ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมFICTION

    ลำดับตอนที่ #1 : Fiction Attack on Titan [LevixAlen] “ของของฉัน”

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 56


     

     

    Fiction LevixAlen “ของของฉัน”


    ปล. รีไวล์เรื่องนี้โหด แรงและไร้ความปราณีสุดๆ

    ปล.2 ไม่ปวดตับนะ ไม่ปวดตับจริงจริ๊ง (เสียงสูง)





     

    “อ๊ากกกกก!!” เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังอยู่กลางลานฝึกซ้อมทหารของหน่วยสำรวจ

    ในปัจจุบันนี้มนุษย์ต้องรบรากับสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่แต่ไร้สมองอย่าง ไททันพวกมันฆ่าและกินมนุษย์ไปมากมายทว่ากลับไม่มีมาตรการใดที่ต่อกรกับมันได้เลย จนกระทั่ง...

    เอเลน เยเกอร์ ทหารฝึกหัดหนุ่มน้อยที่มีความสามารถอันสุดแสนจะเป็นที่เคลือบแคลงต่อมวลมนุษยชาติทั้งหลายอย่างการแปลงร่างเป็นไททัน ด้วยความสามารถนั้นทำให้พวกเขาสามารถกอบกู้เขตทรอสซึ่งเคยโดนไททันยึดไปกลับคืนมาได้ ทว่าเอเลนกลับโดนสอบสวนอย่างหนักจากทุกฝ่ายแม้จะทำคุณประโยชน์ไปมากมายขนาดไหนก็ตาม

    ท้ายที่สุดแล้วเขาจึงถูกส่งมาอยู่ในหน่วยสำรวจเพื่อจับตาดูรวมไปถึงทำการทดลองเกี่ยวกับร่างกายของเขา โดยผู้รับผิดชอบการทดลองเหล่านั้นก็คือหัวหน้าหมู่ฮันซี่ สาวแว่นหางม้าที่มีนิสัยขี้เล่นอยู่สม่ำเสมอ

    “เอเลน! เป็นอะไร? เกิดผลข้างเคียงหรือ?” แม้จะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงแต่มือของหัวหน้าสาวก็ยังจดผลการทดลองลงในสมุดอย่างคล่องแคล่ว ท่ามกลางนายทหารรุ่นพี่ที่ถือปืนรายล้อมเขาซึ่งโดนใส่กุญแจมือและถูกไพล่หลังติดกับเสาไม้กลางลานนั้น

    พวกเขากำลังทดลองเกี่ยวกับความอดทนและการระงับการแปลงร่างของมนุษย์ที่แปลงเป็นไททัน รวมไปถึงกลไกการแปลงร่างที่ทุกครั้งจะต้องมีไอน้ำจำนวนมากพวยพุ่งออกมาเพื่อพรางตา นั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับหัวหน้าหมู่ฮันซี่เพราะเธอใส่แว่นตา แต่ติดตรงที่ว่ามันมีความร้อนร่วมเท่านั้นเอง และด้วยความที่อยากหลีกเลี่ยงการผ่าตัด ดังนั้นฮันซี่จึงเลือกใช้วิธีให้ยากระตุ้นอาการแทน

    “อึ่ก!...อั่ก ผ..ผมยังไหวครับคุณฮันซี่”

    “ดีมากจ๊ะ ยังไงฉันจะฉีดยาอีกตัวเข้าไปนะ ยานี่ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายแต่อาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาจนอยากกลางร่างเป็นไททัน ถ้าเป็นคนธรรมดาจะไม่มีอาการนั้น พร้อมมั้ยเอเลน?” เธอถามพร้อมกับถือหลอดฉีดยาเอาไว้ในมือ เด็กหนุ่มมองมันด้วยสีหน้าขยาดเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้ารับ

    “ค...ครับ” เขากลืนน้ำลายเหนียวลงคอเพื่อเตรียมใจ ก่อนที่หญิงสาวจะแทงเข็มลงมาบนเนื้อแล้วเดินยาเข้าเส้นเลือดเขาอย่างรวดเร็ว

    “ถ้าเกิดอาการอะไรรีบบอกฉันเลยนะจ๊ะ”

    “ค..ครับ...แฮ่ก!” เด็กหนุ่มหอบหายใจหนักหน่วงขึ้นทุกทีๆ ลำคอแห้งผาก ในอกร้อนจนแทบไหม้...

