ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [The Life In 7 Day] 7 วันในช่วงชีวิตสุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #9 : วันที่ 3.2 : ต้อนรับเพื่อนใหม่ไม่เคยสงบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4
      3
      3 ก.พ. 66

    วันที่ 3.2 : ต้อนรับเพื่อนใหม่ไม่เคยสงบ


     


     


     


     


     

    “อรุณสวัสดิ์เทพ” หญิงสาวที่ถูกเรียกตั้งแต่ไกล เดินเข้ามาพร้อมแมวสีขาวข้าง ๆ เอ่ยทักทายชายหนุ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นเขาก็ทักทายกลับเช่นกัน


     

    “อรุณสวัสดิ์เซีย” ชายหนุ่มเอ่ย แต่เห็นเซเรียมองเลยเขาไปเล็กน้อย แล้วเมื่อหันกลับมามองด้านหลัง ก็พบเพื่อน ๆ ของเขากำลังยืนรวมกันด้านหลังของเขา ซึ่งมารวมกันด้านหลังเขาตอนไหนก็ไม่ทราบได้


     

    “โห้ว นี่เหรอคุณเซียที่นายเล่าให้ฟัง สวัสดีครับเรียกผม เอก ก็ได้นะ เพื่อนของไอ่เทพก็เหมือนเพื่อนของพวกผมนั่นแหละครับ ฮะฮะ” เอกเอ่ยแนะนำตัวคนแรก แล้วกล่าวติดตลกเล็กน้อย


     

    “ปิ่นค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคนน่ารัก ๆ แบบคุณนะคะ” ปิ่นเอ่ยถัดมา แล้วยิ้มขณะมองมาทางหญิงสาวอย่างเป็นมิตร


     

    “ผมคินครับคุณเซีย เห็นหน้าแบบนี้ แต่ไว้ใจได้นะครับ ผมเป็นคนให้เกียรติ์ผู้หญิงเป็นลำดับแรกเลยนะครับ ไม่ต้องห่วง” คินเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มที่เอ่ยอย่างร้อนรน แล้วยิ้มให้อย่างจริงใจ


     

    เนื่องจากเพราะใบหน้าของคินที่ค่อนข้างดูดี แต่ดันออกไปแนวเถื่อน ๆ ต่างจากของเทพที่ดูดีแบบมีออร่าบางอย่าง ส่วนเอกก็มีใบหน้าที่ดูดีแต่แฝงไว้ด้วยมาดกวนบนหน้าตามนิสัยของชายหนุ่ม


     

    “ฮิฮิ คุณเคินอะไรกันคะ เรียกเราว่าเซียก็พอแล้วค่ะ อ่อ! แล้วนี่ ฟาล ค่ะ” เซเรียขำเล็ก ๆ กับกลุ่มคนตรงหน้า แล้วเอ่ยอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะทำท่านึกออกแล้วก้มลงไปอุ้มแมวที่นั่งข้าง ๆ ขึ้นมาแนะนำตัว


     

    “หวัดดีค่าฟาล” ปิ่นเอ่ยแล้วยกมือแมวตรงหน้าขึ้นมาทำท่าจับมือ แมวตัวสีขาวก็ราวกับรู้ภาษาร้องตอบกลับ


     

    “ฮ้าวว… ลุกมาทำอะไรกันแต่เช้าเนี้ย…” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากในบ้าน ก่อนจะปรากฎร่างของรินหญิงสาวคนสุดท้ายที่พึ่งตื่นจากนิทรา และกำลังยืนมองมาทางกลุ่มเพื่อนด้วยหน้าตาที่ยังดูงัวเงีย ก่อนจะเห็นหญิงสาวอีกคนที่ไม่คุ้นหน้าที่ยืนอยู่ด้วยหน้าบ้าน


     

    “อ้าว! ใครล่ะนั่น! สวัสดีค่ะ” แม้รินไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ก็ทักทายอย่างสุภาพเอาไว้ก่อน เป็นนิสัยประจำของหญิงสาว ก่อนที่จะมีใครกล่าวตอบอะไรก็มีเสียงรถขับมาทางของพวกเขาก่อนจะจอดรถ


