คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : I need you (ราศีกรกฏ-Cancer)2(จบ)
Romantic Movement
Series :จักรราศี
Title: I need you (ราศีกรกฏ-Cancer)2
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเหล่าเทเลทับบี้บอกลา(?) ท้องฟ้าเปลี่ยนฉากจากครามสดใสกลับกลายเป็นสีครึ้มน้ำเงินเข้มประดับด้วยดวงจันทร์เว้าแหว่งเหมือนส้มถูกหนูแทะ ล้อมรอบด้วยดาวละม้ายคล้ายคอนเฟล็กซ์กระจัดกระจาย(ก็ฝีมือหนูตัวเดียวกันนั่นล่ะที่แทะกล่อง)
ตึกร้านบ้านช่องบางร้านปิดสนิทเป็นสัญญาณแห่งการพักผ่อน แต่ก็มีบางส่วนที่ทยอยเปิดประตูขึ้นเพื่อเริ่มต้นเปิดร้าน เมืองที่อับด้วยแสงตะวัน สว่างจ้าด้วยแสงหลอดไฟหลากสี
“กรี๊ดดดดด ไอ้หวานนี่แกได้อยู่สองต่อสองกับคุณชนของพวกฉันจริงอ้ะ?”
“แล้วผมจะโกหกพวกเจ้หาวิมานลอยอะไรเล่าเจ้จ๋า” เสียงนุ่มหน่าย มือเรียวตักข้าวต้มเข้าปาก
“เดี๋ยวนี้มีย้อนนะยะ ย้อนมาก ๆ เจ้มีย้อนกลับด้วยหลังมือนะเออ” จารุกรยิ้มหวานแต่เสียงเหี้ยม
“ดูแลคุณชนของพวกเราดี ๆ นะจ๊ะหวาน” วราลีฝากฝัง
อวิรุทธิ์เบ้ปาก “เจ้านายเขาไปเป็นของพวกเจ้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“พี่หวานนี่ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย” ท้ายประโยคของนิสาเริ่มเป็นเพลง
“คุณชนน่ะเป็นของพวกเราตั้งแต่วินาทีแรกที่รับพวกเราเข้ามาทำงานแล้วค่ะ”
“ซะงั้น” เจ้าตัวตอบไม่ใส่ใจ นัยน์ตาคู่สวยยังคงทอดมองเพียงกับข้าวและชามข้าวต้ม
“แล้วนี่หวานทิ้งคุณชนไว้ที่โรงแรมคนเดียวหรือจ๊ะ หวานจะกลับบ้านยังไง”
“โถ...เจ้ลีก็ ผมทิ้งที่ไหนเล่า เดี๋ยวกินข้าวต้มเสร็จค่อยกลับไปนั่งคอยเจ้านายที่โรงแรมก็ได้ เจ้านายไปคุยกับเพื่อน ป่านนี้เขาคงไปหาอะไรกินกันแล้ว เรื่องอะไรผมต้องหิ้วท้องรอเขาล่ะ ท้องไม่ได้ติดกันสักหน่อย”
“นั่นล่ะย่ะ บ้านฉันเขาเรียกว่าทิ้ง คุณชนเขาสั่งเสียให้แกนั่งคอยที่คอฟฟี่ชอปชั้นล่างของโรงแรมไม่ใช่หรือไง?” จารุกรประชดพลางคีบเป็ดย่างชิ้นสุดท้ายจากถ้วยอวิรุทธิ์เข้าปาก
ร่างโปร่งอ้าปากค้างมองเป็ดลอยหวือไปต่อหน้าต่อตา
“งี้ได้ไงอ่ะเจ้ อยากกินก็สั่งใหม่เด่ะ แย่งจากถ้วยคนอื่นอย่างนี้ใช่ได้ที่ไหน”
“หวาน...แกไม่รู้หรือไง” สาวร่างอวบเลิกคิ้ว
“อะไร?” เสียงสะบัด
“ของทุกอย่าง...ต้องแย่งถึงจะมันส์!!”
