ผู้หญิงกับกระเทย - ผู้หญิงกับกระเทย นิยาย ผู้หญิงกับกระเทย : Dek-D.com - Writer

    ผู้หญิงกับกระเทย

    เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ได้ลงข่าวด้วย

    ผู้เข้าชมรวม

    17,219

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    420

    ผู้เข้าชมรวม


    17.21K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    13
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ก.พ. 49 / 12:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เรื่องราวนี้ คุณ @nei_nei@ (0) เปนคนนำมาเผย่แพร่

      เรามีเรื่องจริงเรื่องนึง ที่ตอนนี้ ผ่านมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว

      แต่ว่า ความทรงจำทั้งหมด ยังถูกเก็บไว้อยู่ตลอดเวลา


      แล้วก็ขอบอกไว้ก่อนว่า ..ชื่อเรา กับชื่อคนในเรื่อง ไม่ใช่ชื่อจริงๆ นะ

      ขอปกปิดหน่อยละกันนะ อายอ่ะ


      เรื่องก็มีอยู่ว่า

      ตอนนั้นเราเรียนพึ่งจบ กำลังหางานทำ บ้านเราอยู่ภาคเหนือ เราเอนท์ติดที่กรุงเทพ เราก็เลยอยู่หอ

      เราอยู่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด เป็นห้องริมสุด ถัดจากห้องเรามา

      เป็นห้องกระเทยคนหนึ่ง ชอบพาผู้ชายมานอนห้องด้วยบ่อย ๆ(ไม่รู้มันไปหามาจากไหนอิจฉามาก)

      กระเทยคนนี้หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผิวขาว เราว่าถ้าเป็นผู้ชายก็คงจะหน้าตาดีอ่ะ ไม่น่าเรย เสียดาย -*- ผู้ชายยิ่งมีน้อยๆ

      รู้ชื่อภายหลัง ว่าชื่อองุ่น ย้ายมาประมาณ 3 เดือนที่แล้ว แต่ว่าถึงเขาจะพาผู้ชายมาดึกๆ บ่อยๆ แต่เขาก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใครอ่ะ

      เราก็เลยไม่ได้คิดอะไร

      ช่วงนั้นเรามีแฟน คบกันมาได้ ปีกว่า ๆ ละ เป็นผู้ชายธรรมดาๆ

      เรียบร้อย เจี๋ยมเจี้ยม หน้าหงิม ๆ

      เรารู้แต่ว่า เรารักเขามาก เพราะมันเป็นเหมือนความผูกพัน เพราะเขา

      มานอนที่ห้องเราบ่อยๆ เหมือนกับ ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันบ่อยๆ

      แต่แล้ว วันนึง ก็มีภาพ mms ภาพนึงอ่ะ ส่งเข้าโทรศัพท์เรา

      เป็นภาพแฟนเราอ่ะ นอนเกอดกับผู้หญิงคนหนึ่งขาว ๆ สวยๆ ผมยาวๆ ในภาพดูเขามีความสุขมาก กอดกันซะแน่นเชียว

      โทรศัพท์แทบหล่นจากมือ ......... ตามฟอร์ม รีบโทรไปหาที่มาตามเบอร์ที่ส่งมา

      ปิดเครื่อง....อ้าวเวน เจ้าของเบอร์มันกล้าส่ง แต่ไม่กล้ารับโทรศัพท์

      ตอนนั้นรู้สึกสับสนมาก รู้สึกเหมือนไม่มีแรง หายใจไม่ออก อยากจะร้องไห้ก็ร้องไห้ไม่ออก สับสนระหว่าง ใช่กับไม่ใช่

      เราก็ได้โทรไปหาแฟนเรา ปรากฎว่า เป็นเสียงผู้หญิงรับ เสียงหวานแจ๋วแหวว เค้าบอกว่าเขานอนอยู่กับแฟนเรา

      เขารู้แล้วหล่ะว่าต้นมีแฟนแล้ว แต่เขาก็ชอบผู้ชายคนนี้มาก ๆ

      เขามีอะไรกันหลายครั้งแล้ว !!!!!!
      เราก้อเลยไม่รู้จะพูดยังไง ภาพประกอบ มันชัดเจน ไม่มีคำร่ำลา ใดๆ

      ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว ชัดเจนขนาดนี้ เสียใจมาก ๆ แต่ไม่รู้จะทนไปทำไม เลวขนาดนี้แล้ว

      วันนั้นเราก็ตัดสินใจเลิกกับเขา เราพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า เรายอมแพ้เรายกให้ เอาไปเลย แล้วอย่ามายุ่งกับชีวิตเราอีก ขอแค่นี้ก็พอ
      โอ้ว นี่แค่นึกถึง มันก็เศร้าขนาดนี้

      ไม่รู้ตอนนั้นเราทำใจได้ยังไง

      อ๋อจำได้ละ ..... ต่อจากเหตุการณ์นั้นประมาณ 4 ทุ่ม ในวันเดียวกันนั้นเอง

      เขาก็มาเคาะประตูหน้าห้อง เรารีบ เช็ดขี้มูกและน้ำตา กุลีกุจอไปเปิดประตู

      จริงๆ แล้วก็พอจะเดาออกว่าเป็นเขา ก็รู้สึกดีใจเหมือนกันนะ แต่ว่า

      หลังจากเขาเดินเข้ามาในห้อง ประโยคแรกที่ได้ยินก็คือ

      ขอยืมเงิน สัก 5,000 ได้มะ ผู้หญิงคนนั้นท้อง -*-แล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขอความเห็นใจ

      อุแม่เจ้า ทำไมแกช่างชั่วร้าย เลวทรามขนาดนี้ฟะ แต่ไม่ได้พูดนะ คิดเฉยๆ

      เราก็เลยบอกว่า ไปซะเหอะ เราไม่มีอะไรให้เธอหรอกนะ เราดันๆ เขาออก แต่เขาไม่ยอมออก เขาตัวใหญ่ ปากเขาก็พูดว่า ให้ยืมเถอะนะขอร้อง
      เราก็ดันแรงขึ้นเรื่อยๆ จากผลักก็กลายเป็น ตบ ถีบ เพราะด้วยความโมโหด้วย เขาก็โมโห เขาผลักเราล้มคว่ำ

      แล้ววิ่งไปค้นกระเป๋าตังค์เราที่อยู่บนโต๊ะ เครื่องแป้งทันที

      เรารีบแหกปากพร้อมวิ่งไป อย่านะ I เลว พูดดีๆ ไม่รู้เรื่องเหรอกรูทนไม่ไหวแล้วนะ เมิงจะเอายังไงกับกรูนักหนาวะ

      เราวิ่งไปกระชากเสื้อมันแล้วตบ

      มันคงโมโหอ่ะ มันตบเราคืน โผล๊ะ ดังมาก รู้สึกมึนๆ แต่ไม่เจ็บอ่ะ แต่ชามาก

      คิดดูอ่ะ คนเราคบกันมาสุภาพเรียบร้อยทุกอย่าง แล้วเพิ่งจะมาแสดงธาตุแท้กันวันนี้เอง
      หลังจากเราโดนเขาตบแล้ว เราก็ร่วงกราว ลงไปกองกับพื้น

      ไม่รู้ว่าเขารู้สึกผิดหรืออะไร เขาชะงักนิ่ง แล้ว เขาก็ทรุดนั่งลงมากอดเราร้องไห้ แล้วพูดว่า

      "ขอโทษนะเค้ก เจ็บมากไหม ต้นโมโหมากอ่ะ แต่ต้นไม่ได้ตั้งใจนะเค้ก ต้นขอโทษ"


      เราก็เลยพูดไปว่า "ไม่ต้องมาขอโทษอะไรทั้งนั้นแหละ เราไม่ได้โกรธ เธอไปซะเถอะ เราไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เราดีกับเธอทุกอย่าง แต่ทำไมถึงได้กลับมาอย่างนี้ก็ไม่รู้นะ" เราพูดแล้วก็เมินหน้าหนี

