คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5...100%
ตอนที่ 5
อรอุมามองเครื่องใช้ในครัวอย่างทึ่งๆ เพราะมันยิ่งน่ากลัวกว่าห้องครัวที่บ้านเสียอีก ไม่ใช่เพราะเธอกลัวความคมของมีด หรือความร้อนของไฟ แต่มันมีเครื่องมือทำครัวมากเกินไปจนเธอหยิบใช้ไม่ถูกต่างหาก แล้วยังเมนูพิลึกพิลั่นที่ริดาไปหามาจากตำราแล้วเปิดกางอธิบายให้ฟังอีก ตอนฟังก็รู้เรื่องดีหรอก แต่พอลงมือทำนี่สิ เละตุ้มเป๊ะไม่มีดี จนกระทั่งตั้งใจทำใหม่รอบที่ 3 นั่นแหละหน้าตาอาหารถึงได้พอไปวัดไปวาได้ แต่ยังเหลืออีกตั้งสองเมนู งานนี้เธอตายแน่
1 ชั่วโมงต่อมา อาหาร 3 เมนูซึ่งประกอบด้วยเนื้อผัดกับเครื่องเทศเผ็ดร้อน ซุปที่เหมือนต้มจืดเพียงแต่ใช้ไก่แทนหมู และเนื้อแกะที่นำไปทอดแล้วนำมาห่อด้วยใบอะไรสักอย่างที่ริดาบอกเหมือนกัน แต่อรอุมาขี้เกียจจำ
อาหารทั้งหมดถูกลำเลียงไปยังเจ้าของคำสั่ง คำตอบที่ได้รับยิ่งทำให้คนทำปรี๊ดแทบแตก
“ไม่อร่อย”
“ไม่ชอบ”
“เอาไปเททิ้ง”
อาหารแต่ละจานถูกวิจารณ์แหลกไม่ได้ซ้ำ แล้วพอทำมาใหม่เป็นรอบที่ 2 และรอบที่ 3 คำวิจารณ์ก็ยังไม่พ้น 3 คำนั้น คราวนี้อรอุมาไม่เหลือความอดทนไว้กลั้นอีกแล้ว เป็นไงเป็นกันสิ ในเมื่อเธอทำอาหารมาแล้ว แถมเมนูสุดท้ายนี่คิดเอง...ไข่เจียว ถ้ากินไม่ได้ ไม่อร่อย ไม่ชอบ อยากเททิ้งก็ช่างเขาเถอะ
“คุณจะเอายังไงก็ว่ามาเลยดีกว่า ถ้าไม่กินก็ช่างคุณ ไม่ใช่เรื่องเลยที่ฉันต้องมาทำอาหารให้คุณกิน ทั้งๆ ที่ฉันรู้อยู่แล้วว่าต่อให้โคตรเชฟมาทำ แล้วฉันเป็นคนถือ ยังไงมันก็ไม่ถูกใจคุณ” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าดำหน้าแดง ไม่สนใจแล้วว่าเขาจะจับเธอโยนออกไปนอกกระโจมหรือว่าจับหักคอ สองมือสองเท้าเท่ากัน ถ้าต้องสู้กันก็เท่าที่แรงมีนั่นแหละ
ไนบราสเลิกคิ้วมองส่ายหน้ายิ้มชอบใจ เวลายัยนี่วีนแตกดูตลกดีเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่เขาใจอ่อนแน่ๆ
“เหนื่อยหรือยัง ถ้าเหนื่อยแล้วก็นั่งลง”
“เหนื่อยสิ กี่จานแล้วล่ะที่คุณไม่ชอบ ไม่อร่อย เอาไปเททิ้งน่ะ” อรอุมาบึ่นพึม หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย ทำไมต้องมาทำอาหารพวกนี้ด้วย ไข่เจียวโปะข้าวก็อิ่มอร่อยเหมือนกันนั่นแหละ
ร่างเพรียวนั่งลงไม่สนใจแล้วว่าคราวนี้รังสิมันต์จะชอบหรือไม่ชอบอาหารที่ทำมา เธอจะกินเองเสียให้เรียบ เสียพลังงานในการทำอาหารไปมากแล้ว ตอนนี้ต้องเติมพลังสถานเดียว
“ถึงคุณไม่ถูกใจอาหารพวกนั้นก็ช่าง...คุณเถอะ ฉันจะกินเอง หิวแล้ว”
“ก็กินสิ ใครห้ามคุณล่ะ” เขาบอกหน้าตาเฉย
หือ...อรอุมาเงยหน้าขึ้นมองคนเจ้าเล่ห์ที่ยิ้มพราวอย่างสะใจที่ทำให้เธอมอมแมมหมดแรงขนาดนี้ได้ แถมยังหิวโหยเหมือนวิญญาณเร่ร่อนรอส่วนบุญอีก
“อ้าว แล้วคุณจะกินด้วยหรือไง” ไหนว่าไม่อร่อยไง หญิงสาวบ่นต่อในใจ
“ใช่ ถ้าปล่อยให้คุณไปถล่มของในครัวมากกว่านี้ พนักงานของที่นี่คงไม่มีอะไรกินในวันพรุ่งนี้แน่”
