คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3...100%
ตอนที่ 3
เช้าวันต่อมา อรอุมากำลังเปิดประตูรั้วหน้าบ้านตามเวลาที่ไปทำงานตามปกติ แต่วันนี้คงไม่ปกติเท่าไหร่เมื่อมีรถคันหรูมาจอดรออยู่พร้อมกับสารถีหน้าโหดพอๆ กับพวกมือปืนมายืนปักหลัก แล้วพอเธอมองไปผู้ชายคนนั้นก็ชักหน้าคุ้นๆ อ้อ คนของรังสิมันต์ที่เธอเห็นเมื่อวานที่โรงแรมนั่นเอง มาทำไมหว่า
“เชิญครับ คุณรังสิมันต์ต้องการพบคุณ”
อรอุมานิ่วหน้ามองคนของรังสิมันต์ สงสัยเธอคงยังไม่ตื่นดี รังสิมันต์จะมาอยากพบเธอทำไม แค่หน้ายังไม่อยากมองด้วยซ้ำ
“แน่ใจนะ”
“ครับ ถ้าคุณคือคุณอรอุมา กิจไพศาล” เจตบอก ตอนนี้ข้อมูลของอรอุมาถึงมือเจ้านายของเขาแล้ว เหลือแต่จะใช้วิธีไหนในการหยุดข่าวที่จะมาจากผู้หญิงคนนี้เท่านั้น
“นั่นแหละค่ะ ฉัน ทั้งชื่อและนามสกุล พวกคุณนี่ทำฉันทึ่งเหมือนกันแฮะ” อรอุมาไม่ได้กลัวหรอก แค่อยากประชัดเบาๆ ให้หายง่วงเสียหน่อย แต่นายคนนี้คงไม่รู้สึกแฮะถึงได้ตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่า
“เร็วไปที่พูดแบบนั้นครับ”
ป่วยการที่จะไปพูดงัดข้อด้วยก็เห็นๆ อยู่ว่าพวกนักธุรกิจไม่ได้มีแค่คนขับรถธรรมดาๆ เสมอไปหรอก ผู้ชายคนนี้อย่างน้อยก็น่าจะน้องๆ มือปราบนั่นล่ะ แล้วที่เขาบอกว่าเร็วไปนั้นสงสัยจะจริง คนพวกนี้ทำอะไรได้มากกว่าที่เห็นในสังคม
เจตขับรถมาถึงบ้านของรังสิมันต์ใน 15 นาทีต่อมา อรอุมาลงมาจากรถแบบงงๆ เออนะ ตอนที่อยากจะเข้ามาก็ไม่ได้เข้า แต่ตอนนี้ก็อยากเข้ามาเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่เหตุผลที่ต้องมามันทะแม่งๆ คลุมเครือชอบกล แล้วเห็นหน้าเหวอๆ คล้ายเห็นเรื่องมหัศจรรย์ของลุงคนสวนที่เธอไม่รู้ว่าชื่ออะไร เปลือกตาขวาของเธอก็เริ่มกระตุกแฮะ
“ไม่อยากจะเชื่อ หนูทำได้จริงๆ”
“อย่าเพิ่งยินดีกับหนูเลยค่ะ เจ้านายลุงอยากพบหนูเพราะอะไร หนูยังไม่รู้เลย” อรอุมาอยากจะยิ้มให้กว้างกว่านี้ตอนที่ตอบอยู่หรอก แต่ชักยิ้มไม่ออกแฮะพอเห็นท่าทางแข็งๆ ของคนที่รับมา
“เชิญครับ”
อรอุมาสูดหายใจลึกๆ แค่ไปพบนายรังสิมันต์ ไม่ใช่ถูกส่งให้เข้าไปอยู่ในกรงเสือเสียหน่อย อย่างมากถ้ามีเรื่องให้บู๊ ก็แค่โกยแน่บออกมาตั้งหลักก่อน แล้วค่อยว่ากัน
พอเข้าไปในบ้านที่ถ้ามีตาก็รู้ได้แบบไม่ต้องมานั่งคิดให้กลุ้ม นี่แหละคนรวยขนานแท้ กว่าจะถึงห้องที่เจ้าของบ้านนั่งหน้าหงิกรออยู่ เธอก็เดินจนเมื่อยเหมือนกัน ไม่ยักกับเหมือนที่บ้านหลังเล็กๆ น่ารักที่อยู่ชั้นสองตะโกนลงมาข้างล่างก็ได้ยินกัน หรืออยากกอดแม่ให้ชื่นใจก็หาง่ายนิดเดียว
“เท่าไหร่สำหรับการให้คุณหยุดตามผม?”
