ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Etolus boxes (กล่องอีทูลัส)

    ลำดับตอนที่ #33 : ยาพิษ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 29
      0
      19 ก.ค. 62

                เมื่อเขาหมดเวลาที่จะล้อเล่น  หมดเวลาที่จะเสแสร้งเป็นมนุษย์  หมดเวลาที่จะเล่นเป็นนักศึกษาทุนพิเศษของมหาวิหาร                      บุรุษผมเงินก็เดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของอาร์คบิชอปแห่งซางตานีโอกลางดึก   ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร  แต่รอยยิ้มนั้นกลับค่อยๆยิ้มแสยะออกมา  ดวงตาสีทองคู่นั้นอยู่ๆก็เริ่มฉายแววอำมหิตเลือดเย็นจนน่าขนลุก     บัดนี้หนึ่งในขุนพลปีศาจยุติการอำพรางตัวตน   แล้วปล่อยอำนาจมืดออกมาภายในอาณาเขตของมหาวิหารอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดอีกต่อไป


                คิดจะเดินหมากแข่งกับข้าหรือ .....   .กาเบรียล!


    หนึ่งในขุนพลปีศาจฉีกยิ้มออกมาในความมืด  เขาทำลายอาคมคุ้มกันมหาวิหารของหนึ่งในเจ็ดอัครทูตสวรรค์ลงอย่างง่ายดาย  ก่อนจะเดินอย่างไม่รีบร้อนนัก  ก้าวเนิบๆตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของอาร์คบิชอปแห่งซางตานีโอ  ที่ยามนี้ยังคงมีแสงไฟสว่างลอดออกมาภายนอก         แต่ขุนพลปีศาจกลับต้องหยุดลง   เมื่อมีผู้ที่เขาคิดไว้แล้วว่าต้องมาขวางแน่ๆ  ยืนนิ่งๆขวางทางอยู่ตรงหน้า


                  ผมไม่ยอมให้ปีศาจอย่างคุณเข้าถึงตัวท่านกาเบรียลได้หรอก ! แซม!


    แสงจันทร์ยามค่ำคืนสว่างไสวจนเห็นเจ้าของดวงตาสีเดียวกันกับเขา  กำลังจ้องกลับมาด้วยแววตาแสดงความเป็นศัตรู  เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจสุดขีดและก้าวเท้าเข้ามาขวาง   พร้อมกับประกาศสงครามกับเขา  ด้วยรู้แน่ชัดแล้วว่า  แซมแห่งลอร์แซมเบิร์กคือหนึ่งในเจ็ดขุนพลปีศาจ 


                “ฉันเคยบอกนายไปแล้วใช่มั้ย   เกรย์ ฟีเดอาโก้  บริสตั้น!

      แซมเอ่ยขึ้นเสียงห้วน พร้อมกับลงเสียงแข็งกร้าวเมื่อเรียกชื่อของเด็กหนุ่ม 


                “ว่านาย.... มันกระจอก! 


    แซมเน้นย้ำคำพูดดูแคลนที่เคยพูดออกไป   แต่ดูเหมือนเจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะไม่สนใจคำพูดดูแคลนนั้นด้วยซ้ำ   เมื่อมองเห็นเจ้าเด็กผมสีเดียวกันกับเขา    ได้แอบวางระเบิด วางกับดัก  อยู่ใต้เท้าของเขาเต็มไปหมด    กับดักเวทย์ที่มีผลเฉพาะปีศาจระดับสูง ซ้ำยังมีสายสิญจน์เลเซอร์ถูกติดตั้งอย่างแน่นหนาไปทั่วทั้งทางเดิน 

     แซมเบิกตากว้างออกมาอย่างตื่นเต้น     การรับมือกับปีศาจของเด็กหนุ่มตรงหน้าสร้างความตื่นเต้นให้เขาทุกครั้ง  โดยเฉพาะของแปลกๆที่มันพกติดตัวมาเสมอ


    “ไม่เลวนี่!   หลอกฉันจนติดกับดักอาคมของนายจนได้”


