Treat my soul. - Treat my soul. นิยาย Treat my soul. : Dek-D.com - Writer

    Treat my soul.

    เรื่องสั้นที่ผมแต่งเมื่อราว 4-5 ปีที่แล้ว นำมาลงแก้ขัดที่นิยายเรื่องหลักลงไม่ได้ครับ ^^"

    ผู้เข้าชมรวม

    905

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    905

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ต.ค. 50 / 17:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [Halloween]Treat my Soul.

       

      .....นานแค่ไหนแล้วนะที่เราไม่ได้ออกจากบ้าน.....

      .....นั่นสินะ 31 ตุลาคมของปีที่แล้วนี่นา.....

      .....สนุกมากเลยงานเทศกาลนั่น.....

      .....ถ้าได้ไปอีกก็ดีสินะ...จะได้เจอเขาคนนั้นด้วย.....

       

      .............................................................................................

       

      ณ หมู่บ้านชานเมืองเล็กๆ ธรรมดาๆที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรมากมาย แม้แต่กระทั่งชื่อหมู่บ้านก็ไม่มี สิ่งมีชีวิตในหมู่บ้านยังมีแทบจะไม่ถึงร้อย ถ้าไม่นับเหล่าหมาแมวและสัตว์กสิกรรมแล้วล่ะก็ ไม่ได้เป็นเมืองท่าหรือศูนย์กลางการขนส่ง....ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใดๆ.....ไม่มีอะไรโดดเด่น ....ใช่มันก็แค่หมู่บ้านเล็กๆที่มีอยู่กลาดเกลื่อนในทวีปยุโรปที่กว้างใหญ่


      แม้ว่าหมู่บ้านนี้จะเล็กและคับแคบแออัดแค่ไหน แต่กลับน่าแปลกที่ประชากรในหมู่บ้านนั้นกลับไม่มีการคบหาสมาคมกันเลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่วันสำคัญๆจริงๆล่ะก็ อย่าได้หวังเชียวว่าคนจากต่างบ้านจะได้พูดคุยกัน ....สาเหตุคงมาจากที่พวกเขาคิดว่าเงินนั้นได้มาจากการทำงานไม่ใช่การพูดคุยกระมัง?....ถ้าคุณเป็นคนจากต่างถิ่นก็คงจะคิดเช่นนั้น เพราะคนในหมู่บ้านนี้จะตั้งหน้าตั้งตาทำงานอยู่ท่าเดียว......


      .....ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่.....สาเหตุจริงๆมาจากเรื่องที่น่าสยดสยองกว่านั้น.....ทุกอย่างเริ่มต้นจากวันนั้น.....วันที่ยามรุ่งอรุณควรจะเห็นท้องฟ้าสีครามใส....ยามที่แสงแดดที่แสนอบอุ่นจะสาดแสงผ่าน....ยามที่นกนับร้อยจะส่งเสียงร้องเสนาะหู.....

      แต่วันนั้นกลับมีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวนับสิบที่ริมแม่น้ำแทนที่ พวกเธอไปที่นั่นเพียงเพื่อชักผ้าและพูดคุยสนทนายามเช้าตามปกติ แต่สิ่งที่รออยู่กลับเป็นกองซากศพของเด็กชายหญิงหลายสิบคน แม่น้ำที่เคยสะท้อนประกายแสงแดดกลับถูกย้อมไปด้วยสีแดงข้นจนน้ำกลายเป็นสีดำ นกที่เคยร้องเพลงยามเช้าบัดนี้ได้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น....ไม่สิจะว่าหายไปก็ไม่ได้ เหล่านกนั้นกลับกลายเป็นนกแร้งมากัดแทะซากศพเด็กที่ถูกหันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย....กัดแทะเศษเนื้อที่ลอยฟ่องอยู่กลางแม่น้ำ


      ท้องฟ้าสีครามใสบัดนี้กลายเป็นสีม่วงที่ชวนผะอืดผะอม ดวงตะวันที่เคยสาดแสงแรงกล้าถูกบดบังจากกลุ่มเมฆสีดำสนิท ราวกับถูกกลืนกินให้หายไป ไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา สายฟ้าขนาดใหญ่พากันเกรี้ยวกราดผ่ากระแทกลงมาไม่หยุดดุจการลงทัณฑ์จากสรวงสวรรค์ ชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์พากันหนีตายจ้าละหวั่น.....ครั้นเมื่อฝนหยุดชาวบ้านที่พากันหลบฝนออกมาที่แม่น้ำต่างพากันตกตะลึงอีกครั้ง ศพทั้งหมดหายไปราวกับความฝัน แม่น้ำที่เคยแดงฉานกลับหวนมาสีฟ้าใส นกน้อยต่างพากันขับขานเสียเพลงราวกับไม่เคยเกิดอะไร.....


      ......นับจากวันที่พบศพอีกหลายสิบวันต่อมา คนในหมู่บ้านต่างพยายามหาว่าใครคือฆาตกรโหดรายนี้.....แต่ก็ไม่สามารถจับมือใครดมได้ ก่อนจะสรุปเป็นว่านั่นคือฝีมือของปีศาจฆาตกร ......และในวันเดียวกันนั้นเองเหมือนกับมีสายลมกระซิบผ่านเข้าหูของทุกคน.....คนในหมู่บ้านต่างหวาดกลัวคนรอบข้าง หวาดกลัวว่าปีศาจฆาตกรนั้นอาจจะเป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็ได้.....นี่ต่างหากที่เป็นสาเหตุจริงๆที่ทำให้ชาวบ้านห่างเหินกัน......

       

      .............................................................................................

       

      แม่คะ.....แม่.... เสียงอันแผ่วเบาเหมือนเสียงกระซิบดังแว่วออกจากริมฝีปากของเด็กหญิงที่นอนซมอยู่บนเตียง ทั่วทั้งห้องมืดสลัวมีแค่เพียงแสงจากเปลวเทียนเล่มเล็กข้างๆตัวของเด็กหญิงที่คอยให้แสงสว่าง.........


      ....มีอะไรหรือจ๊ะที่รัก เสียงตอบดังก้องออกมาจากความมืดมิดที่มุมห้อง ก่อนที่หญิงสาววัยกลางคน ดวงตาคมกริบสีม่วงเข้ม ผมสีเหลืองยาวสลวยถึงกลางหลังจะก้าวออกมา ในมือเธอถือชามอ่างที่บรรจุน้ำอยู่ออกมาด้วย นอนพักก่อนเถอะ ลูกยังไม่ค่อยสบายอยู่....มาเดี๋ยวแม่จะเช็ดตัวให้นะ เธอกล่าวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยื่นมือไปพยุงตัวเด็กหญิงขึ้นมาให้อยู่ในท่านั่ง


      แม่คะ...หนู.....เอ่อ.... เธอกล่าวเสียงสั่นขณะที่ชุดนอนสีขาวนวลถูกยกผ่านตัวเธอ เส้นผมสีเหลืองออกน้ำตาลของเธอถูกเสื้อดันจนพันกันเป็นกระจุกจนผู้เป็นแม่ต้องมาสางให้ ..โอ๊ย
      !...


      เจ็บหรือจ๊ะ...ขอโทษทีนะ ผมลูกเนี่ยหยิกเหมือนพ่อเลยนะ
      เธอหัวเราะเบาๆ พลางเอามือลูบผมของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน ผมสีเหลืองออกน้ำตาลของเด็กสาวแม้ว่าจะหยักศกแต่ก็นุ่มลื่น มันค่อยๆคลายตัวออกตามมือของผู้เป็นแม่ที่ดึงผ่าน ว่าแต่เมื่อครู่มีอะไรจะพูดหรือจ๊ะ?