อรอุมาค้อนขวับ ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงชุดรับแขกสุดหรูด้วยซ้ำ อีตาเจ้าของบ้านก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงยื่นข้อเสนอให้ สงสัยจะเบื่อขี้หน้าของเธอจริงๆ
“ไม่ต้องจ่ายหรอกค่ะ แค่คุณมาให้ฉันสัมภาษณ์ก็พอแล้ว”
รังสิมันต์มองผู้หญิงที่ก่อกวนเขาได้มากกว่านักข่าวคนอื่นๆ อยากจับโยนออกไปจากบ้านนัก แต่ตราบใดที่รูปถ่ายของเขากับนัดดายังอยู่ในมือของนักข่าว เขาจะพยายามอดทนต่อรองให้ถึงที่สุด
“ถามจริงๆ เถอะ คุณอยากได้คำสัมภาษณ์ของผมไปทำไมนักหนา” ชายหนุ่มถามอย่างใจเย็น ไม่เคยมีนักข่าวคนไหนที่เขาต้องมาเสียเวลาขนาดนี้เลย ให้ตายเถอะ
“คุณมีเป้าหมายในการทำงานของคุณ ฉันก็มีเป้าหมายในการทำงานของฉันเท่านั้นเองค่ะ”
เป้าหมายของเธอก็แค่การเล่าเรื่องที่ประชาชนสนใจ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมของแหล่งข่าว ถึงเธอจะตามเขามาหลายวัน ทว่าในหลายวันนั้นเธอไม่เคยขู่เข็ญให้รังสิมันต์มายอมสัมภาษณ์ เธอคิดว่าถ้าทำให้เขาเห็นถึงความตั้งใจจริง อีกไม่นานทุกอย่างก็จะสำเร็จเอง
“เป้าหมายของคุณคือการเอารูปถ่ายของผมกับนัดดามาขู่เพื่อให้ผมสัมภาษณ์ล่ะสิ” แต่รังสิมันต์ไม่ได้คิดเช่นนั้น
อ้อ เข้าใจล่ะ อรอุมาเพิ่งรู้ว่าทำไมรังสิมันต์ถึงได้อยากพบเธอนัก ทั้งๆ ที่เหม็นหน้าจะแย่ นี่หน้าตาของเธอเหมือนคนที่เขาจะกล่าวหาได้มากนักหรือไง
“ฉันพูดตอนไหนหรือว่าจะทำแบบนั้น” พยายามแล้วนะที่จะไม่พูดน้ำเสียงห้วนกับแหล่งข่าว แต่คราวนี้ยากจะอดทนไหวจริงๆ
“แล้วคุณถ่ายรูปของผมกับนัดดาไปทำไม?” เขาย้อนถามหน้าตามั่นใจเต็มที่ว่าอรอุมาคงไม่ต่างจากนักข่าวคนอื่นๆ ที่ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อเป้าหมายของตัวเอง
“มันชินน่ะ แล้วตอนที่ถ่ายฉันรู้เสียที่ไหนว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาคุณปราการ” กว่าจะรู้ก็ตอนจะนอนโน่น แล้วเธอก็ไม่ได้คิดว่าเป็นสาระสำคัญอะไรด้วย
แต่ผู้ชายคนนี้คงไม่คิดอย่างนั้นกระมั้งถึงได้จ้องมายังกับเห็นเธอเป็นมดน่ารำคาญที่น่าบดบี้ให้ตายคามือ
“ตอนนี้รู้แล้วก็เลยเริ่มคิดแล้วล่ะสิ”
“เอ๊ะ คุณนี่ ถ้าฉันจะทำแบบนั้นจะตามคนของคุณมาทำไมล่ะ ชอบมองคนอื่นในแง่ร้ายตลอดหรือไง อ้อ ไม่เชื่อดูหนังสือพิมพ์เช้านี้ก็ได้ ถ้ามีรูปของคุณกับภรรยาคนอื่นฉันยอมให้เตะเลย” อรอุมาเอ่ยท้าอยากลุกหนี ทว่าพอคิดจากมุมของเขา โอเค รังสิมันต์จะกังวลในเรื่องนี้ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก แต่บอกอะไรก็ช่วยฟังกันบ้างได้ไหม
“แล้วคุณจะเอายังไง” รังสิมันต์ไม่มีทางเชื่อพวกนักข่าวที่หลายครั้งบิดเบือนความเท็จให้เป็นความจริงได้หรอก ทุกอย่างในโลกนี้ไม่เคยมีอะไรฟรี ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกัน
“ก็ไม่เอายังไง ฉันเป็นนักข่าวมีจรรยาบรรณ ไม่ทำเรื่องต่ำๆ แบบนั้นหรอก เรื่องแบบนี้ถ้าจริง อีกสักพักสังคมก็รับรู้เองแหละ” นักข่าวสาวตอบเสียงสะบัด เชอะ! คิดจะเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน แล้วจะมากลัวอะไรกับข่าว
“เท่าไหร่สำหรับรูปและเมมโมรี่ที่คุณบันทึกภาพไว้”
เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง แต่ก็เกือบทุกอย่าง ไม่มีข้อยกเว้น แล้วยิ่งเป็นนักข่าวที่อยากได้ข่าวเพื่อนำไปสู่เงิน มีหรือที่จะไม่ตะครุบข้อเสนอที่เขากำลังจะยื่นให้เพื่อตัดปัญหา
“เก็บเงินของคุณไว้เถอะ ฉันไม่อยากได้”
อรอุมามั่นใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะว่า ความหล่อกับนิสัยบางทีก็สวนทางกันจริงๆ โดยเฉพาะนายรังสิมันต์คนนี้ นอกจากไม่เชื่อใจใครแล้วยังเห็นเงินเป็นพระเจ้า เงินสำคัญก็จริง แต่เงินที่ได้มาจากวิธีต่ำๆ เธอจะภูมิใจได้อย่างไรกัน
“แล้วผมจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณจะไม่เปลี่ยนใจเอารูปนั้นลงหนังสือพิมพ์”
แม้อรอุมาจะทำให้เขาทึ่งอยู่บ้างเมื่อปฏิเสธเงินอย่างไม่ไยดี แต่ใจของมนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา วันนี้เธออาจปฏิเสธเงินอย่างไม่ไยดี แต่ในอนาคตมันก็ไม่แน่หรอก
“ก็รอดูไปแล้วกัน ฉันไม่รู้จะพูดยังไงให้คุณเชื่อเหมือนกัน” หญิงสาวชักเบื่อเหมือนกัน ให้พูดจนปากฉีกถึงใบหู ถ้ารังสิมันต์ตอกหมุดว่าไม่เชื่อเธอก็เสียเวลาเปล่า
รังสิมันต์หรี่ตามองอรอุมาอย่างพิจารณา คนอย่างเขาไม่มีทางมอบความไว้ใจให้ใครง่ายๆ เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำแน่ๆ หรือไม่นี่อาจจะเป็นเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงคนนี้เพื่อให้ได้ทำหน้าที่ของตัวเองก็ได้
“อย่าคิดนะว่าเรื่องนี้จะทำให้ผมยอมสัมภาษณ์”
อรอุมายักไหล่แบมือ ถ้าให้ได้อารมณ์มากกว่านี้คงต้องเบะปากด้วย หน็อยแน่ะ ใครจะไปคิดมากเหมือนเขาเล่า เมื่อก่อนเขาเป็นฝ่ายเหม็นหน้าเธอ ตอนนี้เราต่างเหม็นหน้ากันและกัน ทางเดียวเท่านั้นทำงานให้จบๆ ไปซะ
“ไม่เปลี่ยนใจหน่อยหรือคะ ถ้าคุณหลับหูหลับตายยอมๆ ให้สัมภาษณ์ก็ไม่ต้องมารำคาญทุกครั้งที่เห็นหน้าฉันหรอก จริงไหม?”
“จริง แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น”
จบ...ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ อรอุมาคงขอร้องรังสิมันต์ครั้งนี้ครั้งเดียวพอ อย่างมากก็แค่ไปบอกภาษิตว่างานนี้เธอของผ่าน ไปหานักข่าวคนอื่นมาทำแทนเถอะ
“โอเค ก็ตามใจคุณแล้วกัน ฉันก็แค่มาตามคุณเป็นงานอดิเรกเท่านั้น ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ” เธอไม่ได้หวังคำตอบอะไร ในเมื่อเจ้าของบ้านเลิกสนใจเธอตั้งแต่ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านแล้ว “ถ้าไม่มีฉันกลับล่ะ”
“เดี๋ยว...” รังสิมันต์เรียกไว้พลางวางหนังสือพิมพ์ลง ปรายตามองไปที่ประตูแล้วออกคำสั่ง “เจตไปส่งคุณนักข่าวให้ถึงตึก People ด้วย ดูแลให้ดีล่ะ อย่าให้แวะระหว่างทางเด็ดขาด”
อรอุมาอยากจะกระโดดไปจับคนออกคำสั่งเจต ผู้ชายที่ไปรับเธอ แล้วทุ่มลงพื้น สงสัยผู้ชายอย่างรังสิมันต์คงไม่เชื่อใจใครหรือไม่ก็กว่าจะเชื่อใจใครสักคนคงต้องใช้เวลาเป็นหลายปีกระมัง ถึงว่าเขาไม่ค่อยมีเพื่อนในวงการธุรกิจเท่าไหร่ ช่างเหอะ รีบกลับดีกว่า วันนี้เธอต้องเดินทางไกลไปสัมภาษณ์เสียด้วยสิ