“งั้น...สาธุ! ขอให้คู่หมั้นเจ้มีกิ๊ก เจ้จะได้มันส์”
“ไอ้หวาน!! ไอ้น้องอัปรีย์!! ไอ้...” จารุกรแทบลุกขึ้นเต้น นิ้วชี้อวบชี้ดวงหน้าหวาน ลอยหน้าลอยตา
“พี่หวานคะ โทรศัพท์ค่ะ” นิสาสะกิดเพื่อนรุ่นพี่ที่ออกท่าออกทางยั่วโมโหจารุกร
ร่างบางตะครุบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนมืออวบของจารุกรเพียงชั่วเสี้ยวนาที แว่วเสียงจิ๊จ๊ะจากสาวร่างอวบ
“โทรศัพท์ผมไม่ต้องการโอเปอเรเตอร์ครับเจ้”
ริมฝีปากสีสดที่ฉีดยิ้มเยาะเย้ย ตกห้อยลงฉับพลันเมื่อเห็นเบอร์ที่แสดงยังหน้าจอ
“หน้าเหมือนหมาโดนยาเบื่อขนาดนั้น เจ้าหนี้โทรมาหรือไงยะ” เสียงของคนอาสาเป็นโอเปอเรเตอร์กระแนะกระแหน พร้อมส่งตะเกียบไปคีบตีนไก่ตุ๋นจากถ้วยของชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่ร่วมโต๊ะ
“ผมไม่ได้มีหนี้เป็นบานตะไทแบบเจ้นี่” อวิรุทธิ์ประชดกลับ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่รับสักทีได้แต่ปล่อยให้โทรศัพท์สั่นอยู่บนมือที่สั่นพอ ๆ กัน
“แหม...ก็หนี้รักไงจ๊ะ” วราลีตบมุขของจารุกรจนคนฟังหน้าซับสีโลหิต
ในที่สุดร่างโปร่งก็ตัดสินใจรับสาย(ได้สักที)
“หวานพูดครับ....ครับ...อยู่ที่ร้านข้าวต้มข้างโรงแรมน่ะครับ.... ” ร่างบางพูดเสียงเบาพลางขยับเอนกายหนีท่าทางสอดรู้สอดเห็นของผู้ร่วมโต๊ะ
“เอ๋...ยังไม่ได้ทานอะไรหรือครับ...ทานข้าวต้มได้ไหม หรือจะหาอะไรทานที่อื่น....งั้นก็เดินออกจากประตูแล้วเลี้ยวซ้ายตรงมาเลยครับ....ครับ....ใช่...ตรงมาก่อนครับ...ให้หวานออกไปรอหน้าร้านไหม?...โอเค งั้นชนเดินมาเรื่อย ๆ หาร้านข้าวต้มโต้รุ่งร้านใหญ่ ๆ ที่มีคนเยอะ ๆ นะ...ถ้าหลงก็โทรมา เดี๋ยวหวานไปรับ”
“ใครโทรมาอ้ะ?” จารุกรถามทั้ง ๆ ที่ยังเคี้ยวหมูเค็มหยับหยับเต็มปาก
“เจ้จ๋าเจ้ทำตัวให้เหมือนกุลสตรีเหมือนน้องสา หรือทำตัวน่านับถือแบบเจ้ลีหน่อยได้หรือเปล่า?” น้ำเสียงติดจะรังเกียจ
“ฉันถามว่าใครโทรมา?”
อวิรุทธิ์ฉีกยิ้มกวนประสาท ส่งตะเกียบไปคีบกาน่าฉ่ายแต่ก็ต้องถูกตะเกียบของจารุกรสกัดดาวรุ่งด้วยการกดไว้
“ไอ้หวาน อย่าทำให้เจ้มีน้ำโห” เสียงกดต่ำคล้ายคำราม
“นั่นสิใครเหรอหวาน พี่ได้ยินคำว่าชน ชล เพื่อนหวานหรือจ๊ะ” สาวใหญ่ร่างสมส่วนถามบ้าง
ร่างบางวางตะเกียบตีสีหน้าอึกอักแปลก ๆ
“เจ้คะ เจ้!!” เสียงของนิสาตื่นเต้น จนสองสาวที่ถูกเรียกหันขวับ
“เจ้ลี!!! นั่นใช่คุณชนหรือเปล่า หรือจ๋าตาฝาด” จารุกรถอดแว่นออกมาเช็ดก่อนสวมกลับเข้าไปใหม่
“เฮ้ย!! คุณชน!!”
ทั้งสามสาวหันมายังร่างโปร่งของหนึ่งหนุ่มที่นั่งตีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมขวับ
“อย่าบอกนะจ๊ะว่าชนตะกี๊น่ะคุณชนาธิปเจ้านายเรา?” วราลีถามเสียงหวาน
“ก็นั่นล่ะครับ ที่ผมกำลังจะบอก” น้ำเสียงอ่อยสนิท ไม่เหลือมาดยวน
เสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงแสล็คเนี้ยบเรียบสะบัดบวกกับดวงหน้าราวรูปสลักกรีก ส่งให้ร่างสูงใหญ่กลายเป็นจุดเด่นในร้านข้าวต้มพลุกพล่านจอแจได้ไม่ยาก แต่ก็คล้ายเจ้าตัวจะเคยคุ้นกับสายตาสารพัดชนิด เช่น เชิญชวน ชื่นชม หมั่นไส้ ฯลฯ อะไรประเภทนี้อยู่แล้วระยะการก้าวจึงยังคงสม่ำเสมอปกติ ไม่มีรอยประหม่าแม้สักนิด
จารุกรรีบคว้าทิชชู่จากกลางโต๊ะมาเช็ดปากมันแผลบ แล้ววางท่าที่ค่อยดูเป็นผู้เป็นคนในสายตาของอวิรุทธิ์
“สวัสดีค่ะคุณชน” สาวใหญ่อาวุโสวัยที่สุดเอ่ยทัก เมื่อร่างสูงทรุดตัวลงนั่งใกล้ร่างโปร่งที่ยังก้มหน้าก้มตากิน ในขณะที่จารุกรกับนิสายกมือไหว้ทักทาย
บรรยากาศที่เคยเฮฮาเงียบสนิท สามสาวเกร็งจนแทบตกเก้าอี้ จนนิสาที่คงทนบรรยากาศไม่ไหวต้องขอตัวไปห้องน้ำโดยมีวราลีตามไปเป็นเพื่อน ส่วนเจ้านายหนุ่มก็ยังคงเก๊กเสมอต้นเสมอปลาย ร่างบางส่ายหัวหน่ายก่อนเอ่ยถาม
“ไหนชนบอกว่าหิว?”
