ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวานรักพยัคฆ์ร้าย..Re-Up

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6...100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.16K
      18
      7 มี.ค. 62

     


     

     

    ไกรสอนนั่งรอโมรีอยู่หน้าบ้าน ในมือมีข้าวเช้าที่กำลังจะเป็นข้าวเที่ยงเพราะตอนที่นายสั่งให้ตามหาแขกนั้นเขายังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน เขารีบกินเร็วๆ เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็เกลี้ยงจาน โมรีเดินลงมาจากบ้านพอดี อาหารกลางวันของพ่อเลี้ยงอยู่ในปิ่นโตส่วนแฟ้มงานถูกหอบไว้อีกมือ

    “ยัยคุณลูกจันทร์นี่เป็นใครหรือลุงสอน ดูพ่อเลี้ยงเป็นห่วงเป็นใยเหลือเกิน นี่ยังต้องตามไปเฝ้า จริงๆ แล้วให้ลุงหรือคนงานเฝ้าไว้ก็ได้นี่นา” โมรีว่าจะไม่ถาม แต่มันสงสัยจนทนไม่ไหวแล้ว

    “ไม่รู้สิ”

    “แล้วยัยคุณลูกจันทร์จะมาอยู่ที่นี่นานไหมรู้ไหมลุงสอน” โมรียังถามต่อไม่ได้รู้ตัวเลยว่าไกรสอนมองมาสายตาปรามๆ จนกระทั่งเขาพูดขึ้นมา

     “เรื่องบางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องรู้เพราะมันเป็นเรื่องของเจ้านาย อาหารกลางวันเสร็จแล้วก็ส่งมา ฉันจะได้รีบเอาไปให้นาย ตอนบ่ายจะไปแปลงต้นสักเสียหน่อย” ไกรสอนไม่ใช่คนชอบยุ่มย่ามเรื่องของนาย เท่าที่ผ่านมาเขาพอจะดูออกว่าโมรีคิดยังไง แต่ถ้าดูล้นมากไปก็สมควรเตือนเสียบ้าง

    “ถ้าลุงสอนยุ่งๆ อยู่ ฉันเอาไปให้พ่อเลี้ยงเองก็ได้นะ”

    “อย่าเลย เอ็งเฝ้าบ้านให้พ่อเลี้ยงน่ะดีแล้ว”

    ไกรสอนรับของทั้งหมดมาถือไว้ ไม่เข้าใจว่าพูดขนาดนี้แล้วโมรีไม่เข้าใจบ้างหรือ เขาติดเครื่องมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ไปหานาย โมรีเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าปกติ แต่มือกำแน่นคิดว่าเธอไม่รู้หรือว่าที่ลุงสอนพูดหมายถึงอะไร ไม่มีใครเข้าใจพ่อเลี้ยงเหมือนกับที่เธอเข้าใจหรอก แค่ปีย์วราคนเดียวเธอก็รำคาญจะแย่ ยัยลูกจันทร์นี่เป็นใครกันแน่ พ่อเลี้ยงพามาที่นี่ทำไม

     

    ไกรสอนเอาปิ่นโตกับแฟ้มงานมาให้นายเสร็จแล้วจึงไปทำงานต่อ ธีมานั่งห้อยขาทำงานสบายอารมณ์อยู่ที่กระบะท้ายรถเสมือนไม่เห็นว่ามีนักร้องชื่อดังห้อยต่องแต่งอยู่ใกล้ๆ กระเป๋าเดินทางของยัยตัวแสบถูกหิ้วมาไว้บนรถตั้งนานแล้ว แต่คนช่างแกล้งยังแกล้งต่อ ป้าศรีนี่รู้ใจจริงๆ เอาน้ำใส่กระติกมาให้เสียด้วย ดาวิกามองเขากินน้ำในกระติกที่มีน้ำแข็งเย็นเจี๊ยบแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก คนอะไรไม่มีน้ำใจเลย

    ธีมายังคงทำเป็นไม่สนใจต่อไป ดาวิกาหนีมาตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้เกือบ 11 โมงเข้าไปแล้วคงทั้งหิว กระหายและเพลีย อยากหนีก็ต้องได้รับบทเรียนบ้าง ไม่อย่างนั้นจะเคยตัว แล้วนี่ใครโทรมา อ้อ พี่ปาย เขาถอนใจพรืดจะบอกยังดีล่ะนี่ ขืนบอกว่าเขาทำอะไรอยู่ คุณพลิศได้บึ่งรถมาพาลูกสาวกลับบ้าน แล้วใครล่ะเดือดร้อน แน่นอนไม่ใช่เขาหรอก พี่ปายนั่นแหละ

              “ใครโทรมา พ่อหรือเปล่า” ดาวิกาตะโกนถาม

              ธีมาส่ายหน้ายิ้มกวนๆ ให้ดาวิกาพลางเดินห่างออกไปป้องกันเสียงแปดหลอดทะลวงเข้าไปในโทรศัพท์ พอเขากดรับสายไปรยาก็บอกข่าวร้ายว่าคลิปของดาวิกาได้ถูกปล่อยออกสู่โซเชียลแล้ว พลิศกำลังหาทางระงับการเผยแพร่แต่คงยาก ธีมาถอนใจเริ่มเข้าใจว่าทำไมต้องพาตัวดาวิกามาถึงที่นี่ ตอนนี้ระเบิดเวลาลูกใหญ่ได้ทำงานแล้ว

    “คุณลูกจันทร์เป็นยังไงบ้างเสือ”