      เขาก็ยิ่งกอดเราแน่น "ขอโทษนะขอโทษจริง ๆ ต้นรักเค้กคนเดียวนะ แต่ว่าเหมือนเราไม่ค่อยเข้าใจกัน (เมิงแหละไม่เข้าใจกรู) ต้นจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ พรุ่งนี้ เป็นวันเงินเดือนต้นออก ต้นจะคืนให้นะ"


      "นี่รู้มั๊ยว่าแม่ของเค้กเขาส่งเงินก้อนนี้มาให้เป็นก้อนสุดท้ายแล้ว เพราะเค้กเรียนจบแล้ว ถ้าหมดก้อนนี้ก็ไม่มีอีกแล้ว แล้วเค้กจะไว้ใจต้นให้ไปได้ยังไง งานก็ยังหาทำไม่ได้เลย"


      "นะ นะ ขอร้องเถอะนะ พรุ่งนี้จะคืนให้จริง ๆ ตอนเย็นนะ เค้กรอต้นที่ห้องนะ ต้นจะเอามาคืนให้จริง ๆ ต้นสัญญา"เขาอ้อนวอน แล้วก็กอดเราไว้แล้วร้องไห้ด้วย


      เขาในตอนนั้นดูน่าสงสาร และน่าสมเพช มาก แต่คนที่น่าสมเพชมาก ก็คือเราเอง ถูกต้องนะคร้าบบ เราใจอ่อน ให้เงินเขายืมไป

      ตอนแรกบอก ห้าพัน ตอนยืมจริง ๆ ขอเป็น หมื่นนึง !!!!


      แต่เราก็โง่ ให้เขาไป ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินอยู่ 130 บาท

      นึกถึงตอนนั้นแล้ว อุบาทว์ตัวเองมาก ๆ โง่จริง ๆ กระบือเรียกพี่เลยอ่ะ

      พอเขาได้เงินแล้ว เขาก็ออกไปจากห้อง ทิ้งเราไว้ว้าเหว่พร้อมคำสัญญาว่าจะคืนเงิน "พรุ่งนี้ 5 โมงเย็น"

      จากนั้นประมาณ 5 นาที ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก๊อก ๆ


      เราก็นึกว่า ต้นมันกลับมา เราก็เดินไปดู อ้าวไม่ใช่ เป็นอิกระเทยข้างห้อง เขาถามเราว่า "ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะมายุ่งนะคะ แต่ว่ามะตะกี้เห็นเสียงดัง มีอะไรให้ช่วยมั๊ยคะ "


      เราคิดในใจว่า อินี่จะมาสอดรู้สอดเห็นหรือเปล่า แต่ด้วยมารยาทก็ตอบไป " อ๋อไม่มีอะไรอ่ะค่ะ ขอโทษทีค่ะพอดีเสียงดังไปหน่อย"

      "ไม่เป็นไรค่า.. นึกว่าจะมีอะไรให้ช่วยอ่ะค่ะ ถ้ามีอะไรก็บอกได้นะคะ" ถามพร้อมมองหน้าเราแล้วมองเข้ามาในห้องแบบอยากรู้อยากเห็น สายตากวัดแกว่งเหมือนเรดาห์

      "ค่ะ " เราตอบสั้น ๆ แล้วยิ้มแบบแห้งๆ พร้อมปิดประตู


      นั่นเป็นประโยคสนทนาบทแรกที่เราได้คุยกับคนคนนี้


      โดยไม่รู้เลยว่านั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว ต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดหลังจากวันนี้ ..............

      หลังจากนั้นเราก็ ไม่รู้จะทำยังไง เดินไปนั่งถอนหายใจบนเตียงตอน นั่งคิดทบทวนเรื่องราว ที่ผ่านมาไปเรื่อยๆ


      รู้ตัวอีกที ตี 2 ละ ทำไมมันเร็วอย่างนี้ แล้วเราจะทำยังไงกับอนาคตเราดี เงินก็ไม่มี งานก็ยังหาไม่ได้ ทำไมใจอ่อนและโง่อย่างนี้นะเรา คบเขามาเราปิดหูปิดตาตลอด นี่ไง..จุดอ่อนจากการไว้ใจ


      ................

      ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ 9 โมงเข้าเราตื่นขึ้นมา

      จริง ๆแล้วเหมือนไม่ได้นอนอ่ะ มันฝันร้าย ๆ ตลอด

      รู้สึกใจเต้น ตุบ ๆ ตลอดเวลา เดินโซซัดโซเซ เข้าห้องน้ำ

      อาบน้ำล้างหน้า เผื่อจะดีขึ้น...............


      ไม่ดีขึ้นอ่ะ ส่องกระจกดู เหมือนซอมบี้มาก


      ลองต่อเน็ตเช็คเมลล์ดู เผื่อบริษัทไหนมันจะตอบกลับนัดเราไปสัมภาษณ์

      ......


      ไม่มีอะไรเลย -*- เล่น msn ก็ได้..........


      ไม่มีใครออนเลยคงไปทำงานทำการ หรือไปเรียนหนังสือกันหมดแล้ว

      ............

      เห้อ ป่านนี้เพื่อนเราจะเป็นไงบ้างอ่ะ จบแล้วก็แยกย้ายกันไปไม่ได้ติดต่อกันเลย

      คิดถึงพ่อกับแม่ที่สุด อยากกลับไปหา แต่ไม่อยากกลับไปสภาพนี้อ่ะ ไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ

      เศร้ามาก เหมือนชีวิตนี้ไม่มีใครเลยยย.

      เห้อ เอาอย่างงี้ดีกว่า พอได้เงินคืนกลับมาแล้ว ก็กลับไปหางานทำที่บ้านดีกว่าอยู่กับพ่อกับแม่ ดีที่สุด

      แล้วก็สบายใจที่สุดแล้ว อืม..ตอนนี้ก็ต้องรอเงินที่ต้นมันจะเอามาคืนให้อ่ะนะนี่กี่โมงแล้วอ่ะ บ่ายโมงและ อีกไม่นานหรอก

      ................. แปลกนะไม่ยักกะหิวข้าว อยากนอนอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น

      กี่โมงแล้วอ่ะ 3โมงครึ่ง อีก 2 ชั่วโมงเอง แล้วพอเขาเอาเงินมาคืน เราก็จะรีบเก็บของกลับบ้านเลย


      ........................
      สี่โมงสี่สิบ แล้ว ..เค้านัดไว้ 5 โมงนี่นา เดี๋ยวก็คงมามั้ง รถติด อาจจะมาเลทหน่อย

      ห้าโมงครึ่ง....ไม่มีไรหรอกน่า อาจจะมาหัวค่ำ..เรารอเขาได้น่า


      1 ทุ่ม ห้าสิบ ... นานจัง ตกลงมันจะมามั๊ยเนี่ย โทรไปหาดีกว่า

      ขอต้อนรับบริการฝากเลขหมายโทรกลับ ....
      ขอต้อนรับบริการฝากเลขหมายโทรกลับ ....
      ขอต้อนรับบริการฝากเลขหมายโทรกลับ ....
      ขอต้อนรับบริการฝากเลขหมายโทรกลับ ....

