fickhr:Tonight(xs)
เมื่อป๋าแสนต้องมาเล่านิทานให้ลูกชายฟัง Note : มันมากับจิตตก! คาแรกเตอร์หลุดลุ่ย บอสเปลี๊ยนไป๋(เกือบ)กลายเป็นแฟมิลี่แมน(?)
ผู้เข้าชมรวม
2,330
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Fan fiction : KATEKYO HITMAN REBORN!
Title : Tonight
Author : E-O-i
Pairing : XS? เพราะดูไปดูมามันละม้าย BS หรือจะเป็น XSB!
Main Character: คงจะเป็นB
Rate : PG-13
Note : มันมากับจิตตก! คาแรกเตอร์หลุดลุ่ย บอสเปลี๊ยนไป๋(เกือบ)กลายเป็นแฟมิลี่แมน(?)
Warning: มันคือแนวboy’s love ใครรับไม่ได้จิ้มออกโลด! ใครชอบsmก็ขอบอกว่า เรื่องนี้มิมีแม้แต่เศษเสี้ยว
Summary : เมื่อป๋าแสนต้องมาเล่านิทานให้ลูกชายฟัง
คืนนี้....เจ้าชายนอนไม่หลับ
ไม่ว่าจะพลิกซ้ายขวา ตะแคงไปมา กลับหัวก็แล้ว แต่ก็ยังไม่หลับ
เพราะอากาศร้อนหรือเปล่า?
หรือ...อาจเป็นเพราะเสียงละเมองึมงำทวงค่าแชร์ของมาม่อน?
บางครั้งนะ เจ้าชายก็อดสงสัยไม่ได้
ตอนหม่ามี้ท้องมาม่อน ตอนนั้นกิจการของแด๊ดดี้ล้มละลายจนต้องกินเกลือแทนข้าวอยู่ใช่ไหม? ถึงทำให้มันส่งผลถึงทารกในท้องให้มีอาการ ‘หิวเงินdisorder’ ได้ขนาดนี้น่ะ
เจ้าชายล่ะไม่เข้าใจ!!
เสียงนาฬิกาเรือนใหญ่ในห้องโถงกลางตีบอกเวลาเที่ยงคืนแว่วมาในราตรีกาล แต่เด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ทองกลับค่อยๆหย่อนขาลงจากเตียงก่อนออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
ทางเดินกว้างสลัวด้วยแสงสีเงินยวงปราศจากผู้คนราวอยู่ในปราสาทร้าง
ร่างสูงของเด็กหนุ่มวัยเจริญเติบโตเดินช้าๆ ไปยังห้องที่คุ้นเคย มือขาวปัดเส้นผมสีสว่างที่กำลังทิ่มตาออก(แต่ถึงปัดยังไงมันก็ยังคงปรกลงมาอยู่ดี)
ริมฝีปากฉีกยิ้มบาง เมื่อยกเส้นผมนั้นส่องสะท้อนแสงจันทร์
หม่ามี้เคยพยายาม(ใช้ดาบ)ตัด(ฟัน)ผมนี่ของเจ้าชายตั้งหลายครั้ง แต่เจ้าชายก็หนีมาได้ทุกครั้ง
หนีมาได้ยังไงน่ะเหรอ?
ก็เจ้าชายเก่งน่ะสิ!!
หม่ามี้นี่ไม่รู้อะไรเอาซะเล้ย
เจ้าชายน่ะเป็นเจ้าชายนะ(?)
แถมเป็นเจ้าชายที่หน้าตาดีมากๆ ด้วย
ขืนให้สาวๆ เห็นเดี๋ยวเขาจะพากันกรี๊ดสลบเสียเปล่าๆ
เห็นไหม? เจ้าชายใจดีเลยเป็นห่วงนะเนี่ย
มือขาวผลักประตูเข้าไปแบบไม่มีการเคาะให้เจ็บมือ
ก็หม่ามี้น่ะ ตื่นยากจะตายไป ขืนคอยให้หม่ามี้ตื่นมาเปิดประตูให้ เจ้าชายคงได้ยืนรอจนถึงเช้าโน่น
นัยน์ตาใต้ม่านผมสอดส่ายทั่วห้องกว้างก่อนโคลงศีรษะเมื่อห้องนั้นว่างเปล่า
ฝีมือแด๊ดดี้อีกล่ะสิ!