นี่แหละเหตุผลที่เขาหยุดการลงโทษแสนขำขันไว้เพียงแค่ตรงนี้ ริดาบอกเขาว่าของสดในครัวหายไปเกือบเกลี้ยง พรุ่งนี้คงต้องส่งพ่อครัวไปกว้านซื้อของมาตุนไว้ใหม่ในตอนเช้า ก่อนที่ทั้งพนักงาน แขกที่มาพัก ลูกทัวร์จะพากันหิวตายกันถ้วนหน้า
อรอุมาไม่สนใจหรอกว่ารังสิมันต์จะกินอาหารที่รสชาติพอกินได้จริงๆ หรือเปล่า แค่เธอไม่ต้องไปทำอาหารให้เขาเป็นรอบที่ 4 ก็พอแล้ว แต่ถึงจะบ่นว่าไม่อร่อย แต่อาหารก็หมดเหมือนกันนั่นล่ะ ซึ่งส่วนหนึ่ง เอ่อ ส่วนมากนั้นก็มาจากการสวาปามของเธอนั่นแหละ แค่นี้ก็จบไปอีกมื้อ ไม่รู้เขาจะเรื่องมากไปทำไมก็เห็นกินได้กินดีนี่นา
หลังจากอาหารมื้อค่ำที่กลายเป็นมื้อดึกจบลง รังสิมันต์ก็เดินออกไปจากกระโจมทำให้อรอุมาโล่งใจว่าเขาจะไม่มาออกคำสั่งกวนโมโหอีก พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ หญิงสาวฆ่าเวลาที่ไม่รู้จะทำอะไรด้วยการรื้อกระเป๋าเดินทาง
แต่แล้วความสงบเล็กๆ น้อยๆ ของอรอุมาก็หมดลงเมื่อผ้าใบของประโจมเปิดออกพร้อมกับรังสิมันต์เดินเข้ามาในเสื้อผ้าชุดใหม่ งานนี้มีหรือที่นักข่าวสาวจะไม่แหวลั่น
“คุณเข้ามาทำไม?!”
เสียงแหวแว๊ดหาได้มีผลต่อไนบราสสักนิดไม่ นอกจากไม่สนใจแล้วยังเดินดุ่มๆ ผ่านหน้าไปอีกต่างหาก
“ก็มานอนน่ะสิ” เขาบอกพลางเดินไปเปิดประตูห้องนอนหน้าตาเฉย
อรอุมารีบเดินไปขวางไว้ “ไม่ได้ แล้วกระโจมของคุณล่ะ”
“ก็ที่นี่แหละ”
“อ้าว ก็เมื่อตอนเย็นริดาเพิ่งบอกฉันว่ากระโจมของคุณอยู่ตรงโน้นไม่ใช่หรือไง” อย่าได้มาตีมึนใส่เธอด้วยวิธีนี้เชียวนะ
“ที่โน่นก็ใช่ ที่นี่ก็ใช่ หมดคำถามหรือยัง?” ดูๆ แล้วอรอุมาไม่ใช่ผู้หญิงเรื่องเยอะสักหน่อย แล้วทำไมคราวนี้ถึงเรื่องเยอะขึ้นมาได้
“หมดแล้ว แต่ฉันยังมีอะไรจะบอก” ใครจะไปยอมง่ายๆ กัน เชอะ
“อะไรอีก?” เขากอดอกถามรอฟังคำตอบ
“ฉันน่ะเรียนมาทั้งยูโด เทควันโด แล้วก็มวยไทย ถ้าคุณคิดเรื่องทุเรศๆ อยู่ในใจก็หยุดคิดไปเลยนะ”
อรอุมาตั้งการ์ดให้รังสิมันต์เห็น งานนี้ไม่ได้ขู่ๆ แต่เป็นจริงๆ ตามที่พูดไปนั่นแหละ ต้องยกความดีความชอบให้คุณนายมารตีที่เคี่ยวเข็ญให้ไปเรียนด้วยกลัวว่าลูกสาวจะถูกรังแกจากผู้ชายหน้าหม้อทั้งหลาย รวมถึงอีตานี่ด้วย
ไนบราสหัวเราะเหมือนเวทนาพลางมองสารรูปที่ดูมอมแมม หน้าไม่ได้แต่ง ผมรึก็รุงรัง นี่ยังไม่รวมถึงเสื้อผ้าที่บ้านๆ ที่สุด สำหรับเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มขายาว ให้นอนด้วยกันทั้งคืนก็ไม่เกิดอารมณ์ขึ้นมาได้หรอก
“เมาแดดหรือเปล่า แค่ความเป็นเพื่อน ผมกับคุณยังไม่มีให้แก่กันเลย อย่าไปนึกถึงเรื่องที่ลึกซึ้งกว่านั้นเลย เหนื่อยเปล่าๆ”
โล่งอกไป มือบางยกขึ้นปาดหน้าผาก เราต่างไม่ได้พิศวาสต่อกัน ฉะนั้นคงไม่ต้องห่วงอะไร หรือถ้าเขาคิดว่าเธอล้อเล่น ลุกขึ้นมาทำเรื่องน่าอ้วกตอนดึกๆ เธอนี่แหละจะแจกอาวุธให้
“ถ้างั้นคุณนอนบนเตียงไป เดี๋ยวฉันนอนข้างล่าง ห้ามล้ำเส้นลงมาดึกๆ ดื่นๆ ก็แล้วกัน ไม่งั้นคุณตายแน่” เธอสั่ง แต่พอเห็นเขาเดินมาใกล้ก็ออกโรงแหวลั่นอีกรอบ “จะทำอะไร?”