      เลยกดดูเบอร์ที่เมื่อวานคุยกับผู้หญิงคนนั้น

      เป็นผู้หญิงคนนั้นรับ "ฮัลโหล" (ทำเสียงคิกขุ)

      "ฮัลโหล ต้นอยุ่กับเธอหรือเปล่า"(เสียงโหด)

      "ไม่อยู่อ่ะ มีอะไรเหรอ ไหนบอกจะไม่ยุ่งแล้วไง"

      "ก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก เค้ามายุ่งกับเราเอง"

      "มีอะไรอ่ะ"

      "เมื่อวานมันยืมเงินเราไป บอกจะเอามาคืน ไม่เห็นเอามาเลย"

      "เค้ายืมเธอไปเท่าไหร่"

      "หมื่นนึง"


      "เหรอ(ลากเสียงยาว) ฮิๆๆ"


      "หัวเราะไร"


      "เมื่อเช้า เค้าพาเราไปเที่ยวมาบุญครอง แล้วก็ ซื้อโทรศัพท์ให้ใหม่อันนึงอ่ะ สงสัยเป็นเงินเธอหรือเปล่า" (น้ำเสียงเยาะเย้ย)

      "ไม่ใช่ม้าง ง เขาบอกว่า จะเอาเงินพาเธอไปทำแท้ง ที่ชั้นให้ไปอ่ะ สงสารเด็กที่กำลังจะเกิดมา พ่อกับแม่มันไม่มีปัญญาเลี้ยงหรอก ไม่อยากให้เด็กเกิดมาเป็นปัญหาสังคม เพราะพ่อแม่มันใจแตก"


      "เค้าบอกเธอว่างั้นเหรอ จริงๆแล้วเราไม่ได้ท้องหรอก สงสัยเขาจะหลอกเธอแล้วแหละ เค้าก็หลอกเงินเธอมาได้หลายครั้งแล้วนี่"


      "(งง)!!!!!! "

      "ที่เขายังคบกับเธออยู่ เพราะว่า เค้าต้องการเงินจากเธอน่ะสิ เขาบอกกับชั้นว่า เธอมันไม่ค่อยฉลาดทันคน พูดง่ายๆ ว่าโง่นั่นแหละ อุ๊ยชั้นไม่ได้ว่านะ เขาพูดว่าแบบนั้นมาอ่ะจ้ะ"

      เรารีบวางโทรศัพท์ทันที

      ..................

      แหกปากร้องไห้โฮ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

      เคยมั๊ย ๆ เอากำปั้นทุบหัวตัวเอง แล้วแหกปากร้องไห้


      เหมือนคนบ้า..แต่ตอนนั้นก็เหมือนคนบ้าจริง ๆ


      อยากเป็นคนบ้า.....

      อยากไม่มีความรู้สึก.....

      อยากหายไปจากโลกนี้........

      ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว...........

      คิดถึงแม่..................
      แต่ยังไงก็ตาม เราก็ไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตายเลยนะ

      เรารักพ่อรักแม่เรามาก แล้วอีกอย่างเราก็จบปริญญาตรีอ่ะ

      มีการศึกษาพอ ความรู้ขนาดนี้น่าจะมีอะไรดี ๆ กว่าการฆ่าตัวตาย

      แต่ตอนนั้นไม่มีกำลังใจจะทำอะไรแล้ว

      ตอนนั้นเป็นเวลา ประมาณสี่ทุ่มมั้ง

      แล้วเราก็นอนร้องไห้ สลับกับ คิด ๆ ๆ ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต คิดๆๆๆ ไปเรื่อยๆ


      บางทีก็หลับ พอสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็คิดต่อ ..ข้าวปลาไม่กิน

      น้ำท่าไม่อาบ ซกมกสกปรกโสโครก ไม่รู้ว่าชาวบ้านจะเป็นเหมือนเราหรือเปล่าเวลาอกหัก

      คิดไปยัน ....สี่โมงเย็นของอีกวันนึง คิด ๆดูตอนนี้แล้วมันนานนะ ทำไปได้ยังไง บ้าหรือเปล่า -*-

      ที่ดูนาฬิกา เพราะว่าท้องร้อง อ่ะ หิวข้าว ตังค์มี 130เอง
      จะบริหารยังไงให้เพียงพอ

      ไปคุ้ย ๆ ตู้เย็นดู มีมะละกอ ชิ้นนึง ก็กินซะปะทังชีวิต

      โอยหิว


      กินไรดีอ่ะ


      อ่อนึกออกละ อาหารสุดยอดฮิต ของวัยรุ่น


      "มาม่า"

      เดี๋ยวอาบน้ำ ล้างหน้าแล้วลงไปซื้อมาม่า มาประทังชีวิตดีกว่าอ่ะ เดี๋ยวจะตายซะก่อน


      อาบน้ำเสร็จแล้ว แต่งตัวเสร็จแล้ว ถือกระเป๋าตังค์

      มีเสียงเคาะประตู.....!!!!


      เย้!!!! ต้องเป็น I ต้น แน่ ๆ เลยอย่างน้อยมันก็ยังมีสามัญสำนึก เอาตังค์มาคืนเรา
      เห้อค่อยยังชั่วหน่อย ยังหรอก แค่นึกเฉย ๆ


      ก็เลยเดินไปเปิดประตู

      ปรากฎว่าไม่ใช่ แต่เป็นน้ององุ่น กระเทยข้างห้องนั่นเอง มือถือถุงกับข้าวพะรุงพะรัง .....


      "เอ่อ.อออ เราเห็นเธอ ไม่ออกไปไหนเลยอ่ะค่ะ นึกว่าเป็นอะไร "

      (อ้าวแล้วจะยุ่งอะไรกับตรูนักหนาเนี่ย อินี่)คิดในใจ


      "อ๋อ เปล่าอ่ะค่ะ พอดี กำลังจะออกไปซื้อข้าว"

      "เอ่ออ พอดี องุ่นซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเลยอ่ะค่ะ ตอนแรกว่าจะจัดปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ น่ะค่ะ แล้วอิพวกนั้นมันชิ่งหนีไปก่อน ถ้าเธอไม่รังเกียจ เธอช่วยมากินกับเราหน่อยได้มั๊ยคะ เราเสียดายกับข้าวอ่ะค่ะ"

      "นะคะ นะคะ มาเหอะน่า "มันพูดพร้อมดึงมือเราไป

      "เอ่อออ" "ไม่ต้องคิดมากค่ะ ไม่ต้องเกรงใจค่า..."

      อ่าฮะ ของฟรี ลาภปากแล้วหล่ะตรู แต่จริง ๆแล้วเราก็กลัว ๆ เขานิดนึงนะ กลัวมันจะ มอมยาเราแล้วจะพาผู้ชายมาโทรมอ่ะ

      แต่ทำไมถึงยอมไปกับมันไม่รู้ -*-
      องุ่นพาเราเข้าไปในห้อง


      "นั่งรอนี่นะเดี๋ยวไปเอากับข้าวใส่จานก่อน เนี่ยดูซิ ซื้อมาเยอะแยะเลย นังพวกเวนพวกนั้นเดี๋ยวจะด่าให้เข็ดเลย"

      องุ่นเดินไปพลางบ่นอุบอิบ

      เอ๊ะแต่เราว่าถ้าองุ่น มันจะใส่ยามอมเรา มันก็จะใส่ตอนนี้แหละ วิ่งไปดูดีกว่าทำฟอร์มช่วย

      เดินไปจะถึงระเบียงหลังบ้าน สังเกตเห็น มีกีต้าร์ตัวหนึ่ง วางพาดแอบ ๆ อยู่มุม หลังห้อง อืม แปลกดี ไม่ค่อยเห็นกระเทยเล่นกีต้าร์แฮะ หรือจะเป็นของกิ๊กมันหว่า .....

      เดินไปถึงระเบียง "มาเราช่วย"

      องุ่นยิ้มน่ารักให้เรา พร้อมเขยิบให้เราเข้าไปใกล้ๆ ช่วยแกะถุงกับข้าวใส่จาน

      "เออนี่เธอชื่ออะไรเหรอ เราชื่อองุ่นนะ"

      "เค้กจ้ะ"

      ..................