หลายวันผ่านไปโดยที่พาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ยังไม่มีข่าวของรังสิมันต์กับนัดดาอย่างที่ชายหนุ่มต้องการให้เป็นเช่นนั้น ซึ่งก็นับว่าอรอุมาสร้างมุมมองใหม่ๆ ที่เขาเคยมีต่อนักข่าว แต่ถึงจะไม่มีข่าวต้องห้าม หญิงสาวยังคงเยี่ยมหน้ามาให้เขาเห็นบ่อยๆ อย่างรู้ดีเชียวล่ะว่าตารางชีวิตของเขามีอะไรบ้างในแต่ละวัน
ฉะนั้นวันนี้รังสิมันต์คิดว่าจะไม่ยอมให้อรอุมาได้ใจอีก เขาต้องเปลี่ยนกิจกรรมยามเย็นด้วยการขับรถมานอกเมืองเพื่อมาหาอารัญ...พ่อของเขานั่นแหละถึงจะดี
“ว่าไงเจ้าบราส ทำไมวันนี้ถึงมาหาพ่อได้” ผู้เป็นพ่อเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี มือข้างหนึ่งถือกรรไกรตัดกิ่ง ส่วนมืออีกข้างเปื้อนดินจนดำหม่น
อารัญเป็นชายชราร่างสูงใหญ่ ใบหน้าไทยๆ แต่ยามยิ้มยิ่งเพิ่มเสน่ห์ซึ่งเป็นสิ่งที่เขามีอย่างล้นเหลือในวัยหนุ่ม และนั่นก็กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ครอบครัวอับปางลง ซึ่งหลังจากแยกทางกับคารีมาฮ์...ภรรยาคนแรกและเป็นแม่ของลูกแล้ว อารัญกับอดีตภรรยาก็เปลี่ยนจากความรักที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของคนรัก เป็นความรักแบบเพื่อน รังสิมันต์จึงเติบโตมาโดยที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อและแม่ เพียงแต่เขาต้องเดินทางระหว่างประเทศไทยกับประเทศโอมานบ่อยๆ เท่านั้นเอง
“เบื่อผู้หญิงครับ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับนอนลงบนแปลยวนที่ศาลากลางสวน
“อ้าว ก็แย่นะสิ พ่อได้ข่าวแว่วๆ มาว่าแม่กับพ่อเลี้ยงแกน่ะกำลังหาผู้หญิงมาเป็นเจ้าสาวให้อยู่ไม่ใช่เรอะ” นอกจากอารัญไม่ถามแล้วยังสำทับอีกต่างหาก แล้วพอเห็นเจ้าลูกชายถอนใจพรืดก็เดาได้เลยว่าคงรู้ตัวมาบ้างแล้ว
“นั่นก็เบื่อเหมือนกัน”
อารัญคิดว่าแปลกจริงๆ นั่นล่ะ ปกติแล้วรังสิมันต์ไม่เคยต้องโอนอ่อนตามใคร ถ้าผู้หญิงคนไหนตื๊อนักลูกชายของเขาจะหยุดและขีดเส้นแบ่งความเป็นส่วนตัวไม่ให้ใครเข้ามาย่างกรายเด็ดขาด แต่คราวนี้ทำหน้ายังกับเป็นฝ่ายโดนล่า น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
“บอกเรื่องจริงมา”
รังสิมันต์ลืมตามองพ่อ จริงๆ แล้วเขาเริ่มชินแล้วด้วยซ้ำที่อรอุมาตามอยู่เรื่อยๆ แต่การตามของผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาหมดอารมณ์ไปกับบรรดาสาวๆ ที่ควงด้วย เย็นมาก็ไม่อยากไปไหนให้หญิงสาวเห็นว่าเขาทำอะไรบ้าง
“ผมกำลังล่อให้นักข่าวตาม ดันมารู้ตารางชีวิตของผมดีนัก หลอกให้เขวจะได้จับทางผมไม่ถูก” ทำให้ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาเดินทางไปทำงาน กลับบ้านแล้วก็ไปออกกำลังกายเท่านั้น น่าเบื่อชะมัด
“ก็ดีสิมีนักข่าวมาตาม แกจะได้โปรโมทบริษัทของแกกับของพ่อด้วย ดีจะตาย” อารัญเห็นเป็นเรื่องดีไป
แต่รังสิมันต์คงยังไม่เห็นว่าเป็นเรื่องดีในระยะเวลาอันใกล้นี้หรอก ตราบใดที่ภาพของเขากับนัดดายังอยู่กับอรอุมา เขาคงวางใจไม่ได้
“เอาไว้ดูพฤติกรรมก่อนครับ ถ้าเป็นคนดีจริงๆ ผมจะคิดเรื่องสัมภาษณ์อีกที”
“ไหนๆ ก็มาแล้ว งั้นกินข้าวเย็นกับพ่อเลยแล้วกัน เดี๋ยวค่อยกลับ”
“ดีเหมือนกันครับ” รังสิมันต์เออออด้วยไม่เกี่ยงงอน
