ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวานรักพยัคฆ์ร้าย..Re-Up

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.32K
      18
      6 มี.ค. 62

     

    แสงไฟสองลำช่วยส่องให้เห็นทางเรียบๆ ที่มีหญ้าขึ้นหรอมแหรมและสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ที่หนาตา จนเหมือนเรากำลังเข้าป่าเข้าไปทุกที ทว่าเสียงนกกลางคืนร้องประหนึ่งการต้อนรับสู่ดินแดนสยองขวัญมากกว่าจะเป็นปางไม้ธารธีรา

    ดาวิกาเก็บปากเก็บคำไม่อยากพูดอะไรเพราะเท่าที่เห็นในตอนนี้ก็ทำให้เธอเริ่มกลัวหน่อยๆ แล้ว ชักไม่แน่ใจว่าลูกชายของลุงดีพาเธอมาฆ่าหมกป่าหรือจะพาไปยังที่พักในปางไม้กันแน่ อีกทั้งโทรศัพท์ของเธอถูกปิดเครื่องไว้เพราะพ่อไม่ต้องการให้ติดต่อกับใครและไม่ต้องการให้ใครติดต่อกับเธอ แน่ล่ะในเวลานี้เธอเองก็ไม่อยากคุยกับใครเช่นกัน

    ทำไมเงียบ ตัวปลอมหรือเปล่าน่ะ หรือว่าหิวก็บอก ฉันจะได้รีบขับให้เร็วกว่านี้ธีมาถามขึ้น เขาไม่ค่อยชิน ทุกทีที่เจอกันถ้าไม่มีเรื่อง เขาก็ต้องถูกใส่ไม่ยั้ง

    ดาวิกาเหล่ใส่ เธออุตส่าห์เงียบๆ แล้วยังจะมากวนโมโห

    ตอนนี้ลุงดีไม่อยู่ด้วย นายอยากสมน้ำหน้าฉันจนแทบขาดใจก็พูดมาเถอะ ถ้าพูดแล้วก็พูดมาให้หมด ฉันไม่อยากฟังซ้ำอีก ดาวิกามองหน้าธีมาเพราะเรื่องกวนโมโหเธอถนัดไม่แพ้เขาเหมือนกันนั่นแหละ  ไงล่ะ คราวนี้ทำไมเงียบ

    ธีมาถอนใจพลางส่ายหน้า ต่อให้คนใจเย็นคงทนยัยนักร้องนี่ได้ไม่เกินวัน เขาไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย แค่ถาม เห็นเงียบก็แหย่หน่อยๆ เผื่อจะเลิกถอนใจพรืดๆ อย่างกับแบกโลก

    เธอมันแค่เด็กที่ถูกโอ๋จนเคยตัว พอมีปัญหาก็เอาแต่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ว่าจะทำผิดอะไรก็มีแต่คนคอยแก้ปัญหาให้ คอยประคองจนจะเดินเองไม่เป็นอยู่แล้ว ว่าไปคงเสียปากเปล่าๆ

    นายว่าฉันเหรอ ดาวิกาแหวลั่น

    ว่าพวงมาลัยรถมั้ง ธีมาหัวเราะเสียงดังกว่า

    ฉันจะกลับ

    ธีมาจอดรถจะได้สั่งสอนได้ยาวๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องรีบกลับไปปางไม้เพราะมีปัญหาเครื่องจักรแล้วล่ะก็เขาไม่ขับรถเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อยหลายรอบหรอก แล้วดูแม่เจ้าประคุณช่างไม่เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยของใครนอกจากสิ่งที่ตัวเองต้องการ

    เธอนี่นอกจากเอาแต่ใจแล้วยังสุรุ่ยสุร่ายอีก บ้านเธอน่ะมีบ่อน้ำมันสูบมากลั่นใช้เองหรือไง คิดบ้างไหมว่าประเทศไทยต้องซื้อน้ำมันมาให้พวกมีรถใช้ตั้งเท่าไหร่ เราขายข้าวนะ ไม่ใช่น้ำมัน เป็นประเทศกำลังพัฒนามาเกิน 30 ปีแล้ว จะใช้อะไรก็คิดบ้างอะไรบ้าง และที่สำคัญฉันมีงาน แต่แบ่งเวลาออกมารับเธอเพราะพ่อของเธอขอให้พ่อของฉันรับเธอมาหลบนักข่าว ถึงไม่สร้างประโยชน์อะไรก็อย่าสร้างปัญหาเลยนะ ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างเถอะ

    ดาวิกาหน้าชาตะลึงอึ้ง เท่าที่ผ่านมาเธอรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ามากพอแล้ว พอมาได้ยินอย่างนี้ยิ่งกว่าถูกจี้ที่ใจ

    พ่อไม่ได้ส่งฉันมาให้นายเลคเชอร์นะ

    ฉันอายุมากกว่าเธอตั้งหลายปี ควรเรียกว่าพี่ ไม่ใช่นาย ไอ้คำว่านายน่ะเอาไว้คุยกับเพื่อน ฉันไม่ใช่เพื่อนของเธอเข้าใจไหม ธีมาสั่ง เด็กแบบนี้ตามใจไปก็เคยตัว ดัดนิสัยเสียบ้าง งานนี้พ่อของเขาหรือพ่อของยัยลูกจันทร์จะประเคนถีบให้เขาหว่า อย่างน้อยพี่ปายคงไม่มาร่วมด้วยช่วยกันล่ะน่า

    ฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนด้วยสักหน่อย ทำไมพ่อต้องส่งฉันมาที่นี่ด้วย ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอกันอีก จ้างให้ฉันก็ไม่มา ดาวิกาว่ากลับเลยถูกมองมาตาขวางแล้วส่ายหน้าใส่

    อย่างกับฉันอยากดูแลนักร้องอันธพาลอย่างเธอตายละยัยลูกตะกั่ว

    อ๊าย! ลูกจันทร์ย่ะ

    ธีมาเบ้ปากใส่พลางเปลี่ยนเกียร์ขับรถต่อไป เมื่อรู้แล้วว่าพูดให้ตายคงไม่ได้เรื่องได้ราว

    เอาไว้ทำตัวดีพอก่อนสิ ฉันถึงจะเรียก เข้าใจมั้ยยัยลูกตะกั่ว

    ดาวิกาค้อนใส่พูดแมวๆ แบบนี้ก็อย่าเอาเลยคำขอบคุณน่ะ แม้เธอจะจำได้ว่าเขาช่วยพาหนีนักข่าวเมื่อคืนก่อน แต่เอาไว้เขาทำตัวดีๆ เมื่อไหร่เธอจะขอบคุณให้เป็นบุญหูแล้วกัน

     

    พลิศกลับมาถึงบ้านก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวโปรดตรงสวนหย่อมข้างบ้าน ตั้งแต่ค่ำจนเลยเวลาอาหารแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้าบ้าน ไปรยาเดินไปหาสามีรู้ดีว่าคนเป็นพ่อคงไม่พ้นเป็นห่วงลูก แต่ถ้ายังให้ดาวิกาอยู่ที่นี่ชีวิตคงเหมือนติดคุกเพราะไปไหนมีนักข่าวตามตลอด ขนาดอยู่ในบ้านยังถูกส่องกล้องเข้ามาแอบถ่าย ไม่แน่ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธอกับพลิศอาจถูกแอบถ่ายรูปอยู่ก็ได้

    ยังไม่สบายใจอยู่หรือคะ หญิงสาวนั่งลงบนพื้นหญ้า มือข้างหนึ่งจับมือของสามีไว้

    ผมเป็นห่วงลูกน่ะปาย แกคงคิดว่าผมผลักไส ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยจริงๆ นะ แต่ถ้าปล่อยเอาไว้อย่างนี้แกคงทนไม่ไหว ทั้งนักข่าว แล้วยังพวกแอนตี้แฟนคลับ ถ้าคลิปหลุดออกมา ผมไม่น่าอนุญาตให้แกเข้าวงการเลย พลิศถอนใจในความผิดพลาดของลูกย่อมเริ่มมาจากเขาเป็นอันดับแรก

    คุณลิศอย่าเสียใจในสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วเลยนะคะ เสือเป็นคนดี ปายรับประกันว่าเราตัดสินใจไม่ผิด

    ผมเชื่อปาย แต่ยังกังวลใจห่วงลูกอยู่ดี

    ไปรยาหันมายิ้มให้กำลังใจพลิศ วางใจเถอะค่ะ เสือน่ะปากร้าย แต่ใจดี เคยดูแลยัยกวางมาแล้ว ทั้งๆ ที่อายุเท่ากัน ตอนนี้มาดูแลคุณลูกจันทร์สักเดือนรับรองเลยว่าคุณลูกจันทร์ต้องกลับมาฮึดสู้ได้แน่ๆ

    ทำไมปายมั่นใจขนาดนี้ ผมตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า พลิศสงสัยเพราะเขาเพิ่งพบธีมาไปครั้งเดียวตอนวันแต่งงานเท่านั้น

    เสือกับคุณลูกจันทร์ไม่ถูกกันไงคะ ความสงสาร ความเห็นใจบางทีก็เห็นผลช้า แต่ถ้าอยู่กับคนที่เราไม่ชอบจะเกิดแรงฮึดสู้ เมื่อกี้คุณลิศก็ได้ยินที่ลุงดีโทรมาเล่าแล้วนี่คะ

    พลิศพยักหน้าพอคิดตามก็เริ่มเข้าเค้า ถึงว่านี่เองเหตุผลที่ไปรยาแนะนำให้ไปอยู่กับธีมาที่ปางไม้ธารธีราโดยมีคุณธนะดีคอยดูแลอีกคน

    ตั้งแต่เกิดเรื่องถ้าไม่ตัดพ้อก็เอาแต่เงียบ แต่นี่แปลกยัยลูกจันทร์เถียงธีมาฉอดๆ

    ค่ะ คิดถึงก็โทรหา เราไม่ได้ทิ้งคุณลูกจันทร์นี่คะ คิดเสียว่าส่งไปเรียนซัมเมอร์เร็วกว่ากำหนด คอร์สนี้มีเสือกับลุงดีเป็นครู คนหนึ่งคอยปลอบ อีกคนคอยเฮี้ยบใส่เหมือนครูฝ่ายปกครอง ไปรยารู้จักลุงดีกับเสือมานานพอที่จะรู้ว่าถ้าวันหนึ่งเธอเกิดเรื่องแล้วไม่อยากให้พ่อกับแม่ไม่สบายใจ เธอสามารถไปหาสองคนนี้ได้

