ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Romantic Movement(YAOI)

    ลำดับตอนที่ #9 : จดหมายถึงเพื่อน (มันมากับความเพ้อและจิตตก จะข้ามไปก็ได้นะจ๊ะ เอามาลงไว้เฉยๆ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 652
      1
      23 เม.ย. 52

    จดหมายถึงเพื่อน 

     

     

                พวกแกคงจะงงที่เห็นจดหมายฉบับนี้  หลายคนคงจะคิด...

     

                    มันส่งมาทำแป๊ะอะไรวะ?

     

                    แต่....จงงงต่อไปเถอะ  เพราะไอ้คนส่งมันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้ลุกขึ้นมาพิมพ์อะไรเป็นวรรคเป็นเวรเหมือนกัน

     

              ยังจำตอนที่เราเข้าม.4 กันใหม่ๆ ได้ไหม?

     

                มันมีเรียนปรับพื้นฐานด้วยนะ จำได้หรือเปล่า?

     

                    วันนั้นมีหลายคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก

     

                    แต่....ก็มีบางคนเหมือนกันที่เจอหน้ากันก็แทบแทงกันดับเพราะมันรู้จักกันมาตั้งแต่ปางบรรพ์ (นานสุดก็ตั้งแต่อนุบาลที่มันเคยเห็นเพื่อนฉี่รดที่นอนนั่นล่ะ)

     

                    เวลาที่ตื่นเต้นที่สุด(สำหรับบางคน)คือเวลาที่จัดที่นั่ง(มั้ง)

     

                    คนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เก่าก่อนก็ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะเจอหน้ากันก็ถอนหายใจโล่งอก ในใจเริ่มมีความคิด

     

                    เออว่ะ  ไอ้นี่แหละที่กรูจะนั่งกับมัน

     

                    ส่วนบางคนที่เพิ่งมาใหม่ก็เริ่มผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ ในใจก็มีความคิด

     

                    เอาน่า  เดี๋ยวกรูคงหาเพื่อนนั่งได้สักคน

     

                    สุดท้าย....บางคู่ก็นั่งด้วยกันมาตลอด 3 ปี ตั้งแต่ม.4ยันม.6 อาจมีบางคู่ที่หย่าขาดกันตอนม.6 เพราะเริ่มเหม็นขี้หน้ากัน

     

                    แต่....ความรู้สึกของเราเองตอนม.4น่ะนะ เราตื่นเต้นตอนแนะนำตัวแฮะ

     

                    เอ้า!! ใครเป็นบ้างก็ขอให้ยกมือขึ้น!!

     

                    ด้วยความที่เราเป็นคนขี้อายหนังหน้าบางไง(บางคนที่ทนอ่านเรื่องไร้สาระมาจนถึงบรรทัดนี้เริ่มทำหน้าไม่เชื่อ+ประณาม ถ้าอย่างเอ็งบางอย่างพวกข้าคงใสแจ๋วหยั่งกะพลาสติกใส)

     

                    เราไม่เข้าใจเล๊ยยยยยย!!

     

                    ทำไมมันต้องแนะนำตัวทุกวิชาวะ!

     

                    เพื่อนๆ เขาน่าจะจำได้ตั้งแต่วิชาแรกแล้วล่ะน่า  หรือถ้าจำไม่ได้ก็ปล่อยไปเหอะ มันยังอยู่กันอีกนานอยู่ๆ กันไป(?) เดี๋ยวก็รู้จักกันเองนั่นล่ะ

     

                    ช่วงซัมเมอร์ที่ต้องปรับพื้นฐานจำได้ว่าก็สนุกดี  เบื่ออาจารย์บางคน(คนที่คุณก็รู้ว่าใคร)

     

                    ทึ่งในความสามารถของเพื่อนบางคนด้วย...พวกเอ็งจะเก่งเทพกันไปถึงหนายยยย?

     

                    เปิดเทอมม.4

     

                    ช่วงเทอมแรกคนที่สนิทกันมาก่อนก็สนิทกันดี

     

                    ไอ้ที่ไม่สนิทกันก็กระดากกระเดื่อง เอ...จะพูดอะไรกับเพื่อนใหม่ดีหว่า

     

                    อาจมีที่รู้สึกว่า....เฮ้ย!! คนนี้น่ารักดี  คนนี้น่ากลัว  คนนี้เงียบแฮะ

     

                    ช่วงเทอม 2

     

                    ห้องที่เคยถูกอาจารย์บ่นว่าพวกเธอมันพูดมาก! เปลี่ยนมาเป็นด่า พวกเธอนี่(โคตร)พูดมากเลย(ว่ะ)!!