นานเหมือนกันที่เขากับพ่อไม่ได้ทานข้าวด้วยกัน เมื่อก่อนมักจะเป็นพ่อที่ไม่ว่างในขณะที่เขาเรียน ตอนนี้กลายเป็นเขาไม่ว่าง ในขณะที่พ่อมีความสุขกับงานสวนเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านหลังนี้
อรอุมาเกือบจะจบสัปดาห์ที่แสนวุ่นวายไปในเวลา 5 โมงเย็นอยู่แล้ว จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องซึ่งเป็นลางไม่ดีเท่าไหร่ หลายๆ หนที่กำลังเริงร่าก็ถูกโทรตามให้ไปทำข่าวแบบปัจจุบันทันด่วน ถ้าวันนั้นนัดใครไว้ก็ลืมไปได้เลย เผลอๆ อาจลืมด้วยซ้ำว่านัดใครไว้อีกต่างหาก เพื่อนฝูงจะเลิกคบเธอก็เพราะอย่างนี้แหละ
หญิงสาวมองเบอร์แปลกๆ แต่กดรับพลางเก็บของไปด้วย ปากก็เอ่ยทักทายเจ้าของเบอร์ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้
“สวัสดีค่ะ”
“ผมยอมตกลงให้คุณสัมภาษณ์แล้ว”
เสียงแบบนี้ ชอบพูดอะไรห้วนๆ สั้นๆ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรังสิมันต์ หญิงสาวดีใจในวูบแรก แต่ในเสี้ยววินาทีเดียวกันนั้นก็ชักตะหงิดๆ ไม่ไว้ใจ คนที่หนีนักข่าวมาตลอดทำไมจู่ๆ ถึงยอมให้สัมภาษณ์ง่ายๆ
“คุณพูดจริงใช่ไหมน่ะ?”
“แต่มีข้อแม้ว่าผมจะไม่ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศไทย” รังสิมันต์ไม่ได้คิดจะให้อรอุมาได้สัมภาษณ์เขาง่ายๆ ตั้งแต่แรก แต่เรื่องอะไรจะบอก ถ้าเสนอเงื่อนไขแล้วทำไม่ได้ จะได้เลิกตามเขาเสียที
“อ้าว แล้วคุณจะให้ฉันไปสัมภาษณ์คุณที่ไหน พระจันทร์หรือไง” เธอว่าแล้วเชียว คนอย่างอีตารังสิมันต์ที่แสนเกลียดนักข่าวเข้าไส้จะมาใจดี
รังสิมันต์หัวเราะชอบใจ ก็ใครว่าเขาจะไปไกลขนาดนั้นเล่า
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ถ้าหนังสือของคุณอยากสัมภาษณ์ผมจริงๆ ก็คงต้องลงทุนหน่อยล่ะ อีก 2 วันผมจะเดินทางไปกรุงมัสกัต (Muscat) ถ้าหนังสือของคุณกล้าลงทุนส่งนักข่าวตามไป ผมก็จะยอมให้สัมภาษณ์”
ต้องใช้ความเร็วบวกเส้นสายพอสมควรนั่นล่ะ ถึงจะเดินทางไปพร้อมกับเขาได้ งานนี้เขาให้โอกาสก็จริง แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ถือว่าอย่ามารังควานให้เขารำคาญอีก
อรอุมาเดาได้ทันทีว่ารังสิมันต์คิดอะไร เจ้าเล่ห์นักนะ แต่เขาคงไม่รู้ว่าถ้าภาษิตต้องการให้เธอเดินทางในอีก 2 วันข้างหน้า รุ่นพี่ของเธอทำไมจะทำไม่ได้
“ได้ บอกไฟลท์กับปลายทางมาได้เลย”
ชายหนุ่มบอกเที่ยวบินและเวลาให้หญิงสาวที่ตั้งหน้าตั้งตาจดยิก
“อ้อ เตรียมของไปมากหน่อยก็ดี ผมอาจจะสมนาคุณด้วยการเชิญคุณไปเป็นแขกที่วาฮิบา ถ้าคุณสนใจ” เขายังล่อหลอกให้เหยื่อทุรนทุราย หลังจากเขาขึ้นเครื่องไปยัยกระป๋องน้ำอัดลมต้องเสียดาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว แค่คิดก็อยากให้ถึงเวลานั้นเร็วๆ
“วาฮิบา คืออะไร?” อรอุมาถามกลับ ยังไม่สำเหนียกเท่าไหร่ว่ารังสิมันต์ไม่มีวันพาเธอไปที่นั่น
“ไปเสริชหาในกูเกิ้ลสิ เดี๋ยวก็รู้เอง” บอกเสร็จคนที่จู่ๆ ก็โทรมาก็วางสายไป
อรอุมาอ้าปากค้างกำลังจะถามต่อ อะไรว้า ก็สงสัยตอนนี้นี่ แล้วอะไรของเขา นึกจะโทรก็โทร นึกจะวางก็วาง ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ หาความรู้สึกดีๆ จากใบหน้าหล่อๆ ไม่ได้เลย ให้ตายเถอะ