      เอ่อ...คือว่า....วันพรุ่งนี้....วัน
      Halloween ....หนูขอไปเล่นข้างนอกได้ไหมคะ?.... เธอกล่าวเสียงอ่อย ดวงตาสองสีจ้องมองวิงวอนผู้เป็นแม่อย่างน่าสงสาร


      จะเอายังไงดีล่ะ ....ถ้าลูกไม่หายดีแม่ก็ให้ไปไม่ได้หรอกนะ หญิงสาวกล่าวพลางบิดผ้าที่แช่อยู่ในชามอ่าง เอ้า...ยกแขนขึ้นหน่อยจ๊ะที่รัก.....


      ต...แต่....แต่ทั้งปีมานี้หนูไม่เคยได้ไปไหนเลยนะคะ.....ขอร้องล่ะคะ....นะคะ..... เธอกล่าวเสียงสั่น ......นะคะ......


      จ้ะๆ ถ้าลูกไปไหวก็ไปแล้วกันนะ.....เอ้า หันหลังจ๊ะ....


      ได้! ไปได้จริงหรือคะ...... เธอกล่าวอย่างลิงโลด


      จ้า~ถ้าตอนนั้นลูกไปไหวนะ หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบชุดนอนสีขาวกลับมาสวมให้ลูกสาวอีกครั้ง แม่น่ะอยากให้ลูกไปนะ....แต่ลูกต้องมั่นใจนะว่าไปไหว .....แม่ไม่อยากให้ลูกฝืนสังขารไปแบบปีที่แล้วนะจ๊ะ.....


      .....คะคุณแม่.... เธอกล่าวเสียงอ่อย


      คิก...งั้นก็นอนพักมากๆสิจ๊ะที่รัก... หญิงสาวกล่าวพลางก้มตัวลงจุมพิตที่หน้าผากของเด็กสาว ก่อนจะยกชามอ่างออกจากห้องไปในทิศทางเดียวกับที่เดินเข้ามา ...นอนพักมากๆนะจ๊ะ...... เสียงของหญิงสาวค่อยๆเงียบลงราวกับถูกดูดกลืนด้วยความมืดที่เธอเดินหายเข้าไป


      นอนพักแล้วจะหายจริงหรือ..... เธอรำพันในลำคอเบาๆ สายตาของเธอหันไปมองเทอร์โมมิเตอร์ที่ข้างผนังห้องอย่างสิ้นหวัง 40 องศา....ทั้งๆที่ร้อนขนาดนี้แท้ๆ.....แล้วอย่างนี้เราจะหายจริงหรือ..... เธอกล่าวด้วยน้ำตานองหน้า ก่อนจะเริ่มต้นร้องไห้เบาๆจนผล็อยหลับไป

      แม้ว่าตัวบ้านจะร้อนอบอ้าวสักเพียงใด แต่ร่างกายของสาวน้อยก็เย็นยะเยือกดุจซากศพ.....เย็นราวคนตายมานับแต่เธอเริ่มเดิน แต่กระนั้นพ่อและแม่ของเด็กสาวก็ไม่เคยเรียกหมอเข้ามารักษาเธอแม้แต่ครั้งเดียว พวกเขาเกรงว่าการเรียกหมอมาจะทำให้หมอคิดว่าลูกเขาถูกคำสาป.....คำสาปของโรคที่มาจากมิติอื่น..... นั่นจึงเป็นสาเหตุประการแรกที่พวกเขาไม่เรียกหมอมารักษาเด็กสาว

       

      .............................................................................................

       

      อืม.... เด็กหญิงค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ....แม่....แม่คะ.......แม่คะ เธอร้องเรียกผู้เป็นมารดาเบาๆ แต่เนื่องจากตอนนี้ลำคอของเธอแห้งผากอันเนื่องมาจากความกระหายน้ำ ทำให้เสียงเรียกของเธอแผ่วเบาจนแม้แต่เธอก็ยังแทบจะไม่ได้ยิน ....อืม...อึบ.... เธอค่อยๆดันตัวขึ้นมานั่งช้าๆก่อนจะลุกลงจากเตียง เธอเดินโซเซราวกับไร้วิญญาณไปยังมุมห้องมืดๆ....ที่ๆแม่ของเธอเคยใช้เดินเข้ามา


      ...ผมว่าคุณตามใจลูกมากไปแล้วนะ.... เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังแว่วออกมาจากความมืดเบื้องหน้าของเด็กสาว ไม่ว่ายังไงลูกก็ไม่ควรออกไปข้างนอกนะ ปีที่แล้วอาการแกก็ไปกำเริบที่ข้างนอก..... น้ำเสียงนั้นค่อยๆดังและโกรธเกรี้ยวขึ้น


      คะ....ฉันรู้ดี เสียงของหญิงสาวดังขึ้น แต่คุณคะ....ให้ลูกเขาได้ทำตามใจบ้างเถอะคะ.....ฉันขอร้อง เมื่อสิ้นเสียงก็มีเสียงสะอื้นไห้ดังก้องขึ้นมาแทน


      ผมเข้าใจ....แต่ว่า.... เสียงของชายหนุ่มค่อยๆลดเสียงลง ....แต่ว่า....ก็ได้ ทำตามที่คุณเห็นว่าดีแล้วกัน.....เพราะลูกเราจะอยู่ที่นี่ได้วันสุดท้ายก็พรุ่งนี้นี่นา........

      พริบตาที่ได้ยินเสียงนั้น ดวงตาของเด็กสาวเบิกโพลงด้วยความตกใจ ร่างกายของเธอล้มลงนั่งกองกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาค่อยๆเอ่อล้นออกมาชโลมแก้มสีชมพูระเรื่อของเธอ ....ไม่เห็นอุ่นเลย....น้ำตาของฉัน....ไม่เห็นอุ่นเหมือนกับของคุณพ่อคุณแม่เลย......ทำไมมันเย็นเหมือนน้ำแข็งแบบนี้......เพราะ.....เพราะฉันจะตายวันพรุ่งนี้สินะ.... นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เธอกล่าวออกมาก่อนจะสิ้นสติไป

       

      .............................................................................................

       

      ....เป็นไงบ้างจ๊ะที่รัก.... เสียงอันแสนอ่อนโยนดังขึ้น ก่อนที่เด็กสาวจะสัมผัสถึงไออุ่นจากฝ่ามือที่ค่อยลูบหัวเธอเบาๆ


      สวัสดีคะแม่...... เธอกล่าวเบาๆ ก่อนจะสำรวจตัวเองที่บัดนี้มานอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว ...เอ่อ...คุณแม่คะ....


      ทำไมเมื่อวานถึงไปนอนบนพื้นล่ะจ๊ะที่รัก?...... หญิงสาวกล่าวขัดขึ้น ...อืม....ช่างเถอะ.... ว่าแต่ รู้ไหมจ๊ะวันนี้วัน Halloween แล้วนะ เธอกล่าวพร้อมกับหยิบชุดผ้าดิบสีดำขึ้นมาวางที่หัวเตียงของลูกสาว นี่ชุดแม่มดตัวน้อยจ๊ะ....หวังว่าลูกจะชอบมันนะ? ว่าแต่พร้อมจะออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านรึยังเอ่ย...........


      ยัง....ยังคะคุณแม่.....ยังไม่พร้อมคะ..... เธอกล่าวอย่างเศร้าสร้อย ก่อนที่น้ำตาที่เย็นยะเยือกของเธอจะไหลออกมา ...ขอ...ขอโทษนะคะ.....หนูยังรู้สึกไม่สบายอยู่เลยคะ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของเธอฟังดูสิ้นหวัง จนผู้เป็นแม่ก็แทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่เหมือนกัน


      ...ไม่ไปแน่หรือจ๊ะ.... เสียงของหญิงสาวสั่นเครือ ถ้าไปลูกจะได้เจอกับเด็กคนนั้นนะ ....คนที่ลูกกลับมาเล่าให้แม่ฟังไงล่ะ......เขาชื่อคริสใช่ไหมล่ะจ๊ะ?.....