     

                    เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน...ไม่ใช่ว่าคำนี้ฟังแล้วเท่ดีเลยเอามาใส่

     

                    แต่....มันเป็นเรื่องจริง....เพราะคนที่ไม่เคยรู้จักเปลี่ยนมาเป็นคนรู้จักและเริ่มพูดคุยจนกลายมาเป็นเพื่อน

     

                    เรื่องบางเรื่องผ่านเข้ามาในช่วงเกือบปีที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าแต่ละคนเป็นยังไงแล้วควรปรับตัวยังไงเพื่ออยู่ในสังคมร่วมกัน

     

                    เกือบลืมไป...มีเข้าค่ายที่วลัยลักษณ์ด้วยนี่เนอะ

     

                    ยังจำได้ไหม?

                   

                    ใครที่เป็นคนปั่นจักรยานให้เพื่อนซ้อน?

     

                    ใครเป็นคนที่อู้ซ้อนเพื่อนดะ?

     

                    ใครบ้างที่จับกลุ่มปั่นจักรยานไปเซเว่นทั้งๆ ที่มันก็ดึกแล้ว?

     

                    จำได้หรือเปล่า? 

     

     

     

                เปิดเทอมม.5

     

                    ปีนี้เสียงพูดคุยตอนคอยอาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่เซ็งแซ่ยิ่งกว่าปีที่แล้วที่คอยอาจารย์ที่ปรึกษาคนเก่า
     

                    และ...แน่นอน

     

                    ปีนี้ห้องเราก็ยังคงโดนอาจารย์(ส่วนมาก)บ่นเหมือนเดิม

     

                    ห้องเธอน่ะพูดมากชะมัด คำให้การจากอาจารย์A

     

                    ห้องเธอไม่ได้เรื่อง! พูดมาก  ไปดูห้องอื่นสิเขาตั้งใจเรียนกันขนาดไหน คำให้การของอาจารย์B(คุ้นๆ กันบ้างหรือเปล่า)

     

                    ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ตอนเย็นกลับบ้านไปคุยกับพ่อแม่  แล้วพรุ่งนี้ก็ย้ายไปเรียนสายศิลป์ซะนะ  เสียเวลาปีสองปียังดีกว่าทั้งชีวิต คำให้การจากอาจารย์C (จำได้ไหม? ใครเอ่ย? เรายังจำได้และยังหลอนอยู่)

     

              ปีนี้วิชาที่ทำให้พวกเราปวดหัวกันได้ทั้งสองเทอมคงไม่พ้น...วิชาโครงงานฯ...ใช่ไหม?

     

                    สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับวิชานี้ก็คือ...การหาว่าตัวเองจะทำโครงงานอะไรซึ่งต้องเสนอภายในเวลาเดดไลน์ที่อาจารย์กำหนด

     

                    ยังจำได้ไหม? ตอนนั้นส่งชื่อโครงงานไปกลุ่มละกี่ครั้ง

     

                    ไอ้เรื่องที่เราจำได้นะ คือเรื่องเวลาที่อาจารย์ให้ไปทำโครงงานนี่ล่ะ ให้ตั้งเกือบเทอมนึงแน่ะ

     

                    แต่....ไม่รู้ทำไมบางกลุ่ม(ส่วนใหญ่รวมถึงกลุ่มเรา)ถึงมักมาเร่งงานเอาก่อนวันส่งกันแทบเป็นแทบตาย(ส่วนไอ้เวลาที่แล้วๆ มาก็....)

     

                    ยิ่งถ้าวันส่งกับพรีเซนต์เป็นวันพรุ่งนี้นะวันนี้ช่วงเย็นย่ำหลังเลิกเรียนก็จะมีบางกลุ่ม(ส่วนมาก)มากองเขลงกันแปะบอร์ดโครงงานฯใต้ตึกอาคาร3  ใครใคร่ระบายสีระบาย ใครใคร่ตัดกระดาษตัด  ใครใคร่ทากาวทา  ใครใคร่แปะบอร์ดแปะ จะเป็นการร่วมงานที่เข้าขากันมากที่สุดที่เคยทำมาในช่วงปีครึ่ง  อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

                    ตอนเช้าของช่วงนั้นสภาพแต่ละคนก็ไม่ต้องพูดถึง....

