ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic marvel] Stealer,,(oc)

    ลำดับตอนที่ #4 : Stealer| 04

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 64


    Stealer| 04

     

    เสื้อผ้าสีส้มคล้ำเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผงไม่สะอาดตาราวกับนำไปคลุกดินก่อนให้ใส่เสียอย่างนั้น แอนเดรียย่นจมูกรับไม่ได้กับกลิ่นที่จะดูเหมือนยิ่งกว่าชุดที่ใส่ รอบคอเธอนั้นอึดอัดไปด้วยปลอกคอโลหะแน่นทำเธอหายใจลำบาก

     

    มันรัดคอเธอยิ่งกว่าสร้อยแบรนดังที่เคยซื้อเสียอีก ชายหญิงทั้งสองเดินขนาบคู่ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เป็นตูดเป็ด ขัดขืนก็ไม่ได้ไม่งั้นถูกเผาทิ้งเหมือนเมื่อตอนออกมาจากลิฟต์โสโครกนั้นแน่

     

    เธอเองก็ตกใจอยู่หรอกนะ แต่ถ้าเทียบกับเหตุการณ์ที่วาร์ปข้ามซีกโลกไปโผล่มองโกเลียเธอเลยคิดจะปลงมากกว่าตกใจ

     

    “..ข้าเกลียดที่นี้” ชายข้างตัวพึมพำเสียงเบาหน้าเจ้าพร้อมฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า

     

    “..ใช่ เฮงซวยสุดๆ” สาวเจ้าพูดเสียงยืดตกปลง เป็นครั้งแรกที่เธอคิดจะเห็นด้วยกับคำของโลกิ

     

    เธอและโลกิถูกนำตัวมายังห้องที่คล้ายหลุดมาจากหนังยุคแปดศูนย์พร้อมซาวดนตรีประกอบขับกล่อมให้พักสมอง ดวงตาคู่สวยมองทางที่คดเคี้ยวที่ตั้งกันด้วยไหมพรมแดงตามภัตตาคาร

     

    “กรุณาหยิบตั๋วด้วย”คนคุมต้นทางบอกเสียงเรียบ

     

    “ทำไมข้าต้องหยิบ ในเมื่อเมื่อในนี้มีใครนอกจากข้ากับนาง--”

     

    “มีอีกคนหนึ่งอยู่ตรงนั้นเผื่อนายตาบอด..” เธอกล่าวจิกกัดตามฉบับแล้วหยิบตั๋วเล็กอย่างใจเย็น “จะบอกให้เป็นบุญ ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่ทำแบบนั้น”

     

    “หรอ? แล้วเจ้าจะทำอะไรล่ะ? ทำตามพวกนี้สั่งเป็นสัตว์เชื่องๆ อย่างงั้นรึ?” เขาพูดเย้ยหยันขณะมองเธอเดินตามทางไปเรื่อยๆ

     

    “งั้นถ้าฉันบอกจริงๆ นายจะคืนเงินฉันไหมล่ะ” แอนเดรียน่ากล่าวสบายๆ ยื่นข้อเสนอ “ไม่มีทาง ข้าไม่ได้ขโมยไปเสียหน่อย” เสียงทุ้มพูดปฏิเสธพลางขมวดคิ้ว

     

    คนเรือนผมโกโก้เลิกคิ้วมองพร้อมกอดอกพิงกำแพง หันเข้าหาชายหนุ่มที่ห่างไปประมาณสองช่องทางคดเคี้ยว ไม่ทันไรเสียงกรีดร้องโหยหวนของคนมาก่อนหน้า เขาก็ถูกเผาไปจนมอดไม่เหลือธุลีเอาไว้ดูต่างหน้า

     

    เทพแห่งคำลวงหน้าซีดก่อนจะหยิบตั๋วและชูขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลน ปล่อยเธอขำในลำคอคนเดียวซึ่งมันก็เป็นเรื่องบันเทิงดีในความคิดของแอนเดรียน่า

     

    ในช่วงเวลาหลานาทีภายในห้องศาลตัดสิน เธอนั้นดูการคำให้การของเขาบนที่นั่งผู้รับชมแต่มันออกจะไม่มีสาระซักเท่าไหร่ 

     

    “ศาลกาลเวลาขอตัดสินว่า ให้นำโลกิ ลอฟีสันไปกำจัดและรีเซ—“

     

    “เดี๋ยวก่อน!! ฉันมีคำถามให้มิสเตอร์ลอฟีสันค่ะ” หญิงสาวชุดส้มคนเดียวตะโกนลั่นขัดผู้พิพากษาที่กำลังยกค้อนสิ้นสุดคดี

     

    ทุกสายตาต่างจับจ้องตัวแปรที่เริ่มยืนและเดินมาข้างหน้าต่อหน้าศาล

     

    “คุณโรซิเออร์ คุณไม่มีสิทธิพู—“

     

    “คุณลอฟีสัน คุณจะคืนเงินดิฉันที่เป็นผู้เสียหายไหมคะ” นักธุรกิจสาวหันหน้าถามคนที่กำลังถูกเผา โลกิทำหน้าเหวอกับสาวเจ้าที่พูดไม่ดูสถานการณ์

     

    “แน่นอนว่าไม่ ข้าบอ—“

     

    “โอเคค่ะ ท่านผู้พิพากษาคะฉันขอตัดสินให้เขาตายค่ะ” พูดจบเธอก็เดินมาแย่งค้อนแล้วทุบลงบนบันลังศาลอย่างแรง

     

    ทุกคนในที่นี้ต่างมองงงเป็นไก่ตาแตก มองการกระทำที่หญิงสาวตัดสินแทนให้เสร็จสับ ไม่ต้องพูดยืดเยื้อให้เสียเวลา 