    “ตอนนี้น่ะเหรอ ลูกเลี้ยงของพี่ปายสบายดี ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมไม่ได้ใจร้ายสักหน่อย รับรองกลับไปครบ 32 แน่ๆ” ธีมามั่นใจว่าไม่ได้โกหก สภาพโดยรวมของดาวิกายังปลอดภัยดีจริงๆ ถ้าหัวแตก ขาหักก็ว่าไปอย่าง ทำตัวเองทั้งนั้น

    “จะมากไปแล้วนะ อย่างนี้ที่ฉันอยู่เรียกว่าสบายงั้นเหรอ” ถึงธีมาจะเดินไปไกล แต่ดาวิกายังได้ยินนะ

    ธีมารีบปิดช่องรับเสียงแล้วเดินไปไกลกว่าเดิมรีบคุยกับไปรยาให้เสร็จจะได้วางสาย เรื่องส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นยัยตัวแสบนั่นแหละ ไม่รู้จะเป็นห่วงอะไรนักหนา เฮ้อ

    “ปล่อยฉันลงไปเดี๋ยวนี้นะ คอยดูฉันจะฟ้องพ่อ”

    ธีมาเดินกลับมากอดอกมองพลางส่ายหน้า คิดว่าเขากลัวหรือยังไงยัยตัวแสบ ที่นี่เขาใหญ่สุด แล้วอีกวันสองวันโน่นแหละกว่าพ่อของเขาจะมาที่ปางไม้ เพราะฉะนั้นรอดยาก

    “ถ้าอยากลงมาก็รีบๆ พูดขอร้องดีๆ สิ ถ้าพูดนะ ฉันสัญญาว่านอกจากจะพาเธอลงมาแล้วยังแถมอาหารกลางวันให้ด้วย ว่าไงสนใจไหม สนใจก็ทำตามที่ฉันสั่ง อ้อ ห้ามพูดส่งๆ แต่แอบด่าด้วยล่ะเพราะฉันรู้ทันเธอแน่นอน”

    ฟังแล้วอยากกรี๊ดลั่นถ้าดาวิกาไม่คอแห้งจนแสบไปหมดแล้วในตอนนี้ คอยดูนะ...คอยดู 

    “นายมันป่าเถื่อน ฉันคิดไม่ผิดใช่ไหมล่ะ นายร่วมมือกับยัยไปรยาจริงๆ ใช่ไหม”

    คนถูกกล่าวหาขมวดคิ้วใส่เท้าเอวมอง เขาคิดถูกแล้วที่ไม่ใจอ่อนง่ายๆ

    “นอกจากนิสัยเสียแล้วยังคิดอกุศลอีก สวนทางกับหน้าตาสะสวยของเธอจริงๆ  เอาไงล่ะจะพูดหรือไม่พูด ให้นั่งทำงานอยู่ตรงนี้ทั้งวันฉันสบายอยู่แล้ว แต่เธอน่ะจนป่านนี้ยังไม่ได้กินข้าว น้ำก็ยังไม่ได้จิบสักหยด เป็นลมขึ้นมาล่ะก็ ฉันจะทำแกล้งลืม นอนค้างในป่าอีกสักคืนเอาไหม” ธีมาพูดจริงไม่ได้พูดเล่น

    “ไม่ได้นะ!” ดาวิการ้องเสียงหลง แค่ที่แอบหนีออกมาตอนดึกมากๆ ก็กลัวแทบแย่ ถ้าต้องอยู่ในป่านี้อีกคืนเธอทนไม่ได้หรอก มาถึงตอนนี้ให้ทำอะไรคงต้องยอมๆ ไปก่อนล่ะ

    ดาวิกาถอนใจร้องเฮ้อ นี่เธอต้องพูดจริงๆ น่ะหรือ

    “ช่วยพาฉันลงไปด้วยค่ะ”

    สีหน้าของธีมาเฉยเมยทั้งที่ขำจะแย่ ใครสั่งใครสอน(วะ) พูดอย่างนี้ใครเชื่อว่าขอร้องจริงใจจะแย่ก็บ้าแล้ว

    “นี่หรือขอร้อง ฟังยังไงก็เหมือนกำลังสั่ง ให้โอกาสอีกครั้งเดียว ถ้ายังเหมือนเดิมก็อยู่ตรงนั้นไป คืนนี้ฉันนึกออกเมื่อไหร่จะมาพากลับ”

    ดาวิกายกมือห้าม รีบรวมรวมมารยาที่พอจะมีอยู่บ้าง อดไม่ได้ก็หันหน้าไปแอบอ้วกทีหนึ่ง เกิดมาไม่เคยเจอะเคยเจอ ไม่รู้อีตาเสือจะรู้ทันไปไหน ฟังผ่านๆ หูไปก่อนไม่ได้หรือไงนะ เธอหันหน้ากลับมาทำหน้าซึมๆ แล้วพูดเสียงหวานๆ ทั้งที่อยากตะคอกใส่

    “พะ...พี่เสือ ช่วยพาลูกจันทร์ลงไปด้วยค่ะ...นะคะ”

    ธีมาขมวดคิ้วทำหน้าคิดหนัก ทั้งที่ไม่ได้คิดอะไรหรอก เก๊กหน้าตายไปงั้นแหละ อยากปล่อยก๊ากจะแย่ แล้วดูคนทำหน้าซึมชักไม่ซึมกลับทำหน้าบึ้งใส่

