คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Truly madly deeply (ราศีมีน-Pisces)+A-Comment Festival
Romantic Movement
Series: จักรราศี
Title: Truly madly deeply (ราศีมีน-Pisces)
Rate: NC18-21(มั้งคะ)
A/N: เรื่องนี้ออกแนวรั่วๆ อยู่สักนิด และอย่างที่แจ้งเรทไว้ค่ะว่าเรื่องนี้อาจเป็นNC18-21 ไม่ว่าจะในด้านคำพูดหรือการกระทำ ส่วนคำว่า Cara เป็นภาษาอิตาลีค่ะหมายความว่า ที่รัก
Summary: “คุณล้อผมเล่น?” ร่างบางร้องเสียงหลง
“เสียใจ ฉันไม่เคยล้อเล่น”
“เวร!! แล้วคุณพาผมมาได้ยังไง?”
คนตัวสูงแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ก็...อุ้ม....ขึ้นเครื่อง...”
ร่างโปร่งสะดุ้ง “เฮ้ย! นั่นเขาเรียกลักพาตัว”
“ไม่ได้ลักพาตัว แต่พาเมียกลับบ้าน” เสียงทุ้มเรียบ
“คุณอย่าล้อเล่นสิ ผมไม่ชอบ!!”
“บอกแล้ว ฉันไม่เคยล้อเล่น เมื่อคืนเร่าร้อนขนาดไหนจำไม่ได้หรือ?”
“เมื่อคืน...อะ...” เสียงเกรี้ยวกราดชะงักเมื่อความทรงจำที่ขาดหายย้อนกลับมาเป็นฉากๆ
‘เดรก...เร็ว..อือ...อีก..อ๊ะ..เร็ว...” เสียงแหบพร่าคุ้นหูดังก้องในหัว
“caraยกสะโพกอีกหน่อย ..อา..อีกนิด...นั่นล่ะ..เก่งมาก..เด็กดี” เสียงเซ็กซี่คล้ายๆ เคยได้ยินตามด้วยเสียงกรีดร้องแปลกๆ
ภาพของคนสองคนปฏิบัติกิจกรรมน่าอาย
ว่าแต่...หน้าตาของไอ้คนข้างล่างนั่นคุ้นๆ นะ
เฮ้ย!! กูเอง!
เอี้ย!! กูมีฝาแฝดด้วยหรือวะ?
ราศีมีน (14 มี.ค.- 12 เม.ย.)
ผู้ชายราศีมีน
หนุ่มอ่อนไหว คิดมาก ชอบปิดบังความคิดเก็บความลับเก่งมากหลอกถามให้ตายก็ไม่มีวันบอก เขารับความจริงไม่ค่อยได้และหูเบา แต่เขาก็เป็นคนที่มีนิสัยนุ่มนวล มีอารมณ์ขัน ไม่ยึดติดกับวัตถุของนอกกาย ชอบความเรียบง่าย รักอิสระไม่ชอบกฎเกณฑ์ข้อบังคับ ในด้านความรักเขามีเสน่ห์ที่ความอ่อนไหว นุ่มนวล เขาไม่ขี้หึง พร้อมให้อิสระแก่คนรัก หากอยากเคียงข้างเขาคุณต้องพร้อมให้อิสระเขาเช่นกัน ที่สำคัญอย่าทำให้เขาโกรธเพราะหากเขาโกรธเขาก็จะดูคล้ายพายุลูกโตๆ ดีๆ นี่เอง
ผู้หญิงราศีมีน
สาวช่างฝัน จิตใจเปราะบาง อ่อนไหวมากๆ เธอเป็นคนที่แสดงออกทางอารมณ์ง่ายเพราะเพียงแค่หนังที่เธอดูมีฉากเศร้านิดๆ เรื่องที่ได้ยินจากคนอื่นมันเป็นเรื่องเศร้าหน่อยๆ เธอก็พร้อมที่จะเสียน้ำตาง่ายๆ ในขณะเดียวกันหากมีใครแซวเธอถึงเรื่องความรักคนรักหรือเรื่องที่เธอโก๊ะ เธอก็จะเขินจนหน้าเขียว(?)หน้าแดง บิดไปบิดมาหลายตลบ เสน่ห์ของเธออยู่ที่ความนุ่มนวล ช่างเอาใจ อ่อนแอ น่าทะนุถนอม รักสัตว์ แต่ข้อเสียของเธอคือ เธอชอบคิดว่าตัวเองไม่ดีพอคนอื่นเขาดีกว่าเราตั้งเยอะ และเป็นคนช่างลังเลหากต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง หากคุณอยากมีเธอเคียงข้างคุณต้องเป็นคนที่สามารถคุ้มครองและให้ความอบอุ่นแก่เธอได้ คุณต้องแสดงให้เธอเห็นว่าคุณเข้มแข็งพอที่จะให้เธอพักพิงด้วย
*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่มีอยู่จริง หากมีบางส่วนพาดพิงถึงผู้ใดก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
อรัญเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มไหนสักเล่ม เขาว่ากันว่า คนที่เมาแล้วเงียบมักเป็นคนคิดมาก มีโลกส่วนตัวสูง ขี้เหงา ไม่ค่อยแสดงออก คนที่เมาแล้วชอบหาเรื่องชาวบ้านเป็นคนอารมณ์รุนแรง ใจร้อน แต่รักเพื่อนและไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีรีตอง ถ้าเมาแล้วหน้าแดงก็เป็นพวกเก็บความลับไม่เก่ง นิสัยชอบเปิดเผย ส่วนพวกที่เมาแล้วร้องไห้ พวกนี้เป็นคนจิตใจเปราะบาง มีความลับมาก ชอบคิดอะไรคนเดียว
ใช่...นั่นล่ะ นิสัยพื้นฐานของคนเมาทั่วไป
นัยน์ตาชั้นเดียวไร้การกรีดผ่ายกสองชั้นภายใต้เลนส์ใสกรอบเงินปรายเหยียดหยามไปยังร่างโปร่งของเพื่อนสนิท
แต่...ไอ้ที่เมาแล้วบ้าเหมือนไอ้ตัวข้างๆ เนี่ย ไม่เคยเห็นว่ะ
“...แล้วก็นะ...น้องนิ่มน่ะเวลายิ้มมีลักยิ้มด้วยล่ะ น่าร้ากกกกกกก...จนใจไอ้ตรีแทบหลอมละลายลงไปกองแทบเท้า เสียงก็เพร๊าะเพราะ พี่ตรีคะ พี่ตรีขา โอย...หัวใจจะวาย...” เสียงนุ่มเพ้อ
ตาตี่ๆ กลอกไปมา ก่อนถอนหายใจเฮือก มือหนาตบเปลี่ยนเกียร์เมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนสี
“มึงเรียกกูมาเพื่อเพ้อถึงสุดที่รักของมึงเนี่ยนะ ไอ้ตรี”
“อือ” คนเมาพยักหน้าง่อกแง่กน่ากลัวคอจะหลุด “กูคิดถึงนิ่ม”
“ไอ้แสดดดด!!! คิดถึงเมียแล้วเสือกโทรหาเพื่อนทำหอกอะไรวะ” อรัญตะคอก
“กูไปหานิ่มจ๋าไม่ได้” น้ำเสียงหงอยยิ่งกว่าหมาอดข้าว
“พ่อน้องเค้าเอาลูกซองแฝดจ่อหัวคุณมึงรึไงวะ ถึงสะแหลนไปหาน้องเค้าไม่ได้น่ะ” น้ำเสียงกระแนะกระแหนปนสาปแช่ง
“เปล่า..” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยกขวดบรรจุน้ำสีอำพันใสขึ้นกระดก “นิ่มเค้าขอเลิกกับกูว่ะ”
“หา?”