“ก็จะไปปิดประตูให้แน่นหนาน่ะสิ” น่าทึ่งชะมัดผู้หญิงคนนี้ นอกจากทำให้น่าหมั่นไส้ แล้วยังทำให้เขารำคาญระคนหัวเราะได้อีกด้วย
“งั้นก็แล้วไป”
พอประตูซึ่งเป็นผ้าใบปิดแน่นหนา แล้วตามด้วยประตูไม้อีกบานล็อคแน่น ร่างสูงจึงเดินกลับมาแล้วก้าวขึ้นมานอนบนเตียงตามความต้องการของอรอุมา งานนี้ไม่มีการเกรงใจในเมื่อเจ้าตัวเสนออยากนอนข้างล่างเอง แล้วเท่าที่เขาเห็นยัยกระป๋องน้ำอัดลมก็ดูอึดใช่เล่น
เมื่อเห็นรังสิมันต์นอนลงเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ อรอุมาถึงได้ยอมนอนลงที่พื้นด้านล่างแล้วห่มผ้าหลับตาลง แต่ความจริงแล้วพยายามข่มตาไม่หลับไปจริงๆ จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ทุกอย่างทั้งในและนอกกระโจมก็ตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนเข้าสู่ราตรีแห่งการหลับไหล ร่างเพรียวลุกขึ้นนั่งมองร่างบนเตียงให้แน่ใจพลางเอ่ยบอกเขาในใจว่า
...ใครจะนอนอยู่เฉยๆ เล่า ถ้าไม่หนีสิแปลก
หลังจากนั้นอรอุมาค่อยๆ ก้าวออกไปจากกระโจมด้วยความเงียบกริบ โดยไม่รู้ว่าคนที่หลับสนิทแท้จริงแล้วยังไม่ได้หลับเหมือนกัน
อรอุมาเดินแฝงความมืดมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณที่จอดรถที่ไว้ให้บริการแขกและนักท่องเที่ยว หัวใจชักเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อมันคงมีโอกาสน้อยมากที่เธอจะพบกุญแจเสียบคาอยู่ในรถ คันแรกผ่านไป...ล็อค คันที่สอง...ผลยังเหมือนเดิม จนกระทั่งคันที่สาม...โป๊ะเชะกุญแจเสียบคาไว้ หญิงสาวคิดว่าพนักงานคงลืมไว้แน่ๆ
“ขอยืมรถหน่อยแล้วกันนะ ถึงในเมืองแล้วจะคืนให้”
นักข่าวสาวก้าวเข้าไปนั่งในรถ ใจหนึ่งรู้สึกผิดหน่อยๆ แต่อีกใจถ้าไม่ทำแบบนี้เธอคงต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เรื่องอะไรต้องยอมเป็นเชลยของนายรังสิมันต์ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิดในเรื่องข่าวนั้น ต้องมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นแน่ๆ รับรองกลับถึงเมืองไทยเมื่อไหร่ไอ้คนที่ปล่อยข่าวได้เจอกับเธอแน่ๆ
เครื่องยนต์ทำงานเสียงเบาทำให้ไม่มีใครทันได้ยิน หญิงสาวปิดไฟหน้าแล้วค่อยๆ เหยียบคันเร่งช้าๆ พารถออกมาจากโรงแรมไปยังเวิ้งทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา หญิงสาวเสี่ยงมุ่งหน้าไปยังทิศใดทิศหนึ่งซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นทิศอะไรขับรถผ่าความมืดไปเรื่อยๆ ด้วยความกลัวพอประมาณ ด้วยไม่รู้ว่าในยามค่ำคืนทะเลทรายมีสัตว์ร้ายที่ต้องระวังหรือเปล่า
ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีจนกระทั่งผ่านไปเกือบชั่วโมง เมื่อรถคันหนึ่งเปิดไฟสูงใส่แล้วแล่นทะยานมาใกล้ก่อนแฉลบพวงมาลัยปาดหน้าจนเธอต้องกระทืบเบรกด้วยใจระทึก
“โอ๊ะ! ไอ้บ้า! ทะเลทรายตั้งกว้างมาขับปาดหน้าทำไมเนี่ย”