      ....ขอบคุณค่ะคุณแม่.... เธอกล่าวตัดบท ....หนูไม่อยากออกไปแล้วล่ะคะ....ขอโทษนะคะ...ทั้งๆที่คุณแม่ช่วยพูดกับคุณพ่อแล้วแท้ๆ......ขอโทษคะ.....


      ....งั้นหรือจ๊ะ....งั้น.....นอนพักก่อนนะลูก......เดี๋ยวแม่จะหาข้าวมาให้กินนะ..... เธอกล่าวเสียงสั่นก่อนลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในเงามืด พริบตานั้นเองเด็กหญิงก็เหลือบไปเห็นหยดน้ำตาของผู้เป็นแม่ที่ไหลออกมาเป็นทาง ภาพนั้นมันทำให้เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่.....และแล้วเสียงร้องไห้ของเด็กสาวดังกึกก้องไปทั่วห้อง

       

      .............................................................................................

       

      ก๊อก....ก๊อก....


      เสียงหน้าต่างเหนือหัวเธอดังขึ้นเหมือนถูกเคาะ หญิงสาวลืมตาขึ้นทั้งๆที่ใบหน้ายังหลงเหลือคราบน้ำตา


      ก๊อก....ก๊อก....ก๊อก....ก๊อก....


      เสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้เสียงดังกระชั้นยิ่งขึ้น
      ค...ใคร?.....ใครคะ?..... เด็กสาวถามอย่างตื่นกลัว


      ชู่ๆ ...เงียบหน่อยสิ เสียงของเด็กชายดังแว่วผ่านหน้าต่างเข้ามา ปีที่แล้วเห็นหายหน้าไป...แถมปีนี้ยังมาสายอีก....ก็เลยจะมาตามน่ะ.....


      คริส! ” เด็กสาวกล่าวอย่างตกใจ ....รอ...รอเดี๋ยวนะคะ... เธอรีบเอามือลูบผมให้เข้าทรงที่สุดเท่าที่จะทำให้ ก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างให้เด็กชายเข้ามา


      ไง....แหมตาของเธอดูกี่ครั้งก็สวยทุกครั้งเลยนะ ข้างขวาสีแดงเข้มอีกข้างสีม่วงเข้ม.... เด็กชายนัยน์ตาสีฟ้าใส ใบหน้าเรียวมนรูปไข่รับกับผมซอยสั้นสีเงินเข้มพูดเขินๆ อ๊ะ! ลืมไปเลย.....ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ฉันมาชวนเธอไปเที่ยวด้วยกันน่ะ....ปีที่แล้วสัญญากันไว้ไม่ใช่หรือ? เขากล่าวก่อนจะดันตัวเองขึ้นมานั่งบนหน้าต่าง


      เอ่อ....ขอ...ขอโทษนะ....ฉันคงไปไม่ได้แล้วล่ะ....ฉัน.... เด็กสาวยกมือทั้งสองมาบังหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ ....ขอโทษ......ถ้าฉันไปล่ะก็.....ฉันคง......ฉันคง......


      อย่างงั้นหรอ..... เด็กชายกล่าวขึ้นมาลอยๆ ................


      ....จริงๆฉันก็อยากไปนะ.....แต่ถ้าฉันไป....ฉันอาจจะไม่เจอหน้าพ่อกับแม่อีกเลยก็ได้..........


      หึ... เด็กชายยิ้ม ไม่ต้องห่วงเรื่องปีศาจฆาตกรหรอก ปีนี้ฉันได้ยินพวกพ่อพูดกันว่าจะแอบวางเวรยามเอาไว้ในเขตของตน โดยไม่ให้พวกเด็กๆรู้ ....เห็นบอกว่า....ถ้าเกิดอะไรขึ้นในเขตนั้นก็จะได้รู้ว่าคนที่คุมเขตนั้นเป็นปีศาจฆาตกรน่ะ


      ...ไม่...ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก..... เธอพูดเบาราวเสียงกระซิบ


      เอาน่า.... เด็กชายเอ่ยขึ้นโดยไม่ทันจะได้ฟังเสียงของเด็กสาว คนเราเกิดมาไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ตอนอยู่น่ะหาความสุขใส่ตัวเยอะๆเถอะนะ.....แล้วก็เลิกร้องไห้เถอะฉันเห็นแล้วรู้สึกไม่ดีเลย.... เมื่อสิ้นเสียงใบหน้าของเด็กชายก็แดงกร่ำด้วยความเขินอาย จนเขาต้องเอามือยกขึ้นมาเกาหัวเบาๆแก้เขิน ..อ้อ...ฉันจำมาจากพ่อน่ะ พ่อชอบพูดตอนแอบหนีแม่ไปกินเหล้า.....ความจริงมันก็ไม่ควรใช้มาพูดกับเธอแบบนี้หรอกนะ.....


      ขอบใจนะ.... เด็กสาวเอื้อมมือไปจับแขนของเด็กชายเอาไว้ ใบหน้าของเธอแม้จะเต็มไปด้วยน้ำตา แต่ครั้งนี้ดูอย่างไรน้ำตาบนแก้มสีชมพูของเธอก็ไม่ได้มาจากความเศร้าหมองเหมือนเช่นก่อนหน้า ...ขอบ...ใจ...


      งั้นฉันไปรอด้านนอกนะ เธอจะได้เปลี่ยนชุด เมื่อสิ้นเสียงเขาก็กระโดดลงจากหน้าต่างไป ....อ้อ....เธอในชุดนอนสีขาวดูเซ็กซี่ดีนะ....


      ตาบ้า! ” เด็กสาวตะโกนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ขอบใจนะ....คริส.... ก่อนจะลงมือเปลี่ยนชุดที่แม่เธอวางไว้บนหัวเตียงแล้วเดินออกจากบ้านตามเด็กชายไป........................

       

      To be continue.....chapter 2.....
      [Halloween]Treat my Soul (II) .

       

      มืดจังเลย.....อีกไกลไหมคริส? เสียงของเด็กหญิงดังขึ้นพร้อมกับที่มือข้างซ้ายของเธอกุมมือของเด็กชายเบื้องหน้าจนแน่น ทำให้ความอบอุ่นจากมือของเด็กชายค่อยๆแผ่มาสู่ตัวเธอ ....อุ่นจัง.... เธอกระซิบกับตัวเองเบาๆด้วยรอยยิ้ม


      เดี๋ยวก็ถึงแล้วล่ะ....ผ่านพุ่มไม้ด้านหน้าไปก็เจอแล้ว เด็กชายกล่าวอย่างร่าเริง ....ต้องของโทษด้วยนะทั้งๆที่เธอไม่สบายอยู่แบบนี้ ก็ยังให้เธอออกมา.....ขอโทษจริงๆ ฉันรู้ก็ตอนที่จับมือเย็นๆของเธอนั่นแหละ....


      ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ....ไม่เป็นไรหรอก.... เสียงของเด็กหญิงดังแผ่วขึ้นมาเบาๆ


      เด็กทั้งสองเดินไปตามทางเดินที่ทำจากการนำกรวดมาโรยให้เป็นแนว แสงสว่างที่ทั้งสองใช้นำทางมีแค่เพียงเทียนเล่มเล็กๆที่เด็กชายถือเอาไว้ เนื่องจากบ้านทุกหลังในหมู่บ้านปิดไฟจนมืดสนิท.....จะมีแค่เพียงแสงสว่างรำไรที่ส่องผ่านรอยแยกของฟักทองที่เจ้าของบ้านแกะให้เป็นรูปใบหน้าคนวางติดไว้หน้าบ้าน เพื่อแสดงว่าเด็กสามารถมาเคาะประตูบ้านหลังนี้ได้ แต่ถึงแม้บ้านทุกหลังจะเปิดไฟแสงสว่างก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนักเนื่องจากบ้านทุกหลังตั้งห่างกันมาก บ้านที่ใกล้กันที่สุดก็ต้องใช้เวลาเดินหากันถึง 5 นาที แสงจันทร์สีเหลืองนวลที่เคยสาดแสงส่องไปจนทั่วบริเวณบัดนี้กลับถูกเมฆกลืนกินจนหายกลายเป็นสีดำเฉกเช่นกับท้องฟ้ายามรัตติกาล ราวกับมีคนมาร่ายเวทย์มนต์ทำให้แสงสว่างหายไป


      ระวังหน่อยนะ.... เด็กชายกล่าวพลางเอื้อมมืออีกข้างไปให้เด็กหญิงจับ หลังจากวางเทียนที่ถือลงกับพื้น พื้นแถวนี้มันลื่น....