     

                    ผีดิบโดนแสงแท้ๆ !! ไม่ชุบไม่ลอก!

     

                    ใต้ตาจะดำคล้ำเหมือนเพิ่งไปรับกะทำงานแทนช่วงๆ กับหลินฮุ่ย

     

                    นัยน์ตาจะเริ่มแดงด้วยเส้นเลือดเพราะอดนอน

     

                    มีสัปหงกในห้องเรียนบ้างพอเป็นกระษัย

     

              แล้วไอ้ตอนพรีเซนต์มันก็ไม่ได้หมูเลยสักนิด  ถึงแม้อาจารย์ที่ตรวจโครงงานจะมีแค่คนเดียวก็จริง  แต่คำถามแต่ละคำถามที่อาจารย์ยิงตรงไม่มีไซด์ก็เล่นเอาสะอึก

     

                    วิชานี้จึงเรียกได้อีกอย่างว่าวิชาตีฝีปากและฝึกการแหลขั้นเทพ!

     

                เทอม2 ก็ยังเข้าอีหรอบเดิม!!

     

                    ยังคงมาเร่งงานกันในโค้งสุดท้ายเช่นเดิม!

     

                    ช่วงนี้บางกลุ่มมันก็เริ่มตรัสรู้ เหมือนที่อาจารย์บางคนชอบพูดแล้วพวกมันเอามาล้อเลียน ฉันตรัสรู้แล้วย่ะ!’

     

                    บอร์ดโครงงานไม่จำเป็นต้องสวยเริ่ดเลิศเลอ ขอเพียงแค่ให้มันดูได้และเนื้อหามันครบก็พอไม่ต้องวอรี่เรื่องของประดับตกแต่งนักหรือถ้าเล่นให้ง่ายหน่อยก็ไปซื้อพวกดอกไม้สำเร็จรูปมันมาซะเลย(อันนี้กลุ่มเราเคยคิดสั้นจะใช้ แต่ก็ต้องพับขายเลหลังดอกไม้พวกนั้นให้กลุ่มอื่นซะเฉยๆ )

     

                    การจะได้เกรดสี่หรือสามหรือสองก็ยังคงอยู่ที่การพูดเช่นเคย

     

                    กลุ่มไหนถ้าไม่ได้ดูเนื้อหามาเลยออกมาอ่านตามบอร์ดเป๊ะ บอกได้คำเดียว...ซวย!

     

                    ถ้ากลุ่มไหนพูดจนลิงหลับแต่ดันมาน็อคเอาท์เอาตอนอาจารย์ถามอันนี้ก็ซวยเหมือนกัน

     

                    แต่....ทุกคนก็ผ่านมันมา

     

                    เออใช่! เกือบลืมไป  ปีนี้มีแสดงละครห้องด้วยนี่หว่า...

     

                    มันเป็นอะไรที่สุดยอดจอร์จโคตรเลยล่ะซาราห์

     

                    กว่ามันจะสำเร็จออกมาได้แทบกระอัก!!

     

                    แต่...มันก็สนุกมากๆ และดีใจ(โคตร)มากเลยนะ

     

                    การที่ได้เห็นเพื่อนๆ มาทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพน่ะ

     

                    ขอบใจนะทุกคน (ยกมือขึ้นปาดน้ำตาเล็กน้อยพอประมาณ(?))

     

     

     

              เข้าสู่ม.6 ปีสุดท้ายของมัธยมปลาย

     

                สิ่งแรกที่แต่ละคนเริ่มเครียดหลังจากเปิดเทอมคือ...วิชาฟิสิกส์(ชีวะอยู่ในฐานที่รู้กัน)

     

                    อาจารย์มีความรู้....ใช่!

     

                    แต่...พวกกรูเรียนแล้วทำไมไม่เข้าใจวะ?

     

                    ว่าตอนม.5 มันก็ผ่านกันมาแบบกระเสือกกระสนแล้วนะแต่ม.6มันแถกเหงือกยิ่งกว่า!

     

                    โครงงานฟิสิกส์เป็นอะไรที่...อือม์ บรรยายไม่ถูกแฮะ

     

                    เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจ...

     

                    อาจารย์ก็คงเหนื่อยใจกับพวกเรา(พอๆ กับที่พวกเราเหนื่อยใจว่าเรียนฟิสิกส์ไม่รู้เรื่องเลยซักกะตัวจนต้องมาอ่านเองล่ะมั้ง)

     

                    จำได้ไหม? อาจารย์เลื่อนเวลาส่งโครงงานหรือปึกชีทให้พวกเราบ้างหรือเปล่า?