      ไม่รู้จะคุยอะไรนี่นา


      แต่ว่าหิวมากเลย พอยก กับข้าวมา หน้าทีวี ซัดโฮกเลย


      องุ่นเดินไปเปิดทีวี แล้ว เดินไปตู้เย็นไปหยิบ โค้กกระป๋องมา 2 กระป๋อง

      "หงุ่น (เรียกตัวเองว่าหงุ่น) ก็อยู่คนเดียวก็เหงา ๆ อ่ะจ้ะ ถ้าเค้กไม่รังเกียจมา นั่งคุยกันบ่อย ๆ ได้นะจ๊ะ" องุ่นพูดพลางยื่นโค้กให้


      "จ้ะ" รับโค้กมา เปิดแล้วซด ... มาคิด ๆ ดูแล้ว ตอนนั้นตะกละมากเลยอ่ะ ทุเร๊จ ทุเรจ

      อิ่มแล้วกับข้าวหมดแล้ว เราก็เลยยกจานไปหลังบ้าน องุ่นก็ช่วยกัน เราช่วยกันล้างจาน ชวนกันคุยนู่นคุยนี่ เกี่ยวกับรายการทีวีที่เมื่อกี้ได้ดูกัน

      องุ่นเค้าเป็นคนพูดจาน่ารักดี แล้วก็ ตลกดีด้วย ดีจัง อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนข้างห้องคุย ถึงเขาจะเป็นกระเทยก็ตาม ....

      แต่ก็ไม่รู้จะไว้ใจได้ป่าวอ่ะ

      สับสน ๆ


      แต่เราสังเกตุเห็นอีกอย่างนึง องุ่นมีนมด้วยอ่ะ

      เราก็เลยยิงคำถาม "องุ่นมีนมด้วยเหรอ "

      "อือ หงุ่นไปทำมาอ่ะ"สวยป่ะ ๆ

      "เจ็บป่าวอ่ะ"

      แล้วเราก็ถามนู่นถามนี่จุกจิก ๆ ตามประสาสาว ๆ มีทะลึ่งบ้างแต่ก็ตลกดี กับมิตรภาพใหม่ ที่ได้รับ พอให้ลืมเรื่องราวอันเจ็บปวดได้ ชั่วขณะ

      ตกลงคืนนั้นเราก็เลย ตกลงว่าจะไปเช่าหนัง มานั่งดูกันกับองุ่น เราก็วิ่งเข้าห้องเราไปอาบน้ำใหม่ใส่ชุดนอน

      องุ่นไปเช่าหนังมา เรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์อ่ะ เพราะเราคุยกับองุ่น เขาก็แฟนหนังสือ เรื่องนี้เหมือนกัน

      แล้วก็ดูหนังกัน แล้วก็กินขนมแล้วก็คุยกันเกี่ยวกับทางบ้าน

      องุ่นเล่าว่า เขาเรียนจบปริญญาจากมหาลัยเอกชนแห่งนึง ในกรุงเทพ เขาเป็นคนจังหวัดระยอง แต่เท่าที่คุยมาบ้านเขาค่อนข้างมีฐานะ

      พอเขาเรียนจบเขาก็หางานทำเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งบริษัทนี้ไม่เข้มงวดเรื่องการแต่งกาย เขาก็เลยแต่งเป็นผู้หญิงได้


      เราก็เลยยิงคำถาม " ถามจริงเหอะ ทำไมถึงมาเคาะห้องเค้กอ่ะ"

      "ก็พอจะเดาออกอ่ะ ว่าทะเลาะกัน เพราะหงุ่นอยู่นี่ ไม่เคยได้ยินเสียงทะเลาะกันจากห้องเค้กเลย"

      "แล้วตอนหงุ่นไปเคาะห้องครั้งแรก เค้าเห็นรอยมือที่หน้าเค้กอ่ะ เค้าสงสาร แต่ก่อนเค้าก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน"


      "เป็นแบบไหน อ่ะ เล่าได้มะ"


      "ก็ไม่มีอะไรหรอก เรื่องมันนานมาแล้ว เค้กรู้มะว่าแต่ก่อนเค้าเป็นผู้ชายนะ เค้ารักผู้หญิงคนนึงมาก คบกันมาหลายปี แต่พอ วันนึง เค้าก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นหลอกลวงมาตลอด

      แถมก่อนเลิก แฟนใหม่เขายังพาเพื่อนมารุมกระทืบหงุ่นอีกอ่ะ"


      "แล้วเธอก็เป็นกระเทยเลยเหรอ"


      "จริง ๆ แล้ว หงุ่นชอบผู้ชายมานานแล้วอ่ะ แต่ผู้หญิงหงุ่นก็ชอบ พอมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มา ก็เลยคิดว่าชีวิตนี้จะไม่จริงใจกับใครแล้ว เลยมาเป็นแบบนี้เพราะว่าจะไม่จริงใจกับใครคนไหนอีก ไม่ว่าหญิงหรือชาย"

      "ก็เลยไปทำหน้าอกมา เพื่อเป็นการยืนยัน "


      "แล้ว นายนั่นอ่ะเอาออกยัง "


      "ยังอยู่ ยังใช้การได้นะ หึหึ"

      "เห้ย บ้าป่าว น่ากัวอ่า" (หนีเสือปะจระเข้ป่าวเนี่ย)

      "พูดเล่นจ้า ยัยชะนีน้อย คืนนี้นอนนี้ละกันนะยะหล่อน"

      "จ้า"


      ชีวิตซังกะตาย ผ่านไป 1 คืน

      อ่ะยังไม่กลับอ่ะ เล่าต่ออีกหน่อยละกัน พอดีพึ่งเคลียร์งานเสร็จนะจ้ะ


      พอนอนกับองุ่นคืนแรก ตื่นมาก็ไม่เจอองุ่นละ กี่โมงนิ ประมาณ 7 โมงได้ วันนี้วันเสาร์นินา องุ่นไปไหน


      เราก็เลยออกมาจากห้ององุ่นแล้วก็ล๊อคห้อง


      แล้วก็เข้าห้องตัวเอง อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน


      กำลัง ปะแป้งอยู่ ได้ยินเสียงเคาะประตู เปิดมา

      "อ้าวนี่หล่อนจะรีบตื่นไปไหนล่ะยะ เอ้า ซื้อปาท่องโก๋มาฝาก"

      "ขอบใจย่ะ แม่คนดี"


      "แล้ววันนี้ไปไหนป่ะยะ"


      "ไม่อ่ะไม่มีตังค์"

      "อืมๆๆๆ วันนี้ไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนชั้นหน่อยละกัน"

      สังเกตุว่าการใช้สรรพนาม จะดูสนิทสนมกันมากขึ้น เพราะว่า กระเทยกับผู้หญิงจะสนิทกันได้รวดเร็ว


      "ก้อได้อ่ะ ดีกว่าอยู่ห้องเซ็ง ๆ"


      สรุปว่าวันนั้นเราก็ไปซื้อเสื้อผ้ากัน ไปหลายห้างเลย องุ่นแต่งตัวแรดมาก และดูสวยกว่าเรามาก เพราะทั้งขาว ผมก็ยาว หน้าตาจิ้มลิ้ม


      พอกลับมาที่ห้อง เราก็เอาเสื้อผ้ามาลองกัน กรี๊ดกร๊าด ๆ


      กันไปตามประสา ชะนี + กระเทย เจอกัน

      ตอนลองเสื้อเห็น องุ่นใส่แต่ ชุดชั้นในอ่ะ นมตู้มมาก ผู้หญิงยังอาย แต่ตรงนั้นก็ตู้มไม่แพ้กันอ่า เห็นแล้วแปลก ๆ ขัดตา

      "ทำไมไม่ไปเอาอันนั้นออกอ่ะ เก็บไว้ทำไร"


      "ยังไม่มีตังค์อ่ะ ว่าเดือนหน้านี้แหละจะไปเอาออกละ เก็บไว้มันก็รก"


