ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวานรักพยัคฆ์ร้าย..Re-Up

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9...100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.39K
      20
      10 มี.ค. 62

     

     

     

    ดาวิกานั่งนิ่งไม่พูดอะไร ตอนนี้ธีมาคงไม่อยากได้ยินเสียงเธอนักหรอก คิดแล้วมันน่าโมโหไหมล่ะ เรื่องอะไรต้องจำกัดอิสระให้เธออยู่แต่ที่นี่ แค่ไปคลินิกลุงดีก็ยังดี เขาคงไม่เข้าใจหรอก อาจคิดว่าเธออยากไปเที่ยวอยู่ก็ได้

    ปีย์วราดูจะเป็นคนเดียวที่ทำให้ธีมายิ้มได้ในตอนนี้ แม้กระทั่งโมรียังทำไม่ได้ขนาดว่ายกอาหารมาแล้วบอกว่าเตรียมของโปรดมาให้

    ผู้อ่อนวัยที่สุดรวบช้อนส้อมเป็นคนแรกและเอ่ยขอตัว ไม่มีใครรั้งไว้ให้รับของหวานซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ดาวิกาเดินมานั่งเล่นตรงระเบียง เพียงแต่ไม่นึกว่าคุณแม่บ้านก็มาอยู่ตรงนี้เหมือนกัน

    คุณปีย์วราเป็นใครหรือคะคุณแม่บ้านดาวิกาถามเมื่อโมรีคงช่วยคลายความสงสัยให้เธอได้

    โมรีลอบยิ้มเจ้าเล่ห์เหลือบมองแขกของนายอีกคน ถ้ายังกำจัดปีย์วราไม่ได้ก็ต้องกำจัดผู้หญิงคนนี้ก่อน

    คนสำคัญของพ่อเลี้ยงน่ะค่ะ ไม่แน่ต่อไปอาจจะมาเป็นนายหญิงของปางไม้ธารธีรานะคะ

    ดาวิกาพยักหน้าหงึกๆ ก็ว่าแล้วเชียว ท่าทางของธีมาดูอารมณ์ดีเกินปกติ หรือนี่เป็นอารมณ์ปกติของเขา แต่อารมณ์ผิดปกติน่ะเป็นตอนที่อยู่กับเธอ

    งั้นเหรอ ดูดีเกินไปสำหรับนายเสือ คุณแม่บ้านคิดเหมือนกันไหม เธอหันไปถาม

    โมรีเม้มปากไม่พอใจ ดาวิกางงนิดๆ ว่าพูดอะไรผิดตรงไหน เธอถูกชะตากับปีย์วรา ผู้หญิงที่ดูสวย สง่างามราวกับนางในวรรณคดี ส่วนนายเสือนี่อย่างกับ...อย่างกับอะไรก็ช่างเถอะ ยังไงปีย์วราก็ดูดีเกินไป

    “ไม่ทราบค่ะ ฉันไม่พูดเรื่องของเจ้านาย” แม่บ้านบอกเสียงสะบัดก่อนเดินไปชั้นล่างของบ้าน

    ดาวิกายิ้มเหวอๆ พอจะรู้แล้วว่าทำไมโมรีถึงเก็บอาการไม่อยู่ นายเสือไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือว่ามีคนแอบชอบ ฮึๆ อาจจะรู้ แต่ทำมึนอยู่ละมั้ง ย่ะ! พ่อคนหล่อเลือกได้

     

    หลังอาหารกลางวันธีมาพาปีย์วราไปคุยอะไรกันอยู่ครู่หนึ่งในห้องทำงาน ดาวิกาหยิบหนังสือที่ธีมาให้มานั่งอ่านอยู่ตรงระเบียงหน้าห้อง ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำอะไร คนบงการยังไม่มาสั่งนี่ เธออ่านหนังสือได้ไม่กี่หน้าธีมาก็มายืนใกล้ๆ เธอเห็นเขาแล้วชักเสียวสันหลังวาบ เขายกมือขึ้นมาตรงหน้า เธอหลบวูบ แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากมือหนาที่แบให้เห็นแมงมุมในฝ่ามือเท่านั้น

    ใจหายหมด...เฮ้อ คิดว่าเธอจะร้องกรี๊ดล่ะสิท่า

    “บ่ายมากแล้วเธออยากกลับไปที่แปลงผักไหม ฉันจะไปส่ง” ธีมาถาม

    ดาวิกาไม่แน่ใจว่าทำไมถึงไม่อยากทำตามที่เขาถามแกมสั่ง หัวสมองที่ซึมเซามาหลายวันคิดเร็วรี่ หนังสือถูกวาง มือบางขยับมากุมท้องไว้

    “ฉันปวดท้อง” ดาวิกาบอก แต่กลับได้ยินเสียงธีมาคล้ายหัวเราะอยู่ในลำคอ “นายไม่เชื่องั้นเหรอ ฉันปวดท้องมากจริงๆ นะ”

    “ก็ได้”

    “ถ้างั้นฉันกลับห้องก่อนนะ”

    ดาวิกาก้มหน้าแอบยิ้ม หัวใจเริ่มลิงโลดถ้าข้อมือของเธอจะไม่ถูกจับไว้แล้วดึงให้เดินลงบันไดมาด้วยกัน เธอเงยหน้ามองพลางดึงมือกลับ แต่ทำไม่ได้ดั่งใจ ธีมาส่ายหน้า ดวงตาคู่นั่นวาววามน่ากลัวว่าคิดอะไรอยู่

    “ใครบอกให้เธอไปที่อื่นนอกจากที่ฉันจะพาไปกันละยัยลูกตะกั่ว คดีเก่ายังไม่ได้สะสางจะเริ่มคดีใหม่อีกแล้วใช่ไหม”