คนในรถคันที่เพิ่งก่อเหตุก้าวลงมา อรอุมาเห็นเพียงว่าผู้ชายคนนั้นตัวสูงใหญ่พอๆ กับรังสิมันต์ แต่พอเดินมาใกล้พอเห็นหน้าชัดขึ้นเธอถึงได้รู้ว่าไม่ใช่เขา แต่เป็นใครก็ไม่รู้ นอกจากใบหน้าที่ดูหล่อเหลาคิ้วเข้ม ตาคมอย่างคนตะวันออกกลางแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้คิดว่าเขามาดีได้เลย
“ลงมาถ้าไม่อยากตายอยู่ที่นี่”
ชายผู้นั้นเอ่ยเป็นภาษาอังฤษเมื่อเห็นว่าผู้หญิงในรถไม่ใช่คนแถวนี้แน่ๆ แต่เป็นหญิงต่างชาติคนหนึ่ง
“พวกนายจะปล้นฉันหรือไง ฉันไม่มีของมีค่าอะไรสักอย่างเลยนะ”
ซวยแล้วไง ไอ้อรเอ้ย หนีเสือมาปะจระเข้หรือไงเนี่ย ร่างเพรียวเดินลงมาจากรถตามคำสั่ง งานนี้ต่อให้จีจ้าก็กลัวบ้างล่ะน่ามากันตั้งสามคน แถมตัวใหญ่ๆ กันทั้งนั้นด้วย
“รถนั่นน่ะของฟีนิกซ์กรุ๊ปและคุณไม่ใช่คนของฟีนิกซ์แน่ๆ” เขาบอก
อ้อ เข้าใจล่ะ ว่าแต่อีตาคนนี้เป็นใครในโรงแรมฟีนิกซ์ล่ะ ถึงได้ออกโรงปกป้องทรัพย์สินของโรงแรมได้อย่างน่าชื่นชมขนาดนี้ แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร เจ้าของมือหนาก็เดินดุ่ยๆ เข้ามาฉุดแขน หญิงสาวตวัดแขนหลบตั้งการ์ดชกตรงออกไปเฉี่ยวโหนกแก้มชายคนนั้นพอดี ทำให้ชายอีกสองคนเข้ามาปฏิบัติการสองรุมหนึ่งทันที นั่นล่ะถึงได้จับตัวเธอไว้ได้
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ปล่อย ถ้าไม่อยากให้ใครๆ ประณามเธอว่าเป็นหัวขโมยก็มากับผมเสียดีๆ” เขาไม่ได้บอกแต่สั่ง
ร่างของอรอุมาถูกพามาไว้ที่รถอีกคัน แต่มีหรือที่หญิงสาวจะยอมจำนนง่ายๆ เท้าที่ยังว่างเตะทรายใส่ชายที่เป็นหัวหน้า ทรายเข้าตาเข้าปากจนต้องยกมือปัดป่ายพัลวัน ก่อนที่หญิงสาวจะหมดฤทธิ์เมื่อถูกพาเข้าไปนั่งในรถแล้วถูกประกบไว้ทั้งซ้ายและขวา
“เล่นแรงนะ ดี ผมชอบ” เขาบอกยิ้มก่อนจะมาทำหน้าที่ขับรถแทนคนของเขาที่ต้องจับอรอุมาไว้ ใบหน้านั้นหันมามองเหยื่อพลางเอ่ยให้นักข่าวสาวขนหัวลุกว่า “พยศอย่างนี้ คืนนี้จะได้ออกแรงเสียหน่อย”
ทว่ายังไม่ได้สตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยซ้ำ รถของใครก็ไม่รู้แล่นมาขวางหน้าไว้พร้อมกับร่างสูงที่อรอุมาคิดว่าคงเป็นครั้งแรกที่ดีใจเมื่อเห็น รังสิมันต์ลงมาจากรถแล้วยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น โดยมีเจตถือปืนคอยระวังหลังให้
“หยุด! ถ้าใครแตะต้องผู้หญิงคนนั้นก็จะต้องเป็นศัตรูของฉันทันที ถ้าอยากมีปัญหากับฉันก็ลองดู” รังสิมันต์สั่งเสียงกร้าว
แล้วนั่นก็มีผลต่อผู้ชายที่อยู่บนรถทุกคน รวมทั้งผู้ชายที่เป็นหัวหน้าด้วยที่ก้าวลงไปจากรถพลางยืดแข้งยืดขาท่าทางกวนๆ ใส่ แต่ก็ดูออกว่าเกรงใจผู้มาขวางอยู่ในที
“แล้วนาเดียล่ะ ไนบราสจะเอาไปไว้ที่ไหน?” เอซาซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของราฮ์มานกับคารีมาฮ์ถามออกไป
ใจของเขาไม่เคยมีความรักฉันท์พี่น้องต่อผู้ชายที่มีศักดิ์เป็นพี่คนนี้ อย่างไรเสียก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่แล้ว ซ้ำหากไม่มีไนบราส ทุกอย่างของฟีนิกซ์ก็ต้องเป็นของเขา รวมทั้งนาเดียด้วย แต่ก็เท่านั้น ในเมื่อเขาไม่มีสิทธิ์ครอบครองสิ่งใดในฐานะลูกบุญธรรมตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