    พลิศดึงภรรยามานั่งบนตักแล้วกอดไว้หลวมๆ ในวันที่เหนื่อยใจท้อแท้ เขายังมีไปรยา แม้ว่าการมีความสุขของเขาจะทำให้รู้สึกผิดเมื่อเวลานี้ลูกยังทุกข์ใจอยู่ อีกไม่นานเรื่องร้ายๆ จะผ่านไป เขาหวังอย่างนั้น

    ขอบใจนะปายที่อยู่เคียงข้างผม ทั้งที่ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย

    ไปรยาจับมือของพลิศขึ้นมาจูบเบาๆ เธอไม่ได้รักเขาเพราะสิ่งที่เขามี แต่รักในสิ่งที่เขาเป็นต่างหาก ทั้งที่รู้ว่าจะเกิดปัญหาแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง เธอพร้อมพิสูจน์ตัวเอง แล้วเมื่อเกิดปัญหาอื่นๆ ตามหา เธอจะทอดทิ้งคนที่บอกว่ารักได้ยังไง ถึงวันนี้ดาวิกาไม่รับรู้ถึงความปรารถนาดีของเธอก็ไม่เป็นไร

     

    โมรีออกมายืนรอธีมาที่หน้าบ้าน ตอนเห็นพ่อเลี้ยงขับรถออกไปจะถามว่าไปไหนก็ไม่ทัน เขาแค่สั่งไว้ก่อนออกไปว่าจัดห้องไว้สำหรับแขกหนึ่งคน จนเวลานี้คนงานเลิกงานกลับไปหุงหาอาหารที่บ้านพักคนงานกันเกือบหมดแล้ว หรือไม่ก็กินข้าวที่โรงอาหาร พ่อเลี้ยงก็ยังไม่กลับมา ส่วนไกรสอนมาฝากท้องที่ครัวตามเคย พอเธอถามว่าพ่อเลี้ยงไปไหน ไกรสอนก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน

              แสงไฟของรถที่เลี้ยวเข้ามายังทางเข้าปางไม้ ถึงจะไกลแต่โมรีเห็นและจำได้ว่าเป็นรถของธีมา

    พ่อเลี้ยงกลับมาแล้ว!

    แม่บ้านสาวรำพึงอยู่ในใจพลางเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมน้ำเย็นๆ ให้ธีมา เธอทำงานที่นี่มาหลายปีจนรู้ใจนายว่าพอกลับมาจะเรียกหาน้ำไปดื่ม แล้วนั่งพักสักครู่จึงทานข้าว

    รถกระบะสี่ประตูจอดตรงหน้าบ้าน โมรีเดินลงบันไดหินไปรอรับเหมือนทุกครั้งที่นายจะเปิดประตูฝั่งคนขับออกมา ทว่าคราวนี้กลับแปลกไปเมื่อประตูอีกฝั่งเปิดออกเช่นกันพร้อมกับสาวสวยเหมือนตุ๊กตากระเบื้องก้าวลงมา

    “โมรีพายัย...” ธีมายั้งปากไว้ทัน ถึงเขาจะหมั่นไส้ดาวิกา แต่ก็ต้องไว้หน้าบ้าง “คุณลูกจันทร์ไปห้องที่สั่งให้จัดไว้ แล้วก็ขอให้ป้าศรีทำอาหารเพิ่มสักอย่างเอาที่ไม่เผ็ด รายนี้ผู้ปกครองบอกว่าไม่กินของเผ็ด แล้วอย่าทำอะไรที่มีกะหล่ำปลี รายนี้แพ้อีกเหมือนกัน”

    “ค่ะ พ่อเลี้ยง” โมรีรับคำสั่ง แม้ดวงตาที่มองแขกของพ่อเลี้ยงคนนั้นจะเต็มไปด้วยความสงสัย

    “นายรู้ได้ยังไง” ดาวิกาถามขึ้นเมื่อเห็นคนของธีมาเดินขึ้นบันไดไปแล้ว

    “บอกให้เรียกว่ายังไง”

    ธีมาขมวดคิ้วกอดอกใส่พลางเดินมาหาพร้อมกับคว้าต้นแขนคนเรื่องเยอะให้เดินมาที่บันไดหินซึ่งพาขึ้นเนินไปยังบ้านซึ่งสร้างอยู่บนนั้น หากมองลงไปจะเห็นพื้นที่ทั้งหมดของปางไม้ธารธีราได้ทั่ว ส่วนที่รีบก็เพราะน้ำค้างแถวบ้านนอกแรงกว่าในเมืองฉวยป่วยไปทั้งพ่อของเขาและพ่อของยัยนี่คงได้มาแพ่นกบาลเขาน่ะสิ

    “ไม่เรียก ฉันจะเรียกใครว่าพี่ก็ต่อเมื่อนับถือ ให้เกียรติ นายมีอะไรดีพอให้ฉันเรียกพี่อย่างงั้นหรือ” ดาวิกาตอบกลับ ตาก็มองขั้นบันไดไปด้วย

    โมรียืนรออยู่บนบ้านพลางมองลงมาเมื่อไม่วางใจแขกของนายนัก แต่ท่าทีที่ราวกับเป็นปฏิปักษ์ระหว่างกันคงพอให้เบาใจได้ว่าเธอยังไม่มีคู่แข่งเพิ่มนอกจากปีย์วรา ผู้หญิงคนนี้คงเป็นญาติคนใดคนหนึ่งของพ่อเลี้ยงเท่านั้น