      เด็กสาวค่อยๆหย่อนขาลงบนก้อนหินด้านหลังพุ่มไม้ใหญ่ที่เด็กชายแหวกออกจนเป็นโพรงกว้าง 


      ....ไหนบอกว่าหลังพุ่มไม้ก็ถึงแล้วไง... เด็กสาวหอบหายใจเบาๆด้วยความเหนื่อยอ่อน


      ฮะ ฮะ....โทษทีๆต้องไต่หินนี่ลงไปก่อนน่ะ เด็กชายหัวเราะเบาๆ เฮ้~พวก ออกมารับเพื่อนใหม่หน่อย.... เมื่อสิ้นเสียงตะโกนของคริสเด็กชายสามคนก็เดินออกมาจากมุมมืดหลังก้อนหิน พวกเขาค่อยๆพยุงเด็กหญิงลงกับพื้นเบาๆ


      เอ่อ ขอบคุณคะ.... เด็กสาวกล่าวอายๆ ก่อนที่เธอจะเห็นเด็กหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอสองคนเดินออกมาจากที่ๆเด็กชายทั้งสามพึ่งเดินออกมา ในมือของเด็กหญิงทั้งสองมีลูกอมอยู่เต็มกำมือ


      นี่ลูกอมจ้ะ.... เด็กหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นลูกอมให้ ฉันชื่อโซล่าจ้ะ ส่วนนั่นโซน่า.... เธอกล่าวพลางผายมือไปยังเด็กหญิงด้านข้าง


      เราเป็นฝาแฝดกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ เด็กหญิงอีกคนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม


      ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ๊ะ ฉันอับเคส...ชื่อคงแปลกสินะ เรียกฉันว่าเคสเฉยๆก็ได้จ้ะ เด็กสาวตอบกลับ ดวงตาสองสีของเธอตี่เล็กลงจากความยินดีจนมองเห็นเด็กหญิงนัยน์ตาสีเงิน ผมยาวสีทองยาวมัดรวบพาดผ่านบ่ามาด้านหน้าด้วยริบบิ้นสีแดงและเขียวได้ไม่ชัดเจนนัก


      ความจริงเรียกโซล่าว่าเรด.... เด็กชายผมสั้นสีดำสนิท เช่นเดียวกับนัยน์ตากล่าว เรียกโซน่าว่ากรีนก็ได้นะ...


      ใช่ๆ ส่วนนายก็เรียกว่าแบล็กใช่ไหม? แกรน ....แล้วฉันกับโรรันก็เป็นบลูกับซิลเวอร์สินะ เด็กชายตาสีดำ ผมซอยสั้นสีฟ้าหัวเราะเบาๆก่อนจะชี้มือไปทางเด็กชายผมเงินดวงตาสีฟ้าเช่นเดียวกับคริส ที่ยืนตั้งท่าประหลาดๆเหมือนไอ้มดแดงอยู่บนก้อนหิน ...อืมงั้นคริสกับเคสให้เป็นสีอะไรดีน้า?......


      พอเลยเมิร์ค ถ้าน้องฉันอยู่กับนายนานๆคงเป็นบ้าแน่ คริสกล่าวก่อนจะกระโดดลงมาพร้อมจากผาหินเตี้ยๆ ไปกันมากี่บ้านแล้วล่ะ?


      ไปมา 5 หลังแล้วล่ะ....อืมก็หมู่บ้านด้านหน้าทั้งหมดนั่นแหละ โซล่ากล่าว .....คิดว่าเหลือบ้านที่ด้านหลังอีกซัก 6 - 7 หลังมั้ง....


      งั้นหรือ?..... คริสกล่าวพลางมุ่ยหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ชายตาเขาเหลือมองเด็กหญิงผมหยักศกสีเหลืองออกน้ำตาลที่บัดนี้สีหน้าดูดีขึ้นผิดกับเมื่อครู่ ....ให้เคสเขาพักเหนื่อยในฐานลับของเราหน่อยนะ....ได้ใช่ไหม?


      ได้สิจ๊ะ... โซล่าและโซน่ากล่าวออกมาในแทบจะทันทีที่สิ้นเสียงคริส


      ตามสบาย..... แกรนกล่าวพลางปัดมือไปมา


      เชิญนั่งครับ...ท่านหญิง เมิร์คพูดอย่างสุภาพพร้อมกับตวัดมือไปทางก้อนหินเล็กๆซึ่งโรรันยกออกมาวางไว้ให้


      พี่ชายก็มานั่งข้างๆท่านหญิงสิครับ.... โรรันหัวเราะเบาๆ ผมยกหินมาให้สองก้อนเลยนะ....


      ร..โรรัน... คริสขบฟัน อย่ามาล้อพี่เล่นแบบนี้นะ.... แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงเคสก็ลากแขนเขาไป


      นั่งกันเถอะนะ...คริส เธอกล่าวด้วยใบหน้าที่แดงกร่ำ


      แหมๆ....ท่าทางจะรักกันดีนะ มิน่าล่ะพี่คริสถึงออกไปตามด้วยตัวเองแบบนี้ โซน่ากล่าว ...ไหนๆก็จะพักกันแล้วมาเล่าเรื่องผีกันดีไหม?.... เธอยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนหันไปมองแฝดของเธอ


      โธ่...โซน่าก็รู้ทั้งรู้ว่าพี่กลัว ยังจะมาแกล้งกันอีก เธอกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แต่กระนั้นก็ยังลากก้อนหินมานั่งข้างๆเคสพร้อมกับควักลูกอมออกมายื่นให้เคสและคริสด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่เอาก็ได้พี่คริสอุตส่าห์พาหญิงในฝันเข้ากลุ่มนี่น้า.....


      เอาๆ งั้นเริ่มที่ฉันแล้วกัน... แกรนกล่าวเสียงดังเพื่อดักคอไม่ให้คริสผู้ที่บัดนี้สีหน้าแดงกร่ำราวกับมะเขือเทศสุกได้กล่าวอะไรต่อ อืมๆ....งั้นเอาเรื่องนี้แล้วกัน เขายกหินเล็กๆออกมาสี่ก้อนก่อนจะวางมันเป็นวงกลม โดยมีเปลวเทียนเล็กๆตรงกลางคอยให้แสงสว่างสลัวๆ เข้ากับการเล่าเรื่องผี เรื่องมันก็เริ่มต้นตอนที่ลุงจอร์จออกไปทำงานตามปกติ...........................

       

      .............................................................................................

       

      เหล่าเด็กชายหญิงนั่งผลัดกันเล่าเรื่องผีไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเด็กหญิงที่แทบไม่เคยออกมานอกบ้านเลย ใบหน้าของเด็กหญิงเคยอมทุกข์เนื่องจากรู้ตัวในความรุนแรงของโรคร้ายที่เธอเผชิญอยู่ ใบหน้าของเด็กหญิงที่แทบจะไม่เคยยิ้มเลย บัดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะ........

