คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : วันที่ 4.3 : จะแก้ปัญหาก็หัดเผชิญหน้าสิ
วันที่ 4.3 : จะแก้ปัญหาก็หัดเผชิญหน้าสิ
“แม่ของผมเหรอ?” ราวกับไม่อาจเชื่อหูของเขาได้ เพราะว่าชายหนุ่มอาจฟังผิดเพี้ยนไป แต่มันก็เป็นความจริงเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน เมื่อหญิงสาวผู้เป็นอาพยักหน้าให้กับชายหนุ่มเป็นการยืนยัน หลังจากลุกขึ้นมายืนแทนการนอนท่าเดิมเมื่อครู่แล้ว การยืนยันซ้ำอีกครั้งมันสร้างบรรยากาศหนักอึ้งให้กับทั้งคู่อาสาว และหลานชาย
“ช่างมันเถอะ ก็แค่ปัญหาตั้งแต่ปีมะแมที่พวกพ่อๆเขาแก้กันไม่ได้สักที เทพก็อย่าคิดมากเลย ถ้าพี่เขาพร้อมเขาก็เล่าให้เทพฟังเองนั่นแหละ” อาสาสเอ่ยแล่วยิ้มให้กับเขา ซึ่งมันก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาอีกเล็กน้อย
“อ๊า!” ในตอนนั้นก็มีเสียงที่ดูน่ารักร้องออกมา ทำให้ทั้งคู่หันกลับไปมอง ก็พบกับเซเรีย หญิงสาวอีกคนที่พยายามจะนอนในน้ำแบบไม่ให้ลอยตามกระแสน้ำ แต่เนื่องจากส่วนสูงบวกน้ำหนักของเธอที่น้อยกว่า
นอกจากจะไม่ช่วยให้เธอนอนในน้ำได้เช่นเดียวกับสองอาหลานแล้ว มันยังทำให้เธอจม และลอยตามกระแสน้ำอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อพยายามทิ้งตัวลง และใช้ขาดันพื้นเอาไว้ ก่อให้เกิดภาพที่ดูตลกไม่น้อยขึ้นมาแทน
เมื่อเทียบสัดส่วนโดยเอาเทพเป็นคนที่สูงที่สุดในบรรดาทั้ง 3 เมย์ อาสาวของชายหนุ่มก็สูงไล่เรี่ยลงมาไม่ห่างมาก ส่วนคนรั้งท้ายก็คือเซเรีย ซึ่งดูจะต่างกันพอสมควร แล้วยิ่งเรื่องน้ำหนักตัวยิ่งต่างกันมาไปอีก
เนื่องจากหญิงสาวนั้นเป็นคนตัวเล็กกว่ามาตราฐานมากทั้งๆที่เป็นลูกครึ่ง แม้จะไม่รู้ว่าชาติอะไร แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นชาติทางฝั่งตะวันตก เธอตัวเล็กเสียยิ่งกว่าริน หรือปิ่น ที่เป็นสาวเอเชียแท้ๆเสียอีก บางครั้งชายหนุ่มก็แอบสงสัยไม่น้อยว่ายีนของคนต่างชาติของหญิงสาว ถูกเทลงไปที่ใบหน้าอย่างเดียวหรือเปล่า
เมื่อเห็นสภาพของหญิงสาวที่พยายามจะนอนในน้ำเหมือนกัน ก็ทำให้เกิดความขบขำในใจของชายหนุ่ม แต่ด้านอาสาวนั้น กลับหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย ก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยให้ทรงตัวได้ถูกต้อง
“ขอบคุณค่ะอาเมย์” เซเรียยิ้มออกมา หลังจากได้รับการช่วยเหลือก็ทำให้หญิงสาวทรงตัวได้ดีขึ้นทันตาเห็น รอยยิ้มของเธอนั้นทำให้หญิงสาววัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
