ตอนที่ 2 : 2
.....2.....
ตะวันคล้อยใกล้จะตกดิน แสงอาทิตย์อาบไล้เรือสลัดให้เป็นสีทองส้มงดงาม กลุ่มควันขาวจางๆลอยขึ้นจากกลางเรือ มีร่างมนุษย์กึ่งหุ่นยนต์กำลังจัดการกองไฟบนเตาย่างขนาดใหญ่ ด้านข้างมีปลาทะเลที่ไร้วิญญาณนอนแน่นิ่ง
มื้อเย็นกลางแจ้งสินะ กุ๊กหนุ่มประเมินสถานการณ์แล้วยิ้มกับความเฮฮาวุ่นวายที่มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้แวะขึ้นเกาะ เขาจัดการแยกของที่ซื้อมาซึ่งกองอยู่สนามหน้าทางขึ้นห้องครัว แล้วเริ่มคิดเมนูอาหาร
"ฉันจะกินแกให้ด้ายย!!"
ตู้มม..เสียงน้ำทะเลฟุ้งกระจาย เมื่อกัปตันจอมยุ่งบนเรือพายลำเล็กซัดหมัดปืนใหญ่ลงไปในทะเลพร้อมกับถูกกระชากตามลงไปทันที
"ลูฟี่!!" เสียงอุซป ดังไล่หลัง
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ?!" นามิละสายตาจากถุงช็อปปิ้งในมือขึ้นมาดูเหตุการณ์ตรงหน้า เห็นเพียงผิวน้ำที่ถูกซัดกระจายเป็นคลื่นวงกว้าง
"ลูฟี่น่ะสิ จะกินไอ้ปลายักษ์ตัวนั้นให้ได้ สู้กันอยู่นานแล้วเนี่ย" อุซปตอบ
"มันกินลูฟี่ไปแล้วแน่เลย" ช็อปเปอร์เสียงสั่น
ไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ ร่างปลายักษ์ตัวนั้นก็พุ่งลอยขึ้นไปบนอากาศ พร้อมกับตกลงมาสู่ผิวน้ำสาดกระเซ็น โดยสภาพของมันคือส่วนหัวได้ขาดออกจากตัวด้วยรอยเฉือนคมกริบ ผู้ปลิดชีวิตโผล่พ้นน้ำพร้อมกับร่างกัปตันที่ถูกอุ้มกอดขึ้นมา มือข้างหนึ่งของกัปตันยังจับที่ปากปลายักษ์ไม่ยอมปล่อย นักดาบหนุ่มจึงลากขึ้นชายฝั่งทั้งอย่างนั้น
"คานิโรโบเรนเจอร์~เท่สุดๆไปเลย"
"ซุปเปอร์~คูลล"
เสียงเชียร์จากบนเรือเฮลั่น เมื่อมื้อค่ำตัวใหญ่ถูกล่าได้สำเร็จ
เหอะ..ไม่เห็นจะเท่ตรงไหน
กุ๊กหนุ่มเท้าแขนกับระเบียงเรือ เขาโล่งอกที่กัปตันปลอดภัย แต่หงุดหงิดกับเสียงรอบข้าง
"ฮ้าา..ขอบใจนะโซโล"
"หวังว่ามันจะอร่อยแล้วกันนะ"
"ฮี่...ซันจิทำอร่อยอยู่แล้วว ใช่ม้ายย ซาานจิ~"
นักดาบหนุ่มหันไปตามมือไม้ลูฟี่ที่โบกให้คนบนเรือ แสงแดดยามเย็นที่ย้อนเข้าชายฝั่ง ทำให้เขามองไม่ค่อยชัดว่าคนที่ยืนอยู่ระเบียงเรือคือใคร แต่ควันบุหรี่จางๆก็ทำให้รู้ทันที รู้สึกเหมือนจะถูกจ้องอยู่สักพัก ก่อนเงานั้นจะหายกลับเข้าไป
"..." นักดาบถอนหายใจเบาๆ ถ้าไม่นับที่มีปากเสียงกันเมื่อบ่าย ก็น่าจะเป็นเดือนแล้ว ที่เขากับกุ๊กประจำเรือไม่ได้เผชิญหน้ากันตรง ๆ แทบจะไม่ได้ทะเลาะกันอีกด้วยซ้ำ สาเหตุก็น่าจะตั้งแต่วันที่เขาฝากรอยเขี้ยวไว้ที่ต้นคอ และหมอนั่นฝากรอยเย็บสี่เข็มไว้ที่ขมับข้างขวา แถมเขายังต้องโกหกคุณหมอประจำเรือว่า เป็นอุบัติเหตุระหว่างออกกำลังกายในห้องน้ำ
หึ...คิดแล้วก็ขำดี
.