     

              วิชาที่ทำให้จิตตกคือลีลาศ 

     

                    แม่เจ้า!! อาจารย์โคตรดุ!

     

                    ชะชะช่า  คิวบัน เป็นอะไรที่.....

     

                    ช่วงนี้เริ่มมีบ้างบางคนที่เริ่มหยิบตำราขึ้นมาอ่านเพื่ออนาคตมากขึ้น(แต่ก็มีบางคนที่เริ่มอ่านตั้งแต่ม.4 ม.5 นับถือไอ้พวกนี้จริงๆ ว่ะ) ส่วนเพื่อนบางคนน่ะเหรอ ยังคงเล่น อ่านการ์ตูนกันอย่างสบายอารมณ์ไม่เคยกังวลอะไรเล๊ยย!

     

                    เออ...แล้วยังมีงานกีฬาสีอีกอย่างนี่เนอะ

     

                    งานกีฬาสีอาจทำให้เพื่อนบางคนต้องหงุดหงิด

     

                    อาจทำให้เพื่อนบางคนต้องเสียน้ำตา

     

                    อาจทำให้เพื่อนบางคนต้องเสียใจ

     

                    อาจทำให้เพื่อนบางคนต้องทะเลาะกัน

     

                    แต่....มันก็คุ้มค่าใช่ไหม?

     

                    ฝ่ายศิลป์.....ที่ได้เห็นแสตนด์ขึ้นติดตั้งบนอัฒจันทร์มีกังหันหมุนฟิ้วววว! ข้าวสะท้อนแสงเหลืองอร่าม ควายกับชาวนานูนโดดเด่น  และเครื่องบินเปเปอร์มาเช่

     

              ฝ่ายสต๊าฟเชียร์...ที่ได้เห็นน้องๆ กองเชียร์ทำท่าได้ถูกต้องตามที่ซ้อม ร้องเพลงเสียงก้องไม่อายใคร

     

                    ฝ่ายนักกีฬา...ที่ได้เหรียญกับถ้วยกลับมาปลอบใจ

     

              ฝ่ายขบวนพาเหรด...ที่ชาวบ้านตื่นตะลึง(?)ชื่นชม

     

                    แต่ไอ้ตอนเช็คชื่อก่อนประกวดนี่มันไม่ค่อยปลื้มแฮะ...คุณน้องบางคนเอ็งมาโดดวันจริงทำบิดาคุณน้องเหรอฟร้าาาาา....

     

     

                    เทอม 2 ที่โคตรเครียด(หรือเปล่า?)

     

                    เอาล่ะ  เทอมนี้มันมาแล้ว

     

                    การสอบตรงของที่ต่างๆ (ส่วนมาก)เพราะบางที่อาจเปิดให้สอบตั้งแต่เทอมแรก

     

                    การยื่นโควตาสู่คณะที่ต้องการ

     

                    ช่วงนี้เพื่อนบางคนเครียดมากจนถึงมากที่สุด

     

                    ส่วนเพื่อนบางคนมันก็ลั้นลามากจนถึงมากที่สุด

     

                    สิ่งที่ได้เห็นบ่อยที่สุดคือการอ่านหนังสือและการจับกลุ่มติวหนังสือ

     

              ลีลาศยังคงสร้างความจิตตกได้อย่างต่อเนื่องด้วย...แซมบ้า และไจฟ์

     

                    ไจฟ์เป็นอะไรที่เมื่อยโคตร!!

     

                    เทอมนี้วิชาที่โคตรหฤโหด(มาแทนที่ฟิสิกส์สุดที่รัก)คือสังคม!

     

                    แม่เจ้า!! มันช่างยอดจอร์จซาราห์เจนจริงๆ

     

                    แค่งานแรกคือเขียนบทความก็เล่นสูบเอาHPของบางคนไปซะเกลี้ยง (รวมถึงเราด้วย)

     

                    เมื่อมีการเปิดส่งรอบสองแต่ละคนก็เขียนส่งเต็มที่....

     

                    แล้วก็มีรอบสาม....

     

                    รอบสี่.....