      "555555 อิบ้า เก็บไว้ก้อได้ เผื่อชั้นเหงาๆ เปล่าเปลี่ยว"


      "ทุเรจ พูดจาน่าเกลียด ตบกลิ้งเลยอินี่นิ"

      "55555555"


      ตลกดีนะตอนนั้น เราคิดแค่ว่าองุ่นเป็นเพื่อนแก้เหงาที่ดีมาก

      เพื่อนที่เคย ๆ คบมาก็หายกันไปหมด ไม่นึกเลยว่าอิกระเทยที่เราชอบนินทา ว่ามันชอบพาผู้ชายมานอนกกที่ห้อง


      จะมาเป็นคนที่ช่วยทำให้เราสบายใจได้ในตอนนี้


      ในใจลึก ๆเราก็รู้สึกขอบคุณเขามาก

      รู้อะไรมะ ตอนองุ่น ใส่ชุดอยู่บ้าน ลบเครื่องสำอางทิ้งหมดแล้วรวบผมไว้ เขาลุคเหมือนนักดนตรี เราว่าตอนเขาเป็นผู้ชายก็ดูหน้าตา น่ารักมากอ่ะ

      เออแต่สงสัยมากเรื่องนึง

      "องุ่น เล่นกีต้าร์เป็นป่าวอ่ะ"


      "อือ เล่นเป็นอ่ะ เห็นกีต้าร์ที่วางหลังห้องมะอ่ะ นั่นแหละของเค้าเอง"


      "เหรอ ยังเล่นได้อยู่ป่ะ "


      "ก็เล่นได้นะ แต่ไม่ค่อย ไม่อยากนึกถึงเรื่องเก่า ๆ ตอนนี้เค้าเป็นคนใหม่แล้ว"


      "ลองโชว์หน่อยจิ นิดนึงนะๆๆ น๊าเดี๋ยวหาผู้ชายหล่อมาสังเวย"


      "5555 อินี่รู้ใจ ก็ได้ย่ะ นี่เห็นแก่ผู้ชายนะเนี่ย"


      คิดดูนะ ภาพตอนนั้นที่เราเห็น เราเห็น ผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนึง ผมยาว รวบผม ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด 1 ตัว(เสื้อตัวใหญ่ นมไม่ค่อยโผล่) เล่นกีต้าร์ให้เราฟัง แล้วร้องเพลง นิดนึงพอ ของ Friday I'm in love อ่ะ


      เราไม่อยากจะคิดไรกับเขาอ่ะ เขาเป็นกระเทย แล้วมีนมแล้วด้วย


      แต่เราว่าเราก็ค่อนข้างรู้สึกดี ๆ กับ มิตรไมตรีของคนคนนี้ ที่มีให้เรา...............

      ก็เราก็จะเล่าว่า หลังจากนั้นเราก็สนิทกับองุ่นคนสวยมากขึ้นเรื่อยๆ

      กินข้าวด้วยกันบ่อย ทำกิจกรรมด้วยกันบ่อย (อย่าคิดลึกนะ)ก็คือไปเที่ยวบางทีเราก็ไปนอนห้ององุ่น บางทีเขาก็มานอนกับเรา เออแต่ลืมเล่า

      ประมาณ สองวันที่รู้จักกันแหละ องุ่นเขาเปรยขึ้นมาว่า แล้วยังไม่มีงานทำแบบนี้แล้วจะทำยังไงล่ะ

      เค้กก็ตอบว่า ก็จะพยายามหาอยู่อ่ะจ้ะ

      "เค้าช่วยเค้กหางานได้นะ แต่ว่าเค้กจะเกี่ยงหรือเปล่า เพราะว่าเค้กเรียนจบปริญญาตรีหน่ะ แต่เค้าว่าเค้กน่าจะหาทำอะไรไปก่อนดีกว่านะ"

      "ไม่หรอก เค้กไม่เกี่ยงงานหรอก ขอให้สุจริตและกัน"
      องุ่นเขาก็เลยพาเราไปสมัครงานเขาบอกว่าเราว่า เขารับเราทำงานแน่นอน

      รู้มั๊ยมันพาไปทำไร

      มันพาไปสมัคร P.R.ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเกษตรนวมินทร์ ไม่เอ่ยชื่อร้านละกัน ตอนแรกก็ลังเล จะดีเหรอ แต่คิดไปคิดมา

      ก็ดีกว่าไม่มีงานทำ เพราะตอนนี้ไม่มีเงินเลย

      แต่เขาก็รับเราเข้าทำงานจริง ๆนะ


      แต่ว่ามันก็มีปัญหา เราแต่งหน้าไม่เป็น เราไม่แต่งตัว เราไม่มีเสื้อผ้า

      องุ่นสอนเราทุกอย่าง ให้ยืมเงินไปซื้อเสื้อผ้า ให้ยืมเครื่องสำอาง สอนแต่งหน้า

      เงินทุน 1เดือนแรกในการทำงาน องุ่นออกให้ทุกอย่าง

      ขอแค่เอ่ยปาก บางทีก็คิดนะ ว่าเขาใจดีกับเราขนาดนี้มันจะหวังอะไรหรือเปล่า แต่ว่า คนสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างเรา ก็ไม่มีอะไรให้เขากอบโกยอยุ่แล้ว เอาวะลองดูสักตั้งนึง

      จริง ๆ แล้วเราชอบตอนที่เขาลบเครื่องสำอางทิ้งมากเลยนะ เพราะเขาน่ารักไปอีกแบบ แต่ว่าเราก็ไม่กล้าคิดไรกับเขามากหรอก เพราะว่าเขามีนมอ่ะ นึกออกป่ะ

      มันตั้งใจเป็นกระเทยแบบไม่กลับมาอีกเลยอ่ะ แต่ก็อย่างว่าอ่ะ ชีวิตของเขา เขาเลือกแล้วที่จะเป็นแบบนี้


      แต่ว่าลึก ๆ อ่ะ เราก็ยังไม่ลืม คนเก่าหรอกนะ ภาพมันหลอกหลอนมากอ่ะ นอนก็ยังฝันร้ายอยุ่ ยังสะดุ้งตื่นอยู่ดึก ๆ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นหรือเปล่า

      แต่ก็แปลกดีนะ ตอนนั้นเราถามองุ่นว่า "องุ่นแล้วกิ๊กแกไปไหนหมดอ่ะ เห็นแต่ก่อนมีเยอะจัด พามาไม่ซ้ำทุกคืนเลย"

      "ชั้นอยู่กับแกสนุกดีกว่าอ่ะ แล้วอีกอย่างชั้น อยากให้แกหายดีก่อน"


      ใช่.....นี่ก็ผ่านมาได้พักนึงแล้ว ไม่รู้ว่าองุ่นรู้ได้ยังไงว่าเรายังไม่ลืมเรื่องเก่า ๆ

      "เค้ารู้ว่าเค้กเสียใจมากนะ เค้าก็เคยเป็นแต่ก่อน เค้าเห็นเค้กตัวเล็กนิดเดียวเองน่าสงสาร มาก "


      แล้วรู้อะไรมั๊ย อะไรทำให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนพัฒนาขึ้นมากกว่าเดิม

      ไม่ใช่เรื่องใต้สะดืออย่าคิดลึก


      เราถามเค้า ถึงเรื่องแฟนเก่าเค้า ถึงเรื่องผู้หญิงที่ทำให้เขาตัดสินใจเป็นกระเทยดีกว่า


      ทั้ง ๆ ที่เขาก็บอกเราว่า เขาชอบทั้งผู้ชาย และ ผู้หญิง

      แต่ทำไมถึงเลือกเป็นเพศนี้

      เขายังไม่เคยลืมผู้หญิงคนนี้เลย รูปภาพทุกใบ จดหมายทุกฉบับยังคงเก็บไว้อย่างดีอยู่


      องุ่นพูดกับเราว่าอะไรรู้มั๊ย


      "จริง ๆ แล้ว ตอนที่เค้กทะเลาะกับแฟน แล้วเค้กโดนเขาทำร้าย เหตุการณ์นั้นมันคล้าย ๆ กับตอนที่เค้าได้เจอแฟนเก่า ของเค้าครั้งแรก