“ตั้งแต่เที่ยงผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยนอกจากกาแฟ” เสียงทุ้มบ่น
จารุกรจึงรีบ(เอาใจเจ้านาย)เรียกพนักงานเสิร์ฟเพื่อสั่งเพิ่ม
“ผมขอข้าวต้มอีกสองนะเจ้” เสียงนุ่มไม่อนาทรร้อนใจ
“ไปอดอยากมาจากไหนยะ ข้าวต้ม 1 ข้าวสวย 2 นี่ยังไม่พออีกหรือ” จารุกรค่อนขอดไม่ไว้หน้า
ร่างโปร่งยักไหล่ “ยังไม่ถึงครึ่งท้องด้วยซ้ำ”
“หาแฟนได้เมื่อไหร่ อย่าพาเขาไปกินอะไรนะยะเดี๋ยวจะเสียแฟนตั้งแต่เพิ่งเริ่มคบ” เสียงกระแนะกระแหนเหน็บแนม
“เจ้ก็อย่าไปกินอะไรให้คู่หมั้นเห็นล่ะ เดี๋ยวเขาถอนหมั้นเอา มันจะยุ่ง” ประโยคโต้กลับแสบจี๊ดไม่แพ้กัน
“ไอ้หวาน!!”
เรียวนิ้วสวยชี้หน้าจารุกรก่อนส่ายไปมา
“ไม่เอาไม่พูดนะครับเจ้คนสวย” นัยน์ตาหวานมีแววยั่วกิเลสปรายเป็นนัยน์ไปยังร่างสูงที่นั่งข้าง
จารุกรแยกเขี้ยวก่อนหันไปยิ้มแหยให้ชนาธิป ร่างสูงก็เพียงแต่ยิ้มกลับ นัยน์ตาคู่คมพราวระยับ
“คุณชนดูสิคะ หวานปากร้าย” เห็นเจ้านายไม่ว่า สาวเจ้าจึงรีบฟ้อง
“นั่นสิปากร้าย เด็กนิสัยไม่ดี” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะจนร่างบางค้อนกราดทั้งรุ่นพี่ทั้งเจ้านายก่อนจะก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจใครอีก เรียกเสียงหัวเราะของชนาธิปและจารุกรได้อย่างดี เมื่อวราลีกับนิสากลับมาบรรยากาศจึงกลับมาเฮฮาอย่างเดิมคล้ายชนาธิปเป็นผู้ร่วมโต๊ะกับสามสาวหนึ่งหนุ่มมาตั้งแต่แรก
“โอ๊ย!!! อิ่ม!! ปวดท้อง!!” ร่างบางแหกปากหลังเดินออกจากร้านข้าวต้มจนคนฟังได้แต่ส่ายหัวระอา
“ก็ใครใช้ให้แกกินแบบชูชกยัดทะนานล่ะยะ” จารุกรถามมีแววสมเพชเวทนาชัด
“ตัวเองก็กินพอ ๆ กับเค้ายังมีหน้ามาว่าเค้าอีก” เสียงนุ่มบ่นก่อนจะชะลอฝีเท้าลงเดินคู่กับเจ้านายหนุ่มที่เดินรั้งท้าย
“ชน แวะซื้อของเข้าบ้านก่อนได้ไหม ในครัวมีของไม่ครบ”
“จะซื้อที่ไหน ป่านนี้ร้านขายของชำเขาปิดกันหมดแล้ว”
“ไปห้างไหม? ห้างปิดสี่ทุ่มนี่เพิ่งจะสามทุ่มแถมห่างจากที่นี่ไม่มากด้วย”
ร่างสูงพยักหน้ารับไม่โต้แย้ง
“เจ้ลี น้องสา ไปเดินย่อยอาหารในห้างไหม?”
“อ้าว! แล้วฉันล่ะยะไอ้หวาน”
“ผมรู้ ถึงไม่ชวนเจ้ก็ไปอยู่แล้ว” น้ำเสียงกวนประสาท
“หยาบคาย!!”
“หรือไม่ไป?”