    “แล้วนายจะพาฉันไปไหนล่ะ” ดาวิกาชักไม่ค่อยไว้ใจรอยยิ้มที่กดอยู่ตรงมุมปากของธีมา

    “เดี๋ยวฉันให้วราตรวจเธอก่อน” ธีมาบอกพอเห็นยัยตัวแสบทำท่าจะพูดก็รีบชิงพูดก่อน “วราเคยอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมา  เธอคงไม่คิดว่าฉันจะขับรถพาไปหาพ่อให้ช่วยตรวจหรอกนะ”

    ดาวิกาถอนใจอยากร้องเฮ้อดังๆ เบื่อคนรู้ทันชะมัด

    “ถ้างั้นฉันไปที่แปลงผักก็ได้”

    “นึกแล้ว” ธีมาเลิกคิ้วใส่ คิดเอาไว้ไม่ผิดจริงๆ เด็กบ้า มือหนาปล่อยมือบางแทบสะบัดทิ้ง เขาไม่น่าลืมว่าดาวิกาแสบได้ขนาดไหน

    “นึกแล้วอะไร”

    “เธอคิดอะไรอยู่ ฉันก็นึกอย่างนั้นแหละยัยลูกตะกั่ว”

    ดาวิกากัดริมฝีปากทำหน้าบึ้งใส่ ในเมื่อรู้แล้วก็ดี วันนี้เธอไม่อยากฟังเขาแล้ว คนอะไรยิ้มกับคนอื่น แต่ทีกับเธอล่ะทำหน้าอยากหักคอ ร่างเพรียวหน้างอหมุนกายจะกลับห้อง มือหนาคว้าข้อมือไว้ทัน เธอหันกลับมาค้อนใส่

    “ทำอะไรปล่อยมือฉันนะ ไหนว่าเป็นเพื่อน”

    “แล้วเพื่อนที่ไหนหนีเพื่อน” ธีมาย้อน

    “ปล่อย!” ดาวิกากระชากมือกลับ แต่หลังกลับหงายกำลังเสียหลักพลัดตกบันได

    “โอ๊ะ!

    ธีมาคว้าเอวบางของดาวิกามากอดไว้เลยเสียหลักไปอีกคน ร่างสูงกอดร่างเล็กกว่าแล้วกดหน้าสวยๆ จนแทบจมเข้าไปในอก แขนข้างหนึ่งกอดเอวอีกมือรองศีรษะของดาวิกาไว้ทำให้หญิงสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกอย่างรวดเร็วราวกับเราถูกเขย่าแรงๆ เหมือนนั่งรถไฟตีลังกา เธอไม่เห็นอะไรนอกจากสีเสื้อเทาๆ ของธีมา จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเขา

    ดาวิกาหายใจหอบๆ พยายามเงยหน้าเมื่อรู้สึกว่าโลกหยุดเขย่าแล้ว เธอสะบัดหน้าแรงๆ แล้วมองถึงได้เห็นว่าที่นอนอยู่ตรงนี้เป็นตีนบันได แล้วที่ทำไมไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ก็เพราะเธอคว่ำหน้ากอดร่างของธีมาไว้ เขาหลับตาถอนใจยาวก่อนลืมตาขึ้น เธอมองเขาไม่รู้จะพูดคำใดนอกจากรู้สึกผิด

    “เจ็บหรือเปล่า ลุกขึ้นสิเผื่อมีอะไรหัก” ธีมาถามใบหน้าเหยเกเมื่อรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว

    ร่างเล็กกว่าขยับออกมาจากตัวธีมาแล้วนั่งลงข้างๆ เพื่อช่วยประคองเขาลุกขึ้นนั่ง เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกผิดต่อผู้ชายที่เธอค่อนขอดว่าปากเสีย ใจร้าย ทว่าการกระทำกลับสวนทาง ถ้าเธอไม่ดื้อรั้นเขาคงไม่มาเจ็บตัวอย่างนี้

     “เจ็บ...แต่ไม่มาก นายเถอะ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเม้มปากแบบนั้น”

    “ไม่เป็นไร” ธีมากัดฟันบอก

    “ไม่เป็นไรได้ยังไง ไหนฉันดูสิ”

    ธีมาส่ายหน้าพลางจับข้อมือของดาวิกาไว้ เขาอยากลุกขึ้นยืนแต่ถ้าดึงมือของยัยตัวแสบไว้มีหวังได้เจ็บตัวกันทั้งคู่อีก เท่านี้ก็เจ็บจะแย่แล้วกระมังถ้าเขาไม่กอดไว้มีหวังได้หัวแตกกันบ้างล่ะ ดาวิกาหน้าจ๋อยรู้สึกผิดจนพูดไม่ออก ถ้าเธอไม่ดื้อเขาคงไม่ตกบันไดเจ็บตัวอย่างนี้หรอก แต่จะพูดยังไงดี

    “วรามาพอดีเลย มาช่วยตรวจหน่อยสิ พอดีสะดุดตกบันได ถ้าให้ดีตรวจลูกจันทร์ก่อน เผื่อช้ำในจะได้ส่งไปรักษาทัน”

    “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ไม่เจ็บเท่าไหร่เลย นายนั่นแหละเจ็บหนัก ห่วงตัวเองก่อนมาห่วงฉันดีกว่า” ดาวิกาเป็นห่วงจากใจจริง แต่ธีมากลับหันมาขมวดคิ้วใส่

    “ทำไมชอบเถียงจังฮึ”

    คนถูกย้อนยิ่งหน้าจ๋อย ธีมาชักรู้สึกตัวเองปากหมาอยู่เหมือนกัน เขามันพวกปากไว ส่วนใหญ่อยู่กับคนงานเลยไม่เคยพูดอ่อนโยนกับใครเท่าไหร่ ทำยังไงดีเฮ้อ