ชอบยึดหม่ามี้เอาไว้คนเดียวอยู่เรื่อย!!
นี่ถ้าเจ้าชายไม่กลัวถูกเผานะ ป่านนี้เจ้าชายส่งคนขับรถปากเจ่อๆ หน้าตาเหมือนปลาจวดที่แอบปลื้มแด๊ดดี้ไปปล้ำแด๊ดดี้แล้วล่ะ
ทำไมน่ะเหรอ?
หม่ามี้จะได้เป็นของเจ้าชายคนเดียวไง!!!
เอ....แต่ได้ข่าวจากป้า(?)แก่ๆ ที่ไว้หงอนเขียวๆ ว่าแด๊ดดี้เพิ่งเตะมันโด่งออกจากปราสาทเมื่อสองวันก่อน โทษฐานเกะกะลูกตา(?)
เฮ้อ...แย่จัง
แล้วเวลาจะไปข้างนอกจะมีใครให้เจ้าชายจิกหัวใช้อีกเนี่ย!
เด็กหนุ่มบ่นพลางสาวเท้าเปลี่ยนทิศไปยังห้องใครอีกคน
ประตูไม้เนื้อดีบานใหญ่เบื้องหน้าทำให้เบลฟาลากอลหลุดจากความคิดฟุ้งซ่าน มือขาวยกขึ้นเคาะตามมารยาทเพราะยังไม่อยากมีชะตากรรมถูกย่างสด
“ใคร?” เสียงทุ้มต่ำเจือแววหงุดหงิดตลอดปีตลอดชาติแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากแด๊ดดี้
“เจ้าชายนอนไม่หลับ” เด็กหนุ่มชี้แจง ไม่นานประตูบานหนักก็เปิดผลัวะออก
. บุรุษร่างสูงเรือนร่างแกร่งสมชายชาตรีปกปิดด้วยเสื้อคลุมสีเข้มยืนอิงกรอบประตู นัยน์ตาสีฉานวาวโรจน์อย่างน่ากลัวจับยังร่างเบื้องหน้า
“แล้วแกจะมาบอกฉันทำไมวะ?”
เบลยักไหล่กวนประสาทก่อนเดินเฉียดร่างนั้นเข้าห้องแบบไม่กลัวตาย
“มาหาสควอโลไม่ได้มาหาบอส”
นัยน์ตาใต้เส้นผมสีสว่างจับยังเรือนร่างโปร่งที่กำลังนิทรารมย์บนเตียงสีเสาขนาดใหญ่ เส้นผมสีเงินยวงตัดกับสีผ้าปูที่นอนแผ่สยายสะท้อนแสงจันทร์ ดวงหน้าสวยสงบราวรูปปั้นอย่างหาดูได้ยากจากคนขี้โวยวาย
มือหนากระชากคอเสื้อนอนลายขวางได้ก่อนร่างไอ้เจ้าชายงี่เง่าจะก้มลงกอดคนของเขาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
แซนซัสสบถอย่างหงุดหงิด
“อย่ายุ่งกับมัน” เสียงทุ้มติดตะคอกแต่ยังถือว่าเบากว่าปกติมากจนไม่น่าเชื่อ
“ไม่เอา!! เจ้าชายจะนอนกับสควอโล!” ประโยคนั้นงอแงจนคนฟังหมั่นไส้อยากเหวี่ยงเท้าสักป้าบ
“ออกไป!!” เสียงดุ ไล่พร้อมกระชากคอเสื้อไอ้ตัวปัญหาเหวี่ยงออกนอกห้องแต่ติดที่มือซีดๆ นั่นเกาะขอบประตูแน่นยิ่งกว่าตุ๊กแก
“ไม่เอ๊า!!! เจ้าชายไม่ไป๊!! หรือบอสจะให้สควอโลไปนอนกับเจ้าชายห้องอื่น” เสียงเพิ่งแตกหนุ่มตะโกนโวยวายก่อนยื่นข้อเสนอ
“ไม่ได้!!!” เสียงทุ้มตวาดแต่ไม่ดังเกินกระซิบ
เด็กหนุ่มเอียงคอไปมาคิ้วขมวดมุ่น “บอส!! เส้นเสียงมีปัญหาเหรอ?”
