ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Romantic Movement(YAOI)

    ลำดับตอนที่ #34 : Please don’t flirt!1 (อย่ามาอ่อย!) EP1: เพราะหมากฝรั่ง (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 524
      1
      16 มี.ค. 58

    Romantic another side (Valentine + White day events)

    Title: please don’t flirt! 1 (อย่ามาอ่อย!)

    Sub-title: เพราะหมากฝรั่ง

    Pairing:มิญช์ x นามคุณ (Song Minho x Nam Taehyun)

    Rating: เบบี๋ๆ ไม่ใช่ ฉ-20 นะแจ๊ะ  อ่านได้เลยน้า ไม่ต้องแสดงบัตรก่อนเข้าชม 55555แต่ภาษาค่อนข้างหยาบคายควรมีจักรยานในการเสพย์นะคะ

    A/N: คาแรคเตอร์ของตัวละครพระนายมาจากเด็กๆ วงวินเนอร์(Winner) (หมูดรรม)ซงมินโฮกับ(น้องแมว)นัมแทฮยอนค่ะ (#นัมซงไม่ต้องชงก็เรียล ยืมมาจากท่านหนึ่งในทวิต) ได้แรงบันดาลใจมาจากdon’t flirtของWinnerนะคะ แต่ไปๆมาๆออกอ่าวไปเรื่อยๆ เพราะมันไม่มีพล๊อต ไปตามอารมณืเรื่อยๆ เลยค่ะ  คู่นี้แลดูมาสายค่อนข้างสดใสสำหรับสตางค์ ถ้าคู่พี่ทาบิน้องจีเบบี้กู๊ดไนท์นั่นสายดาร์คค่ะ ฮาเรื่องเก่าจะพยายามมาต่อค่ะ ช่วงนี้อ.ที่ปรึกจิกละเกิน แทบจะคุกเข่าคุยกับท่านแล้วค่ะ 5555

    I wanna give this story to you, babe. <3 Please enjoy!






    Pic. Credit :NEVERTHINKS, HOT PLACE ตามรูปเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆ สร้างเสริมจินตนาการนะคะ ถถถถ

     

    *โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่มีอยู่จริง หากมีบางส่วนพาดพิงถึงผู้ใดก็ต้องขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วย

     

     

     

    Intro…

    แย่....

    แย่...มาก...

                    ชอบผู้ชายด้วยกันว่าแย่

                    ตกหลุมผู้ชายเจ้าชู้เรี่ยราดนี่ถือว่าแย่ยิ่งกว่า

                    มีคนในสต็อคเยอะขนาดนั้น ยังมีหน้ามาอ่อยกันอยู่ได้

                    รู้...ว่ายิ้มสวยแต่ไปยิ้มไกลๆ หน่อยได้ไหม?

                    เพราะ...ที่แย่ที่สุด...จาก ชอบมันดันกลายเป็น รักแล้วนี่สิ!

    *************************PLEASEDONTFLIRT*********************************

    EP1: เพราะหมากฝรั่ง

                   

    12 กุมภาพันธ์ 2012

                   

    แหมะ...

    แหมะ...

    ....วืด...แหมะ...

     

                    เสียงน้ำหนืดหยดกระทบพื้นคอนกรีตเป็นจังหวะ

     

                    ดวงตาคู่โตจ้องสบกับนัยน์ตาคู่เรียวไม่แม้แต่จะกะพริบก่อนเจ้าของหน่วยตารีจะกลอกตาขึ้นฟ้าคล้ายยอมแพ้

     

                    นามคุณถอนหายใจหน่าย“กูซื้อมาสี่ไม้มึงแดกไปสามไม้แล้วนะลีโอ  มึงใจร้ายมากอ่ะลูกสุดท้ายมึงก็ยังแดกอีก”  มือขาวรูดลูกชิ้นลูกสุดท้ายออกจากปลายไม้ให้มันร่วงลงในปากของเจ้าสี่ขาขนสีกระดำกระด่าง

     

    “แดกเยอะขนาดนี้มึงต้องรับผิดชอบกูนะ มึงต้องนั่งเป็นเพื่อนกูนะ กูกลัวผีมากมึงรู้ใช่ป่าววะ?”เสียงนุ่มหวานงึมงัมกับมาสคอตประจำคณะที่นั่งส่ายหางพั่บพั่บจนกวาดใบไม้แห้งกระจัดกระจายมันครางงืดคล้ายเป็นการรับคำ แต่เมื่อนั่งจนแน่ใจว่าเด็กหนุ่มไม่มีของที่มันต้องการอีกมันก็วิ่งแน่บไปหาเป้าหมายใหม่ทันที

     

    ปากอิ่มบิดเบ้ก่อนสบถ “ไอ้หมาทรพี คราวหน้ากูจะกินเย้ยแม่ง”

     

     ร่างสูงเพรียวบิดขี้เกียจ ยืดเรียวขาภายใต้กางเกงยีนส์ซีดไปตามขั้นบันไดแข็ง  พิงศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมนิ่มน้ำตาลเข้มไปกับกำแพงอาคารเย็นเฉียบ ปลายผมละเอียดที่เคลียแถวท้ายทอยทำให้คิ้วได้รูปขมวดมุ่นจนปลายคิ้วที่ตกเป็นปกติอยู่แล้วยิ่งตกลู่

     