    อยาก...อยากออกไปจากที่นี่

    “กรอด” เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันอย่างทรมาน เหล่ารุ่นพี่มองภาพนั้นด้วยสายตาที่แตกต่างกันไป ทั้งสงสาร สงสัยรวมไปถึงสมเพช

    ตัวประหลาด

    นับตั้งแต่ได้ยินคำนี้โดยบังเอิญจากเพื่อนทหารทั้งรุ่นเดียวกันหรือรุ่นพี่ที่สังกัดกองสำรวจนี้ เอเลนก็นอนโดยใส่กุญแจมือไว้ตลอด แม้ว่าหน่วยรีไวล์ทุกคนจะบอกว่าเชื่อเขาก็ตาม แต่เด็กหนุ่มเริ่มไม่เชื่อมั่นในตนเอง

    ถ้าเกิดว่าวันหนึ่ง...เขาพลาดพลั้งทำร้ายพวกมิคาสะกับอาร์มินขึ้นมาล่ะ?

    ตัวเขาเองไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่าสามารถคุมพลังนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จริงอยู่ว่าถ้าเป็นหัวหน้ารีไวล์คงสามารถฆ่าเขาให้ตายได้ภายในพริบตาเดียว แต่มิคาสะจะต้องเข้ามาขวางอย่างแน่นอน...

    ซึ่งนั่น...เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้เธอทำมากที่สุด

    “อึ่ก!...ค..คุณฮันซี่ครับ”

    “ว่าไงเอเลน รู้สึกยังไงบ้าง?” หัวหน้าสาวยังคงยืนอยู่ใกล้ๆเขาพร้อมกับสมุดจดเล่มเดิมของเธอ เด็กหนุ่มส่ายหน้าหวือทันทีพร้อมทั้งร้องบอก

    “ผ..ผมไม่ไหวแล้วครับ ขอยาแก้ มัน...ร้อน ร้อนในอกไปหมดเลยครับ” ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานกว่านี้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเอเลนจะเข้าครอบงำ และจิตใต้สำนึกจะถูกสั่งให้ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด สุดท้ายแล้วแน่นอนว่าเขาคงต้องกลายเป็นไททัน

    “ยาแก้น่ะไม่มีหรอกเอเลน” หญิงสาวทำหน้าเครียดแล้วเริ่มทำสัญญาณมือให้ทหารในหน่วยที่ล้อมกรอบอยู่ พร้อมกันกับที่หัวหน้าทหารรีไวล์โผล่มากลางวงพอดี

    “เกิดอะไรขึ้นฮันซี่?”

    “อ๊ะ! รีไวล์ ฉันกำลังทดลองด้วยยาที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านร่างมนุษย์กับเอเลนอยู่น่ะ แต่พอดีว่า...”

    “พอดีว่าอะไร?”

    “มันไม่มียาแก้” เธอยิ้มแหยแล้วโบกมือชูหลอดยาที่ว่างเปล่าในมือ รีไวล์ขมวดคิ้ว บรรยากาศรอบด้านหนักขึ้นทันที

    “เอาไปขัง” เขาสั่งต่อทันทีโดยไม่เปิดช่องว่างให้ทุกคนได้โต้แย้ง ก่อนจะหิ้วคอฮันซี่แล้วลากไปอีกทาง

    นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เอเลนได้เห็นหัวหน้าหน่วยคนนั้น

     








                 “อึ่ก!...แค่กๆ” ร่างผอมบางของเด็กหนุ่มหอบจนตัวโยน สองมือถูกล่ามโซ่ติดกับผนัง เขานั่งอยู่บนเตียง พอขยับตัวได้บ้างแต่ไม่สามารถลุกไปไหนไกลได้ เพราะโซ่จะรั้งแขนไว้จนขึ้นเป็นรอยแดงน่ากลัว

    “เอเลน! เอเลน! รอเดี๋ยวนะ จะช่วยออกมาเดี๋ยวนี้ล่ะ!” เสียงมิคาสะเหมือนดังมาจากที่ไกลๆรู้สึกว่ากำลังจะพยายามพังกรงที่ขังเขาอยู่ แต่เอเลนปวดจนหัวแทบจะระเบิดแล้ว สติสัมปชัญญะทั้งหมดจึงแทบเลือนหาย เขาแทบไม่มีแรงแม้กระทั่งจะเอ่ยปากตอบ

    เคร้ง!