“ไป!!!” เสียงตอบหนักแน่น
“เอาอะไรอีก?” เสียงทุ้มถามพลางเข็นรถเข็นตามร่างโปร่ง
“เดี๋ยวหวานไปดูของสด ชนช่วยไปหยิบซีอิ๊วกับน้ำมันหอยให้หน่อย เมื่อเช้าตอนผัดข้าวไม่มีซีอิ๊วเลยต้องใช้เกลือแทน”ร่างบางพูดติดจะบ่น
“มิน่าข้าวผัดเมื่อเข้าถึงเค็มปะแล่มปะแล่มแถมยังมีเกลือเป็นก้อน ๆ ด้วย”ชนาธิปพูดหน้าตาย
“อย่ามั่วนะชน จะเจอเกลือเป็นก้อนได้ไงก็ก่อนใช้หวานเอาเกลือไปละลายน้ำก่อน”
ร่างสูงตีหน้าเหลอ
“อ้าว!!! เหรอ”
“อย่ามาเนียน รีบไปหยิบเลยไป”
“ครับ ครับ”
“ไอ้หวานแกมากับพวกฉันเดี๋ยวนี้เลยนะยะ” จารุกรกระชากแขนเสื้อร่างโปร่งให้เดินตามเมื่อลับร่างร่างสูง
“แกไปสนิทกับคุณชนตั้งแต่เมื่อไหร่?” จารุกรตั้งกระทู้
“นั่นสิ แถมยังเรียกชื่อกันเฉย ๆ อีกต่างหาก” วราลีเสริม
“หวาน...อย่างกับคู่ข้าวใหม่ปลามันมาฮันนีมูนสวีทวี้ดวิ้วกันแน่ะค่ะ” นิสายุส่งพลางทำตาลอยเคลิ้มฝัน
ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง แพ็คเนื้อสันในแทบจะหล่นจากมือ
“จะบ้าเรอะสา!! หาเรื่องฟ้าผ่ามาให้พี่แล้วไหมล่ะ” น้ำเสียงติดจะบ่น นัยน์ตาคู่สวยกราดมองดวงหน้าของสามสาวที่ยังคงทำหน้าจริงจัง
“แล้วที่เจ้จ๋าถามน่ะ ผมสนิทกับเขาตั้งนานแล้วเพราะผมเป็นเลขาเขา ส่วนไอ้ที่เรียกชื่อกันห้วน ๆ เพิ่งมาเริ่มวันนี้เมื่อเช้า เจ้านายท่านบอกว่าเรามาเที่ยวsoเราควรทำตัวรีแลกซ์ เข้าใจยัง?”
“เข้าใจ!!”สามสาวตอบพร้อมเพรียง
อวิรุทธิ์ถอนหายใจ “งั้นก็ดี”
“แต่ไม่เชื่อ!!!” สามเสียงประสานลั่น
“เฮ้ย!! ไหงงั้น” คราวนี้แพ็คกระดูกหมูร่วงผลุง
“หวานรู้ไหมจ๊ะ ขนาดพี่กับคุณฟ้าแต่งงานกันมาหกปียังไม่สวีทกันขนาดหวานกับคุณชนเลยนะจ๊ะ” วราลีถามเสียงหวานแต่คนฟังสะอึกยิ่งกว่าโดนด่า
“กับคู่หมั้นที่รักและเคารพ ฉันก็ยังไม่เคยช่วยเขาถอดกระดุมคอเสื้อหรือพับแขนเสื้อให้เขาเหมือนที่แกทำให้คุณชนเลยนะเว้ย” จารุกรกระหน่ำซ้ำคนใกล้ทรุด
“แล้วพี่หวานรู้ไหมคะ ท่าทางตอนพี่หวานกับคุณชนเลือกของกันน่ะเหมือนกับคู่สามีภรรยากำลังซื้อของกลับเข้าบ้านเด๊ะเลยค่ะ” นิสาใช้หมัดอัปเปอร์คัตดอกสุดท้ายน็อคร่างโปร่งจนแทบลงไปนอนจมกองเลือด(?)อยู่กับพื้น
“ผมไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน ตอนอยู่ที่บริษัทบางครั้งผมยังเคยผูกไทให้เจ้านายเลยแล้วเวลาเลือกซื้อของมันก็ต้องมีเถียงกันบ้างสิถ้าของยี่ห้อนั้นไม่ดี” น้ำเสียงแม้จะอ่อนอ่อยแต่ก็ยังสู้ยิบตา
“เหรอ!!!” สามเสียงประสานลั่นบอกความไม่เชื่อ
ร่างบางแทบอยากจะร้องไห้
“พวกเจ้ยุผมให้มาก ๆ เท๊อะ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะบุกเข้าไปปล้ำเจ้านายให้มันรู้แล้วรู้แรด” น้ำเสียงสะบัดประชดประชัน
สามสาวเบิกตากว้าง นิสายกมือขึ้นปิดปากแถมพก จารุกรแว่นแทบจะหลุดจนต้องดันขึ้น มีเพียงวราลีเท่านั้นที่ควบคุมสติได้ดีที่สุด
สาวใหญ่สูดลมหายใจลึกก่อนฉีกยิ้มเย็นแล้วเอ่ยเสียงเนิบ “แล้วอย่าลืมเล่านะจ๊ะ ครั้งแรกของหวานคุณชนอ่อนโยนขนาดไหน!!”