.
.
ฉับ..
พ่อครัวประจำเรือหั่นผัก เครื่องเคียง และจัดเตรียมอาหารอีกเล็กน้อยสำหรับปาร์ตี้วันพักผ่อนวันสุดท้ายบนเกาะ อุซปเข้ามาเป็นลูกมือช่วยลำเลียงเนื้อปลาชิ้นใหญ่มาให้ ส่วนหนึ่งจะถูกเก็บไว้ในตู้แช่(โดยไม่ให้ลูฟี่รู้) อีกส่วนใหญ่ที่เหลือถูกย่างอยู่บนเตากลางสนาม ไม่ใช่ทุกครั้งที่ตกปลาในทะเลของโลกใหม่ แล้วปลานั่นจะกินได้ มีหลายครั้งที่เจอปลามีพิษและเจ้ากัปตันจอมตะกละก็เกือบสวาปามเข้าไป ถ้ากุ๊กอย่างเขาไม่ห้ามไว้ซะก่อน ป่านนี้ก็คงไม่ได้มาเฮฮาบนเกาะนี้แล้ว
ไม่รู้จะชอบตกปลาอะไรกันนักหนา ยิ่งกับไอ้หัวเขียวนั่น เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย
ตะวันลับขอบฟ้าจนมืดสนิท อาหารใกล้จะเสร็จแล้ว และเสียงเฮฮาบนดาดฟ้าเรือเริ่มดัง
"ฝากยกจานนี้ไปทีอุซป เดี๋ยวฉันตามไป"
"โอเค.....เหวออ"
จู่ๆประตูก็ถูกผลักเข้ามาเกือบชนจมูกยาวของพลซุ่มยิง
"!? โทษที.." เสียงทุ้มต่ำทำให้พ่อครัวหันไปมอง ร่างหนาของใครบางคนเดินสวนเข้าประตูมาพร้อมลมเย็นปะทะใบหน้า
" เฮ้...นายไม่หนาวหรือไงเนี่ย " อุซปพูดกับเพื่อนร่างบึ้กที่ผิวเปลือยเปล่าโดนแดดเลียจนขึ้นสีเข้ม แล้วผลักประตูเดินออกไป ดูเหมือนอากาศข้างนอกจะเริ่มหนาวตามที่ต้นหนสาวบอกไว้ไม่มีผิด
ปึง..เสียงประตูปิดพร้อมความเงียบภายในห้องครัว
ไอ้นักดาบนี่ ทำไมมันถึงชอบโชว์นักนะ แค่เสื้อตัวเดียวมันใส่ยากนักรึไง
เมื่อสายตาเหลือบไปมอง ฉับพลันภาพแสงแดดเมื่อตอนเย็นก็ผุดขึ้นมา มันไม่ควรส่งผลให้จังหวะหัวใจเต้นผิดปกติ เพราะมันคือภาพหุ่นล่ำของไอ้นักดาบ ที่แสงแดดไล้เงาชัดบนกล้ามกับแผลเป็น บนผิวที่เปียกน้ำ ขณะที่เจ้าตัวกำลังเสยผมแล้วหันมามองเขาบนเรือ อดยอมรับไม่ได้เลยว่า คนที่ทุ่มเทเอาแต่ออกกำลังกายอย่างมันจะหุ่นดีแล้วก็น่ามองจริง ๆ ถึงตัวเขาเองจะฟิตและมีกล้ามเหมือนชายนักสู้คนหนึ่ง แต่ความแน่นและแกร่งของกล้ามเนื้อยังน้อยกว่าหมอนั่นอยู่ดี
'ซันจิคุงตัวบางกว่าตั้งเยอะ'
จู่ๆ คำพูดของคุณนามิก็พุดขึ้นมาย้ำและแทงใจดำ
"มีอะไร?" เสียงห้วน ๆของพ่อครัวพูดทำลายความคิดและความเงียบขึ้น เขาไม่สนใจว่าผู้เข้ามาใหม่จะทำอะไร จึงตั้งหน้าล้างอุปกรณ์ทำครัวต่อ
"หยิบเหล้าให้ทีสิ"
"มีเบียร์เป็นถังอยู่ข้างนอกไม่ใช่รึไง"
"มันกินกับปลานั่นไม่อร่อย"
ปึด...เสียงเส้นเลือดปูดขึ้นที่ขมับ
"ไม่มีเหล้าสำหรับปลานั่น ออกไปซะ"
นักดาบหนุ่มยืนนิ่งอยู่ครู่ แล้วก้าวเท้าตรงไปยังตู้เก็บไวน์
พ่อครัวเห็นจึงรีบตะโกนห้าม
"เฮ้! หยุดเลย ไอ้หัวมอสงี่เง่า ฉันไม่อนุญาตให้แกหยิบอะไรทั้งนั้น!"