     

    “สวัสดีครับ มาส่งอาหารน่ะครับ” สิ้นเสียงของบุรุษด้านหน้ารินก็เดินมาจ่ายเงิน ส่วนชายหนุ่มทั้งสามก็ช่วยกันยกข้าวของน้ำดื่มเพื่อที่จะนำเข้าไปในบ้าน แต่เทพก็หันมาถามเซียเสียก่อน


     

    “เซียจะรีบไปไหนรึเปล่า?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วยกถุงขนมขึ้นมาให้ดู


     

    “ไม่อ่ะ เราพึ่งไปซื้อขนมมา แล้วกะไปนั่งกินเล่นที่สวน” เมื่อได้ยินหญิงสาวตอบเช่นนั้น ก็หันมามองบรรดาเพื่อน ๆ ที่มองมาด้วยสายตาเดียวกัน ยกเว้นรินที่ยังคงทำหน้ามึนงงอยู่


     

    “งั้นแวะเข้ามาก่อนไหม เพื่อน ๆ เขาอยากจะสนิทด้วยน่ะ” เมื่อเทพเอ่ยมันก็ทำให้หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมา แล้วตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ก่อนที่ทั้งคณะจะเดินกลับเข้าบ้านไปด้วยความวุ่นวายเล็กน้อย


     

    “ขอโทษด้วยนะครับคุณตา บ้านผมมันเสียงดังไปหน่อย” เทพหันไปกล่าวกับชายชราข้างบ้านที่กำลังนั่งบนเก้าอี้ กับชาร้อนในมือซึ่งก็ยิ้มรับให้อย่างอบอุ่น ก่อนจะจิบชาอีกจิบหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นจึงเดินกลับเข้าบ้านตามเพื่อน ๆ
     



     

    “อ้ะ! คุณเซียนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อรินค่ะ! เรียกรินเฉย ๆ ก็ได้นะ” เมื่อเทพเข้ามา ก็พบกับรินที่กำลังแนะนำตัวกับเซเรียอยู่ จึงเดินนำข้าวของในมือไปวางบนโต๊ะ ที่มีคินกับเอกกำลังแยกอาหารตามแต่ละคน


     

    “อันนี้ของมึง” เอกยื่นข้าวกล่องกล่องหนึ่งให้เทพ แล้วหยิบอีกกล่องขึ้นมาก่อนจะหันไปถามปิ่นที่เตรียมช้อน-ส้อมใกล้ ๆ


     

    “ปิ่นอันนี้คือของใครวะ? รินเหรอ?” ปิ่นที่ได้ยินจึงหันมามองก่อนจะพยักหน้าให้ แล้วนำช้อน-ส้อมแจกจ่ายให้เพื่อนในกลุ่ม แล้วปิ่นจึงหันไปเรียกรินที่กำลังนั่งคุยกับเซเรียอีกฝั่ง


     

    “ริน! ไปล้างหน้าแล้วมาแดกข้าว!” เมื่อเอ่ยเสร็จก็หันกลับไปเตรียมแก้วน้ำต่อ รินก็มองมาเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วคิดอะไรดี ๆ ออก ก่อนจะเอ่ยกลับไป


     

    “ค่ะคุณแม่ปิ่น หนูจะทำตามคำสั่งแม่ทุกอย่างเลยค่ะ” สิ้นเสียงรินก็ย่องมาด้านหลังปิ่น ก่อนจะจี้เอวหญิงสาวเป้าหมายไปหนึ่งที จนปิ่นเผลอร้องเสียงหลงออกมา แล้วเจ้าตัวก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วหนีความผิด ส่วนสามหนุ่มก็ยืนขำเบา ๆ ขณะมองปิ่นที่หน้าขึ้นสีเล็กน้อย


     