อรอุมารีบรี่ขึ้นไปชั้น 7 พอเห็นว่าคนบ้างานอย่างภาษิตยังไม่กลับไปอย่างที่คิด คนบ้างานเหมือนกันก็เลยมาสุมหัวกันทันที โดยหญิงสาวเล่าเงื่อนไขให้รุ่นพี่ฟังด้วยใบหน้าตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายวิ้งๆ เหมือนหนุ่มน้อยที่เพิ่งสมรักอย่างไรอย่างนั้นตามความคิดพิเรนทร์ๆ ของนักข่าวสาว
“พี่ษิตจะเอายังไงล่ะ?” เล่าจบตบท้ายด้วยคำถามสำคัญกันไปเลย
“แกไปเก็บของรอได้เลย เดี๋ยวเรื่องตั๋วกับค่าเดินทาง พี่จัดการให้เอง ขอให้ได้สัมภาษณ์คุณรังสิมันต์เป็นพอ” ภาษิตหมายมาด ถ้าได้บทสัมภาษณ์ของรังสิมันต์ก่อนหนังสือเล่มอื่นๆ ก็คุ้มและทำให้ People เหนือว่าคู่แข่งแล้ว
อรอุมาหรี่ตามองรุ่นพี่ที่ลงทุนกับการสัมภาษณ์รังสิมันต์เหลือเกิน หรือว่าไอ้ที่ครองตัวเป็นโสดมาเป็นนานสองนานก็เพราะ...ไม้ป่าเดียวกันหว่า
“ถามจริงๆ เถอะ พี่ษิตแอบชอบอีตารังสิมันต์อยู่หรือเปล่าเนี่ย ลงทุนซ้า ถ้าชอบขนาดนั้นไม่บินไปสัมภาษณ์เองเลยล่ะพี่”
ภาษิตแทบเต้นผาง ถึงเขาจะเป็นผู้ชายดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพ แต่ชั่วชีวิตนี้ไม่ได้คิดจะชอบผู้ชายด้วยกันนะว้อย
“ไอ้รุ่นน้องเวร ช่างคิดนะแกนี่ มันเป็นเรื่องของการแข่งขันว้อย หนังสือเล่มอื่นก็อยากสัมภาษณ์คุณรังสิมันต์เหมือนกัน เพิ่งมีแกนี่แหละที่เขายื่นข้อเสนอให้แทนที่จะจับโยนออกมา”
นักข่าวสาวพนักหน้ายิ้มๆ ก็ไม่ได้ปักใจคิดขนาดนั้นหรอกน่า เวลาเห็นคนหน้าเฉยๆ แดงก่ำด้วยความโมโห อยากอัดรุ่นน้อง แต่ทำไม่ได้นี่ก็ตลกดีเหมือนกัน
“ถ้างั้นทำข่าวเสร็จแล้วขอพักร้อนเที่ยวซัก 7 วันต่อได้ปะ” แกล้งขอไปอย่างนั้นแหละ
“เออ ได้ แค่ส่งบทสัมภาษณ์กับรูปมาก่อนก็พอ” ภาษิตใจป้ำเปสุดฤทธิ์
“ใจดีจริงๆ รุ่นพี่เรา”
“เออ รีบๆ ง้างปากคุณรังสิมันต์ให้ได้แล้วกัน” ชายหนุ่มยังสั่งทิ้งท้ายก่อนก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
อรอุมาเดินออกมาจากห้องพลางคิดอย่างเชื่อหมดใจแล้วล่ะว่าอีตารังสิมันต์น่าจับมาสัมภาษณ์จริงๆ เรื่องยอดขายน่ะไม่เท่าหรอก แต่เรื่องแสดงความเหนือชั้นนี่ภาษิตไม่เคยยอมใครจริงๆ
และแล้วภาษิตก็ทำได้จริงๆ อรอุมาเดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิพร้อมตั๋วเครื่องบินที่รุ่นพี่ของเธอลงทุนขับรถเอาไปให้ถึงบ้านหลังเลิกงาน เนื่องจากรังสิมันต์จะเดินทางในเวลา 5 ทุ่ม ทำให้เธอมีเวลาเตรียมตัวเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า โดยมีทิพยากับคุณนายมารตีช่วยพลางบ่นอีกกระบุงถึงความฉุกละหุก แล้วก็รีบร้อนขึ้นรถที่ปราบดาเป็นคนขับมาส่งด้วยความเร็วเกินปกติเพราะเธอกำลังจะตกเครื่องบินอยู่รอมร่อ ก่อนจะวิ่งหน้าเริดไปหารังสิมันต์ซึ่งก็เห็นแวบๆ ว่ามีเจตเดินทางมาด้วย
“คุณอรอุมาเดินทางมาถึงแล้วครับ” เจตบอกเจ้านายพลางเดินมารับกระเป๋าของอรอุมาไปจัดการให้
พอรังสิมันต์หันมาอรอุมาก็กำลังก้มตัวยันมือกับเข่านั่งหอบพอดี ให้มันได้อย่างนี้สิ แทนที่จะเดินอย่างสง่างามในฐานะที่ทำตามเงื่อนไขเขาได้ ดันมาหอบแฮกหมดท่าตรงหน้าเขานี่
