ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวานรักพยัคฆ์ร้าย..Re-Up

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.35K
      12
      4 มี.ค. 62

     


    ธีมาพาดาวิกามาส่งที่หน้าบ้านพอเห็นสาวใช้งานมาเปิดประตู เขาก็ขับรถจากไปทันทีโดยไม่รอดูผลว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาเดินทางกลับปางไม้ช้ากว่าที่วางแผนไว้ไม่น้อย ทำให้ต้องพักที่บ้านของพ่อในตัวเมืองเชียงรายหนึ่งคืน ก่อนเดินทางต่อไปที่ปางไม้ธารธีรา เหตุผลที่พ่อไม่ได้ไปอยู่กับเขาที่ปางไม้ก็เพราะมีคลินิกรักษาคนป่วยยากไร้อยู่ที่นี่

    ธนะดีเป็นพ่อของธีมาและยังเป็นนายแพทย์ พอเกษียรก็ยังทำหน้าที่ประชาชนคนหนึ่งที่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ ใครจะเชื่อล่ะว่านายแพทย์หนุ่มที่เดินทางมาทำงานเป็นแพทย์ประจำอำเภอจะมาพบรักกับลูกสาวเจ้าของปางไม้ จนถึงวันหนึ่งภรรยาเสียชีวิตเพราะสุขภาพที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว ทว่าหลังจากผ่านไป 15 ปีธนะดียังครองตัวเป็นโสดทำงานในปางไม้แทนภรรยา จนกระทั่งธีมาพร้อมทำหน้าที่ต่างๆ แทนพ่อ เขาจึงกลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดนั่นคือการรักษาคนป่วย

    งานแสดงผลงานทางการเกษตรจะจัดขึ้นในปลายเดือนนี้ ทำให้ธีมาต้องรีบกลับมาเตรียมงาน ไกรสอนเดินมาจากออฟฟิศพอดี ภายในออฟฟิศมีพนักงานอยู่เกือบ 10 คนซึ่งทำหน้าที่ดูแลปางไม้ ดูแลคนงานเกือบ 300 คนและประสานงานกับสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งธีรดาเป็นคนดูแล

    “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมครับลุงสอน”

    “เรียบร้อยดีครับพ่อเลี้ยง ส้มคงเก็บได้ทันงานเกษตรจังหวัดพอดี ส่วนไม้แปรรูปส่งทันเวลาแน่นอน แล้วก็ที่ตรงหลังเนินถางเรียบร้อย ตอนนี้ผมให้เอาต้นยางนาลงไปบ้างแล้ว ส่วนลูกๆ ของพ่อเลี้ยง เมื่อวานนังชวนชมเพิ่งตกลูก พ่อเลี้ยงจะไปดูไหมครับ” หัวหน้าคนงานของธีมารายงาน

    ธีมายิ้มกว้างหน้าตาตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าได้รับออเดอร์สั่งซื้อไม้ล็อตใหญ่เสียอีก เขานึกๆ อยู่ถึงได้รีบกลับมา แต่ยังช้าไปอยู่ดี

    “ไปดูหน่อยก็ดี มันตกลูกกี่ตัวล่ะครับลุงสอน”

    3 ตัวครับพ่อเลี้ยง เป็นตัวผู้หมดเลย แข็งแรงดี ให้ชื่ออะไรดีล่ะครับ”

    ธีมาเดินนำไปหลังบ้านซึ่งกั้นไว้เป็นคอกเล็กๆ สำหรับนังชวนชม เจ้าดอกรักกับลูกๆ ของพวกมัน โมรีเดินออกมากำลังจะเรียกพ่อเลี้ยงไว้ก็ไม่ทัน เห็นหลังไวๆ ว่าเดินไปกับไกรสอน เธอรู้แบบไม่ต้องเดาว่าคงไปหานังชวนชม แม่บ้านสาวเลยกุลีกุจอรีบเข้าไปอุ่นอาหารที่ป้าศรีทำไว้รอพ่อเลี้ยง เธอทำงานอยู่ที่ปางไม้มานานพอๆ กับไกรสอน แต่ความใส่ใจและห่วงใยของเธอมากกว่าทุกคนในปางไม้ แม้แต่ปีย์วรายังเทียบไม่ได้

     

    ดาวิกากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แม้ว่าจะจบคอนเสิร์ตสุดท้ายสำหรับอัลบั้มที่สองซึ่งดังข้ามปี จนเธอต้องขอเวลาพักเพื่อกลับมาเรียนหนังสือ แฟนคลับที่ยังรักและเชื่อมันในตัวเธอยังคอยให้กำลังใจ บางครั้งตามไปเฝ้าถึงหน้าห้องเรียน เอกชัยต้องทำหน้าที่คอยกันไม่ให้แฟนคลับรบกวนมากเกินไป แต่เธอยังไม่ค่อยสบายใจนัก ถึงแม้อาจารย์ไม่ตำหนิอะไรก็ตาม

    หนึ่งสัปดาห์ของการไม่ต้องตื่นมาซ้อมเต้น ซ้อมร้องเพลงผ่านไปด้วยความสุข แม้ไม่เต็มร้อยนักเมื่อดาวิกาจำต้องเห็นคนที่ทำให้ระดับความสุขลดลงในทุกเช้า ไปรยาย้ายมาอยู่กับพ่อ ในขณะที่เธอถูกพ่อสั่งไม่ให้ไปอยู่คอนโดที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ทำให้ต้องฝืนทานอาหารเช้าด้วยกัน ยังดีหน่อยที่ตอนเย็นเธอเลี่ยงด้วยการหาอะไรกินก่อนกลับบ้านและเข้าห้องไปทันที เพื่อไม่ต้องเจอหน้าแม่เลี้ยง หรือถ้าวันไหนเบื่อมากเธอแค่กลับบ้านช้าๆ ทำยังไงก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นหน้าไปรยานานนัก อย่างวันนี้ที่พ่อไม่อยู่บ้านพอดี