      แม้ว่าเด็กในกลุ่มจะกล่าวว่าแปลกเช่นไรเธอก็ไม่สน แม้ว่าบรรยากาศจะชวนสยองขวัญเท่าใดก็ตาม....ทั้งจากเรื่องสยองขวัญ.....ทั้งจากบรรยากาศยามวิกาล แต่เธอก็รู้สึกถึงความสุขที่เธอไม่เคยได้รับ ความสนุกที่เธอได้เล่นกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ความสุขที่ได้อยู่รวมกลุ่มกัน....ความสุขที่เธอฝันถึง


      .......บัดนี้เธอพร้อมแล้วที่จะจากไปโดยไม่รู้สึกตกค้าง พอคิดไปเช่นนั้นน้ำตาที่แสนเย็นของเธอที่ไหลลินออกมาจนท่วมแก้มสีชมพูระเรื่อของเธอ ซึ่งก็ทำให้เด็กทั้งหมดเลิกเล่าเรื่องหันมาขอโทษขอโพยเธอเป็นการใหญ่ เพราะนึกว่าเรื่องที่เล่าอยู่ทำให้เธอหวาดกลัวจนเกินไป........

      เรื่องสยองขวัญถูกเล่าต่อกันไปเรื่อยๆจนไม่รู้ว่าพวกเด็กๆนำเรื่องของปีศาจฆาตกรมาเล่ากันฟังตั้งแต่เมื่อไหร่ .....แต่เมื่อคริสเล่าออกมาก็ทำให้ทั้งกลุ่มนิ่งเงียบตั้งใจฟังขึ้นมาทันที.............


      ....รู้ไหม? เด็กที่ตายตอนนั้น...คำพูดสุดท้ายที่พวกเขาได้ยินคือ
      Trick or Treat ?....คำพูดเดียวกับที่พวกเราใช้ขอขนมกินในวัน Halloween ....พวกนายคิดว่าไงล่ะ คิดว่าใครจะบ้าขนาดถามเด็กแบบนั้นมั่ง คริสเว้ณช่วงหายใจ


      คงเป็นพวกปีศาจล่ะมั้ง?....คงไม่มีใครบ้าพอที่จะทำแบบนั้นหรอก แกรนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง 

      ก็คำนี้ไว้ให้ปีศาจใช้ไม่ใช่รึ?.....


      นายจะบอกว่าปีศาจมีจริงรึไง? เมิร์คสวนขึ้น คงเป็นคนธรรมดาๆนั่นแหละ....มั้ง....


      ช่างมันเถอะ....จะคนหรือปีศาจก็ช่าง.... คริสตัดบท ที่ฉันอยากจะเล่าคือ .....เด็กพวกนั้นเลือกตอบว่า
      Trick หรือ Treat เท่านั้นล่ะ เพราะถ้าพวกเราเจอจริงๆ....จะได้ไม่ตายยังไงล่ะ


      คงต้องตอบ
      Treat ล่ะมั้งคะ.... โซล่ากล่าวหวาดๆ .....แต่ถ้าไม่ได้เจอจะดีที่สุดคะ..... เด็กหญิงสะดุ้งเฮือกทันทีที่มีเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู


      ......
      Trick or Treat ? .......


      กรี้ด!!!!! ”


      ขอโทษจ๊ะ ...ขอโทษ.... เด็กหญิงผมหยักศกกล่าวพลางเอื้อมมือไปจับโซล่าไว้แน่น ไม่นึกว่าจะกลัวขนาดนี้....ขอโทษจ๊ะ....


      ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ....................


      เสียงหัวเราะของเด็กทั้งกลุ่มดังก้องขึ้นพร้อมกัน ทิ้งให้เคสกับ
      โซล่านั่งเงียบด้วยความอาย


      เอาล่ะพอกันแค่นี้ดีกว่า ....ไปบ้านอื่นต่อเถอะจะได้กลับไม่ดึกนัก คริสกลั้นหัวเราะพูดขึ้นพร้อมกับหยิบเทียนไขแล้วปีนขึ้นหน้าผาขนาดย่อมๆไป ...ยื่นมือมาสิเคส จะได้ไปกันต่อ.... เขายื่นมือลงไปข้างล่างให้เด็กหญิงผมหยักศกจับ


      คะ... เธอจับมือที่เด็กชายยื่นให้ก่อนโหนตัวตามแรงดึงของเด็กชายขึ้นไปด้านบน


      พวกนายก็รีบตามขึ้นมาล่ะ.... คริสหันมากล่าวกับพวกด้านล่าง ก่อนจะแหวกพุ่มไม้พาเคสออกไปที่ถนนกรวด

       

      .............................................................................................

       

      พวกเด็กๆพากันเดินจากบ้านโน้นไปบ้านนี้อย่างร่าเริง แม้ว่าระยะทางระหว่างบ้านจะห่างกันสักแค่ไหน...แต่พวกเขาก็ไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนเลยแม้แต่น้อย ตลอดทางเดินมีแต่เสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะ.....


      ถุงย่ามของพวกเขาค่อยๆหนักขึ้นตามจำนวนของลูกอม.....ทั้งๆที่ในปีนี้มีบ้านที่ร่วมกิจกรรมไม่กี่สิบหลังแท้ๆ คงเป็นเพราะช่วงปีมานี้ชาวบ้านไม่ค่อยได้ร่วมทำกิจกรรมใดๆ.....ทำให้กิจกรรมครั้งนี้มีการแจกขนมและลูกอมมากเป็นพิเศษ ......จนย่ามของเด็กบางคนใส่ไม่พอแม้ว่าพวกเขาจะทิ้งขนมบางส่วนไว้ที่ฐานลับของพวกเขาแล้วก็ตาม.......


      .......แม้ว่าพวกเขาจะสนุกสนานเพียงใด....แต่มีเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆคนหนึ่งที่บัดนี้หน้าไร้สีเลือด เธอหอบหายใจเบาๆเพื่อไม่ให้เพื่อนใหม่ของเธอรู้........


      ไปครบทุกบ้านซักที..... โรรันหอบหายใจช้าๆ ก่อนจะนั่งเอาหลังพิงต้นไม้ข้างตัว .....กลับกันเถอะพวกเรา


      อะไรกันโรรัน... คริสกล่าวพร้อมชายตามองไปที่เคส ยังเหลือบ้านตาแก่มาร์คอยู่ไม่ใช่รึไง .....เคสเขายังไม่เคยกินขนมพายสุดอร่อยที่ภรรยาของแกทำเลยนี่นา


      จะบ้าหรือพี่....ที่นั่นน่ะห่างจากตัวหมู่บ้านเป็นไมล์เลยนะครับ.... โรรันสวนขึ้นทันที แถมตลอดทางยังเป็นป่าไม่มีถนนด้วย.....


      ใช่แล้วพี่คริส...โซน่าก็คิดเหมือนโรรันนะคะ แม้ว่าพายที่ภรรยาลุงมาร์คทำจะอร่อยมากก็เถอะ... หญิงสาวริบบิ้นสีเขียวกล่าวด้วยความหวาดกลัว แล้วพวกผู้ใหญ่คงไม่ได้วางกำลังตรวจตราระหว่างทางไปบ้านลุงมาร์คด้วย

      คริสกวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะเอ่ยปากออกมาว่า งั้นก็กลับไปรอที่ฐานก่อนก็แล้วกัน ฉันจะพาเคสไปเอง......เคสนานๆทีจะได้ออกมายังไงฉันก็อยากให้เธอกินพายนั่นให้ได้ น้ำเสียงของเด็กหนุ่มดูจริงจังและหนักแน่น....ราวกับเป็นผู้ใหญ่ทั้งๆที่เสียงของเขายังไม่แตกเลยก็ตาม ตกลงไหมเคส?.....


      ......คะ ยังไงก็ได้คะ..... น้ำเสียงของเด็กหญิงแผ่วเบาลงเนื่องจากความเหนื่อยอ่อน เธอทิ้งตัวลงนั่งพิงต้นไม้ต้นข้างๆกับโรรัน ก่อนจะเงยหน้าที่ขาวซีดไร้สีเลือดขึ้นมาหัวเราะเบาๆด้วยรอยยิ้ม ....ถ้าไปกับคริสล่ะก็...ไปไหนก็ไปคะ..... น้ำเสียงที่ขาดห้วงของเธอถูกเว้ณโดยการหอบหายใจเนื่องจากพิษไข้


      พี่เคส
      ! ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ... โซล่าถามอย่างเป็นห่วง กลับไปนอนพักที่บ้านดีกว่าไหมคะ?