    “ห้ามพาเขาออกมานะ! ถ้าออกมาเขาจะอาละวาด”

    “แต่เอเลนแย่แล้วนะคะ!

    “เป็นคำสั่งของหัวหน้ารีไวล์ให้ขังเขา” ผู้หญิงสองคนยืนเถียงกันไปมาอยู่หน้ากรงที่ขังเขาเอาไว้ เอเลนปรือตาขึ้นเล็กน้อยก็สบสายตาเข้ากับอาร์มินที่มองมาพอดี

    “อาร์...มิน”

    “นายไหวมั้ยเอเลน?”

    “พา...มิ...คาสะกลับไปซะ” เขาเค้นเสียงสุดท้ายบอกเพื่อนสนิท แม้หมอนั่นจะขมวดคิ้วทำท่าเหมือนไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็ดูเหมือนจะยอมรับในการตัดสินใจของเขา

    ใช่! จะให้มิคาสะมาสร้างปัญหาที่นี่ไม่ได้ แค่นี้พวกเขาก็โดนสงสัยมามากพอแล้ว แค่เขาคนเดียวยังไม่เป็นไร แต่ถ้ามิคาสะหรือแม้แต่อาร์มินต้องมาเดือดร้อนไปด้วยล่ะก็...เขาไม่ยอมหรอก!

    “มิคาสะ...เอเลนบอกให้พวกเรากลับ”

    “หนอย! ไอ้เตี้ยนั่น!” ดูเหมือนเธอจะยังไม่หายแค้นคนที่สั่งขังเขา หัวหน้ารีไวล์จึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็นไอ้เตี้ยด้วยความแค้นฝังลึกของท็อปประจำรถรุ่นหนึ่งศูนย์สี่

    “พอเถอะมิคาสะ ถ้าเธอสร้างความเดือดร้อนที่นี่คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือเอเลนนะ” ได้ผล! พอเอาเรื่องเอเลนมาขู่ มิคาสะก็ยอมล่าถอยไปแต่โดยดี แม้จะยังฟึดฟัดอยู่บ้างก็ตาม

    “เอเลน...เธอยังไหวอยู่มั้ย?”

    “ย...ยังพอทน...ครับ”

    “อดทนไว้นะ! คุณฮันซี่บอกว่ายานั่นจะหมดฤทธิ์ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงน่ะ” โอย...ตั้งยี่สิบสี่ชั่วโมง นี่ผ่านไปกี่ชั่วโมงกันแล้วนะ? เขาจะทนได้อีกนานแค่ไหนกันนะ?

    “เอเลน พยายามเข้านะ!” พวกรุ่นพี่ส่งเสียงให้กำลังใจอยู่นอกลูกกรง เอเลนกลืนน้ำลายที่เฝื่อนคอนั้นลงไปอย่างยากลำบาก ความกระหายพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ เด็กหนุ่มพยายามสะกดกลั้นมันด้วยสติทั้งหมดที่มี แต่ด้วยความอ่อนล้าทำให้เขาหลุดประโยคที่น่าตกใจออกไปจนได้

    “ห....หิว”

    “เอเลน!” ทุกคนผวาออกห่าง ต่างพร้อมใจกันยกปืนในมือตั้งฉาก ขึ้นนกแล้วเตรียมตัวยิง ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดขาวราวกับกระดาษ ถึงกระนั้นก็ตามเขาก็ยังพยายามเอ่ยแก้คำพูดเมื่อครู่