มือแกร่งยกขึ้นกุมขมับ
ให้ตายสิ!! ไม่เคยมีใครทำให้เขาปวดหัวได้เท่าไอ้เจ้าชายมีปัญหานี่
“เออ ฉันอยากพักผ่อน ไสหัวออกไป ฉันจะนอน”
“บอสน่ะสิ รีบไปกินยาเถอะ เดี๋ยวเจ้าชายอยู่เป็นเพื่อนสควอโลเอง” ประโยคนั้นหวังดีแบบมีผลประโยชน์แอบแฝง
“แกนั่นล่ะ ออกไปไป๊ ไอ้ส่วนเกิน”
แซนซัสไล่เหาฉลามที่ชอบมาเกาะคนของเขาแบบไม่มีถนอมน้ำใจ
“ไม่ไป๊!!!” เสียงปฏิเสธลั่นห้อง
“เงียบโว้ย!!!!!!” เสียงห้ามลั่นห้องกว่า
“ไม่เงียบ! เจ้าชายจะนอนกับสควอโล” ประโยคนั้นแหกปากมากยิ่งขึ้น
“โว้ยย!! เดี๋ยวไอ้ฉลามสวะมันก็ตื่นหรอกไอ้เจ้าชายโง่!!!” แซนซัสตวาดก้องจนเบลฟาลากอลหุบปากฉับ
“เออ รู้จักหุบปากเสียบ้างก็ดี มีอะไรจะคุยกับมันก็คอยพรุ่งนี้” เสียงทุ้มสั่งสอน
“ตอนนี้ก็ได้”
“แกเถียงฉันหรือวะ?” คำถามไม่สบอารมณ์แต่คนถูกถามกลับส่ายหน้าดิก
นัยน์ตาสีฉานหรี่ลงจับผิด “งั้นออกไปได้แล้ว อย่าแหกปากอีกเดี๋ยวแฉลามสวะมันตื่น”
“โทษที ฉันตื่นแล้วว่ะบอส”
ร่างสูงถอนหายใจเฮือก ก่อนก้าวเท้าเข้าไปนั่งขอบเตียงใกล้ร่างบาง
มือหนาทาบลงบนหน้าผากนวล ซอกคอขาว
“ตัวยังอุ่นๆ จะตื่นทำไม เจียมตัวซะบ้างว่ากำลังไม่สบาย” เสียงทุ้มงึมงำบ่น
“ก็ใครล่ะวะมาแหกปากน่ารำคาญ” สควอโลตวาดด้วยเสียงที่ดังน้อยกว่าระดับปกติ(?)ก่อนไอโขลก
นิ้วเรียวขาวกับเรียวนิ้วแกร่งชี้หน้าอีกฝ่ายหมับ
“มัน/บอส นั่นล่ะ ฉัน/เจ้าชาย ไม่เกี่ยว”
“ก็พอกันนั่นล่ะ”
มือแกร่งผลักร่างบางที่พยายามจะยันกายลุกขึ้นให้นอนลง นัยน์ตาคู่ดุมีแววปราม
“อย่าคิดว่าไม่สบายแล้วฉันจะใจดีกับแกนะไอ้สวะ”
“แล้วที่แกทำ?”
“หึ!” แซนซัสตวัดสายตาเหยียดหยาม “ฉันไม่อยากให้มีศพสวะอย่างแกแห้งตายในปราสาท”
ริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มบาง “ขอบใจ”
“ฉันไม่ได้ทำเพื่อแก” เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว
ดวงหน้าคมคายเคลื่อนเข้าใกล้ดวงหน้าสวย นัยน์ตาคู่มคมสบนัยน์ตาสีซีด ลมหายใจรินรดซึ่งกันและกัน
“อือ ขอบใจ”
ริมฝีปากร้อนประทับลงริมฝีปากอิ่มแผ่วเบาแล้วหนักหน่วง เรียวลิ้นร้อนลากไล้เป็นเชิงขออนุญาต ริมฝีปากสีสดเผยอออกให้อีกฝ่ายรุกราน เรียกร้อง เร่งเร้า ก่อนผละออกเชื่องช้าเมื่อร่างบางเริ่มหายใจติดขัด
“เดี๋ยวก็ติดหวัดหรอก” เสียงแหบแผ่ว พร่า นัยน์ตาคู่สวยหลุบต่ำ
ริมฝีปากบางหยักยิ้มน้อยๆ เคลื่อนเข้าประชิดริมฝีปากสีสวยอีกครั้ง “แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า เชื่อฉันสิ”
