คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ค่ำคืนแห่งความวุ่นวายที่สุดของชาวนิศามณี เมื่อองค์ราชินีของพวกเขาสิ้นพระชนน์หลังจากให้ประสูติพระธิดาองค์น้อย และมันคงมิใช่เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ หากว่าราชินีของพวกเขาไม่ได้ถูกวางยาจนสิ้นพระชนน์!
ทั้งยังพระธิดา หลังจากออกจากครรภ์ของพระมารดาได้เพียงไม่นาน ก็สิ้นพระชนน์ตามไปในทันทีเช่นกัน
เหลือไว้เพียงความเศร้าโศกและสงสัยงุนงงให้แก่ผู้ที่เหลือรอดอยู่...ใครเป็นผู้วางยาปลงประชนน์องค์ราชินีและพระธิดา!?
พระราชพิธีศพถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ประชาชนชาวนิศามณีต่างไปร่วมงานกันอย่างหนาแน่น เกือบทั้งหมดร่ำให้ออกมาด้วยความเศร้าโศกเสียใจยิ่งนัก
ชาวนิศามณีต่างเสียใจต่อการจากไปของราชินีผู้เป็นที่รักยิ่งของพวกเขา รวมไปถึงเจ้าหญิงที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้เห็นพระสิริโฉมเช่นกัน
โดยหารู้ไม่ว่าพระศพของพระธิดาองค์น้อยหาใช่ตัวจริงไม่...
"กระหม่อมจะดูแลเจ้าหญิงเป็นอย่างดีพระเจ้าค่ะ" ชายแก่ผู้เป็นเสนาธิการนามอนลกราบทูลด้วยน้ำเสียงมั่นคง เรียกความไว้วางพระทัยจากกษัตริย์ดุลยวัตแห่งนิศามณีได้มากขึ้น พระองค์ถอนพระทัยยาว แล้วถึงพยักพระพักตร์ให้กับอนล
ในอ้อมพระพาหามีเด็กหญิงตัวน้อยนอนหลับตาพริ้ม อนลเอื้อมมือรับเด็กหญิงจากอ้อมพระกรขององค์กษัตริย์ แล้วค่อยๆเดินลับหายไปในพุ่มไม้ข้างกำแพงพระราชวัง
ทิ้งให้องค์ดุลยวัตมองตามไปด้วยความอรทรจนลับสายพระเนตร โดยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า การตัดสินพระทัยครั้งนี้ของพระองค์ จะเป็นชนวลให้เกิดสงครามระหว่างสามแคว้นขึ้น
"เราพ่ายแพ้แล้วพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท" เสียงกราบทูลรายงานของเสนาบดีคนสนิท กระตุกหทัยขององค์กษัตริย์แห่งนิศามณีให้แทบขาดสะบั้นลง
พ่ายแพ้...
เสนาบดีเฒ่าเหลือบมองกษัตริย์ของด้วยแววตาเห็นใจเหลือเกิน
อา...องค์ดุลยวัต
เพียงเพราะข่าวลือที่ไม่มีใครรู้ที่มา...ทำให้เกิดสงครามและความสูญเสียถึงเพียงนี้
แต่เขาเข้าใจพระองค์ดี...หากบุตรีของเขาหายไปกว่า 22 ปี แล้วจู่ๆเกิดได้รับข่าวสารเบาะแสเกี่ยวกับนาง เขาเองก็คงไม่ลังเลที่จะตามหาเอาตัวกลับมา
เพียงแต่องค์ดุลยวัตหาใช่สามัญชนธรรมดาไม่ เพราะองค์คือกษัตริย์ที่สำคัญยิ่งต่อแผ่นดิน ไม่อาจละทิ้งหน้าที่ออกตามหาพระราชธิดาด้วยองค์เองได้ จึงทรงจำเป็นต้องส่งสหายคนสนิทไปรับตัวพระธิดาองค์โตให้กลับคืนนคร หากทั้งหมดมันคือข่าวลวง...เจ้าหญิงเนตรอัปสรยุวดีมิได้ประทับอยู่ยังแคว้นอคิราห์ทิราชย์ตามข่าวลือ
แต่ด้วยความที่ทรงห่วงใยพระธิดาหนักหนา องค์ดุลยวัตจึงเพียรส่งคนไปค้นหาเจ้าหญิงพระองค์นั้น ทั้งที่ทางอคิราห์ทิราชย์ยืนยันมั่นแล้ว ว่าพวกเขามิได้พบปะหรือได้ข่าวคราวเกี่ยวกับเจ้าหญิงเนตรอัปสรยุวดีเลยแม้แต่น้อย