อ๊าก ทำไมไอ้หมอนี่ชอบทำให้อารมณ์เสียทุกที !
ดูท่าไม่ว่ายังไงมันก็คงจะไม่ไป ถ้าไม่ให้ติดมือไปสักขวด เหมือนทุกที ! เหมือนครั้งที่แล้ว !
"เอ้า! ไอ้ขี้เมา สมใจแกอยากแน่! "
กุ๊กหนุ่มตัดสินใจเดินไปค้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในตู้ และหยิบเหล้าขวดหนึ่งที่เพิ่งซื้อมาใหม่วันนี้ เป็นเหล้าชนิดหนึ่งที่ระดับแอลกอฮอล์สูงกว่าปกติถึงสองสามเท่า ถึงแม้จะรู้ว่ามันทำอะไรคอทองแดงของหมอนี่ไม่ได้ แต่อย่างน้อยทำให้มันออกไปจากห้องนี้ตอนนี้ได้ ก็ยังดี รำคาญ!
หมับ
" ! "
มือหนากำทั้งคอขวดทั้งมือขาวแล้วกระชากเข้าหาตัวอย่างแรง
"หงุดหงิดอะไรนักหนา" นักดาบโน้มหน้าใกล้แล้วจ้องตาเขม็ง ก่อนเอ่ยเบาเท่าเสียงกระซิบว่า
"ไม่สบายตัวรึไง มีอะไรให้ฉัน ช่วย มั้ย?"
วาบ... รู้สึกเลือดสูบฉีดไปถึงหู
กุ๊กหนุ่มตกใจที่คนตรงหน้าใช้แขนเพียงข้างเดียวกระชากเขาจนเซไปชนกับแผ่นอกแกร่ง อีกทั้งยังรู้สึกประหลาดกับคำพูดกำกวมนั่น ไม่คิดว่ามันจะหยอกด้วยถ้อยคำแบบนี้
เสี้ยววินาทีก่อนขาเรียวจะฟาดเข้ากลางลำตัว นักดาบหนุ่มผละตัวเองออกจากรัศมีได้ทัน เขายิ้มเยาะ แล้วชูขวดเหล้าขึ้นเป็นเชิงขอบคุณแล้วออกจากห้องไป
แน่นอนว่า คำว่า ช่วย ของนักดาบนั้น หมายถึงให้ช่วยทำเรื่องอย่างว่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อคราวที่แล้ว
ตึก ตัก ...
บ้าเอ้ยย เจ็บใจชะมัด!
ทำไมต้องเป็นฝ่ายถูกบุกรุกคุกคามด้วยฟะ ! ตัวบางกว่าแล้วยังไง คิดว่าจะสู้แรงไม่ได้? ถ้าจะต้องรู้สึกพ่ายแพ้ไอ้คนมีแต่กล้ามไม่มีสมองอยู่ตลอดเวลา ให้ฉันตายซะยังดีกว่า
“ฮึ้ย โมโห คราวหน้าจะใส่น้ำปลาให้แดกแทนเหล้าซะให้เข็ด!”
.............