“นั่นจะอยู่ในโลกส่วนตัวกันอีกนานไหมน่ะ เจ้าชายเมื่อย” เสียงของอีกหนึ่งผู้สังเกตการณ์ที่ยืนหัวโด่อยู่กลางห้องเรียกเสียงสบถรอบที่ร้อยแปดของร่างสูง
“เมื่อยแกก็กลับห้องไปสิวะ”
“ไม่เอา เจ้าชายจะอยู่กับสควอโล” ไม่ว่าเปล่ายังมีการแถเข้ามาจับมือเรียวจนเจ้าของ(ของเจ้าของมือ)ตาวาวโรจน์
“แกอยากถูกย่างมากใช่ไหม?” น้ำเสียงข่มขู่
เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่กลับกระโดดขึ้นเตียงกอดร่างโปร่งหมับ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มอ้อนบาทาเป็นเชิงถ้าย่างได้ก็ย่างดูสิจ๊ะ
“แกเป็นอะไรของแกวะ? เบล” สควอโลถามพลางใช้อีกมือจับมือใหญ่ไว้บีบเบาๆ เตือนให้ร่างใหญ่ขันติอย่าเพิ่งขันแตก
“เจ้าชายนอนไม่หลับ เจ้าชายอยากนอนกอดสควอโล” เด็กหนุ่มอ้อน
คิ้วเรียวขวดมุ่น “ฉันไม่ใช่หมอนข้าง”
“เจ้าชายชอบสควอโลมากกว่าหมอนข้าง เจ้าชายชอบกลิ่นของสควอโล” ไม่ว่าเปล่ายังเขยิบขึ้นไปนอนซบอกร่างบางเฉยยั่วโทสะบอสใหญ่ได้ดีนักแล
มือหนาผลักส่วนเกินออกดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด “ถ้าแกชอบนักก็จับไอ้สวะมาม่อนมันอาบน้ำกับสบู่ของไอ้ฉลามโง่นี่สิวะ แล้วแกจะกอดจะอะไรไอ้สวะนั่นมันก็เรื่องของแก(แต่คนนี้น่ะของฉัน)”
“ไม่เอา ไม่มีใครมีกลิ่นเหมือนสควอโล”
สควอโลถอนหายใจหน่าย มือเรียวลูบบนเส้นผมละเอียดแผ่วเบา
เบลฟาลากอลเงยหน้ามองดวงหน้าสวยที่ทาบทับกับแสงจันทร์ก่อนนัยน์ตาคู่สวยจะเหม่อลอยไกล ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้างราวเพ้อฝัน
“หม่ามี้..หม่ามี้มาหาเจ้าชายอีกแล้ว หม่ามี้ต้องมาเพราะเจ้าชายเป็นเด็กดีนี่เนอะ” เด็กหนุ่มเอ่ยอ้อนขยับกอดร่างโปร่งแบบไม่สนใจร่างสูง
“เมื่อไรแกจะเลิกเรียกฉันอย่างนั้นสักทีวะ?” เสียงแหบไม่สบอารมณ์
“หม่ามี้ เจ้าชายกลัว เจ้าชายเห็นมันอีกแล้ว”
“แกเห็นอะไร?”
“พวกแมลงสาปชั้นต่ำ มันจะฆ่าหม่ามี้ ฆ่าแด๊ดดี้ ฆ่าทุกคน มันปลอมตัวเป็นหม่ามี้มาหลอกเจ้าชายแต่ตัวมันเหม็นไม่มีกลิ่นหมือนหม่ามี้” น้ำเสียงเริ่มเหม่อลอยคล้ายเพ้อ
มือเรียวยังคงลูบศีรษะเล็กในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน
“ไม่มีทั้งนั้นล่ะ แมลงสาปอะไรของแกน่ะ ที่นี่มีแค่แกมีฉันแล้วก็แซนซัส ไม่มีใครอีกแล้ว” น้ำเสียงปลอบประโลมนุ่มนวลจนร่างสูงได้แต่เลิกคิ้วประหลาดใจ
ไอ้ฉลามสวะมันใช้น้ำเสียงแบบนี้ ท่าทางอย่างนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไรวะ?