     

    หลังจากนั้นเธอทั้งสองคนด่ากราดเป็นกระสุนปืนไม่มีใครยอมใครเช่นคราแรกที่มองโกเลีย และคนหยุดก็ไม่ใช่ใครนอกจากหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการองค์กรเวลานามฮันเตอร์ บี สิบห้า

     

     

    ครั้งแต่วัยเยาว์เธอเคยเชื่อเรื่องเทพ เทวดา นางฟ้า เฝ้าคิดว่าถ้าเจอแล้วเขาเหล่านั้นจะนิสัยดีอย่างไร จะเหมือนในนิทานก่อนนอนหรือไม่และลูกอมแสนอร่อยในกระเป๋า

     

    เธอขอเลิกเชื่อแบบกลับลำเรือเลยว่า มันไม่ใช่กับเทพองค์นี้แน่ๆ เพราะเขามันหยาบคายเกินทนสุดๆ 

     

    “เจ้าอยากโดนแทงตายรึไง นังแม่มดใจดำ”

     

    “ฉันไม่ได้ใจดำซักหน่อย ก็นายไม่อยากคืนเงินฉันเอง..ก็ถูกแล้ว” 

     

    คนเรือนผมสีโกโก้กดเสียงต่ำน่ากลัวท้ายประโยค ดวงตาต่างสีจ้องตาไม่มีใครยอมใครชวนบรรยกาศอึดอัดสำหรับคนกลางอย่างโมเบียสเหลือเกิน

     

    ตลอดทั้งทางเดินช่างอึมครึมราวกับเมฆฟ้าคะนองพาคนเดินนำเสี้ยวสันหลังทุกอย่างก้าว แม้แต่จะกดชั้นลิฟต์เขายังกลั้นหายใจแทบตาย ทางสุดท้ายโมเบียสต้องเรียกให้เพื่อนร่วมงานคนสนิทนำตัวแอนเดรียไปสอบสวนเดี่ยว

     

    มีหวังไม่มีอันเสร็จแน่ถ้าคุยสองคนในเวลาเดียว

     

    เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจเธอล่ะจากคนผมนิล ปรากฏชายหนุ่มวัยอ่อนกว่าเธอสองสามปีในเรื่องแบบพนักงานต้อนรับที่คุ้นเคย “ขออนุญาติครับคุณโมเบียส ผมมารับตัวคนที่ให้ผมพาไปสอบสวนครับ”

     

    “อ่า เข้ามาสิเจสัน รบกวนเธอช่วยพาโรซิเออร์ไปแทนทีนะ—แล้วเราจะจับเข่าคุยกันอีกที” โมเบียสกล่าวกับเจสันประโยคแรกและกระซิบบอกประโยคหลังกับเธอ

     

    “เชิญนั่งเลยครับ” ชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนกว่าเธอเล็กน้อยกล่าวขณะจัดเอกสารให้เข้าที่

     

    “คุณดูอึดอัดกับปลอกคอนั้นนะครับ” 

     

    “ก็นิดหน่อยค่ะ” เสียงหวานตอบ นิ้วเรียวพยายามสอดช่องว่างให้ไม่อึดอัดเกินไป แต่ยิ่งเธอพยายามปลอกคอโลหะก็เริ่มบีบรัดจนเธอเริ่มหายใจลำบากยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

     

    มันรัดรอบคอบางแดงช้ำ หลอดลมเธอไม่มีอากาศไหลเวียนให้เข้าออก คาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าออกซิเจนเรื่อยๆ ราวกับเธอกำลังจะตายทั้งเป็นเพราะกำลังขาดอากาศหายใจตาย 

     

    ทว่าปลอกคอหนาก็คลายลงอย่างน่าแปลกพร้อมเสียงกดสัญญาณที่ทำให้เธอกอบโกยออกซิเจนได้เต็มปอด หญิงสาวสำลักน้ำหูน้ำตาไหลเสียดูไม่ได้ ใบหน้าสวยเงยมองคนกดรีโมทมองหน้าเรียบ

     

    “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ มีหลายคนที่โดนแบบคุณเกือบตายน้อยคน” บรรยกาศรอบเจสันนั้นแตกต่างจากที่ห้องก่อนลิบลับ เขาพูดสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา

     

    “น้อยคนหรอ?—แค่กๆ” เธอถามไม่เข้าใจ

     

    ชายเรือนผมโกโก้ควงปากกาเพลิดเพลิน แล้วพูดน้ำเสียงที่เธอรู้จักมันดี เป็นเสียงที่เธอค่อยพูดตอนสูญเสียครั้งใหญ่ในอดีต

     

    “ใช่ครับ..เพราะส่วนมากก็ตายหมด” เขายิ้มกล่าวปิดท้าย เป็นยิ้มที่แค่ยิ้มจริงๆ ดวงตาเขานั้นว่างเปล่าไม่มีอารมณ์เจือปน 

     

    คิ้วเรียวขมวดคิ้วมองไม่ไว้ใจ มือบางสองข้างจับเก้าอี้ที่ตนนั่งแน่นขึ้นหากเกิดเหตุการณ์อะไร ชายคู่สนทนามองสายตาขบขันกับการระแวงของเจ้าหล่อน

     

    “ระแวงอะไรกันขนาดนั้นครับคุณโรซิเออร์—เอ๊ะ ไม่สิหรือต้องเรียกว่า..” เจสันพูดเว้นห่างแล้วสบดวงตาคู่สวยของคนตรงหน้า 

     

    “..คุณคอลลินด์ผู้โด่งดังดีล่ะ?”

     

     

    TBC.

     

    #ยังไม่เเก้คำผิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×