“นั่นไม่ใช่คำถามที่ฉันต้องตอบ” รังสิมันต์ตอบไปอย่างนั้น ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาไม่ใช่หรือ ดวงตาคมปรายเข้าไปมองในรถ ก่อนจะสั่งคนที่ทำให้ต้องขับรถมากลางดึกกลางดื่น
“อรอุมา เลือกเอาว่าคุณอยากจะไปกับเอซา หรือว่าจะกลับไปพร้อมกับผม”
เท่านั้นแหละอรอุมาก็รีบผลักเจ้าคนนั่งประกบให้ออกไปนอกรถเพื่อที่เธอจะได้ออกไปบ้าง ตอนนี้ถ้าให้เลือกระหว่างรังสิมันต์กับนายหื่นบ้ากามคนนี้ เธอขอเลือกกลับไปเป็นเชลยที่รอเวลาหนีใหม่ดีกว่า หญิงสาววิ่งรวดเดียวก็ถึงตัวรังสิมันต์ที่ยังอุตส่าห์หันมาจิกกัดเธอได้อีก
“ก็ดีที่ยังรู้ว่าตอนนี้เธอควรอยู่กับใคร”
“จากใจเลยนะ จริงๆ คุณก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาหรอก” หญิงสาวกระซิบบอก เดี๋ยวเขาจะย่ามใจ
รังสิมันต์ไม่ได้หวังคำขอบคุณหวานๆ จากอรอุมาอยู่แล้วเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่เรื่องที่ยัยนี่ก่อนี่สิ ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างคงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
“ส่วนรถที่ผู้หญิงคนนี้ขับไป ฉันเป็นคนอนุญาตเอง หรือใครมีปัญหาในการตัดสินใจของฉัน”
ลูกน้องของเอซาก้มหน้าลงทันที มีเพียงเอซาเท่านั้นที่ยังหัวเราะร่วน ทั้งที่เจ็บใจจนอยากฉุดผู้หญิงคนนั้นกลับมาให้ไนบราสรู้ว่าเขาไม่ได้กลัวพี่ชายต่างสายเลือดสักนิด แต่ก็ต้องสะกดอารมณ์ไว้เมื่อคนที่เขากลัวมากที่สุดคือราฮ์มาน
“ใครจะกล้าเล่าครับ ผมมันก็แค่ลูกจ้าง ฉวยลูกชายเจ้านายไม่พอใจ ผมก็คงกระเด็นไปง่ายๆ”
“นายไม่ใช่แค่ลูกจ้างเอซา แต่นายก็เหมือนน้องชายของฉัน” ไนบราสบอกจากใจจริง ไม่ได้ประชดประชัน ถึงไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเอซาเป็นลูกชายอีกคนของแม่ที่เก็บมาเลี้ยงเพราะความสงสาร
“ก็แค่ลูกบุญธรรมที่เทียบอะไรกับลูกชายแท้ๆ ไม่ได้” เอซาประชดกลับพลางเดินกลับไปที่รถ
ป่วยการที่ไนบราสจะพูดปลอบประโลมในเมื่อโตๆ กันหมดแล้ว ความคิดความอ่านก็ควรจะเติบโตตามอายุและสิ่งแวดล้อมด้วย ถ้าเอซาจะยังคงกดตัวเองให้ต่ำแล้วมาเปรียบเทียบกับเขาก็ช่างเถิด
“อรอุมาตามผมมา”
งานนี้ไม่มีอาการแข็งขืนไม่ยอมเดินตามแน่นอน อรอุมาเต็มใจเดินเข้าไปนั่งในรถที่รังสิมันต์ทำหน้าที่ขับแทนเจตที่ไปขับรถคันที่เธอเป็นคนขับมา แล้วรถทั้งสามคันก็มุ่งหน้ากลับไปยังฟีนิกซ์
ภายในรถคันที่รังสิมันต์ขับตอนนี้เงียบกริบ อรอุมาก็ชักเกร็งๆ ด้วยคราวนี้ผิดจริงด้วยประการทั้งปวง ทั้งหลักฐานและพยานพร้อมแบบไม่ต้องแก้ตัวว่าเธอหนีเขาจริงๆ แถมยังใช้รถของเขาหนีอีกต่างหาก แล้วยังเดือดร้อนให้เขาต้องตามมาช่วยอีก เธอคงต้องทำบางอย่างที่คนผิดคำพูดควรจะทำแล้วล่ะ
“ขอบใจ”
เรียวปากหนากดลึกที่มุมปาก รู้หรอกว่าเมื่อครู่ยัยกระป๋องน้ำอัดลมคงกลัวแทบแย่ แต่มันคือผลการของการผิดคำพูดที่หญิงสาวสมควรได้รับต่างหาก สมควรแล้วที่กล้าหลอกลวงเขาอีกครั้ง
“อะไรนะ ไม่ได้ยิน”
