คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : I need you (ราศีกรกฏ-Cancer)
Romantic Movement
Series :จักรราศี
Title: I need you (ราศีกรกฏ-Cancer)
ราศีกรกฏ (15 ก.ค.- 16 ส.ค.)
ผู้ชายราศีกรกฏ
หนุ่มใจเย็น เป็นผู้นำที่ดี แต่ลึกลับซับซ้อน เข้าใจยาก ท่าทีของในบางครั้งอาจดูคล้ายคนเย็นชาเพราะเขาเป็นคนที่ออกจะฟอร์มจัดบวกเผด็จการอยู่สักหน่อย เป็นคนที่อ่อนไหวแต่เก็บความรู้สึกเก่งจึงดูเป็นพวกเฉยชา และหากเขาต้องการอะไรสักอย่างเขาจะไม่ทะเล่อทะล่าบุ่มบ่ามเข้าไปคว้าทันที เขาจะนั่งเฝ้านอนเฝ้าสิ่งนั้นอย่างใจเย็น(พร้อมกำจัดคู่แข่ง)ก่อนจะคว้าเมื่อได้โอกาสที่เหมาะสม ซึ่งเมื่อเขาได้สิ่งนั้นมาแล้วเขาจะไม่มีวันปล่อยมือเด็ดขาด เพราะเขาถือว่าสิ่งนั้นเป็นของเขาห้ามใครแตะ ในเรื่องความรัก เขาดูเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจคนที่เขารักจนติดเย็นชา แต่นั่นก็แค่ฟอร์มเพราะเขาอายที่จะแสดงออกว่าจริง ๆ แล้วเขาแคร์มาก(ถึงมากที่สุด) แถมยังขี้หวง ขี้หึง ไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามกับคนของเขาอีกต่างหาก เขาพร้อมที่จะปกป้องคนที่เขารัก และจะอ่อนโยนต่อคนที่รักเมื่อเขาพร้อมหรือแน่ใจว่าเขาจะไม่แห้วแน่ ๆ (ฟอร์มมันค้ำคอ) หากคุณคิดที่จะรักเขาคุณต้องแสดงให้เขาเห็นว่าคุณรักเขาจริง รักเขาคนเดียวเท่านั้น ใส่ใจเขาให้มาก ๆ พยายามเข้าใจเขา และที่สำคัญห้ามมีกิ๊ก
ผู้หญิงราศีกรกฏ
สาวอารมณ์อ่อนไหว เก็บอารมณ์ไม่เป็น เป็นสาวช่างฝัน น้อยใจง่าย ร้องไห้เก่ง ในเรื่องความรักเธอเป็นคนขี้กลัวและขี้หึงเธอจึงเลือกที่จะตามติดคนที่เธอรักไปทุกที่ เป็นคนรักเดียวใจเดียว หากเธอรักใครเธอทำให้ได้ทุกอย่างแต่หากเธอรู้ว่าเขานอกใจเธอก็พร้อมที่จะตัดเขาออกไปแบบตัดเป็นตัดตายไม่ไว้ไมตรีอีก หากคุณคิดที่จะรักเธอคุณต้องแสดงให้เธอเห็นว่าคุณเป็นคนจริงใจ อบอุ่น และพร้อมที่จะเป็นผู้นำให้เธอ ที่สำคัญคุณจะต้องไม่รำคาญเวลาที่เธอตามติดเป็นคุณไปไหน
*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่มีอยู่จริง หากมีบางส่วนพาดพิงถึงผู้ใดก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เจ้านายของผม...เขามีคุณสมบัติของเจ้านายในฝัน(?)หลายประการด้วยกัน และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ส่งเสริมให้เขาเป็นเจ้านายในฝัน(ร้ายของผม)
1.เขาเป็นเจ้านายที่ดี (แต่โดยรวมแล้วแย่มากกว่า)
2.เขาหน้าตาดีจนสาว ๆ ในออฟฟิศต่างพากัน (แต่งตัวมาล่อตะเข้) ใฝ่ฝันถึง
3.เขาเอาใจใส่ลูกน้อง (แน่นอนหากคุณทำอะไรผิดพลาดไปสักจุดสองจุด เขาก็พร้อมที่จะประชดเหน็บแนมคุณไปเป็นเดือน ๆ)
4.เขาเป็นคนใจเย็น (ไม่แน่เขาอาจใจเย็นและเลือดเย็นพอที่จะปล่อยให้คุณชักแหง่กแหง่กไปต่อหน้าต่อตาก่อนค่อยเรียกรถร่วมฯหรือเฮียปอมาเก็บศพคุณก็ได้)
5.เขาเป็นคนไม่ถือตัว (แต่เรียกได้ว่าโคตรหยิ่งเลยต่างหาก)
6. เขายอมรับความคิดของคนอื่น (ซะที่ไหน เสนอมาสิพี่ท่านฟังอยู่หรอกแต่เคยเอามาใช้เรอะ?)