“ไม่เป็นไรค่ะน้องเซีย แต่อย่าไปยิ้มแบบนี้ให้หนุ่มๆล่ะ ไม่งั้นพวกเขาคงขาดใจตาย” เธอกล่าวไปก็ยิ้มไปอย่างอิ่มเอมใจ ราวกับได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการมาเที่ยวครั้งนี้แล้ว ทั้งๆที่พวกเขายังไม่ทันทำอะไรเลย
“ไม่หรอกค่ะ หนูแค่โชคดีเป็นลูกครึ่ง คนอื่นที่นี่ไม่ค่อยเห็นกันมาก ถ้าอาเมย์ไปอยู่ที่นู้นอาจจะชินกับหน้าแบบหนูก็ได้” แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ใบหน้าของหญิงสาวก็แดงขึ้นเล็กน้อยจากการที่มีคนชม
“ถ้าอามีเชื้อสักครึ่… ไม่สิ สักเศษเสี้ยวของชาติไหนสักชาติ ป่านนี้ก็คงไม่ขึ้นคานทองแบบนี้หรอก กระซิกๆ” ขณะที่หญิงสาววัยกลางคนกล่าวก็ทำท่าเช็ดน้ำตาแบบปลอมๆ ทำให้สองหนุ่มสาวหัวเราะออกมา
“อาเมย์มั่นใจตัวเองหน่อยสิครับ จริงๆอาเมย์ก็ไม่ได้หน้าตาแย่นะ นิสัยก็โอเค ข้อดีก็มีอย่างเช่น...” ในขณะเอ่ยปลอบชายหนุ่มก็หยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด ราวกับกำลังแก้โจทย์ปริศนาของพีระมิด 1,000 ปีก็ไม่ปาน ทำให้ผู้เป็นอาที่เห็นท่าทีเช่นนั้นโวยวายออกมา
“อะไร! อาก็มีข้อดีตั้งเยอะ! อย่าทำหน้าเหมือนคิดหนักสิ โถ่” สิ้นคำของผู้เป็นอาแล้ว ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาหาเธอพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“ผมล้อเล่นเองค้าบ อาเมย์ก็รู้ว่าผมเป็นหนึ่งในคนที่อยากให้อาเมย์ได้เจอกับผู้ชายดีๆสักคนมาร่วมชีวิตอยู่แล้ว อาเมย์เป็นคนสำคัญไม่กี่คนของผมนี่นา ข้อดีก็มีเยอะจะตาย แค่ผมบอกไม่หมดเฉยๆน่า” ว่าแล้วก็เดินมาทำหน้าอ้อนกับหญิงสาวผู้เป็นอา ทำให้เธอหัวเราะกับท่าทีของชายหนุ่ม
“ใช่ค่ะ ถึงหนูจะรู้จักอาเมย์ไม่นาน แต่ก็รู้ว่าอาเมย์เป็นที่พึ่งพาได้สุดๆเลยนะคะ แถมหน้าตาก็ยังสวยอยู่เลย” หญิงสาวด้านข้างก็เอ่ยบ้างเช่นกัน ราวกับต้องการปลอบใจ กับความจริงที่ว่าหญิงสาววัยกลางคนไร้ซึ่งคู่ครอง ทำให้หญิงสาววัยกลางคนเอื้อมมือไปลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆอย่างเอ็นดู
“คิก อารู้หรอกนะ แต่เทพเล่นเว้นข้อดีอาซะนาน แล้วก็เลิกคุยเรื่องนี้ได้แล้ว! คุยนานๆละเจ็บจี้ดในใจขึ้นมานึกถึงแฟนเก่า” หญิงสาววัยกลางคนกล่าว ก่อนจะรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อย จึงชวนทั้งคู่กลับไปยังที่นั่งเพื่อหาอะไรทาน
เมื่อทั้ง 3 เดินมาถึงที่นั่ง ก็พบว่าชายวัยกลางคนซึ่งเป็นพ่อของชายหนุ่ม ตอนนี้กำลังตะโกนบางอย่างใส่ด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีมากนัก ส่วนอีกฝั่งคือชายวัยกลางคนอีกคนหรือสิงห์ พ่อของหญิงสาวด้านข้างชายหนุ่ม