แซนซัสเอนร่างลงพิงพนักเตียงดึงร่างโปร่งพร้อมเหาฉลามอีกตัวเข้าสู่อ้อมแขน นัยน์ตาคู่คมทอดมองภาพเบื้องหน้า
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองสควอโล
“ที่นี่มีแค่เจ้าชาย มีหม่ามี้ แล้วก็...แด๊ดดี้”
นัยน์ตาสีก่ำเบิกกว้าง
แด๊ดดี้!!!
จำไม่เคยได้ว่าเขาเคยมีลูกกับฉลามงี่เง่านี่
เฮ้ย!! หรือมันท้องแล้วไม่บอกเขาวะ?
ความคิดของแซนซัสเริ่มออกอ่าวในขณะที่ดวงหน้าสวยของร่างโปร่งระเรื่อด้วยสีของโลหิต
“แด๊ดดี้หายไปไหนมา?” เด็กหนุ่มหันไปถามบุรุษที่ยังคงกระเจิดกระเจิง
“หายไปไหน?” เสียงทุ้มไม่เข้าใจ
“ใช่ หายไปไหน? ทุกครั้งเจ้าชายเจอแต่หม่ามี้คนเดียวแต่แด๊ดดี้เจ้าชายไม่เคยเห็นเลย”
“แด๊ดดี้ของแกมันเข้านอนดึกไง แกเลยไม่เจอมัน” เสียงแหบเอ่ยตอบแทน คล้ายกับเด็กหนุ่มจะพอใจกับคำตอบจึงนอนซุกซบอกของร่างโปร่งนิ่ง
แซนซัสขมวดคิ้วก้มลงมองร่างบางเป็นเชิงถาม
“เบลมันเพ้อ มันคิดว่าฉันเป็นแม่มันส่วนแกเป็นพ่อมัน มันเพ้ออย่างนี้ทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง” สควอโลกระซิบตอบเจ้าของอ้อมอกอุ่น
“เมื่อกี๊มันยังเถียงกับฉันได้อยู่เลย”
“มันเพ้อเป็นช่วงๆ น่ะ เมื่อกี๊มันยังไม่ออกอาการไงเพราะถ้ามันเริ่มเพ้อเมื่อไหร่มันก็จะเพ้อไปจนกว่าจะเช้า”
“แล้วมันเป็นบ้าอะไรของมัน”
“ถึงมันจะโรคจิตยังไงมันก็ยังเป็นเด็กนะแซนซัส”
มือขาวลูบไล้เส้นผมสีบลอนด์ช้าๆ ริมฝีปากสวยเอ่ยกระซิบปลอบประโลมเป็นระยะ
“มันเพ้อว่ายังไงบ้างล่ะ”
คนถูกถามอมยิ้มนัยน์ตาพราว “มันเพ้อว่าแกเป็นพ่อมัน ไอ้มาม่อนเป็นน้องชาย ลุซซูเรียเป็นป้าแก่ๆ หัวหน้าแม่บ้าน โกร่ามอสก้าเป็นหุ่นยนต์ที่น้องชายชอบเล่น แล้วที่สุดยอดนะแซนซัส...”
คิ้วเข้มเลิกเป็นเชิงถาม
“มันเพ้อว่าไอ้เลวี่น่ะเป็นกิ๊กแกว่ะ” คนเล่าเล่าเกินจริงอย่างนึกสนุกแต่คนฟังไม่สนุกไปด้วย
แซนซัสสงสัยครามครัน
เขาในสายตาของไอ้เจ้าชายสวะนี่มันตาต่ำ(+ตกต่ำ)ขนาดนั้นเลยหรือวะ?
มือขาวที่จับมือใหญ่ทำให้แซนซัสต้องก้มลงไปมองคนในอ้อมแขนของร่างโปร่ง
“มีอะไร?” เสียงทุ้มห้วน
“หม่ามี้โกหก”
“หือม์?”
“อย่าพูดนะเว้ยเบล!” ร่างโปร่งเริ่มโวยวาย
“พูดมา” ร่างสูงสั่ง
เบลฟาลากอลยิ้มประจบแด๊ดดี้
“เลวีอาแธนน่ะเป็นคนขับรถต่างหาก ไม่ใช่กิ๊กแด๊ดดี้สักหน่อย”
มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวเด็กหนุ่ม ริมฝีปากบางยิ้มแสยะ “มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เด็กดีบอกแด๊ดดี้ซิว่าหม่ามี้ชื่ออะไร?”