    “ออกมาโดนแน่นังริน” ปิ่นเอ่ยเคือง ๆ ที่ถูกทำให้โดนเห็นด้านหน้าอายต่อหน้าหญิงสาว ที่ตอนนี้นั่งเล่นกับแมวบนโซฟาขณะมองมาที่พวกเขาในเวลาเดียวกัน ก่อนที่เซเรียจะกล่าวออกมาพร้อมขำเล็ก ๆ


     

    “คิคิ กลุ่มพวกเทพนี่รักกันดีจังเลยนะ” หญิงสาวเอ่ย ทำให้เทพหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ


     

    “กลุ่มเรามันก็บ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้แหละ รู้จักกันมานาน ว่าแต่เซียกินข้าวมารึยัง?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ส่วนเซเรียก็ส่ายหน้าเบา ๆ ขณะลูบตัวแมวข้างตัว


     

    “พอดีเรากินขนมพวกนี้แทนมื้อเช้าน่ะ พวกขนมปัง พวกนมขวด” สิ้นคำกล่าว หญิงสาวก็ค้นอาหารที่บอกขึ้นมาให้ดูจากในถุง แต่เมื่อได้ยินดังนั้นปิ่นก็ได้เอ่ยต่อหญิงสาวอย่างเป็นห่วง


     

    “อาหารแค่นั้นไม่ดีนะเซีย เดี๋ยวเราทำอาหา…” ปิ่นที่กำลังจะกล่าว ก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมา


     

    “เดี๋ยวกูทำอาหารง่าย ๆ ให้เซียเอง! ถ้าให้มึงทำมีหวังเซียได้ออกจากบ้านนี้ด้วยรถโรงพยาบาลแน่ ๆ ” เป็นรินที่กล่าว ขณะเดินออกมาในสภาพที่ดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนปิ่นที่เห็นรินก็ก้าวเท้าเดินมาหารินอย่างไม่รอช้า


     

    “มีปัญหาไรกะกับข้าวกูย่ะ ละไอ่เรื่องเมื่อกี้ก็ยังไม่สะสาง” ปิ่นเอ่ยแล้วพุ่งล็อคตัวริน ทำให้รินเผยสีหน้าที่บ่งบอกว่า ‘พลาดแล้ว’ หลังจากนั้นรินก็โดนกรรมสนองคืนแบบสองเท่าจนปิ่นพอใจ


     

    “พวกมึงนี่ หยุดเล่นได้แล้วน่า” เป็นเทพที่เดินมาคั่นกลางแล้วหันไปมองริน แล้วหันไปส่งสัญญาณว่าไปทำอาหารให้อีกที่หนึ่ง เห็นดังนั้นรินจึงมองจิกไปทางปิ่น แล้ววิ่งเข้าครัวไป


     

    “จริง ๆ ไม่เห็นต้องลำบากเลย เราก็กินแบบนี้ประจำแหละ เพราะไม่ค่อยหิวตอนเช้าเท่าไหร่” เซเรียกล่าวแล้วก้มมองข้าวของในถุงของตัวเอง แต่เป็นบางอย่างที่ตอบออกมาแทน


     

    “โครกก” เสียงเบา ๆ แต่มีผลค่อนข้างรุนแรงต่อหญิงสาวเจ้าของเสียงท้องที่ร้องอยู่ ทำให้เธอหน้าขึ้นสีเล็กน้อย ก่อนจะเป็นคินที่ตอบกลับมา


     

    “อย่าเกรงใจไปน่า พวกเราค่อนข้างแปลก ๆ ต่างจากชาวบ้าน อีกอย่างมานั่งโต๊ะนี่ดีกว่านะเซีย” เช่นเดียวกับเอกที่นั่งข้าง ๆ กำลังส่งสายตาเชื้อเชิญให้หญิงสาวมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกันเนื่องจากโต๊ะค่อนข้างกว้าง


     

    โดยมันเป็นโต๊ะที่มีเก้าอี้หัว-ท้ายอย่างละตัว และซ้าย-ขวาข้างละ 3 ตัว โดยเทพเจ้าบ้านนั่งหัวโต๊ะดื่มน้ำอยู่ ทางขวามือเทพมีคินนั่งต่อไป และเอกในลำดับต่อมา ทางซ้ายก็มีปิ่นที่นั่งลำดับสอง เว้นที่ไว้ให้รินที่กำลังทำอาหารอยู่ ทำให้เซเรียที่กำลังเดินมาเดินไปนั่งทางซ้ายของปิ่นอย่างเรียบร้อย