และเมื่อมองเลยไปอีกด้านข้างคือหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนมองสิงห์ด้วยสายตาเป็นห่วง ซึ่งเธอเป็นคนต่างชาติที่มีใบหน้าสวยงาม และเหมือนจะเป็นภรรยาของชายวัยกลางคนอย่างสิงห์ เนื่องจากเธอมีใบหน้าที่คล้ายกับเซเรียไม่มีผิด และทั้งผมสีเงิน และดวงตาสีทอง นั่นก็ให้เขามั่นใจยิ่งกว่าเดิม
“พี่ทอย! เกิดอะไรขึ้น!?” หลังจากรีบเร่งกลับเข้ามา เมย์ก็ได้เอ่ยถามบึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมมองไปบนโต๊ะของพวกเขาที่มีขวดแอลกอฮอร์ถูกดื่มไปประมาณ 2-3ขวด และก็ถูกทิ้งไว้อย่างเละเทะเต็มพื้น
“พี่ดื่มขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย!? อย่ามีเรื่องสิพี่! คุยกันดีๆเถอะ แถวนี้เด็กอยู่เยอะนะ” หญิงสาวคาดการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะหันไปห้ามปรามผู้เป็นพี่ ซึ่งกำลังแสดงอาการเมาอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เมย์! กูจะบอกอะไรมึงให้สิงห์! กูกับมึงขาดกันตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อนแล้ว และอย่าหวังว่ามันจะกลับคืนได้ง่ายๆ เพราะคำขอโทษโง่ๆของมึง!” นอกจากจะห้ามไม่สำเร็จแล้ว ชายผู้เป็นพี่ก็ยิ่งเอ่ยหนักขึ้นจนเริ่มคุมไม่อยู่ แล้วก็เป็นชายหนุ่มที่วิ่งมาล่วยห้ามอีกแรง
“พี่เป็นบ้าอะไรเนี้ย!? งั้นเรากลับเลยเถอะ อย่างน้อยๆก็ไม่ต้องมีเรื่อง ลาล่ะพี่สิงห์” เมย์ว่าแล้วก็ขนข้าวของด้วยตัวคนเดียว ส่วนเทพก็เป็นคนประคองพ่อของเขา ที่ตอนนี้กำลังเมา และคุมร่างกายและสติตัวเองไม่ได้
“ขอโทษนะเมย์… เดี๋ยวพี่พาคนมาช่วย…” แม้ชายวัยกลางคนจะพูดด้วยความปราถนาดี แต่หญิงสาวคู่สนทนาก็เพียงส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
“ขอบคุณพี่ แต่ไม่ต้องห่วง เราดูแลตัวเองได้ เมย์ไม่รู้หรอกนะว่าพี่พูดอะไร แต่ถ้ามันทำให้พี่ทอยโกรธ มันก็เป็นธรรมดาที่เมย์จะไม่ชอบใจ” หลังกล่าวจบก็ยกของตามชายหนุ่มที่เดินไปล่วงหน้าแล้วอย่างเร่งรีบ
“นี่มันอะไรกันคะ!? พ่อคะแม่คะ” เป็นเซเรียที่เดินเข้ามากอดแม่ของเธอ แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“พ่อแค่ต้องการให้มันเหมือนเดิม… อ้ะ!?” ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียง และใบหน้าที่แสดงถึงความรู้สึกผิด ความเสียใจ และความโศกเศร้า จากนั้นจึงหันมองตามทั้ง 3 คนที่พึ่งเดินจากไปเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่เขาจะหันไปพบกับบางอย่าง จนทำให้ชายวัยกลางคนร้องขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ แล้วจึงรีบพุ่งตัวไปยังจุดหมายอย่างรีบร้อน