    “อย่าเถียงกันค่ะ เดี๋ยววราดูให้ทั้งสองคนนั่นแหละ แล้วไปทำยังไงถึงตกบันไดคะเนี่ย”

    ดาวิกาอึกอัก ธีมาเลยอ้อมแอ้มตอบแบบจำใจพูดปดว่าดาวิกาสะดุด เขาคว้าตัวไว้ไม่ทันเลยตกลงมาทั้งคู่ ลูกจันทร์ก้มหน้านิ่งรู้สึกผิดเต็มอก ถ้าเธอไม่โกหกแต่แรกคงไม่เกิดเรื่อง ทำไมเขาไม่ปล่อยให้เธอตกลงมาคนเดียวหนอ รู้ไหมว่าทำแบบนี้เธอคงไม่กล้าต่อต้านเขาอีก ความรู้สึกผิดมันจุกอกจนมาจุกที่ปาก

     

    ปีย์วรากลับไปตอนบ่ายสองโมงกว่าๆ หลังจากตรวจธีมากับดาวิกาแล้ว เธอแนะนำให้ทั้งสองคนไปโรงพยาบาลเช็คร่างกายให้แน่ใจเพราะเธอตรวจในเบื้องต้นก็แค่บอกได้ว่าขาและแขนไม่หัก หน้าผากของธีมาโนช้ำอย่างเห็นได้ชัด ส่วนดาวิกาแทบไม่มีรอยอะไรเลยนอกจากรอยช้ำเล็กๆ ที่ไหล่เท่านั้น

    ดาวิกาถูกสั่งให้ไปนอนพักที่ห้อง ส่วนธีมาเปลี่ยนแผนมานั่งทำงานในห้องทำงานแทนทั้งที่นัดกับไกรสอนไว้แล้ว อีกไม่ถึงสองสัปดาห์งานสำคัญกำลังจะมาถึง แต่ตอนนี้เขาไม่ไหวจริงๆ ขนาดนั่งยังปวดตามแขน ขา แล้วยังปวดหัวอีก ไม่รู้ลูกจันทร์เป็นยังไงบ้าง หลังจากตรวจเสร็จแล้วไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย

    ธีมาถอนใจเริ่มตาล้าเพราะทำงานจนเพลินจึงแอนหลังกับพนักเก้าอี้ ในใจยังคงเปี่ยมสุขเมื่อยอดสั่งจองส้มแบรนด์ธารธีรามากจนแน่ใจได้ว่าการขยายงานไปสู่ตลาดผลไม้จะไม่มีคำว่าขาดทุนแน่นอน พอมองนาฬิกาเขาตกใจหน่อยๆ ว่าเกือบทุ่มนึงแล้ว ป่านนี้ยัยตัวแสบเป็นยังไงบ้าง ชายหนุ่มยังไม่ทันลุกจากเก้าอี้ประตูก็เปิดเสียก่อน เพราะโมรีเดินเข้ามาพร้อมสำรับอาหาร

    “อาหารเย็นมาแล้วค่ะพ่อเลี้ยง”

    “เอาวางไว้แล้วกัน เดี๋ยวฉันหิวแล้วจะกิน” ธีมาบอกโมรีแบบนี้เพราะไม่อยากให้เสียน้ำใจ เขาอยากไปดูดาวิกาก่อนแล้วค่อยกลับมากินอาหารเย็น

    “ถ้าพ่อเลี้ยงไม่ถนัด เดี๋ยวโมรีช่วยป้อนให้ไหมคะ” โมรีเสนอเพราะคิดว่านายคงเจ็บพอสมควร ส่วนคนก่อเรื่องไม่เห็นรู้ร้อนรู้หนาว ทำไมพ่อเลี้ยงไม่ปล่อยให้มันตกบันไดมาคนเดียว ไปช่วยมันทำไม

    “ขอบใจนะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก พอดียุ่งๆ โมรีไปพักได้แล้วล่ะ อย่าลืมดูแลเรื่องอาหารให้ลูกจันทร์ด้วยล่ะ ป่านนี้คงหิวแล้วกระมัง”

    โมรีเม้มปากแข็งใจตอบ เจ็บขนาดนี้พ่อเลี้ยงยังห่วงมันอีก

    “ป้าศรีจัดอาหารให้แล้วค่ะ ทานอิ่มก็เดินลงไปเล่นกับลูกๆ ของนางชวนชม” ไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย โมรีเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ ทำไมพ่อเลี้ยงต้องดีกับมันนัก

    “งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะที่ไม่เจ็บอะไรมาก โมรีไปพักเถอะ”

    “ค่ะ พ่อเลี้ยง”

    โมรีไม่เต็มใจออกไปจากห้องนัก แต่ขัดคำสั่งไม่ได้ ธีมาเดินไปล้างมือในห้องน้ำตรงข้ามห้องทำงานก่อนกลับมากินอาหารเย็น ซึ่งกินไม่ได้มากนัก ไม่ถนัดด้วยส่วนหนึ่ง แต่สาเหตุสำคัญคงเป็นเพราะอยากไปดูอาการยัยตัวแสบสักหน่อย ให้รู้ก่อนว่าไม่เป็นไรจริงๆ

    ปีย์วราคงสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมพาดาวิกาไปโรงพยาบาล มันเสี่ยงเกินไป พ่อเพิ่งบอกเขาวันนี้ว่านักข่าวคนนั้นยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของดาวิกาไม่เลิก หากพาดาวิกาไปโรงพยาบาล ความสงบสุขจะกลายเปลี่ยนเป็นความวุ่นวายร้อนใจทันที

     