    “โอเค แต่มีเงื่อนไข” ธีมาเอ่ย ลงโทษมากไปเดี๋ยวลูกเค้าเป็นอะไรขึ้นมาแล้วเขาจะหาที่ไหนมาใช้คืน  “สัญญามาสิว่าจะไม่หนีอีก เจอเรื่องแค่นี้ยังต้องหนี ต่อไปเจอปัญหามากกว่านี้ไม่ฆ่าตัวตายหนีปัญหาเลยเรอะ”

    “ค่ะ จะไม่หนี” ...ตอนนี้ ดาวิกาคิดต่อในใจแอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง

    ธีมาเดินไปยังเชือกอีกเส้นที่ผูกก้อนหินไว้แล้วตัด ก้อนหินหล่นตุ้บลงมา ทันใด ดาวิการู้สึกเหมือนวูบลงมาจะกระแทกพื้น แต่ไม่กระแทกพื้นแฮะเพราะมันค้างเติ่งห่างพื้นอยู่เกือบศอก พอมองถึงเห็นเชือกที่โยงกับดักถูกมัดไว้กับต้นไม้ ตาข่ายหนาๆ ถูกมีดตัด หญิงสาวรีบเปิดช่องให้กว้างแล้วก้าวออกมาด้วยความโล่งใจสุดๆ

    แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรดาวิกาก็รีบวิ่งเข้าป่าหลบหลังต้นไม้ใหญ่ ธีมาปล่อยก๊ากลั่น เมื่อรู้คำตอบแล้วว่าเธอยอมพูดเสียงหวานจ๋อยเพราะอยากเข้าห้องน้ำนี่เอง เขาก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย

    ดาวิกาเดินกลับมาพลางก้มหน้ารู้สึกอายระคนเขินจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ธีมามองมาไม่พูดอะไรพลางส่งกระติกน้ำให้ เธอจับหลอดมายัดใส่ปากแล้วดูดน้ำเย็นๆ อย่างกระหาย

    “ค่อยๆ กินก็ได้ เดี๋ยวสำลักหรอก”

    ยังไม่ทันขาดคำเสียงไอโขลกๆ ดังขึ้น เดือดร้อนคนเพิ่งเตือนหยกๆ ต้องมาลูบหลังให้ แต่กลับได้สายตาขวางๆ แทนคำขอบใจ เออเว้ย ทำอะไรก็ผิด

    “เอ้า! นี่ข้าวกินซะ หิวจนตาลอยแล้วเธอน่ะ”

    “ใครล่ะที่ไม่ยอมช่วยฉันลงมา” ดาวิกากัดฟันพูดยอมเสียฟอร์มด้วยความหิว

    ธีมานั่งมองคนหิวโซเฉยๆ อ้อไม่เฉยเสียทีเดียวเพราะต้องคอยรินน้ำให้ อย่าหวังเชียวว่าจะได้รับคำขอบคุณ แม่เจ้าประคุณกินเอากินเอา ไม่ถามสักคำว่าเขาน่ะหิวบ้างหรือเปล่า เดือดร้อนตามหาเธอมาตั้งแต่เช้า ชักหิวเหมือนกันแฮะ

    “อิ่มหรือยัง” ฮึๆ มองจากข้าวที่หมดเกลี้ยง แล้วยังกับข้าวอีกสองอย่างในปิ่นโตที่น้ำซุปแทบหมด ถ้ามีหลอดคงดูดไม่เหลือก็พอรู้

    “อิ่มแล้ว ถามทำไม”

    “จะได้พากลับบ้านนะสิ หรืออยากอยู่ที่นี่คืนนี้จะได้ไม่ขัดศรัทธา” อย่างหลังน่ะแค่ขู่ ขืนปล่อยดาวิกามาอยู่ที่นี่เขาคงต้องตามมาเฝ้าอยู่ดี ยุ่งยากเปล่าๆ

    ดาวิกาไม่ตอบแต่เดินหน้าเชิดๆ ได้เหมือนเดิมไปที่ประตูรถฝั่งข้างคนขับ แถมยังเลิกคิ้วใส่เขานั่งที่ยังมองเฉยๆ ไม่ได้เดินตามไป พอหิวก็มีแรงขึ้นมาเชียวนะ

    “ปลดล็อคสินาย ฉันเหนียวตัวจะแย่อยู่แล้วนะ”

    ธีมาปิดกระบะรถแล้วปลดล็อคเดินมาเปิดประตูรถ ดาวิกาขึ้นมานั่งเหยียดขาท่าทางหมดแรง

    “ขาเป็นอะไร” ที่ถามนี่ไม่ใช่ว่าห่วงเพราะแค่นี้น่ะไม่ตายหรอก เห็นเดินกะเผลกๆ แถมข้อเท้ายังบวมเป่ง ก็สมควรอยู่หรอกใครใช้ให้ใส่ส้นสูงมาเดินป่า ถึงจะเป็นป่าที่ปลูกเอาไว้ตัดขายไม่รกอะไรก็เถอะ

    “เจ็บ ไม่ต้องมาสงสาร ฉันทำตัวเอง”

    “ก็ใครว่าสงสาร ทำตัวเอง เจ็บเอง จะมาสงสารทำไม ขนาดตัวเองยังไม่รักตัวเองเลย แล้วจะรอให้คนอื่นมารักมาสงสารได้ยังไง จริงไหม”

    ดาวิกาหันมาค้อนใส่ ธีมายักคิ้วกวนๆ ให้แล้วขับรถกลับบ้าน ขนาดยังไม่ครบวันยัยตัวแสบยังก่อเรื่องได้ป่วนไปทั้งปางไม้ คิดไม่ออกจริงๆ ว่าหากครบเดือนตามที่พลิศบอกไว้ เขาและยัยนี่จะเป็นยังไง ดูแลเด็กต้องใจเย็น แต่ถามหน่อยเถอะอย่างดาวิกาเรียกว่าเด็กได้จริงๆ เหรอ

     


    มาต่อค่ะ...