      ไม่
      ! ไม่กลับ! เธอกรีดร้อง ..........เอ่อ...ขอโทษจ๊ะ.....ถ้าพ้นวันนี้ไปฉันคงจะไม่ได้เจอพวกเธออีกแล้วน่ะ.....ไม่ว่ายังไง.... เธอหยุดถอนหายใจ ....ไม่ว่ายังไงฉันขอไปกับพวกเธอจนจบได้ไหม?.... เคสกล่าววิงวอน


      ไหวแน่หรือ?.....
      คริสถามอย่างเป็นห่วง ซึ่งคำตอบที่ได้จากเด็กสาวคือการพยักหน้าขึ้นลงเบาๆเพียงเท่านั้น .....งั้นพวกนายไปคอยฉันที่ฐานแล้วกัน.....ฉันกับเคสจะรีบไปรีบกลับ... เมื่อกล่าวจบเขาก็ยื่นมือให้เด็กสาวผมหยักศก ก่อนจูงเธอฝ่าดงหญ้าไป


      ...เดี๋ยวสิ ฉันไปด้วย.....จะให้ทิ้งกันได้ยังไง แกรนเอ่ยขึ้นก่อนจะวิ่งตามหลังคนทั้งสองไป เมื่อเห็นดังนั้นเด็กทุกคนก็วิ่งตามคนทั้งสามไป

       

      .............................................................................................

       

      ....เด็กทั้ง 7 ต่างพากันแหวกดงหญ้าที่ตั้งชันจนเลยหัวไป พวกเขาค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวัง .......ในหัวของเด็กทุกคนต่างคิดเรื่องเดียวกันนั่นก็คือ ปีศาจฆาตกรจะมีก็แต่เด็กเพียงคนเดียวที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น......


      ในตอนนี้หัวของเธอว่างเปล่า.....ทุกครั้งที่สายลมยามค่ำอันแสนเยือกเย็นได้พัดผ่าน หัวของเธอก็กลายเป็นสีขาวมากขึ้น....ราวกับว่าภาพทั้งหมดในหัวเธอถูกกระแสลมกัดกร่อนให้หายไป .......ลมหายใจเธอถี่ขึ้นตามการเต้นของหัวใจ....ที่บัดนี้เต้นระรัวราวกับกลองชุด......


      เคสเป็นอะไรรึเปล่า? คริสถามอย่างเป็นห่วงเมื่อพวกเขามาถึงทางเดินริมหน้าผา ไม่ไหวพักก่อนได้นะ...


      ....ไม่เป็นไรหรอก.... เด็กหญิงสวนกลับทันที แต่ยังไม่ทันจะพูดจบก็พลันเกิดเสียงแหวกพงหญ้าตามหลังเด็กกลุ่มนั้นขึ้น


      แซก.....แซก.....แซก.....


      ป...ปีศาจ...ฆาตกร......... โรรันกล่าวเสียงสั่น


      หนีเร็วเข้าสิ!....... วิ่ง!!!!!!! ” คริสตะโกนก่อนจะดึงแขนของเด็กสาวผมหยักศกไป ทันทีที่สิ้นเสียงกลุ่มเด็กที่เดินตามกันมาอย่างเป็นระเบียบ บัดนี้กลับแตกฮือราวกับฝูงผึ้ง ....ต่างคนต่างวิ่งหนีอย่างสุดกำลัง ....อีกแปบเดียว...เดี๋ยวก็ถึงบ้านของ
      ตาแก่มาร์ค....อดทนหน่อยพวกเรา.... คริสกล่าวอย่างกระหืดกระหอบ


      ........... ไม่มีเสียงใครตอบกลับมา มีแต่เสียงหืดหอบของเหล่าเด็กๆเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน


      ว้าย!! ” เนื่องจากความอ่อนล้า....ด้วยความเหนื่อยอ่อนทำให้เด็กหญิงผมหยักศกลื่นพลัดตกจากหน้าผา


      ครืด.......


      เคส!! ” คริสรีบโผตัวกระโดดตามเด็กหญิงลงไปด้านล่างทันที พร้อมกับตะโกนออกมาสุดเสียงว่า 

      พวกนายรีบหนีไปก่อน.....เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง.....


      แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดเจนนักแต่เด็กชายก็ได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กระโดดตามเขาลงมาจากด้านหลัง ทันใดนั้นเองเสียงตะโกนของเด็กห้าคนก็ดังขึ้นพร้อมกัน


      คริส! มันลงข้างล่างตามนายไปแล้ว ระวังตัวด้วยนะ!!!!!!!! ”


      เออ!! รู้แล้วพวกนายรีบไปตามผู้ใหญ่มาแล้วกัน ฉันจะหาทางหนีเอง ไปเร็ว!!!!!! ” คริสตะโกนสวนกลับไป


      ได้!! ” เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับเสียงวิ่งของเด็กทั้งห้า


      ไม่เป็นไรใช่ไหมเคส? คริสถามอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของเด็กหญิง


      จ๊ะ.....ขอโทษด้วยนะ...... เธอกล่าวด้วยริมฝีปากที่ขาวซีดไม่ต่างจากสีหน้าของเธอ ควันสีขาวที่มาจากลมหายใจคลุ้งออกมาราวกับควันไฟจากรถจักรไอน้ำ ดวงตาเหม่อลอยราวกับไร้วิญญาณ........


      .....ม...ไม่...ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ฉันต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษ เขากล่าวก่อนคว้ากิ่งไม้ขนาดพอมือขึ้นมา ฉันจะปกป้องเธอเองนะ....ไม่ต้องห่วง เธอจะต้องไม่เป็นอะไร......


      ค....คริส.... เสียงอันแผ่วเบาของเด็กหญิงดังขึ้น


      แซก.....แซก.....แซก.....


      เสียงของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ค่อยๆแหวกพงหญ้าเข้ามาหาเด็กทั้งสองอย่างใจเย็น เด็กชายกำกิ่งไม้ในมือจนแน่น


      เข้ามาสิ....เข้ามา..... เขากระซิบกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับที่มือของเขากำกิ่งไม้ให้กระชับแน่นขึ้น.....แน่นขึ้น.............

       

      To be continue.....chapter 3.....
      [Halloween]Treat my Soul (III) .

       

      แฮ่ก.....แฮ่ก.....แฮ่ก..... เสียงหอบหายใจของเด็กชายดังขึ้นเป็นระยะๆ หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ดวงตาสีฟ้าใสค่อยๆตีบเล็กลงเพื่อจับจ้องศัตรูตรงหน้า


      แซก.....แซก.....แซก.....


      เสียงของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่แหวกพงหญ้าค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ......

      หูของเด็กชายค่อยๆถูกรบกวนด้วยเสียงหัวใจเต้นที่ดังราวกลองชุด......กระทั่งเขาไม่สามารถได้ยินเสียงแหวกพงหญ้าจากแขกที่ไม่ได้รับเชิญ.....แต่กระนั้นสายตาของเขาก็ยังคงมองเห็นยอดหญ้าที่ค่อยๆแหวกตัวออกอย่างชัดเจน.....


      เข้ามาสิ....เข้ามา..... เขากระซิบกับตัวเองเบาๆอีกครั้ง ก่อนจะเงื้อกิ่งไม้ไปหลังตัวเตรียมฟาดเต็มแรง .....ไม่เป็นไร......มันต้องไม่เป็นไร.......


      แซก.....แซก.....แซก............