    ธีมาเดินไม่ค่อยถนัดเพราะเริ่มเจ็บขา แต่น้อยนิดมากเมื่อเทียบกับหน้าผากที่โนจนมั่นใจว่าพรุ่งนี้คงเป็นวงช้ำแน่นอน บางทีเขาอาจะต้องพาทั้งตัวเองและดาวิกาไปหาพ่อสักหน่อย มีพ่อเป็นหมอจะกลัวอะไร บางอย่างที่คลีนิกไม่มีเพื่อนของพ่อคงช่วยตรวจอาการได้โดยไม่ต้องไปโรงพยาบาลให้เอิกเกริก

    ธีมาเปิดประตูข้างบ้านไปสนามหญ้าด้านหลังจึงเห็นดาวิกากำลังอุ้มเจ้าส้มจี๊ดไว้ในอ้อมอก ส่วนส้มโอกับส้มเช้งนอนอยู่ใกล้ๆ กับนังชวนชมและดอกรัก ดูเหมือนครอบคัวแสนสุขที่มีเด็กมาเล่นในบริเวณบ้านของเจ้าสี่ขา ธีมาเดินไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ ดาวิกา เธอหันมายังหน้าจ๋อยไม่หายทั้งที่เขาไม่ได้ว่าอะไรเลยสักคำ

    “ทำไมยังไม่นอนพัก ไม่ระบมเจ็บบ้างหรือไง”

    “นายนั่นแหละ ทำไมไม่พัก เดินตามมาทำไม หรือว่าหวงลูกๆ ฉันไม่ทันได้บอกก่อนว่าจะมาเล่นกับมัน นายจะว่าอะไรหรือเปล่า” ดาวิกาถามธีมาเสียงเบา หญิงสาวรู้ว่าเขารู้ตั้งแต่แรกว่าเธอไม่ได้ปวดท้อง การโกหกช่างเจ็บปวดกว่าที่คิด เธอไม่น่าลืมคำสอนของพ่อเลย

    “ไม่ว่าอะไรหรอก แล้วขอแก้หน่อยนะ ฉันจะมีลูกเป็นหมาได้ยังไงเล่า” ธีมาถามพลางเอนตัวนั่งเอกเขนกอย่างอารมณ์ดี

    ชวนชมผงกหัวยื่นหน้ามาให้ธีมาลูบ มือหนาลูบหัวชวนชมกับดอกรักเหมือนที่เคยทำเสมอ เหมือนกับชวนชมและดอกรักก็ต้องการเพียงเท่านั้น มันหดหน้ากลับแล้วนอนมองนายกับเพื่อนของนายตาแป๋ว

    “ชื่อของมันน่ารักดีนะ”

    “ชอบหรือ” เขาถาม

    ดาวิกาพยักหน้ายิ้มก้มลงหอมหัวของเจ้าสมจี๊ดอย่างไม่รังเกียจ ยังดีที่เธอแพ้อากาศไม่ได้แพ้ขนสัตว์ไม่อย่างนั้นคงทำแบบนี้ไม่ได้ สายตาของธีมายามมองดาวิกาอ่อนโยนลง ในความร้ายกายเขาเห็นหัวใจที่อ่อนโยน คนที่รักสัตว์ย่อมมีหัวใจที่อ่อนโยนเสมอ

    “ไปพักเถอะ พรุ่งนี้เธอคงจะรู้สึกว่าระบมไปทั้งตัว”

    ดาวิกาพยักหน้า สำหรับความผิดของการโกหกย่อมต้องมีการชดเชย ถึงธีมาไม่ได้เรียกร้อง เธอก็จะตอบแทนที่เขาไม่ร้องขอด้วยการไม่ดื้อ...ถ้าไม่จำเป็น เธอเป็นลูกพ่อเพราะฉะนั้นต้องไม่ขี้ขลาด

    “ฟังดีๆ นะ ฉันไม่เคยคิดจะพูดแบบนี้กับนายมาก่อนเลย”

    “ทำไม จะบอกรักหรือไง” ธีมาแกล้งถามไปงั้นเอง เขาพอเดาได้หรอกน่า

    ริมฝีปากบางเม้มปิดเมื่อแน่ใจว่าต้องทำอะไร แต่ยังเขินอายจนต้องสั่งตัวเองให้รีบทำไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ได้ทำแน่ มือทั้งสองข้างยกขึ้นพนมไหว้ก้มหัวลงด้วยความตั้งใจก่อนลดมือลง

    “ฉันขอโทษที่ทำให้นายเจ็บตัว”




    ต่อค่ะ...



     

    ธีมากอดอกมองยิ้มๆ อยากยื่นมือไปลูบหัวคนหยุดดื้อ...ชั่วคราว แต่ไม่แน่ใจว่าเขาทำแบบนั้นได้หรือเปล่าจึงได้แต่พยักหน้ารับ

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอประกวดนางงามไม่ได้ ฉันก็โดนอ่วมน่ะสิ” ธีมาบอก แล้วเพื่อไม่ให้ระหว่างเรามีอะไรค้างคาใจ เขาย่อมต้องถาม “ทำไมถึงอยากเข้าไปในเมืองนัก”

    “จะฟังจริงๆ เหรอ” เธอถามไม่แน่ใจ

    “เล่ามาเถอะน่า หรือจะคิดว่าเล่าให้ลูกของชวมชมฟังก็ได้”

    ดาวิกาหัวเราะคิก บางทีเด็กๆ ทั้ง 3 ตัวอาจเข้าใจเธอก็ได้ ถึงแม้จะฟังไม่รู้เรื่องก็เถอะ

    “ฉันอยากกลับบ้าน นายห้ามว๊ากใส่ฉันนะ” ดาวิการีบหันไปขอธีมาก่อน เขาเลิกคิ้วให้เหมือนไม่ได้คิดจะว๊ากเธออยู่แล้ว “ฉันคงบ้าไปแล้วละมั้ง ฉันอยากกอดพ่อ ฉันคิดถึงบ้าน ฉันโหยหาเวที อยากร้องเพลง อยากได้ยินเสียงกรี๊ดของแฟนคลับที่รักฉัน อยากให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม”