     15 นาทีต่อมา รถกระบะคันใหญ่ที่ธีมาขับกำลังจอดตรงบันไดขึ้นบ้าน แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่บ้านอยู่บนเนิน ดาวิกากัดฟันทนเดินลงจากรถทั้งที่อยากถอดรองเท้าแล้วเดินเท้าเปล่าใจจะขาด แต่เพราะคนที่เดินตามมาเป็นนายเสือ ต่อให้ต้องคลานเธอก็ไม่ยอมขายหน้าต่อหน้าเขาอีกเด็ดขาด

    “เดินไหวมั้ยล่ะนั่นน่ะ” ธีมาถามไม่ได้ตั้งใจกวน อยากรู้จริงๆ

    ดาวิกาหันมามองไม่แน่ใจว่านายเสือคิดอะไรอยู่กันแน่ คนใจร้ายแบบนี้คงไม่ได้ห่วงเธอหรอกมั้ง

    “ไหว ยังไงก็ต้องไหว”

    “มา! จะอุ้มขึ้นไป” เขาพูดออกไปทั้งที่สงสัยว่าตัวเองใจดีขนาดนี้ได้ยังไง

    “ไม่ ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร นายก็หัวเราะฉันอยู่เหมือนกับคนอื่นนั่นแหละ”

    อ้าว! ยัยตัวแสบนี่พอทำดีเข้าหน่อยก็ออกฤทธิ์ขึ้นมาอีกแล้ว ธีมาถอนใจพรืดจากสงสารหน่อยๆ กลายเป็นหมั่นไส้ พวกครอบครัวสมาชิกไม่ครบมีปมด้อยอย่างยัยลูกจันทร์ทุกคนหรือเปล่า ธีมาส่ายหน้า ไม่ละมั้ง อย่างน้อยเขากับน้องสาวก็ปกติดีนี่หว่า

    “ถ้างั้นเดินตามมาเร็วๆ อย่าพลัดตกบันไดไปเสียล่ะ บอกไว้เลยว่าคนอย่างฉันถ้าไม่สนใจหางตาก็ไม่แล แล้วไม่มีเวลามานั่งหัวเราะเยาะใครหรอก เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า” อย่างมากที่เขายอมพาเธอมาที่นี่ก็เพราะตามใจพ่อที่บอกเขาซ้ำ ๆว่าเด็กมันเจ็บหนักมาจะซ้ำเติมก็เกินไป “ไงล่ะ คำตอบแบบนี้พอใจแล้วหรือยัง”

    ยิ่งกว่าพอใจเพราะจากท่าทางที่เดินช้าเป็นเต่ากลับเร็วขึ้น ถ้าวิ่งได้ถนัดดาวิกาคงวิ่งไปแล้ว เยี่ยม! ทีนี้คงไม่ต้องพูดอะไรกันมากเพราะการญาติดีเปลี่ยนเป็นศัตรูกันไปแล้ว เขาปากเสียหรือยัยตัวแสบไม่ได้แสบสมกับที่แสดงแสนยานุภาพมาก่อนหน้านี้หว่า

    โมรีเพิ่งเดินออกมาจากหลังบ้านเพราะไปดูนังชวนชมกับลูกๆ มาเลยเห็นแขกของนายเดินหน้าเชิดผ่านเธอเข้าพอดี ไม่ได้มีอาการอยากใกล้ชิดพ่อเลี้ยงของเธอเลยสักนิด แสดงว่าเธอคิดมากไปเองสินะ แม่บ้านสาวยิ้มร่าให้ธีมา เมื่อความกังวลใจหายสิ้นแล้ว

    “เอาข้าวมาให้จานนึงสิโมรี กำลังหิวเลย” ธีมาสั่ง หน้าตาบึ้งตึงเหมือนมีเรื่องไม่ชอบใจ

              “อ้าว แล้ว...”

    “สั่งอะไรก็ไปทำเถอะน่า” ธีมาสั่งซ้ำ พอเห็นยัยตัวแสบยังยืนเฉยเหมือนคิดอะไรอยู่ก็เลยถูกสั่งไปด้วยอีกคน“ส่วนเธอก็เข้าห้องไปอาบน้ำ อีกเดี๋ยวโมรีจะเอายาไปให้”

    ดาวิกาหันมาเบ้ปากใส่ เธอไม่ได้ยืนรอให้เขาสั่งเสียหน่อย แค่เหนื่อยเลยยืนพัก โมรีชักแปลกใจ ถ้าพ่อเลี้ยงไม่เรียกยัยลูกจันทร์กินข้าวด้วยกัน แสดงว่าอิ่มแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นที่พ่อเลี้ยงกลับมาแล้วบ่นหิวย่อมแสดงว่าเอาอาหารไปให้ยัยลูกจันทร์กินล่ะสิท่า ถ้าอย่างนั้นเธอคงยังวางใจไม่ได้สินะ

     

