ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [The Life In 7 Day] 7 วันในช่วงชีวิตสุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #12 : วันที่ 4.2 : บ่อยครั้งปัญหาก็เดินมาหาเอง

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.พ. 66


    วันที่ 4.2 : บ่อยครั้งปัญหาก็เดินมาหาเอง


     


     


     


     


     

    “เซีย!?” ในตอนนั้นเอง ก็ได้ปรากฎใบหน้าที่แสดงความตกใจ และงุนงง ซึ่งถูกแสดงออกมาจากชาย-หญิงทั้งสองฝั่งอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะมีเสียงเรียกจากด้านหลังของชายหนุ่ม ซึ่งเสียงนั้นเป็นดั่งการช่วยเรียกสติของเขาให้กลับมาจากอาการงุนงง


     

    “เทพ! ทำอะไรอยู่น่ะ?” เป็นเสียงของอาสาวของเขานั่นเอง ก่อนที่เธอจะค่อยๆเดินมาหาชายหนุ่ม พร้อมมองไปยังทิศเดียวกัน ก็ได้พบกับหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังยืนมองกลับมา


     

    “อ้าว! เจอเพื่อนเหรอ? แถมเป็นสาวลูกครึ่งสุดน่ารักซะด้วยนะคนนี้” ว่าแล้วก็ใช้แขนดันตัวหลานชายเล็กน้อย และส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ทำให้เขามีอาการเขินนิดหน่อย แต่ก็กล่าวแนะนำหญิงสาวตรงหน้าให้อาสาวของเขารู้จัก


     

    “อาเมย์ครับ นั่นเพื่อนผมเองชื่อ เซีย ครับ ส่วนเซียคนนี้เป็นอาของเราเองชื่อ อาเมย์” ชายหนุ่มกล่าวแนะนำให้ทั้งสองฝั่ง ก่อนจะเป็นอาสาวของชายหนุ่มที่เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร


     

    “สวัสดีค่าน้องเซีย ยินดีที่ได้รู้จักนะ” หญิงสาววัยกลางคนกล่าว พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้หมายจะจับมือด้วยความเป็นมิตรตามนิสัยปกติ


     

    “อ่อ! หนูชื่อเซเรียค่ะ แต่เรียกเซียก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะอาเมย์” หญิงสาวที่พึ่งรู้สึกตัว ก็ได้เอ่ยแนะนำตัวเอง ก่อนจะยื่นมือมาจับอย่างเป็นมิตรเช่นกัน


     

    “จะว่าไปคุยตรงนี้ก็คงไม่มีดีมั้งครับอาเมย์?” ชายหนุ่มที่เห็นทั้งคู่ทักทายกันเสร๊จแล้ว ก็ได้เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน เนื่องจากตอนนี้พวกเขากำลังยืนคุยกันกลางลานจอดรถซึ่งมีรถจอดกันเรียงราย 5-6 คัน ส่วนทางที่เซเรียพึ่งเดินขึ้นมา เป็นทางที่ใช้ลงไปดูน้ำตก


     

    “จริงด้วยนะ! ตอนแรกอาจะมาเรียกเทพต่างหาก นึกว่าไปเดินดูน้ำตกล่วงหน้าแล้วซะอีก” อาสาวที่รู้ตัวก็หันมากล่าวกับชายหนุ่ม ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรถของพวกเขา ซึ่งมีพ่อของชายหนุ่มกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆไม่ห่างกับตัวรถ


     

    “งั้นเราไปจัดการของให้เรียบร้อยก่อนเถอะครับ เซียก็พึ่งจะมาใช่รึเปล่า? แล้วเจอกันด้านล่างนะเซีย” ชายหนุ่มเอ่ยแก่อาสาวของเขา ก่อนจะหันมาคุยกับเพื่อนสาวเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับไปยังรถของพวกเขาเพื่อขนสัมภาระลงจากรถ


     

    “ขอโทษนะครับที่มัวแต่เหม่อ” เมื่อเดินมาถึงรถ ชายหนุ่มก็เอ่ยกับพ่อของเขา แต่ชายวัยกลางคนก็ดูจะไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันย้ายข้าวของกันไปเพื่อจับจองพื้นที่ดูน้ำตก