อรอุมาหันไปแหวใส่ หูของเขาจะมาตึงอะไรตอนนี้
“ฉันบอกว่าขอบใจ”
รังสิมันต์อยากจะสวนกลับให้เจ็บแสบอยู่หรอก แต่พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับอรอุมาเขาก็ไม่อยากจะฟื้นฝอยหาตะเข็บอีก ผิดไปแล้วได้รับโทษแล้วก็แล้วกันไป
“ถ้าคราวต่อไป ผมจะไม่ไปช่วยคุณอีก ถึงที่นี่จะปลอดภัยไม่มีโจรทะเลทรายเพราะกฏหมายของโอมานเข้มงวดมาก แต่ไม่มีใครพูดได้เต็มปากว่าจะปลอดภัย 100 เปอร์เซนต์”
เป็นไปตามที่เขาพูดทุกอย่าง แต่ปัญหาที่เกิดต่อเธอมันก็มีจุดเริ่มต้นมาจากเขาไม่ใช่หรือ ถ้าเขาไม่บังคับพาเธอมาที่นี่ แล้วเธอจะหนีไหมล่ะ
“ก็ถ้าคุณไม่อยากมาวุ่นวายเพราะฉัน ก็ปล่อยฉันกลับไปสิ”
“ไม่อยากสัมภาษณ์ผมแล้วรึไง?” เขาย้อนถาม ในเมื่อเธอมีเป้าหมายได้ เขาก็มีได้เหมือนกัน
ตอนนี้เรื่องสัมภาษณ์คงไม่สำคัญเท่าข้อหาที่เขาคิดว่าเธอเป็นคนปล่อยข่าว ฉะนั้นเราต้องกลับไปยังจุดที่ทำให้ความรู้สึกที่เขากับเธอแทบไม่มองหน้ากัน
“คุณจะพิสูจน์ความจริงได้ภายในกี่วัน”
“คงสัปดาห์นึง” รังสิมันต์สั่งให้ลูกน้องซึ่งเป็นฝ่ายกฏหมายไปตามสืบเรื่องนี้พร้อมกับฟ้องหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ไม่นานหรอก เจ้าของภาพก็ต้องปรากฏตัวซึ่งอาจเป็นอรอุมาหรือไม่ใช่ก็ได้ นั่นเป็นเรื่องของอนาคต
“ก็ได้ งั้นมาตกลงกัน ถ้าคนของคุณรู้แล้วว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว และหากไม่ใช่ฉัน คุณจะต้องให้ฉันสัมภาษณ์และส่งกลับประเทศไทยทันที” อรอุมายื่นเงื่อนไขบ้าง ในเมื่อเธอไม่ได้ทำ ให้พิสูจน์อีกกี่ครั้งผลก็ต้องเหมือนเดิม
“แล้วในระหว่างที่รอล่ะ ผมจะได้อะไรตอบแทน” เขาถามกลับบ้าง
“นี่คุณ!” นักข่าวสาวแหวลั่น นึกแล้วเชียวว่าผู้ชายมันแย่เหมือนๆ กันหมด แล้วคิดแต่ละอย่างคงไม่พ้นเรื่องต่ำกว่าสะดือ
รังสิมันต์ถอนใจเบื่อๆ ท่าทางผู้หญิงคนนี้คงมีอคติกับผู้ชายมามากพอสมควร ถึงได้คิดกับเขาแต่ละเรื่องเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางทั้งนั้น ดูมองเขาเข้า มันจะมากเกินไปแล้วนะ
“ผมไม่ได้จะข่มขืนคุณสักหน่อย ไม่ต้องมามองเหมือนผมเป็นโจรหื่นกามก็ได้”
แล้วไป...ใครจะไปรู้ล่ะ มาพูดเรื่องตอบแทนกับเธอ แล้วจะให้คิดเป็นอย่างอื่นก็แปลกล่ะ อรอุมาไม่ได้หลงตัวเอง เวลาหน้ามืดให้สวยหรือขี้เหร่ผู้ชายก็ลงมือทำได้หมดนั่นแหละ นี่จากประสบการณ์การทำข่าวมานาน เธอเห็นมาหลายข่าวแล้วที่ผู้หญิงถูกข่มขืนเพราะอ่อนแอเกินไป
“แล้วคุณจะให้ฉันทำอะไรล่ะ”
“ไปนอนหลับสักตื่น พรุ่งนี้ผมจะบอกก็แล้วกัน” รังสิมันต์อยากบอกตอนนี้อยู่หรอก แต่เอาไว้ตอนนี้เช้าน่าจะดีกว่ามันจะได้เป็นข้อต่อรอง ไม่ใช่การขอร้องเพราะเขาเองก็มีเรื่องให้อรอุมาช่วยอยู่เหมือนกัน
เกือบตี 2 แล้วตอนที่รังสิมันต์เดินนำอรอุมากลับมาที่กระโจม ชายหนุ่มยืนรอให้หญิงสาวเดินเข้าไปเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ เขาถึงเข้าไปบ้าง คืนนี้เขาเหนื่อยที่จะมานั่งตามยัยกระป๋องน้ำอัดลมแล้ว ถ้ายังฤทธิ์มากเขาคงต้องหาวิธีเพื่อที่คืนนี้จะได้หลับได้นอนกันเสียที