    ดาวิการะบายออกมาแล้วนิ่งรอฟัง บางทีธีมาอาจบอกว่าเธอเพ้อเจ้อก็ได้ ทว่าผ่านไปหลายวินาทีเธอกลับไม่ได้ยินเสียงต่อว่า แต่กลับเป็นคำถาม

    “การเป็นคนถูกรักท่ามกลางคนที่เธอไม่รู้จักจริงๆ มันสำคัญมากนักหรือ”

    ดาวิกาหันหน้ามามองธีมาอีกครั้ง ก่อนวางเจ้าส้มจี๊ดลงนอน แล้วตอบคำถามนั้น

    “สำคัญสิ นายนึกภาพว่าตัวเองอยู่ในฮอลล์ขนาดใหญ่ คนมากมายมองมาที่นายคนเดียวอย่างรักและเทิดทูนดูสิ นั่นแหละสิ่งที่ฉันเคยได้รับ แต่จะไม่มีโอกาสได้รับมันอีกแล้ว”

    ธีมาลองคิดตามในแบบของดาวิกา ไม่ใช่ในแบบของเขาที่ไม่เคยสนใจคนอื่นมากกว่าคนที่รัก ดาวิกาโด่งดังมากในช่วง 3 ปีนี้ มีคอนเสิร์ตใหญ่ทั้งที่อายุยังน้อย แฟนคลับมีเป็น 10 ล้านคน ยังไม่รวมแฟนคลับจากต่างประเทศ ถ้าเขาไม่รู้แบล็คกราวน์ของเธอมาก่อนคงไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นเพียงอดีตเท่านั้น

    “ฉันคงบอกว่าสักวันเธอจะได้กลับไปเหมือนเดิมไม่ได้หรอกนะเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ แต่ฉันบอกเธอได้ว่าคนที่รักเธอจริงๆ น่ะมีอยู่แล้ว ทำไมเฝ้าแต่คิดถึงคนอื่น”

    ดาวิกาขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ ทว่าพอคิดว่าเธอรักใครและใครรักเธอบ้างถึงได้เข้าใจว่าคำถามก่อนหน้านี้ที่เธอตอบว่าการเป็นคนรักท่ามกลางคนที่เธอไม่รู้จักจริงๆ นั้นสำคัญ ตอนนี้มันยังสำคัญอยู่ ทว่ากลับน้อยลงไปเกือบครึ่ง

    “ก็จริงของนาย”  ดาวิกายอมรับแล้วยิ้มให้ธีมา “เรากลับขึ้นบ้านกันเถอะ ฉันจะโทรหาพ่อ”

    “ไปสิ ฉันชักเพลียจนง่วงเหมือนกัน”

    ดาวิกาลุกขึ้นยืนก่อนและเป็นฝ่ายยื่นมือมาให้ธีมาจับ เขามองเหมือนไม่อยากเชื่อว่าเธอจะทำแบบนี้ หญิงสาวยังยื่นมือรอจนกระทั่งเขาจับมือเธอไว้แล้วรั้งเบาๆ เพื่อเป็นหลักให้ลุกขึ้นมา ก่อนจะเดินเคียงกันเดินเข้าบ้าน เขามาส่งเธอที่ประตูหน้าห้อง สั่งซ้ำๆ ว่าให้พัก เธอเลยย้อนว่าเขาก็ควรพักเหมือนกัน สองหนุ่มสาวพากันหัวเราะ ธีมาปิดประตูห้องให้แล้วเดินไปห้องของเขา รอยยิ้มยังติดที่ริมฝีปาก โมรีมองตามสะท้านใจระคนเคียดแค้นนังคนที่ทำให้พ่อเลี้ยงยิ้มให้

    นังตัวแสบ!

     

    หลายวันผ่านไป ธีมาอาการดีขึ้น แต่หายช้ากว่าดาวิกาที่พักวิ่งตอนเช้าไปแค่วันเดียว พอวันต่อมาเธอก็วิ่งได้ปกติ ในขณะที่เขายังไม่หายเดี้ยง ไปๆ มาๆ ยังไม่ได้ไปหาหมอ มีแต่ปีย์วราที่โทรมา พ่อมาหาเขาในตอนเย็นของปลายสัปดาห์พอรู้เรื่องก็บ่นเขาใหญ่ โทษฐานดูแลดาวิกาไม่ดี แต่พอบ่นแล้วก็มาตรวจว่าเขาเป็นอะไรมากกว่าที่เห็นหรือเปล่า

    ดาวิกาดูมีชีวิตชีวามากขึ้นจนธีมากล้าบอกพลิศว่าเธอรู้เรื่องคลิปแล้ว ทั้งพลิศและไปรยาต่างโล่งอกใจแต่ก็บ่นเขานิดหน่อยว่าทำไมไม่บอก พากันห่วงยัยตัวแสบกันยกใหญ่ เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าเขาน่ะโดนบ่นอ่วม สงสัยตัวเองว่าเขาเป็นญาติฝ่ายไหนของเธอกัน ดูๆ แล้วดาวิกาก็ไม่ได้ป้อแป้อย่างที่ใครห่วงจนเขามองว่ามากเกินไปสักหน่อย

     ไกรสอนคอยเป็นพี่เลี้ยงของดาวิกาในระหว่างที่ธีมายังไม่หายดี เธอไปปางไม้ตอนเช้า กลับมากินข้าวกลางวันด้วยกันแล้วอยู่บ้านในตอนบ่ายตามคำสั่งของธีมา ไปทำงานให้หายเบื่อเข้าใจชีวิตพอ เผื่อป่วยไข้มาคราวนี้เขาคงยิ่งกว่าอ่วม ส่วนพ่อของเขาก็มาปางไม้วันเว้นวัน ดาวิกาเลยมีผู้ใหญ่ใจดีคอยให้คำปรึกษา