“ก็บอกว่าไปหาไม่ได้ไงวะ แมร่ง! มึงไม่เข้าใจหรือไง?” ตรีเนตรตวาด
“ไอ้ห่า!! มึงไม่เล่ากูจะเข้าใจมึงไหมวะ” อรัญสบถกลับ
“เมื่อเช้า...” หยาดน้ำใสๆ เริ่มไหลรินลงมาอาบสองข้างแก้ม “นิ่มเค้าบอกกูว่า...ฮึก... ‘พี่ตรีคะ นิ่มว่าเราเลิกกันเถอะค่ะ นิ่มกับพี่ตรีเราคงไปด้วยกันไม่ได้’...อย่างเงี้ย...ฮึก” เสียงขึ้นจมูกเริ่มเครือเจือสะอื้น
“ฮึก...มึงคิดดูนะไอ้รัญ...นิ่มไปไหนยังไงกับใคร...ฮึก..กูก็ไม่เคยถามไม่เคยเซ้าซี้...ซืดด...ให้รำคาญ...ฮึก..ไม่เคยหึงไม่เคยหวงพร่ำเพรื่อผิดกาลเทศะ...แต่...แต่นิ่มเค้า..นิ่มเค้า...โฮ..” จบด้วยการซัลโวซัดโฮระลอกใหญ่
“โอ๋ แต่ช้าแต่ อย่าร้องนะมึง อย่าร้อง” เดี๋ยวน้ำมูกมึงหยดลงบนเบาะรถกู ประโยคหลังหนุ่มตี๋คิดพลางส่งทิชชู่กล่องใหญ่ให้ตรีเนตร
“ขอบใจ...พรืด...ฮึก..แล้วกูจะไม่เจ็บจี๊ดจนแทบผูกคอตายเลยว่ะ ถ้า...พรืดดดด...แฟนนิ่มเค้าจะเป็นผู้ชาย!...แง!!...”
อรัญยื่นมือไปลูบหัวเพื่อนเบาๆ (จนหน้าทิ่ม) ตาตี่ๆ ส่อแววสมเพช
“กูคนนี้...กูที่โคตรมาดแมนแฮนซั่ม... แพ้ทอม!...ฮึก...อากงอาม่าอากุงอาผ่อเหล่ากงไท้ผ่อ...โฮ...ตรีขอโต๊ดดด...ตรีรู้ ตรีมันแย่! ตรีมันแพ้ทอม!!...ฮือ....”
“เออ เออ กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว ไม่ตายห่าก็หาใหม่ได้วะ ว่าแต่...สภาพอย่างนี้จะกลับบ้านไหม?”
“ม่ายอ้ะ” ตรีเนตรส่ายหน้าเดียะ “กูกลัว..ฮึก..กลัวเจ้ด่า” น้ำตาเริ่มหยุดไหลเหลือเสียงสะอื้นพอเป็นกระษัย
“แล้วมึงจะนอนโรงแรมหรือบ้านกู”
“โรงแรม..พรืดดดด...พรุ่งนี้กูต้องเข้าออฟฟิศ”
“งั้นเดี๋ยวมึงไปนอนโรงแรมกูก่อนละกัน กับมึงกูลดค่าห้องให้ครึ่งนึง”
“รัญ...” เสียงนุ่มเจือแหบขึ้นจมูก
นัยน์ตาตี่ๆ ตวัดหางตามองคนข้างๆ
“มึงโคตรดีกับกูเลยว่ะ”
“มึงเพิ่งรู้?” หนุ่มตี๋ถามกลั้วหัวเราะ
ตรีเนตรพยักหน้าเอ่ยเสียงเครือ “กูขอเป็นเมียมึงได้ไหมวะ? เฮ้ย! ไอ้รัญ!! มือมึงน่ะอย่าปล่อยพวงมาลัยดิวะ!!!!”