ครัวประกอบด้วยเครื่องครัวทันสมัยที่เคยกว้างขวางกลับดูเล็กลงเมื่อมีคนสี่คนกำลังช่วยกันทำครัวชุลมุน มีทั้งเสียงเครื่องครัวกระทบกันและเสียงกระทบกระทั่งฝีปากของบางคนแว่วออกมาเป็นระยะระยะ
ร่างโปร่งสูงละจากชั้นวางเครื่องปรุงมาคนส่วนผสมในหม้อที่กำลังเดือด ริมฝีปากสีสดหยักยิ้มอารมณ์ดี
“ไอ้หวาน เอาน้ำตาลอีกไหม?” จารุกรถามพลางซอยแครอท
“แกงกะหรี่กุ้งนะเจ้ ไม่ใช่กุ้งเชื่อม” อวิรุทธิ์กระแนะกระแหน
“ฉันยอมลดตัวมาช่วยแกนี่ถือว่าเป็นบุญแล้วนะยะ ยังมีหน้ามากระแนะกระแหน”
“ผมพูดจริง”
“หวานอย่าเอาแต่เถียงกับจ๋าเลย ขานั้นเขาเข้าครัวได้คู่หมั้นเขาก็แทบกราบแล้วล่ะจ้ะ” วราลีกระเซ้าสาวร่างอวบ พร้อมตักทอดมันออกจากกระทะขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน
“พี่หวานคะหนูสับหมูสับกับกุ้งเสร็จแล้วค่ะ” นิสาร้องบอก
“ขอบใจจ้ะน้องสาแล้วอย่าทำตัวเหมือนรุ่นพี่บางคนนะ ผู้หญิงอาไร้ทำกับข้าวไม่เป็น” เสียงนุ่มยังคงเหน็บแนมจารุกร
“แต่ฉันเลือกข้าวกล่องเป็นย่ะ ว่ายี่ห้อไหนอร่อยยี่ห้อไหนไม่อร่อย” คนโดนเหน็บลอยหน้าลอยตาโต้
“เหอะ!!” ร่างบางทำเสียงในคอ ยกช้อนรดขึ้นชิม ริมฝีปากบางหยักยิ้มพอใจ
“ชิมด้วย!” เสียงทุ้มข้างหูเล่นเอาร่างบางเกือบปล่อยทัพพีกับช้อนหลุดมือ
“ชน!!” น้ำเสียงตกใจ ก่อนเอ็ดลั่น
“เล่นอะไรบ้า ๆ เห็นไหมว่าทำอะไรอยู่ ถ้ามือหวานปัดไปโดนหม้อรู้ไหมจะเป็นยังไง”
คนถูกเอ็ดยิ้มนัยน์ตาพราว กระชับสองมือกอดเอวบางแน่นเข้า คางแกร่งวางบนไหล่ร่างโปร่งไม่อนาทรร้อนใจ
“เก๊าะอดกิน”
ร่างสูงโปร่งถอนหายใจเฮือก ผ่านมาสี่วันที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันเขาก็ชักจะเริ่มชินกับนิสัยใหม่ ๆ ของร่างหนา ทั้งงอแง ออดอ้อน ขี้บ่น อารมณ์แปรปรวนง่าย ชอบเก๊กเข้มแต่จริง ๆ แล้วเขิน หรือแม้แต่ไอ้อาการชอบเข้ามานัวเนีย กอดบ้าง โอบบ้าง นอนหนุนตักบ้าง แล้วแต่อารมณ์พี่ท่าน ที่แรก ๆ ทำเอาเขาแทบจะหัวใจวายตาย
“หวาน ขอชิมหน่อย”
“อย่าเพิ่งตะกละได้ไหม เสร็จเดี๋ยวค่อยกิน” ร่างบางบ่นชักจะเลือน ๆ ไปแล้วว่าใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้อง สามสาวที่แอบสอดแนมเบิกตาแทบถลน
“ไม่เอา หิว เมื่อเที่ยงก็ได้กินข้าวนิดเดียว ตอนบ่ายก็ยังไม่ได้กินอะไร” เสียงทุ้มบ่น
“แล้วใครใช้ให้หิ้วท้องรอมื้อค่ำล่ะ บอกให้หาอะไรกินก่อนตอนไปซื้อของก็ไม่เชื่อ” น้ำเสียงสมน้ำหน้าแสนสา
“คนขี้งก ขอชิมจิ๊ดเดียวก็ไม่ได้” เสียงทุ้มงึมงำ ก่อนจะก้มหน้าลงซบกับซอกคอของร่างโปร่ง
ลมหายใจที่ปะทะต้นคอทำให้ร่างบางดิ้นขยุกขยิก “จั๊กจี้ ปล่อย”
“ไม่ปล่อย ให้ชิมก่อน”
“ก็ได้ ก็ได้”
ร่างสูงยิ้มเผล่ เงยหน้าขึ้นรอช้อนจากมือเรียว
“อร่อย”
“แน่นอนดูซะก่อนฝีมือใคร”
“หลงตัวเอง” มือหนาบีบจมูกเล็ก
“ออกไปข้างนอกเลยไป เกะกะ” ร่างบางผลักไส
“รีบหน่อย หิว”ร่างสูงสำทับก่อนสาวเท้าออกไป
อวิรุทธิ์ส่ายหน้าหน่าย
“นี่แกกับคุณชน...” จารุกรอึกอัก
“ผมกับเจ้านาย...”