                    ท้องฟ้าสีส้มอมม่วงถูกย้อมฉาบด้วยเฉดสีครามช้าๆ แสงดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลดลงคล้ายหลอดไฟถูกหรี่แสงแทนที่ด้วยไฟประดิษฐ์ถูกเปิดขึ้นจนความสว่างเกิดขึ้นเป็นหย่อมๆ

     

                    ตอนนี้เขาหิว หิวมาก หิวแบบจับลีโอไปย่างกินได้ทั้งตัว ถ้าไม่ติดที่ว่ามันมีกลิ่นมากเกินกว่าที่จะดับได้ด้วยรากผักชี กระวาน กานพลู หรืออะไรประมาณนั้น

     

                    แถมง่วง ง่วงมาก ง่วงบรม เพิ่งเผางานส่งอาจารย์เสร็จเมื่อเช้ากลับห้องไปอาบน้ำ มาส่งเมื่อบ่ายกะจะกลับไปนอนแบบลืมตายตอนเย็น แต่ผิดแผนเมื่อพี่รหัสโทรมาขอช่วย

     

                    ไหนพี่จิบอกว่าจะมาตั้งแต่หกโมง.....

     

    นี่มันจะทุ่มนึงแล้ว

     

    คุณหลอกดาว! ดาวเสียใจ

     

    ร่างโปร่งถอนหายใจยาว อดคิดไม่ได้ วันนี้เขาถอนหายใจไปกี่รอบแล้ววะ?

     

    บรรยากาศสลัววังเวงอย่างนี้มันช่างเหมือน...

     

    ...เหมือนตอนนั้น...

     

    อาคารเรียนที่เคยมีนักเรียนพลุกพล่านในเวลากลางวันกลับเงียบสนิทในช่วงอนธกาล เด็กหนุ่มตัวขาวราวกับจะเรืองแสงได้สาวเท้าไปบนทางเดินที่ปูด้วยอิฐตัวหนอนสีนวล แสงไฟสลัวหน้าตึกส่องให้เห็นเงาตะคุ่มสูงต่ำราวเงาภูติพรายของพุ่มไม้และต้นไม้ในสวนของโรงเรียน

     

    นามคุณถอนหายใจยาวหน้าประตูกระจกบานใหญ่ คิ้วเรียวยิ่งตกลู่ เมื่ออาคารหลังที่เขาต้องเข้าไปมีเพียงแสงไฟตามระเบียงทางเดินส่องลอดออกมาห้องเรียนแต่ละห้องล้วนปกคลุมอยู่ในความมืด

     

    ยอมรับอย่างจริงใจ...เขากลัวผี กลัวมาก กลัวในขั้นที่จะเรียกว่าขี้ขลาดเลยก็ว่าได้

     

    ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง มือเรียวยกขึ้นมาถูเข้าด้วยกันเร็วๆ เรียกความร้อนให้กับมือเย็นเฉียบและความกล้าให้กับหัวใจที่ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

     

    ทำไมไอ้ยุ่นต้องออกไปบ้านญาตินอกเมืองวันนี้?

     

    ทำไมเขาต้องมาลืมหนังสือวิชาประวัติศาสตร์วันนี้?

     

    แล้ว...ทำไมวันพรุ่งนี้ต้องมีสอบวิชาเฮงซวยนี่ตั้งแต่คาบแรก?

     

    ถ้า...นามคุณจะเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะแยะไม่ได้มีเพื่อนแค่คนเดียว

     

    ถ้า...เขาจะเป็นคนที่ไม่มีใครคอยจ้องจับผิดว่าโง่ ใช้เส้นในการเข้าเรียนมากขนาดนี้

     

    เขาก็คงโทรหาใครซักคนที่เรียนห้องเดียวกันเพื่อขอซีรอกซ์หรือถ่ายรูปหน้าหนังสือที่จำเป็นสำหรับพรุ่งนี้

     

    ถ้า...เขาจะฉลาดหรือเนิร์ดและโคตรชอบวิชาประวัติศาสตร์

     

    เขาก็คงไม่ต้องใช้หนังสือบ้าบอเล่มนั้น

     

    และ...ถ้าเขาจะรู้สึกตัวให้มันเร็วกว่าห้าทุ่มว่าลืมไอ้หนังสือสับปะรังเคนั่นไว้ในลอกเกอร์เก็บของ!

     

    เขาก็คงไม่ต้องปีนรั้วเข้ามาในโรงเรียนแถมยังต้องเข้าไปในอาคารเรียนน่าสยองนี่ตอนนี้หรอก!

     

    เสียงบานกระจกที่กระแทกปิดกะทันหันทำให้เขาสะดุ้งแทบจะร้องหาแม่

     

    อันที่จริง...เขาคิดว่าหลุดร้องออกไปแล้ว...นิดหน่อย...

     

    และอาจจะมากกว่านั้นถ้าไม่มีบางสิ่งปิดทั้งปากทั้งจมูก!

     

    บางสิ่ง...มือใหญ่เย็นเฉียบ...มันเย็นมากจนอดคิดไม่ได้ว่านั่นไม่ใช่มือของมนุษย์!

     

    “จะแหกปากเรียกยามหรือไง?” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยอย่างประหลาดกระซิบดุ

     

    เจ้าของมือผ่อนออกเล็กน้อยคล้ายกลัวเด็กหนุ่มในอ้อมกอดจะขาดอากาศหายใจ “ถ้าฉันปล่อยต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำเรี่องงี่เง่า”

     

    นามคุณพยักหน้าเร็ว นาทีนี้เขายินดีต้อนรับสิ่งมีชีวิตที่หายใจเผาผลาญออกซิเจนทุกชนิด ขอแค่ยังมีลมหายใจ...