      เสียงแหวกพงหญ้าหยุดนิ่งลงเบื้องหน้าเด็กชาย ห่างออกไปราวสองเมตรเหมือนกับว่าจะตั้งท่าโจมตีครั้งเดียวให้รู้ผล


      แฮ่ก......แฮ่ก......แฮ่ก...... แม้ว่าเด็กชายจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้างแล้วก็ตาม แต่เสียงหอบหายใจรวยระรินราวกับจะสิ้นใจของเด็กหญิงก็ยังคงดังกึกก้องในหัวของเขาอยู่


      .............. แม้ว่าเด็กชายอยากจะหันไปหาเด็กสาวที่เขากำลังปกป้องสักเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งมีชีวิตเบื้องหน้าในพงหญ้านั้นก็ทำให้เขาละสายตาไปไม่ได้สักที ...ย้าก!!!.... ด้วยความร้อนรนและความต้องการที่จะยุติเหตุการณ์นี้โดยเร็ว เด็กชายรีบโผตัวก่อนจะฟาดกิ่งไม้ใส่สิ่งมีชีวิตตรงหน้าสุดแรงที่มี ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าเขาจะสามารถปกป้องเด็กหญิงด้านหลังให้ปลอดภัย


      ฟุบ.......


      เสียงท่อนไม้แหวกอากาศดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด


      กิ่งไม้ที่เหวี่ยงออกไปอย่างเต็มแรงในมือของเด็กชายพลาดเป้าหมายโดยไม่โดนอะไรเลย ไม่โดนแม้แต่จะเฉียดศัตรูเบื้องหน้า......เด็กชายหน้าถอดสีทันที ไม่ใช่เพราะเขากลัวตาย....แต่เขากลัวว่าเด็กหญิงด้านหลังจะเป็นอันตรายมากกว่า


      โครม
      !!!


      ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรร่างกายของเขาก็ลงไปนอนแผ่หลากับพื้น กิ่งไม้ขนาดเหมาะมือซึ่งเป็นอาวุธชิ้นเดียวหลุดออกจากมือเขา......ที่แย่กว่านั้นคือ....สิ่งมีชีวิตนั้นได้ขึ้นคร่อมตัวของเด็กชายจนเขาไม่สามารถขยับไปไหนได้เสียแล้ว....


      เด็กชายหลับตาหยีด้วยความกลัว
      ....พ...พ่อ...แม่..ช่วยด้วย..... เขากล่าวอย่างหมดหวัง ภาพต่างๆในอดีตพุดขึ้นมาเต็มหัวของเขา น้ำตาค่อยๆปริ่มขึ้นที่ขอบตา ....ขอโทษนะเคส....ที่ฉันปกป้องเธอไม่ได้.....


      ไม่นานนักเด็กชายก็สัมผัสได้ว่าสิ่งที่คร่อมตัวเขาอยู่นั้นกำลังเอาลิ้นมาลูบที่แก้มเขาช้าๆ ความสากและความร้อนของลิ้นแผ่ซ่านเข้าสู่หัวสมองของเขา น้ำเหนียวข้นติดแก้มเป็นแนวยาวตามทางผ่านของลิ้น เด็กชายรีบควานหากิ่งไม้ที่หลุดมือไปในทันที ในหัวเขาคิดได้ว่าตอนนี้แหละ...ตอนนี้ล่ะโอกาสสุดท้ายแล้ว...ถ้าพลาดไปล่ะก็....


      ย้าก
      !!


      ทันทีที่เขาจับกิ่งไม้ได้ถนัดเด็กชายก็รีบเหวี่ยงแขนใส่สิ่งที่คร่อมเขาทันที คราวนี้กิ่งไม้เข้าเป้าหมายอย่างจัง.....สมดั่งที่เด็กชายหวังไว้


      เอ๋งงงง
      !!


      เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังก้องขึ้นก่อนที่สิ่งมีชีวิตนั้นจะกระโจนถอยห่างจากตัวเด็กชาย


      อ้าว...สป๊อต!!!.... เด็กชายกล่าวหลังจากลุกขึ้นมายืน ภาพตรงหน้าของเขาคือหมาพันธ์ทางลายจุดตัวหนึ่งกำลังตัวขดหงอด้วยความกลัว ...มานี่มา...ขอโทษนะตามฉันมาเพราะเป็นห่วงหรือ....ฮะฮะฮะ เดี๋ยวสิ...อย่าเลีย เด็กชายโยนไม้ในมือทิ้งไป ก่อนจะยันหมาพันธ์ทางให้ออกห่างจากตัว เจ้าตัวนี้เป็นหมาที่ผมเลี้ยงไว้เองครับ ไม่ต้องกลัวนะเคส.....โรรันนี่ก็กลัวไม่เข้าเรื่อง แหกปากตะโกนออกมาได้......


      กิ่งไม้ที่เปื้อนเลือดจางๆ อันเนื่องมาจากการกำไม้ในมือจนแน่นของเด็กชายหล่นลงข้างๆตัวเด็กสาว....กลิ่นเลือดจางๆลอยตามลมจนเข้าจมูกของเธอ....


      ...เลือด.... เธอบ่นพึมพัมออกมาเบาๆทั้งๆที่ในหัวของเธอตอนนี้ว่างเปล่า สีหน้าของเธอซีดขาวราวกับซากศพ ลมหายใจที่เคยพ่นออกมากระทบอากาศจนเป็นควันสีขาว......บัดนี้ขาดห้วงราวกับรถไฟที่จะเข้าจอดชานชะลา ....กลิ่นเลือดนี่....เลือดของ....เธอหรือ...คริส....


      เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ? เด็กชายถามพลางจูงหมาไปหาเด็กหญิงตรงหน้า แย่แล้ว!! เป็นอะไรมากรึเปล่า?!! ” เด็กชายรีบกระโจนไปดูอาการของเด็กสาวในทันทีที่เห็นสีหน้าอันซีดเซียวราวกับศพของเธอ


      กรรรรรรรร
      !!!


      สุนัขของเด็กชายร้องขู่ราวกับเห็นศัตรูทันทีที่เด็กชายออกห่างจากตัวของมัน คมเขี้ยวถูกแยกออกจากันราวกับจะฆ่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า


      ไม่เป็นไรหรอกสป๊อต.....เพื่อนใหม่ของฉันเอง.....ใจเย็นๆ..... ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของเด็กชายก็พลันมีเสียงร้องโหยหวนดังก้องขึ้นมาจากทิศทางที่เด็กคนอื่นๆวิ่งหนีไป

       

      .............ช่วยด้วย!!! ไม่อย่าเข้ามา.............

      ............กรี๊ด!!!..............

      ............อ้ากกกกก!!!..............

      ............ออกไปนะ อย่านะ!!!..............

       

      เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดดังขึ้นมาราวกับเจ้าของเสียงกำลังถูกฆ่า

      เสียงเฉือนเนื้อหั่นกระดูกดังแว่วมาตามสายลม ซึ่งหอบพัดเอากลิ่นคาวเลือดมาเป็นหลักฐาน.....กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งชวนอาเจียน


      โรรัน! พวกเรา! สป๊อตไปดูน้องฉันหน่อยแล้วเดี๋ยวฉันจะตามไป คริสออกคำสั่ง

      ราวกับเรื่องโกหก เมื่อสิ้นเสียงเจ้านายสุนัขเบื้องหน้าก็กระโจนปีนขึ้นหน้าผาไป ก่อนจะแบนหน้าวิ่งไปทางต้นลมอย่างสุดแรง


      ไม่น่าเชื่อ...ปกติไม่เห็นจะทำตามคำสั่งเลยนี่.... เด็กชายกล่าวก่อนก้มตัวลงข้างๆเด็กสาว ขอโทษนะ แต่เราคงต้องรีบไปแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าพวกนั้นอาจเจอปีศาจฆาตกรตัวจริงก็ได้....เรารีบหนีกันดีกว่า......


      ......
      k or Treat ? ...... เสียงที่เบาราวเสียงกระซิบดังแว่วขึ้นมา


      มีอะไรงั้นหรือ? เราต้องรีบไปนะ คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ....ไปไม่ไหวงั้นหรือเคส?.....