      แต่ต่างกันแค่เพียงตอนนั้น เค้าเป็นผู้ชาย(เกย์)


      ตอนนั้น เค้ากำลังไขกุญแจเข้าห้อง แต่ ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันห้องข้าง ๆ เลยหันไปดู มีผู้ชายเดินออกจากห้อง แล้วมีผู้หญิงคนนึงวิ่งตามออกมา เลือดไหลออกจมูก ปากแตก มีแผลเลือดไหล"


      นั่นเป็นครั้งแรกที่องุ่นเจอแฟนคนเก่าเขา คนที่เขายังไม่เคยลืม

      แต่แล้วเมื่อองุ่นดูแลผู้หญิงคนนั้นจนหายดี แล้วเขาก็ทิ้งองุ่นไป พร้อม แฟนใหม่พาเพื่อน ๆ มากระทืบองุ่น เข้าโรงพยาบาล

      เขาคงเจ็บและช้ำมาก ถึงได้กลายเป็นขนาดนั้น


      แต่ตอนนั้น ตอนที่นั่งคุยกันก็ดูเขามีความสุขดีนะกับชีวิตที่เขาเลือก ก็ดีใจที่เขามีความสุข


      โอ๊ยนึกถึงแล้วน้ำตาจะไหล อ่า... ไม่บอกหรอกว่าน้ำตาจะไหลเรื่องไร เดี๋ยวรู้หมด

      แต่เวลาตอนอยู่คนเดียวก็เหมือนยังรู้สึกแย่ ๆ อยู่

      พอเวลาผ่านไปประมาณ สองเดือน เราได้ใบ Transcip มาแล้ว เราก็ยิ่งอยากจะหางานทำตอนกลางวันที่มันมั่นคงมากกว่านี้

      เราหางานทั้งในเนตและหนังสือพิมพ์ ช่วงนั้นเราก็กำลังยุ่ง ๆ ทำงานด้วย แล้วก็มีคนมาจีบเราโทรเข้ามา บางทีองุ่นก็รับ แล้วพอช่วงนั้นเรายุ่ง ๆ ก็เหมือนกับห่าง ๆ กับองุ่น


      แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะว่าคิดว่าอยากจะตั้งใจทำมันให้ดีอยากจะหางาน จะไม่ให้พ่อกับแม่ผิดหวังอีกแล้ว

      เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าองุ่นทั้งเหงา ทั้งน้อยใจเรา (แล้วเรารู้ได้ยังไง เดี๋ยวจะบอกตอนท้าย) บางทีเขาก็ดูหงุดหงิด ๆ กับเราง่าย เราก็นึกว่าเขาเหนื่อยจากการทำงาน บางทีก็พูดเหมือนพูดประชดเรา

      เราไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาหึงเราหรือเปล่า แต่มันไม่น่าใช่หรอก เราว่าเขาน้อยใจมากกว่านะตอนนั้น

      แต่เราก็ไม่สนใจเรายังตั้งใจหางาน ตอนเย็นเราก็ไปทำงานของเรา

      สถานการณ์ความเป็นเพื่อนของเรา ดูเหมือนจะตึง ๆ

      มีอยู่วันหนึ่ง มีเพื่อนเก่าเราที่เป็นผู้ชาย ชวนเราไปดูหนัง เราก็ไป เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนเก่าเราที่บ้าน ไม่ได้เจอกันนานแล้ว


      ทั้ง ๆ ที่นัดกับองุ่นว่าจะไปดูหนังกันในวันหยุดเพื่อลดความตึงเครียด


      แต่เราก็บอกเลิกนัดองุ่น ไปดูหนังกับเพื่อนเราแทน......


      ท่านผู้อ่านโปรดได้เข้าใจหน่อยเถอะว่า เราก็รู้สึกดี ๆ กับองุ่น แต่เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งเขาให้เขาเหงา เราไม่ใช่ว่าจะได้ดีแล้วทิ้งองุ่น

      มันไม่ใช่แบบนั้น จริง ๆ แล้วคนเราก็ต้องมีเวลาของเราเป็นส่วนตัวบ้างไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นเราคิดแบบนั้นจริง ๆ เราคิดว่าองุ่นงี่เง่า ที่ชอบหงุดหงิดง่ายใส่เรา อะไรก็น้อยใจ ๆ อะไรก็ประชด

      แต่เขาก็ไม่เคยพูดจาทวงบุญคุณอะไรกับเราเลยนะ...........

      ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมา ไม่นานจากนั้นกี่วัน องุ่นก็เดินมาเคาะห้องเราแล้ว บอกเราว่า

      "เราอยากกลับบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ ไม่ได้เจอนานแล้ว"


      "เหรอ แล้วจะไปวันไหนอ่ะ"


      "พรุ่งนี้เช้าแหละ เก็บของแล้ว"


      "เป็นไรป่าวอ่า โอ๋ๆๆๆ ใครทำหงุ่นอ่า (เรากอดเอวองุ่นไว้แน่น)"


      "ป่าวจ้ะ ไม่รู้เป็นไรอยู่ดี ๆ คิดถึงพ่อกับแม่มาก "

      "ไปนานมะจ๊ะ "


      "ประมาณ อาทิตย์นึงอ่ะ"

      "อยู่ ๆ ก็จะไปนะคนเรา แล้วยังไม่ชวนเราไปด้วยเลยสักคำ"


      "คราวหน้าและกันนะ เอ้านี่ กุญแจห้อง ฝากไว้หน่อย มีไรก็โทรเข้ามือถือละกัน"


      "อิอิ จะขโมยของแก ให้หมดเลย แกกลับมา ก็ไม่เหลืออะไรเลยเหลือแต่ห้องว่างเปล่า"


      "เออ อิเวน"


      แล้ว เราก็ไปกินข้าวกันตอนดึก พอรุ่งเช้า องุ่นก็เดินทางกลับบ้าน


      ดูเขาเหนื่อย ๆ เหมือนมีเรื่องคิดมาก เรานี่เป็นเพื่อนที่แย่จริงๆ


      ไม่มีเวลากระทั่งจะถามไถ่ สารทุกข์สุขดิบ พอองุ่นกลับมาเราจะให้เวลาองุ่นมากกว่านี้ละ


      แต่ใจหายนะ แปลก ๆ อยู่ ๆ ก็คิดถึงพ่อแม่ อยากกลับบ้าน เราว่ามันแปลก ๆ.......