     

    แต่...บางทีเขาอาจจะคิดผิดต้องอยู่กับคนน่าโมโห อยู่คนเดียวยังดีเสียกว่า!

     

    เจ้าของแขนแข็งแรงเพียงแค่ละมือที่ตะปบลงบนหน้าขาวๆ ออกเท่านั้น แต่แขนที่สอดรัดที่บั้นเอวคอดยังคงเดิม มันแน่นเสียจนร่างที่เล็กกว่ารู้สึกได้ถึงไออุ่นจากแผงอกแกร่งของคนเบื้องหลัง

     

    “มาทำอะไรที่นี่?” คนแปลกหน้าเบื้องหลังถาม

     

    “นายเป็นใคร?” แต่เสียงแหบหวานของคนถูกกอดกลับถามกลับ

     

    “หือม์...อยากรู้จักฉัน?” กระแสเสียงกระเซ้าเรียวนิ้วเย็นลากระแก้มใสหยอกเย้า

     

    “ใช่...ฉันอยากรู้จักนาย...” อาศัยจังหวะที่คนเบื้องหลังเผลอร่างเพรียวกลับตัวไปเผชิญหน้า แม้จะไม่หลุดจากอ้อมแขนแต่ใบหน้าของนามคุณก็เผชิญเข้ากับซอกคอของคนน่าหงุดหงิด และแค่เงยหน้าเพียงนิดก็คงจะมองเห็นใบหน้าของคนแปลกหน้าได้โดยง่าย

     

    กลิ่นเวอซาเช่พัวร์ออมม์*หอมเย้ายวนกรุ่นกระอายดิบด้วยเมนทอลเข้มข้นของบุหรี่อวลกระอายอยู่รอบตัว เร้าให้อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก

     

    จากกลิ่น...มันทำให้รู้สึกว่าคนคนนี้ฮอทชะมัด!

     

    ริมฝีปากสีสดบิดเบ้อย่างหมั่นไส้

     

    หรือเขาจะเปลี่ยนจากกลิ่นนุ่มนวลชวนฝันของครี้ดซิลเวอร์เมาน์เทนวอร์เตอร์*มาเป็นกลิ่นนี้ดี?

     

    นัยน์ตาเรียวได้รูปช้อนขึ้นมองเจ้าของกลิ่นกายน่าหลงใหล สบเข้ากับนัยน์ตาสีนิลวะวับของเจ้าของอ้อมแขน นามคุณชะงักค้าง ร่างแทบจะแข็งเป็นรูปปั้นหิน

     

    บ้า...ไปแล้ว!.... คุณดำ!!

     

    อุ้งมือเย็นประคองพวงแก้มขาวนุ่มนิ่มไว้ในมือ ดวงหน้าสีแทนก้มต่ำลงไปหาคนที่เตี้ยกว่า จนปลายจมูกแทบชิดเสียดสี รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ริมฝีปากบางสีซีดขยับยกยิ้มมุมปาก

     

    “มิญช์... ยินดีที่ได้รู้จัก หนูน้อยแก้มแดง...”

     

    “นาม!!!

     

    ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก แทบจะหลุดสบถออกมาเป็นชื่อสัตว์เลื้อยคลานตระกูลคุ้นเคย นัยน์ตาเรียวที่ดูเหวี่ยงวีนแม้จะอยู่เฉยๆ ถลึงมองคนเอ่ยทัก

     

    “อย่ามาด่ากูครับ  กูโบกมือเรียกมึงตั้งแต่เสาไฟต้นแรกหน้าตึกแล้วเหอะ  มึงมานั่งรอไรวะ?”

                   

    “รอพี่จิคืนนี้แกจะให้ช่วยตัดโม*  แล้วมึงมาไมวะยุ่น?”

                   

    “มาช่วยพี่รหัสกูดิวะ  น่าจะงานเดียวกับพี่มึงอ่ะ น้องรหัสมึงมาเปล่า?”

                   

    “ไม่อ่ะมันยังไม่กลับจากเมกาแต่ลุงน่าจะมา  แล้วมึงหิ้วไรมาเยอะแยะ?” ถามเพื่อนที่อยู่ในชุดลำลองสบายตัวน่าอิจฉา

                   

    “ของกิน  พี่เขาโทรไปสั่งพร้อมจิกกูออกมาเนี่ย” เจ้าของนามยุ่นเบะปากย้วยๆ ของตัวเองพลางยกถุงในมือขึ้นให้เพื่อนเห็น “กูซื้อมาเผื่อกินเองด้วย คืนนี้อาจยาวมั้งได้ข่าวว่าเผาวิชาคอน*

                   

    “ดีเลย แบ่งกูบ้างดิวะ  นี่รอพี่จิจนไส้ครากแล้ว”

                   

    “เออ เอาอะไรก็เลือกไปดิ” ว่าแล้วก็ส่งถุงไปให้เพื่อนค้นอย่างง่ายดายจนคนเอ่ยขอถึงกับสงสัย

                   

    “ทำไมมึงให้ง่ายจังวะ?”ต่อให้ประหลาดใจแต่มือเรียวกลับคุ้ยหาขนมไม่มีสะดุด

                   

    “กูหล่อและรวยมาก” นั่นคือคำตอบ

                   