     

                    แต่ไอ้รอบหลังๆ นี่คนที่ไม่ผ่านมักหามือปืนมาเขียนแทนบ้าง(ในบางคน)

     

                    ผลสอบตรงแต่ละที่ออกมาแล้ว...บางคนสมหวัง  บางคนผิดหวัง

     

                    พวกสมหวังบางคนสละสิทธิ์คอยแอดฯ

     

                    ในเทอมนี้วิชานาฏศิลป์ก็เป็นอะไรที่สุโก้ย!! จนอยากโกยโคตร

     

                    จับกลุ่มเต้น!!!

     

                    แม่เจ้า!! แค่คิดก็อาย!!

     

                    แต่...ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี  ตอนนั้นเรารู้สึกว่าหน้าเรามันเริ่มเสริมใยเหล็กขึ้นยังไงก็ไม่รู้สิ    

     

                    สิ่งที่ฮิตในช่วงนี้คงไม่พ้นเฟรนด์ชิพที่แต่ละคนมักบังคับ(ข่มขู่)เพื่อนให้เขียนของตน

     

                    ไซส์มีตั้งแต่ขนาดกระจิ๋วจนถึงไซส์พี่เบิ้ม

     

                    ซึ่งไม่ว่าจะไซส์ไหนก็โดนบ่นทั้งหมดนั่นแหละ แต่ถ้าถามว่าบ่นแล้วเขียนครบไหม  คำตอบคือ....ไม่!!!

     

                    ไปดูเอาเถอะบางหน้าว่างเปล่า  บางหน้าเขียนมาจิ๊ดเดียว(แต่ก็ยังดีที่เขียน)

     

                    ถ้าเจอหน้าพวกแกสิ่งแรกที่เราจะพูดคือ....เขียนเฟรนด์ชิพให้หน่อย!!!! คอยดูสิ

     

     

     

     

                    วันอำลา

     

                    เออว่ะ  ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

     

                    ท้องฟ้าในวันนี้มันดูแจ่มใสดีนะแต่เราไม่ยักกะแจ่มใสไปกับมัน

     

                    เพื่อนๆ เริ่มผูกข้อมือและแลกของกัน

     

                    หากเป็นพวงกุญแจก็นิยมห้อยไว้กับรังดุมเม็ดบนสุด ถ้าเป็นเข็มกลัดหรือไม้หนีบก็นิยมหนีบบนปกเสื้อ

     

                    สภาพแต่ละคนไม่ต่างอะไรกับศาลเจ้าหรือแผงลอยเคลื่อนที่

     

                    ถึงมันจะดูแปลกหรือหนัก  แต่...ทุกคนก็ยังยิ้มแย้ม

     

                    เรา....ร้องเพลงชาติด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย

     

                    เรา...เข้าแถวด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย

     

                    เรา....ร้องเพลงโรงเรียนด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย

     

                    เรา...สวดมนต์ด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย

     

                    เรา...เดินเข้าหอประชุมด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย

     

                    หลังจากฟังพระเทศน์จบพวกเราก็เริ่มกระจัดกระจายเดินเข้าไปคุยกันเอง

     

                    บางคนที่เคยคิดว่าโกรธกันก็คุยกัน  เคลียร์กัน

     

                    บางคนหัวเราะ

     

                    บางคนร้องไห้จนเพื่อนร้องไห้ตาม

     

                    บรรยากาศดูไม่จืดโคตร....

     

              

     

     

                    เย็นเราแยกย้ายกันกลับ

     

                    แต่..เราก็ยังแน่ใจในวันนั้น...

     

                    เฮ้ย!! วันรับปพ.ค่อยเจอกัน

     

                    ใช่...แต่หลังจากนั้นล่ะ  เมื่อไหร่?

                   

                    Sometimes you’ll laugh.

              Sometimes you’ll cry.

              Life never tell us the when’s or why’s.

              When you got friends to wish you well.

              You’ll find a point when you welle exhale.

     

     

                   

                    วันนี้นั่งรถผ่านโรงเรียน...

     

                    ความรู้สึกมันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้แฮะ

     

                    แค่....คิดว่า...

     

                    เออว่ะ  เราจบแล้วเว้ย!!

     

                    เปิดเทอมหน้าเราไม่ต้องกลับมาเรียนที่นี่แล้วว่ะ

     

                    ที่นี่มันกำลังจะเป็นอดีตที่เหลือไว้ให้นึกย้อน

     

                    จะไม่ได้เจอหน้าเพื่อนๆ ที่เคยทะเลาะ  เคยหมั่นไส้ เคยหัวเราะ เคยยิ้ม เคยสุมหัวนินทา  เคยรุมด่าอาจารย์(ลับหลัง) มันก็รู้สึกโหวงแปลกๆ

     

                    เพียงคิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าแล้วถามกันและกันว่า....