7. เขาเป็นคนอ่อนไหว ใจอ่อน มีเมตตากรุณา สงสารคนอื่นง่าย ๆ (สาธุ! ขอให้มันเป็นเช่นนั้นในเร็ววันด้วยเถ๊อะ แล้วลูกช้างจะเอาหัวไก่ ไตหมู ฉู่ฉี่เป็ด ฯลฯ ไปถวาย)
8. เขาเป็นคนอารมณ์(ไม่)ดี มี(อารมณ์บูดไร้ซึ่ง)อารมณ์ขัน (ให้ตาย ผมกล้าสาบานเลยว่า เขายิ้มให้คนอื่นเห็นแทบจะนับครั้งได้)
บทความส่วนหนึ่งจากเรียงความเรื่อง ‘เจ้านายของผม’ นายอวิรุทธิ์ มุรธา
(ผู้เขียน: หากคุณต้องการอ่านแต่ข้อดีจริง ๆ กรุณากลับไปอ่านใหม่แล้วอย่าไปสนใจวงเล็บซะ.........ขอบคุณค่ะ.........)
“อยู่ไหน? อยู่ไหนวะ?” เสียงนุ่มน่าฟังพึมพำ
มือเรียวพลิกควานหาอะไรสักอย่างจนโต๊ะที่เคยเรียบร้อย กระจัดกระจายเสียยิ่งกว่าเพิ่งผ่านสงครามโลก
“ไม่มี ที่นี่ก็ไม่มี”
ร่างสูงสมส่วนถอนหายใจเฮือก ผมดำสนิทระต้นคอสวย ยุ่งเหยิง เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ เริ่มซึมทั่วใบหน้า ทั้ง ๆ ที่อากาศไม่ได้ร้อน
มือทั้งสองข้างยกขึ้นขยี้ผมตนเองด้วยความหงุดหงิด เสื้อเชิ้ตสีเข้มยับยู่ยี่นิด ๆ ถูกปลดกระดุมออกสองสามเม็ดจนเห็นแผงอกสีน้ำผึ้งอ่อนนวลเนียนอยู่รำไร
“คุณทำอะไรน่ะ?” เสียงทุ้มกังวานกระทบเข้าสู่โสตประสาท
“ไม่มีตาหรือไง! ก็เห็นอยู่ว่าคนกำลั....หา..ของ..อยู่..ครับ” เสียงที่เคยกรรโชกอ่อยลงเมื่อนัยน์ตาคู่สวยเขียวปัดตวัดขึ้นสบกับนัยน์ตาคู่คมไร้อารมณ์ของเจ้าของคำถาม
ริมฝีปากสวยได้รูปแย้มรอยยิ้มแหยส่งให้ร่างสูงไปเป็นทัพหน้า ก่อนจะรีบยืดตัวขึ้นจากโต๊ะรังหนูเมื่อนัยน์ตาคู่ดุปรายมองคล้ายรังเกียจ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ? เจ้านาย” ประโยคนั้นอ่อนอ่อยอย่างน่าขัน
ร่างสูงยังคงเงียบ มีเพียงดวงตาสีถ่านคู่ดุเท่านั้นที่กวาดมองร่างเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแฝงแววหยามเหยียดอย่างเห็นได้ชัด
ร่างโปร่งกลืนน้ำลายฝืดเฝือก่อนแค่นยิ้มที่ดูยังไงก็คงคล้ายแยกเขี้ยว
ตูจะโดนไล่ออกไหมนี่!
เอาวะ!! ถ้าโดนไล่ออกก็กลับไปเกาะพี่กินก็ได้ฟะ!!!
“ทำไม...โทรศัพท์โต๊ะคุณสายไม่ว่าง?” เสียงทุ้มเรียบ
เอ๋...?
หน่วยตาสวยล้อมกรอบด้วยขนตาเป็นแพหนากระพริบปริบ ๆ
อะไรนะ? โทร...ไม่ว่าง
ไม่ใช่...ซองขาว...ไล่ออก..จ่ายเงินชดเชยสามเดือน....
“ได้ยินที่ผมถามไหม คุณอวิรุทธิ์”
ร่างโปร่งเกือบสะดุ้งเมื่อร่างสูงถามซ้ำ นัยน์ตาคู่โตกวัดมองไปที่โทรศัพท์ก่อนดวงหน้าสีน้ำผึ้งอ่อนนวลเนียนจะเริ่มซีด
“ขอโทษครับ ผมวางหูไม่สนิท”
นัยน์ตาคู่ดุของชนาธิปฉายแววตำหนิจนดวงหน้าสวยร้อนวูบด้วยความอับอาย
“แล้วเอกสารร่วมทุนกับอเนกคุณกรุ๊ปที่ผมสั่งไว้ อยู่ไหน?”
นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้าง ริมฝีปากบางเผยอแล้วหุบฉับคล้ายปลาขาดน้ำ
ฉิบหาย!!! ลืม!!
“อีก 15 นาที เดี๋ยวผมเอาเข้าไปให้ครับ”
“เมื่อวานผมสั่งให้คุณเอาเข้าไปวางตั้งแต่เช้าไม่ใช่หรือ?”
ใบหน้าคมสันได้รูปก้มนิด ๆ ลงมองนาฬิกาเรือนหรูที่ประดับอยู่บนข้อมือแกร่ง
“แต่...นี่มันเกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว”
“ขอโทษครับ พอดี....”
มือหนายกขึ้นโบกช้า ๆ เป็นเชิงให้หยุด
“ไม่ต้องแก้ตัว ผมไม่อยากฟัง” ประโยคนั้นเย็นชา
ดวงหน้าสวยก้มต่ำ
“ขอโทษครับ”
“แล้วผมก็ไม่ได้จ้างคุณมาขอโทษ ผมจ้างคุณมาทำงาน!!”
“ข...” เสียงนุ่มถูกกลืนหายไปในลำคอ หลังปะทะเข้ากับกระแสเย็นเยียบของผู้เป็นนาย
“เอกสารของอเนกคุณกรุ๊ป อย่าลืมเอาไปไว้ในรถผมพร้อมกับเอกสารของBOLด้วย ผมจะเอากลับไปดูที่บ้าน”
“ครับ เจ้านาย”
ชนาธิปตวัดสายตามองเลขาหนุ่มหน้าสวย ก่อนจะสาวเท้าหมุนตัวกลับเข้าห้องทำงานของตน
“เหอะ!! แล้วผมก็ไม่ได้จ้างคุณมาขอโทษ ผมจ้างคุณมาทำงาน!!” เสียงนุ่มล้อเลียนเบา ๆ
จมูกโด่งได้รูปย่นน้อย ๆ พลางแลบลิ้นไล่แผ่นหลังเจ้านายจอมวางมาด มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นโบกบ๊ายบาย ส่วนอีกข้างยกขึ้นโบกเป็นเชิงไล่ ก่อนดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ตะลึง เมื่อร่างสูงหันหลังกลับมาอีกครั้ง!
ริมฝีปากบางไม่ได้เอ่ยตำหนิ แต่นัยน์ตาคู่ดุคาดโทษจนอวิรุทธิ์ต้องฉีกยิ้ม(แยกเขี้ยว)แล้วแก้ตัวด้วยประโยคที่ห่วยแตกที่สุดในชีวิต
“แหม....ร้อนแปลก ๆ นะครับวันนี้” ว่าแล้วมือเรียวทั้งสองข้างก็รีบโบกไปมาคล้ายกำลังพัดไล่ความร้อน
“ท่าจะจริง....”เสียงทุ้มเอ่ยเนิบ ๆ
นัยน์ตาสีถ่านตวัดไปยังเสื้อนอกและเนคไทของร่างโปร่งที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้ก่อนกราดกลับมายังเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มยับยู่ยี่ที่ปลดกระดุมลงจนเผยแผ่นอกเนียนละเอียด สายตาคู่คมทอดมองอ้อยอิ่ง
ดวงหน้าหวานร้อนวาบ แผ่นอกคล้ายถูกเปลวไฟลามเลีย
“สภาพคุณถึงเป็นอย่างนี้ ผมคิดว่าคุณน่าจะแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้ก่อนลงไปทานข้าวจะดีกว่าไหม”
“ครับ เจ้านาย” ร่างโปร่งรับคำเสียงแผ่ว นัยน์ตาคู่สวยหรุบต่ำ
เรียวขายาวที่กำลังสาวเท้ากลับเข้าห้องทำงานชะงักอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงนุ่มหูเอ่ยเรียก
ใบหน้าหล่อราวจับวางหันกลับไป คิ้วได้รูปเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม
“แล้วเรื่องลาพักร้อนของผมล่ะครับ”
“ไม่อนุมัติ” เสียงทุ้มตอบเร็วโดยไม่เสียเวลาคิด
ริมฝีปากสีสดเผยอค้าง
“เสียใจด้วย ใบลาของคุณผมฉีกทิ้งไปแล้ว!!”