    แซมหัวเราะออกมา  เพราะแม้แต่ปีศาจยังคิดไม่ถึงเลยว่า  ขนมขบเคี้ยวที่เจ้าหนูนั่นถือมาเนียนกินที่ชั้นเรียนบ่อยๆนั้น  ทุกชิ้นทุกก้อนเมื่อถูกมันโปรยลงพื้น    จะอัดแน่นด้วยสุดยอดอาคมเพื่อจัดการกับปีศาจชั้นสูง   แซมยังคงดูสนุกสนานแม้ตัวเขานั้นจะติดกับดักแน่นจนขยับไม่ได้


    “สมกับเป็นผู้พิฆาตความมืดชั้นเซียนดังที่เขาร่ำลือกัน”


    ปีศาจแซมกล่าวชื่นชมอย่างร่าเริง  แต่ฟีเดอาโก้ไม่เล่นด้วย   เด็กหนุ่มรีบรัดสายสิญจน์เลเซอร์ให้แน่นที่สุด  เขาจะไม่ยอมให้ปีศาจตนนี้หลุดไปได้อย่างเด็ดขาด


    “นายน่ะ    คิดจริงๆหรือ ?  ว่าของพวกนี้จะผนึกฉันได้”


    คราวนี้แซมหัวเราะลั่น  ทันใดนั้นใบหน้ายิ้มแย้ม และดวงตาสีทองเป็นมิตร  ก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นน่าขนลุก  ปีศาจแซมจ้องมองกลับไป พร้อมกับยิ้มแสยะ  ให้กับผู้ที่กล้ามาขวางปีศาจอย่างเขา


    “นายน่ะ เมื่อก่อนเคยทำได้มากกว่านี้ไม่ใช่หรือ?” แซมว่าพร้อมทำเสียงเย้ยหยัน

    “นายน่ะ  แค่พูดออกมาคำเดียว  ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่นายต้องการแล้วนี่ !


    เสียงเย้ยหยันนั้นดังเข้าโซนประสาทของเด็กหนุ่ม  ฟีเดอาโก้สะดุ้ง เมื่ออยู่ๆเขาก็เริ่มปวดศีรษะอย่างรุนแรง

    และเรื่องที่น่าตกใจกว่านั้น    ก็คือเรื่องที่เจ้าแซมนั่น มันรู้เรื่องที่เขามีอำนาจวาจาสิทธิ์     เจ้านั่นรู้ได้ยังไง!


                “หุบปาก!

    เด็กหนุ่มร้องลั่น   แต่แซมไม่หยุด 

    “คงถูกพวกมันเด็ดแขนเด็ดขาไปแล้วละสิ!   น่าสังเวช!

    “พูดเรื่องอะไร!

    “ก็เรื่องที่นายไม่ทันเกมพวกนั้นยังไงเล่า”

    คราวนี้ฟีเดอาโก้มองแซมตาปริบๆ   

    “ถามจริงๆนี่นายไม่รู้หรือ   ว่านายถูกเทวดานั่นผนึกความทรงจำ!


    คำพูดของแซมเสียดแทงจิตใจเขา    เด็กหนุ่มจำอะไรไม่ได้ตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองซางตานีโอ   สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับตัวเองนั้นมีแค่ว่า  เขาคือคนตระกูลบริสตั้น  เป็นเกรย์ อีทูลัส  ผู้ใช้วาจาสิทธิ์   กับข้อมูลก่อนหน้านี้ที่ว่า เขาเป็นทาส  และอาร์คบิชอปกาเบรียลซื้อตัวมาจากลอร์แซมเบิร์กด้วยค่าตัวราคาสูงลิบ


                “ ฉันจะบอกอะไรนายสักอย่างนะ   ผู้หญิงที่ชื่อ เคนิส นั่น!   จริงๆแล้วถูกส่งมาจากซิลเทียเรสเพื่อควบคุมนายโดยเฉพาะ”


    คำพูดของแซมเปลี่ยนจากเย้ยหยันเป็นร้อนรน   แววตาที่เคยเยือกเย็น เปลี่ยนเป็นเคียดแค้นชิงชัง


                “แล้วนายไม่รู้หรือ?  ว่าพวกมันนั่นแหละ    ใช้ลิ่มอาคมตอกตรึงนายไว้ในสุสานโบราณ มาตลอดหลายพันปี!