“ปกติพ่อไม่เมาหนักแบบนี้นี่ครับ” ขณะที่ค่อยๆประคองพ่อของเขาข้ามสะพานไม้เพื่อกลับไปอีกฝั่งที่จอดรถไว้ ชายหนุ่มก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างแปลกใจกับท่าทีที่แปลกไป เนื่องจากชายวัยกลางคนคนนี้ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองสภาพเช่นนี้ให้เขาเห็นเลยสักครั้ง
“อาก็ไม่ได้เห็นบ่อยเหมือนกัน จากที่ฟังพี่สิงห์พูด มันอาจจะเป็นเพราะเรื่องพี่น้ำก็ได้…” หญิงสาวที่เดินตามาไม่ไกลก็เอ่ยออกมา ทำให้ชายหนุ่มสงสัยเรื่องนี้มากขึ้นไปอีก เรื่องที่ว่านั้นต้องเป็นเรื่องอะไรกัน ถึงทำให้พ่อของชายหนุ่มเมาเละเทะ และไม่รักษาภาพลักษณ์แบบนี้
“เห้อ… งั้นอาจะเล่าให้ฟังเองหลังถึงบ้านแล้ว” หลังมองใบหน้าของผู้เป็นหลานชาย ซึ่งกำลังคาดคะเนในเรื่องดังกล่าว หญิงสาววียกลางคนจึงเลือกที่จะเอ่ยเช่นนั้นไป เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มต้องคิดมากไปกว่านี้
“จะว่าไป! ยังไม่ทันกินปีกไก่เลย ชิ! อุตส่ามาเพราะได้ยินว่าที่นี่อร่อ…” กล่าวไม่ทันจบประโยคดี อยู่ๆพื้นก็เกิดการสั่นแล้วค่อยๆพังลง หญิงสาวที่ไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกน้ำหนักของในมือกดตัวให้ลงไปเร็วกว่าเดิม แม้จะโยนทิ้งในวินาทีต่อมา แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“อาเมย์!” ในตอนนั้นชายหนุ่มที่ได้ยินเสียงแปลกๆก็รีบหันกลับมามอง กละพบกับอาสาวของตนที่กำลังร่วงจากสะพานไม้ที่กำลังพัง ซึ่งสะพานมันยกสูงจากพื้นแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น แต่ด้านล่างมีแต่หินแหลมก้อนเล็กใหญ่มากมาย หากตกลงไปคงไม่อาจนึกสภาพได้
ราวกับรู้ตัวล่วงหน้า ชายหนุ่มปล่อยผู้เป็นพ่อใกล้ๆทางลง แล้วพุ่งไปยังหญิงสาวด้วยแรงทั้งหมด ชายวัยกลางคนที่ชายหนุ่มผู้เป็นลูกปล่อยก็รู้สึกตัวขึ้นมา แล้วหหันมองไปในทิศที่ผู้เป็นลูก และน้องสาวกำลังตกลงไป
“อันตราย!” ในขณะเดียวกัน ผู้คนรอบนอกก็เริ่มรู้ตัว และหนีออกมาจากพื้นที่ใกล้ๆสะพานอย่างหวาดกลัว แล้วตามมาด้วยคนที่ดูเหมือนเป็นผู้ดูแลที่วิ่งตามมา แต่ก็ยังคงเชื่องช้า และยังไกลเกินไปที่จะมาช่วย
ฝั่งชายหนุ่มที่ได้พุ่งหมายจะช่วยเหลือผู้เป็นอาของเขา บัดนี้ชายหนุ่มได้คว้าร่างของอาสาวได้แล้ว แต่ปัญหาต่อไปก็คือการลงพื้นโดยให้มีอาการบาดเจ็บน้อยที่สุด ซึ่งมันก็มีเวลาให้คิดน้อยเกินไป
ในวินาทีความเป็นความตายชายหนุ่มรู้สึกว่าเวลาช้าลงอย่างไม่น่าเชื่อ ภาพรอบข้างก็ดูเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มกำลังกำแขนผู้เป็นอาแน่น ในสภาพที่ทั้งคู่หันหลังลงพื้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่เบื้องล่าง