     

    เมื่อเดินไปตามทางเดินก็พบกับที่นั่งริมน้ำหลายที่นั่ง ซึ่งมีสองฝั่งด้วยกันตั้งไม่ห่างจากจุดชมน้ำตกมากนัก และตรงกลางระหว่างที่นั่งริมน้ำสองฝั่ง ก็มีสายน้ำจากน้ำตกไหลจากบนสู่ล่างคั่นกลางเอาไว้


     

    และภายในแม่น้ำก็มีเด็กๆทั้งชายและหญิง กำลังเล่นน้ำกันประปรายด้วยหน้าตาที่มีความสุข เหตุเนื่องจากสายน้ำที่ไม่แรงมากนัก ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคในการเล่นน้ำแต่อย่างใด เมื่อมองเลยไปอีกทางทิศตรงข้ามน้ำตก ก็พบกับสะพานไม้ซึ่งใช้ข้ามไปมาสองฝั่ง


     

    “เราจะนั่งตรงไหนดีล่ะครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางมองไปยังพื้นที่รอบๆซึ่งถูกจับจองเอาไว้แล้วจำนวนมาก และผู้คนก็ดูหนาแน่นเล็กน้อย แต่เมื่อมองไปอีกฝั่งของแม่น้ำก็ดูพอจะมีที่นั่งอยู่บ้าง


     

    “ไปดูแถวฝั่งนู้นก่อนละกัน อาว่าแถวนี้มันก็สวยดีแล้วนะ แต่คนแน่นไปหน่อย” ความคิดที่ตรงกันทำให้ตกลงกัน เดินไปสำรวจพื้นที่อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งจำนวนคนดูจะลดน้อยลงมาบ้าง


     

    “เอาตรงนั้นไหม?” ชายวัยกลางคนเอ่ย แล้วชี้ไปยังที่นั่งจุดหนึ่ง ซึ่งมันก็ดูพอใช้ได้ และเนื่องจากไม่อยากเรื่องมากนัก พวกเขาจึงช่วยกันขนสัมภาระเดินไปจุดดังกล่าว แล้วจัดข้าวของเล็กน้อย ก่อนที่จะมีพนักงานประจำร้านค้าเดืนมาสอบถามความต้องการ


     

    พวกเขาสั่งอาหารกินเล่นกันเล็กๆน้อยๆ เพราะไม่ได้กะจะมาทานอาหารที่นี่ และยังมีน้ำดื่มอีกนิดหน่อย ซึ่งก็มีแอลกอฮอร์เล็กๆน้อยๆตามประสาคนวัยกลางคน ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร หากบริโภคมันในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากจนเกินไป


     

    ในสัมภาระที่ขนมานั่น ส่วนมากจะเป็นพวกเสื้อสำรอง ผ้าสำหรับเช็ดหลายผืน ยารักษาเบื้องต้น และก็ยังมีของเตรียมมาเผื่ออีกมากในกรณีเกิดปัญหาอะไร นี่จึงเป็นอีกหนึ่งการเที่ยวที่ไร้ซึ่งความกังวล


     



     

    หลังจากทั้งสามคนนั่งคุยกัน และชมบรรยากาสไปพลางๆอย่างสงบสุข อาหาร และเครื่องดื่ม ที่สั่งไว้ก็ได้มาถึงพอดี และนั่นก็เป็นจังหวะที่ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งท่าทางร้อนรนเล็กน้อย กำลังเดินไปมาอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขานั่งอยู่


     

    “เขาดูมีปัญหานะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขณะที่พนักงานหนุ่มนำอาหารมาส่ง เมื่อพนักงานหนุ่มได้ยิน จึงหันหลังกลับไปมองในทิศเดียวกับที่เทพมองไป ก่อนที่จะหันมาคิดเงินล่วงหน้า แล้วรีบลุกไปหาชายวัยกลางคนที่ดูเดือดร้อนคนนั้น


     