    ธีมาทำหน้าเมื่อย ถ้าเป็นน้องจริงๆ ล่ะก็ได้ถูกเตะสักที มีที่ไหนเถียงได้ฉอดๆ ไม่เคยยั้งคำเลย

    “ตามใจ”

    “แล้วที่ถามล่ะ”

    “ใครมาส่งเธอก็คนนั้นแหละที่บอก พูดมาตั้งนานคอไม่แห้งบ้างหรือไง”

    ธีมาเข้ามาในบ้าน พอเห็นแก้วน้ำเย็นๆ ในถาดก็เลยส่งให้แขกที่ทำหน้าง้ำใส่ ปากจะได้ไม่ว่าง

    “เอาไป น้ำตะไคร้เคยกินหรือเปล่า”

    ดาวิการับมาดมๆ แล้วลองจิบ พอชักอร่อยดีเลยดื่มไปทีเดียวครึ่งแก้ว

    “แค่จิบๆ ให้หายกระหายพอนะ กินมากเดี๋ยวท้องอืดจะมาโทษกันอีก”

    ดาวิกาส่งแก้วน้ำที่เหลือครึ่งหนึ่งคืนให้ ใครจะไปอยากท้องอืดล่ะ ธีมาส่ายหน้า ก่อนจะกินน้ำตะไคร้ในแก้วของเขาบ้าง นักร้องสาวชักงงๆ ว่าเขาเตือนเธอ แต่ไม่ได้เตือนตัวเองหรือไง กินทีเดียวหมดแก้ว เดี๋ยวได้ท้องอืดหรอก ยืนมองกันไปกันมาแบบเมินๆ มึนๆ อยู่อึดใจเดียวโมรีก็เดินมาหาแล้วพาดาวิกาไปยังห้องที่จัดไว้รอ

     

    ธีมาไปอาบน้ำพักเดียวก็กลับมานั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร เขาได้กลิ่นหอมฟุ้งมาตั้งแต่ในครัว ไม่รู้วันนี้ป้าศรีทำอะไรให้กิน โมรีทยอยยกอาหารมาวางที่โต๊ะ ไกรสอนไม่ได้มานั่งร่วมวงเหมือนกับทุกวันเพราะเลยเวลาอาหารมาเป็นชั่วโมงแล้ว

    “ลืมอะไรไปหรือเปล่าโมรี ทำไมยังไม่จัดจานให้แขกล่ะ” ธีมาเห็นว่าโมรียังไม่ได้จัดจานข้าวให้ดาวิกาเลยทักท้วง

    “คุณลูกจันทร์บอกว่าไม่หิวค่ะ อยากจะพัก ห้ามรบกวน” โมรีบอกตามที่ได้ฟังมา ถึงจะไม่ชอบท่าทางแข็งๆ ของแขกพ่อเลี้ยง แต่การไม่ชอบเข้ามาสุงสิงกับพ่อเลี้ยงเป็นสิ่งที่เธอพอใจ

    “เด็กบ้า ตามใจไม่อยากกินก็อด ง้อไปก็เคยตัว” ธีมาบ่นพึม

    โมรีรีบตักข้าวให้ธีมาและยืนมองอยู่อย่างนั้น ราวกับการได้เห็นเขาทำให้มีความสุขแล้ว ทว่าธีมากลับไม่เคยหันมามองสักครั้งว่าเธอมองเขาอยู่ทุกวัน แม่บ้านสาวถอนใจแต่ยังเป็นสุข เมื่อวันนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากเธอกับพ่อเลี้ยงเท่านั้น

     

    ธีมานั่งทำงานจนเกือบ 5 ทุ่ม ยังดีวันนี้ไกรสอนไม่ได้เอาแฟ้มงานมาเพิ่ม ไม่งั้นเขาคงทำจนเสร็จอีกนั่นแหละ เพราะเขาไม่ชอบให้งานค้างทำให้เสร็จได้เป็นดี ผ่านมา 3 ปีแล้วที่เขาเข้ามาดูแลปางไม้ธารธีราเต็มตัว ก่อนหน้านั้นเป็นผู้ช่วยของพ่อตั้งแต่เรียนมัธยมกระมัง กระทั่งเข้ามาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพฯ พอปิดเทอมก็กลับบ้านมาช่วยพ่อดูแลปางไม้ มี 3 อย่างในโลกที่เขาต้องดูแล พ่อ น้องสาว และปางไม้

    ร่างสูงของธีมาขยับตัวบิดขี้เกียจเมื่อนั่งนานก็เริ่มเมื่อย เขาปิดโน้ตบุ๊กก่อนจะเดินมาที่ระเบียงเพราะอยากนั่งมองฟ้ามองดาวสักครู่แล้วค่อยเข้าไปนอน แต่ตาที่ควรมองดาวกลับดันไปเห็นห้องทางปีกขวาของบ้านไฟยังเปิดอยู่ ด้วยความสงสัยเขาจึงต้องเดินไปดูสักหน่อย แต่ไม่วายแวะห้องของเขาเองเพื่อหยิบนมกล่องที่มีติดตู้เย็นมาไว้ในมือแล้วเดินไปห้องของแขก เขายื่นมือไปจะเคาะแต่ประตูกลับเปิดของมันเอง

    ดาวิกามองธีมาพลางทำหน้าเหวอรีบดึงบานประตูปิด แต่มีหรือจะทันคนมือยาวกว่าที่ดึงบานประตูเอาไว้เสียก่อน