      อย่าให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับองุ่นเลย

      ตอนเย็น ๆ วันนั้นเราก็โทรไปหาองุ่น


      ตื๊ดดดด "สวัสดีครับ"


      "เออ ทำเสียงซะแมนเชียวนะแก๊ ตกใจหมด"

      "อิอิล้อเล่นอ่ะจ้า"

      "ถึงบ้านนานยัง"

      "นานแล้ว ระยองนะ ไม่ใช่อูกานดา "

      "เอออ "


      "พ่อแม่สบายดีมั๊ย"


      "สบายดี อ้วนท้วนสมบูรณ์"


      "ฝากหวัดดีด้วยนะ บอกว่าจากลูกสะใภ้"

      "อีบ้านิ ตบหัวทิ่มเรย"

      "555555555555"

      เม้าท์กันอีกนิดหน่อย แล้วเราก็วาง บอกตรง ๆ จากใจจริงนะ ว่าคิดถึงองุ่น คิดถึงมาก ๆๆๆๆๆ


      แต่ก็วันเวลาผ่านไป เราก็ไม่ได้โทรไปกวนองุ่นอีก เพราะอยากให้เขาได้พักผ่อน แต่พอประมาณ สองวันก่อนกำหนดเวลาองุ่นจะกลับ เราก็โทรไปหาอีก ด้วยความคิดถึง


      ยินดีต้อนรับเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ
      ยินดีต้อนรับเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ


      ไม่ติด มันทำไรอยู่เนี่ยปิดเครื่องทำแมวไร

      เดี๋ยวค่อยโทรไปหาใหม่ พรุ่งนี้ละกัน ในใจก็ยังไม่ได้คิดไร


      ตอนเช้าเราก็ตื่นมา รีบโทรหาเพราะว่าเป็นห่วง


      เหมือนเดิมปิดเครื่อง แปลกนะ องุ่นปิดเครื่องนานขนาดนี้ คบกันมาไม่เคยเจอ แปลกมาก

      ไม่อยากจะคิดอะไรที่มันไม่ดีเลย แต่ว่าน้ำตามันไหลเองไม่รู้ทำไม

      อย่าเป็นอะไรเลยนะองุ่นเพื่อนรัก


      ตอนบ่าย ๆเราเลยตัดสินใจโทรไปใหม่อีกที องุ่นก็ยังคงปิดเครื่องอยู่


      องุ่นเธอยุ่งอะไรขนาดนี้ล่ะลืมเปิดเครื่องเหรอ ที่อยู่ที่บ้านองุ่นเราก็ไม่มีเราเป็นห่วงองุ่นจริง ๆ นะ

      ขอคุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองคนน่ารักอย่างองุ่นด้วยเถอะนะ......

      เราโทรไปหาองุ่นตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่ติดเลย ปิดเครื่องตลอด ตกใจมาก องุ่นไม่เคยเป็นแบบนี้ ใจคอไม่ดีเลยอ่ะ

      นอนเอาแขนก่ายหน้าผากยันเช้า วันนั้นเราไม่ได้ไปทำงาน

      ไม่ไหวแล้วองุ่นเป็นอะไรไป ถ้าองุ่นเป็นอะไรไปแล้วเราจะรู้ได้ยังไงอ่ะ


      นอนกึ่งกลับกึ่งตื่นไปถึงเช้า มีร้องไห้บ้างประปรายเพราะเป็นห่วงและคิดถึงองุ่นมาก ๆ


      องุ่นกลับมาหาเค้กนะ เราไปเที่ยวไปดูหนังกันเหมือนเดิมนะจ๊ะ


      เช้าแล้วประมาณ เจ็ดโมง ได้ยินเสียงโทรศัพท์..........

      "ฮัลโหล นี่เธอจะนอนกินบ้านกินเมืองไปไหนเนี่ย"


      "โหอิบ้า ชั้นก็ห่วงแกแทบแย่ ห่วงมากเลยรู้มั๊ยเนี่ยองุ่น"

      "เจงอ่ะ"


      "สุด ๆ อ่ะ ทำไมปิดเครื่องนานขนาดนี้อ่ะ ร้องไห้ไปหลายทีแล้วนะ ชั้นเป็นห่วงแก๊"


      "โอ๋ๆๆๆ ขอโทษน๊า เดี๋ยวซื้อขนมเข้าไปฝากน๊า นี่อยู่บนรถ จะถึงแล้วแหละ ถึงแล้วโทรไปบอกแล้วกันนะ "

      องุ่นวางโทรศัพท์ไปแล้วอ่ะ โล่งใจมาก ๆ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ

      เห้ออ ดีใจจังเลยองุ่นสบายดี กลับมาจะด่าให้เข็ดเลยให้เป็นห่วงมากขนาดนี้

      หลังจากนั้นเราก็ไปอาบน้ำ ล้างหน้าแต่งตัว แล้วก็หาข้าวกิน

      นอนต่อไม่ไหวละ ดีใจ


      อิอิ ตอนเย็นชวนกันไปกินข้าวดีกว่า อิอิ เหงากินคนเดียวมาหลายวันละ


      กินข้าวเสร็จแล้วนั่นดูการ์ตูน องุ่นก็โทรมาใหม่


      "ถึงแล้วน๊า จะซื้อขนมไปฝาก คงถึงห้องเย็น ๆนะ จะเอาไรป่ะ"

      "มีน้ำใจแค่ไหนก็เอามาแค่นั้นละกัน อิอิ"

      "จ้า แล้วเจอกันน๊า องุ่นคิดถึงเค้กเหมือนกันนะ แล้ว มีเรื่องเล่าเยอะแยะเลย"


      "จ้า จะแคะหู ไว้รอฟังแกเม้าส์ละกัน บะบายน๊า"

      เย้ๆๆๆ ดีใจ ๆ องุ่นจะกลับมาแล้ว รู้อะไรป่าวว่า ตอนเรานอนห้องเดียวกับองุ่นอ่ะ เรากอดองุ่นทุกครั้งที่นอนเลย เพราะว่าองุ่นน่ารักมาก ๆ น่ากอด น่าหอม ที่สุดเยย อิ๊อิ๊

      อืมแต่องุ่นดูไม่ค่อยดัดเสียงเลย จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่เช้าองุ่นดูเสียงแมนขึ้น


      ปกติจะดัดจริตเสียงสูงกว่าเสียงจริง 1 คีย์นะ แต่ มะกี้ที่คุยกับตอนเช้ามันไม่ใช่นินา อืมแต่เราว่ามันคงเป็นหวัดอ่ะ ปิดเครื่องไป สงสัยไม่สบายชัวร์ ๆ

      เย้ๆๆ ดีใจ เราว่าทุกคนคงดีใจเหมือนกันใช่มั๊ยคะที่องุ่นกลับมา สำหรับเรา เราดีใจมาก ๆ เลยค่ะ เย้ๆๆ

      ขอแนะนำว่า เวลาอ่านต่อจากนี้ไป ฟังเพลงนิดนึงพอ ของ Friday I'm in love ไปด้วย จะได้ฟิวมาก

      เราก็นั่งทำนู่นทำนี่ไปตามประสาเรา


      นั่งรอองุ่นไปเรื่อย ๆ คุยโทรศัพท์บ้าง นอนบ้าง ดูโทรทัศน์บ้าง


      รอกินข้าวด้วยนะเนี่ย


      ประมาณ สองทุ่ม ได้ยินเสียงก๊อก ๆ ๆ


      นังตัวดีมาแร้ว........... กุญแจมันอยู่ที่เรานินา อิอิ

      รีบวิ่งไปเปิดประตู.....


      ปรากฎว่า เป็นป้าคนนึง เราไม่รู้จัก แต่แต่งตัวภูมิฐาน มาพร้อมผู้หญิงอายุประมาณ 26-27


      "เอ่อ มาหาใครคะ"


      "ใช่ หนูเค้ก คนที่องุ่น ฝากกุญแจห้องไว้หรือเปล่าจ๊ะ"

      "อ่า. ใช่ค่ะ"

      "คือว่าเราจะมาเก็บของ องุ่นน่ะค่ะ แม่เป็นแม่ขององุ่น นี่พี่สาวองุ่นนะจ่ะ"


      "ค่ะสวัสดีค่ะ (ยกมือไหว้ แบบ งง งง)"

      " นี่ค่ะกุญแจห้อง "

      แม่ขององุ่นก็รับกุญแจไป ทิ้งเราไว้กับความงุนงง สงสัย


      ลองโทรถามองุ่นดีกว่า ไม่กล้าถามแม่เขาอ่ะ

      องุ่นปิดเครื่องแฮะ -*- รู้สึกแปลก ๆ เรื่องมันแปลก ๆ นะแปลกมาก ๆ

      ถามแม่องุ่นดีกว่า

      เราก็เลยเปิดห้ององุ่นเข้าไป


      "เอ่อ ให้หนูช่วยเก็บของนะคะ "

      พี่สาวองุ่นยิ้มให้เรา แบบเหนื่อย ๆ แล้วถามเราว่า

      "น้องยังไม่รู้เรื่ององุ่นใช่ไหม" ??