    ดาวิกาอาบน้ำสระผมเสร็จแล้ว กำลังใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผม เธอได้ยินเสียงเคาะประตูแล้ว แต่ยังนั่งเฉยๆ รอฟังจนกระทั่งได้ยินเสียงแม่บ้านถึงได้เดินขากะเผลกไปเปิดให้แล้วกลับมานั่งที่เตียง โมรีเห็นแขกมองเธออย่างสงสัย แม่บ้านสาวชูกระเป๋ายาให้เห็นแล้วนั่งลงกับพื้น ดูเหมือนพี่สาวใจดีไม่ใช่ผีดิบเดินได้อย่างเมื่อวาน

    “พ่อเลี้ยงสั่งให้ฉันมาดูแลคุณค่ะ”

    “ขอบใจนะ” ดาวิกายิ้มให้โมรี

    โมรียิ้มหวานใส่ ถ้าไม่อยากเสียพ่อเลี้ยงไปเธอต้องใจเย็นกว่าที่ผ่านมา ระหว่างลูกจันทร์กับปีย์วรา มองยังไงปีย์วราก็เหนือกว่า ส่วนยัยเด็กนี่อย่าพึ่งประมาทไว้ก่อน 

    “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแค่นี้เอง เวลาพ่อเลี้ยงไม่สบายก็เรียกหาฉันเสมอ คุณเป็นแขกของพ่อเลี้ยง ฉันต้องมาดูแลอยู่แล้ว ทีหลังอยากออกไปเที่ยวเล่นก็บอกฉันสิคะ ทำแบบนี้พากันตกใจกันไปหมดค่ะ”

    ดาวิกาพยักหน้าทำเหมือนไม่รู้ทันอะไร คิดหรือว่าเธอมองแม่บ้านจอมแอ๊บไม่ออก วันนี้อะไรสิงเข้าล่ะถึงได้มาทำดีใส่ แค่เมื่อวานเธอก็พอดูออกแล้ว อยากนวดข้อเท้าให้ก็ตามใจ ดีเสียอีกไม่ต้องทนปวด โมรีมือเบาและนวดได้เพลินจนคนเพลียชักเคลิ้มเปิดปากหาว

    “ขอบคุณมากค่ะ ฉันอยากจะนอนพักแล้ว คุณคงไม่คิดว่าฉันไม่มีมารยาทหรอกนะคะ” ดาวิกาบอกตามตรงไม่ได้แอ๊บตามยัยแม่บ้านหรอก

    โมรีหยุดมือแล้วช่วยเลิกผ้าห่มให้ ดาวิกานอนลงเพราะตาใกล้ปิดเต็มที ผ้าม่านถูกดึงปิดให้ อากาศกำลังเย็นสบายเลยไม่ต้องเปิดแอร์ เธอโบกมือให้แม่บ้านสาวแล้วแกล้งหลับตาลงจริงๆ ก็ง่วงจนฝืนไม่ไหวนั่นแหละ โมรีเก็บยาแล้วเดินไปที่ประตู แต่ไม่วายหันมาจ้องคนบนเตียงอย่างหมั่นไส้ก่อนเดินออกจากห้องไป

    คนทำเป็นหลับเปิดตามองไปรอบห้องถอนใจพรืด คิดหรือว่าเธอไม่เห็น เซ้นส์ของเธอไม่พลาดจริงๆ เสียด้วย เจ้านาย แม่บ้าน ร้ายพอกัน เธอจะมีชีวิตรอดกลับบ้านไหมเนี่ย เฮ้อ! หลับดีกว่า

     

    ฟ้ายังมืด แต่ดาวิกากลับตื่นนอนแล้ว ซึ่งไม่ใช่เพราะหลับเต็มอิ่มเท่าที่ร่างกายต้องการ แต่เพราะเสียงเหมือนคนมารวมกันเยอะๆ แล้วคุยกันเสียงดังจนหลับต่อไปไม่ได้ต่างหาก พอควานหาโทรศัพท์หัวเตียงดาวิกาจึงนึกขึ้นได้ว่าเธอเก็บโทรศัพท์ไว้ที่กระเป๋าเดินทาง แต่พอค้นที่กระเป๋ากลับหาไม่เจอ หรือว่าจะหายในป่า เอาไว้ก่อน ตอนนี้เธออยากรู้ว่าใครมาคุยอะไรกันตอนนี้ หนวกหูชะมัด

    ดาวิกาเหวี่ยงขาลงจากเตียงทั้งที่งัวเงียไปที่หน้าต่าง จึงเห็นคนงานเกือบ 20 คนมารวมกันอยู่ที่ลานด้านล่าง ที่กลางวงมีชายคนหนึ่งนอนพังพาบหมดแรงเหมือนโดนทำร้าย นายเสืออยู่ที่นั่น โมรีก็เช่นกัน ในมือของเขาถือปืนไว้แล้วเล็งมาที่ชายคนนั้น เธอยังไม่ทันได้คิดอะไร ฉับพลันนั้นเสียงปืนในมือของเขาก็ดังขึ้น

    “ปัง!

    “นายเสือฆ่าคน!” ดาวิกาปิดปากพูดเสียงอู้อี้ก้าวถอยหลังไปจนสะดุดเตียงล้มลง

    ทำยังไงดี!

    ถ้าทำเป็นเหมือนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจะดีไหม แต่ว่าเธอรู้แล้วนี่ว่านายเสือทำอะไรลงไป แล้วถ้าไม่ลงไปช่วย ผู้ชายคนนั้นอาจจะตายไปจริงๆ ก็ได้ ทำอย่างนี้เรียกว่ายุ่งหรือเปล่า ดาวิกาส่ายหน้า ถ้าเธอไม่ช่วยสิถึงสมควรตำหนิตัวเองได้ว่าแย่ ยังไงนายเสือคงไม่ฆ่าเธอปิดปากหรอก...มั้ง!?!