    มีรถแล่นมาจอดหน้าบ้าน ธีมาจำเสียงรถได้ รู้...อีกเดี๋ยวยัยตัวแสบคงเดินขึ้นมาแล้วบ่นว่าหิวตามเคย

    เสียงเดินหนักๆ ดังใกล้เข้ามา ธีมาขมวดคิ้วเพราะจำได้ว่านี่ไม่ใช่เสียงเดินของดาวิกา ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องทำงานเห็นลุงสอนกำลังประคองดาวิกาขึ้นมาบนบ้าน เขาปรี่เข้าไปรับร่างอ่อนปวกเปียกทันที

    “มีอะไรหรือครับลุงสอน แล้วลูกจันทร์เป็นอะไร”

    “เป็นลมครับ ผมเลยพากลับมาบ้าน” ลุงสอนบอกหน้าตาเป็นกังวล

    โมรีเดินออกมาดู พอเห็นดาวิกาเป็นลมเลยยืนมองเฉยเมื่อคิดว่าคงอยากเรียกร้องความสนใจกระมัง เรียวปากอิ่มยิ้มเหยียด ทว่าพ่อเลี้ยงทำไมถึงเข้าไปดูแลมันถึงเนื้อถึงตัวอย่างนั้น

    “เดี๋ยวผมอุ้มเอง”  ธีมารับร่างเบาหวิวมาไว้ในวงแขนกอดหลวมๆ เต็มอ้อมอก พอหันมาเห็นแม่บ้านยืนอยู่พอดีก็รีบสั่ง “โมรีไปเตรียมยามาเดี๋ยวนี้”

    “โมรีดูแลให้ค่ะพ่อเลี้ยง” แม่บ้านสาวเข้าไปช่วยจับแขนดาวิกาไว้ แค่ทำยังไงก็ได้ไม่ให้พ่อเลี้ยงอุ้มยัยนี่อย่างที่ทำอยู่ในตอนนี้

    “ไม่เป็นไรหรอก รีบไปทำตามที่สั่งเถอะ เรื่องแค่นี้ฉันดูแลเองได้”

    “ก็ได้ค่ะ” โมรีจำใจรับคำสั่ง

    ธีมาอุ้มดาวิกามานอนที่เบาะบนเก้าอี้หวายตรงระเบียง พอเห็นว่าโมรียังไม่มาจึงตะโกนเร่งพลางยกมือพัดให้คนเป็นลม ลุงสอนเลยเอาด้วย โมรีวิ่งหน้าตาตื่นมา ทว่ากลับหยุดชะงักเมื่อเห็นทั้งพ่อเลี้ยงและลุงสอนพากันประคบประหงมยัยนั่น แต่พอธีมามองมาเธอเลยต้องรีบเอาสำลีที่ชุบแอมโมเนียไปให้ ชายหนุ่มรับไปอังจมูกของดาวิกาที่ส่ายหน้าหนี เลยถูกประคองแก้มทั้งสองข้างไว้

    ใบหน้าสวยย่นจมูก ไม่นานนักก็ลืมตา ลุงสอนถอนใจโล่งอก ในขณะที่โมรีอยากให้ดาวิกาไม่ต้องฟื้นขึ้นมาอีกเลย ธีมายิ้มให้คนที่ลืมตาสะลึมสะลือแถมยังนิ่วหน้าใส่ นี่เขาช่วยเธอ ถ้าไม่ดมแอมโมเนียจะให้ดมอะไรล่ะ ลุงสอนเริ่มโบกมือพัดให้ตัวเองแทนเพิ่งรู้ตัวว่าเหนื่อยและร้อนใจว่าดาวิกาจะเป็นอะไรไป โมรีเดินกลับไปในครัวและตั้งใจว่าจะไม่ออกมาอีก เมื่อเห็นพ่อเลี้ยงยิ้มกว้างให้คนอื่นแทนที่จะเป็นเธอ บางสิ่งก่อเกิดในใจจนเธอคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง

    “ทำไมถึงเป็นลม” ธีมาถาม

    “อ้าว! ถามแปลก คนเป็นลมเพราะอะไรได้ล่ะนายก็ ตอนล้มลงไปฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเนี่ยเรียกว่าเป็นลม” ดาวิกาตอบเสียงเบายังมึนหัวอยู่เลยต้องคว้าแอมโมเนียในมือของธีมามาดมต่อ แม้จะไม่ชอบกลิ่นเลยก็ตาม

    ธีมาหันไปทางลุงสอนแล้วบอกให้ไปทานข้าว ทางนี้เขาจะดูแลเอง ลุงสอนเลยเดินเข้าครัวไป ทีนี้ก็คุยกับดาวิกาได้เต็มที่เพราะจนป่านนี้เขาไม่เคยบอกว่าดาวิกาเป็นใครนอกจากชื่อลูกจันทร์ เป็นอะไรกับเขาคนงานคงสงสัย แต่ไม่กล้าถาม

    “หลายวันมานี้ฉันเห็นไฟในห้องของเธอเปิดถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ทำไมไม่รีบนอน ตอนเช้ายังตื่นมาวิ่งอีก ทำอะไรนักหนา”

    ดาวิกาแปลกใจไม่น้อยที่ธีมาสนใจใยดีว่าเธอทำอะไร นอนเมื่อไหร่ แสดงว่าเขาเองคงนอนดึกเหมือนกันล่ะสิท่า

    “ไม่มีอะไรสักหน่อย เหนื่อยจังอยากพัก พรุ่งนี้ไม่ไปทำงานในปางไม้ได้หรือเปล่า ขอนอนตื่นสายๆ สักวันสิ คิดดูนะ ทำงานให้นาย ไม่มีค่าจ้างสักบาท” ดาวิกาแกล้งบ่น