เสียงหัวเราะคิกคักของสามสาวที่นั่งร่วมโต๊ะ ทำให้หน้าที่บูดสนิทอยู่แล้วบูดยิ่งขึ้นไปอีก
“หัวเราะอะไรกันครับ?” เสียงนุ่มไม่สบอารมณ์
“ก็ขำเธอน่ะสิ ส่งใบลาพักร้อนก็กลับถูกฉีกทิ้งซะอย่างนั้น” สาวใหญ่ร่างสมส่วน ดวงหน้าสวยตบแต่งประณีตจนดูสง่าสมวัยเป็นผู้เอ่ยตอบ
“จริงด้วยค่ะพี่ลี จ๋าคิดว่าคงไม่เคยมีใครหรอกค่ะที่จะเจอเรื่องแบบนี้แบบไอ้หวาน” สาวร่างอวบขยับแว่นบนดั้งจมูกให้เข้าที่ก่อนจะกัดริมฝีปากกลั้นหัวเราะ
“แหม...แต่หนูว่าที่คุณชนฉีกใบลาของพี่หวานทิ้งก็ดีออกจะตายไป” สาวน้อยร่างเล็กในชุดนักศึกษาแสดงความเห็นบ้าง
ร่างโปร่งถอนหายใจเฮือกแล้วแยกเขี้ยวใส่สาวน้อยนักศึกษาฝึกงาน
“ดีตรงไหนวะสา พี่กะจะกลับบ้านสักหน่อยก็กลับไม่ได้”
“ดีสิเว้ยไอ้หวาน นาน ๆ ทีบริษัทถึงจะพาพนักงานไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตาขนาดนี้ แกไม่คิดจะไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เลยหรือไง? แกจะมาสำนึกรักบ้านเกิดอะไรเอาตอนนี้หา?”จารุกรหรือเจ้จ๋าของอวิรุทธิ์โวย
“อยากไปก็อยากไปอยู่หรอกเจ้ เพียงแต่ว่าช่วงนี้พี่มุกแกบ่นให้ผมกลับบ้านจนหูผมจะแตกอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มบ่นถึงคุณพี่ที่เคารพของตน
“บริษัทเขาจะพาไปเที่ยวภาคใต้ แถว ๆ จังหวัดบ้านเกิดนายไม่ใช่หรือไง?”
คิ้วเรียวขมวดมุ่น พลางส่งสายตาเป็นคำถามให้จารุกร
“เปล่า ที่ที่เราจะไปนั่นล่ะบ้านเกิดผมเลย แล้วไง?”
“แล้วไง? โธ่! ไอ้หวาน!! แกก็แอบแวบกลับบ้านไปสักหน่อยแล้วค่อยกลับเข้ามาสิฟะ แค่แวบแป๊บเดียว เจ้านายไม่มีทางจับได้หรอก” จารุกรอธิบายเป็นฉาก ๆ
“นั่นสิทำอย่างนั้นเถอะนะ เพราะถ้าขาดหวานไปใครล่ะจะเป็นคนดูแลคุณชน”วราลีสาวใหญ่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลสนับสนุนจารุกร
“อ้อ นี่พวกเจ้เจ้กะจะให้ผมไปเป็นเหยื่อให้เจ้านายโขกสับ แล้วพวกตัวเองก็มองเจ้านายเป็นอาหารตาใช่ไหมล่ะ แอบหลงเค้าแต่ไม่ค่อยลงทุนกันเลยนี่หว่า” ร่างโปร่งบ่นน้อยใจ
“ใคร้ใครหน้าไหนมันจะกล้ามาหาว่าพวกเจ้ไม่ลงทุนยะ” จารุกรกรีดเสียงแหลมบาดแก้วหู
“จริงด้วยค่ะ พวกเราลงทุนมากที่สุดแล้วด้วยซ้ำไป จริงไหมคะเจ้ลี” นิสาสาวน้อยผู้อ่อนวัยที่สุดเอ่ยเสียงหวาน
“จริงสิ พวกเราน่ะลงทุนแบบทุ่มให้ไปทั้งตัวเลยล่ะ” สาวใหญ่รับมุกเสียงเรียบ
อวิรุทธิ์ส่ายหน้าหน่าย
“เหอะ!! พวกเจ้ลงทุนเป็นอะไรมิทราบครับไอ้ทุ่มให้ทั้งตัวน่ะ ผมเห็นพวกเจ้เอาแต่ส่งผมไปเป็นเหยื่อบูชายัญตลอด ไม่เคยเห็นส่งตัวเองไปกันสักที”
“พวกเราส่งเธอไปน่ะถูกแล้ว ก็ในเมื่อพวกเราลงทุนเป็นตัวเธอไง! หวาน!!” วราลียิ้มหวานกระชากไส้ให้ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่ร่วมโต๊ะ
Oh! My Buddha! พระเจ้าจอร์จขายทองหยอดทองหยิบ บอกผมทีเท๊อะสามสาวเธอกำลังล้อเล่น!!