      ......
      Trick or Treat ? ...... น้ำเสียงที่แผ่วเบาดังขึ้นมาจากปากของเด็กสาวอีกครั้ง


      ไม่ใช่เวลามาพูดแบบนี้นะเคส! ” เด็กชายกล่าวอย่างหัวเสีย เขาเอื้อมมือไปยกหญิงสาวขึ้นมาพาดหลังก่อนลุกขึ้นเดิน


      ......
      Trick or Treat ? ...... เด็กสาวกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้น้ำเสียงของเธอเย็นเยือกราวน้ำแข็ง


      นี่ก็บอกแล้วไงไม่ใช่ตอนนี้...... คริสหันไปกล่าวกับเด็กสาวบนหลังเขา ....กำลังคิดว่าจะตอบอันไหนเมื่อเจอเจ้าปีศาจนั่นสินะ.....ก็ตอนนั้นโซล่าก็บอกแล้วไงว่าให้ตอบ
      Treat


      คิก.... เด็กสาวหัวเราะเบาๆ
      ....Treat สินะ.....


      อ๊ากกกกกกก


      เด็กชายล้มตัวลงกับพื้นพร้อมกับเลือดจำนวนมากที่ไหลทะลักออกมาจากด้านหลังของเขา มือขวาของเด็กสาวทิ่มทะลุผ่านไขสันหลังของเด็กชายเข้าไปจนเกือบมิด เธอมองเด็กชายตรงหน้าราวกับงูจ้องมองเหยื่อ


      ปีที่แล้วเจ้าพวกเด็กนั่นดันตอบกลับมาว่า อย่ามาล้อเล่นกันน่า (
      Trick = ล้อเล่น) ฉันเลยขาดวิญญาณที่ต้องได้รับในปีนั้นไป.....ซึ่งก็ทำให้ฉันสูญเสียความจำไปส่วนหนึ่ง น่าเสียดายปีที่แล้วนายขอตัวกลับบ้านไปก่อนจะเกิดเรื่องขึ้น แต่ขอบใจนะถ้าไม่ได้กลิ่นเลือดของนายฉันคงดึงความทรงจำกลับมาไม่ได้ เธอแสยะยิ้ม .....ถ้านายตอบว่า Trick ฉันคงต้องฆ่านายเหมือนเด็กที่ฉันฆ่าในปีที่แล้ว ....แต่นายตอบว่า Treat ดังนั้นฉันจะขอวิญญาณนายไปล่ะนะ


      ....อ๊อก..ท....ทำไมกันล่ะ....... เด็กชายกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา สีหน้าเขาซีดเซียวเนื่องจากเลือดจำนวนมากไหลทะลักออกจากร่างกาย


      ทำไม? ทำไมอะไรงั้นหรือ? ง่ายๆก็ฉันเป็นปีศาจนี่นา เธอกล่าวพร้อมกับค่อยๆดึงมือข้างที่ปักเข้ากลางหลังของเด็กชายออกช้าๆ ฉันเป็นปีศาจที่ต้องการวิญญาณมนุษย์ ในหนึ่งปีฉันจะสามารถออกมาจากที่กุมขังได้หนึ่งครั้ง.....ซึ่งก็คือวันนี้ เธอก้มหน้าลงหาเขาที่ด้านหลังก่อนจุมพิตเขาที่แก้มอย่างนุ่มนวล ถ้าปีไหนฉันไม่ได้รับวิญญาณมนุษย์ปีนั้นฉันจะเสียความทรงจำในส่วนที่เป็นปีศาจไป และในปีถัดมาถ้ายังไม่ได้วิญญาณอีก....ฉันก็จะตาย มันเป็นคำสาปที่เราเผ่าพันธุ์ปีศาจได้รับมาแต่กาลก่อน.....


      .....ถ้า.....อย่างนั้น...... เสียงที่กล่าวออกมาของเด็กชายขาดหายเป็นห้วงๆ ดวงตาของเขาเริ่มปิดลง เนื้อตัวเย็นราวซากศพ


      .....แต่ฉันดีใจนะ เพราะคนให้วิญญาณฉันปีนี้เป็นคนที่ฉันรัก.... เมื่อกล่าวจบเธอก็ดึงมือออกมาจากหลังของเด็กชาย.....ซึ่งทำให้เลือดจำนวนมากไหลพุ่งออกจากปากแผลจนเด็กสาวถูกของเหลวสีแดงข้นชโลมย้อมเป็นสีแดง ในมือของเธอมีกลุ่มก้อนแสงสีขาวใสอยู่....มันหมุนวนไปมาในกำมือเธอราวกับมีชีวิต ขอบใจแล้วก็ขอโทษนะ.....ทั้งๆที่ฉันแอบหลงรักเธอแท้ๆ....คริส เมื่อสิ้นเสียงเธอก็กลืนก้อนแสงนั่นลงคอไป


      พี่เคส! ช่วยด้วย!.... เสียงร้องโหยหวนของเด็กสาวฝาแฝดดังขึ้นมาจากด้านบน เมื่อเด็กสาวหันขึ้นไปก็พบกับพ่อและแม่ของเธอกำลังอุ้มเด็กฝาแฝดลงมาจากท้องฟ้ายามรัตติกาลที่มืดมิดไร้แสงใดๆ


      พี่คริส! เลือดนั่นพี่เคสเป็นอะไรรึเปล่าคะ! ” เมื่อถึงพื้นดินเด็กสาวฝาแฝดก็เห็นภาพที่แดงฉานไปด้วยเลือด พี่เคสรีบหนีไปคะ คนพวกนี้คือปีศาจฆาตกร!!.....พวกเขาฆ่าโรรัน ฆ่าแกรน ฆ่าทุกคน...... เด็กสาวทั้งสองตะโกนเตือนด้วยความหวังดี แต่เสียงที่ทั้งคู่ได้ฟังต่อมากลับทำให้ทั้งเด็กสาวสองแทบสิ้นสติ


      สวัสดีคะคุณพ่อคุณแม่ ปีนี้กินอิ่มรึยังคะ? น้ำเสียงของเด็กสาวที่ทั้งตัวเปราะไปด้วยคราบเลือดฟังดูไร้เดียงสา เสื้อดิบสีดำที่เธอสวมใส่บัดนี้ถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดง เธอจับชายกระโปรงที่เปียกแฉะก่อนโค้งตัวต้อนรับผู้เป็นบิดามารดาอย่างสุภาพ ปีนี้ต้องย้ายที่อยู่สินะคะ?


      ใช่แล้วจ๊ะที่รัก ผู้เป็นแม่กล่าวพร้อมน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยู่ ในที่สุดก็หายดีแล้วนะ? แม่เป็นห่วงแทบแย่?.....


      พ่อกับแม่กินอิ่มแล้วล่ะ ว่าแต่ลูกเถอะ....ครั้งนี้ต้องเดินทางไปอีกไกล ลูกมากินสองคนนี้ก่อนเถอะนะจะได้มีแรง ผู้เป็นพ่อกล่าวเสริมก่อนจะจับแขนยกตัวฝาแฝดทั้งสองขึ้นฟ้าราวกับจับปลาที่หาง เด็กสาวฝาแฝดทั้งสองที่ลอยอยู่กลางอากาศดิ้นรนหนีตายอย่างไม่คิดชีวิต


      โกหกใช่ไหมคะพี่เคส! ”


      ไม่จริงใช่ไหมคะพี่..... ทั้งสองกล่าวออกมาพร้อมน้ำตาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

      เด็กสาวผมหยักศกในชุดเปื้อนเลือดสีแดงฉานค่อยๆเดินเข้าหาเด็กสาวทั้งสองช้าๆ เธอยกแขนทั้งสองข้างขึ้นจับใบหน้าของฝาแฝดทั้งสองให้หันมองมาทางเธอ ก่อนจะแสยะยิ้มจนมองเห็นเขี้ยวขนาดใหญ่ที่มุมปาก.....เธอขยับปากขึ้นลงเบาๆราวกับกระซิบ

       

      ...... Trick or Treat ? ......

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×