    ข้อมูลที่ได้ยินมานั้นทำให้เด็กหนุ่มได้แต่ตกตะลึง  เมื่อก่อนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา  เรื่องที่แซมพูดมานั้นเชื่อได้จริงๆหรือ          

                                                                         

                “นายต้องทุกข์ทรมานอยู่ในนั้น   หนึ่งพันปี  สองพันปี  สามพันปี สี่พันปี  ห้าพันปี!  ไลท์ กับดาร์ค บริสตั้น พี่น้องของนาย เอาของอย่างนั้น  อย่างลิ่มอาคมนั่น ผนึกนายเอาไว้    นายทรมาน นายร้องโหยหวน มานานแสนนาน   ไม่มีใครคิดจะช่วยนายออกมาหรอกนะ ฟีเดอาโก้   มีแค่ฉัน แซมคนนี้เท่านั้น.....”

                “นี่แก.....พูดบ้าอะไรออกมา  ไอ้ปีศาจ!

                “หึ  !  จะเชื่อหรือไม่ก็ลองถามใจนายดูสิ     ถึงจะจำไม่ได้ แต่ความรู้สึกทรมานอันเนิ่นนานนั้น   ฉันเชื่อว่านายจำได้อย่างแน่นอน”


    แซมพยายามสงบสติอารมณ์   ก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นแซมในยามปกติที่มักจะยิ้มแย้มแจ่มใส  บุรุษผมเงินเห็นเด็กหนุ่มที่กำลังตกใจจนยืนค้างนิ่งราวกับถูกอาคมของตนย้อนกลับก็ยิ้มร่าออกมา


    “นายจะเชื่อฉันหรือไม่ก็เป็นเรื่องของนายฟีเดอาโก้    แต่ขอบอกไว้เลยว่า  ทั้งตระกูลบริสตั้น  และเทวดาพวกนั้นไม่มีใครไว้ใจนาย”


    บัดนี้แซมหลุดจากอาคมของฟีเดอาโก้ได้แล้ว   เขาไม่ได้ทำสิ่งใดนอกจากพูด  พูดในสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม  แซมยังไม่ได้ใช้พลังปีศาจใดๆ  เขาก็หลุดออกมาจากอาคมได้อย่างง่ายดายแล้ว   รอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของเขายิ่งกว้างขึ้น  เมื่อเห็นว่า ความทรงจำที่เทวทูตองค์นั้นได้ผนึกไว้กำลังจะคลายลง   แซมจึงรีบตรงดิ่งเข้าไปหาฟีเดอาโก้    ก่อนที่จะกระซิบเบาๆด้วยเสียงเยือกเย็นเป็นภาษาปีศาจข้างๆเด็กหนุ่ม


    “ฉันเชื่อว่านายต้องจำชื่อจริงของฉันได้แน่”

    “ชื่อ....”

    “ใช่  ชื่อของฉันที่เคยบอกนาย เมื่อนานแสนนานมาแล้ว”

                ฟีเดอาโก้พยายามนึกเท่าไรก็เหมือนมีบางอย่างขวางกั้นเอาไว้  หัวของเขาปวดระบมจนแทบระเบิดออกมา

                “ฉันจะให้คำใบ้นายก็ได้”

    แซมขยับไปกระซิบข้างหูเด็กหนุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า

                “ชื่อของฉัน   หมายถึง  “ยาพิษ!” ยังไงล่ะ”


                สิ้นคำนั้นแซมก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา   เด็กหนุ่มถูกคำพูดของปีศาจปั่นหัวจนมันหลุดออกจากอาคมไปได้   ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นบัดนี้เขาถูกยาพิษของปีศาจตนนั้นเล่นงานเข้าอย่างจัง    ตัวเขาขยับไม่ได้   ไม่สามารถแม้แต่ขยับปากเปล่งเสียงใดๆได้   ครั้งก้มมองโดยรอบ เขาก็ไม่รู้สึกถึงคำสาปร้ายใดๆ   เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วตัดสินใจหลับตาลงตรวจสอบภายในกล่องอีทูลัส   ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นโซ่ตรวนแปลกประหลาดน่าขนลุก    นอกเหนือจากโซ่ที่พันธนาการจอมปีศาจลูซิเฟอร์เอาไว้   มันยังมีโซ่ตรวนสีดำสนิท  น่าขยะแขยงกำลังพัน รัดรอบตัวเขาไว้แน่น  นี่เอง!  ความร้ายกาจของปีศาจตนนั้น   แซมไม่ได้โจมตีหรือทำร้ายผู้ใดให้เจ็บปวดทางกาย   แต่เจ้านั่นจู่โจมจิตใจฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเด็ดขาด   หากมีช่องว่าง  หากมีจุดอ่อน  ย่อมไม่อาจรอดพ้นจากการโจมตีของเขาไปได้


                “แซม !นี่นะหรือความสามารถของนาย !