“คุณชนคะ คุณชน”
เจ้ลี เจ้ช่างเป็นยอดหญิงซะจริง ๆ กล้าหาญชาญชัยซะเหลือเกินที่ไปเรียกเจ้านายไร้อารมณ์ตอนที่เขากำลังจะขึ้นรถอย่างนั้นน่ะ
ร่างสูงหันกลับมามองก่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
เออ รู้ว่าหล่อทุกท่า แต่ช่วยเพลาเพลาความหล่อหน่อยได้ไหม? หมั่นไส้ครับเจ้านาย
“มีอะไรหรือ? คุณวราลี”
“คุณชนจะขับรถไปเองคนเดียวหรือคะ?”
“แล้วเจ้จะไปอยากรู้เรื่องของเขาทำไมน่ะ เขาอยากขับรถไปก็เรื่องของเขา แต่เรารีบเอากระเป๋าขึ้นไปนั่งตากแอร์บนรถทัวร์กันเถอะเจ้ ผมร้อน” อวิรุทธิ์สะกิดสาวใหญ่พลางกระซิบ
คล้ายสาวใหญ่จะไม่ได้ยินเสียงกระซิบของหนุ่มรุ่นน้อง สาวเจ้ายังคงยิ้มหวานส่งให้ชายหนุ่มร่างสูง
“ครับ ผมขับเอง”
“ต๊าย นี่เลยค่ะ เอานายหวานไปด้วยเลยค่ะ” เสียงสาวใหญ่หวานเชื่อมแต่ร่างสูงโปร่งข้างกายเจ้าหล่อนแทบสะดุ้งเมื่อนัยน์ตาคมปลาบตวัดมาทางเขา
“คุณอวิรุทธิ์ คงไม่ค่อยสะดวก?”
“โอ๊ย!! สะดวกค่ะ สะดวกม๊ากมากด้วย”
เจ้ฮะ ได้ข่าวว่าเจ้านายเขา(อาจจะ)ถามผม
“ตะกี๊ เขายังกระซิบกับลีอยู่เลยค่ะว่าเป็นห่วงเจ้านาย จะขับรถยังไงมืดมืดดึกดื่นคนเดียว อย่างน้อยก็น่าจะมีใครไปเป็นเพื่อนบ้างน่ะค่ะ”
เอ่อ...ไม่ทราบว่าพูดตอนไหนครับเจ๊ ‘ตะกี๊’จำได้ว่าพูด ‘แล้วเจ้จะไปอยากรู้เรื่องของเขาทำไมน่ะ เขาอยากขับรถไปก็เรื่องของเขา แต่เรารีบเอากระเป๋าขึ้นไปนั่งตากแอร์บนรถทัวร์กันเถอะเจ้ ผมร้อน’ อย่างนี้มากกว่านะฮะ
“ถ้าไม่เป็นการลำบากคุณอวิรุทธิ์ก็เชิญครับ”
ร่างสูงระหงกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแหย ทั้ง ๆ ที่ในใจคิดอยากตะโกน
ลำบากครับ ลำบาก(ใจ)มาก ๆ เลยด้วย!
แต่สำหรับวราลีนั้นเพียงแค่ได้ยินประโยคนั้นของคุณเจ้านาย ร่างสมส่วนของเจ้แกก็หันหลังเดินฉับฉับฉับขึ้นรถทัวร์โดยไม่หันมาสนใจคนที่กำลังยืนกระพริบตาปริบ ๆ เลยแม้แต่น้อย
ประตูรถทัวร์ปิดฉับด้วยฝีมือน้องสา
แถมท้ายด้วยเจ้จ๋า ที่พูดอะไรบางอย่างพะงาบพะงาบจับความแล้วคลับคล้ายคลับคลาว่า ‘ดูแลคุณชนสุดหล่อของพวกฉันให้ดีนะยะไอ้หวาน’ อะไรประมาณนั้น
ท่าทางที่พวกคุณเธอบอกว่าทุ่ม(ผม)ไปทั้งตัว พวกคุณเธอคงพูดจริงและทำจริง!!