     “ทำไมยังไม่นอน ไหนว่าจะพัก” ธีมาถาม หน้าตารอคำตอบเต็มที่

    ตอนนี้ดาวิกาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เสื้อยืดกับกางเกงขายาวทำให้เธอดูสมวัยสาววัยทีน ไม่ใช่ใส่อะไรก็ไม่รู้ ดูเกรียนแตกใกล้ก้าวร้าวเต็มทีอย่างที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้

    “ถึงฉันจะมาอาศัยบ้านของนายก็ไม่ได้หมายความว่านายจะเข้ามาในห้องของแขกได้ ทั้งที่ไม่ได้ขออนุญาตหรอกนะ คนอะไรไม่มีมารยาท”

    ธีมาขมวดคิ้วใส่ ถ้าเขาไม่ได้กำลังฝันและยัยลูกตะกั่วไม่ได้เมาขี้ตา ซึ่งไม่น่าเมาขี้ตาได้หรอกก็ยังไม่ได้นอนสักหน่อยคงรู้ได้ว่าใครทำให้ประตูเปิด

    “ฉันรู้ว่าเธอยังไม่ได้กินอะไร แล้วฉันเห็นว่าไฟยังเปิดอยู่ก็เลยเอานมมาให้กิน ทำดียังโดนด่า เอ้า! เอายังไงจะกินหรือไม่กิน” ธีมาส่งนมกล่องรสช็อกโกแลตให้แขกที่ทำหน้าง้ำใส่

    ดาวิกาเหล่มองนายหน้าเนื้อใจเสือ ชื่อนี้แหละเหมาะว่ามาไม้ไหน แต่ความหิวชนะเลิศกว่าความระแวง เธอรับนมกล่องมาแล้วพูดขอบคุณเสียงเบาหวิว ได้ยินก็ดี ไม่ได้ยินถือว่าไม่มีบุญ ธีมาไม่อยากคุยต่อเดี๋ยวถูกหาว่ายุ่งอีกกำลังจะปิดประตูให้

    “ถามอะไรหน่อยสิ”

    มือหนาชะงัก เออ ดีเว้ย ยัยตัวแสบนึกอยากคุยอะไรตอนนี้

    “ว่ามา”

    “นายร่วมมือกับแม่เลี้ยงของฉันเพื่อกันฉันออกมาจากพ่อใช่ไหม” ดาวิกาถามสีหน้าดูจริงจัง ที่นอนไม่หลับก็เพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้แหละ มันน่าสงสัยไหมล่ะ พ่อของเธอไม่ใช่นักธุรกิจมีกำไรเป็นล้านต่อปี แต่เป็นร้อยล้าน ทำไมไม่ส่งเธอไปที่อื่น แทนการส่งมาที่นี่

    ธีมาร้องเฮ้อ อยากดีดกะโหลกยัยลูกตะกั่วสักที ให้ตายเถอะ เด็กบ้า คิดแต่ละอย่าง ดูละครหลังข่าวมากไปหรือไง คิดไปได้

    “เอาอะไรคิด ถ้าคิดแบบนี้ทำไมไม่รวมพ่อของฉันไปด้วยเลยล่ะ คนทั้งโลกผิดหมด มีเธอถูกอยู่คนเดียวงั้นสิ อยากจะบ้าคิดออกมาได้ยังไง”

    ดาวิกาขมวดคิ้วใส่บ้าง เธอสงสัยก็เลยถาม มันผิดตรงไหน ถ้าเธอคิดเองเออเองแล้วเอาไปพูดต่างหากที่เขาควรมาต่อว่า หรือว่าแค่ถามก็ผิดแล้ว

    “ฉันแค่ถาม ตอบมาว่าใช่หรือไม่ใช่ก็จบ”

    “โตแล้วไปคิดเอาเอง นมกล่องน่ะจะกินหรือไม่กินก็ตามใจ ใครทนเธอได้ถึงวันนี่สงสัยไปบวชได้ ไร้สาระชะมัด” ธีมาส่ายหน้ารีบปิดประตูให้ไม่งั้นได้บ่นอีกเป็นกระบุง

    ดาวิกาแยกเขี้ยวใส่ ธีมาทำเหมือนใจดีห่วงว่าเธอจะหิวจึงเอานมกล่องมาให้ แต่ตบท้ายด้วยการต่อว่า ญาติก็ไม่ใช่ทำมาสอน ว่าแต่เขาเป็นอะไรกับแม่เลี้ยง ไปรยาเรียกลุงดีว่าลุงเหมือนเธอ เป็นญาติกันหรือว่านับถือถึงเรียกว่าลุง อืม ที่แน่ๆ อีตาเสือนี่ต้องรู้จักกับไปรยาเพราะรู้จักกับลุงดี ในขณะที่พ่อของเธอไม่เคยรู้จักลุงดีมาก่อน ทำไมเธอไม่ถามเขานะ ช่างเถอะ ถามไปคงถูกตอกหน้าให้ไปคิดเองโตแล้วอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้

    ผู้ชายอะไรปากจัด...จัดว่าแย่!