    “คุณลูกจันทร์จะไปไหนหรือคะ นี่มันก็มืดค่ำแล้ว”

    ไปรยารีบเดินตามมาเพราะเป็นห่วง อีกทั้งสามียังกำชับให้เธอช่วยดูแลดาวิกาว่าอย่าให้ออกไปไหนราวกับมีเรื่องอะไรในใจ แต่ยังไม่พร้อมจะบอกเธออย่างไรอย่างนั้น

    ดาวิกามองไปรยาอย่างไม่ชอบใจ เท่าที่อยู่โดยไม่มีเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้งกันก็ดีเท่าไหร่แล้ว คิดว่าตัวเองเป็นใครหรือ แค่เมียของพ่อ ไม่ใช่คนที่เธอยอมรับให้มาเป็นแม่สักหน่อย

    “เราต่างคนต่างอยู่ นี่เป็นกฎระหว่างเรานะคุณแม่เลี้ยง ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว”

    “ฉันแค่เป็นห่วงคุณค่ะ มืดค่ำแล้ว ถ้ามีธุระอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่านะคะ ถ้าคุณลิศรู้คงไม่สบายใจ”

    ดาวิกาชะงักมอง ไปรยาน่ะหรือเป็นห่วงเธอ ทำตัวนางเอกเกินไปละมั้ง

    “จะฟ้องก็ตามใจ บ้านหลังนี้มีหรือไม่มีฉันอยู่มันค่าเท่ากัน คุณแม่เลี้ยงน่าจะดีใจนะคะ ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่สักคน”

    ไปรยาถอนใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมดาวิกาถึงคิดแบบนี้ เธอไม่ได้ใจร้ายเหมือนแม่เลี้ยงที่เคยเห็นในละครสักหน่อย

    “ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะคะ ฉันไม่ได้มาแทนที่ใคร ถ้าคุณลูกจันทร์เปิดใจรับก็จะรู้ว่าฉันไม่ได้คิดร้าย เราจะพูดกันดีๆ กันบ้างไม่ได้หรือคะ”

    ดาวิกาเลิกคิ้วยิ้มหมิ่นๆ ใส่ ขนาดว่าเธอแสดงออกว่าไม่ชอบมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน ไปรยายังไม่ยอมจากไปดีๆ แถมติดหนึบพ่อจนได้แต่งงาน ถามหน่อยเถอะผู้หญิงแบบนี้มีอะไรดีตรงไหนกัน

    “พอเถอะ เข้าบ้านไปซะ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งจะมาโทษฉันอีก”

    ไปรยาจะห้ามก็ไม่ทันเมื่อดาวิกาขับรถออกไปแล้ว การแก้ไขอคติในใจของดาวิกาต้องเริ่มจากตรงไหน เธอลองมาหลายวิธีจนเริ่มท้อใจ ทว่าพอเธอคิดถึงรอยยิ้มของพลิศก็ทำให้ยังพอมีกำลังใจ การเปิดใจยอมรับใครสักคนเข้ามาในชีวิตย่อมต้องใช้เวลา หากมองในแง่ดีอาจคิดได้ว่าดาวิการักพลิศมาก ถึงได้ทำแบบนี้ เธอจะปลอบใจตัวเองด้วยข้ออ้างสารพัดที่เหมือนแก้ตัวให้ดาวิกาได้อีกนานแค่ไหนกันหนอ

     

    ธีมาได้ชื่อของเจ้าเปี๊ยกทั้ง 3 ตัวพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ของเขาแล้ว เจ้าตัวใหญ่สุดชื่อ ส้มโอ รองลงมาชื่อ ส้มเช้ง ส่วนตัวเล็กสุด ชื่อ สมจี๊ด เนื่องจากปีนี้ปางไม้ธารธีราจะมีผลผลิตใหม่นอกจากไม้แปรรูปแล้ว นั่นคือส้มเขียวหวานในชื่อ ธีราจะบุกตลาดผลไม้ปลายเดือนนี้

    โมรียืนรอธีมาเหมือนทุกเช้าที่เขาจะลงมาที่ห้องอาหารตอน 7 โมงตรง พอเห็นพ่อเลี้ยงแห่งปางไม้ธารธีราหัวใจที่รอคอยก็แช่มชื่น เธอยิ้มให้เขาเหมือนทุกวัน ชายหนุ่มยิ้มตอบพลางนั่งลงแล้วมองอาหารเช้า

    “วันนี้มีโจ๊กไก่ค่ะ ทานเลยนะคะ เดี๋ยวเย็นหมดไม่อร่อย” โมรีบอกพร้อมกับรินน้ำให้

    “ขอบใจนะโมรี ผมฝากบอกป้าศรีด้วยว่ากำลังอยากกินพอดี”

    ธีมาหยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่านตามปกติ ถึงปางไม้จะอยู่ลึกเข้ามาห่างจากตัวเมืองพอสมควร แต่ยังมีชุมชมเล็กๆ อยู่ไม่ไกล ทำให้หนังสือพิมพ์มีให้อ่านทุกวัน ข่าวที่เห็นน่าจะเหมือนเดิมๆ การเมือง ฆาตกรรม ดารามีกิ๊ก ยกเว้นวันนี้มีข่าวนักร้องหน้าคุ้นๆ ชายหนุ่มก้มลงอ่านอย่างสนใจ ภาพผู้หญิงในข่าวที่ทำให้เบลอนิดๆ แต่ก็พอเดาได้ว่าใคร

              นักร้องขวัญใจวัยรุ่นริเสพยา ขี้เมา มั่วผู้ชาย  หลักฐานภาพคาตา เบื้องหลังความสวยใส แท้จริงก็แค่สร้างภาพเท่านั้นเอง”

              “เฮ้ย! ทำไมเป็นอย่างนี้ได้วะ”

              โมรีหันมามองพอจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นก็เห็นพ่อเลี้ยงธีมากดโทรศัพท์ไปหาใครสักคนคุยกันหน้าเครียด เธอเลยไม่กล้าถามอะไร พอวางสายธีมารีบมากินโจ๊กเร็วๆ เหมือนให้เสร็จไปก่อนจะเดินลงจากบ้านรูปแบบโคโลเนียลไม่นานนักก็ขับรถเข้าปางไม้ไป โมรีดูหนังสือพิมพ์ที่ธีมาอ่านค้างไว้ ก่อนจะพับเก็บเมื่อไม่มีข่าวน่าสนใจอะไร นอกจากนักร้องวัยรุ่นเสพยา แถมยังมั่วผู้ชายกำลังจะหมดอนาคตในวงการ

     

              นักข่าวครึ่งร้อยมาออกันอยู่หน้าบ้านของพลิศ ไปรยาจึงสั่งให้สาวใช้ปิดม่านลงทั้งหมด ภายในบ้านเงียบกริบ แต่กรุ่นด้วยความเคร่งเครียดตั้งแต่ตี 3 ที่พลิศได้ข่าวจากเพื่อนที่อยู่ในวงการหนังสือพิมพ์ แต่ไม่อาจสกัดกั้นภาพข่าวที่กลายเป็นประเด็นร้อนเอาไว้ได้ทัน ในขณะที่ดาวิกาเมาแอ๋เพื่อนพามาส่งตอนเที่ยงคืน พลิศปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เขานั่งรอจนกระทั่งลูกสาวตื่นแล้วส่งหนังสือพิมพ์ให้อ่าน ไปรยาเดินออกมาจากห้องเมื่อคิดว่าเวลานี้ดาวิกาคงไม่อยากเห็นหน้าของเธอนัก

              ดาวิกาดูหนังสือพลางเปิดปากหาว ไม่เข้าใจว่าพ่อมานั่งรอเพื่อให้เธออ่านหนังสือพิมพ์ทำไมกัน ทว่าพอเห็นรูปที่หรา แม้จะเบลอหน้าไว้ เธอก็จำได้ นั่นเป็นเธอเอง รูปพวกนี้ทำไมถึงยังอยู่

    ไม่จริงใช่ไหม? สิ่งที่เธอกลัวมันเกิดขึ้นแล้ว!

              หญิงสาวเงยหน้ามองพลิศ ใครจะเชื่อข่าวนี้ก็ช่าง แต่พ่อต้องไม่เชื่อ ต้องเชื่อมั่นในตัวเธอ ทว่าสายตาของพ่อที่มองมากลับเต็มไปด้วยคำถามและความผิดหวัง

              “พ่อเชื่อตามข่าวที่ลงหรือเปล่าคะ ลูกจันทร์ไม่...”

              พลิศไม่เคยเชื่อใครนอกจากคำพูดของลูกสาว อีกทั้งเขาไม่ได้เห็นรูปในหนังสือพิมพ์เป็นครั้งแรก เขาตามดูพฤติกรรมของลูกสาวมาหลายวันแล้วเพื่อความแน่ใจ เหตุผลที่พลิศไม่ยอมให้ดาวิกาไปอยู่คอนโคก็เพราะสาเหตุนี้ เพียงแต่ไม่คิดว่ารูปจะหลุดออกไปจนได้ เขากว้านซื้อรูปพวกนั้นแล้ว แต่ความพยายามของเขาคงยังไม่พอ

    “บอกพ่อมาว่าเรื่องจริงเป็นยังไง อย่าโกหก การโกหกคือหายนะ พ่อสอนลูกเสมอใช่ไหมลูกจันทร์”

    “พ่อ...ลูกจันทร์ไม่ได้มั่วผู้ชาย จักรเป็นเพื่อน” ดาวิกาจำได้ว่าเมามาก จักรวาลเลยประคองมาที่รถแล้วพามาส่งบ้าน เรื่องมีเท่านี้ แต่ทำไมรูปที่ออกมาถึงดูเหมือนเราโอบกอดกัน ทำไม?!

    “พ่อเชื่อ แล้วเรื่อง...” พลิศรู้ดีกว่าใคร ดาวิกาเป็นคนถือตัวมาก ไม่มีทางที่จะทำเสื่อมเสีย แต่...

    ดาวิกาหลบสายตาของพ่อ เมื่อจนด้วยคำพูด

    พลิศยกมือขึ้นมาปิดใบหน้า ทำไมเขาไม่ถามลูกมาก่อนหน้านี้น่ะหรือ ก็เพราะเขากลัวอย่างไรล่ะ กลัวว่าลูกจะทำแบบนั้นและพูดไม่ออกอย่างในตอนนี้ ดาวิกาก้มหน้าร้องไห้ พอเงยหน้ามองพ่ออีกครั้งก็เห็นท่านตาแดงๆ เธอเพิ่งรู้ตัวตอนนี้เองว่าทำเลวเหลือเกิน มือบางยกขึ้นพนมอย่างรู้สึกผิดที่สุดในชีวิต แม้ว่ารูปที่เห็นจะถ่ายมานานแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งนี้กำลังทำให้พ่อผิดหวังไปแล้วจริงๆ

    “ลูกจันทร์ขอโทษนะคะพ่อ”

    พลิศน้ำตาไหลด้วยความผิดหวังเสียใจ เขาผิดเองที่ไม่มีเวลาให้ลูก ถ้าลูกผิด ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าลูกผิด แต่คนที่ผิดยิ่งกว่าคือคนเป็นพ่ออยู่นั่นเอง มือหนายื่นไปจับมือของลูกสาวแล้วดึงเข้ามากอด หัวใจของคนเป็นพ่อกำลังแตกสลาย