    เขาหาทางหลุดออกจากโซ่ตรวนนั้นไม่ได้  เด็กหนุ่มพยายามหาวิธีแก้ไขคำสาป  แต่ดูเหมือนโซ่ตรวนนั้นจะรู้ทันไปเสียหมด    มันขยับเคลื่อนไหวและมัดเขาแรงขึ้น   ทันใดนั้นพอมองดูชัดๆ  มันกลับไม่ใช่โซ่ตรวน  แต่นั่นคืออสรพิษ  งูร้ายสีดำสนิทแยกเขี้ยวพร้อมขู่ฟ่อๆ  

                นี่เองตัวจริงของหมอนั่น !

    ครั้นเมื่อออกมาจากภวังค์   เด็กหนุ่มก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อถนนเข้าสู่มหาวิหารกำลังค่อยๆกลายเป็นสถานที่อื่นซึ่งเขาไม่รู้จัก  ตัวเขานอกจากจะขยับไม่ได้   ยังโดนลากเข้าสู่เขตแดนของปีศาจ!


                “เสร็จกัน!


    แล้วทันใดนั้น  เด็กหนุ่มที่ได้แต่ยืนแข็งทื่อเหมือนหิน ก็ล้มตึงไปกับพื้น   เขาถูกพิษร้ายของปีศาจเข้าเล่นงาน ตาของเขามืดสนิท   และอยู่ๆก็หมดสติไป  เขาไม่รับรู้สิ่งรอบตัวแต่ว่าในยามนี้  เขากลับเริ่มจำสิ่งหนึ่งได้

            “ฉันใช้ยาพิษ แก้คำสาปที่เทวดานั่นผนึกนายให้แล้ว  ตอนนี้ก็รีบตื่นขึ้นมาจริงๆเสียเถอะ นายท่านของข้า”

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                กลางดึกคำคืนที่ดูเหมือนจะเงียบสงบ แต่จิตใจของเขาในยามนี้มันหาสงบลงไม่   ข้อความจากซิลเทียเรส ที่ราวกับจะประกาศสงครามกับซางตานีโออยู่รอมร่อ   ได้สร้างความวุ่นวายใจเป็นอย่างมากให้กับเขา     ทั้งเรื่องโรคระบาดจากลอร์แซมเบิร์ก  ทั้งเรื่องที่เหมือนถูกคนภายในทรยศหักหลัง  ทั้งที่เชื่อมาตลอด  แต่สุดท้ายก็แค่ถูกหลอกลวง


                            “กาเบรียล!


    นัวร์ โครวิส เจ้าเมืองซางตานีโอร้องลั่นออกมาด้วยความโมโหสุดขีด    เขาบุกมาถึงที่ทำการมหาวิหารทันทีเมื่อได้อ่านบันทึกสนธิสัญญาที่แซมแห่งลอร์แซมเบิร์กได้แปลให้   ทั้งเรื่องของกล่องอีทูลัส   เรื่องการแอบซื้อตัวปีศาจจากลอร์แซมเบิร์ก เข้ามาเลี้ยงดูในเมืองซาตานีโอ


                            “ท่านช่วยพูดมาหน่อยเถอะว่าข่าวที่ข้าได้มามันไม่ใช่เรื่องจริง  กาเบรียล!


    นัวร์ ตวาดลั่น เขายกมือฟาดโต๊ะโครมๆ อย่างเจ็บใจ   แต่อาร์คบิชอปตรงหน้าก็ยังเอาแต่เงียบกริบ  ดวงตาสีฟ้าของอาร์คบิชอปดูเศร้าๆและตึงเครียดไม่แพ้กัน


                            “กาเบรียล!