“ไอ้เชี่ยยย!” อรัญสบถก่อนตั้งสติหักพวงมาลัยเบี่ยงรถกลับเข้าเลน
“มึงพูดเอี้ยอะไรของมึงวะ” หนุ่มตี๋ตะคอกลั่น
“กูพูดจริงนะ ไหนๆ ชาตินี้กูก็ช้ำใจเพราะผู้หญิงแล้ว กูก็ขอมีผัวให้มันรู้แล้วรู้แรดด” เสียงขึ้นจมูกร่ายยาวหน้าตาเฉย มือเรียวยกขวดขึ้นกระดกอีกอึก
“ไอ้เวร มึงเมาแล้ว” มือแกร่งข้างหนึ่งของอรัญยื่นมาแย่งขวดเหล้าจากมือขาว
ตรีเนตรกระชากกลับ “กูไม่ด้ายเม๊า! กูแค่กรึ่มๆ ครึ้มๆ กำลังพอดี”
“ถ้ามึงไม่ประสาทเสียนะไอ้เชี่ยตรี มึงน่าจะจำได้ กู-แต่ง-งาน-แล้ว”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย กูเป็นเมียน้อยก็ได้ กูไม่ถือ”
รถเอียงวูบแฉลบลงข้างทางอีกครั้ง “ไอ้เปรต!! มึงไม่ถือแต่กูถือ”
“นิดหน่อยน่า เพื่อนกานถืออะไรมากมายวะ”
“ไอ้เชี่ย เพื่อนกาน เอ๊ย! เพื่อนกันก็ไม่ด๊าย กูถือ”
ตรีเนตรยิ้มหวาน(น่าสยอง) นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ช้อนมองอรัญ
“กูให้มึงอยู่บน กูอยู่ล่างแล้วหนา หรือ...มึงไม่ชอบ ด๊าย...ก็ได้ งั้นมึงอยู่ล่างกูอยู่บน กูเป็นผัว มึงเป็นเมียก็ได้”
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด!!
โป๊กกกก!!
เสียงล้อเสียดกับพื้นถนนดังลั่นเกือบพร้อมกับเสียงโหม่งกระจกของตรีเนตร
“โอ๊ย!! ไอ้รัญมึงจะเบรกหาบิดามึงหรือไงวะ?” มือเรียวยกขึ้นลูบเหม่งแต่มืออีกข้างยังคงกอดขวดเหล้าลูกรัก
“ไอ้***ย ***ส่งมาเกิด ไอ้***หัก ไอ้***วัด ***บิดา*** มารดา***” อรัญสบถยาวยืด
“มึงเบรกทำเชี่ยไรมึงวะ ไอ้***รัญ หรือมึงคอยให้ถึงโรงแรมไม่ไหวอยากให้กูเป็นผัวน้อยมึงข้างทางนี่”
“เหี้ย!!! บ้านมึงสิ ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดแมวๆ กูจะปล่อยให้มึงลงไปคุยกับพ่อมึงข้างป่าช้านี่ล่ะ”
“โอ๋ โอ๋ รัญจ๋า ตรีล้อเล่น กร๊ากกกกก ฮ่า ฮ่า ฮ่า..ไอ้ร๊าญญญ...นี่มึงคิดว่าสุดหล่ออย่างกูเนี่ยนะจะเอามึงเป็นผัว เอิ๊กกก ไอ้แสดดด มึงจำไว้นะ น้ำหน้าอย่างกูน่ะถ้าไม่ไปเป็นชู้เมียชาวบ้าน ก็ต้องแอบจีบน้องสาวเมีย(คนอื่น)เท่านั้นเว้ย กร๊ากกกก....บิดามึงเถอะน้ำหน้าอย่างกูเนี่ยนะจะมีผัว” ร่างบางหัวเราะงอหายจนร่างสูงทนไม่ไหวต้องยื่นมือไปเขกเหม่งซ้ำรอยเดิม
“เหี้ย!!” นั่นล่ะคำอุทานพื้นฐานอัญเชิญสัตว์เลื้อยคลานเข้ามาป้วนเปี้ยนในรถ “เสือกเขกลงมาได้ เหม่งกูนะมึงไม่ใช่ซีแพ็กโมเนีย” ตรีเนตรด่า อาการเมาคล้ายหายเป็นปลิดทิ้งหลังโขกกระจก
“ขอโทษทีเถอะ กูนึกว่ากระเบื้องลอนคู่ แม่ม..หนาได้หนาดี ด้านจนแสบมือกูอีกต่างหาก เรื่องมีเป็นร้อยเป็นพันเสือกไม่ล้อ มาล้อเรื่องอุบาทว์ๆ”
มือหนาโยกเปลี่ยนเกียร์ เท้าปล่อยครัชต์ก่อนกระทืบเหยียบคันเร่งเร็วจนรถกระชาก
โป๊กกกกก!!!
“ฉิบหาย!!!”
เสียงโขกกระจกลั่นมาพร้อมกับเสียงสบถ
“เบลท์มีเสือกไม่รัด สมน้ำหน้าล่ะวะไอ้ตรี”
มือเรียวรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดหลังจากส่งนิ้วกลางให้เป็นของขวัญแก่เพื่อนรัก(หักเหลี่ยมโหด)
“สักวัน...กูจะจีบเมียมึง” เสียงพึมพำเจืออาฆาต
“เจ้าชู้ไปเถ๊อะ สักวัน...กูจะหัวเราะให้ ถ้าผัวมึงจับมึงขัง!!” อรัญแช่ง
ตรีเนตรสะดุ้ง อาการเมาสร่างทันตา “เอี้ย!!! กูไม่มีผัว”
“ไอ้เอี้ยตรี มึงแน่ใจนะว่าไม่ต้องให้กูไปส่งที่ห้อง”
“เออน่า กูยางม่ายมาว เชี่ยยย!! มึงโตบหัวกูทามมาย”
“มึงน่ะสิเชี่ย เสียงยานอย่างกับเทปรอวันทิ้งยังมีหน้ามาพูดไม่เมา กูบอกให้หยุดกระดกลุงจอนมึงก็ไม่เชื่อ ยังเสือกแดกเข้าไปอีก ไอ้ที่จะสร่างกลับกลายเป็นเมาหัวทิ่มซะงั้น” ประโยคนั้นบ่นร่ายยาว
“มึงม่ายช่ายเตี่ยกู กาบบ้านปายป๊าย กูรามคาญ” ตรีเนตรกวัดไกวไสส่ง
“ไปนอนบ้านกูไหม? อย่านอนเลยโรงแรม”
นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มแอลกอฮอล์ช้อนมองอรัญหวานเชื่อม
“มึงอยากห้ายกูเข้าหามึงกลางดึกหรืองาย?”