    “มีอะไรเหรอเทพ?” ผู้เป็นอาเอ่ยถามชายหนุ่ม ซึ่งเขาก็ชี้ไปยังจุดที่ชายวัยกลางคนคนเมื่อครู่ยืนอยู่ ทำให้ทั้งอาสาว และผู้เป็นพ่อหันไปมองตาม แล้วทั้งคู่ก็เกิดอาการชะงักไปครู่หนึ่งจนชายหนุ่มสงสัย


     

    “มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ซึ่งอาสาวก็หันมายิ้มให้ แล้วเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว


     

    “เปล่าๆ คนเคยรู้จักน่ะ อย่าไปใส่ใจเลย อ่อ! เทพเล่นน้ำไหม? อาอยากเล่นน้ำอ่ะ แต่ให้เล่นคนเดียวก็ดูตลกไปหน่อย” หญิงสาวผู้เป็นอาว่าเสร็จก็ปลี่ยนเรื่อง พร้อมกับมองมาที่ชายหนุ่มราวกับจะขอร้อง


     

    “ฮะฮะฮะ ได้สิครับ มาน้ำตกลำธารทั้งทีนี่นะ” ชายหนุ่มที่เห็นท่าทางที่ดูไม่เข้ากับอายุก็หัวเราะออกมาเล็กๆก่อนจะตอบตกลง แล้วมองพื้นที่รอบๆตัว ซึ่งก็มีคนบ้าง แต่ก็ไม่ได้เข้ามารุกล้ำพื้นที่มาก จึงสามารถเล่นน้ำอยู่แถวนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องออกไปไหนไกล


     

    “นาย? ทอยเหรอ?” ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงทุ้มลึกของชายคนหนึ่งเอ่ยถามมาด้านข้าง เมื่อหันไปมองก็พบกับชายที่ดูท่าทางมีปัญหาเมื่อครู่ กำลังมองมาทางพวกเขาด้วยความสงสัย แล้วค่อยๆเดินเข้ามาใกล้


     

    “เออกูเอง มีอะไรที่ทำให้ ‘สิงห์’ คนนั้นต้องกระวนกระวายกันล่ะ?” เสียงตอบกลับที่ไร้เยื่อใยถูกส่งมาจากชายวัยกลางคนที่ถูกถาม ซึ่งเมื่อชายผู้ถามก็ได้เพียงแค่ชะงักเล็กน้อยกับน้ำเสียงของคู่สนทนา ก่อนที่เดินมายืนใกล้ๆพร้อมเผยสีหน้าเศร้าโศก แล้วเอ่ยถามออกมาเบาๆ


     

    “มึงยังคิดแบบนั้นอยู่สินะ…” สิ้นเสียงของชายผู้ถูกเรียกว่าสิงห์ หญิงสาวด้านข้างก็เป็นคนเอ่ยตอบแทน


     

    “พี่รู้ทุกอย่างแล้ว พวกเมย์ก็เหมือนกัน แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอกพี่สิงห์...” คำกล่าวจากปากหญิงสาวทำให้สิงห์ก้มหน้าลงแล้วไม่พูดอะไรอีก ราวกับกำลังสำนึกในบางอย่าง ซึ่งชายหนุ่มอีกคนในวงสนทนากำลังขมวดคิ้ว และแสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา แต่เขาก็ไม่คิดจะพูดแทรกให้เสียเรื่อง


     

    “ตกลงมีอะไร? เห็นมึงทำหน้าอย่างกับโลกจะแตก” ทอยหรือพ่อของชายหนุ่มเป็นคนถามขึ้น ทำให้สิงห์เงยหน้า แล้วหันมองมาทางเทพซึ่งก็สร้างความงุนงงให้เจ้าตัวอีกครั้ง


     

    “ก็ได้ยินว่าลูกของกู เซียบอกว่าเจอเพื่อนที่นี่ กูเลยถามข้อมูลเพื่อนของเซียนิดหน่อย แล้วก็รู้ว่าคงเป็นไอ่เทพลูกมึงแน่ๆ” ขณะกล่าวก็ยังคงมองมายังชายหนุ่มที่กำลังยกน้ำอัดลมดื่มอยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา


     