     

    “จะว่าไปเซียก็พึ่งรู้จักเรา งั้นมาแนะนำตัวกันอีกรอบไหม? ระหว่างรอรินทำอาหาร” เอกกล่าวเสนออกมา ก่อนจะเริ่มแนะนำตนเองอีกรอบแบบมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับคิน ปิ่น และเทพที่เป็นคนต่อไปตามลำดับ ส่วนรินที่พึ่งมาพร้อมข้าวไข่เจียวหมูสับในมือก็แนะนำตัวเองตาม และเซเรียเป็นคนสุดท้าย


     



     

    หลังจากนั้นก็เริ่มลงมือทานอาหารกันแบบไม่ส่งเสียงมากเพราะดูไม่ค่อยดี อาจจะมีสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ บางช่วง จนกระทั่งทานอาหารเสร็จทุกคน แล้วเทพก็อาสาเป็นคนล้างจานเองรวมของเมื่อวาน


     

    ส่วนคนอื่น ๆ ก็เดินไปทำความสะอาดห้องนั่งเล่นที่กลุ่มเขาพึ่งมีปาร์ตี้ไปเมื่อคืนนี้ โดยมีเซเรียคอยช่วยเล็กน้อย ๆ จนกระทั่งเสร็จกิจทุกอย่างก็ปาไปเกือบ 11 นาฬิกาแล้ว กว่าที่ทั้งกลุ่มจะได้มานั่งคุยเล่นกัน ขณะนั่งเล่นก็เปิดโทรทัศน์ค้างไว้ที่ช่องหนึ่ง เพื่อให้มีเสียงพื้นหลังบ้างไม่ให้ดูเงียบเหงา


     

    “ว่าแต่เซียน่ารักมากเลยนะ ไม่ได้เป็นพวกดารานักแสดงอะไรบ้างเหรอ?” ปิ่นเอ่ยถามขณะนั่งล้อมวงกับกลุ่มเพื่อน ส่วนหญิงสาวที่ถูกเอ่ยชม ก็เพียงหน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะยิ้มแล้วกล่าวตอบ


     

    “ไม่หรอก หน้าตาเราก็ไม่ได้เกินไปกว่าคนอื่น แถมการเป็นดารานักแสดงนอกเหนือจากหน้าตา ยังมีเรื่องความสามารถต่าง ๆ อีก เราเทียบชั้นไม่ได้เลย” เซเรียเอ่ย ก่อนจะหันมามองหน้ากลุ่มคนตรงหน้า


     

    “จะว่าไปทุกคนก็หน้าตาดีกันนี่นา เราสิต้องถามแบบปิ่น ทุกคนไม่ได้เป็นดาราหรอกเหรอ?” สิ้นประโยค ก็ทำให้เทพหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันมองคนในกลุ่มแบบเดียวกับที่หญิงสาวทำเมื่อครู่ ก่อนจะหันกลับมาตอบคำถามแทนกลุ่มเพื่อน


     

    “เอาจริงๆคือไอ่พวกนี้รวมเราด้วย เลยตั้งแก๊งเล่นดนตรีแต่ดั้นไปไม่รอด เพราะแต่ละคนมีทำนองเป็นของตัวเอง(เล่นจังหวะมั่ว) เลยล้มโปรเจคไปก่อนที่ภาพพจน์จะเสีย ๆ หายไปมากกว่านี้น่ะ” เทพเอ่ยจบก็มีคนนึงกล่าวออกมาต่ออย่างร้อนรน


     

    “ช่วยไม่ได้นี่หว่า! กูเคยเล่นแต่ไอ่กด ๆ ปุ่มตามดนตรีเอง! พอมาเล่นเครื่องดนตรีเองไม่คิดว่าแม่งจะยากขนาดนั้น” คินกล่าว เช่นเดียวกับเอกผู้ไร้ประสบการณ์การเล่นดนตรีทั้งสอง ส่วนทางสองสาวนั้น…