     

    ดาวิกาเรียกพลังฮึดแล้วเปิดประตูเดินออกจากบ้าน ยามเดินลงบันไดไปเธอดันเริ่มปอดหน่อยๆ ถ้ากลับห้องแล้วนอนให้หลับไปจนถึงเช้าจะดีกว่าไหม แต่อีตาหน้าเนื้อใจเสือดันหันมาเห็นเธอพอดีนี่สิ ถ้างั้นเรื่องที่จะกลับไปนอนทำมึนไม่รู้เรื่องเลยต้องตกไป

    แหม! ฆ่าคนแหม็บๆ มาทำหน้าตาดุใส่ เธอเห็นแล้วฮึดเลย

    “นายมันป่าเถื่อน โหดร้าย ฆ่าคนได้ ทั้งที่ลุงดีบอกว่านายเป็นคนดีแล้วนี่มันอะไรกัน”

    คนงานพากันมองดาวิกาตาค้าง ฮึๆ คงไม่มีใครกล้าหือใส่อีตาเสือมาก่อนล่ะสิท่า แล้วดูคนก่อเรื่องมองมา คนอะไรทำผิดแล้วยังไม่มีสำนึก

    “นี่ยัยลูกตะกั่วถ้าไม่ได้เดินละเมอหรือเมาขี้ตาก็ช่วยเปิดตาให้กว้างๆ แล้วบอกมาสิว่าฉันฆ่าใคร มีใครตาย ถ้าหาไม่ได้วันนี้เธอต้องขอโทษฉัน”

    “ก็...อ้าว”

    ยังไม่ทันขาดคำชายคนที่หมอบกระแตก็ถูกฉุดให้ลุกขึ้นพร้อมๆ กับเสียงหวอตำรวจกำลังดังระงม แสงไฟหน้ารถดูเหมือนใกล้เข้ามาทุกทีอีกด้วย ที่พื้นมีรอยพรุนเป็นหลุม ดาวิกาอึ้งยิ่งกว่า ตอนนี้เริ่มหน้าชาคล้ายๆ ว่าหน้ากำลังแตก

     “สารวัตรวิรัตน์มาถึงแล้วครับ” ไกรสอนรายงาน

    ดาวิกามองตามแล้วอยากเป็นลม ถ้าขนาดรอตำรวจมาคงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดไว้แล้วล่ะ โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย นายเสือจะหักคอเธอก็คราวนี้แหละ ธีมากอดอกมองยัยตัวแสบที่ต้องก่อเรื่องได้ทุกครั้งที่ลืมตา เวลาที่เขาสบายใจได้มีเพียงตอนที่เธอหลับกระมัง มือหนายื่นไปแล้วชี้นิ้วจิ้มใส่หน้าผากคนหน้าเหวอ คราวนี้คงใช้คำว่า ยุ่ง กับเขาคนเดียวไม่ได้แล้ว

    “เรื่องของเราเอาไว้ก่อน เตรียมคำพูดดีๆ ไว้ขอโทษฉันตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ” เขาสั่งก่อนหันไปมองหาแม่บ้านของตัวเอง  “โมรีพาคุณลูกจันทร์ขึ้นบ้านไปเดี๋ยวนี้”

    “แต่ว่าพ่อเลี้ยงคะ” โมรีละล้าละลังอยากไปด้วยมากกว่ารออยู่ที่บ้าน

    “เดี๋ยวนี้!

    วงแตกสิงานนี้ ดาวิกาถูกโมรีจับมือพาเดินออกมาจากกลางวง แต่ก็ยังทันเห็นว่าชายคนที่สะบักสะบอมถูกพาไปขึ้นกระบะท้ายของรถตำรวจ คนงานทยอยเดินกลับเรือนพัก ส่วนนายเสือขึ้นไปนั่งในรถที่โมรีบอกว่าชื่อไกรสอนเป็นคนขับมารับ แล้วรถสองคันก็ขับตามกันไป

    “เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่บ้าน แล้วผู้ชายคนนั้นทำอะไรทำไมถึงโดนซ้อมก่อนโดนจับ”

    โมรีเกือบค้อนใส่แขกของนายแล้ว ในใจก็คิด...มีตาก็ดูสิ  มาแป๊บๆ ก็ได้เรื่อง แต่ภายนอกโมรีกลับยิ้มหวานแล้วตอบให้ฟังอย่างใจเย็น ทั้งที่เสียดายไม่ได้นั่งรถไปกับพ่อเลี้ยงแทบแย่

    “ไอ้เวียงน่ะสิมันมาขโมยไม้ มันติดการพนันใครๆ ก็รู้ คนงานช่วยกันจับตัวได้ ที่พ่อเลี้ยงยิงไปเมื่อกี้ก็แค่ขู่ให้มันพูดความจริงเท่านั้นเองค่ะ รีบขึ้นบ้านได้แล้วนะคะ ฉันไม่อยากให้คุณถูกพ่อเลี้ยงดุ”  

    ดาวิกาพยักหน้าหงึกๆ แต่หน้าเริ่มซีดเผือด หญิงสาวยกมือมากุมขมับรีบเดินกลับเข้าห้อง ที่เธอเข้าใจว่าธีมาฆ่าคนนั้นยิ่งกว่าการเข้าใจผิด แล้วเธอยังไปกล่าวหาเขาท่ามกลางคนงานอีก