    เล่นเอาต้องส่งถุงขนมกลับทั้งๆ ที่ขนมยังไม่น่าจะพอยาไส้

     

    “สัตว์” และนี่คือคำขอบคุณ

                   

    มันหัวเราะก่อนโบกมือเป็นเชิงลาก่อนหายลับเข้าไปในตัวตึก

                   

    บางทีเขาก็ทึ่งในตัวไอ้ยุ่นนะ

                   

    ถุงเป็นร้านสะดวกซื้อเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่มาม่าช้างน้อยรสข้าวโพด*กับขนมมาร์วิน*นี่มึงซื้อมาจากที่ไหนวะ

                   

    ไม่รอช้าให้ท้องไส้เรียกร้องไปมากกว่านี้ กรอกมาม่าห่อเล็กเข้าปากอย่างชิคๆ ประหนึ่งนายแบบน้ำดื่มยี่ห้อดัง

                   

    “นาม”

                   

    อึ่ก! ทำไมใครๆ ก็ชอบมาเงียบๆ ไม่เข้าใจ!

     

    มาม่าแทบพุ่งออกจากจมูก!

     

    ถ้าเสียลุคใครจะรับผิดชอบ ตอบ!

                   

    “เฮ้ย! เป็นอะไร?”

                   

    “เปล่าครับพี่” แค่มาม่าเกือบติดคอเอง

                   

    “ขอโทษน้าที่มาช้าพอดีร้านประจำชานอ้อยหมดอ่ะเลยต้องอ้อมไปซื้ออีกร้าน”

                   

    “ไม่เป็นไรฮะ ผมมารอแค่แป๊บเดียว”

                   

    ใครเห็นหน้าแบ๊วๆ ของพี่แกแล้วโกรธลงนี่ให้ตบอ่ะ บอกเลย

                   

    จิรรรร์เป็นผู้ชายรูปร่างสันทัดน่าทะนุถนอม วงหน้าขาวเรียวประกอบไปด้วยริมฝีปากบางรูปกระจับ จมูกเป็นสันสวย ดวงตาคู่โตบริสุทธิ์ราวนัยน์ตากวาง อีกทั้งยังรวมถึงนิสัยใจดียิ้มง่ายนั่นอีก ยิ่งทำให้นามคุณเป็นที่อิจฉาของเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มีจิรรรร์เป็นพี่รหัส

                   

    “ไปสตูกันเถอะเนอะ เดี๋ยวพี่วานนามตัดชานอ้อยให้หน่อยสิ ครั้งที่แล้วนามตัดได้เนี้ยบมากอ่ะ”

                   

    ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นก่อนใช้มือข้างหนึ่งปัดปัดฝุ่นออกจากกางเกงพอเป็นพิธี ส่วนอีกข้างรวบถุงมาม่าเจ้ากรรมที่ยังกินไม่หมดไว้ “อ้าว พี่จะใช้ชานอ้อยเหรอ ผมนึกว่าจะใช้กระดาษอาร์ตซะอีก ว่าแต่ไหนของฮะเดี๋ยวผมช่วยถือ”

                   

    “ไม่ต้องหรอก พี่มีเด็กถือของแล้ว นู่น...” แล้วเจ้าตัวก็บุ้ยใบ้ไปทางข้างหลังให้เห็นผู้ชายรูปร่างสูงที่กำลังค้อมตัวลงไปภายในไฮเปอร์คาร์*สีขาวมุก แผ่นหลังกว้างได้รูปซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อยืดเนื้อดีสีขาวสะอาด กางเกงยีนส์สีเข้มห่อหุ้มท่อนขาเพรียวและสะโพกสอบ แค่ดูด้านหลังก็รู้ว่าต้องเป็นผู้ชายที่ดูดีจนน่าหมั่นไส้ผู้ชายที่รวมความน่าอิจฉาต่างๆ ไว้ในตัว

                   

    “ว่าแต่...นามกินข้าวมายัง? พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย แค่วนไปซื้อของนี่คุณเขาก็บ่นมาตลอดทางละ ท้องพี่ร้องดังยิ่งกว่าชักโครกอีกอ่ะ” เจ้าตัวบ่นพลางเอามือลูบท้องด้วยท่าทางน่าสงสาร

                   

    นามคุณยิ้มแหย “ยังไม่ได้กินฮะ” ท้องผมก็ร้องโครกเหมือนกับพี่นั่นล่ะ

                   

    “อ้าววว!!!! นามยังไม่ได้กินข้าวเร้อออ”

                   

    “ฮะ ยังไม่ได้กิน” ไม่เข้าใจนักแต่ก็ตอบ นิ้วเรียวสวยสางผมแสกกลางของตัวเองอย่างงงๆ ทำไมพี่รหัสเขาต้องพูดเสียงดังเหมือนตะโกนด้วย

                   

    “หิวมากๆ เลยสิน้า”

                   

    “ไม่ขนาดนั้นหรอกฮะ ผมปล้นขนมไอ้ยุ่นมากินแล้ว”

                   

    “กินแค่นั้นไม่พอหรอกมั้ง”

                   

    ฮะ ผมก็คิดว่าไม่พอ แต่แบบทำไมพี่ต้องพูดเสียงดัง พี่โทรไปสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงผมน่าจะดีต่อเส้นเสียงมากกว่านะฮะ

                   

    อันนี้เขาอยากพูดนะ  แต่กลัวเพื่อนพี่เขาที่เดินถือของมาจับหักคอเลยเงียบไว้ดีกว่า

                   

    นามคุณผงะแทบเดินถอยหลังเมื่อมือหนายื่นเข้ามาใกล้

                   

    ตายห่ะ แค่คิดในใจนี่ก็จะต่อยกูเลยเหรอ

                   

    “น้ำ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยห้วน

                   

    “น้ำ?” รู้จักครับว่าน้ำ แต่ไม่เข้าใจจะยื่นมาทำไม?