    นัวร์ยิ่งคำรามลั่น  จนอาร์คบิชอปผู้สูงสักดิ์ ต้องค่อยๆเหลือบมามองหน้าเขา  พร้อมกับขยับริมฝีปากบอกกลับไปอีกเรื่องหนึ่ง


                            “ท่านไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับผู้มาจากความมืด”


    กาเบรียลเอ่ยปรามเสียงแผ่วเบา  ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นฉายแววจริงจังและดูเหมือนว่า กาเบรียลจะรู้เรื่องที่เขาแอบสืบทุกอย่าง และรู้แม้กระทั่งการที่เขาได้สมคบคิดกับหนึ่งในเจ็ดขุนพลปีศาจ


                            “แล้วจะทำไม!  นัวร์ตะคอกกลับ

                            “ในเมื่อปีศาจได้บอกความจริงกับข้าทั้งหมด  แต่ว่าท่าน!  กาเบรียล! ท่านกลับปิดบังข้า!


                เจ้าเมืองซางตานีโอยิ่งร้องลั่นด้วยความโมโห   เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด    มองดูอาร์คบิชอปตรงหน้าที่ยังนั่งนิ่ง ราวกับต้องการคำตอบที่ดีพอ กว่าการบอกเขาว่า “ไม่ควรยุ่งกับผู้มาจากความมืด”


                “แซมบอกข้าทุกอย่างแล้ว  ขอร้องเถอะ! กาเบรียล ท่านช่วยแก้ตัว หรือยกเหตุผลอื่นๆมาแก้ต่างให้ตัวท่านเองก็ได้  หรือไม่ท่านช่วยตอบข้าทีเถอะ ว่าสิ่งที่ข้ารับรู้มาทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหกที่ปีศาจตนนั้นเป็นผู้สร้างขึ้น!


                เจ้าเมืองซางตานีโอว่าพลางวางเอกสารทั้งหมดที่เขาได้ให้แซมแห่งลอร์แซมเบิร์กสืบค้นมาให้      ทั้งเรื่องราวของตระกูลบริสตั้น   รวมถึงการลักลอกซื้อตัว  เกรย์ ฟีเดอาโก้  บริสตั้น ผู้เป็นปีศาจแห่งลอร์แซมเบิร์ก ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนเกือบได้คร่าชีวิตผู้คนหมดทั้งเมืองนั้นมาแล้ว    แต่ปีศาจตัวอันตรายที่สุดกลับถูกอาร์คบิชอปตรงหน้านำเข้ามาในเมืองของเขา  ซ้ำยังปกปิดเขาทุกอย่าง   ขัดขวางเขาทุกอย่าง  แล้วเช่นนี้จะให้เขาเชื่อใจได้อีกหรือ!


                “ปีศาจตัวอันตรายขนาดนั้น  ท่านจงนำออกไปจากซางตานีโอของข้าซะ!


    กาเบรียลจ้องเขม็งมองไปยังเจ้าเมืองตรงหน้าทันที  อาร์คบิชอปค่อยๆหยิบเอกสารต่างๆที่เจ้าเมืองนัวร์วางไว้บนโต๊ะขึ้นมาแล้วถอนหายใจ


                “ท่านนัวร์  ต่อให้ท่านไล่เด็กคนนั้นออกไปเมืองอื่น  ก็ไม่ได้ช่วยให้ท่านและซางตานีโอปลอดภัย  แต่เกรย์ บริสตั้น  ปีศาจที่ท่านจะขับไล่ออกไปนั้นตั้งหาก  คือผู้ปกป้องเจ็ดมหานครสุดท้ายเอาไว้”


    “นี่มันหมายความว่ายังไง” นัวร์ถามเสียงห้วน

    “สหายของท่านไม่ได้บอกหรือ   เกรย์ ฟีเดอาโก้ บริสตั้น ปีศาจที่ท่านขับไล่ และเป็นปีศาจที่ลอร์แซมเบิร์กพยายามจะฆ่าให้ตายนั้น   แท้จริงแล้วคือกล่องอีทูลัสใบสุดท้าย   กล่องใบนี้ได้ผนึกวิญญาณของจอมปีศาจลูซิเฟอร์เอาไว้ภายใน”