     

    ธีมาตื่นเช้าเหมือนทุกวัน เขาออกไปวิ่งตามปกติจนกระทั่ง 7 โมงจึงกลับเข้าบ้านแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปทำงานในปางไม้ โมรีกำลังยกอาหารที่ป้าศรีเพิ่งทำเสร็จมาขึ้นโต๊ะ ธีมาอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วกำลังหยิบหนังสือมาพิมพ์มาอ่านพลันชะงักกึกรีบรวบเก็บหนังสือพิมพ์ไว้ใกล้ตัวแล้วกองไว้กับแฟ้มงานที่ทำเสร็จไปเมื่อคืนเพื่อไม่ให้ใครสงสัย

    ทางโน้นกำลังวุ่นน่าดู นักข่าวคงมาออเต็มหน้าบ้านเหมือนที่ธีมาเห็นในข่าวตอนรูปดาวิกากำลังเสพยาหลุดออกมา พาทีบอกเขาว่าเจ้าคนที่นำรูปมาขายนั้นเร่ขายรูปไปทั่ว

    “สายป่านนี้แล้วทำไมแขกยังไม่ออกมาทานข้าวอีกโมรี” อาจแปลกที่นอนไม่หลับเลยตื่นสายกระมัง ธีมาคิด อย่างน้อยต้องให้โอกาสดาวิกา ก่อนการลงโทษ

    “เดี๋ยวโมรีไปตามให้นะคะพ่อเลี้ยง”

    ธีมานั่งอ่านงานรอ ส่วนหนังสือพิมพ์ไม่คิดแตะเปิดอีก รออยู่ไม่นานนักแม่บ้านก็เดินแกมวิ่งกลับมาสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

    “คุณลูกจันทร์ไม่อยู่ในห้องค่ะ แต่ว่า...” โมรีอึกอัก

    “แต่ว่าอะไร”

    “พ่อเลี้ยงไปดูเองเถอะค่ะ โมรีไม่แน่ใจ”

    เช้าอันมัวซัวยิ่งกลายเป็นดำทะมึนทันที ธีมารีบเดินไปที่ห้องนอนของแขกซึ่งประตูถูกเปิดทิ้งไว้ ที่นอนมีร่องรอยการใช้ ในห้องน้ำแห้งสนิท กระเป๋าเดินทางเป็นเพียงสิ่งเดียวที่หายไป คงไม่ต้องเดาแล้วว่าตลอดทั้งคืนยัยตัวแสบทำอะไร

    “เด็กบ้า!

    ธีมาหัวเสียรีบเดินแกมวิ่งลงบันไดมาที่รถ โมรีวิ่งตามหน้าตาตื่น

    “โมรีเฝ้าบ้านเผื่อยัยตัวแสบจะกลับมา” ธีมาสตาร์ตรถ พอดีนึกขึ้นได้ก็รีบลดกระจกลง โมรียังยืนรอ “อ้อ แล้วช่วยเก็บแฟ้มงานกับหนังสือพิมพ์ไปไว้ในห้องให้ด้วย ห้ามใครเข้าไปในห้องทำงานของผมเด็ดขาด”  

    “แล้วพ่อเลี้ยงจะไปไหนคะ”

    ธีมาไม่ทันได้ตอบเพราะเขาขับรถออกไปก่อนอย่างเร่งรีบ โมรีเดินกลับเข้ามาบนบ้านทำตามที่นายสั่ง ไม่ได้ติดใจสงสัยว่าทำไมนายสั่งนักสั่งหนาว่าไม่ให้ใครเข้าห้องทำงานอีก

     

    หัวหน้าคนงานถูกเรียกตัวพร้อมกับคนงานอีก 30 คนตามที่ธีมาสั่ง โชคดีที่คนงานส่วนหนึ่งยังไม่ได้เข้างานเลยเรียกตัวมาได้ครบก่อนเขาขับรถมาถึงโรงอาหาร ธีมาค้นรูปของดาวิกาในโทรศัพท์ที่เพิ่งเสิร์ชหาจากกูเกิ้ล (google) เป็นคนดังนี่มันดีจริงๆ แต่จะไม่ดีก็ตรงรูปของดาวิกาที่หน้าเปลือยนี่หายากชะมัด ทำไมอายุแค่นี้ต้องแต่งหน้าเหมือนอายุสัก 25 ก็ไม่รู้ สวยอยู่หรอก แต่ดูไม่เป็นธรรมชาติ

    ธีมาส่งโทรศัพท์ให้คนงานได้เห็นรูปของดาวิกาที่หน้าเปลือยๆ เพื่อง่ายต่อการหา ตัวเล็กๆ แค่นั้นป่านนี้คงยังไปได้ไม่ไกลหรอก

     “หาผู้หญิงหน้าตาเหมือนรูปในโทรศัพท์ แบ่งๆ กันดู ภายในวันนี้ต้องหาให้เจอ” ธีมาสั่งคนงานก่อนหันมาบอกหัวหน้าคนงาน “ลุงสอนช่วยส่งคนไปดูทางออกของปางไม้ด้วย ไม่ว่ายังไงผู้หญิงในรูปก็ห้ามออกไปจากปางไม้จนกว่าผมจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง”

    “ครับพ่อเลี้ยง” ไกรสอนรีบโทรหายามเฝ้าทางเข้าปางไม้ทันที

    ธีมาให้เวลาคนงานทุกคนจำหน้าตาของดาวิกาพอครบ 10 นาทีคนงานก็แยกย้ายขึ้นรถกระบะบ้าง มอเตอร์ไซค์บ้างในการตามหา เขาบอกแล้วว่าจะรับผิดชอบค่าน้ำมันรถให้ ขอให้เจอเถอะดาวิกา เขาจะลงโทษให้เข็ด

    ...ยัยเด็กบ้าเอ๊ย มาวันแรกก็ได้เรื่องเลย!