“เปรต!!!” ว่าปากไวแล้วแต่มือไวกว่า หวดลงบนกบาลตรีเนตรเน้นๆ
“เหอะ!! สันดานอย่างมึงจะเข้าหาเมียกูมากกว่ากูน่ะสิ” หนุ่มตี๋กระแทกเสียง
“รู้ทัน!” เสียงอ้อแอ้กลั้วหัวเราะ
“โน่นลิฟต์มาแล้ว ไปไกลๆ ตีนกูเลยไป๊” มือแกร่งผลักหัวร่างโปร่งจนคะมำ
“เออ เออ กาบบ้านดีๆ นา”
“ตรี มึงจะให้ใครที่ฟรอนต์ขึ้นไปเป็นเพื่อนไหม?”
“ม่ายเปนราย กูปายเองด้าย”
มือเรียวโบกปฏิเสธก่อนก้าวโซเซเข้าลิฟต์ ทิ้งสายตา(ตี่ๆ)แฝงแววห่วงใยไว้เบื้องหลัง
คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนยกขวดลุงจอนเพื่อนรักขึ้นกระดก
เอ...ทำไมพรมตามทางเดินมันดูเบี้ยวๆ วะ หรือ..
..
..
..
คนปูมันตาเหล่!
มือขาวยกขึ้นขยี้ตา
เออ...เพดานเอียงด้วยว่ะ สงสัย..
..
...
..
ช่างไม่ได้มาตรฐาน(?)
ตรีเนตรสะบัดหัว กะพริบตาถี่
อือ...ตัวเลขประตูห้องก็ดันแปะซ้อนกันหลายอันอีกแน่ะ
บ้าหรือเปล่าวะ!!!
เวลาที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่เช้าวันใหม่เมื่อ 5 นาทีก่อน ส่งผลให้ตามทางเดิน เงียบ ร้าง ไร้ผู้คน มีเพียงร่างโปร่งในเสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่เท่านั้นเดินเตาะแตะโซไปเซมา เกาะผนังด้านซ้าย ซบหลับกับประตูด้านขวาเป็นการพักระหว่างทาง ก่อนเกาะสาวผนังเดินต่อด้วยสภาพอนาถใจเสื่อมจิต
“เท่ร้ากกกกของเพ่ บอกเพ่หน่อยเพ่ด้อยตรงหนายยย...” มือเรียวยกขวดขึ้นเทพรวดเข้าปาก
“มีเงินน้อยปายหรือเพราะม่ายมีเฟ้อร์รารี่ อึ๊กกก ถึงเพ่จาจนเพ่ก็เปนโคนหน้าตาดี๊ดี ม่ายเคยด่ากราดตาหวาดเตะต่อยทุบตี ดวงจายของเพ่ทามมายทิ้งกานได้โลงงงงงงง เอิ๊กกกซ์”
คออ่อนเหมือนกระดูกกระเดี้ยวมันจะยวบยาบเพราะฤทธิ์เหล้าเอียงไปมา ตาหวานเยิ้มกะพริบถี่จ้องเลขบนประตูเขม็ง
1006
ตะกี๊..
...
..
ไอ้รัญมันพูดว่า 1006 หรือ 1009 วะ?
..
..
..
..
ช่างหัวแ*งเหอะว่ะ จะ 6 หรือ 9 ก็เหมือน(?)กันล่ะน่ะ
6 ใกล้กว่า
..
..
กูตัดสินใจแล้ว...1006!!
สูทเนื้อดีถูกเหวี่ยงลงบนโซฟาตัวใหญ่ไม่ไยดี เรียวนิ้วแกร่งไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตผ้าไหมอิตาลีสีดำสนิท
“ดอนครับ วาตานาเบ้มันอาจเล่นไม่ซื่อ...” เสียงทุ้มเข้มแสดงความเห็นพลางพาร่างสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตรก้าวปราดเข้าไปจัดสูตรขึ้นพาดพนัก
“ส่งคนตามมัน ถ้ามันตุกติก...” นัยน์ตาสีถ่านฉายประกายเหี้ยมน่าขนลุก
“ครับดอน” ราล์ฟก้มศีรษะรับคำสั่ง
“ไอ้แก่อัสโลเวเนล มันว่ายังไงกับข้อเสนอของเรา? หือม์ เอียน” คิ้วเข้มเหนือหน่วยตาเรียวคมกริบเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม มือหนาเสยเส้นผมสีดำที่เคยหวีเปิดหน้าผากให้ตกระลงมาจนวงหน้าแกร่งสมชายชาตรีดูอ่อนเยาว์กว่าวัย
ร่างสูงไม่น้อยหน้าราล์ฟฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์จนนัยน์ตาสีฟ้าใสเป็นประกายพราว
“ทางอัสโลเวเนลแฟมิลี่ติว่าข้อเสนอของเราเอาเปรียบมันมากเกินไป และขอคุยกับดอนอีกครั้งครับ” ประโยคนั้นรายงานเรียบร้อย....เรียบร้อยเกินไป
“เหอะ! ไอ้แก่ไม่เจียม!!” ราล์ฟดูถูกเสียงกร้าว
“มันขอพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกเพิ่ม แล้วมันจะส่งของให้เรามากกว่าเดิมล๊อตละ30%”
“แล้ว?”
กระดุมแขนเสื้อถูกปลดออก น้ำเสียงที่ใช้เรียบสนิทราวกำลังถามถึงสภาพอากาศของวันพรุ่งนี้
“ผมเพิ่งให้คนส่งของขวัญไปให้มันเมื่อเช้า” คล้ายมีรอยยิ้มประหลาดปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มนามเอียน “แขนขวาแช่แข็งอย่างดีของวิคเตอร์ อัสโลเวเนล!! ว่าที่รุ่นที่ 7 ของอัสโลเวเนลแฟมิลี่!!”
ใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับเชื้อสายอิตาเลียนฉายแววพึงใจ นัยน์ตาสีถ่านเริงรื่นราวถึงเวลาเฉลิมฉลองเทศกาลใหญ่
“ดี...” เสียงนุ่มปนทอดถอน มีความสุข “บอกมัน...หัวดองน้ำยาอย่างดีของไอ้สวะวิคเตอร์จะไปอยู่แทบเท้ามันทันทีที่ปฏิเสธอีกครั้ง!”
“ครับดอน”
เสียงประหลาดคล้ายเสียงตัวอะไรสักอย่างครวญคราง ดังแว่วออกมาจากภายใน ไหล่หนาที่เคยผ่อนคลายกลับเกร็งขึง
คิ้วเข้มขมวด นัยน์ตาคมกริบเย็นชา มือหนาเลื่อนลงแตะด้ามปืน เรียวขายาวก้าวเร็วๆ เข้าสู่ห้องนอนใหญ่ ตามติดด้วยลูกน้องร่างยักษ์
ไฟสีส้มสลัวจากกลางห้องส่องให้เห็นอะไรบางอย่างบนเตียงขนาดใหญ่
ก้อนกลมๆ ภายใต้ผ้านวมหนาขยุกขยุย
เอียนกระชับปืนคู่ใจในมือ ค่อยๆ สาวเท้าเข้าใกล้เตียงใหญ่ เสียงประหลาดผะแผ่วเล่นเอามือหนาแทบจะยกขึ้นปาดเหงื่อ เส้นผมสีแดงเพลิงระต้นคอเริ่มชื้นรวมเป็นกลุ่ม ร่างสูงสูดลมหายใจลึก ก่อนตัดสินใจ...
กระชากผ้านวมออก!!!
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาส่งผลให้ร่างไซส์ยักษ์ทั้งสามอึ้งสนิท ใบ้กินพูดไม่ออกเอาซะดื้อๆ
ปืนทั้งสามกระบอกค่อยๆ ลดลงจากตำแหน่งกะโหลกของชายหนุ่มร่างโปร่ง เส้นผมสีดำสนิทยุ่งเหยิงปรกวงหน้าขาวสะอาด แก้มใสย้อมสีระเรื่อ ริมฝีปากอิ่มเต็มแดงสดเผยอเผยให้เห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบจนน่าจับไปขายให้เอเจนซี่โฆษณายาสีฟัน
‘ไม่มีอะไรที่เกิดมาเพอเฟ็กต์’ คล้ายประโยคนี้จะวิ่งสวนสนามไปมาในหัวของดอนคอร์ลาโซ เดรโกนิส ดอนหนุ่มแฟมิลี่คอร์ลาโซ แฟมิลี่อันดับหนึ่งแห่งมหานครอิตาลี นัยน์ตาสีถ่านฉายแววเหยียดหยามแกมสมเพชจับยังเรียวแขนที่กอดรัดขวดเปล่าตราคนถือไม้เท้าแนบอก
“...อ..อือ...หนาว....” ไม่ว่าเปล่ามือบางข้างหนึ่งยังผละจากขวดเหล้ามาควานหาผ้าห่ม
นัยน์ตาสีเทาของราล์ฟเหลือบมองผ้าผืนใหญ่ในมือของชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าใส
“Uuhh! Spiacente! (โอ๊ะ! โทษที!)” เอียนรีบส่งผ้านวมให้มือขาว ส่งแล้วก็ต้องเกาหัวแกรกๆ ว่าแต่....เขาจะไปขอโทษคนที่บุรุกเข้าห้องเจ้านายทำแมวอะไรฟะ?
“ลากลงมา!!” เสียงทุ้มเหี้ยม
ร่างยักษ์สองร่างปราดเข้าประชิดสองข้างเตียงก่อนมือแกร่งทั้งสองคู่จะช่วยกันหิ้วร่างคนแคระ(ในหมู่พวกตน)ลงกับพรมข้างเตียงไม่ไยดี
“เอี้ย!!!...ครายถีบกูโตกเตียงขอให้มันเป็นเอี้ย!” ร่างเล็ก(ที่สุด)แหกปากลั่นจนคนจับโยนทั้งสองสะดุ้งโหยง ตีหน้าปั้นยาก
สรุป...พวกกรูเปลี่ยนสปีชีส์แล้วใช่ไหม?
“นายเข้ามาได้ยังไง?” เดรโกนิสถามเสียงเรียบพลางเดินเข้าใกล้ร่างหมดสภาพของตรีเนตร ภาษาไทยของเขาแม้จะมีแปร่งบ้างแต่ก็ฟังเข้าใจง่าย
นัยน์ตาสีนิลเยิ้มฉ่ำค่อยๆ ปรือขึ้น มองไล่จากรองเท้าหนังสีดำสนิท สแล็คเนื้อดีสีดำ เสื้อเชิ้ตสีดำ แล้วหัวเราะคิก
“คุณเพิ่งกาบจากงานศพเหรอ?” เสียงอ้อแอ้เหมือนเด็กหัดพูดว่าไปคนละเรื่อง
คนถูกถามขมวดคิ้ว ก่อนทรุดตัวลงนั่งขอบเตียงใกล้ร่างบาง
“ทำไมต้องกลับจากงานศพ?”
ตรีเนตรหัวเราะค่อยๆ ใช้มือยันกายขึ้นนั่งบนพื้น ลำตัวเพรียวโงนไปเงนมาสุดท้ายก็พิงเข้ากับขอบเตียง
“ก็....ดูดิ เสื้อผ้าสีอื่นมีต้างเยอะแยะแต่คุณดันส่ายแต่ดำท้างตัวเหมือน...เหมือนไว้ทุกข์!”
เจ้าพ่ออิตาลีหยักยิ้มหยัน “ใช่..ไม่แน่....ฉันอาจกำลังได้ไปงานศพ” มือแกร่งสอดเข้าไปในเรือนผมสีนิลยุ่งเหยิงช้าๆ ก่อน..
..
..
....กระชาก!!!