“พี่หวานปล้ำคุณชนแล้วเหรอคะ”
ร่างบางมองนิสาตาแทบถลน
“น้องสา!!”
นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองสามสาว
“อย่าบอกนะว่าเจ้ลี กับเจ้จ๋าก็คิดงั้น” เสียงนุ่มคาดคั้น
สองสาวพยักหน้ารับ
“แล้วจริงรึเปล่าจ๊ะ?” วราลีถาม
“ถ้าผมบอกว่าใช่?” น้ำเสียงเรียบไม่แสดงอารมณ์
“กรี๊ดดดดดด!!!!” สามสาวประสานเสียงลั่น จนได้ยินเสียงตึงตังวิ่งลงมาจากชั้นสอง
“ชน ไม่ต้องเข้ามาไม่มีอะไร” ร่างโปร่งรีบตะโกนบอกก่อนร่างสูงจะโผล่พรวดเข้ามา
นิสาหน้าแดงแปร๊ด วราลียกมือปิดปากอย่างมีมาด ส่วนจารุกรกระแอมก่อนถามคำถามที่ทำเอาอวิรุทธิ์แทบสำลัก
“แล้วเขาสมยอมหรือแกจับมัด”
“ผมล้อเล่น” น้ำเสียงนุ่มซังกะตาย
“พวกเจ้คิดไปได้ไง ว่าน้ำหน้าอย่างผมจะมีปัญญาปล้ำคุณชนแค่ผมขึ้นคร่อมตัวอย่างกับกระทิงสเปนอย่างเขาก็ถีบผมปลิวติดฝาแล้ว”
“เคยลองแล้วหรือจ๊ะถึงรู้” วราลีส่งหมัดแย็บ
“ยังครับ และไม่คิดจะลองด้วย”
“ลองดูหน่อยน่า ลองสิจ๊ะนะจ๊ะ” ท้ายประโยคจารุกรร้องหงุงหงิงเป็นเพลง
“ไหน ๆ คืนนี้ได้นอนห้องเดียวกันแล้วก็ลองดูหน่อยนะหวาน พวกพี่เป็นกำลังใจให้”วราลีตบบ่าให้กำลังใจร่างโปร่งที่ชักจะยืนเอ๋อ
“หนูเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ” นิสาร้องบอกเสียงใส
“นี่เห็นว่าเป็นแกหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่นเจ้ไม่ยกเจ้านายให้เด็ด ๆ”จารุกรพูดอย่างใจป้ำ(ยุน้องให้ปล้ำเจ้านาย)
“ไม่เอ๊า!!! ผมต้องมีเมียสวยเหมือนน้องหยาดผมไม่เอาเมียหุ่นถึกแบบเจ้านาย” ร่างโปร่งโอดครวญสติแตก แต่แล้วก็ต้องสะอึก จุก จนแทบกองลงไปนอนแทบเท้าจารุกร
“ใครบอกให้แกเป็นผัว น้ำหน้าอย่างแกน่ะเป็นได้แค่เมียย่ะ” น้ำเสียงเย้ยหยันปนแววสมเพช
เป็นเมียก็ไม่อ๊าวววววว!!
“คนเพอร์เฟกต์อย่างคุณชนหาไม่ได้ง่าย ๆ นะคะพี่หวาน รีบรวบหัวรวบหางซะเถอะค่ะ”
โถ....น้องสา แม่คู๊ณณณ!!!!! ดีขนาดไหนพี่ก็ไม่อยากมีผัว!!
“เอาล่ะเอาล่ะ พี่รู้แล้วว่าหวานคงปล้ำคุณชนไม่ได้หรอก ใช่ไหมจ๊ะ?” วราลีเสียงหวาน ยิ้มก็หวาน
อวิรุทธิ์ที่กำลังจะสติแตกรีบหันขวับไปหาที่พึ่งที่สุดท้าย
ถ้าตาไม่ฝาดเขาคิดว่าเขาเห็นเจ้ลีมีปีกงอกออกมาจากกลางหลังแฮะ
โอ้!!! แม่พระของไอ้หวาน
“ถ้าปล้ำไม่ได้ก็ใช้วิธียั่วเอานะจ๊ะ ร้อยทั้งร้อยผู้ชายไปไหนไม่รอดหรอกจ้ะ”
แหงะ!! ปีกที่เขาเห็นมันเป็นสีดำ!!!