    “ทำไมหนอลูก ทำไม พ่อไม่นึกเลยว่าจะตัดสินใจผิดที่สุดในชีวิต พ่อไม่น่าใจอ่อนยอมให้ลูกเข้าวงการ พ่อน่าจะมีเวลาให้ลูกมากกว่านี้ บอกพ่อมาว่าแค่ลองหรือว่าติดไอ้ยานรกนั่นไปแล้ว”

    ผู้เป็นลูกร้องไห้สะอึกสะอื้น  ไม่ใช่เพราะถูกจับได้ แต่เพราะเธอทำให้พ่อร้องไห้ ต่อให้ดื้อรั้นยังไง เธอก็ไม่เคยคิดถึงวันนี้ วันที่พ่อร้องไห้เพราะความผิดความเลวของเธอ

    “ลูกจันทร์แค่ลอง ไม่ได้ติดอย่างที่ข่าวลง พ่อเชื่อลูกจันทร์นะคะ”

    พลิศไม่ตอบ เขาคลายกอดคำพูดของลูก เขาเชื่อเสมอ แต่การเชื่อไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาที่กำลังลุกลามไปใหญ่โตแล้วของลูกสาวได้ ความจริงเท่านั้นคือคำตอบ

    “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปกับพ่อ ตอนนี้ยังพอมีเวลา”

    ดาวิกายอมทำตามแต่โดยดี ตอนนี้เธอไม่กล้าสบตาพ่อด้วยซ้ำ ไม่กล้าแม้จะหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู ทุกอย่างพังทลายแล้ว คนที่รักเธอกำลังเกลียดเธอ เอกชัยคงร้อนใจ ค่ายเพลงคงถูกแฟนคลับของเธอบุกด้วยความเสียใจผิดหวัง เช้าอันสดใสกลายเป็นดำมืดและไม่รู้แล้วว่าแสงอาทิตย์ที่เคยคิดว่าจัดจ้าน่ารำคาญจะเผยแสงให้เธอเห็นอีกเมื่อไหร่ หญิงสาวร้องไห้อย่าเจ็บปวดให้ตัวเอง สิ่งที่ดีที่สุดมีเพียงเธอยังมีพ่อ โลกใบนี้คงไม่เลวร้ายไปกว่าวันนี้แล้วใช่ไหม

     

    พลิศพาดาวิกาออกมาจากบ้านอย่างเปิดเผยผ่านนักข่าวครึ่งร้อยที่พยายามขวางไม่ให้รถขับออกไป ดาวิกาถูกถ่ายรูปจากนักข่าวที่มาออกัน บางคนเคาะให้ลดกระจกลง เธอไม่หันหน้าหนีเช่นเดียวกับพ่อ ไม่มีการให้สัมภาษณ์  เมื่อหลุดจากนักข่าวมาได้รถก็มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่มีเพื่อนของพลิศเป็นเจ้าของ

    ดาวิกาถูกตรวจสารเสพติดในร่างกายอย่างละเอียดทั้งปัสสาวะ เลือดและเส้นผม เขาต้องการรู้ผลเร็วที่สุด เพื่อให้แน่ใจและพูดได้เต็มปากว่าลูกสาวของเขาไม่ได้ติดยา 2 ปีที่เคยลองเพียงครั้งเดียวจะเป็นความจริง หากผลการตรวจออกมาเป็นไปในทางบวกและไม่มีโรคอื่นใดที่มาจากการเสพยาในครั้งนั้น

    ดาวิกากลับถึงบ้านด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต จิตตก ผิดหวังและอยากเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว นักข่าวยังมาออหน้าบ้านและพยายามถ่ายรูปของเธอให้ได้ ความโด่งดังมีสองด้านเสมอ ชื่นชมหรือตำหนิ ตอนนี้เธอพบแล้วทั้งสองด้าน  เพียงแต่ไม่รู้พ่อจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อแก้ไขในด้านที่เธอกำลังถูกตำหนิ ไม่สิ คำนี้อาจดูดีไป คำว่า ก่นด่าคงตรงกว่า

    พลิศออกจากบ้านไปตอนบ่าย ดาวิกามองเห็นพ่อจากหน้าต่างห้องนอน เธอนั่งลงกอดเข่าร้องไห้ ก่อนจะนอนลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก โทรศัพท์มือถือถูกปิดเครื่องไว้เช่นเดียวกับโทรศัพท์ข้างหัวเตียงที่ชักสายออก พ่อปกป้องเธอจากนักข่าว แต่คงทำไม่ได้กับกระแสของโซเชียลมีเดีย เธออยากอ่าน แต่ก็กลัวจะรับรู้ มีตัวอย่างของนักร้องหรือดาราหลายคนที่หลงผิดแบบเธอ ทุกคนถูกประณาม ประวัติทุกอย่างถูกสืบออกมาประจาน ทำไมตอนนั้นเธอไม่ห้ามตัวเอง ดาวิกาไม่โทษใครนอกจากตัวเอง ถ้าเธอไม่อยากลองเสพ มีหรือใครจะมาบังคับได้ ทำอย่างไรทุกอย่างกลับจะมาเหมือนเดิมได้นะ

    “หิวไหมคะ”

    ดาวิกาหันไปมอง ไม่ได้ตกใจเมื่อเห็นไปรยาเข้ามาในห้องและนั่งลงกับพื้นไม่ไกลนัก เธอทุกข์ใจจนไม่มีสักเสี้ยวในใจที่มีแรงพอจะหาเรื่องแม่เลี้ยงแล้ว

    “พ่อยังไม่กลับมาหรือ ทำไมถึงเป็นคุณที่เข้ามา”