    ธีมาบ่นพึมพลางเดินไปที่รถ เขาจะออกตามหาดาวิกาเหมือนกัน ขออย่างเดียวพ่ออย่าเพิ่งโทรมา ไม่งั้นเขาโดนเตะแน่ๆ ส่วนทางไปรยากับพลิศคงไม่โทรมาหรอก เพราะตอนนี้กำลังเจอศึกหนักเหมือนกัน

     

    จักรวาลเป็นเพื่อนสนิทของดาวิกาและพริมมา เพียงแต่ว่าเขาอาจจะใกล้ชิดกับพริมมามากกว่าเพราะบ้านอยู่ซอยเดียวกันและเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยมจนกระทั่งเรียนมหาลัย ทั้งสองเคยคบกันตอนเรียนมัธยมปลาย แต่ก็มีอันต้องเลิกกันเมื่อพริมมาเป็นนักร้องมีชื่อเสียง ทว่าเมื่อได้กลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้งทั้งสองจึงกลับมาคืนดีกัน แต่ก็ต้องแอบคบกันเพราะทางค่ายมีกฎห้ามมีแฟน ขนาดวิรุฬซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพริมมายังไม่ระแคะระคาย

    เช้าวันนี้จักรวาลมีเรียนตอนเช้า หลังหมดชั่วโมงเรียนแล้วเขาแวะมาหาพริมมาเพื่อนำเลคเชอร์มาให้ตามที่หญิงสาวได้ขอไว้ พริมมากำลังนั่งดูบางอย่างในไอแพดตอนที่จักรวาลมาถึง พอเห็นเขา เธอรีบกวักมือเรียก

    “จักรดูสิ ไม่น่าเลย พริมพยายามโทรหายัยลูกจันทร์ แต่โทรไม่ติดเลย ถ้ารู้เรื่องคงเสียใจมากเลยนะ” พริมมาถอนใจพลางกดโทรศัพท์หาดาวิกา แต่ยังคงโทรไม่ติดเหมือนเดิม

    “นึกแล้วต้องเป็นอย่างนี้” สีหน้าของจักรวาลกลุ้มใจขึ้นมาทันที ทั้งที่เห็นคลิปเพียงแวบเดียวเท่านั้น

    “จักรรู้หรือว่ามีคลิปพวกนี้ด้วย” พริมมาถาม

    “รู้สิ จักรอยู่ในเหตุการณ์ในคลิปด้วย เดี๋ยวจักรจะโทรหาลุงพลิศ ป่านนี้คงเห็นคลิปแล้วกระมัง”

    จักรวาลหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาทั้งพลิศและดาวิกา แต่ผลที่ได้ไม่ต่างจากพริมมา คนทั้งบ้านนั้นพากันปิดโทรศัพท์ ตอนนี้คือของจริงของผู้ไม่หวังดีที่ต้องการทำลายดาวิกาแล้วสินะ ช่างประจวบเหมาะเหลือเกินที่คนปล่อยคลิปตัดเฉพาะส่วนที่มีดาวิกาเพียงคนเดียวออกมา เขาน่าจะห้ามเพื่อนไว้ หรือว่าคนปล่อยคือจิรัฐ จักรวาลคว้ากระเป๋าเป้รีบวิ่งกลับไปที่รถ เขาคงต้องไปถามจิรัฐให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้

     

    ผ่านไปเกือบชั่วโมงยังไม่มีข่าวดีว่าพบตัวดาวิกาแล้ว ไกรสอนกับคนงานยังคงตามหาแขกของพ่อเลี้ยงต่อไป ปางไม้ธารธีราแบ่งเป็น 8 ส่วนใหญ่ๆ สวนต้นสักมีพื้นที่ครึ่งหนึ่งของพื้นที่เกือบ 1,200 ไร่ ส่วนอีกครึ่งเป็นพวกยางนา  ยูคาลิปตัส ประดู่ และในพื้นที่ส่วนสุดท้ายเป็นสวนส้ม

    ต้นไม้ยืนต้นหนาทึบจึงไม่ต่างจากป่า เพียงแต่ไม่รกเพราะการดูแลอย่างสม่ำเสมอ จึงปลอดภัยพอสมควร แต่ถึงกระนั้นในจุดที่เปราะบางต่อการบุกรุกมักมีแร้วดักไว้  ไม่ว่าสัตว์หรือคนก็อาจติดกับดักได้ ไกรสอนและคนงานออกตามหามาจนถึงบริเวณที่ว่านั้นและเมื่อมองขึ้นไปก็เห็นบางสิ่งที่ไม่ควรไปอยู่ตรงนั้น

    “นายสอนครับนายสอน” คนงานตะโกนเรียก

    “มีอะไรวะ” ไกรสอนเดินมาสมทบถามเสียงเริ่มหอบหน่อยๆ

    “ดูโน่นสิครับนายสอน หลับไปแล้วมั้ง”

    ไกรสอนมองตามนิ้วที่ชี้ไปยังต้นยางนาสูงชะลูดพลางปาดเหงื่อ เมื่อแน่ใจว่าไม่น่าพลาดเขารีบโทรหาธีมาและสั่งให้หยุดการค้นหา เขาและคนงานพบแขกของพ่อเลี้ยงแล้วในสภาพหลับตาพริ้มอยู่บนแร้ว กระเป๋าเดินทางกลิ้งโค่โร่อยู่ข้างล่าง แขกคงเหนื่อยไม่น้อยขนาดคนงานให้เสียงยังไม่ตื่น