“ลาก่อน...ทะเลแสนงาม แสนง้าม แสนงาม ฟ้าสีครามสดใส สดใส๊ สดใส..”เสียงนุ่มพึมพำเบาในลำคอท้าย ๆ ประโยคเริ่มเป็นเพลง นัยน์ตาคู่สวยมองตามหลังรถทัวร์รับพนักงานของบริษัทตาละห้อย
“อ้าว! คุณ นั่นจะยืนบื้ออีกนานไหมน่ะ รีบ ๆ ขึ้นรถเร็ว ๆ เข้าสิ”
ใครว่ายืนบื้อ ยืนหล่อต่างหาก
ร่างโปร่งเถียงกลับในใจ แต่ก็ต้องยอมลากกระเป๋าตรงไปยังรถยุโรปสีดำมันปลาบเมื่อเจอกับสายตาคู่ดุ
ถ้าอยากจะชิ่ง ตูปวดท้อง เป็นไข้ ไอเป็นเลือด ตอนนี้ยังทันไหมวะครับ
ทั้ง ๆ ที่รถคันนั้นยังไม่เต็มแท้ ๆ ทำไม๊ ทำไม พวกเจ้เจ้ทั้งหลายถึงเฉดหัวผมมานั่งกับเจ้านายผีดิบวะเนี่ย....ทำไมถึงทำกับผมด้ายยยยยย
บรรยากาศในรถเงียบสนิท เงียบ.....จนร่างโปร่งเกร็งตัวลีบ และพยายามขยับตัวชิดประตูให้ห่างจากตัวคนขับมากที่สุด
นัยน์ตาคู่สวยกลอกไปมา ใช้ความคิด
“เอ่อ....เจ้านายครับ”
นัยน์ตาคู่คมตวัดมองเพียงนิดแต่เล่นเอาร่างโปร่งเกือบสะดุ้ง
ไปโกรธอะไรมาอีกล่ะนั่น?
“มีอะไร?” เสียงทุ้มเรียบสนิท
“ไม่มีอะไรครับ” เสียงนุ่มสงบเสงี่ยม
“มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา มัวแต่อ้ำอึ้ง รำคาญ”
นัยน์ตาคู่โตแอบเหลือบใบหน้าขรึมของเจ้านายพลางคลี่ยิ้มแหยก่อนถามเสียงแผ่ว
“ผมไม่เข้าใจ ทีคนอื่นเจ้านายยังให้เขาลาพักร้อนกันได้ แต่ทำไมผม...”
“เขาที่ว่าน่ะใครบ้าง?” เสียงทุ้มขัด รำคาญ
“ก็...คุณสมชาติ คุณธารินี ฝ่ายบัญชี คุณ
“โอเค โอเค ผมรู้แล้วว่าเขาของคุณน่ะหลายคน”
ก็ใช่น่ะสิ มากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทได้เลยมั้ง
คิดดูสิ คิดดู ถ้าคนทั้งบริษัทหลักมารถทัวร์แค่สี่ซ้าห้าคันมันคงจะพอหรอกครับท่าน
“แต่ใครเขาจะลาก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับคุณนี่”
อ้าว...เจ้านายครับพูดอย่างนี้มีเฮนะครับท่าน
“คุณเป็นเลขา ผมเป็นเจ้านาย ผมไปไหนคุณก็ต้องไปด้วย”
“(ท่าน)เจ้านายครับ ไปเที่ยวนะครับไม่ได้ไปทำงาน” อวิรุทธ์อดประชดไม่ได้
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ได้ไปทำงาน”
สาบานซิ พี่ท่านพูดจริง!!!
คิ้วเรียวขมวดจนแทบเป็นปม
“ก็ในตารางนัดของคุณมันว่างอาทิตย์นึงนี่ครับ”
“ผมเพิ่งรับนัดเองล่ะ” ชนาธิปพูดหน้าตาเฉย
ร่างโปร่งเอี้ยวไปมองร่างสูงจนคอแทบเคล็ด หน่วยตาโตเบิกกว้างก่อนกะพริบปริบ ๆ
ประทานโทษครับเจ้านาย.....แล้วท่านจะจ้างผมไว้ทำเพื่อ?
แสงจัดจ้าน่ารำคาญตัดผ่านมาในความมืด ส่งผลให้เปลือกตาบางขยับขยุกขยิก ก่อนเปิดขึ้นเกือบเป็นเวลาเดียวกันกับที่รถจอดสนิท
มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาน้อย ๆ เป็นการปรับสายตาและไล่ความง่วงงุน
“ถึงแล้วหรือครับ?” เสียงนุ่มติดงัวเงีย
“ยัง ผมแวะซื้อของ จะเอาอะไรไหม?” เสียงทุ้มนุ่มเจือเอ็นดู
อวิรุทธิ์เลิกคิ้ว ก่อนหันไปสำรวจสีหน้าคนข้างกายด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าคมคายยังคง เฉยชา เรียบสนิท นัยน์ตาคู่คมที่มองมายังเขาฉายแววรำคาญ
“ผมถามว่าจะเอาอะไรไหม” เสียงทุ้มเรียบสนิท
“กาแฟสักกระป๋องแล้วก็นมจืดอีกสักกล่องก็ดีครับ”
นัยน์ตาคู่สวยมองตามหลังไหล่กว้างของร่างสูง ก่อนส่ายหน้าช้า ๆ
แวบหนึ่งที่คิดว่าได้ยินน้ำเสียงอบอุ่นของร่างสูง....สงสัย....