ชายหนุ่มหาเชือกป่านได้ก็จัดการมัดข้อมือของอรอุมาไว้กับเสาเตียงเสียเลย ปมซ้อนทับไปทับมาขนาดนี้ถ้าหญิงสาวขยันอยากแกะก็ตามสบาย กว่าจะแก้มัดได้คงเช้านั่นล่ะ
“นี่คุณจะทำอะไรอีก ฉันไม่หนีแล้วน่า เหนื่อยเหมือนกันนะ”
“ผมก็เหนื่อย ขี้เกียจไปตามแล้วเหมือนกัน”
“แล้วฉันจะนอนได้ยังไงเล่าถ้าแขนถูกมัดไว้กับเสาเตียงแบบนี้” พร้อมกับที่ถามหญิงสาวก็ดึงข้อมือออกจากเชือกทั้งที่รู้ว่างานนี้หลุดยาก
พอเห็นหญิงสาวทึ้งข้อมือของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มชักแน่ใจแล้วว่ากว่าปมที่มัดไว้จะหลุดออกทั้งหมดคงใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง มือหนายื่นลงไปเพื่อแก้มัดท่ามกลางความแปลกใจของเชลยที่มองแบบงงๆ ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ จนกระทั่งปมเชือกหลุดออกพร้อมๆ กับเขาใช้แรงไม่มากก็ดึงให้ร่างเพรียวขึ้นไปนอนบนเตียงด้านในได้อย่างรวดเร็ว ฉวยตอนที่อรอุมากำลังเผลอทำให้กว่าจะรู้ตัวก็มานอนอยู่ข้างๆ เขาแล้ว
“เฮ้ย! คุณ”
“ทีนี้นอนได้หรือยัง?” คนก่อเรื่องถามอย่างรำคาญหงุดหงิด ไม่ได้มีอารมณ์วาบหวิวแม้แต่นิดเดียว
“นอนด้วยกันบนเตียงเนี่ยนะ”
อรอุมาลุกขึ้นทำท่าจะกระโจนลงจากเตียง แต่ก็ถูกสัดดาวรุ่งเมื่อแขนของเขาตวัดทีเดียวเธอก็เสียหลักลงไปนอนใหม่ แถมคราวนี้ร่างหนาเขยิบมาเบียนจนแทบขยับตัวไม่ได้พร้อมกับพูดสำทับว่า
“ใช่ ถ้ายังมีปัญหาอีก ผมจะโยนคุณไปไว้นอกกระโจม ลองดูไหมล่ะ”
คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าข้างนอกนั้นมีเอซารออยู่ โอเค คืนนี้อรอุมาต้องนอนบนเตียงกับเขานั่นเพราะมันจำเป็น แต่ถ้าไปกับเอซา เธอคงต้องนอนกับเอซาและคงไม่ได้นอนเฉยๆ อย่างที่รังสิมันต์ทำแน่ๆ ฉะนั้นอย่าเสี่ยงดีกว่า นักข่าวสาวคิดว่าเธอคงต้องทำสมาธิเสียหน่อยเพื่อที่จะหลับตาลงได้ ถึงไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษกับรังสิมันต์ แต่การที่ต้องมานอนตัวติดกันก็ทำให้เธอเขินแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้
“พุทธ-โธ พุทธ-โธ...”
“ทำอะไร?” รังสัมินต์ผงกหัวขึ้นมาถามด้วยความสงสัย
“ตั้งสมาธิระงับความโกรธ จะได้นอนหลับน่ะสิ” อรอุมาเฉไฉเพราะไม่ได้โกรธเขาอย่างเดียวหรอก แต่ชดเชยอาการเขินแปลกๆ ด้วยนั่นล่ะ
รังสิมันต์ส่ายหน้าพลางเอ่ยพึงพำก่อนจะหลับตาลงว่า “ดูไม่เข้ากับคุณเลย”
อรอุมาก็อยากพูดอย่างนั้นเหมือนกัน ปกติแล้วเธอไม่ค่อยได้ทำแบบนี้เพราะกว่าจะถึงบ้านก็เหนื่อยจนไม่ต้องเสียเวลาตั้งสมาธิให้หลับ แทบหัวถึงหมอนก็หลับในทันทีเสียด้วยซ้ำ แต่ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ไงล่ะ
แต่แล้วหลังจากอรอุมาหลับสนิท คนที่ทำทีเหมือนหลับไปก่อนที่เหวี่ยงเท้าลงจากเตียงแล้วเดินออกไปจากกระโจมพร้อมโทรศัพท์ พอมองเวลาก็เห็นว่ายังพอติดต่อคนที่เมืองไทยได้เนื่องจากที่โน่นคงเพิ่ง 2 ทุ่มกว่าๆ แล้วคนที่เขาต้องการติดต่อด้วยถ้าอรอุมารู้คงลุกขึ้นมาวีนใส่เขาอีกรอบ แล้วในทันทีที่ปลายสายกดรับโทรศัพท์ รังสิมันต์ก็ทักทายก่อน