     

    ไม่ถึง 5 นาทีธีมาก็มาถึง พอมองขึ้นไปเขาเห็นยัยตัวแสบหลับสนิทอยู่ในแร้วที่พื้นเป็นไม้ส่วนรอบๆ เป็นตาข่ายอย่างหนา ดาวิกาคงเดินมาติดกับดักซึ่งหากแผ่นไม้ที่กลายเป็นพื้นเอนนอนเมื่อไหร่ เชือกที่พันไว้หลวมๆ จะหลุดออก ทำให้หินที่ถูกดึงไว้บนยอดไม้ถูกปล่อยลงมาพร้อมกับพื้นไม้ที่คลุมด้วยตาข่ายจะถูกตวัดดึงขึ้นไปอยู่ด้านบนแทน ตาข่ายหนาๆ น่ะไม่ได้ต่างจากมุ้งสักนิด คงหลับสบายล่ะสิ

    ธีมาส่ายหน้าไม่รู้ควรทึ่งหรืออึ้งแทน คิดหนีแต่ไม่ศึกษาเส้นทาง เดินสะเปะสะปะมาจนจะพ้นเขตของปางไม้อยู่แล้ว ชายหนุ่มขี้เกียจขึ้นไปปลุกเลยยิงปืนขึ้นฟ้าแทน

    ดาวิกาผวาตื่นลุกขึ้นมองไปรอบตัวอย่างเสียขวัญ พอเห็นธีมาก็ตกใจในตอนแรก ก่อนจะดีใจในเวลาต่อมารีบยกมือให้เขาเห็น แต่อีตาหน้าเนื้อใจเสือกลับมองมาเฉยๆ ทำหน้ากวนๆ ใส่ แถมยังสั่งให้คนงานไปไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้เลยเหลือแค่เขากับผู้ชายอีกคน

    “นี่นาย เห็นแล้วว่าฉันติดอยู่บนนี้ทำไมยังไม่ช่วยพาลงไป มายืนดูอยู่ได้”

    “พูดดีๆ ของร้องฉันสิ ถ้าสั่งเอาๆ แบบนี้ก็อยู่บนนั้นแหละ จ้างให้ก็ไม่มีใครยอมช่วยเธอ ถ้าฉันไม่ได้สั่ง เด็กอวดดีไม่รู้จักคิดอย่างเธอ โดนแบบนี้คงดีเหมือนกัน ไงล่ะจะพูดหรือไม่พูด” ธีมาไม่ถามเปล่าๆ ยังเปิดกระบะท้ายรถแล้วขึ้นไปนั่งอย่างสบายอารมณ์

    ดาวิกาอยากกรี๊ดให้เสียงดังๆ เกิดมาเธอไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนกวนประสาทได้เหมือนลูกชายของลุงดีมาก่อน แถมยังไม่เป็นสุภาพบุรุษอีกด้วย

    “ไม่!” เรื่องอะไรต้องทำอย่างนั้นด้วย

    ธีมายักไหล่เหมือนคิดไว้อยู่แล้ว อยากดื้อนัก ก็ต้องกำราบ แทนที่จะขอโทษไม่ได้สำนึกผิดสักนิดเดียว อย่างนี้ใครจะทนไหว ถ้าไม่จัดการให้หายซ่าอย่ามาเรียกชื่อเขาให้เสียปาก

    “ถ้างั้นก็อยู่บนนั้นไป ฉันรอได้” ธีมาไม่ได้ทุกข์ร้อนเหมือนใครบางคนนี่ “ลุงสอนช่วยไปหยิบโน้ตบุ๊กกับแฟ้มงานบนโต๊ะของผมมาทีนะครับ แล้วก็อาหารกลางวันให้ป้าศรีเตรียมมาให้เลย วันนี้ทำงานนอกสถานที่สักวันคงดีเหมือนกัน”

    “ครับ พ่อเลี้ยง” ไกรสอนขี่มอเตอร์ไซค์ที่สั่งให้คนงานทิ้งไว้ให้แล้วเอารถกระบะของเขาไปแทน

    ธีมานอนลงกับพื้นกระบะ เอาแขนมารองนอนมองฟ้าไม่นานก็หลับตาเหมือนหลับไป ดาวิกาพลุ่งพล่านอยากออกฤทธิ์ออกเดชแต่ไม่ถนัด ซ้ำพอส่งเสียงกวนไม่ให้นายเสือหลับ เขายังหลับได้หลับดี คนช่างแกล้งหัวเราะอยู่ในอก เสียงแปดหลอดใครจะไปหลับลง แต่เรื่องอะไรจะทำเป็นเดือดร้อนให้เด็กดื้อได้ใจ ขนาดน้องสาวเฮี้ยวตั้งเท่าไหร่เขายังกำราบได้ ลองวัดใจดูสักตั้งให้รู้ไปว่าเขาจะมือตก

     


    ระหว่างเสือกับลูกจันทร์ใครแสบกว่ากัน 5555

    E-Book มาแล้วนะคะ โบว์จัดโปรโมชั่นไว้แล้วนะคะ ราคาย่อมเยา โบว์จะลงให้อ่านไปเรื่อยๆ จนถึง 70% ของเนื้อเรื่องแล้วจะหยุดอัพนะคะ ตามที่แจ้งไว้ที่หน้าหลักของนิยาย



     





              ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

    อัมราน&บรรพตี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×