    “หิวน้ำ...ครับ คอผมแห้งมากเลย ขอน้ำหน่อยครับ” เขาไม่ได้สติหลุดแต่อย่างใด แต่เพราะคอแห้งผากคำพูดจึงแหบแห้งและออกเสียงได้ลำบากมาก

    “โธ่! หิวน้ำหรอกหรอ? ใครก็ได้ไปเอาน้ำมาที”

    เฮ้อ! อย่างน้อยก็ไม่ยิงมาทันทีล่ะนะ...เด็กหนุ่มคิดอย่างโล่งอก

     



     

    “ทำไมสร้างตัวยานั้นแล้วถึงไม่มียาแก้! แบบนี้เอาไปใช้จริงจะหวังผลได้ยังไง?” เขาไม่คัดค้านเรื่องที่เอาเอเลนไปทำการทดลองโดยพละการเพราะเจ้านั่นอาสาเอง ถ้าเป็นการตัดสินใจของเจ้าตัวเองเขาก็พร้อมจะเคารพสิทธิ์นั้น แต่ว่า...

    ยัยนี่ไม่คิดถึงผลที่ตามมาเลยรึไง?

    รีไวล์คิดอย่างหงุดหงิด ไม่รู้สึกตัวเลยว่าหัวคิ้วขมวดเข้าหากันมากขึ้นทุกทีจนแทบจะเป็นปมอยู่แล้ว

    “ก็...ฉันอยากใช้ยาลองดูเลยนี่นา แถมเอเลนเองก็โอเคด้วย”

    โครม!

    “นั่นก็เพราะหมอนั่นไม่รู้ต่างหากว่าเธอไม่มียาแก้” ชายหนุ่มร่างเล็กเตะเก้าอี้อย่างแรงจนมันล้มคว่ำ ฮันซี่สะดุ้งโหยงแต่ก็ยังยิ้มสู้

    “ฉ...ฉันจะรีบไปทำยาแก้เดี๋ยวนี้เลยไง ถ้านายอนุญาต นะ?” หญิงสาวลุกขึ้นรีบเก็บเอกสารและข้าวของทุกอย่างเตรียมโกยอ้าวออกไปนอกห้องทันทีที่ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต แต่ก็มีอันได้สะดุ้งอีกรอบเมื่อเสียงเข้มๆสั่ง

    “เอาสมุดบันทึกอาการของเอเลนทิ้งไว้นี่! ฉันจะอ่าน”

    “ต...แต่ฉันต้องเอาอาการไปเทียบกับยา”

    “บันทึกของลูกน้องเธอล่ะ?” แน่นอนว่าคนที่ยืนบันทึกอยู่ตรงนั้นไม่ได้มีแค่หญิงสาวเพียงคนเดียว เพื่อป้องกันความผิดพลาดจึงมีอย่างน้อยถึงสามคนที่ยืนสังเกตและบันทึกอาการของเอเลนอยู่ตรงนั้นด้วย

    “อ...เอ่อ แต่ฉันอ่านลายมือตัวเองง่ายกว่า”

    “จะของใครก็เหมือนกันนั่นแหละ!” รีไวล์ตวัดมือไปคว้าบันทึกของเธอมายึดไว้ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า พลางส่งสายตาดุให้หญิงสาวรีบออกไปจากห้อง

    “ป...ไปแล้ว” ฮันซี่เดินพึมพำไปด้วยความสงสัยตลอดทาง

    รีไวล์จะเอาบันทึกอาการของเอเลนไปทำอะไรหว่า? 

    เท่าที่เขาอ่านดู การทดลองของฮันซี่ไม่ต่างอะไรไปกับการทรมานเด็กนั่นเลยแม้แต่นิดเดียว ตัวยาแต่ละอย่างจะกระตุ้นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ จริงอยู่ว่ามันสามารถทำให้พวกเขาแยกแยะสายลับที่ปลอมปนมาได้หากฉีดให้กับทหารทุกคน แต่ที่แย่ก็คือ การทดลองของฮันซี่จะทำให้เอเลนกลายร่างแล้วถูกคนในหน่วยของเขาฆ่าเอาซะก่อน

    “ยัยบ้านั่น!” ชายหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วโยนบันทึกลงโต๊ะดังโครม! จริงอยู่ว่ามันทำให้การทหารพัฒนาแต่สำหรับตัวเขาเองแล้ว...

