกลางแขกเหรื่อที่หันมามองผู้บริหารรุ่นใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาในงาน นั้นทำให้จังหวะการเดินของร่างบางถึงกับสะดุดและหันไปตวาดเบา ๆ
“ปล่อย...” ร่างบางกัดฟันบอกร่างสูงที่เดินฉีกยิ้มเคียงข้างเขา ให้พอได้ยินสองคน
“ไม่...จนกว่านายจะเรียกฉันว่ายองอุน...” ร่างสูงกระซิบตอบอย่างสนิทสนม หากมองในมุมข้างก็จะดูเหมือนร่างสูงที่โอบเอวบางนั้นไว้กำลังหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างน่ารัก
จองซูเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ นี่ฉันเป็นนายจ้างนายนะ ปากบางกำลังจะบอกถึงสถานภาพของคนที่ยืนกระหยิ่มยิ้มย่องให้เข้าใจ
“จองซู
” เสียงอันคุ้นเคยทำให้จองซูรีบหันไปหา และก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังแหวกฝูงชนตรงมาหาตัวเอง
“ชีวอน
.กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นึกว่านายจะไม่มางานนี้ซะแล้ว” จองซูทักทายด้วยรอยยิ้มใส ส่งผลให้คนข้างตัวหน้าบึ้งขึ้นมาทันที
“กลับมาเมื่อเย็นนี่เอง เก็บของเสร็จก็รีบมาเลย...” ชีวอนตอบหากแต่สายตากลับมองไปที่ร่างสูงซึ่งยืนเตะเท้าไปมาอยู่ด้านหลังเพื่อนรัก
ชีวอน หรือชเว ชีวอน ประธานบริษัทชอยกรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คุณภาพเยี่ยม ชีวอนสนิทสนมกับจองซูเป็นอย่างมากจนดูเหมือนเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันเลยทีเดียว เนื่องจากชีวอนเป็นลูกชายคนเดียวของเพื่อนรักของพ่อจองซู จึงคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ นี่ก็เพิ่งกลับจากอเมริกาเพราะไปติดต่อขยายตลาดส่งออก และจองซูก็รู้ว่าชีวอนคงจะแวะไปทำธุระส่วนตัวกับคนรู้ใจที่นั้นด้วยแน่ ๆ
“เป็นไงบ้าง
ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ...” ชีวอนถามด้วยความเป็นห่วง ตัวก็เล็กแค่นี้อายุก็ยังน้อยต้องมารับผิดชอบบริษัทใหญ่ขนาดนี้เพียงลำพัง ถึงจะอายุเท่าเขา แต่เขาก็ยังมีพ่อและแม่คอยให้คำปรึกษาไม่เหมือนจองซูที่ไม่เหลือใครให้คอยปรึกษาได้เลย
“เออ....คงเป็นเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนมั้ง
” จองซูเลือกที่จะไม่บอกเรื่องฆาตกรรมให้ชีวอนฟัง แม้จะรู้ว่าไว้ใจเชื่อใจได้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากให้คนที่ใกล้ชิดพลอยเดือดร้อนไปด้วย ...
“อย่าหักโหมนักนะจองซู...ถ้านายเป็นอะไรไปบริษัทก็แย่เหมือนกัน” มือหนายกขึ้นวางลงบนกลุ่มผมนิ่มด้วยความห่วงใย
“รู้แล้วละน๊า
” จองซูยิ้มรับตาปิด ลืมคนข้างหลังที่เฝ้ามองด้วยใบหน้าบูดบึ้งไปเลย “แล้วนายละเป็นไงบ้าง โอ.เค.ไหม” ด้วยรู้สึกสาเหตุรองของการเดินทางไปอเมริกาของเพื่อนชี้ จองซูจึงแซวเล็ก ๆ ให้ชีวอนได้เขินเล่น
“อึม...โอ.เค. ชีวอนซะอย่าง” ตอบอย่างภูมิใจในความสามารถของตัวเอง ทั้งที่ก็รู้ว่าจองซูนั้นรู้ถึงกิตติศัพท์ความหึงร้ายของคนรักเขาขนาดไหน
“อ๋อ เหรอ...” จองซูหัวเราะขำกับท่าทางของชีวอน แต่ก็ยอมทำเป็นเชื่อ เรียกเสียงหัวเราะไปพร้อม ๆ กัน และนั้นทำให้ร่างสูงที่ยืนคุมกันอยู่ด้านหลังเกิดอาการทนไม่ได้ขึ้นมา
“หมอนี่คงเป็นแฟนใหม่ละสิ....โธ่!! ที่แท้ก็นัดแฟนมาด้วย มีบอดี้การ์ดอยู่ทั้งคน แล้วจะจ้างเรามาทำไมว่ะ” หงุดหงิดไม่สบอารมณ์ นั้นคือความรู้สึกของยองอุนในเวลานี้ ยิ่งเห็นท่าทางหัวเราะต่อกระซิกของทั้งสองคนแล้ว ยิ่งทำให้ยองอุนไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว จนในที่สุดเขาก็ต้องเดินไปที่อื่น
“จองซู.....ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมเขาจ้องนายจัง” ชีวอนถามด้วยความสงสัยหลังจากสังเกตอยู่นาน ว่ามีชายแปลกหน้า ซึ่งเขาไม่รู้จักคอยเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่รอบ ๆ ตัวระหว่างที่เขากำลังคุยกับจองซู
“เออ
คือ
.เออ