    นัวร์ได้ยินก็หน้าซีดตัวสั่นเทา    ไอ้ตำนานนั้นมันเป็นเรื่องจริงหรอกหรือ  เขาเชื่อมาตลอดว่า โลงผุๆสามใบในพิพิธภัณฑ์กลางเมืองนั้นเป็นกล่องอีทูลัส  และเรื่องที่จอมมารลูซิเฟอร์ถูกกักขังเอาไว้ในนั้นเป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อหารายได้เข้าเมืองมาตลอด


       “ข้าขออภัยท่านนัวร์    ข้าจำเป็นต้องปิดบังท่าน  พวกเรานั้นพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกันพวกมนุษย์ให้ออกห่างจาก    กล่องอีทูลัสให้มากที่สุด   ออกห่างจากสงครามสวรรค์  แต่ปีศาจนั้นไม่”

    กาเบรียลเล่าจบ  เขาก็มองเจ้าเมืองตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด 

    “กาเบรียลท่านกำลังจะบอกข้าว่า ......”

    “ท่านนัวร์..... พวกปีศาจทำอะไรลงไป ในประวัติศาสตร์ของซางตานีโอและเมืองอื่นๆบ้างล่ะ”


    นัวร์นิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำถามของกาเบรียล เขาได้รู้หมดทุกอย่างเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ได้ถูกบรรพบุรุษลบทิ้งไป  รวมถึงการล่มสลายของทวีปต่างๆล้วนเกิดจากการมีปีศาจได้ยื่นมือเข้ามายุ่ง


                “เหล่าผู้อยู่ในความมืดนั้น ปรารถนาสิ่งเดียว  นั่นคือบดขยี้มวลมนุษย์  และเตรียมแผ่นดินนี้รอต้อนรับเจ้านายของพวกเขา   พวกปีศาจนั้นพยายามดึงมนุษย์ให้เข้าสู่สงครามเสมอ  ข้าพูดถูกหรือไม่ ท่านปีศาจผู้มาจากความมืด”  


                พริบตาเดียวที่เล่นเอาห้องทั้งห้องร้อนระอุ   อยู่ๆพลังปีศาจที่แม้แต่มนุษย์ปกติก็ยังสัมผัสได้ก็ปรากฏขึ้นยังเก้าอี้อีกตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนั้น  บุรุษผมเงินในชุดนักศึกษาของมหาวิหารกำลังนั่งไขว่ห้างฉีกยิ้มกว้างออกมา


                “ไม่ได้พบท่านกาเบรียลอย่างเป็นทางการเสียนาน  หวังว่าท่านคงสุขสบายดีอยู่นะครับ”


    วาจายียวนกวนประสาทตามประสาของแซมแห่งลอร์แซมเบิร์กดังลั่นขึ้น  เจ้าเมืองนัวร์ก็กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ  เขาไม่คิดว่าปีศาจแซมที่หาข้อมูลต่างๆให้กับเขาจะเป็นปีศาจที่ร้ายกาจมากมายอะไรนัก   ยกเว้นก็แต่ครั้งนี้ 

                ร่างกายของนัวร์สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเหลือแสน เมื่อได้เห็นแล้วว่า ปีศาจแซมแห่งลอร์แซมเบิร์กที่เขาเคยรู้จัก   กับปีศาจแซมในตอนนี้  ดูน่ากลัวผิดกันราวกับคนละคน   


                “ต้องยอมรับว่า ท่านซ่อนตัวได้มิดชิดจริงๆ  ซามาเอล”


    กาเบรียลเอ่ยชื่อหนึ่งในเจ็ดขุนพลปีศาจตรงหน้าออกมาอย่างถูกต้อง   ขุนพลปีศาจเมื่อได้ยินก็ฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี  แม้รอยยิ้มนั้นจะดูเยือกเย็นอำมหิตเพียงใดก็ตาม


                “ขอบคุณสำหรับคำชม      ท่านเองก็เดินหมากแข่งกับข้าได้ยอดเยี่ยม จนรู้สึกว่า  คงจะปล่อยท่านเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว!