    “สวัสดีเทพ ลุงชื่อสิงห์นะ เป็นพ่อของเซีย ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกับยัยนั่นด้วยนะ เทพโตขนาดนี้แล้วสิเนี้ย…” เมื่อชายวัยกลางคนแนะนำตัวเสร็จ ชายหนุ่มก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม แล้วก็มองเขาเล็กน้อย สิงห์เป็นคนที่รูปร่างสูงใหญ่ ผมและดวงตาสีน้ำตาล ผิวขาวคล้ำๆ หลังจากมองได้ครู่เดียวก็เป็นทอยได้เอ่ยขึ้นถัดมา


     

    “ทำอะไรเสร็จก็ไปได้แล้ว” คำกล่าวนั้นถูกกล่าวออกมาอย่างไม่แยแสชายตรงหน้า ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ชายคนนั้นโกรธแต่อย่างใด กลับกันมันทำให้ภายในใจของเขารู้สึกผิดมากยิ่งกว่าเก่าในน้ำเสียงที่ไร้เยื่อใยนั้น


     

    “พ่อคะ มีอะไรรึเปล่า?” ในตอนนั้นเองก็มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง ซึ่งเธอก็คือเซเรียนั่นเอง ที่ออกมาตามหาพ่อของเธอหลังจากเขาได้ฟังเรื่องของเทพ เขาก็รีบร้อนเดินออกตามหาตัวชายหนุ่ม


     

    “ไม่มีอะไรหรอก กลับกันเถอะ” เป็นสิงห์ที่กล่าวแบบปัดๆ ก่อนจะหันกลับไปหาผู้เป็นลูกสาว แล้วคิดจะเดินจากไป แต่ก็เป็นเมย์ หรืออาสาวของชายหนุ่ม ได้เรียกตัวชายวัยกลางคนเอาไว้เสียก่อน


     

    “นี่พี่สิงห์ ถึงเราจะมีปัญหากัน แต่ไม่ใช่กับเด็กสองคนนี้หรอกนะ ให้พวกเขานั่งเล่นน้ำคนเดียวก็ดูจะเหงาไปหน่อยใช่ไหมล่ะ?” ว่าแล้วก็ชี้ไปยังชายหนุ่มด้านข้างเธอ แล้วหันไปมองหญิงสาวด้านข้างสิงห์


     

    “นั่นสินะ เซียจะอยู่คุยเล่นกับเทพรึเปล่า?” เมื่อได้ยินที่เมย์กล่าวก็ทำให้ช่ยวียกลางคนคล้อยตาม ก่อนจะหันไปถามลูกสาวด้านข้าง ซึ่งเธอก็ยิ้มให้เล็กๆ ก่อนนะกล่าวตอบด้วยความดีใจที่ปิดไม่มิด


     

    “อยากสิคะ!” เมื่อได้ยินคำตอบดังนั้น ชายผู้เป็นพ่อของเด็กสาวหันมาหาทอยซึ่งกำลังมองแม่น้ำอย่างไม่สนใจ ก่อนที่สิงห์จะเป็นคนเอ่ยถาม


     

    “กูจะย้ายมานั่งข้างนี้ ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เมื่อถามเสร็จก็ยืนรอดูปฏิกริยาของชายตรงหน้า ซึ่งเขาหันมามองครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปที่เดิม แล้วตอบกลับอย่างไม่สนใจ


     

    “อยากทำอะไรก็ทำสิ กูไม่ใช่เจ้าของที่สักหน่อย” เมื่อได้ยินคำตอบชายวัยกลางคนก็ยิ้มออกมาเล็กๆ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังคงต่างคนต่างอยู่กันได้ จากนั้นสิงห์จึงกดโทรศัพท์โทรหาบางคน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่นั่งด้านข้างที่อยู่ถัดไป


     

    “เทพ น้องเซีย ไปเล่นน้ำกันเถอะ! เอาชุดมาเปลี่ยนอยู่ใช่ไหม? ถ้าไม่มีเดี๋ยวอาให้ยืม” เมื่อเสร็จสิ้นซึ่งปัญหาที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ หญิงสาวผู้เป็นอาก็หันมายิ้ม และเอ่ยชวนหนุ่มสาวทั้งสอง ซึ่งเซเรียก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันหน้ามาขออนุญาตผู้เป็นพ่อของเธอ


     