    มันน่าหงุดหงิด!

     



     

    ปัญหาข้อที่สองของเอเลน...เขาจะดื่มน้ำได้ยังไง? ในเมื่อพวกรุ่นพี่พากันกลัว จึงไม่มีใครเอาน้ำเข้ามาให้เขาได้เลยซักคน เขายังกระหายอยู่เลยนะ ขอร้องล่ะ! ช่วยเอาน้ำเข้ามาที

    “อ...เอเลน นายเดินมาหยิบเองได้มั้ย?”

    “ผมเดินไปถึงหน้ากรงไม่ได้หรอกครับ ติดโซ่” ถึงจะรู้ทั้งรู้ แต่เหล่ารุ่นพี่ก็ยังถาม

    “อ...เข้าใจแล้ว ถ้ายังไงจะเอาเข้าไปให้นะ” นานกว่าห้านาทีพวกเขาถึงจะตกลงกันได้ว่าใครจะเป็นคนเอาเข้าไปให้เอเลน โดยที่ยังมีปืนมากมายขึ้นนกเตรียมยิงจ่ออยู่ด้านหน้าทุกทิศทาง เอเลนจึงได้ดื่มน้ำตามที่ต้องการจากนั้นสถานการณ์ก็กลับเข้าสู่บรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง

    “น...นายรู้สึกยังไงบ้างเอเลน”

    “บอกพวกเรามาทั้งหมดเลยนะจ๊ะ ไม่ต้องเก็บไว้”

    “ตอบมา!

    “อ...เอ่อ ผม....อึ่ก!” จู่ๆความกระหายที่ดับไปแล้วของเด็กหนุ่มก็พุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ เอเลนกำข้อมือแน่นจนขึ้นข้อขาว พยายามสะกดกลั้นด้วยสิ่งทุกอย่างในร่างกายที่ทำได้ เขาต่อสู้อย่างทรมานสุดขั้วกับตัวเอง

    ร้อน...เหมือนกระดูกจะละลาย ต้องการสร้างกล้ามเนื้อใหม่ ต้องฟื้นฟู! ต้องแปลงร่างเป็นไททัน!

    ไม่ได้นะ! ห้ามแปลงร่างเด็ดขาด! นายสาบานกับตัวเองแล้วว่าจะต้องผ่านมันไปให้ได้!

    เสียง ของตัวเองตีกันอยู่ในหัวที่ปวดตุบๆตลอดเวลา เอเลนเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาสีเขียวปรือลงจนแทบจะปิด แต่เขายังหมดสติไม่ได้ หากสติสัมประชัญญะถูกช่วงชิงไปเขาจะกลายร่างตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดอย่างแน่นอน

    “โฮก...” เสียงที่เปล่งออกมากลายเป็นเสียงคำรามตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่เหล่าทหารรุ่นพี่ทั้งหลายถึงกับสะดุ้งแล้วก้าวถอยหลังกันไปทันที

    ปัง!

    เสียงเปิดประตูที่ดูเหมือนจะถีบเข้ามาอย่างแรงนี้เป็นของใครไม่ได้นอกจากท่านหัวหน้าหน่วยรีไวล์ผู้รักความสะอาดยิ่งชีพ ทั้งหน่วยตกตะลึงหันไปมองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายรวมไปถึงเอเลนที่อยู่ในกรงก็ด้วย

    หัวหน้า?

    มาทำอะไรกัน?...หรือว่ามา...ฆ่าเรา?...

    เด็กหนุ่มเผลอคิดด้านลบไปเสียแล้วเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มร่างเล็กที่เป็นผู้บังคับบัญชาการของเขาคนนั้นเดินเข้ามาในกรงขังท่ามกลางเสียงห้ามปรามจากเหล่ารุ่นพี่

    ใน...กรง?

    “ห...หัวหน้าครับ อย่าเข้ามา!

    “นายกล้าสั่งฉันเรอ?”

    ผัวะ!