สควอโลตาเหลือกจ้องร่างสูงเหมือนเห็นแดรกคิวลาร์ฟื้นขึ้นมาเต้นแซมบ้า
บอสมันกินอะไรผิดสำแดงมาวะ?
“สควอโล หม่ามี้ของเจ้าชายชื่อสควอโล” เด็กหนุ่มตอบมั่นใจ
ดวงหน้าขาวแดงก่ำราวเพิ่งผ่านเทศกาลสงคราม ที่ใช้เลือดสาดแทนน้ำ
“เด็กดี...” เสียงทุ้มพึมพำ มือใหญ่ตบหัวลูกชาย(?)ตัวโตเบาๆ
“นอนซะเบล แกอย่าพูดมากฉันรำคาญ” ร่างโปร่งโวย
ริมฝีปากบางเบะคล้ายเด็กยามถูกขัดใจ
“แด๊ดดี้ หม่ามี้ดุเจ้าชาย” เด็กหนุ่มฟ้อง
“ไม่เป็นไร หม่ามี้เขาเข้าวัยทองแล้วน่ะ เลยหงุดหงิดง่าย”
“ชิ!”
แซนซัสหัวเราะเบาๆ
แปลก....ที่เขาไม่ได้นึกรำคาญกับการที่มีคนมาเรียกเขาว่าพ่อ
แปลก....ที่เขาอารมณ์ดีจนคิดอยากมีครอบครัวจริงๆ เหมือนคนอื่นเขา
แปลก....ที่เขากลับคิด...ถ้าไอ้ฉลามสวะที่อยู่ในอ้อมกอดมีลูกให้เขาได้ก็คงดีไม่น้อย เด็กชายหรือเด็กหญิงตัวน้อยๆ ที่เรียกไอ้สวะนี่ว่าแม่แล้วเรียกเขาว่าพ่อ
“หม่ามี้เจ้าชายอยากฟังนิทาน”
“ปัญญาอ่อน!!” เสียงแหบบ่นก่อนถาม “จะฟังเรื่องอะไร?”
“เจ้าชายอยากฟัง....ซินเดอเรลล่า”
“แซนซัส”
“หือม์?”
“นี่ลูกแกงั้นแกเล่านะ ฉันเจ็บคอ” ประโยคนั้นโบ้ยเอาดื้อๆ
คิ้วเข้มขมวดยุ่ง “ฉันจำเรื่องไม่ค่อยได้ว่ะ”
“เออน่า เล่าไอ้ที่แกจำได้มาละกัน”
นัยน์ตาสีฉานฉายแววไม่แน่ใจที่หาได้ยากของร่างสูง
“เอางั้น?”
“เออ” คนตอบตอบส่งๆ
มือขาวเขย่าแขนแกร่ง “เล่าเลยแด๊ดดี้เจ้าชายอยากฟัง”
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...นิทานทั่วไปเขาต้องขึ้นต้นอย่างนี้ใช่ไหมวะ?” น้ำเสียงไม่แน่ใจสุดกู่
“เออ” เสียงตอบตอบปัดแบบขอไปที
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเจ้าหญิงองค์หนึ่งชื่อซินเดอเรลล่า เจ้าหญิงมีผิวขาวเหมือนกับหิมะ ริมฝีปากสีแดงสดราวสีของแอ๊ปเปิ้ล...”
คิ้วเรียวขมวดมุ่น นัยน์ตาสีน้ำแข็งตวัดขึ้นมองดวงหน้าคมคาย
“เดี๋ยวนะแซนซัส ฉันจำได้ว่าไอ้ที่แกเล่าน่ะมันสโนไวท์ไม่ใช่หรือวะ?”
“ฉันบอกว่าชื่อซินเดอเรลล่าก็ซินเดอเรลล่าสิ” เสียงทุ้มติดจะหงุดหงิดจนคนค้านต้องหุบปากฉับ
และแล้วการเล่านิทานแบบฉิบฉ่อยยังคงดำเนินต่อไป
สู้เขาต่อไปนะ จีบัน......
ฉับบบบบบบบบบบบบบบบบ!!!!! ตัดจบอย่างทุเรศ
แอบมาedit จาก24 มิ.ย. 52 / 18:11 เป็น 5/3/58
#เรื่องนี้น่ารักเพราะคนแต่น่ารักค่ะ ปุอิ๊งงง 5555555
ผลงานอื่นๆ ของ E-O-i ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ E-O-i
ความคิดเห็น