.” จองซูได้แต่อ้ำอึ้ง สรรหาข้ออ้างที่คิดว่าคนฉลาดอย่างชีวอนต้องเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข
“เป็นบอดี้การ์ดของฉันเอง.” จองซูตอบไม่เต็มเสียงนัก
“บอดี้การ์ด!!! นายต้องมีบอดี้การ์ดด้วยเหรอ...” ชีวอนถามด้วยความแปลกใจ มันมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงที่เขาไม่อยู่หรือไง ทำไมถึงกับต้องจ้างคนมาคอยคุ้มครองแบบนี้
“มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่นะจองซู” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่หลบสายตา ชีวอนจึงถามออกมาอย่างที่ใจคิด
“ปะ...ป่าว ไม่มีอะไรหรอก” จองซูยังคงตั้งลำปฏิเสธเสียงแข็ง
“ปาร์ค จองซู” ชีวอนเรียกชื่อเต็มของอีกฝ่ายช้า ๆ ชัด ๆ ซึ่งแน่นอน จองซูรู้ดีว่า เมื่อใดที่ชเว ชีวอนเรียกชื่อเขาเต็มๆ แบบนี้นั้นคือต้องทำทุกอย่างอย่างที่ชีวอนต้องการอย่างไม่มีข้อแม้
“คือแฟนใหม่ของยุนอาเขา ขู่ฆ่าชั้น” จองซูตอบไปแล้วก็รีบหลบตา เพราะกลัวตัวเองจะไม่เนียนพอให้ชีวอนเชื่อ “แล้วซองมินก็เลยติดต่อจ้างบอดี้การ์มาให้นะ” เป็นข้ออ้างที่ฟังดูไม่ขึ้นเลยสักนิด
“แฟนใหม่ของยุนอาเนี่ยอะนะ...ใครกัน” ชีวอนยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ เพราะยุนอานั้นเลิกกับจองซูไปตั้งนานแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรต้องโกรธกันจนถึงขนาดขู่ฆ่าเลยสักนิด
“แต่ดูท่าทางบอดี้การ์ดนายจะเสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะ..ดูซิ...” ชีวอนหันไปมองยองอุนที่ส่งยิ้มหวานให้กับสาว ๆ ที่ผลัดกันเข้ามาคุยด้วยไม่ขาดสาย
“หมอนั่นน่ะเหรอ ดีแต่กวนไปวัน ๆ ไม่เห็นน่าสนใจตรงไหน..” จองซูหันไปขว้างค้อนใส่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ถูกนินทาอยู่อย่างหมั่นไส้ ชีวอนมองท่าทางพูดถึงบอดกี้การ์ดส่วนตัวของจองซูแล้วก็อดคิดถึงใครบางคนที่ยังทำเรื่องจบการศึกษาอยู่ที่อเมริกาไม่ได้ ท่าทางที่ชีวอนเรียกมันว่าหึง...
“งานจะเลิกแล้ว
ฉันไปส่งไหม...” ชีวอนหันมาถามจองซูที่ตอนนี้ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“ไม่เป็นไร
.นายพึ่งจะกลับมายังไม่หายเหนื่อยเลย กลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันกลับเองได้” จองซูยิ้มตอบฝืด ๆ
“นายก็เหมือนกัน รีบกลับไปนอนซะ ดูสิยิ่งอยู่ยิ่งผอม ไม่น่ากอดเลย” ชีวอนแซวเล่นๆ แต่ดูเหมือนจองซูจะอารมณ์เสียเกินกว่าจะหัวเราะ นั้นยิ่งทำให้ชีวอนมั่นใจว่า เพื่อนของเขากำลังเกิดความรู้สึกพิเศษกับบอดี้การ์ดส่วนตัวเข้าให้แล้ว
“ฉันไปล่ะ
ดูแลตัวเองดี ๆ นะ” ชีวอนตบบ่าเล็กนั้นเบาๆ และมองไปยังจุดหมายเดียวกับร่างบางที่ยืนกัดริมฝีปากนิ่ง
หึหึ...จองซูเอ้ย!!!
“บาย บาย” จองซูโบกมือให้ร่างสูงที่เดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหงาหัวใจชอบกล และพอหันกลับมาอีกทีร่างสูงที่มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังก็หายไปไหนไม่รู้
“เอ๊ะ!! ไปไหนของเขาอีกล่ะ ชอบหายตัวอยู่เรื่อย เดี๋ยวก็ตัดเงินเดือนซะเลย” จองซูมองหาพ่อบอดี้การ์ดเจ้าเสน่ห์ไปทั่วงานก็ยังไม่เจอ
“มองหาฉันอยู่หรือไง
.” เสียงกวนประสาทดังข้ามไหล่เข้ามาจากทางด้านหลัง
“เฮ้ย!! เล่นอะไรบ้า ๆ “ จองซูสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ ใบหน้านวลซีดเผือดขึ้นมาทันตาเห็น
“อะไรกัน..แค่นี้ถึงกับหน้าซีด
ขวัญอ่อนเกินไปหรือเปล่า” ยองอุนถามอย่างหมั่นไส้กับอาการกลัวจนเว่อร์ของจองซู
“เรื่องของฉัน
..” จองซูสะบัดเสียงตอบและเดินนำออกไปโดยไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่ายแต่อย่างใด
TBC
ปล. หากมีคำผิดต้องขออภัยไว้นะที่นี่ด้วยนะคะ ^^ (ยอมรับตามตรงอ่านทวนไปรอบเดียวเอง)
TBC
ปล. หากมีคำผิดต้องขออภัยไว้นะที่นี่ด้วยนะคะ ^^ (ยอมรับตามตรงอ่านทวนไปรอบเดียวเอง)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น