    ร่างเล็กที่สูงแค่เพียงร้อยหกสิบเซนติเมตรซัดเข้าที่หน้าของเขาทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้โต้เถียง ใบหน้าของเด็กหนุ่มหันไปตามแรงต่อยที่ไม่น้อยเลยนั่น ก่อนที่เสียงคำรามแบบไททันจะหลุดออกมาอีกครั้ง

    โฮก!!!!

    เอเลนพยายามกระชากโซ่ที่รักอยู่รอบข้อมือให้ขาด ในขณะที่รีไวล์ยังคงซัดทั้งหมัดทั้งเท้าใส่เขาไม่ยั้งมาตั้งแต่เมื่อครู่ นายทหารที่ยืนนอกกรงมองดูด้วยความเสียวไส้ เกรงว่าหัวหน้าหน่วยจะเป็นอันตราย เกรงว่ารุ่นน้องคนนั้นจะตายเสียก่อน

    “ก๊าซ!!!!!” ในที่สุดกุญแจมือโซ่ที่ทำจากเหล็กแข็งกล้านั้นก็พังจนได้ ตัวโซ่ถึงกับแตกสลายเพราะแรงกระชากที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวนั้น รีไวล์ชะงักเท้าที่กำลังจะยกขึ้นเตะอีกครั้งพร้อมกันกับที่ตัวเขาถูกกระชากคอเสื้อโดยฝีมือของคนที่อยู่บนเตียงที่ในตอนแรกแทบจะไม่มีแรงนั่น

    โครม!

    “อย่ายิงนะ!” ชายหนุ่มร่างเล็กรีบตะโกนลั่นเมื่อเห็นเหล่าลูกน้องขึ้นนกเตรียมระดมยิง

    “ต...แต่ว่า หัวหน้าคะ!

    “อย่าเพิ่งยิง!” เสียงของหัวหน้าสาวดังขึ้นที่ประตูซึ่งโดนถีบเปิดอ้าค้างไว้ตั้งแต่ตอนที่ชายหนุ่มเข้ามา ในมือของเธอมีหลอดยาสีขุ่นพร้อมกับเข็มฉีดมาด้วย

    “ฉันทำยาเสร็จแล้วรีไวล์! แต่นายต้องทำให้เขาสงบลงก่อนนะ” เธอไม่สามารถฉีดยาให้เด็กหนุ่มได้หากกล้ามเนื้อของเขายังเกร็งไปทั่วร่างแบบนั้น เพราะนอกจากยาจะไม่เดินแล้วยังเป็นอัตรายตรงที่เข็มสามารถหักได้อีกด้วย

    “เข้าใจแล้ว...ฮันซี่ เธอสั่งให้ทุกคนออกไปให้หมดซะ!

    “ฉันด้วยหรอ? แต่ว่ายา...”

    “เดี๋ยวฉันฉีดให้เอเลนเอง...ออกไปเร็ว!” แม้รีไวล์จะอยู่ในสภาพถูกกดลงนอนหงายบนเตียงและถูกบีบคออยู่แต่เขาก็สามารถตะโกนสั่งการได้ด้วยเสียงระดับปกติ

    “แต่ว่าหัวหน้า!

    “ฉันสั่งให้ออกไป!” เสียงเข้มเริ่มแข็งกร้าวเมื่อพบว่าพวกเขาไม่ทำตามคำสั่ง ในขณะที่มือทั้งสองข้างยันไว้กับตัวของเด็กหนุ่มไม่ให้ทำร้ายเขาไปมากกว่านี้

    “ฉันวางยาไว้ตรงนี้นะรีไวล์” ปิดท้ายด้วยหัวหน้าหมู่ฮันซี่ และทันทีที่บานประตูถูกปิดลงชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นแตะใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา

    “เอเลน...ไม่เป็นไรแล้ว” เพียงเท่านั้นเองน้ำตาก็ร่วงพรูจากดวงตาสีเขียวของเอเลน

    “ฮึ่ก...ฮึ่ก...หัวหน้า...” เสียงเรียกแผ่วเบานั้นทำให้เขาต้องยกมือขึ้นลูบหัวลูกน้องตัวปัญหาเบาๆ