“ถ้ายังไม่อยากเป็นศพ! บอกฉัน!! นายเข้ามาในห้องได้ยังไง?” เสียงเรียบ เย็นเยียบ
ร่างเล็กร้องลั่นแต่ก็ต้องหยุด เมื่อรู้สึกราวเสียงร้องยิ่งดังมากเท่าไรแรงกระชากก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
นัยน์ตาสีนิลฉ่ำเยิ้มคลอคลองหยาดน้ำตาตวัดมองวงหน้าแกร่งเฉยชาราวรูปสลักหินอ่อนไร้ชีวิต
“เดินเข้ามา!! ใครมันจะบ้าตีลางกาเข้าห้อง” เสียงนุ่มกระแทกก่อนประชด
มือหนาคลายออกแต่เรียวนิ้วแกร่งยังคงไล้เล่นเส้นผมนิ่มของคนตัวเล็กกว่า “แล้ว...เข้ามาทำไม?”
คิ้วเรียวขมวดมุ่น“เข้ามาเล่นป๊อกเด้งม้าง ว่าแต่...พวกคุณเป็นใคร?”
“ฉันถามนายก่อน...”
“เข้ามานอนโว้ย!!!”
“ดอนครับ เก็บเลยไหม? ไม่แน่อาจเป็นพวกของไอ้แก่อัสโลเวเนล” ราล์ฟถามขึ้นในที่สุด
“นั่นสิครับ เก็บซะดีกว่าเพราะถ้าไม่ใช่อัสโลเวเนลก็อาจเป็นของแฟมิลี่อื่น” เอียนสนับสนุน
“พวกแกลืมล็อคห้องใช่ไหม?” ยักษ์สองตัวยิ้มแหยเมื่อนัยน์ตาคมกริบปรายมองก่อนพาลคิดตรงกันโดยมิได้นัดหมาย
หรือ...งานศพที่นายกำลังจะไป มันเป็นของพวกเขาไม่ใช่ไอ้หนุ่มนี่วะ?
“อารายน้า เก็บเหรอ หรือ...พวกคุณเปน.....” เสียงอ้อแอ้ลากยาวดวงตาคู่สวยมองตรงยังยักษ์สองตัวที่เริ่มจะตัวลีบตัวเขียว
“โอ๊ย!! เป็นอะไร๊ ไม่ได้เป๊น!!” เสียงห้าวสองเสียงปฏิเสธเป็นพัลวัน
เดรโกนิสเลิกคิ้วน้อยๆ นัยน์ตาสีถ่านคู่ดุเริ่มฉายแววขัน
นานๆ จะได้เห็นลูกน้องคู่กายหลุดมาดสักที แม้จะงงว่ามันปฏิเสธไปทำบ้าอะไรก็เถอะ
กับแค่ทำธุรกิจนอกกฎหมายนิดๆ ฆ่าคนหน่อยๆ ค้าของเถื่อนบางโอกาส เปิดบ่อนบ้าง ค้าอาวุธบางครั้ง ปล่อยเงินกู้นอกระบบ...แล้วไง? ทำไมต้องปิด? ค้ายาก็เลิกตั้งแต่รุ่นทวด!!
“เป็นสิเป็น” คออ่อนพยักหงึกหงัก “เป็นแน่ๆ”
“บอกว่าไม่เป็นก็ไม่เป็นสิ มาฟงมาเฟียอาไร๊ ไม่เคยเป๊น Oops!!” ราล์ฟปิดปากตาเหลือก
“น่านสิ ฆ่าคนก็ไม่เค๊ยไม่เคย ปืนก็ยั๊งไม่เคยแตะ damn!!” เอียนทำเนียนต่อจากราล์ฟแต่ก็ต้องสบถพรืด เมื่อผู้เป็นนายเลื่อนสายตามายังวัตถุสีดำมะเมื่อมบรรจุลูกตะกั่วหัวเปราะในมือยักษ์ดวง(รุ่งทางฆ่า ข่มขู่)ไม่รุ่งทางด้านแหล
“อื๋อ...ทามมายเมดตามโรงแรมเค้าต้องฆ่าคนกานด้วยเรอะ?” ประโยคนั้นบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวงงจริง
เท่านั้นล่ะร่างสูงที่นั่งฟังเรื่องงี่เง่ามานานก็ต้องหัวเราะก๊าก นัยน์ตาคมมีแววสมเพชจับจ้องยังหน้าของสองยักษ์ที่เอ๋อยิ่งกว่าถูกตำรวจบุกจับกะทันหัน
“เมด?” เอียนพึมพำแผ่ว
ร่างบางพยักหน้ารับ “หรือ...ม่ายช่าย?”
“ใช่จ้ะใช่ เมดแท้ๆ ไม่ชุบไม่ลอกเลยนะเออ” ราล์ฟโฆษณา
“ง้าน...” มือเรียวยื่นขวดแก้วเปล่าๆ ไปทางสองร่างใหญ่ “เอาปายทิ้งด้วย ติ๊ปปายเอาที่ไอ้รัญ” ประโยคหลังเริ่มโบ้ยถึงเพื่อนสนิท ส่อสันดานชาติเกลือไม่ทิ้งความเค็ม
เอียนยื่นมือไปรับแม้จะยังก๊ง
เรียวนิ้วแกร่งม้วนพันเส้นผมของคนที่นั่งข้างล่างเล่น นัยน์ตาสีถ่านนิ่งเรียบก่อนจะเข้มขึ้นเมื่อตวัดขึ้นมองเม็นอินแบล็คมาดหลุด
“พวกแกออกไปได้แล้ว” เสียงทุ้มสั่งเรียบ
“ดอนครับ....เรื่องกลับอิตาลี”
“เวลาเดิม”
“แล้ว....” นัยน์ตาสีฟ้าใสกับนัยน์ตาสีเทาจ้องเขม็งไปยังร่างเล็กข้างเตียงที่นั่งยิ้มหวานจ๋อย
“เรื่องของฉัน”
“ครับดอน”
ห้องใหญ่ตกอยู่ในความเงียบเมื่อลับร่างของราล์ฟและเอียน
นัยน์ตาสีนิลช้อนขึ้นมองร่างสูงด้วยความสงสัย “ทำไมนายไม่ออกไปด้วย?”