     

                    เฮ้ย!! สูงขึ้นหรือเปล่า?

     

                    ผอมขึ้น(?)ไหม?

     

                    ผมนั่นไปยืดร้านไหนมาน่ะ?

     

                    ยังชอบส่องกระจกสามเวลาหลังอาหารอีกหรือเปล่า?

     

                    ฟอร์มาลีน(น้ำหอม)เปลี่ยนขวดใหม่หรือยัง?

     

                    น้ำเสาวรสยังขายอยู่อีกไหมหรือเลิกกิจการตามน้ำสำรองไปเสียแล้ว? (แอบพาดพิง  กร๊ากกก >[]< )

     

                    ย้ายคณะ(ตลก)หรือยัง?

     

                    โกนหนวดแล้วเหรอ?

     

                    ก๋วยเตี๋ยวเรือกับตามสั่งร้านตรงข้ามจะปิดร้านเลี้ยงเพื่อนๆ ฟรีใช่ไหม? (ถามเผื่อฟลุ๊ค)

     

                    กล้อง(ถ่ายรูป)ลูกรักเธอยังอยู่ดีมีสุขหรือเปล่า?

     

                    ปากเธอยังคงห้อยอยู่อีกเหรอ?

     

                    คิ้วตัวยังหนาปกติใช่ป่ะ?

     

                    หูที่กางๆ น่ะหุบหน่อยได้ไหม?

     

                    มันก็เหงาเหมือนกันนะ   เวลาที่คิดว่า

     

                    เออ...ถ้าเราเจอกันอีกครั้งนะ  ไม่แน่....ตอนนั้นเราคงมีคำถามเพียง.....

     

                เป็นยังไงกันบ้าง?

     

                    สบายดีไหม?

     

              ยิ้ม......แล้วเดินผ่าน.....

     

                    เป็นเพียงคนรู้จักที่เคยผ่านช่วงเวลาดีๆ มาด้วยกันและผ่านไปสู่ช่วงเวลาอื่น

     

              มันก็เหงาเหมือนกันนะ   เวลาที่คิดว่า

     

                    ต่อไป....จะมีใคร.....

     

                    ชวนคุยในคาบเรียนเมื่ออาจารย์สอนต่อหน้าอาจารย์อย่างไม่เกรงกลัว

     

                    ส่งขนมใต้โต๊ะเมื่ออาจารย์หันหลังเขียนกระดาน

     

                    เขียนคำตอบบนกระดานเป็นรหัสลับตอนสอบสังคม(ซึ่งอาจารย์มิมีสงสัยเลยสักนิด)

     

                    ลอกการบ้านเราและให้เราลอก

     

                    ลอกข้อสอบเราและให้เราลอก

     

                    แอบสลับกระดาษทดที่เขียนคำตอบเวลาสอบเลข

     

                    (ยิ่งพิมพ์ไปพิมพ์มาเหตุผลยิ่งออกอ่าว = =^)

     

                    จดหมายฉบับนี้ขอจบแค่นี้ก่อนเน่อ...(มันเป็นฉบับที่ยาวที่สุดในชีวิตที่เคยเขียนมา)

                    ถ้าคิดจดหมายฉิบฉ่อยฉบับใหม่ออกมาได้เมื่อไหร่จะส่งมารบกวนพวกแกอีก( ยังคิดจะส่งมาอีกเหรอ คล้ายได้ยินใครแถวๆ นี้พึมพำแฮะ)

                     

     

     

                                                                                                                                    เพื่อนของพวกแกเสมอ

     

                                                                                                                                   เดาเอาเองละกันว่าใคร

     

    ป.ล.ขอกวนตรีนจนวินาทีสุดท้าย!! กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก XD

    ป.ล.2 ถ้าจำช่วงไหนที่ยังไม่มีในนี้ได้  ก็ส่งมาทบทวนความจำหน่อยเน่อเพราะเราเป็นคนความจำสั้น(แต่รักฉันยาว! = =^  เกี่ยว?)

    ป.ล.3 ไม่ว่าใครที่อ่านจดหมายฉบับนี้  โอม....จงส่งกลับมาบ้าง!!

    ป.ล.4 อยากเจอพวกแกอีกครั้งจัง!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×