แล้วเจ้ครับ ลืมไปหรือเปล่าผมก็ผู้ชายนะครับ!!(ถึงจะเคยหวั่นไหวกับเจ้านายก็เถอะ)
ผมอยากเป็นสามีที่มีเมียสวย ไม่ได้อยากเป็นเมียสวย(?)ที่มีผัวหล่อ!!!(ถึงบางครั้งจะแอบฝัน(?)นิด ๆ)
นัยน์ตาคู่สวยเหม่อมองพระจันทร์แล้วแปรกลับไปยังท้องทะเลสีดำมืดที่มีบางส่วนสะท้อนแสงจันทร์วาววะวับดูลึกลับน่าค้นหา
อวิรุทธิ์ถอนหายใจเฮือก
เพราะสามสาวจอมป่วนนั่นแท้ ๆ ที่ทำให้คิดมากจนนอนไม่หลับ
เหอะ!! แถมเพราะพวกเธอยกโขยงมานอนกันที่นี่ทำให้เขาต้องถูกอับเปหิจากห้องที่นอนอยู่ไปนอนห้องเดียวกับชนาธิป
ทั้ง ๆ ที่บ้านนี้ก็มีห้องนอนตั้งสี่ห้องถ้าน้องสากับเจ้ลีนอนด้วยกันแค่นี้ก็เรียบร้อย แต่พวกเธอเรียกร้องที่จะนอนคนละห้องกันเสียฉิบ
อย่างนี้แกล้งกันชัด ๆ!!
ร่างโปร่งคิดเข่นเขี้ยว
มือเรียวผละจากริมระเบียงยกขึ้นกอดอกเมื่อลมทะเลพัดหอบความหนาวเย็นมากระทบ
ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสนุ่มลื่นของผืนผ้าที่กระทบไหล่เปลือยเปล่าพร้อมความอบอุ่นของอ้อมแขนที่กอดกระชับ
“ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมยังไม่นอน” เสียงทุ้มนุ่มหนักหนา
“ใส่เสื้อกล้ามแบบนี้เดี๋ยวก็ได้ไม่สบายหรอก”
ร่างบางเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้ร่างสูง
ชนาธิปหยักยิ้มบาง นัยน์ตาคู่คมสื่อความหมายประหลาดทอดมองร่างบางในอ้อมแขน
When you smile, you have total control you have power like I’ve felt before.
ร่างบางหรุบนัยน์ตาลงต่ำซ่อนรอยประหม่า
“แล้วชนล่ะทำไมไม่นอน”
“เป็นห่วง ป่านนี้แล้วยังไม่เข้าไปในห้อง” น้ำเสียงอ่อนโยน
ใบหน้าหวานขึ้นสีเรื่อน่าเอ็นดู “ขอโทษครับที่ทำให้เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไร ผมยินดีเป็นห่วงคุณไปตลอดชีวิต”
มือหนาดันไหล่บางให้ร่างโปร่งหันกลับมาเผชิญหน้า เรียวนิ้วแกร่งเชยคางมนให้นัยน์ตาคู่สวยประหม่าสบนัยน์ตาคู่คมฉายแววเว้าวอนอ่อนหวาน
“ถ้าคุณจะขอความรักใครสักคน คุณจะพูดกับเขายังไง?”
สีระเรื่อบนดวงหน้าหวานฉีดลามซ่านไปถึงลำคอระหงระไล่ลงไปยังไหล่เนียน
“หวานง่วงนอนแล้ว” ร่างบางเฉไปเรื่องอื่น
ชนาธิปหยักยิ้มอ่อนหวานจนคนมองใจกระตุกแกว่ง
“I need you, for the rest of my life, dear.
I need you, say that you’ll be my wife.
I love you, wont you marry me marry me.
I need you.”น้ำเสียงนุ่มกระซิบข้างริมหูบางแผ่วเบา อ่อนหวาน ท่ามกลางเสียงคลื่นซัดสาดเป็นจังหวะทำนอง ภายใต้แสงจันทร์นุ่มนวลชวนฝัน
“ผมรักคุณตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ Will you be my wife, dear”
ร่างเล็กแนบกระชับร่างหนาตามแรงรั้งของอ้อมแขนแกร่ง ดวงหน้าหวานซุบซบลงยังอ้อมอกอบอุ่น
“หวานไม่ได้ชื่อเดียร์” เสียงนุ่มอู้อี้กลั้วหัวเราะ
ร่างสูงรัดร่างบางไว้ในอ้อมแขนโยกไปมา “ก็ได้งั้นผมจะพูดอีกครั้ง”
มือหนาดันร่างบางให้ออกห่าง หยิบกล่องกำมะหยี่สีเข้มขึ้นมาเปิด แหวนทองคำขาวประดับเพชรน้ำงามสองวงส่องประกายระยับล้อแสงจันทร์
มือใหญ่คว้ามือซ้ายของร่างบางขึ้นมาเกาะกุม นัยน์ตาคู่คมสบนัยน์ตาคู่หวานเบิกกว้าง