การกระทำขององค์ดุลยวัต สร้างความไม่พอพระทัยแก่กษัตริย์กิตติธราแห่งอคิราห์ทิราชย์ยิ่งนัก ครั้นส่งคนมาเจรจาให้องค์ดุลยวัตล้มเลิกการค้นหาพระธิดาในดินแดนอคิราห์ทิราชย์ เวลานั้นองค์ดุลยวัตกลับมิทรงฟังคำของผู้ใด กล่าวหาทางอคิราห์ทิราชย์ด้วยพระดำรัสรุนแรง เพราะพระอารมณ์ทั้งสับสนและโกรธกริ้วยิ่งนัก
'พวกท่านต้องกุมขังพระราชธิดาของเราไว้เป็นแน่! และทารุณนางจนไม่สามารถออกมาพบข้าได้'
และปฏิเสธไปอย่างหนักแน่นว่า
'สิ่งเดียวที่จะหยุดเรา คือเมื่อเราได้ลูกสาวที่น่ารักของเรากลับคืนมาแล้วเท่านั้น'
แล้วเวลานี้เล่า...จะหยุดพระองค์ได้หรือไม่
"ใครคือผู้นำทัพคราวนี้หรือ?" เสียงรับสั่งถามเบาหวิว เสนาบดีเฒ่าหลุดออกจากห้วงแห่งความคิด ก่อนทูลตอบเสียงเบาไม่แพ้กัน
"เจ้าชายชเยศจักรเสน เจ้าชายรัชทายาทแห่งอคิราห์ทิราชย์พระเจ้าค่ะ"
เจ้าชายชเยศจักรเสน! พญามารแห่งสามแคว้น
องค์ดุลยวัตดำริในพระทัยอย่างเกรี้ยวกราดในตัวพระองค์เอง
ไม่ควรเลย พระองค์ไม่ควรรั้นที่จะตามหาหญิงยวุดีเพียงเพราะแค่ข่าวลวงจอมปลอม แต่ทั้งที่พระองค์ทรงทราบดี ว่ามันเป็นเพียงเรื่องโกหก แต่ในพระทัยลึกๆก็ทรงอดหวังมิได้ ทรงหวังว่าจะได้เจอพระธิดาในเร็ววัน
เจอพระธิดา...ที่พระองค์ทรงมีโอกาสได้ทอดพระเนตรเห็นสิริโฉมเพียงค่ำคืนนั้นคืนเดียวเท่านั้น
คืนที่พระองค์สูญเสียราชินีที่รักยิ่งไป...
ปัง!
เสียงพระทวารถูกผลักให้เปิดออกอย่างแรง พร้อมๆกับร่างของทหารวัยฉกรรจ์ ซึ่งก้าวเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบจนแทบจะเป็นวิ่ง ในมือใหญ่ถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้แน่น
นายทหารผู้มาใหม่ค้อมเคารพองค์กษัตริย์อย่างทุลักทุเลด้วยความร้อนใจ ก่อนจะคุกเข่าลง ส่งจดหมายในมือให้ผู้เป็นเจ้านายเหนือหัว
"จากทางอคิราห์ทิราชย์พระเจ้าค่ะ"
องค์ดุลยวัตทรงรับจดหมายฉบับนั้นมาและเปิดอ่านด้วยความร้อนรุ่มในหทัยยิ่งนัก ทรงทอดพระเนตรเพียงไม่นานก็วางจดหมายลงบนโต๊ะทรงพระอักษร แววพระเนตรเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ก่อนตรัสเล่าข้อความในจดหมายสั้นๆ
"หากทางเราต้องการยุติสงคราม ก็ต้องส่งเจ้าหญิงนภัสสรมาธวีไปเป็นเชลยแก่อคิราห์ทิราชย์เสียแต่โดยดี"
ทั้งสองมองนายเหนือหัวด้วยนัยน์ตาที่เบิกกว้าง
"อย่างนั้นหรือคะ...นม" สุรเสียงหวานใสตรัสรับเรียบๆ ไม่มีแววยินดียินร้ายหรือเสียพระทัยในดวงเนตรสีอำพันสวยคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย
"เจ้าหญิงเพคะ ทรงปฏิเสธเถิดนะเพคะ หม่อมฉันรับไม่ได้หรอกเพคะ ทำไมเจ้าหญิงต้องกลายเป็น..." พระนมไม่สามารถพูดต่อได้ แต่เจ้าหญิงคนงามกลับแย้มสรวล รับสั่งต่อให้แทน
"แพะรับบาป นมฉายจะพูดอย่างนั้นใช่ไหมคะ..."