    “ใครว่าไม่มี สิ้นเดือนนี้มารับเงินเดือนจากฉันได้เลย” ธีมารับปาก

    ดาวิกายิ้มเก้อๆ เธอไม่ได้อยากได้เงินของธีมาหรอก แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง ทำไมเขาคิดเป็นจริงเป็นจังก็ไม่รู้

    “ฉันพูดเล่น”

    “แต่ฉันพูดจริง เอาไว้กินขนม”

    ดาวิกาขมวดคิ้วใส่ เธอไม่ใช่เด็กแล้วจะเอาเงินไปกินขนมทำไม

    “ต่อไปไม่ต้องไปทำงานในปางไม้ทุกวันหรอก ที่ฉันให้ไปทำงานดูบ้างก็แค่อยากให้เธอไม่มีเวลาว่างมานั่งเสียใจกับชีวิตตัวเอง จะได้ไม่คิดมาก ถ้าเธอสบายใจขึ้นแล้วจะมาหาอะไรทำในบ้านก็ได้” ธีมาเสนอ เขาคิดมาหลายวันแล้ว พอดีวันนี้เกิดเรื่องเลยพูดขึ้นมา

    “อย่างเช่นอะไรล่ะ”

    “อะไรล่ะที่เธอยังทำไม่เป็น”

    ดาวิกาทำหน้าเหมือนคนปวดท้อง ทำไมเขาต้องถามเรื่องที่ไม่น่าเดายากด้วยเนี่ย

    “ตอบได้เลยว่าทุกอย่าง ซักผ้า ถูพื้น...อืม อันนี้เป็นแล้ว ทำกับข้าว อะไรประมาณนี้ละมั้ง”

    “ถ้างั้นพรุ่งนี้ไปฝึกทำอาหารกับป้าศรีดูไหม เผื่อกลับบ้านไปจะได้ทำให้คุณพลิศกิน น่าภูมิใจดีนะ ถ้าได้ทำอะไรให้คนที่เรารักกินเอง”

    คนไม่เคยทำงานบ้านรีบพยักหน้าเห็นด้วย “ก็ได้ ถ้านายไม่ได้สั่ง ฉันก็อยากทำ”

    “ต่างกันตรงไหน” ธีมาสงสัย ไหน! ของฟังเหตุผลของคุณวิก้าหน่อยสิ

    ดาวิกายิ้มกริ่ม ไหนๆ เขาเปิดโอกาสให้พูด เธอก็จะพูด แต่ถ้ามาโกรธกันทีหลังเธอเนี่ยแหละจะย้อนคำพูดของเขาให้ฟัง

    “อยู่ด้วยกันมา 2 อาทิตย์แล้ว นายไม่รู้หรือไงว่าฉันไม่ชอบให้สั่ง หรือสั่งจนเคยตัวฮึ ถึงได้ไม่รู้ความรู้สึกของคนอื่นสักที เวลาใครทำตามที่นายสั่ง ไม่ได้หมายความว่าเต็มใจอยากทำเสียหน่อย”

    ธีมายื่นมือไปยีผมยัยตัวแสบ ไม่ทันคิดอะไรทั้งนั้น มือมันไปเองตามความรู้สึก ดาวิกาค้อนใส่บ่นอุบว่าผมยุ่ง

    “ได้ทีบ่นยาวเลยนะ จะไปพักก็ไปเถอะ หรือว่าต้องอุ้มไปส่ง ถ้าไม่ไหวก็บอก”

    ดาวิการีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ให้ธีมาเห็นว่าไหวสุดๆ แล้วเดินช้าๆ ไป อดไม่ได้จึงเหลือบมามองข้างหลัง ธีมายังนั่งมองอยู่ เป็นครั้งแรกที่เธอคิดว่าหัวใจพองโตเมื่อเรายิ้มให้กัน จู่ๆ ใจดันเต้นแรงขึ้นมา สงสัยเธอลุกเร็วไปแน่ๆ ต้องสูดหายใจพยายามเดินช้าๆ จนกระทั่งถึงห้อง ไม่กล้ามองกลับไปว่าธีมายังมองมาอยู่หรือเปล่า เธอเป็นอะไรไปเนี่ย

     

    ดาวิกาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเพลียจนไม่มีแรงทำอย่างอื่นแล้ว คิดว่าจะโทรหาพ่อสักหน่อย แต่กลับหาโทรศัพท์ไม่เจอ ครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นมันน่าจะเมื่อวาน มั่นใจว่าไม่ได้เอาไหน วันนี้เข้าปางไม้เธอไม่ได้เอาไปด้วย แล้วมันไปอยู่เสียที่ไหนกันล่ะนี่

    ดาวิกาเดินออกมาจากห้องเผื่อว่าจะลืมไว้ที่โต๊ะอาหาร ระเบียง หรือแม้กระทั่งห้องทำงานของนายเสือ เมื่อวานเธอไปนั่งเล่นโน้ตบุ๊กของเขา พอถามว่าทำไมไม่ใส่รหัสอะไรเลย ไม่มีความลับหรือไง เขากลับบอกว่าไม่ได้มีโน้ตบุ๊กแค่เครื่องเดียวสักหน่อย พอมองหากลับไม่เห็นอีกเครื่อง เขาคงเก็บไว้ที่อื่นอย่างเช่นห้องนอน

    ดาวิกาเดินไปโต๊ะอาหารกับระเบียงที่ชอบไปนั่งเล่นตอนเย็นๆ แต่โทรศัพท์ไม่อยู่ที่นั่น ฉะนั้นคงเหลือที่เดียวเท่านั้น เธอมองไปข้างล่างไม่เห็นรถของนายเสือจึงเดินไปที่ห้องทำงานซึ่งประตูแง้มอยู่ เธอยื่นมือไปกำลังจะผลักบานประตูให้กว้าง แต่กลับชะงักมือไว้เมื่อได้ยินว่านายเสือกำลังคุยโทรศัพท์