มื้อเย็นกลางแจ้งที่จู่ๆก็กลายเป็นงานเลี้ยงใช้เวลาเลยเถิดไปจนเกือบเที่ยงคืน เหลือเพียงกลุ่มชายหนุ่มที่ส่งเสียงสนุกสนานเฮฮาดังลั่นกลางสนาม แถมบรรยากาศดีขึ้นไปอีก เมื่อจู่ๆหิมะก็ตกลงมาซะอย่างนั้น กองไฟย่างปลาจึงกลายเป็นกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแทน
"เกาะบ้านี่มีตั้งสองฤดูในวันเดียวเลยเรอะ" แฟรงกี้นั่งดื่มเหล้ารสแรงกับบรู๊คและโซโลที่หน้ากองไฟ
"โฮะๆ จู่ๆหิมะก็ตกลงมา แปลกดีเหมือนกันนะครับเนี่ย”
“แต่เหล้านี่ช่วยให้อุ่นได้เยอะเลย” แฟรงกี้ว่าพลางเทโคล่าผสมลงไปในแก้วที่มีเหล้า แล้วยกขึ้นดื่ม
“เฮ้ เสียของหมด” แฟรงกี้ไม่สนใจที่นักดาบหนุ่มหันมาแขวะ แล้วทั้งสามก็ชนแก้วกันดื่มจนหมดรวดเดียว
“ว่าแต่รสชาติดีจริงๆเลยนะครับคุณโซโล เข้าใจเลือกดีนะครับ"
บรู๊คว่าพลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ถ้ายังมีผิวหนังคงเห็นว่าเขาเริ่มหน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปแล้ว
“เจ้ากุ๊กนั่นมันหยิบให้น่ะ" นักดาบหนุ่มยกความดีความชอบให้พ่อครัวประจำเรือ แต่ถ้าหมอนั่นอยู่ร่วมวงสนทนาเขาคงไม่ตอบอะไร แล้วปล่อยผ่านไป
"....." บรู๊คยังคงมองนักดาบที่นั่งเอนพิงม้านั่งไม้เรืออย่างเอกเขนก ชั่งใจก่อนจะพูดอะไรออกมา "...คุณซันจิดูท่าทางเครียดๆนะครับ"
"เครียดหรอ?" แฟรงกี้ถามขึ้น
"ครับ...เขาดูโกรธคุณโซโลอะไรสักอย่าง ผมพูดถูกมั้ยครับ"
แทบจะสำลัก
นักดาบหนุ่มวางแก้วเหล้าลงพร้อมยกแขนเช็ดปาก
"หมอนั่นก็โมโหใส่ฉันตลอดเวลาอยู่แล้ว"
"อย่างนั้นหรอครับ ผมแค่สงสัยว่าทำไมเขาจ้องคุณโซโลบ่อยๆ เหมือนกำลังท่องคำสาปอยู่ในใจเลยนะครับ"
แล้วทุกคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
“ไปทำอะไรคุณซันจิไว้หรือเปล่าครับ"
อึก...
"เปล่า...ไม่ได้ทำอะไร"
ถ้าเป็นเรื่องวันนั้น ทำให้เจ้านั่นโกรธมาถึงวันนี้
ก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆแฮะ
ทำเกินไปรึเปล่าหว่า?
เงียบกันไปพักนึง ก่อนแฟรงกี้จะยกแก้วขึ้นมาขอชนทุกคนอีกครั้ง
ช่วงสุดท้ายของงานเลี้ยง หิมะเริ่มโปรยลงหนาพอจะถมกองไฟให้มอดดับ จากนั้นลูฟี่จึงก่อสงครามปาบอลหิมะในขณะที่ทุกคนดื่มกันจนเมาได้ที่ ภาพที่ออกมาจึงเป็นความทุลักทุเลในการต่อสู้กันอย่างวุ่นวายและน่าขำ ก่อนทุกอย่างจะจบลงเมื่อนามิที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จโดนลูกหลงไปหนึ่งดอก เธอจึงยุติสงครามและตวาดไล่พวกตัวกวนไปนอน โรบินที่ตามหลังมาด้วยยื่นเสื้อโค้ทกันหนาวขนสัตว์สีขาวตัวหนาให้โซโลกับบรู๊ค คืนนี้เป็นเวรของพวกเขาเฝ้ายามหัวเรือท้ายเรือ ถึงเกาะจะดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่การเฝ้ายามก็ต้องระมัดระวัง ยิ่งเรือเทียบท่านิ่งสนิทแบบนี้ ยิ่งอันตราย
………….
ฟู่..