"ฝ่าบาท หม่อมฉัน..." พระนมวัยชรามีสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะกราบทูลด้วยแววตาหนักแน่น
"หม่อมฉันจะพาฝ่าบาทหนี"
เสียงสรวลใสดังขึ้นให้ได้ยิน แต่พระขนงกลับขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนรับสั่งออกมาด้วยสุรเสียงหวานแต่เคร่งเครียด
"ถึงนมจะชุดกระชากลากหญิงให้หนีไป หญิงจะไม่หนี จะไม่ทิ้งแผ่นดินที่หญิงรักมากยิ่งกว่าชีวิตแห่งนี้เด็ดขาด"
"โธ่ เจ้าหญิงนภัสสรเพคะ..." นมฉายไม่สามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาได้ เมื่อเห็นรอยแย้มสรวลเบาบางแต่พระเนตรแน่วแน่มั่นคงของเจ้าหญิงนภัสสร
เจ้าหญิงของเธอทรงตัดสินพระทัยแล้ว
แต่มันเป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการเลยแม้แต่น้อย
อา...เจ้าหญิงน้อยของหม่อมฉัน พระองค์ทรงเจริญชันษาจนกลายเป็นเจ้าหญิงที่เพรียบพร้อมอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
เจ้าหญิงต้องทรงทุ่มเททุกอย่างเพื่อแผ่นดิน เจ้าหญิงต้องทรงรักแผ่นดินยิ่งกว่าสิ่งใด เจ้าหญิงต้องทรงยอมสละพระชนชีพและความสุขสำราญขององค์เองได้...เพื่อแผ่นดิน
เจ้าหญิงและเจ้าชาย...ทรงมีหน้าที่เหมือนๆกัน ทุกอย่างล้วน...เพื่อแผ่นดิน
แต่น้อยนัก น้อยเหลือเกินจะมีเจ้าหญิงหรือเจ้าชายพระองค์ใด ที่ทรงยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อแผ่นดินอย่างแท้จริง
เจ้าหญิงที่สมบรูณ์พร้อมองค์นั้น อยู่ตรงหน้าเธอนี่เอง
เจ้าหญิงนภัสสรมาธวีแห่งนิศามณี...องค์นี้เอง!
*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*
สวัสดีค่า ในที่สุดก็ได้ลงบทนำของเรื่องวารีในเปลวเพลิงแล้วนะคะ ยังไงก็ต้องขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ หากมีส่วนใดที่ผิดพลาดไป ทุกท่านสามารถแนะนำได้เลยนะคะ เพราะว่า Dark_Lugia ไม่ถนัดในเรื่องคำราชาศัพท์เอาเสียเลย ขอความกรุณาด้วยนะคะ
อ้อ อีกอย่างเรื่อง วารีในเปลวเพลิง กับเรื่อง แสงจัทร์สีเงิน จะเกี่ยวข้องกันนะคะ เวลาอ่านก็สามารถอ่านควบคู่กันไปได้ อาจจะสับสนนิดหน่อย แต่บางครั้งก็อาจจะช่วยไขข้อข้องใจบางอย่างได้มากขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่า!
ความคิดเห็น