“สวัสดีครับ”
“ไม่ทราบว่าผมเรียนสายกับใครอยู่ครับ?” ภาษิตมั่นใจว่าไม่คุ้นน้ำเสียงแบบนี้แน่ๆ แล้วใครหว่า ไม่รู้หรือไงว่าเขาไม่คุยเรื่องงานหลังหนึ่งทุ่มตรง
“ผม...รังสิมันต์”
แต่คราวนี้คงต้องยกเว้นแฮะ รังสิมันต์เป็นฝ่ายติดต่อมาหาเขาเองไม่ใช่ว่าเจ้าอรไปก่อเรื่องให้เขารีบส่งกลับมาทั้งที่ยังไม่ได้สัมภาษณ์หรอกนะ นี่ข่าวของผู้ชายคนนี้กำลังคึกโครมที่มาพร้อมกับการฟ้องร้องแบบไม่ไว้หน้า โชคดีจริงๆ ที่หนังสือของเขาไม่บ้าจี้เล่นข่าวนี้ไปด้วย
“โอ๊ะ คุณรังสิมันต์เองหรือครับ โทรมามีอะไรหรือครับ หรือว่ายัยอรไปก่อเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เรียวปากหนากดยิ้ม ใช่ อรอุมาก่อเรื่อง แถมเรื่องใหญ่เสียด้วย งานนี้เรื่องที่จะจับใส่เครื่องบินให้กลับประเทศไทยนั้นเลิกคิดไปได้เลย
“ไม่หรอกครับ เพื่อยืนยันว่านักข่าวของคุณทำงานดีมากผมถึงได้โทรมาเอง เผื่อว่าคุณอาจจะกำลังโทรหาอรอุมา”
ป้องกันไว้ก่อน ถึงอรอุมาจะยังไม่ได้รับสิทธิ์ติดต่อใครได้ แต่การที่เธอหายจากการติดต่อคนทางโน้นคงสงสัย และอีกไม่นานใครต่อใครก็คงตามมาให้วุ่นไปหมด เขาไม่ได้พาอรอุมามาฆ่าเสียหน่อย แค่ลงโทษนิดหน่อยๆ สักสองสัปดาห์แล้วค่อยพากลับ
“ได้ฟังอย่างนี้ก็โล่งไป ขอบคุณจริงๆ นะครับที่คุณให้สัมภาษณ์”
“คุณยังต้องการสัมภาษณ์ผมอีกหรือครับ หลังจากมีข่าวของผมกับภรรยาคนอื่น” ชายหนุ่มถามหยั่งเชิงดู
“อย่าไปสนใจข่าวไร้สาระแบบนั้นเลยครับ ผมไม่เชื่อหรอกครับว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ทางที่ดีคุณก็เคลียร์ตัวเองในบทสัมภาษณ์เลยสิครับ” ภาษิตได้ทีรีบยื่นข้อเสนอเสียเลย
รังสิมันต์คิดว่าข้อเสนอนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
“เป็นความคิดที่ดี ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องยืมตัวนักข่าวของคุณนานขึ้นสักหน่อยสำหรับทริปทะเลทรายวาฮิบา”
ภาษิตแทบกระโดดดีใจ นอกจากได้สัมภาษณ์แล้ว รังสิมันต์ยังจะพาไปยังทะเลทรายวาฮิบาเพื่อเปิดเผยชีวิตอีกด้านที่ใครๆ อยากรู้อีกด้วย คราวนี้คุ้มจริงๆ
“เต็มที่เลยครับ นี่เจ้าอรก็ลาพักร้อนต่ออีกทั้งอาทิตย์อยู่แล้ว”
“งั้นหรือครับ ถ้างั้นผมถือเป็นคำอนุญาตจากคุณนะครับ” รังสิมันต์รีบตีขลุมทันที
“แน่นอนครับ เดี๋ยวผมดูแลแม่ของเจ้าอรแทนเองในระหว่างที่มันไปตะลอนสัมภาษณ์คุณ” ภาษิตรีบให้หลักประกันเผื่อว่ารังสิมันต์จะกังวลใจในเรื่องนี้ แม่ของอรอุมาก็เหมือนกับแม่ของเขานั่นแหละ เขาเข้านอกออกในบ้านของรุ่นน้องมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว
“โอเคครับ”
รังสิมันต์กดวางสายไม่นึกว่ามันจะง่ายขนาดนี้ นั่นย่อมแสดงว่าภาษิตให้ความสำคัญต่อการสัมภาษณ์ครั้งนี้มากและยังสนิทกับลูกน้องไม่น้อยถึงได้อาสาดูแลแม่ของหญิงสาวให้ เห็นมาดทอมๆ ห่ามๆ ไม่นึกว่ายัยนั่นจะมีเสน่ห์กับเค้าอยู่เหมือนกัน
แล้วมาจะมา up ต่อค่ะ
อัมราน ^^
ความคิดเห็น