ไอความร้อนที่กลายเป็นหมอกจางๆ ถูกพ่นออกจากปากนักดาบหนุ่มเพื่อระบายความหนาว ดูเหมือนการเฝ้าเวรยามท้ายเรือคืนนี้จะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ พอเหล้าหมดขวดก็ไม่มีตัวช่วยใดให้ร่างกายอุ่นอีก ถึงจะสวมเสื้อกันหนาวแต่ก็เอาไม่อยู่ เมื่อหิมะยังโปรยลงมาใส่หัวเรื่อย ๆ
โซโลตัดสินใจเดินอ้อมจากระเบียงท้ายเรือมาหลบหนาวในห้องครัวชั่วครู่
เมื่อมาถึงปรากฏว่าไฟในครัวยังเปิดสลัวอยู่
" !? "
" ! "
...ให้ตายเถอะ นึกว่าไม่มีใครอยู่ซะอีก
“แกเข้ามาทำอะไรไม่ทราบ”
กุ๊กหนุ่มที่กำลังจดบันทึกข้อมูลเรื่องปลายักษ์หันมาพูดอย่างหัวเสียกับผู้มาเยือน
โซโลถอนหายใจเบาๆ ไม่คิดต่อปากต่อคำ แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเงียบๆ วางดาบสามเล่มไว้ใกล้ๆ อากาศภายในห้องอุ่นกว่าข้างนอกมากโข เขาจึงถอดเสื้อโค้ทออกแล้วเอนหลังพิงพนักสบายๆ
ซันจิไม่สนใจ ก้มหน้าเขียนบันทึกต่อ
" ... "
เสียงลมพัดหวีดหวิวอยู่ภายนอก ชวนให้บรรยากาศวังเวงขึ้นไปอีก
"..."
"....."
"ไอ้หัวสาหร่าย แกจะจ้องฉันอีกนานมั้ย ไม่มีอะไรทำรึไง!"
“แกหลบหน้าฉันทำไม" เสียงทุ้มต่ำพูดตรงเข้าประเด็น
" ! "
ซันจิเงยหน้าจากสมุดทันที ถูกกล่าวหาด้วยเรื่องเสียฟอร์มแบบนั้น เขาไม่ยอมให้จบง่ายๆแน่
หลบหน้าเรอะ ...
ทำไม คิดว่าฉันกลัวนายรึไง
"ทำไมฉันต้องหลบหน้าแกด้วยฟะ เหม็นขี้หน้ามากกว่า รกหูรกตาชะมัด " ซันจิปิดสมุดดังปึง แล้วลุกจากเก้าอี้
“ถ้าแกโกรธเรื่องเมื่อวันนั้นล่ะก็ ..."
ซันจินิ่งค้างไป เมื่อเหตุการณ์เมื่อคราวก่อนถูกยกขึ้นเป็นประเด็น
“อ่า... คือ..."
โซโลอ้ำอึ้ง ดูเหมือนการพูดว่า ขอโทษ จะทำให้เขาเองก็รู้สึกเสียฟอร์มไม่น้อยเช่นกัน อีกอย่างเขาก็ไม่คิดว่ามันเป็นความผิดเขาทั้งหมด ในเมื่อวันนั้นเจ้ากุ๊กเป็นฝ่ายชวนทะเลาะก่อนด้วยซ้ำ แถมยังทำหัวเขาแตกอีกต่างหาก
เหอะ...ไอ้นักดาบงี่เง่า
ซันจิยืนพิงโต๊ะอาหาร จุดบุหรี่ขึ้นสูบดับอารมณ์ร้อน พ่นควันออกมาอย่างไม่รีบร้อน ในใจคิดหาวิธีรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า
“คิดจะขอโทษฉันรึไง?”
" ... "
“นายคิดว่าฉันโกรธนาย เพราะนายล่วงเกินฉัน แล้วฉันไม่กล้าสู้หน้านายอย่างนั้นเรอะ”
ซันจิเดินมาตรงหน้าโซฟา อัดควันลึกอีกรอบ แล้วยืนกอดอกมองคนตรงหน้า ดูเหมือนเขาจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จได้ไม่นาน สังเกตได้จากผมที่ยังดูชื้นน้ำกับเสื้อเชิ้ตหลวมสบายๆสำหรับนอน อากาศหนาวดูจะไม่กระทบหมอนี่สักเท่าไหร่
“เหอะ ฉันแค่ไม่อยากเห็นหน้านายก็แค่นั้น แล้วก็ไม่ต้องคิดขอโทษ เพราะฉันจะไม่ให้อภัยแกที่ฉวยโอกาสตอนฉันไม่พร้อมสู้ ไอ้หัวมอสโรคจิต"
เมาก็ยอมรับสิวะ
โซโลคิดในใจและนิ่งเงียบ มองคนตรงหน้าที่ดูเหมือนจะระบายความในใจและยอมรับว่าวันนั้นตัวเองแพ้แอลกอฮอล์จริงๆ
อ่า ดูโกรธกว่าที่คิด โกรธอย่างกับฉันไปทำมันเสียบริสุทธิ์ยังไงยังงั้น
"เหอะ ฉันอุตส่าห์ว่าจะปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปเงียบๆ"
ซันจิพูดโกหกทั้งที่ความจริงยังแค้นเข้ากระดูกดำ
" ... "
“จริงสิ นายมันเป็นไอ้หัวมอสโรคจิตที่เอาแต่คิดว่าที่ฉันหงุดหงิด เพราะฉัน งุ่นง่าน เรื่องอย่างว่า งั้นนายเองก็ หมกมุ่น เกินไปหน่อยมั้ง”
"หา?"