    ไปรยายิ้มให้ลูกเลี้ยงอย่างให้กำลังใจ ถึงจะไม่ได้รับรอยยิ้มกลับมาก็ไม่เป็นไร สำหรับคนอายุใกล้ 20 ปี สิ่งที่ได้รับจากความผิดพลาดเท่าที่เธอเห็นจากสื่อและอ่านจากเว็บต่างๆ ถือว่ามากเกินกว่าใครสักคนควรได้รับแล้ว ถามว่าเสพยาผิดไหม คำตอบคือผิด แต่เป็นความผิดที่ผู้ปกครองต้องนำมาพิจารณาตัวเอง ให้กำลังใจและให้โอกาส ไม่ใช่ซ้ำเติม แต่เกินครึ่งของสิ่งที่รับรู้จากสื่อต่างๆ เป็นไปในทางซ้ำเติมเพราะความผิดหวังจากไอดอลที่ตัวเองรัก

    “ไม่ได้บอกค่ะ บอกแค่ว่าพรุ่งนี้ให้คุณลูกจันทร์เตรียมตัวไว้”

    “พ่อจะให้ไปไหน” ดาวิกาถามพลางลุกขึ้นนั่งมองไปที่นาฬิกา ตั้งแต่กลับมาเธออยู่ตรงนี้ 4 ชั่วโมงแล้วหรือ ทำไมรู้สึกนานราวกับผ่านไปเป็นวัน

    “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ กินอะไรเสียหน่อยนะคะจะได้มีแรงต่อสู้กับปัญหา” ไปรยาเลื่อนถาดอาหารที่ยกมาให้ดาวิกา ลูกเลี้ยงของเธอมองมาแล้วเมินไปทางอื่น

    “มีข่าวของฉันบ้างหรือเปล่า”

    “บางอย่างอย่าเพิ่งรับรู้น่าจะดีกว่านะคะ มั่นใจเถอะค่ะว่าคุณลิศต้องหาวิธีที่ดีและถูกต้องที่สุดเพื่อคุณลูกจันทร์ ทุกปัญหาจะผ่านไปได้ เราทุกคนเป็นกำลังใจให้คุณลูกจันทร์เสมอนะคะ”

    ดาวิกาจุกอยู่ในอก เวลาเกิดปัญหา แค่ใครมาบอกว่าเป็นกำลังใจให้ก็ทำให้น้ำตาที่แห้งเหือดเอ่อท้นขึ้นมา แต่คนอย่างดาวิกาจะไม่ยอมอ่อนแอต่อหน้าใครเด็ดขาด ความปรารถนาดีของแม่เลี้ยงเธอรับรู้ แต่ใจที่ปิดกั้นด้วยอคติทำให้ไม่อาจยอมรับได้

    “พูดอะไรยาวๆ ฟังไม่รู้เรื่อง แล้วก็ออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”

    “อย่าลืมทานอาหารนะคะ อย่าสนใจว่าฉันเป็นคนทำมาให้ ทานให้มีแรงต่อสู้กับปัญหาก็พอ ฉันเป็นกำลังใจให้ค่ะ” ไปรยายิ้มให้ดาวิกาก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมกับปิดประตูเสียงเบากริบ

    ดาวิกามองตามจนประตูปิด น้ำตาที่เอ่อท้นไหลลงอาบแก้ม ไม่รู้ว่าร้องไห้เพราะอะไรอีก ไปรยาคงเหมือนขอนไม้ที่เธอคว้าได้ก่อนจะจมน้ำตาย ทำให้ฮึดสู้ มือบางหยิบช้อนมาตักข้าวเข้าปากทั้งที่น้ำตายังไหล เธอไม่ได้อยากร้องไห้ แต่น้ำตามันไหลออกมาเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าการกินทำให้เข้มแข็งได้ไหม อย่างน้อยเธอต้องไม่อ่อนแอ พ่อต้องไม่เสียใจซ้ำสองอีก เธอสัญญา

     

    ดาวิกาตื่นแต่เช้าเมื่อนอนหลับๆ ตื่นๆ มาทั้งคืน เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอพ่ออยู่ในห้อง หญิงสาวไม่กล้าแม้จะเดินลงไป ไม่มั่นใจพอที่จะเห็นสายตาของแม่เลี้ยงและสาวใช้ มือทั้งสองข้างจับกันไว้แน่นเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือจนเธอสะดุ้ง ยามทำผิด ควรทำอย่างไรเราถึงจะกลับมาเป็นตัวเองที่พร้อมเผชิญหน้าคนทั้งโลกได้อีกครั้ง ดาวิกานั่งเหม่อจนไม่รู้ว่าพลิศเปิดประตูเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆ

    มือหนาวางบนไหล่บางที่สั่นเทาของลูกสาว ดาวิกาหันมาแล้วกอดพ่อไว้ ไม่ร้องไห้ เธอสั่งตัวเองหนักๆ ในใจก่อนคายกอดแล้วถอนใจเอาความกังวลออกไปเสียบ้าง

    “พ่อจะพาลูกจันทร์ไปไหนหรือคะ พ่อยังไม่เชื่อลูกจันทร์หรือคะ”

    ดาวิกากัดริมฝีปากไม่รู้แล้วว่าความมั่นใจในตัวเองของเธออยู่ที่ไหน เธอคนเดิมที่พร้อมจะวีนแหลกหายไปเพียงชั่วข้ามคืน ปีกอันสวยงามที่เธอคิดว่ามีมันหายไปแล้ว

    “พ่อเชื่อลูกนะ เชื่อก่อนที่จะเห็นผลตรวจด้วยซ้ำ  ผลตรวจสารเสพติดของลูกสรุปว่าไม่มีสารเสพติด ในเลือดไม่มีอะไรน่าห่วง แต่พ่อต้องบอกลูกว่าพ่อทำอะไรไปในวันนี้ ลูกจันทร์ฟังแล้วคิดตามนะลูกนะ” พลิศพูดอย่างใจเย็น ตอนนี้ดาวิกาต้องการที่พึ่ง เขาต้องเป็นหลักที่ดีของลูกไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม

    “ค่ะ ลูกจันทร์เชื่อพ่อ” มือลูกจับมือพ่อไว้ พ่อเป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ป้องกันสัตว์ร้ายและพายุลมฝนได้ เธอเชื่ออย่างนี้ แม้ไม่รู้ว่าทางออกยังเหลืออีกหรือเปล่า

    “พ่อจะแถลงข่าวตามที่ค่ายเพลงแนะนำ แต่พ่อเลือกที่จะไม่โกหก”

    เมื่อวานนี้พลิศไปคุยกับวรการเพื่อหาทางออกให้ดาวิกา เขายืนกรานวิธีนี้ แม้ว่าไม่ใช่วิธีที่วรการเสนอให้เบี่ยงประเด็น แต่มันคือการโกหก เขาไม่มีวันยอมทำแล้วรอให้คำโกหกถูกขุดคุ้ยไม่จบสิ้น จนต่อไปต้องดำเนินชีวิตด้วยความระแวงตลอดเวลา

    “หมายความว่ายังไงคะ” ตลอดมาดาวิกาไม่เคยโกหก แต่ครั้งนี้ขอไม่ได้เชียวหรือ

    ดาวิกาดึงมือออก พลิศจับคว้ามือลูกสาวไว้ วิธีนี้อาจโหดร้ายแต่ยั่งยืนและความผิดพลาดนี้จะไม่กลับมาทำร้ายดาวิกาได้อีก ไม่ว่าหลังจากนี้รูปหรือคลิปอะไรจะหลุดออกมา

    “การก้าวเดินบนความจริงอาจเจ็บปวดบ้าง แต่มันจะยั่งยืน เมื่อวานมีการแถลงข่าวเพื่อลดกระแสต่อต้านลูก พ่อเลือกพูดความจริงว่าลูกเคยลองเสพยา แต่ไม่ได้ติดและตอนนี้ร่างกายของลูกไม่มีสารเสพติด”

    “พ่อ!

    ดาวิกาสบตาพ่อ ไม่รู้จริงๆ หรือว่าการพูดความจริงนั้น เธอจะพบเจอกับอะไรและอะไรจะตามมา

    พลิศไตร่ตรองมาแล้ว เมื่อมันไม่ใช่การแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังถูกสังคมตั้งคำถาม ลูกจันทร์ของเขาต้องสง่างามไม่ใช่การรอดผิดครั้งนี้ไปเพื่อกลายเป็นคนที่ถูกจับโกหกได้ในเวลาต่อมา  และที่สำคัญเขาต้องการลูกสาวคนเดิมกลับมา มือหนาลูบหัวของลูกอย่างรักและสงสาร นานแล้วที่เขาไม่ได้ทำแบบนี้

    “อย่าเสียดายสิ่งที่เป็นเพียงมายาเลยนะลูกจันทร์ กลับมาเป็นลูกสาวคนเดิมของพ่อได้ไหม ต่อไปนี้เราจะเริ่มกันใหม่นะลูกนะ”

    “พ่อไม่เข้าใจ พ่อกำลังจะทำลายความฝันของลูกจันทร์” ดาวิการ้องไห้ หัวใจสลายเมื่อกำลังไร้อนาคต

    พลิศส่ายหน้า อีกหน่อยดาวิกาจะได้รู้เองว่าใครหรือสิ่งใดที่ทำลายความฝัน โทรศัพท์ที่วางข้างตัวถูกเปิดไปยังหน้าของวีดีโอก่อนส่งให้ เมื่อมีบางอย่างที่ลูกจันทร์สมควรได้รู้เพื่อทำให้น้ำหนักของความถูกต้องมากกว่าความฝันที่อยากยื้อไว้

    “ถ้างั้นดูนี่ ตัดสินใจให้ได้ พ่อจะรอข้างล่าง เราจะไป ป... ด้วยกัน ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ควรจะเป็นเมื่อเราพูดความจริง จำคำของพ่อไว้นะลูก” พลิศกอดร่างสั่นสะท้านของดาวิกาแล้วปล่อยให้ลูกได้คิด อายุใกล้ 20 ปี ดูเหมือนว่าน้อยก็จริง แต่หากการคิดการอ่านสำหรับเขาถือว่าไม่เด็กแล้ว

    ดาวิกาเห็นภาพเคลื่อนไหวของตัวเอง มือข้างหนึ่งถือไฟแช็ก อีกมือถือขวดน้ำ ปากแนบกับปลายหลอด เธอเมื่อ 2 ปีก่อนยิ้มร่า หัวเราะ ดูสิ้นคิดเหลือเกินสำหรับดาวิกาในอีก 2 ปีต่อมา เธอจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นมีใครบ้าง เท่าที่นึกออกก็มีจักรวาลและคนอื่นๆ  ใครเป็นคนถ่ายรูป คนที่ปล่อยรูปอาจเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเธอก็ได้

    เธอมันโง่เอง!

     

    ดาวิกาเดินมาหาพลิศเมื่อผ่านไปเกือบชั่วโมง การหนีความจริงวันนี้ ในวันข้างหน้าสังคมจะตราหน้าว่าเธอเป็นคนหลอกลวงเมื่อคลิปหลุดออกไป แม้ไม่รู้ว่าทำแบบนี้คือทางออกที่ดีแล้วใช่ไหม แต่เธอเชื่อมันในตัวพ่อ วรการยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ไม่สามารถบังคับให้พ่อพูดตามสคลิปต์ที่ค่ายเพลงเตรียมไว้ให้ได้

    เพราะฉะนั้นเธอต้องหยัดยืนและอดทน การพูดความจริงแม้จะเจ็บปวด แต่อีกไม่นานเธอจะผ่านมันไปอย่างสง่างาม ช่างเป็นความสง่างามที่แสนเจ็บปวดเมื่อมันแลกด้วยความฝันทั้งหมดของเธอ