    ซวยแล้ว! ถ้านายเสือกลับมาเธอถูกจับหักคอแน่ๆ ทำยังไงดี

     

              ธีมาเดินทางไปถึงสถานีตำรวจพร้อมกับวิรัตน์ในฐานะเป็นเจ้าทุกข์ เขาให้คนตามนายเวียงมาเป็นเดือนแล้ว ตั้งแต่คราวก่อนที่ไม้หายไปเป็นคันรถ จนมาวันนี้มันลงมืออีก เขารอให้มันขนไม้ที่แปรรูปแล้วลงรถให้เสร็จ ถึงได้จับแบบคาหนังคาเขา ทำให้เขาได้รู้ว่านอกจากตัวหัวโจกแล้วยังมีคนงานหน้าใหม่อีกสองคนซึ่งเพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงเดือนร่วมมือกับนายเวียงด้วย

              เวียงถูกพาตัวเข้าตารางไว้เพราะหลักฐานพร้อม อีกทั้งพยานยังเพียบ คนร้ายร้องไห้โฮๆ เมื่อรู้ว่าไม่รอดคุกแล้วจริงๆ แต่พอเห็นธีมาเดินผ่านก็ตะโกนหาลั่นโรงพัก

    “ผมขอโทษครับพ่อเลี้ยง อย่าเอาเรื่องผมเลยนะครับ ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้ว”

    ธีมาหันมามองคนงานที่ทำงานงานกับเขามา 2 ปีแล้ว แต่เพราะผีพนันวันนี้ถึงได้มาอยู่ในห้องขัง เขาไม่สงสาร แต่สังเวชใจ เขาอายุน้อยกว่าด้วยซ้ำแต่นายเวียงกลับยกมือไหว้ปลกๆ ทำไมตอนที่ทำไม่คิดถึงผลที่ตามมาบ้าง

    “รับโทษทางกฎหมายไปก่อนนะ ทำผิดต้องรับโทษ พ้นโทษแล้วอย่าเล่นการพนันอีก แกรู้ดีอยู่แล้วคนอย่างฉันไม่เลี้ยงหัวขโมย”

    “พ่อเลี้ยงผมสำนักผิดแล้วจริงๆ นะครับ แล้วลูกกับเมียของผมจะอยู่กันยังไง”

    ธีมาหันไปส่ายหน้าให้ มันไม่ใช่ความผิดของเขาที่สั่งให้จับหัวขโมย คนเราเดี๋ยวนี้ทำไมเป็นอย่างนี้ โทษคนอื่นก่อนโทษตัวเอง ถามว่าการที่นายเวียงถูกจับเขาต้องรับผิดชอบลูกเมียให้ด้วยหรือ อนาถใจแท้ๆ

    วิรัตน์กำลังวุ่นเพราะมีอีกคดีเข้ามาเหมือนกัน ตอนนี้คดีของนายเวียงคงไม่มีปัญหาอะไรเพราะมีหลักฐานพร้อมจนดิ้นไม่หลุด ส่วนการประกันดูท่านายเวียงคงไม่มีเงินมาประกันตัวแน่ๆ ลูกเมียพอมาถึงก็ร้องไห้กระอืดๆ พากันมาขอให้ธีมายกโทษให้ ไกรสอนเลยต้องรับหน้าที่พูดต่อให้เข้าใจ ในขณะที่ธีมาไปคุยกับวิรัตน์

    “ขอบใจนะไอ้รัตน์ โทรเรียกปั๊บไปถึงปุ๊บ อย่างนี้ค่อยคุ้มภาษีของประชาชนหน่อย”

    “ไอ้นี่ พูดซะตำรวจเสียหมด” ตำรวจขมวดคิ้วใส่ประชาชนปากมอม

    “ฟังยังไง ชมชัดๆ ไปแล้ว ได้เรื่องยังไงบอกด้วยแล้วกัน ไม่แน่อาจมีคนร่วมมืออีก จับไปให้เรียบ ฉันหาคนงานใหม่ได้ แต่เลี้ยงพวกผีพนันไม่ได้”

    “เออ เชื่อมือตำรวจเถอะน่า”

    ธีมาหันหลังโบกมือให้แล้วเดินกลับไปที่รถ ไกรสอนเคลียร์เรื่องจบพอดีเลยเดินมาที่รถพร้อมกัน พอจะขับรถให้เหมือนขามา พ่อเลี้ยงกลับบอกว่าจะขับเองเมื่อเห็นเขาหาวแล้วหาวอีก แน่ละสินี่มันตี 2 เข้าไปแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงทั้งสองก็กลับมาถึงปางไม้ธารธีรา ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปหาที่นอนด้วยความเพลีย ธีมาตั้งนาฬิกาปลุก มุมปากกดยิ้มเหมือนมีเรื่องสนุก ฮึๆ เช้าเมื่อไหร่ได้รู้กัน

     

    อีก 1 นาทีจะ 7 โมงตรง ภายในห้องนอนของแขกที่ธีมาใช้กุญแจสำรองไขเข้ามายังเงียบกริบ ในมือของชายหนุ่มมีนาฬิกาปลุกที่เพิ่งปลุกเขาไปเมื่อ 5 นาทีก่อน ตอนนี้มันจะได้ทำหน้าอีกครั้ง พอนาฬิกาขยับเข็มครั้งสุดท้ายเสียงนาฬิกาก็กรีดร้องดังเสียดหู ดาวิกาสะดุ้งยกมือมาปิดหู แต่ยังคงหลับต่อไปได้พร้อมกับเอาหมอนมาปิดหน้าไว้ เสียความตั้งใจของธีมาชะมัด