    “ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร...นายยังปกติดี ฉันยังไม่ต้องฆ่านาย”

    “ฮึ่ก...ฮือ.....” ร่างของเด็กหนุ่มทรุดลงนอนทับร่างของหัวหน้าหน่วย ก่อนจะคู้ร่างเข้าหาตัวเองเหมือนเด็ก

    “เอเลน...มาฉีดยาก่อน ฉีดแล้วนายจะได้หาย” รีไวล์เดินไปหยิบขวดยาที่ฮันซี่วางทั้งไว้ให้หน้ากรง เขาฉีดและเดินยาอย่างรวดเร็วจนเด็กหนุ่มแทบไม่รู้สึก หรืออาจจะเป็นเพราะความเพลียที่เข้าครอบงำเขาอย่างหนักก็เป็นได้

    “ฮึ่ก...” เด็กหนุ่มเสียศูนย์อย่างแรงจากการสะกดกลั้นความกระหายของตนเอง เขาจึงหลุดการควบคุมสติสัมประชัญญะทั้งมวล ร่างผอมบางที่มีส่วนสูงมากกว่ารีไวล์สั่นสะท้านชายหนุ่มจึงนั่งลงบนเตียงแล้วคว้าร่างนั้นมากอดแล้วตบหลังเบาๆเป็นการเรียกสติ

     




     

    “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ...ฮันซี่” เสียงเข้มกล่าวเรียบๆกับหัวหน้าสาวที่เดินมาเก็บหลอดยา เธอเหลือบมองรีไวล์ซึ่งยังคงกอดเอเลนไว้หลวมๆ เด็กหนุ่มหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลียแต่เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย

    “แหม...มันเป็นการตัดสินใจของเขานี่นา ฉันเคารพนะ”

    “...ของฉัน”

    “ห๊ะ? ว่าไงนะ?”

    “เอเลนเป็นของของฉัน ต่อไปนี้เธอต้องได้รับอนุญาตจากฉันไม่ว่าจะทำอะไรกับหมอนี่ ถึงแม้ว่าจะเจ้าตัวจะอนุญาตเองแล้วก็ตาม” ดวงตาเรียวของท่านหัวหน้าไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย แถมยังรู้สึกเป็นจริงเป็นจังซะจนฮันซี่หนาว

    “อ...เอาเป็นว่าฉันรับทราบก็แล้วกัน งั้นไปล่ะ”

    “อืม...ปิดประตูให้ด้วย!” สำทับเป็นครั้งสุดท้าย หญิงสาวจึงโบกมือให้โดยไม่หันมามองเป็นเชิงรับรู้ เมื่อเธอออกไปแล้วเขาก็วางร่างของเด็กหนุ่มลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา

    ร่างนั้นยังคงยึดชายเสื้อของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อยทั้งๆที่หลับตาพริ้มและกำลังเดินทางล่องลอยอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน รีไวล์ขมวดคิ้วเข้ามากันมากยิ่งขึ้นเมื่อเจ้าเด็กเปรตที่สร้างปัญหาให้เขาในวันนี้นี้หลุดยิ้มออกมาน้อยๆแล้วพึมพำ

    “...หัวหน้า....” จากตอนแรกที่เปลี่ยนใจจะเดินกลับห้อง เขาจึงได้นอนข้างๆเด็กหนุ่มที่กำเสื้อเขาไว้ไม่ยอมปล่อยคนนั้นจนถึงเช้า ก่อนจะหลับตาลงและเดินทางสู่ดินแดนแห่งความฝันเช่นกัน รีไวล์ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูเอเลนช้าๆชัดๆ

    ทุกถ้อยคำ...

    “จำไว้นะเอเลน...นายน่ะ”

    เป็นของฉัน!

     




     

    FIN

     
     

     


    จบเถอะ= =" เขียนไปเขียนมารู้สึกหัวหน้าอ่อนโยนลงเรื่อยๆ (ไม่นับไอ้ที่ซัดนะ) 55+

    โปรดติดตามตอนต่อไป= =" 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×