    การแถลงข่าวถูกจัดขึ้นที่ตึก PNN หลังจากพลิศพาดาวิกาไปยื่นผลตรวจสารเสพติดที่ ป...  วรการมาร่วมแถลงข่าวด้วยตัวเองและประกาศว่าจะพักงานนักร้องคนสำคัญของค่ายอย่างไม่มีกำหนด ถามว่าดาวิกาเสียใจไหมที่ถูกพักงาน เธอไม่เสียใจเลย ความเสียใจที่แท้จริงของเธอยิ่งใหญ่กว่านั้น

    เธอทำให้พ่อถูกต่อว่าว่าเลี้ยงลูกไม่ดี กลายเป็นพ่อของนักร้องเสพยา นักข่าวพากันรุมเธอด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ พ่อกอดเธอไว้แล้วพาออกมาจากห้องแถลงข่าวเมื่อไม่อาจทนเห็นลูกสาวถูกถามด้วยคำถามที่น่าขยะแขยงต่อไปได้ เขาต้องการให้ลูกสาวหยัดยืนด้วยความจริง ไม่ใช่มาเป็นเหยื่อของนักข่าว

    ดาวิกากอดพ่อไว้แน่นและร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ ไม่ใช่คับแค้นใครนอกจากตัวเองและนักข่าวพวกนั้น เธอจะจำวันนี้ไว้ คนส่วนใหญ่เลือกที่จะซ้ำเติม แต่เธอยังมีพ่อ มีเอกชัย จักรวาลที่โทรมาให้กำลังใจและจะหาคนปล่อยรูปมาให้เธอให้ได้ ส่วนวรการนั้นเป็นเพียงเรื่องของธุรกิจเท่านั้น

    ดาวิกาจะจำทุกคนไว้ชั่วชีวิต  และจะจำความเจ็บปวดของการถูกเหยียบย่ำซ้ำเติม...ตราบจนวันตาย

     

    ใกล้เลิกงานแล้วแต่พาทียังง่วนทำอะไรยุ่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน โทรศัพท์ส่วนตัวดันเสียงดังพร้อมกับโทรศัพท์ออฟฟิศ เขารีบรับโทรศัพท์ออฟฟิศ คุยอยู่พักหนึ่งก็ถอนใจอยากทึ้งหัวตัวเอง ลูกน้องของเขาไปทำข่าวของดาวิกามาแล้ว แต่ยังติดเรื่องกฎหมายเลยต้องมายืนยันให้แน่ใจกับเขาก่อนตีพิมพ์เป็นหนังสือพิมพ์ในวันพรุ่งนี้ นี่เขาเสียเงินแสน แต่เปล่าประโยชน์ พอๆ กับพลิศที่กว้านซื้อรูปของลูกสาว แต่สุดท้ายสื่อที่เห็นแก่ข่าวก็เอาไปตีพิมพ์จนได้ คนเรานี่แย่ทำกันได้เพื่อเงิน เฮ้อ...

    “ทำอะไรอยู่วะ โทรมาก็ไม่รับ”

    พาทีเงยหน้าจากงานที่กองสุมถึงได้เห็นว่าธีมายืนกอดอกมองอยู่ มันเองหรือที่โทรมาให้เขาหัวหมุนไปหมด คนกำลังยุ่ง

    “ไงวะไอ้เสือ เดือนนี้เข้ากรุงบ่อยจังแฮะ ติดใจแสงสีหรือไงวะ”

    ธีมาหัวเราะพลางหาที่นั่งให้ตัวเอง ห้องทำงานของพาทีไม่ได้ดูแคบ แต่ของประดามีของเพื่อนนี่แหละทำให้ห้องดูเล็กเท่ารูหนู สักวันเถอะทั้งหนู ทั้งแมลงสาบคงได้เข้ามาอยู่เป็นเพื่อน

    “ไม่ใช่เว้ย ฉันมาทำธุระให้พ่อต่างหาก พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว นี่ฉันเอาส้มจากปางไม้มาฝากแกด้วย อ้อ มีลิ้นจี่จากไร่วรารินทร์ด้วยนะ” ธีมาบอก แต่ของที่เอามาฝากนี่สิไม่รู้จะไปวางตรงไหน

    เดือดร้อนเจ้าของห้องต้องมารับกับมือแล้วกวาดกระดาษรกๆ บนโต๊ะออกไป เพื่อวางของฝากพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองลิ้นจี่ตาปรอย

    “วราฝากแกเอามาให้ฉันหรือวะ”

    “เปล่าว่ะ วราเอามาฝากพ่อฉัน ฉันเลยแบ่งมาฝากแกต่อ” ธีมาดับฝันของพาทีได้หน้าตาเฉย

    พาทีหุบยิ้มถอนใจพรืด “พูดโกหกบ้างก็ได้นะไอ้เสือ คนกำลังดีใจ หมดกัน”

    แล้วดูไอ้เพื่อนเวรดันมาหัวเราะสะใจอีก ฆ่ามันหมกออฟฟิศเสียดีไหม ต่อไปจะได้ไม่มีขวากหนามหัวใจ ทำงานจนเพ้อแล้วเขานี่

    “ไหนๆ ก็มาแล้วคืนนี้ไปเข้าก๊วนดีไหมวะ พอดีฉันนัดเพื่อนๆ เอาไว้ ถ้าแกมาพวกมันคงเฮกันใหญ่” พาทีได้โอกาสชวนเสียเลย

    “ก็ได้ นานทีปีหน แต่ห้ามดึก พรุ่งนี้ฉันต้องขับรถกลับแต่เช้า”

    พาทีพยักหน้าหงึกๆ รีบทำงานให้เสร็จ ธีมาฆ่าเวลานั่งรอหาหนังสือแถวๆ นั้นมาอ่าน มีนิตยสารสำหรับผู้หญิงเสียด้วย หน้าปกเป็นรูปยัยนักร้องจอมวีน แต่ป่านนี้คงวีนไม่ออกแล้วกระมัง ร้องไห้ขี้มูกโป่งจนไม่ได้วีนใครแน่ๆ หมดอนาคตแท้ๆ ไม่น่าเลย ว่าจะโทรหาพี่ปายก็เกรงใจ ป่านนี้คงวุ่น