หูฝาด!!!
ร่างโปร่งในเสื้อกล้ามสีสะอาดกับกางเกงเลสีส้มสด ขยับมือยืดเส้นสายพลางสูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์เจือกลิ่นทะเลเข้าเต็มปอด ร่างโปร่งอิงสะโพกเข้ากับขอบระเบียงไม้ นัยน์ตาคู่สวยทอดมองดวงอาทิตย์ยามเพิ่งโผล่พ้นขอบน้ำ ริมปากสีสดแตะแต้มด้วยรอยยิ้มละไม แต่แล้วเจ้าตัวก็สะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินตัดกลับมาจากชายหาด
ไม่รู้ว่าผีป่า ซาตาน หรือผีพราย ผีทะเลตนใดดลใจ
“เจ้านายครับ!!” เสียงตะโกนเรียกเจื้อยแจ้ว แถมยังมีการยกมือบางโบกทักทายอีกต่างหาก
ชนาธิปชะงัก ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองคนที่กำลังฉีกยิ้มอยู่บนชานไม้กว้างบนชั้นสอง
รอยยิ้มที่เจิดจ้าราวแสงอรุณทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ แล้วจึงรีบสาวเท้าเร็วขึ้น
อวิรุทธิ์กระพริบตาปริบ ๆ แก้มสีน้ำผึ้งนวลเนียนแต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ หัวใจเต้นแรงราวจะทะลุออกนอกอก
เมื่อกี๊.....เจ้านาย......ยิ้ม!!!
มือบางยกขึ้นทาบสองข้างแก้มร้อนราวมีไฟนาบ นัยน์ตาคู่โตเบิกกว้าง ริมฝีปากได้รูปเผยอค้าง
ยิ้มสวยเป็นบ้า!!
โว้ยยยย!! อยากจะกรี๊ดดด(?)
“หวาน ลงมาข้างล่างหน่อย” เสียงทุ้มตะโกนเรียกจากชั้นล่าง ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก รีบวิ่งตาลีตาลานลงไปหาเจ้าของเสียง
เสียงวิ่งลงบันไดตึงตังทำให้ชนาธิปต้องหันไปมอง
“อย่าวิ่ง เดี๋ยวตกบันได” เสียงเข้มดุ
“ครับ ครับ” น้ำเสียงอ่อนอ่อยแต่เจ้าตัวก็ยังคงวิ่งอยู่ดี
ร่างสูงใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีอ่อนเปิดหน้าอกเต็มด้วยมัดกล้ามหรากับกางเกงขาสั้นสีขาวทำให้ร่างบางชะงักกึก คิ้วสวยขมวดมุ่น
ที่เขาว่ากันว่าคนจะหล่อใส่อะไรมันก็หล่อนี่เห็นจะจริงแฮะ
“มีอะไรติดหน้าผม?” เสียงทุ้มฉงน
นัยน์ตาคู่สวยกะพริบปริบ ๆ ก่อนส่ายหน้าหวือ
“เปล่า นั่นหิ้วถุงอะไรมาครับ” ประโยคนั้นเปลี่ยนเรื่อง
“ปลาหมึก ปู แล้วก็กุ้งน่ะ” ชนาธิปพูดพลางชูถุงพลาสติกที่หิ้วขึ้นมาให้ดู “ลองเดินไปดูแถวหาดด้านโน้นเห็นสดดีเลยซื้อกลับมา ว่าแต่...ทำกับข้าวเป็นไหม?”
ร่างบางยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม
“กล้วย ๆ ครับเจ้านาย ซื้อมาเยอะขนาดนี้จะกินหมดหรือครับ เราอยู่ที่นี่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ต้องไปสมทบกับคนอื่นที่โรงแรมแล้วด้วย”
“ทำไมคุณต้องเรียกผมว่าเจ้านายด้วย?” ร่างสูงไม่ตอบแต่เสถามไปอีกเรื่อง พลางเดินเข้าไปยังส่วนที่เป็นห้องครัว
อวิรุทธิ์ขมวดคิ้วสาวเท้าเดินตามร่างสูง “อ้าว ก็เจ้านายเป็นเจ้านายผมก็ต้องเรียกว่าเจ้านายสิครับ”
“เรามาเที่ยว ไม่ได้มาทำงาน”
“หา?” คนตัวเล็กกว่าเอ๋อ
พี่ท่านว่ายังไงนะ?