                   

    แต่อีกคนกลับไม่ตอบยัดเยียดขวดน้ำแร่ให้หน้าตาเฉย ไม่สิ ไม่เรียกว่าเฉย ต้องเรียกว่าหน้าตาบูดบึ้งถึงจะถูก! คิ้วเข้มพาดเฉียงนั่นขมวดเสียจนแทบจะพันเป็นปม นัยน์ตาสีนิลด้านดุดันภายใต้แพขนตาหนานั่นอีก

                   

    เหมือนถูกกดดันด้วยสายตา  มือขาวยกขวดน้ำขึ้นจรดริมฝีปากพอเป็นพิธีให้คนหน้าเครียดเห็น สายตานั้นจึงเบนออกไปจ้องหน้าตาน่ารักของจิรรรร์

                   

    “ขอบคุณ”

                   

    “อือ” ร่างสูงผิวสีแทนพยักหน้าส่งๆ  “จิ มึงเอาของขึ้นไปเองนะ กูมีธุระ”

                   

    “อ้าว ไหนบอกจะเอาขึ้นไปให้เรา? ไอ้ดำ ไอ้ผิดคำพูด”

                   

    คนโดนทวงคำพูดจิ๊ปากก่อนกลอกตา “ก็กูบอกว่ามีธุระ”

                   

    “ก็แกบอก...”

                   

    “แค่ถือขึ้นไปแค่นั้น มึงถือเองไม่เป็น”

                   

    อันที่จริงของก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าให้ผู้ชายไซส์เล็กอย่างพี่จิถือเข้าไปก็แลดูน่าสงสารพอประมาณ

                   

    “เดี๋ยวผมถือให้เอง”

                   

    “จิ” เสียงทุ้มสั่งสั้น นัยน์ตาดำด้านนั่นไม่แม้แต่จะตวัดมองหน้าคนเสนอตัว

                   

    “เออ เราถือขึ้นไปเองก็ได้ ไอ้คนใจดำเหมือนสีผิว”

                   

    มือหนายัดเยียดของในมือทั้งหมดเข้าสู่อ้อมแขนของเพื่อนตัวเล็กจนจิรรรร์แทบเซ ก่อนกระชากข้อมือขาวที่กำลังจะส่งไปช่วยถือของในอ้อมกอดของพี่รหัส

                   

    “มิญช์! จะเอาน้องเราไปไหน? มิญช์!

     

     

     

    เรียวนิ้วแกร่งเคาะลงบนพวงมาลัยเป็นจังหวะตามเสียงเพลงที่เปิดคลอในห้องโดยสารของโคนิกเซ็กก์ อากีร่า อาร์* เสียงทุ้มที่ฮัมตามในบางช่วง ริมฝีปากบางสีส้มติดจะคล้ำหน่อยตามประสาคนสูบบุหรี่ยกยิ้มบาง พอจะบอกอารมณ์ของคนขับได้ว่าน่าจะอารมณ์ค่อนข้างดีแม้จะเจอรถติดสาหัสสากรรจ์ขนาดที่ว่าเคลื่อนทีละเซนติเมตรต่อเซนติเมตรแบบไม่สมสมรรถภาพรถ

     

    นามคุณเหลือบตามอง...มิญช์...พี่มิญช์.... ก่อนลอบถอนหายใจบาง

     

    ใกล้...ใกล้เกินไป...ใกล้แค่เพียงเอื้อมมือแต่ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง!

     

    บางครั้ง...เขาก็อยากรู้...  กล้ามเนื้อเป็นมัดสวยภายใต้แขนเสื้อนั่นจะให้ความรู้สึกยังไง หัวไหล่แข็งกว้าง กล้ามเนื้ออกแนบเสื้อยืดสีขาวนั่นอีกล่ะจะให้สัมผัสแบบไหนกัน ยังไม่นับรวมสันจมูกโด่งและสันกรามสวยขับให้วงหน้าได้รูปที่อยากลองไล้มันเล่นดูสักครั้ง

     

    เขาแอบมองผู้ชายคนนี้มากี่ปีแล้ว...

                   

    สอง...ไม่สิ สามต่างหาก...

                   

    สามปีแล้วที่สายตาของเขามักตามจับภาพของคนคนนี้นานจนต่อให้หลับตาเขาก็ยังวาดรูปของคนตัวสูงได้ในจินตภาพ

                   

    จาก... แอบมองด้วยความสนใจ

     

    กลายเป็น... แอบชอบโดยไม่รู้ตัว

     

    แถม...รู้ตัวอีกทีอาการแอบรักก็เข้ามาคุกคามซะแล้ว

     

    ถ้า...ถามว่ามันเริ่มต้นจากตรงไหน...

     

    มันน่าจะเริ่มจาก...ฤดูร้อนในปีนั้น...

     

    ตอนนามคุณยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสอง...

     

    ใช่! ฤดูร้อนเมื่อสามปีที่แล้วนั่นล่ะ!