ร่างหนายักไหล่ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เรียวนิ้วแกร่งจัดการปลดกระดุมเสื้อที่เหลือออกจนหมด “ฉันจะอาบน้ำ นายก็น่าจะอาบด้วย ฉันไม่ค่อยชอบให้คนที่มีกลิ่นนอนข้างๆ” แล้วร่างสูงก็สาวเท้าเข้าห้องน้ำไม่สนใจอะไรอีก
มือใหญ่ละจากการเช็ดหยดน้ำพราวบนเส้นผม คิ้วได้รูปขมวดมุ่น
“ทำอะไร?”
คนถูกถามมองหน้าเดโกรนิสราวชายหนุ่มมีเขาหรือมีนองอกออกมากะทันหัน
“กินเหล้า” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ชูขวดในมือให้ร่างสูงดู
“เจอที่นู่น” ตรีเนตรพยักเพยิดไปทางตรงข้ามกับที่ดอนหนุ่มยืนอยู่ “สักหน่อยไหม?”
นัยน์ตาสีถ่านฉายแววประหลาด “เหล้า?”
“เออ รสชาติมันแปลกๆ ไปหน่อยแต่ก็พอกินด้าย” คิ้วเรียวขมวดมุ่นพลางยกขวดขึ้นเขม้นมองฉลากที่มีตัวหนังสือเบลอทับซ้อนเหมือนฉลากไม่ได้คุณภาพ “ยี่ห้อ...โออิชิ... หือม์ เดี๋ยวนี้บริษัทนี้มานหานมาผลิตเหล้าแข่งกาบแม่(ไอ้)โขงหรือแสง(โต้น)โสมแล้วเหรอ”
“เหล้ายี่ห้อโออิชิ? Jesus!!” เสียงทุ้มพึมพำพลางสาวเท้าเข้าใกล้ร่างบาง นัยน์ตาสีนิลมองเดรโกนิสวาวระยับ จนคนถูกมองระแวงแปลกๆ
ร่างหนาเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นแผงอกแกร่งด้วยมัดกล้าม หน้าท้องไร้ไขมันส่วนเกินมีเพียงซิกแพ็คให้ตรีเนตรมองแล้วอิจฉาเล่น
เรียวนิ้วขาวยื่นไปลูบไล้ผะแผ่ว ตั้งแต่อกแข็งระเรื่อยลงถึงสะดือได้รูป ลากระตามแนวขนที่ส่งเสริมให้ร่างสูงดูเซ็กซี่มากกว่าจะดูรกหรือสกปรกอย่างที่เคยเห็นในฝรั่งบางคน
มือใหญ่คว้าจับข้อมือขาวแน่นก่อนที่จะเลยเถิดมากกว่านั้น “คิดจะทำอะไร?” เสียงทุ้ม ดุ
นัยน์ตาสีนิลกะพริบถี่แล้วช้อนมองร่างแกร่งซื่อๆ “ก็ลูบดูงาย ทำยังไงน่ะถึงได้กล้ามสวยขนาดนี้?” แล้วนิ้วเรียวก็ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกบ้าง
ไม่นานเสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่ก็ลงไปกองบนพรมสีเข้มเผยให้เห็นผิวเนียนละเอียดตามเชื้อสายจีนและอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี
ปากอิ่มสีเชอรี่สดเบ้น้อยๆ มือขาวเลื่อนลูบไล้บนอกขาวลากระผ่านจุดสีชมพูเด่นทั้งสองข้าง “เห็นไหม? ไม่มีกล้ามสักนิด” เลื่อนลงยังหน้าท้องแบนราบ “นี่ก็เหมือนกันซิกแพ็คก็ไม่มี เหอะ!!” เจ้าตัวดีทำเสียงขึ้นจมูก “ขนตามตัวก็ยังไม่ค่อยมีอีก! ใช้ยาปลูกขนก็ยังไม่ได้เรื่อง” หลังๆ เจ้าตัวเริ่มพึมพำ
มือเรียวจับมือใหญ่วางแหมะลงบนหน้าท้องเนียนขาวลากลากมืออุ่นวนไปมา “นิ่มช่ายป่ะ? บอกหน่อยดิทามงายมีซิกแพ็ค”
นัยน์ตาคู่คมเบิกกว้างก่อนแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิท “นายยั่วฉัน?”
ดวงตาฉ่ำเยิ้มเบิกกว้างบ้าง ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มเต็มที่เมื่อสมองขับเคลื่อนด้วยแอลกอฮอล์ประมวลผล “ยั่วคุณ แล้วผมจามีซิกแพ็ค?”
“Hell!!!!” ร่างสูงสบถเมื่อร่างเล็กโถมเข้าหาเขาทั้งตัวจนเสียหลักหงายหลังลงบนพรมหนา
“จะทำอะไร?” เสียงทุ้มตวาด มือใหญ่ข้างหนึ่งจับมือซนที่กำลังจะล้วงเข้าไปในที่ที่ไม่ควรจับ ส่วนอีกข้างยันหน้าของตรีเนตรให้ออกห่าง
“ยั่วคุณไง แล้วเขายั่วกันไงอ้ะ? เออ ช่างมานเถอะ นอนนิ่งๆ นะ เดี๋ยวก็ดีเอง พี่ตรีจาทามเบาๆ นะจ๊า ม่ายต้องกลัว” ฟังเสียงพึมพำของไอ้คนข้างบนแล้วดอนหนุ่มก็ต้องตาเหลือก
ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เดรโกนิสรู้จักกับคำว่าช็อค แต่แล้วก็พ่นคำสบถยาวเหยียดเมื่อไอ้คนที่นอนทับเขามันสะบัดมือหลุดออกมาจนได้
มือเล็กตะครุบลงปลดเข็มขัดร่างสูงแล้วหัวเราะคิกคักชอบใจ แต่คนตัวใหญ่กลับรู้สึกอยากจะkickมันไปไกลๆ
มือหนาที่ยันหน้าผากตรีเนตรไว้ถูกถอนกลับมากุมขมับ
ปวดหัว เกิดมาไม่เคยเจอไอ้ตัวไหนมันปั่นหัวได้ขนาดนี้....