    “ว่ายังไงครับพี่ปาย”

    ดาวิกายืนนิ่งไม่ได้มาแอบฟัง แต่คงต้องรอให้เขาคุยกับแม่เลี้ยงของเธอเสร็จก่อน แต่ถึงไม่อยากได้ยิน เสียงของเขาก็ลอยมาเข้าถึงหูอยู่ดี

    “ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ อย่างที่บอกไปว่าผมไม่อยากให้ลูกเลี้ยงของพี่ปายกลับไปเร็วๆ หรอก ให้เดือดร้อนที่ผมยังดีกว่า”

    ดาวิกาขยับมาพิงผนังไว้เผื่อธีมาจะหันมา หัวใจที่เบิกบานพลันร้าวราน นี่เขาคิดว่าเธอเป็นคนสร้างความเดือดร้อนให้ตลอดเวลาเลยหรือ ไปรยาตอบอะไรกลับมาไม่อาจเดาได้ เขาถึงตอบกลับไปว่า

    “ครับ แต่จัดการได้ไม่ต้องห่วง หายดื้อไปเยอะแล้วครับ แต่ก็ยังต้องดูอีกสักพัก พี่ปายไม่ต้องห่วงอยู่กับคุณพลิศให้มีความสุขเหมือนฮันนีมูนไปเลยยิ่งดี เอ หรือว่าจะไปเที่ยวยุโรปสักอาทิตย์ ไหนๆ ยัยตัวแสบก็ไม่อยู่” ธีมาหัวเราะชอบใจ

    ดาวิกานิ่งอึ้ง ไม่นึกว่าเบื้องหลังเธอ คนที่คิดว่าดี ว่าห่วงใย แท้จริงแล้วหลอกลวงอย่างนั้นหรือ พ่อร่วมมือกับสองคนนี้หรือเปล่า  หรือว่าถูกหลอกเหมือนกัน หญิงสาวหลับตาลงรู้สึกไม่มั่นใจอีกแล้ว ถ้าพ่อไม่เห็นด้วยมีหรือจะเชื่อไปรยาแล้วส่งเธอมาที่นี่

    ...นายเสือ ไปรยา คุณพ่อ ทุกคนเบื่อเธอหมด ทำไมไม่บอกกันตรงๆ ทำไมต้องอ้างเรื่องนักข่าวด้วย

    ดาวิกาไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไปได้ หญิงสาวเดินจากไปอย่างเงียบเชียบเดียวดายเมื่อไม่อยากร้องไห้ให้กับคนที่หน้าอย่างหลังอย่าง หน้าเนื้อใจเสืออย่างที่เธอเคยแอบเรียก เขาทำเป็นห่วงใย ปรารถนาดีงั้นหรือ ที่แท้ก็ถ่วงเวลาไว้ไม่ให้เธอไปทำให้ไปรยาร้อนอกร้อนใจ  เธอมันแค่เด็กมีปัญหาที่ชอบเรียกร้องความสนใจในสายตาของใครต่อใครเท่านั้นเองใช่ไหม ทำไมถึงไม่บอกกันตรงๆ ทำไมทำให้เชื่อใจ ทำไมต้องหลอกกัน

    ธีมาหยุดหัวเราะ ไม่ได้สำเหนียกสักนิดว่าสิ่งที่พูดไปมีใครอีกคนได้ยิน เขาเดินมาที่เก้าอี้ถอนใจอย่างหนักใจเมื่อไปรยาถามว่าทุกอย่างเรียบดีอยู่ไหม พลิศได้ข่าวว่านักข่าวที่ตามดาวิกาไปถึงคลินิกลุงดียังตามไม่เลิก

    “ครับ อย่างพ่อที่บอกพี่ปายนั่นแหละ นักข่าวยังตามไม่เลิก ระวังไว้ดีกว่า ผมไม่อยากให้ลูกจันทร์ไม่สบายใจอีก เมื่อก่อนหมั่นไส้ ตอนนี้ชักเห็นใจ”

    ธีมาได้ยินเสียงไปรยาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะฝากฝังให้ดูแลลูกเลี้ยงอีกเป็นกระบุงโกย เขาฟังเฉยๆ ไม่อยากขัดคอ เขามันพวกยุคหินชอบสอนแบบลงมือจริง ไม่ชอบโอ๋ แต่ขืนพูดไปได้โดนร่ายยาวอีก ยัยลูกจันทร์จะรู้ตัวไหมว่ามีแต่คนคอยห่วง

    “โอ๊ะ!

    ...โครม!

    จู่ๆ เสียงอื่นก็ดังแทรกเข้ามาแล้วไม่ได้มาจากฝั่งของไปรยาและเขาจำได้ว่าเป็นเสียงดาวิกา

     

              เกิดอะไรขึ้นกับดาวิกา! ขอแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะว่านิยายเรื่องนี้เคยตีพิมพ์มาแล้ว ตอนนี้หมดลิขสิทธิ์โบว์จึงปรับปรุงเนื้อหาแล้วจัดทำเป็น E-Book ซึ่งโบว์จะลงให้อ่าน 70%ของเนื้อเรื่องเท่านั้นนะคะ

         การรู้จักใครสักคนก็เหมือนการพิจารณาหนังสือ แรกเจอ ดาวิกา อาจจะดูแรงๆ แต่เนื้อแท้แล้วเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่ธีมากำลังค่อยๆ ได้คำตอบค่ะ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ ฝาก E-Book ด้วยค่ะ มีในเว็บ meb แล้วนะคะ

    อัมราน&บรรพตี


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×