     

     

     

     

    ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องส่วนมากรู้อนาคตที่จะไปต่อในขั้นอุดมศึกษาแล้วพากันจับกลุ่มช่วยติวหนังสือ เด็กหนุ่มผิวขาวร่างบางกลับยังไม่รู้ในสิ่งที่ตัวเองสนใจยังไม่มีจุดมุ่งหมาย เขาไม่มีวิชาที่ชอบแต่ก็ไม่มีวิชาที่เกลียด  สิ่งที่เกลียดน่าจะเป็นตัวบุคคลที่สอนในวิชานั้นมากกว่า สิ่งที่เขาพอจะทำได้ดีกว่าอย่างอื่นก็คงจะเป็นการวาดรูปกับกีฬาบางชนิด แต่ถ้าถามว่าชอบมันหรือเปล่า เขาก็คงจะตอบว่าไม่ได้เกลียดเสียมากกว่า

     

    แม่ของเขาไม่เคยบังคับเลือกเส้นทางให้  เธอปล่อยให้ตัดสินใจเลือกเองเสมอต่อให้ทางที่เลือกนั้นเป็นทางที่ผิดแต่เธอไม่เคยตบตีดุด่าสาดเสียเทเสีย มีแต่มืออบอุ่นที่ลูบลงมาบนแผ่นหลังและศีรษะกับดวงตาที่แสดงออกถึงความเสียใจของเธอเท่านั้นที่ทำให้เขาพยายามทำตัวให้ดีขึ้นเพื่อเธอ พยายามเลือกทางที่ถูกต้องเพื่อเธอ เพื่อแม่ที่เลี้ยงเขากับน้องชายมาด้วยสองมือของเธอคนเดียว

     

    ตอนนี้...กำลังพยายามเลิกบุหรี่ อันที่จริงนามคุณคิดว่าเขาไม่ได้ติดมันนะ เขาใช้มันแค่ตอนที่เครียดเท่านั้นล่ะ แต่อัตราการซื้อต่ออาทิตย์นี่สิ ดันเป็นตัวยืนยันว่าเขาติดบุหรี่มันน่าหงุดหงิดที่ต้องอดทนไม่ทำอะไรสักอย่างที่อยากทำสุดๆ เหมือนกับกำลังจะเอาเค้กเข้าปากแต่ก็ต้องเทไอ้เค้กชิ้นนั้นทิ้งลงถังขยะต่อหน้าต่อตาเพราะกลัวคอเรสเตอรอลอย่างนั้นนั่นล่ะ เท้าภายในรองเท้านักเรียนเคาะขึ้นลงถี่จนคนที่นั่งโต๊ะใกล้เคียงหันมามอง มือเรียวกำแน่นจนเล็บจิกลงไปบนผิวเนื้อนุ่ม

     

    อา...หงุดหงิดจริงๆ ให้ตายสิ

     

    พนันได้เลยตอนนี้คิ้วตกลู่น่าตลกของเขาต้องกำลังขมวดสุดๆ

     

    “ยุ่น!” เสียงทุ้มค่อนไปทางหวานเรียกเพื่อนที่สนิทที่สุดในห้อง

     

    เจ้าของชื่อเงยหน้าจากวงอ่านหนังสือขึ้นมามองเขา “กูไปข้างนอกนะ จารย์มาโทรเรียกกูด้วย”

     

    “เออ ซื้อขนมมาเซ่นกูด้วย”

     

    “เออ”

     

     

     

    เรียวขายาวสมส่วนสืบเท้าไปตามระเบียงทางเดินแคบ นามคุณยังไม่มีจุดหมายว่าเขาจะไปที่ไหน หรืออาจจะเรียกได้อีกอย่างว่าเขาไม่รู้ว่ามีที่ไหนให้ไปจะดีกว่า

     

    เด็กหนุ่มเพิ่งย้ายเข้ามาในโรงเรียนนี้ได้เพียงหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเก่ากะทันหันเนื่องจากไปมีเรื่องชกต่อยกับลูกหลานของบอร์ดบริหารโรงเรียน ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เป็นคนเริ่มเลยแท้ๆ  พอถูกไล่ออกจากที่นู่นด้วยความช่วยเหลือเล็กน้อยของลุงทำให้เขาได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนเอกชนมีชื่อเสียงแห่งนี้กลางเทอมในห้องความสามารถพิเศษ

     

    แน่นอน...คำว่าเด็กเส้นถูกแปะลงบนหน้าผากของเขาตั้งแต่วันที่เหยียบเข้ามาที่นี่ อันที่จริงนามคุณอยากให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องที่ว่าต่อให้เขาเกเรชอบชกต่อยแต่ก็ยังมีสมองบรรจุอยู่ในกะโหลกและแม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเทอมทำให้เขาเข้ามาเรียนได้ มากกว่าใช้เส้นสายของลุงในฐานะศิษย์เก่าที่มักเอามาลำเลิกกับแม่เป็นประจำที่เจอหน้า

     

    ดาดฟ้าคือบทสรุปของเขาในที่สุด อยากจะลงไปซื้อขนมให้ไอ้ยุ่นหรอกนะ แต่เพิ่งคิดได้เขาลืมเอากระเป๋าสตางค์ติดตัวมาด้วยสิ่งที่ติดตัวมามีเพียงน้ำเปล่าหนึ่งขวดและซองเปล่าๆของเวอร์จิเนียสลิมเมนทอล* ลงไปก็คงซื้ออะไรให้มันไม่ได้ คนตัวสูงโปร่งจึงเปลี่ยนทิศทางเป็นเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ

     

    ประตูดาดฟ้าไม่ได้ถูกล็อคเหมือนอย่างที่จินตนาการไว้  มือบางผลักประตูเหล็กหนาหนักออกหลังจากสำรวจดีแล้วว่าประตูไม่ได้เป็นแบบเปิดได้ข้างเดียวเหมือนประตูหนีไฟก็ปล่อยให้มันเด้งปิดกลับ

     

    ลานดาดฟ้ากว้างค่อนข้างสกปรกระเกะระกะด้วยเศษอิฐและเศษคอนกรีตแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ถูกจัดวางอยู่บนลานกว้าง เด็กหนุ่มตัดสินใจสาวเท้าเข้าไปยืนหลบแดดในเงาของมัน หน่วยตาเรียวหรี่ลงเมื่อต้องมองผ่านแสงแดดจ้า แพหน้าม้าปกคลุมหน้าผากขาวปลิวกระจายเมื่อเจอลมปะทะ

     

    นามคุณถอนหายใจหน่าย ที่ห้องเรียนอากาศเย็นสบายแต่น่าหงุดหงิดสายตาของเพื่อนร่วมห้อง นอกจากยุทธนาหรือไอ้ยุ่นเพื่อนสมัยประถมก่อนจะแยกกันไปในช่วงมัธยมต้นเขาก็ไม่ได้คุยกับคนอื่นมากนัก อาจเพราะเขาเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายเขาจึงมองว่าคนอื่นต่อให้ใส่หน้ากากยิ้มแย้มล้วนแล้วแต่ไร้ความจริงใจ ยิ่งเทสต์วิชาฟิสิกส์เมื่อเช้าคะแนนที่ได้ค่อนข้างสูงยิ่งเพิ่มสายตาน่าหงุดหงิดขึ้นอีกมากโข แต่ที่นี่ก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่ อากาศร้อนอบอ้าว พื้นซีเมนต์ของดาดฟ้าสะท้อนแสงซะจนแสบตา ที่สำคัญมันมีกลิ่นบุหรี่ด้วยนี่สิ!

                   

    บุหรี่กับคนที่กำลังพยายามเลิกสูบ ช่างเข้ากันดีเสียจนน่าสาปแช่ง กลิ่นฉุนเจือกลิ่นเย็นของเมนทอลมันทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนพิกล คอแห้งจนต้องยกขวดน้ำขึ้นมากรอกเข้าปาก

                   

    “โทษที ไม่คิดว่ามีคนอื่น” เสียงทุ้มแหบดังมาจากมุมหนึ่งของดาดฟ้า

                   

    เจ้าของเสียงเป็นผู้ชายร่างสูงคะเนด้วยสายตาแล้วน่าจะสูงกว่าเขาหน่อย หมอนั่นนั่งพิงกำแพงของดาดฟ้าด้านที่แดดส่องไปไม่ถึง ขายาวๆภายใต้กางเกงขายาวสีเทานั่นยืดเหยียดออกมาอย่างผ่อนคลาย เนคไทถูกคลายออกจากลำคออย่างหลุดลุ่ย เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมออกโชว์แผ่นอกสีแทน ใกล้กันนั้นมีเสื้อนอกสีดำวางพาดไว้ลวกๆ

                   

    เพราะขึ้นมาอยู่ที่นี่บ่อยสินะ ผิวถึงได้ไหม้ขนาดนี้

                   

    “ซักตัวไหม?” คนถูกด่าว่าผิวดำยกซองสีดำเขียวในมือขึ้นเป็นเชิงเชิญชวน

                   

    อา...ที่ได้กลิ่นนั่นคือมาร์โบโล่ แบล็ค เมนทอล*สินะ

                   

    คนอะไร! ตัวก็ดำแล้วยังชอบบุหรี่สีดำอีก!

                   

    “หึ!”

                   

    คิ้วเรียวที่ตกลู่ยิ่งลู่ลงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในคอ และรอยยิ้มมุมปากของคนผิวสีแทน

                   

    กวนประสาท...นี่คือคำนิยามหน้าตาของหมอนั่น

                   

    คิ้วเข้มหนาที่เลิกขึ้นน้อยๆ นัยน์ตาสีนิลดูอ่านยากล้อมกรอบด้วยแพขนตาหนาคู่นั้น จมูกโด่งคล้ายผ่านการศัลยกรรม แล้วยังจะริมฝีปากบางยักยิ้มขึ้นข้างเดียวนั่นอีก...กวนประสาทที่สุด!

                   

    ถ้าต้องทนอยู่กับคนกวนประสาทขนาดนี้ เขายอมกลับไปเป็นตัวประหลาดในสายตาของคนในห้องยังดีเสียกว่า

     

    “นี่!” เสียงทุ้มที่ตะโกนเรียกทำให้ขาเรียวชะงัก หันกลับไปมองอย่างไม่สบอารมณ์

     

    “มีอะ...เฮ้ย! ทำบ้าอะไรวะ!” ยังถามไม่จบก็รีบตะครุบบางอย่างที่เกือบจะพุ่งมาโดนหน้าด้วยฝีมือการโยนของไอ้บ้านั่น

                   

                    คนผิวสีเข้มยักไหล่กวนประสาท “ขอให้เลิกได้นะหนูน้อย” เรียวนิ้วยาวสีแทนยกมวนบุหรี่สีดำขึ้นมาสูดเข้าปอดยาว นัยน์ตาสีเข้มหลับพริ้มลงจนแพขนตาหนาทาบปิดคล้ายจะเป็นการเดการสนทนา

     

                    เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมองของในมือ

     

                    แปลก...ที่เขารู้สึกเหมือนแก้มมันรู้สึกตึงๆ อยู่หน่อยๆ ปากก็เหมือนจะเม้มเข้าหากันนิดๆ

     

                    เขาไม่ได้อมยิ้มหรอกนะ ไม่...เลยซักนิด!