“ถ้าอยากให้ฉันยกโทษให้ ก็ให้ฉันเป็นฝ่าย ทำ คืนซะสิ แกจะได้รู้ซะบ้าง ว่าฉันรู้สึกยังไง"
ก้นบุหรี่ถูกดีดทิ้งลงพื้น ขายาวได้รูปก้าวเหยียบซ้ำให้ควันดับ แล้วเข้าไปยืนคร่อมขาข้างหนึ่งของนักดาบที่นั่งอยู่บนโซฟา ค้ำแขนข้างหนึ่งกับผนักพิง แล้วโน้มลงไปใกล้คนที่นั่งต่ำกว่า การรุกซึ่งหน้าของซันจิทำให้โซโลถึงกับตะลึง
“แกเป็นบ้าไปแล้วรึไง?” เสียงต่ำเอ่ยขึ้น
"แกนั่นแหละที่บ้าทำเรื่องแบบนั้นตั้งแต่แรก!”
มืออีกข้างขย้ำคอเสื้อของนักดาบพร้อมอารมณ์ที่เริ่มร้อน บ่งบอกถึงความคับแค้นใจเหลือทน
"ฮ่า แค่หน้าฉันยังไม่อยากจะมอง แกจะมีปัญญาแตะต้องตัวฉันงั้นเรอะ”
นักดาบหนุ่มเงยมองสู้หน้ากับคนผิวขาวไม่ลดละ
“แกอย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะเว้ย ไอ้หัวเขียวบ้ากำลัง!!”
หมับ !
ไม่ทันประมวลผลใด กุ๊กหนุ่มคว้าหมับเข้ากลางหว่างขาคนตรงหน้าอย่างแรง ทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับสะดุ้ง
" อึก นี่แก!! ..."
ข้อมือหนาจับยั้งมือขาวของอีกคนที่กุมส่วนสำคัญของตนไว้ กุ๊กหนุ่มเห็นท่าทางที่ดูเสียเปรียบก็เริ่มรู้สึกภูมิใจที่กำลังจะเป็นฝ่ายรุกไล่คนตรงหน้าบ้าง ทั้งยังร่างกายของคู่อริที่ตอบสนองเร็วกว่าที่คิด สิ่งที่อยู่ในมือเริ่มขยายตัวจนเจ้าของเนื้อร้อนเริ่มหน้าแดงจนชัด
" หึ ...รู้สึกไวดีนี่ อย่างแกคงใช้เวลาไม่นาน" ซันจิแค่นยิ้มอย่างลำพองใจ จงใจพูดเพื่อยั่วโมโหอีกคน
ไอ้นักดาบงี่เง่า! ฉันจะทำให้แกเสร็จเร็วจนน่าอับอายเลยล่ะ!!
โซโลจ้องคนข้างบนอย่างชั่งใจอยู่พัก ก่อนจะตัดสินใจปล่อยมือที่ยัังอีกคนไว้ แล้วเลื่อนไปดึงคอเสื้อเชิ้ตสีขาวให้เข้ามาใกล้อีก
"ถ้าอยากทำนัก...ฉันจะถือว่าไถ่โทษที่ทำกับแกคราวที่แล้วละกัน”
! อยากทำซะที่ไหน ไอ้เวร!!
" ! เหอะ...แกอย่าครางก็แล้วกัน "
ในใจซันจิสบถด่าเป็นฟืนไฟ แต่ยังต้องสวมบทบาทผู้บุกรุกมาดนิ่งเข้าไว้ หนทางที่จะชนะและทำให้รู้สึกว่าเหนือกว่าอยู่เบื้องหน้า ซึ่งสำคัญกว่าการมีปากเสียงกันตอนนี้ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียจะดีกว่า
จะต้องทำให้มันอายจนไม่กล้าสู้หน้าฉันอีก!!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