“เทพ!” ในตอนนั้นก็มีเสียงของหญิงสาวที่คุ้นเคยอีกครั้ง เมื่อมองไปก็พบเซเรีย ที่กำลังชี้ไปยังบางอย่างด้านหลังของชายหนุ่ม ซึ่งกำลังจะพุ่งลงไปถึง หญิงสาวผู้เหมือนถูกชะตาให้รู้จักกับชายหนุ่ม ทุกครั้งเขาจะพบเธอโดยบังเอิญ ในสถานที่และเวลาที่น่าแปลกใจ เช่นในเวลานี้
“อุ้ก!” ในขณะที่สมองคิดอะไรต่างๆมากมายร่างกายของชายหนุ่มก็ตกลงมากระทบกับบางสิ่งจนทำให้จุกได้เลยทีเดียว แต่ก็ไม่เจ็บอย่างที่คาดไว้ในตอนตกลงมาโดนหินแหลมแทง แต่ก็ยังคงความรู้สึกปวดๆไว้บ้าง
เมื่อเขาพยายามลุกขึ้นพร้อมกับอาสาวที่เขาใช้ร่างรับไว้แทนเพื่อลดความเสียหาย เขาก็รู้สึกถึงความเย็นของน้ำถัดมา ทำให้เขาก้มมองที่ๆเขากำลังนอนอยู่ทันที ซึ่งมันเป็นเสมือนยางที่ถูกสร้างขึ้นมาแบบถูกๆ ไม่ได้คุณภาพ แต่ก็สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมในเวลาเช่นนี้
และเขาก็ได้รู้ว่ามันเป็นแพชูชีพที่น่าจะถูกโยนมาจากสักฝั่งหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เขาถูกหินแหลมด้านล่าง แต่อาจจะเป็นเพราะหินแหลมทั้งหลายด้านล่าง บวกกับสภาพของแพชูชีพที่ไม่ได้มาตราฐาน ทำให้ตอนนี้แพชูชีพกำลังรั่วและน้ำเริ่มเข้ามาแทนในพื้นที่ของแพชูชีพ
ซึ่งการจะออกไปสถานการณ์จากตรงนี้เขาทำได้ง่ายๆด้วยการว่ายน้ำออกไป และด้วยน้ำที่ไม่ลึกมานักนั่นยิ่งง่ายเข้าไปอีกมาก หากว่าเขาไม่ได้มีอาสาวอยู่ด้วยด้านข้าง ซึ่งตอนนี้เหมือนว่าเธอกำลังช็อคและไม่ได้สติ
ชายหนุ่มพยายามจะพาเธอออกไปด้วย แต่ก็รู้สึกปวดบริเวณหลังของเขา และในตอนนั้นจู่ๆแพชูชีพก็โดนกระแสน้ำพัด จนเขาและอาสาวตกลงจากแพชูชีพแล้วค่อยๆจมน้ำ ในตอนนั้นเขาก็พยายามจะดึงตัวขึ้นมาให้พ้นเหนือน้ำ แต่ด้วยอาการปวดจากการกระแทกลงมา ทำให้เขาแทบจะฝืนยืนขึ้นไม่ไหว
และชายหนุ่มก็ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในการดึงร่างของอาสาวที่ไร้สติขึ้นมา แล้วผลักเธอไปยังผู้ดูแลคนหนึ่งที่อยู่ในสายตาเขาพอดี ก่อนที่เขาจะหมดแรงแล้วปล่อยตัวไปตามน้ำ
แต่ก่อนที่สติชายหนุ่มจะหมดลง ก็มีร่างของใครบางคนใกล้เข้ามา แล้วนั้นก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่ชายหนุ่มจำได้
“เทพ?” ขณะที่ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก มองเพดานสีขาวที่ราวกับภาพโดนตัดฉาก ในตอนนี้เขากำลังนอนพักบนเตียง จากนั้นก็มีเสียงเรียกเบาๆจากด้านข้าง เมื่อคนดังกล่าวรู้ว่าชายหนุ่มได้สติแลัว
เวลาเหลืออีก 2 วัน 19 ชั่วโมง 20 นาที
ความคิดเห็น