แล้วมิทราบว่าท่านใดขอรับที่เป็นคนบอกกับกระผมว่า‘แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ได้ไปทำงาน’น่ะครับ
“ผมบอกว่าเรามาเที่ยวดังนั้นไม่ต้องเรียกผมว่าเจ้านาย you see?” ร่างหนาถามพลางเลิกคิ้ว
ร่างโปร่งพยักหน้ารับหงึกราวหลง(?)รัศมีความหล่อ เยส ไอซี เอ๊ยย!! ไอ้หวานเรียกสติกลับด่วน!!
“แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไร เรียกคุณชนหรือครับ?”
นัยน์ตาสีถ่านทอดสบนัยน์ตาคู่สวยที่ยังคงฉายแววเอ๋อ
“ผมอายุมากกว่าก็จริงแต่ผมไม่ถือดังนั้นคุณเรียกผมว่าชน แล้วแทนตัวคุณว่าหวาน” ร่างสูงยักไหล่เป็นเชิง ‘ก็แค่เนี้ย ยากตรงไหน’
อวิรุทธิ์เห็นแล้วอยากจะร้องไห้
ยากสิครับ ยากตรงที่ต้องทำ(ใจ)!!
“จะให้ผม...เอ๊ย!...หวานเรียกเจ้านายว่าชนห้วน ๆ เลยเนี่ยนะ” ร่างบางรีบเปลี่ยนสรรพนามฉับเมื่อนัยน์ตาคู่คมฉายแววดุ
“ก็แหงสิ ลำบากตรงไหน”
ลำบากสิครับ ลำบากใจ!!
อวิรุทธ์เกือบส่ายหัวเดียะแล้วร้องไม่หนูไม่เอ๊า หนูไม่เรียกแล้วเชียว ถ้าไม่ติดนัยน์ตาคู่ดุมีแววเว้าวอนแปลก ๆ จนร่างโปร่งใจอ่อน
“ครับ ครับ เรียกก็เรียก”
“แล้วเจ้าน...ชนอยากกินอะไร?” คำที่หลุดออกมาถูกกลืนหายเข้าไปในคอฉับพลัน นัยน์ตาคู่คมฉายแววพึงใจ
From the moment you spoke my name. I knew everything had changed because of you I felt my life would be complete.
ดวงหน้าราวรูปสลักหยักยิ้มอ่อนโยน จนร่างบางแทบยกมือขยี้ตา
โอ้ววว เจิดจ้า!!!!
“อะไรก็ได้ อ้อ...แล้วไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าจะกินไม่หมด เราจะพักกันที่นี่ล่ะไม่ต้องไปอยู่โรงแรมเหมือนคนอื่นเขา”
“พักที่นี่?”
“ใช่ บ้านผมเอง ซื้อไว้ไม่ค่อยได้มามีแต่คนดูแลที่จ้างไว้เขาจะมาช่วยทำความสะอาดให้อาทิตย์ละครั้ง”
“แล้วไม่ต้องไปร่วมกิจกรรมกับคนอื่นหรือครับ?”
“ไป แต่เราค่อยไปกันบ่าย ๆ น้ำร้อนที่ผมเสียบไว้เดือดพอดี คุณเอากาแฟไหม?” เสียงทุ้มถามพลางเดินไปหยิบแก้วกาแฟออกจากตู้
“ผม...หวานชงให้” ร่างโปร่งเดินตาม คว้าแก้วกาแฟจากร่างสูงแต่ก็ต้องวืดเมื่อร่างสูงโยกหลบ
“ผมชงเอง ผมชงอร่อยนา” ร่างสูงขยิบตา น่ารักประหลาด ๆ จนร่างบางเอ๋อกินอีกรอบ
วันนี้เจ้านายของเขากินยาไม่เขย่าขวดหรือไง ทำไมมาดเก่าหายไปเกลี้ยงเหมือน delete งี้อ้ะ ดูเป็นคนละคนจนเขาตามไม่ทัน!!
“คุณลองดูหน่อยข้าวสุกหรือยัง เมื่อเช้าผมหุงไว้ ถ้าสุกแล้วผัดข้าวผัดกุ้งให้หน่อย ผมหิวแล้ว”
เอ....แล้วตะกี๊ใครวะที่บอกว่ากินอะไรก็ได้?
ร่างบางแคะหูด้วยท่าทางประหลาด ๆ
นี่เจ้านายพูดมากผิดปกติ
หรือ...ประสาทเราหลอนไปเองฟะ?
รู้สึกแต่งไปแต่งมาคาแรคฯยิ่งหลุดกระจุย กรรม!!
ความคิดเห็น