     

    บ้านเงียบตั้งแต่บ่ายจนค่ำ อาหารเย็นถูกวางรอจนเย็นชืดเมื่อสองพ่อลูกต่างนั่งเงียบอยู่คนละมุมของบ้าน ดาวิกาเลือกที่จะอยู่ในห้องล็อคประตูปิดเงียบ ในขณะที่พลิศเลือกที่จะอยู่ในห้องทำงาน เขาสงสารลูก แม้จะรู้ว่าการช่วยลูกปกปิดจะทำให้ลูกเสียใจน้อยกว่านี้ แต่เขาทำไม่ได้หากว่ามันคือระเบิดเวลาที่รอเวลาระเบิดเพื่อทำลายลูกจันทร์ยิ่งกว่ายอมรับผิดในวันนี้

    ไปรยาเข้ามาในห้องพร้อมโกโก้อุ่นๆ ที่พลิศชอบดื่ม เธอคะยั้นคะยอเขาอยู่หลายคำกว่าเขาจะยอมดื่ม เสียงถอนใจทำให้เธอรู้ว่าภายใต้ความเข้มแข็งที่แสดงออกนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจ การทำให้ลูกร้องไห้ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากทำ แต่เมื่อต้องทำและทำไปแล้วมีหรือที่คนเป็นพ่อจะไม่โทษตัวเอง

    “ผมคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกพูดความจริง ยัยลูกจันทร์คงโกรธผมมาก ตั้งแต่วันนั้น แกเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง” พลิศระบายออกมาให้ภรรยาฟัง

    “ปายเชื่อมั่นในการพูดความจริงค่ะ และที่สำคัญถ้าโกหกวันนี้แล้วต่อไปคลิปหลุดออกมา การพูดความจริงเมื่อสายไปแล้วจะไม่มีใครยอมเชื่อคุณลิศกับคุณลูกจันทร์อีก ใจเย็นๆ นะคะ อีกไม่นานลูกต้องเข้าใจคุณลิศแน่นอน”

    “ขอบใจนะปายที่เข้าใจผม” มือหนาบีบมือบางเบาๆ ไปรยาโน้มตัวมากอดพลิศไว้ การร่วมทุกข์ร่วมสุขเป็นแบบนี้เอง

    “เดี๋ยวปายยกนมอุ่นๆ ไปให้คุณลูกจันทร์ก่อนนะคะ เผื่อว่าจะหิว เมื่อตอนเย็นไม่ได้ทานอะไรเลย”

    พลิศพยักหน้าเห็นด้วยพลางบอกขอบใจภรรยาอย่างซึ้งใจ ไปรยาหายไปในครัวไม่นานก็ออกมาพร้อมนมอุ่นๆ เขายิ้มให้ภรรยาก่อนจะตั้งสมาธิเริ่มเคลียร์งาน แม้จะเพลียและไม่ค่อยมีพลังใจนัก เขาห่วงลูก แต่ไม่รู้จะทำยังไงเพื่อเรียกกำลังใจของลูกกลับมา ถ้า ดารินยังอยู่คงดีไม่น้อย การทำสิ่งถูกต้องช่างเจ็บปวด เขาทำร้ายจิตใจลูก แต่มันคือทางออกเดียวที่จะผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปได้

    ไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำเมื่อไปรยารีบวิ่งลงบันไดมาหน้าตื่นเพื่อบอกพลิศเสียงหลง 

    “แย่แล้วค่ะ คุณลูกจันทร์หนีไปแล้ว ถ้านักข่าวไปเจอเข้า...” 

    พลิศเดินเร็วๆ ไปที่ห้องของลูกสาว ดาวิกาไม่อยู่เช่นเดียวกับโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ หน้าต่างเปิดทิ้งไว้มีเชือกยาวๆ ห้อยเป็นหลักฐาน ลูกหนีไปแล้วเพราะเขาใช่ไหม หัวอกคนเป็นพ่อร้อนแทบเป็นไฟ การเงียบของลูกไม่ได้หมายถึงการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่จำใจยอมรับ ทำไมเขาไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรจนสายไปทุกครั้ง

    “ผมจะไปตามหาลูก” พลิศเดินแกมวิ่งไปที่รถ

    “ปายไปด้วยค่ะ”

    พลิศเปลี่ยนแผนเมื่อมีไปรยาอาสาช่วย เขาให้คนขับรถกับภรรยาไปด้วยกัน ส่วนเขาขับรถไปอีกคันจะได้ช่วยกันตามหา แทนที่จะรวมกันอยู่ที่รถคันเดียว พลิศขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านเก่าของภรรยาผู้ล่วงลับกับคอนโดซึ่งอยู่ใกล้กับตึก PNN ส่วนไปรยามุ่งหน้าไปยังแหล่งสถานบันเทิงที่ดาวิกาอาจจะไป ในขณะเดียวกันก็โทรหาเอกชัยเพื่อให้ช่วยตามหาอีกแรง

     

    ดาวิกาหายไปไหน?  ตอนที่เขียนเรื่องนี้โบว์มีนักร้องคนนึงอยู่ในหัวค่ะ นักร้องที่โด่งดังตั้งแต่อายุยังน้อย ชื่อเสียงโถมเข้ามา ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดปัญหามารุมเร้า ครอบครัว ความรัก ยาเสพติด แต่ทุกวันนี้เธอคนนั้นผ่านมาได้ แล้วยังเป็นร้องที่โบว์ยังชอบและติดตามอยู่ค่ะ เจ้าของเพลง Oops…I Did It Again.

    ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

    อัมราน&บรรพตี


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×