ที่สำคัญ....
..
..
...
....คนอย่างดอนเดรโกนิส คอร์โลซา ไม่เคยเป็นฝ่ายรับเฟ้ย!!
นัยน์ตาสีถ่านส่อประกายประหลาดจับยังดวงหน้าหวานที่ค่อยๆ ซุกซบลงบนอกแกร่ง ริมฝีปากบางแสยะยิ้มเย็นเมื่อขยับกายลุกพรวดจนตรีเนตรผงะ
แขนแกร่งตวัดช้อนร่างบางโยนลงบนเตียงนุ่ม ร่างเล็กกะพริบตาปริบๆ มองตามร่างหนาที่ผละห่าง
ริมฝีปากสีสดเผยอค้างเมื่อร่างสูงสลัดกางเกงที่หลุดลุ่ยออกไปไม่ไยดี
“เป็นอะไรไป? อยากยั่วฉันไม่ใช่หรือไง?” เสียงนุ่มกลั้วหัวเราะ ร่างหนาเคลื่อนทาบทับร่างเล็กที่กำลังเหวอ
มือร้อนเคลื่อนระจากหน้าผากขาวจมูกได้รูปแก้มเนียนละเอียดริมฝีปากอิ่มเต็มลามไล่ยังลำคอระหงลาดไหล่นวลเนียนแผ่นอกขาวสะอาดหน้าท้องแบนราบไร้ไขมันส่วนเกิน
“เป็นอะไรไปคนเก่ง ยั่วฉันสิ” ตรีเนตรสะดุ้งเฮือกเมื่อมือแกร่งกระชากแสล็คพร้อมชั้นในออกจากเรียวขา
นัยน์ตาสีนิลสบนัยน์ตาสีถ่านคุกรุ่นราวถ่านร้อน ริมฝีปากอุ่นเม้มติ่งหูนิ่มก่อนกระซิบเสียงพร่า “ฉันไม่ใช่คนที่ใครจะมาปั่นหัวง่ายๆ หรอกนะ Cara”
*เดี๋ยวมาต่อให้จ้ะ*
สำหรับตอนต่อไปทั้งตอนรบกวนเข้าไปหาในtwitter @SatangBนะคะ แล้วดูที่โปรไฟล์จะมีประตูนะคะ ลำบากนิดนึงเนอะ แต่ไม่อยากเสี่ยงโดนแบนแล้วค่ะ ถ้ายังไงสอบถามกันได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีลอกอินทวิตก็ดูได้นะคะ
ด้วยรักและคิดถึง
สตางค์
A-Comment Festival[1]
|
||||
|
||||
|
|
Name : ลมหนาว [ IP : 202.12.73.18 ] |
ขอบคุณที่ชอบจ้ะ ตอนต่อไปมาแล้วนะ
|
||||
|
||||
|
|
Name : นกฮูกสีฟ้า< My.iD > [ IP : 125.24.158.116 ] |
คิดว่าหวานคงออกแนวสาปแช่งพวกเจ้ๆ มากกว่านะคะ^^”
|
||||
|
||||
|
|
Name : พี่ปลาโอ เองค่ะ< My.iD > [ IP : 203.144.139.229 ] |
||
|
||||
|
||||
|
|
Name : พี่ปลาโอ เองค่ะ< My.iD > [ IP : 203.144.139.229 ] |
นั่นสิคะทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องสั้นแต่แต่งไปแต่งมามันชักยาวจนต้องหั่นพล๊อตออก!!
แล้วก็...พี่ปลาโอคะถ้าต้องการเจอคุณชนมาดรั่วต้องคอยตอนพิเศษนะคะ(แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้แต่ง) เฮ้ออออ~
|
||||
|
||||
|
|
Name : Angell3lood< My.iD > [ IP : 125.27.166.13 ] |
=.,=ชมคนแต่งเหรอคะ
|
||||
|
||||
|
|
Name : hikime [ IP : 117.47.123.21 ] |
น้อมรับคำชมค่ะ
|
||||
|
||||
|
|
Name : ja_ja_< My.iD > [ IP : 125.27.52.223 ] |
เจจ๋าเอามาขัดดอกอีกหนึ่งเรื่องแล้วนะจ๊ะ ส่วนIllusion Curseน่ะไว้คราวหน้าจะมาลงตอนต่อให้นะจ๊ะ ตอนนี้เอาตอนพิเศษของธามกับท่านจ้าวไปก่อนแล้วกันนะ
|
||||
|
||||
|
|
Name : พี่ปลาโอ< My.iD > [ IP : 203.144.139.226 ] |
พี่ปลาโอขา.....หนูมีเรื่องจะจ๋าระป๊าบคือหนูไม่ได้ชื่ออ้อยค่ะอันนามปากกาE-o-I นั้นมันเกิดขึ้นมาได้จากการหลับตาจิ้มมั่วแล้วได้สระภาษาอังกฤษมาสามตัวจึงเอามาเรียงต่อกันค่ะ
พี่ปลาโอจะเรียกหนูว่าตังค์ก็ได้เน้ออออออออออ (อ้อนสุดฤทธิ์)
ขอบคุณที่เมนท์ให้เสมอมานะคะ
ป.ล.อย่าเพิ่งงอนนะจ๊ะถ้ามาลงช้าแต่ละครั้ง
|
||||
|
||||
|
|
Name : [Z]e[L]es< My.iD > [ IP : 125.27.160.179 ] |
-.,- อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด ชมคนแต่งอีกแล้ว อย่างนี้มีเขิลนะคะเนี่ย
|
||||
|
||||
|
|
Name : [ IP : 203.144.139.230 ] |
ตัวเองก็….อย่าเพิ่งงอนจิ ตอนนี้เค้ามาต่อให้แล้วน้า...
ความคิดเห็น