    พริบตานั้นขุนพลปีศาจซามาเอลก็พุ่งโจมตีหมายเอาชีวิตอาร์คบิชอปแห่งซางตานีโอ   เคียวสีดำขนาดใหญ่พุ่งจู่โจมอย่างรวดเร็วแต่มันก็ไปหยุดกึกอยู่แค่เบื้องหน้าบุรุษผมดำอีกคน   บุรุษผมดำที่ชื่อว่า นัวร์ โครวิส เจ้าเมืองซางตานีโอที่อยู่ๆก็เอาตัวเข้ามาขวาง   มนุษย์ผู้ไม่เจียมตัวกระชากดาบสีเงินยวงออกมาเบื้องหน้า แม้ร่างกายจะสั่นเทา  หมายสู้กับหัวหน้าขุนพลปีศาจที่กำลังเบิกตากว้าง    


                “อ้าว!  ท่านนัวร์ครับ  ทำไมหันดาบนั่นมาหาผมกันเล่า”

    ปีศาจแซมที่บัดนี้กลายเป็นถึงหัวหน้าขุนพลปีศาจซามาเอลกำลังจ้องมองบุรุษตรงหน้า พลางยิ้มเหยียดออกมาด้วยความสมเพช

                “ท่านนัวร์   ดาบเล่มนี้  ท่านจะเอามาเพื่อจัดการกับคนข้างหลังท่านไม่ใช่หรือ”

    แซมว่าพลางชี้ไปที่กาเบรียล

                “คนที่ท่านแค้นเคืองมาตลอดคนนั้น   อาร์คบิชอปกาเบรียลผู้โป้ปดหลอกลวงท่านไง”


    แซมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลก มันเป็นน้ำเสียงที่ฟังดูเย้ยหยัน  และบันเทิงใจเป็นอย่างมาก   เมื่อเห็นว่า นัวร์ โครวิส กำลังจ้องกลับมาทางตนด้วยความโกรธแค้นจนร่างกายสั่นเทาไปหมด


                “แซม! แก ! 

                “อะไรกันเล่าท่านนัวร์   ผมเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างท่าน  ท่านสั่งอะไรแซมคนนี้ก็ทำให้   ไม่ว่าจะงานชั่ว งานดี งานยากขนาดไหน   แซมไม่เคยปริปากบ่น  หรือหลอกท่านเลยนะ”


    ปีศาจผมเงินหัวเราะดังลั่น     เป็นความจริงที่ปีศาจตนนี้ไม่เคยหลอกลวงเขา    มันพูดความจริงมาตลอด  และทำตามคำสั่งของเขาเป็นอย่างดีจนเขาไว้เนื้อเชื่อใจ     แต่กลายเป็นว่า  การเปิดเผยข้อมูล และการยื่นมือเข้ามาช่วยนั้น   มีเจตนาชั่วร้ายอื่นแอบแฝงเอาไว้


                “จริงสิ  ท่านนัวร์ ! ท่านเองก็ต้องตายเหมือนกัน!  วิญญาณของท่าน  ผมขอบอกไว้เลยนะครับว่า   ท่านน่ะ เป็นได้แค่ทาสของชาวนรก!


    แซมร้องลั่นออกมาอย่างสะใจ   ขุนพลปีศาจตวัดเคียวหมายคร่าชีวิตมนุษย์เดียวที่ยืนอยู่ในห้องนั้น  พลังปีศาจอันรุนแรงที่เจ้าเมืองนัวร์ไม่อาจต่อต้านอะไรได้  ตัวของเขาสั่นไปหมด ได้แต่สั่นสะท้านอย่างน่าสมเพช


                “แมรี่! พานัวร์หนีไป”

    ทันใดนั้นเมื่อสิ้นเสียงของกาเบรียล  ร่างของนัวร์โครวิส เจ้าเมืองซางตานีโอก็หายวับไปในบันดล  ดันลาฮานมาชิงตัวเขาไปแล้ว  แซมโจมตีพลาดเป็นครั้งที่สองก่อนจะส่ายหัวเบาๆด้วยความเบื่อหน่าย 


                “ช่างเจ้าสวะนั่นก็แล้วกัน   เพราะยังไงซะ พวกมันทุกคนก็ต้องตายกันทั้งเมืองอยู่ดี

      เอาล่ะกาเบรียล  คราวนี้   ท่านเองก็ช่วย!...................  หายไปซะ!

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ 

                      

    จบตอนที่   33  ยาพิษ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×