“แปลกใจล่ะสิว่าฉันตามคุณมาจนได้”
เรียวปากหนากดยิ้มเมื่ออรอุมาพูดไม่ผิดหรอก เขาแปลกใจและไม่หวังให้ตัวเองเห็นหน้าของผู้หญิงคนนี้เลย
“ก็ไม่เชิง ตอนที่ผมบอกไปเรื่องสัมภาษณ์น่ะ ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าหนังสือของพวกคุณต้องรีบตะครุบเงื่อนไข แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือคุณนั่นแหละ”
“จะว่าอะไรฉันอีกล่ะ...คะ” โอเคหายเหนื่อยแล้ว หางเสียงก็เลยเริ่มมาเดี๋ยวจะหาว่าหนังสือ People มีแต่นักข่าว ‘เถื่อน’ ซึ่งไม่จริงสักนิด
“ผมนึกว่าจะเป็นนักข่าวคนอื่นที่ไม่ใช่คุณน่ะสิ” เขาบอก
เธอกับเขาจะพูดกันดีๆ ได้เกินสองประโยคไหมเนี่ย
“แล้วทำไมถึงจะไม่ใช่ฉันล่ะ ฉันมีข้อเสียตรงไหนที่คุณรับไม่ได้จนไม่อยากให้สัมภาษณ์” เธอชักอยากรู้เหมือนกัน
“ก็เพราะคุณเป็นผู้หญิงยังไงล่ะ”
รังสิมันต์มองร่างเพรียวตั้งแต่ใบหน้าที่ถ้าเธอไม่ใช่นักข่าวคงเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งในสายตาของเขา แล้วยังการแต่งตัวบอกถึงความไร้รสนิยมอย่างที่ผู้หญิงทั่วไปมีอย่างกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดที่สวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ ผมรึก็มัดลวกๆ เหมือนใบหน้าที่อย่างมากคงผัดหน้ามาอย่างเดียว แต่ถึงจะดูทะมัดทะแมงเก่งกาจขนาดไหนเธอก็ยังไม่ควรเดินทางในครั้งนี้
“ทำไม เป็นผู้หญิงแล้วไงคะ มีสองมือสองเท้าเหมือนกับผู้ชายนั่นแหละ” อรอุมาเท้าเอวถาม หน้าจริงจัง ใครจะว่าเธอเรื่องอื่นก็ได้ แต่มากีดกันเพราะเรื่องเพศ หลายปีที่ผ่านมาเธอได้พิสูจน์ให้นักข่าวผู้ชายหลายต่อหลายคนเห็นแล้วว่าเราเท่าเทียมกันในด้านของความสามารถ
“คุณไม่รู้จริงๆ หรือว่าอะไรที่ผู้ชายทำได้ แต่ผู้หญิงทำไม่ได้น่ะ” รังสิมันต์ถามพลางปรายตาจ้องมองที่เรียวปากของนักข่าวสาว ก่อนจะลดระดับลงมา
“ทะลึ่ง!”
“ตรงไหนกันคุณ ผมหมายถึงผู้ชายสมบุกสมบันได้มากกว่าผู้หญิงต่างหากล่ะ ใครกันแน่ที่ทะลึ่ง” เขาแก้ตัวได้อย่างแนบเนียน
ตาจ้องตาราววัดใจจนกระทั่งเสียงประกาศขึ้นเครื่องดังขึ้นทำให้สองหนุ่มสาวต้องสงบศึกย่อมๆ กันชั่วคราว อรอุมามั่นใจว่ารังสิมันต์ไม่ได้คิดอย่างที่พูดออกมาแน่ๆ แต่ถึงพูดย้อนไปคงเข้าตัวเปล่าๆ เฉยเสียให้มันผ่านไป
“เชิญครับ ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว” เจตเข้ามาบอกเจ้านายแต่ก็เผื่อแผ่มาถึงนักข่าวสาว
ทั้งสามคนเดินตามๆ ผู้โดยสารคนอื่นๆ ขึ้นเครื่องบินไป ผ่านพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ทว่าอรอุมากลับเดินไปยังชั้นโดยสารอีกฝั่ง ซึ่งไม่ใช่ชั้นเดียวกับรังสิมันต์
“อ้าว ไม่ได้มานั่งชั้นเดียวกันเรอะ”
นักข่าวสาวหันมาแกล้งมองตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้าของรังสิมันต์บ้าง ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“โห ก็คุณเล่นนั่งเฟิร์สคลาส ฉันน่ะชั้นประหยัด แต่ก็ถึงมัสกัตเหมือนกัน แล้วเจอกันค่ะ”