    ตัวช่วยไม่ได้ผลก็ต้องพึ่งเสียงของตัวเองนั่นล่ะ ชายหนุ่มยกมือมาป้องปากแล้วตะโกนใส่หูคนขี้เซาเต็มเดซิเบลที่สามารถแผดเสียงได้

    “ตื่นๆๆๆๆๆ นี่มันสายแล้วนะยัยลูกตะกั่ว เธอจะนอนให้หลังยาวขึ้นมาหรือไง”

    ดาวิกาสะดุ้งตื่นของจริง แล้วพอเห็นหน้าธีมาก็ตกใจรีบกลิ้งไปอีกฟากจนตกเตียง เมื่อลุกขึ้นได้จึงแหวลั่นเป็นชุดทั้งที่ตายังไม่ค่อยลืมด้วยซ้ำ

    “นายเข้ามาได้ยังไง เสียมารยาทที่สุด นี่ห้องของฉันนะ ถึงจะเป็นบ้านของนายก็เถอะ คิดอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหม”

    ธีมาไม่ตอบแต่หยิบของสำคัญจากกระเป๋าเสื้อมาโชว์ให้ยัยลูกตะกั่วเห็นชัดๆ ดาวิกาหรี่ตามอง สติที่กระพร่องกระแพร่งยังทำงานและรู้ได้ในวินาทีต่อมาว่านั่นน่ะโทรศัพท์มือถือของเธอชัดๆ

    “นี่มันโทรศัพท์ของฉันนี่ เอาคืนมานะ”

    “อยากได้โทรศัพท์คืนก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อแล้วทำตามที่ฉันสั่ง ถ้าทำได้ฉันจะคืนให้ สนใจไหมล่ะ” ธีมาหลอกล่อ ถึงจะลงโทษก็ต้องให้ความหวังบ้าง

    “ถามได้” ดาวิกาค้อนใส่ทำปากขมุบขมิบรู้ได้เลยว่างานนี้คนที่เธอกำลังแช่งส่งน่ะไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก

    ธีมาหัวเราะเสียงดังสะใจก่อนจะเดินออกมาจากห้องของดาวิกา โมรีเพิ่งออกมาจากห้องน้ำที่เพิ่งทำความสะอาดเห็นเข้าพอดี แต่พ่อเลี้ยงไม่เห็นเธอ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพ่อเลี้ยงทำให้หัวใจของโมรีราวกับถูกกรีดด้วยมีดคมๆ ถังน้ำที่ถือออกมาเพื่อเช็ดพื้นถูกเตะจนล้มกลิ้ง เธอนึกแล้วเชียวว่าอย่าได้วางใจ นังเด็กไวไฟชวนผู้ชายเข้าห้องเชียวรึ

    มันน่า..มันน่านัก!

     

    ธีมานั่งแกร่วรอดาวิกาอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน ซึ่งพอมองออกไปจะเห็นวิวของสีเขียวจากต้นไม้ที่เป็นธุรกิจของครอบครัวไกลสุดลูกหูลูกตา ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วภายใต้การดูแลของเขา พ่อไม่เคยชมในสิ่งที่เขาทำ แต่พ่อบอกว่าภูมิใจในตัวเขา พอคิดถึงพ่อก็นึกขึ้นได้ว่าเย็นนี้พ่อจะมาหา แน่ล่ะพ่อไม่ได้มาหาเขาหรอก แต่มาตรวจความเรียบร้อยของเขาในการดูแลยัยลูกตะกั่วต่างหาก เพราะฉะนั้นต้องชิงลงมือก่อนไม่ได้ลงโทษ ไปถูกบ่นตอนหลังช่างมันเพราะยัยลูกตะกั่วคงฟ้องแน่ๆ

    “เอาโทรศัพท์ของฉันคืนมาได้หรือยัง” เสียงของดาวิกามาก่อนตัวเสียอีก

    ธีมาหันมาเห็นหญิงสาวสมวัยคนหนึ่งที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์สามส่วน หน้าตาโล้นเปลือยไร้เครื่องสำอางดูเป็นผู้เป็นคนกว่าตอนพอกหน้าเป็นยัยวิก้าตั้งเยอะ

    “ได้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน โทษฐานที่เธอทำให้ฉันวุ่นวายมา 2 วัน วันแรกหนีไป กว่าจะหาตัวเจอคนงานไม่ได้ทำงานทำการเสียเกือบครึ่งวัน แล้วเมื่อคืนเธอหาว่าฉันฆ่าคน เกือบเอาคุกมาให้” อย่าได้เถียงเชียวว่าไม่ใช่ ธีมาจ้องดาวิกาเขม็ง

    ดาวิกาอยากเถียงแทบขาดใจว่าไม่จริง แต่ความที่เป็นคนที่ซื่อตรงต่อตัวเองเกินกว่าจะโกหกเลยจำใจยอมรับว่าเธอทำเรื่องพวกนี้จริงๆ มือบางยกขึ้นแล้วไหว้พร้อมกับพูดเร็วๆ

    “ขอโทษ!


    ในความห่ามๆ ปากจัดของธีมา มีความห่วงใย แต่ในความดื้อดาวิกานั้น คนเป็นผู้ใหญ่ต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ ฝาก E-Book ด้วยค่ะ

    อัมราน&บรรพตี


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×