“คุณอวิรุทธิ์คุณจะให้เกียรติรับผู้ชายคนนี้เป็นสามีได้ไหม?” เสียงทุ้มเว้าวอน อ่อนหวาน
หน่วยตาคู่โตคลอคลองด้วยหยาดน้ำตาฉายแววประหลาดใจ สับสน ก่อนฉายแววหวานระยับ ริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มงดงาม
“รับครับ”
แหวนเนื้อเย็นถูกสวมเข้ายังนิ้วนางแต่ร่างบางกลับรู้สึกอบอุ่นซ่านทั้งใจ
มือใหญ่ยื่นแหวนลักษณะคล้ายกันแต่วงใหญ่กว่าให้อวิรุทธิ์
“สวมให้ผมด้วยครับ เจ้าสาว”เสียงทุ้มกระเซ้า
“คุณชนาธิปคุณจะให้เกียรติรับผู้ชายคนนี้เป็นคนรักได้ไหมครับ?” เสียงนุ่มทอดกังวานหวาน
ร่างหนาคลี่ยิ้มจนนัยน์ตาหยี “ตลอดไปผมคือของของเขา I do”
ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงริมฝีปากสีสด เรียวลิ้นร้อนลากไล้บนเรียวปากสวยให้เผยอออกก่อนสอดเข้าเกี่ยวกระหวัดกับเรียวลิ้นนุ่ม เว้าวอน ปลุกเร้าแต่ไม่ได้บังคับ อ่อนหวาน แต่เร่าร้อนจนแทบหลอมละลาย
ร่างสูงถอนริมฝีปากออกเมื่อร่างบางเริ่มหายใจติดขัด เรียวลิ้นร้อนลากไล้ริมฝีปากสีสดอ้อยอิ่งก่อนถอยห่าง
“ผมนึกว่าคุณจะพูดว่าภรรยาเสียอีก?” เสียงทุ้มล้อกลั้วหัวเราะ
ร่างโปร่งหน้าร้อนวาบ
เหอะ!! ภรรยา!!! ฝันไปเถอะ!! พูดแค่นั้นก็อายจะตายอยู่แล้ว จะมีหน้าไปพูดได้ไง “คุณชนาธิปคุณจะให้เกียรติรับผู้ชายคนนี้เป็นภรรยาได้ไหมครับ?” โว้ยยย!! รู้ไปถึงไหน อายไปถึงนั่น
“เราแต่งงานกันแล้วงั้นต่อไปก็ต้องเข้าหอล่ะเนอะ” ร่างสูงใหญ่พูดพลางจัดการอุ้มร่างบางกระชับเข้าในอ้อมแขน
“เฮ้ย!!”
ร่างบางมองสีหน้ามุ่งมั่นมองอาการเนียนแหลกลานของร่างสูงแล้วชักฝ่อ
นัยน์ตาคู่สวยกลอกไปมาหาทางหนีทีไล่
“ชน ห้องหอเขาต้องมีผู้ใหญ่ที่แต่งงานแล้วมาปูผ้าปูเตียงให้ไม่ใช่เหรอ” เสียงนุ่มออดอ้อนหวาน
เอาวะ!! ทางรอดทางสุดท้าย!!
ดวงหน้าคมเข้มก้มลงใกล้ ฉีกยิ้มหวาน ทั้ง ๆ ที่นัยน์ตาส่อประกายเจ้าเล่ห์
“ไม่ต้องห่วง คุณวราลีเธอเข้ามาจัดการให้แล้วล่ะ”
เฮ้ย!!!! นี่เล่นเป็นขบวนการกันเลยเรอะ!
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!! ผมยังไม่ได้ทำใจมีสามี...................................
.................EnD.......................
(แถม)
“ไงยะ คืนเข้าหอเป็นไงบ้าง?”จารุกรกระเซ้าจนร่างบางหน้าง้ำหงิกเดินไปรินน้ำก่อนซดรวดเดียว
“ไม่เอาน่าจ๋าอย่าล้อน้อง ว่าแต่คุณชนเขาเล่นเราหนักทั้งคืนเลยหรือไง กว่าจะซมซานออกจากห้องมาก็เกือบบ่ายขนาดนี้”
“พรวดดด!!!” น้ำในปากกระจายออกมาเป็นฝอยจนสามสาวต้องกระโดดหลบ
“แค่ก แค่ก พวกเจ้ทำกับผมงี้ได้ไง น้องสาด้วยทำไมถึงทำกับพี่ได้”ร่างโปร่งโวยลั่น
“โธ่...พี่หวานก็...เสร็จคุณชนไปแล้วก็ยอมยอมเขาไปเถอะค่ะ” นิสาว่ากลั้วหัวเราะก่อนสาวน้อยจะหน้าแดงแปร๊ด “เอ่อ....แล้วเมื่อคืน...คุณชนเซ็กซี่ไหมอ่ะคะ”
อวิรุทธิ์แทบอยากสำลักน้ำลายตาย ดวงหน้าหวานแดงเสียยิ่งกว่านิสา
“ไม่รู้!!!” น้ำเสียงสะบัด ทั้ง ๆ ที่อยากตะโกน
เซ็กซี่โคตรรรรร!!
เซ็กซี่บรรลัยจนเขาต้องมานั่งไว้อาลัยให้ความบริสุทธิ์ของตัวเอง!!!
CREDIT : เนื้อเพลงเป็นเพลงของ Marc Anthony เพลง I need you ค่ะ
ถ้าจะฟังลองคลิกที่นี่ค่ะ http://www.nangdee.com/classicsong/song_preview.php?c_id=1007
ความคิดเห็น