      "เรื่องอะไรอ่ะคะ"

      ไม่รู้ว่ามีคนจำข่าว ๆ นึงได้ป่าวนะ ไม่ดังมากหรอก แต่เรารู้ว่าลงในหนังสือพิมพ์ฉบับนึง


      ที่เด็กนักเรียนช่างกลแถวย่านบางกะปิยิงคู่อริ ขึ้นมาบนรถเมล์


      แล้วโดนผู้ชายคนนึงบนรถเมล์ กระสุนเจาะที่คอ แล้วไปสิ้นใจที่โรงพยาบาลอ่ะ

      นั่นแหละองุ่นเอง


      อย่าไปพยายามตามหาข่าว


      อย่าไปพยายามหาชื่อ นามสกุลของเขาเลยนะ


      ปล่อยให้เขานอนหลับอย่างสงบสุขต่อไปเถอะนะ เพื่อน ๆ ชาวประมูลทั้งหลาย

      เรารู้ว่าทุกคนก็คงจะอยากรู้ รายละเอียดทั้งหมด แต่เราก็พอจะรู้บ้าง ถามเราดีกว่านะ

      ที่เราเอามาลงให้ ทุก ๆ คนได้อ่าน กันในวันนี้


      เพราะว่าเราอยากทำไว้ให้เป็นอนุสรณ์แด่เขา แด่องุ่น(นามสมมุติ)


      เดี๋ยวเราจะเล่ารายละเอียดทั้งหมดนะ แป้บก่อน ทำงานอ่ะจ้ะ

      อย่าลืมเปิดเพลงนิดนึงพอ นะจ๊ะ
      ::
      เพลงนิดนึงพอ - เป็นเพลงที่องุ่นดีดกีต้าร์ให้เราฟัง และร้องเพลงในวันนั้น

      ฉันค้นคว้าหาคำตอบ เท่าไหร่ไม่เจอ
      เพราะอะไร เหตุใดถึงไม่ลืมเธอสีกที
      หรือต้องรอให้เธอบอก ฉันเป็นส่วนเกิน
      ที่บังเอิญผ่านมา แล้วให้เธอกับเขาวุ่นวาย

      เธอจะร้ายเพียงใด อดทนไว้เข้าใจโดยดี
      เคืองไม่มี ยังภักดี โดยไม่เคยเปลี่ยนแปลง

      อยากแสดงให้เธอ รู้ซึ้งถึงความจริงจังจริงใจ
      ด้วยยังหวังซักวัน ฟ้ารู้ถึงคำรำพันของฉันเมื่อไหร่
      สะกิดใจ บอกเธอให้ช่วยพิจารณา

      ฉันไม่เคยคิดแข็งข้อ หรือบังอาจขอ
      เพราะยังเจียม และเตรียมหัวใจว่าคงส่วนเกิน
      คบฉันไว้เหมือนเป็นเพื่อน ช่วยเตือนเภทภัย
      ทุกข์เมื่อไหร่ปลอบใจ ร้องไห้คราใดจะคอยเช็ดน้ำตา

      ปรารถนาเวียนวน ตามประสาของคนเคยเคียง
      จึงร้องเรียนเวียนแวะวน ทนแม้จะถูกหยาม

      จะพยามให้เธอ เว้นที่ภายในดวงใจของเธอ
      ให้กับฉัน ได้ยืน รกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่น
      จะทำใจ แบ่งใจให้ฉันนิดนึงพอ


      ป.ล. จะร้องไห้ง่า น้ำตาเล็ดแล้ว

      "พี่ก็ไม่ได้ทันมาดูใจเขาหรอก พอดีตำรวจติดต่อไปที่บ้าน"

      "ยังจับตัวคนยิงไม่ได้ ยิงแล้วมันก็หนีไปกันคนละทาง"

      เราไม่รู้อะไรหรอก...........เราไม่อยากจะรับรู้อะไรเลยจริง ๆ


      แม่องุ่นไปรับศพแล้วตอนเย็น จะเอาไปอุทิศส่วนกุศลที่บ้าน

      ของที่แม่ไปรับมาพร้อมกับศพก็มี กระเป๋าเดินทางขององุ่น กระเป๋าสะพาย เสื้อผ้า รองเท้า แล้วรู้ไหมในกระเป๋าเดินทางมีอะไร ...


      ...มีขนมที่เขาบอกว่าซื้อมาฝากเรา ............


      องุ่นแต่งตัวเป็นผู้ชายมาจากบ้าน !!! นั่งรถมา จะถึงเดอะมอลล์บางกะปิ แล้วยังไม่ถึงเดอะมอลล์เลย เขาโดนยิงก่อน

      วันนั้นเรารีบลางานแล้วก็ขอกลับบ้าน พร้อมกับแม่กับพี่สาวขององุ่นด้วย เพื่อไปช่วยงาน

      ก็ตอนเราไปช่วยงาน ขององุ่นที่บ้านเขา

      เราก็ได้คุยกับแม่เขา กับพี่สาวเขา


      ได้ใจความดังนี้

      บ้านเขาเป็นโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ใหญ่โต องุ่นเป็นลูกชายคนเดียว พี่สาวขององุ่นแต่งงานไปแล้ว

      ฉะนั้นที่บ้านเขาก็จะไม่มีใครสืบทอดกิจการต่อนึกออกป่ะ เพราะว่าลูกสาวก็แต่งงานไปแล้ว ก็เหลือองุ่นแค่คนเดียว


      และองุ่นก็ดันเป็นกระเทย เป็นกระเทย มันจะดูไม่ดีถ้าเกิดมาเป็นเจ้าของกิจการแล้วหน่ะ พ่อกับแม่เขาไม่อยากให้เขาเป็นแต่ก็ไม่รู้จะบังคับยังไง


      แต่อยู่ ๆ วันนึง องุ่นก็กลับมา บอกพ่อ บอกแม่ว่า เขาจะกลับตัว เขาจะเป็นคนใหม่ เขาจะสืบทอดกิจการของพ่อแม่ เขาจะไปผ่าตัดเอาหน้าอกเขาออก

      พ่อกับแม่ขององุ่นดีใจมากที่ลูก คิดได้........และกลับตัว

      แม่องุ่นก็เลยพาไปผ่าตัดเอาหน้าอกออก ที่โรงพยาบาล ที่กรุงเทพ พอทำเสร็จ ก็กลับไปบ้านที่ระยอง วันที่เราโทรไปหาเขาและเขาปิดเครื่อง....

      แต่แผลยังไม่หายดี องุ่นก็อยากรีบกลับกรุงเทพ ไม่รู้ทำไม


      ศพองุ่น ยังมีผ้าพันแผลที่หน้าอกไว้อยู่เลย.........


      เราไปอยู่ช่วยงานที่บ้านองุ่น ตั้งแต่วันแรกที่สวด จนวันเผา

      เราร้องไห้จนเป็นลม...............


      เราเสียใจมาก เราไม่นึกว่า มันจะกระทันหัน อย่างนี้ ไม่ได้เตรียมใจไว้เลย


      เรายังไม่รู้เลยว่าเขาอยากจะพูดอะไรกับเรา

      แต่เราสันนิษฐานว่า เขาคงจะมาเล่าว่าเขาจะกลับตัวใหม่แล้วนะ เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรเพราะตลอดเวลาก็เป็นเพื่อนที่ดีมาด้วยกันตลอด


      สำหรับเราน่ะเหรอ เราก็รู้สึกดี ๆ ให้องุ่น แต่ว่า เขาเป็นกระเทย เราไม่สามารถคิดอะไรกับเขาได้มากกว่านี้ .....

      หลับฝันดีเถอะนะจ๊ะ เพื่อนรัก

      รักเสมอ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×