    “ไปเถอะลูก ตอนแรกพ่อก็ไม่ได้คิดจะมาเล่นน้ำอยู่แล้วล่ะ ฮะฮะฮะ” เมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวเขาก็ยิ้มแล้วหัวเราะออกมา พร้อมกับกล่าวอนุญาตอย่างไม่มีปัญหา


     

    “แล้วล่ะ งั้นเก็บของมีค่า อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องประดับอันเล็กให้เรียบร้อยล่ะ เดี๋ยวอาจะเป็นคนนำทางเอง!” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ถอดรองเท้า แล้วเดินลงน้ำไปเป็นคนแรก ปล่อยให้หนุ่มสาวทั้งสองยืนเช็คข้าวของครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยเดินตามเธอไปอย่างไม่เร่งรีบ


     



     

    หลังทั้งหนุ่มสาวคู่เดินตามหญิงสาวที่เดินนำทางไปก่อน จนกระทั่งจากน้ำลึกเท้าข้อเท้า ตอนนี้ก็เพิ่มระดับความลึกจนกระทั่งเลยขึ้นมาบริเวณเอว พวกเขาทั้งสามยืนกลางแม่น้ำ ท่ามกลางแสงแดดที่ส่งมา ทำให้น้ำนั้นไม่เย็นจนเกินไป และอากาศก็กำลังดีไม่ร้อนมากนัก ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนอยากจะหลับ


     

    ในตอนนั้นผู้เป็นอาก็ได้หยุดเดิน แล้วหันมามองทั้งคู่ ก่อนจะทิ้งตัวลงปล่อยให้ร่างไหลไปกับสายน้ำเสียอย่างนั้น จนเป็นชายหนุ่มที่เดินเข้าไปหาแล้วจับแขนผู้เป็นอาไว้ เพื่อไม่ให้ไหลไปไกลมากกว่านี้ แต่ก็ถูกอาสาวเอ่ยขัดขึ้นมา


     

    “อย่าพึ่งขัดสิ เทพกับน้องเซียก็ลองนอนดูสิ พยายามใช้เท้าดันพื้นไว้นะ” จากนั้นเธอก็ชักชวนให้ทั้งคู่ลองทำตามพร้อมบอกวิธีการ ซึ่งเทพ และเซเรียก็ค่อยๆย่อตัวลงแล้วนอนลงไปในน้ำ ปล่อยให้มันท่วมทั้งตัวเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ยกเว้นส่วนใบหน้าที่ยื่นขึ้นมาเหนือน้ำ จากนั้นจึงค่อยๆรู้สึกในสงบลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน


     

    จากคราแรกนั้นพื้นที่แห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และเรื่องเมื่อครู่ระหว่างพ่อของชายหนุ่ม และเซเรีย มันก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่เมื่อได้ลองทำท่าไหลไปกับน้ำตามผู้เป็นอาสาว


     

    ชายหนุ่มรู้สึกสงบ และผ่อนคลาย ความวุ่นวายล้วนแต่ดับลง เหลือเพียงธรรมชาติที่งดงามรอบข้าง เสียงและความเย็นของสายน้ำที่ค่อยๆไหลผ่านตัวของชายหนุ่มอย่างช้าๆไม่เร็วนัก และเมื่อมองขึ้นไปก็ได้รับแสงแดดอ่อนๆยามบ่าย ที่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกร้อนแต่อย่างใด สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาจิตใจสงบลงได้จริงๆ


     

    “เทพอยากรู้สินะ? เรื่องเมื่อกี้น่ะ…” ขณะที่ชายหนุ่มรู้สึกว่ารอบข้างกำลังสงบลง แต่เพียงคำพูดของอาสาวก็ดึงความสนใจของเขากลับมาได้ แต่คำกล่าวต่อมาของเธอ กลับทำให้ชายหนุ่มสนใจมากยิ่งกว่า


     

    “ปัญหานั่นมันเป็นเพราะเรื่องของ ‘พี่น้ำ’ แม่ของเทพไงล่ะ…” คำกล่าวนั้น ทำให้ชานหนุ่มนิ่งไปพักใหญ่


     


     


     


     


     

    เวลาเหลืออีก 3 วัน 10 ชั่วโมง 10 นาที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×