นั่นล่ะสะใจอรอุมาเป็นที่สุด รู้หรอกว่าเขารวย แต่ถ้าเขายอมลดความไฮโซลง แล้วเอาเงินไปใช้ให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ก็คงจะดี รู้ดีว่าเป็นนางงามไม่ได้เพราะความงามมีจำกัด แต่การที่ต้องเติบโตมาด้วยความพยายามของแม่และความรักดีของตัวเอง ทำให้เงินมีค่ามากกว่าความสะดวกสบายเพียงชั่วครู่ชั่วยาม
อรอุมาหลับแทบจะในทันทีที่เครื่องบินเหินขึ้นสู่อากาศ คร่าวๆ ที่รู้นั่นคือจากกรุงเทพฯไปมัสกัตต้องใช้เวลาเกือบ 8 ชั่วโมง แล้วเธอจะมานั่งถ่างตารอให้เครื่องลงที่โอมานทำไม หลับเอาแรงนั่นแหละดีที่สุด เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พร้อมกับที่หญิงสาวห่างไกลจากประเทศไทยออกไปทุกที ทว่าในเวลาตี 5 ของประเทศไทยซึ่งเท่ากับเวลา 2 ทุ่มของมัสกัตข่าวใหญ่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกับเจตยื่นไอแพดให้รังสิมันต์ดูสิ่งที่ไม่ควรเกิดในเช้าวันนี้ของประเทศไทยที่พวกเขาเพิ่งจากมา
“มีอะไรหรือเจต?” รังสิมันต์ตื่นมาได้สักพักแล้วรับไอแพดมาพลางถามเจต
“คุณน่าจะได้อ่านข่าวนี้ครับ”
รังสิมันต์อ่านข่าวที่เจตเปิดไว้ให้เขาหลายลิงค์ ซึ่งแต่ละข่าวก็ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวเดียวกันทั้งนั้น รวมถึงรูปที่หนังสือพิมพ์นำไปลงด้วย รูปที่มีเขากับนัดดานั่งอยู่ด้วยกันที่คลับในคืนนั้น โดยเป็นจังหวะที่มือของเขาจับมือของนัดดาไว้ หากมองในแง่ร้ายเขาก็คงไม่พ้นข้อหาเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน เมื่อนัดดาเพิ่งจัดการให้ทนายซึ่งเป็นคนของเขาฟ้องหย่าปราการ
“มีทั้งหมดกี่ฉบับที่ลงข่าวนี้” เขาถามเสียงเรียบ
“5 ฉบับครับ ในส่วนของหนังสือ People ยังไม่ถึงวันวางแผงจึงยังบอกไม่ได้ว่าจะมีข่าวของคุณในนั้นด้วยหรือเปล่า”
“อรอุมา นี่เธอกล้าหลอกคนอย่างฉันเรอะ” รังสิมันต์แค้นจนอยากจับผู้หญิงคนนั้นมาเขย่าถามให้หัวสั่นหัวคลอน แต่นั่นมันยังน้อยไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอได้ทำ ในเมื่อในคลับมีอรอุมาเป็นนักข่าวคนเดียวที่จะทำอย่างนี้ได้ คำว่าเกลียดชังคงน้อยไปกระมัง
“ผมยังไม่แน่ใจครับ แต่ภาพที่ถ่ายเป็นวันเดียวกับที่คุณอรอุมาตามคุณไปที่คลับ” เจตเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คืนนั้นเขาพบนักข่าวเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ฉะนั้นอรอุมาคือคนที่น่าสงสัยที่สุด
“ลงข่าวเองไม่ได้ ก็ขายข่าวให้สำนักข่าวอื่นล่ะสิท่า” เขาคงดูคนผิดไปจริงๆ เกือบสัปดาห์ที่ผ่านมาอรอุมาคงทำให้เหยื่อหน้าโง่ตายใจเท่านั้น
“พอถึงมัสกัต ผมจะไม่แวะที่ออฟฟิศแล้ว แต่จะไปวาฮิบาเลย คุณไปบอกคนของเราให้เตรียมตัวเดินทางด้วย” รังสิมันต์สั่งและนั่นหมายรวมถึงอรอุมาด้วย
“ครับ คุณรังสิมันต์” เจตรับคำสั่งและรีบจัดการนัดหมายทันที
รังสิมันต์นั่งหน้านิ่งสมองคิดอย่างเดียวเท่านั้น ลงโทษคนที่กล้ามาหลอกเขาให้ตายใจ อรอุมาคงคิดว่าพอเดินทางมาแล้วจะมีข่าวอะไรที่ประเทศไทยเขาคงไม่รู้เรื่อง เป็นไอ้โง่ที่โดนสังคมตราหน้าว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน ส่วนเธอได้ทั้งข่าวได้ทั้งเงิน แถมยังได้สัมภาษณ์เขาอีก หวังไปเถอะว่าจะได้ทุกอย่างที่วาดฝัน เขานี่แหละจะดับฝันของผู้หญิงคนนั้นเอง
ความคิดเห็น