     

    “พวกกูเคยเล่นแต่คีย์บอร์ด! แถมเสียงก็ไม่ใช่ว่ามันจะดีสักหน่อย เพราะไม่ได้สนใจดนตรีขนาดนั้นนี่นา!” รินเป็นคนกล่าวแบบเขิน ๆ แต่ก็ทำเป็นเสียงดังเพื่อปิดบังอาการ ส่วนปิ่นก็เพียงแค่หัวเราะแห้ง ๆ


     

    “ก็ตามนั้นแหละเซีย” เทพหันกลับมาเอ่ยกับหญิงสาวที่ปิดปากหัวเราะ ก่อนที่เธอจะตาเป็นประกายเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามต่อ


     

    “แล้วทุกคนมีความฝันอยากจะเป็นอะไรกันงั้นเหรอ?” เมื่อถามจบแต่ละคนก็ดูจะคิดหนัก กับอนาคตแสนสดใส(?)ที่รออยู่ และยังมีเส้นทางมากมายที่แยกย่อยออกไป แต่มีคนหนึ่งที่ยิ้มและกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น


     

    “เราน่ะจะเป็นนักแข่งเกมที่สามารถใช้เงินเดือนเลี้ยงครอบครัวให้ได้ มันไม่ใช่ความฝันที่อยากเป็น แต่มันคือเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ต่างหากล่ะ” สิ้นคำของเอก คินที่นั่งข้าง ๆ ก็ตาโตขึ้นเล็กน้อยก่อนจะทำท่าตกใจอย่างเสแสร้ง


     

    “นี่นายเป็นใครกัน? ปกติเอกมันไม่พูดอะไรเท่ ๆ แบบนี้ออกมาหรอกนะ” คินกล่าว ทำให้ทั้งกลุ่มยกเว้นเอกหัวเราะออกมา ก่อนที่คินจะโดนเอกที่มองมาเล่นงานก็รีบเอ่ยต่อจากเดิมอย่างรวดเร็ว


     

    “ส่วนกูคงสานต่อธุรกิจพ่อแล้วขยายต่อยอดล่ะมั้ง” เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็คล้อยตาม ซึ่งก็เป็นปกติที่ลูกจะสืบกิจการพ่อ-แม่หากไม่ติดขัดปัญหาอะไร ต่อมาก็คือรินที่กล่าวต่ออย่างไม่รอช้า


     

    “ส่วนเราอยากเป็นหมอล่ะ เพราะเป็นความฝันตั้งแต่เด็กเลย” รินเอ่ยทำให้ทั้งกลุ่มมองไปที่รินอย่างประหลาดใจแบบปลอม ๆ ยกเว้นเซเรียที่ทำหน้าตื่นเต้น ทำให้รินคิ้วกระตุกเล็กน้อยกับท่าทีเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ส่วนปิ่นนั้นบอกว่ายังไม่ได้วางแผนไกลขนาดนั้น แต่ก็แอบเหลือบมองเอกที่กำลังคุยกับคินอยู่ในเสี้ยววินาที


     

    “แล้วเทพอยากเป็นอะไรงั้นเหรอ?” เซเรียหันมาถามชายหนุ่มคนสุดท้าย ซึ่งก็ทำให้คนในกลุ่มรู้สึกเศร้าลงเล็กน้อย แต่ไม่ใช่กับชายหนุ่มที่ถูกถามเขาสูดหายใจเบา ๆ ก่อนจะทำท่าคิดแล้วตอบออกมาแบบไม่คิดอะไรมาก


     

    “เราเหรอ? อืม… อยากเป็นจิตรกรละมั้ง” ชายหนุ่มตอบ แล้วจึงมีเสียงนาฬิกาดังเล็กน้อยเมื่อถึงเวลาเที่ยงตรงพอดี


     


     


     


     


     

    เวลาเหลืออีก 4 วัน 12 ชั่วโมง 00 นาที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×