     

                    กะอีแค่หมากฝรั่ง...ทำให้เขายิ้มไม่ได้หรอก เหอะ!

     

                    แค่คิด...บางที...คนตัวดำนั่นก็อาจไม่ได้แย่อย่างที่คิด

     

                    ไม่ขอบใจหรอกนะ คุณดำ!

     

    แล้วคนตัวขาวก็ก้าวเท้าจากไปทิ้งไว้เพียงสายตาคู่หนึ่งที่มองตาม

                   

     

    *************************PLEASEDONTFLIRT*********************************

     

                    เสียงเตือนข้อความเข้าจากแอพพลิเคชันสีเขียวยอดฮิตทำให้นามคุณหลุดออกจากภวังค์ เสียงมันดังก้องทั่วห้องโดยสารที่เงียบสนิท จนต้องลนลานควานหามือถือ ด้วยกลัวว่าเสียงนั่นจะไปทำลายอารมณ์ดีๆ ของเจ้าของรถ

     

                    ใครจะไปรู้ เผื่อคุ้มดีคุ้มร้ายเจ้าตัวเขาอยากเอารถราคาแพงระยับไปเสยเสาไฟเล่น  

     

                    จากที่คิดว่าอาจเป็นจิรรรร์ที่ส่งข้อความมาถามไถ่กลับกลายเป็นไอ้ยุ่น...เพื่อนผู้แสนดี

     

                    มันถามเขาว่าจะกลับเข้าไปเมื่อไหร่ มันจะฝากซื้อขนมพร้อมกับรายการสั่งเป็นหางว่าวของคนแถวนั้น

     

                    เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนขี้เกียจออกไปไหนหลังจากพยายามเร่งรีบสร้างสรรค์ผลงานกันแบบไฟลนก้น ดังนั้นเมื่อมีใครสักคนเสียสละออกไปข้างนอก คนคนนั้นมักเป็นเหยื่อในการฝากที่ต้องออกไปซื้อราวกับจะเหมาร้านกลับมาอยู่เสมอ

     

                    แต่...ไม่ปกติที่เขามาพร้อมกับคนคนนี้นั่นล่ะ!

     

                    มองข้างทางแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อข้างหน้ายังคงเป็นถนนยาวเห็นไฟท้ายรถเรียงสีฉานเรียงต่อกันเป็นขบวน

     

                    Namkh. : กูไม่รู้! มึงช่วยตัวเองไปเหอะยุ่น

                                    ถ้าพรุ่งนี้กูไม่เข้าคลาสสมร แจ้งความกท xx-xxxx

     

                    อย่าว่าแต่แวะซื้อของหรือรู้ว่าจะกลับไปกี่โมงเลย

     

    แค่จุดหมายคือที่ไหนนามคุณยังไม่รู้เลยเถอะ!

     

     

    TBC. in EP2 เพราะรอยยิ้ม

     

    *อภิธานศัพท์*

    *Versace pour home (เวอซาเช่พัวร์ออมม์)

    *Silver mountain water by creed  (ซิลเวอร์เมาน์เทนวอร์เตอร์)

    *โมเป็นคำย่อมาจากคำว่าโมเดล

    *วิชาคอน ย่อมาจาก วิชาวัสดุและการก่อสร้าง Material And Construction

    *มาม่าช้างน้อยรสข้าวโพด

    *ขนมมาร์วิน (อันนี้เห็นมีคนบอกว่าเคยเห็นใน7-11 ร้านค้าในโรงอาหารรัฐศาสตร์ ฬ ก็ยังหาได้ค่ะ)

     

    *ไฮเปอร์คาร์ คือ รถที่ใช้เทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาประยุกต์กับการออกแบบสร้างรภยนต์ ตัวรถนั้นจะมีความพิเศษที่แตกต่างจากรถยนต์ธรรมดาและมีเครื่องยนต์ที่สมรรถนะสูงคล้ายกับซุปเปอร์คาร์ โดยไฮเปอร์คาร์จะต่างกับซุปเปอร์คาร์ ทั้งคันจะสร้างจากวัสดุน้ำหนักเบาเช่นคาร์บอนไฟเบอร์แรงอัดสูง ระบบการทำงานของรถจะต้องมีเทคนิคเทคโนโลยีอื่นๆ เข้ามาช่วย เช่น Air break หรือการใช้ Flapปรับทิศทางลมเพื่อช่วยในการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง  และระบบการเคลื่อนที่ต้องมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงหรือผสมผสานเพื่อให้ได้การขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพที่สุด

     

    *Koenigsegg agera r (โคนิกเซ็กก์ อากีร่า อาร์)

    *Virginia slim menthol cigarette  (เวอร์จิเนียสลิมเมนทอล)

    *Marlboro black menthol cigarette (มาร์โบโล่ แบล็ค เมนทอล)

     

                   

                   

                   

     

                   

     

                                   

                                                                                                       

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×