ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Etolus boxes (กล่องอีทูลัส)

    ลำดับตอนที่ #31 : ปีศาจแห่งซิลเทียเรส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22
      0
      26 เม.ย. 62

                       

                   นักพรตแห่งซางตานีโอแทบไม่มีใครมีจิตใจเป็นสุขได้เลย เมื่อเข้าสู่การเข้าเงียบในวันที่สาม  หลักสูตรรับมือกับนักรบเจตภูตเบื้องต้น รวมถึงแนวทางรับมือกับนักรบทมิฬ ถูกยัดเยียดอย่างหนักมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว  และวันนี้ นักพรตทั้งเก้าต้องรีบนำอาวุธพิฆาตเจตภูตระดับสูงใส่หีบไม้  ช่วยกันขนลงเรือดำและซ่อนอย่างมิดชิดใต้ท้องเรือ

                “เร็วเข้าเถิด หากการประชุมสภานั่นล้มเหลว  ประตูเมืองซิลเทียเรสกับซางตานีโอคงเปิดลงทันทีแน่  แล้วพวกเราจะออกจากเมืองนี้ไม่ได้นะ”

                ทั้งหมดรีบเร่งอย่างสุดกำลัง  แต่พวกเขาก็ยังกังวลใจ เมื่อสมาชิกนักพรตแห่งซางตานีโออีกคน  ได้หายตัวไปตั้งแต่หัวค่ำ  ทิ้งไว้เพียงจดหมายเล็กๆ  ที่บอกเพียงว่า

                หากข้ากลับมาไม่ทัน ขอพวกท่านจงรีบแล่นใบกลับซางตานีโอโดยเร็วที่สุด

    อาร์กัสทิ้งจดหมายเล็กๆให้กับโทมัส  นักพรตหนึ่งในคณะนักบวชแห่งซางตานีโอผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ผมสีดำสนิท  เขาคือรองหัวหน้าคณะเดินทางในครั้งนี้   และต้องเป็นหัวหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อไม่มีนักพรตอาร์กัส

     โทมัสเช็คชื่อเพื่อนๆจนครบ  ทันใดนั้นเขาก็กระโดดลงเรือ  ทั้งหมดรีบเล่นใบออกจากท่าเรือมหาวิหารซิลเทียเรส  แล้วจอดเทียบท่าอีกครั้งยังบริเวณใกล้ๆประตูเมือง

                “เราจะออกเรือทันทีหากพ้นหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว  หากรอนานกว่านั้นฉันเกรงว่าจะไม่ทันกาล”

    ทั้งหมดมองเห็นผู้คนมากมายยังบริเวณทางเข้าเมืองซิลเทียเรส ต่างเก็บข้าวของออกกันแล้ว   ไม่มีการค้าขาย จะมีเพียงผู้คนเข้าออกกันมากผิดปกติ   ด้วยทั้งหมดต่างรู้ว่าซิลเทียเรสจะเกิดสงครามใหญ่

                ไม่มีใครรอให้สิ้นสุดการประชุมสภาหรอก  เห็นชัดๆว่ายังไงก็ต้องนองเลือดแน่ๆ”โทมัสว่า

                “แล้วท่านอาร์กัสละครับ “นักพรตอีกคนถามอย่างกังวล

                “จงอย่าลืมสิว่า   ชายผู้นั้นเป็นอะไร”โทมัสตอบเสียงเรียบ

                “เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่  แต่เราจะทิ้งคนในคณะเราไว้ในซิลเทียเรสได้ยังไงกัน”อีกคนแย้ง

                “หากเขาไม่กลับมา  ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง   ที่เจตภูตอย่างเขาจะไม่ได้อยู่ฝ่ายเราแล้ว”

    คำตอบต่อมาของโทมัสทำให้ทั้งหมดเงียบกริบด้วยความตกใจ

                “ฉันคิดว่า  ท่านอาร์กัสคงรู้ดี จึงได้บอกพวกเราอย่างนั้น   เพราะถ้าเขาออกจากสถานีวิจัยนักรบทมิฬไม่สำเร็จ ก็มีแค่เหตุผลเดียวนั่นคือ  เขาถูกเปลี่ยนเป็นฝ่ายศัตรูแล้ว”

    คำพูดของโทมัสทำเอาทุกคนหน้าซีดเผือก ทั้งหมดหันไปมองทางทิศเหนือ มองตรงไปยังสถานีวิจัยนักรบทมิฬด้วยความตึงเครียด    แล้วสงครามครั้งนี้มันจะเป็นอย่างไร ในเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองในซิลเทียเรสเองก็ยังร้อนระอุ  จนจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นอยู่แล้ว   พร้อมกันนั้นยังมีกองทัพทมิฬจากนรกเตรียมพร้อมที่จะบุกซางตานีโออยู่ทุกเมื่อ

                “แล้วเราจะชนะมั้ย” บางคนถามโทมัส

                “เราจะรับมือกับปีศาจนักรบทมิฬ นั่นได้จริงๆหรือ”

    ทั้งหมดก็หันไปถามโทมัส นักพรตร่างสูงใหญ่ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ  แล้วเอ่ยสั้นๆเพียงว่า

                “จะชนะหรือไม่ จะรับมือได้หรือไม่ พวกเรา.....ก็ไม่มีทางให้หนีได้อยู่แล้วนี่”

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                อีกด้านหนึ่งนักพรตปีศาจอาร์กัสค่อยๆแฝงกายผ่านเงามืดภายในอุโมงค์ใต้ดิน  เขามาตามทางในแผนที่ของเคนิส  ก่อนจะค่อยๆดันฝาท่อระบายน้ำออกไป  

                “ให้ตาย ! เถอะ”

    พรตหนุ่มร้องออกมา   เพราะทันทีที่เขาดันตัวขึ้นจากอุโมงค์  เขาก็ถูกกองทัพหนูเจตภูตห้อมล้อมรอต้อนรับ  ด้วยเขี้ยวคมกริบราวกับสัตว์นักล่าที่กำลังหิวโซ

                จี๊ดดดดดดดดดดดด  จี๊ดดดดดดดดดด   เสียงของพวกมันดังลั่น เมื่อพบสิ่งผิดปกติ  ดวงตาสีแดงนับพันนับหมื่นตัว กำลังเล็งมาที่เขาเป็นเป้าหมายเดียว 

    หนูเจตภูตไวรัส!

    อาร์กัสคิดถึงข้อมูลนักรบปีศาจที่เพิ่งได้รับการอบรมเมื่อช่วงหัวค่ำ  มันเป็นนักรบทมิฬระดับล่างซึ่งถูกพัฒนาเพื่อใช้สอดแนม  และกัดกินสิ่งใดก็ตามที่เข้ามายังอาณาเขตของมัน  นี่เองคือหน่วยอารักขาชั้นใต้ดินศูนย์วิจัยนักรบทมิฬ  ต่อให้มีระดับล่างสุด แต่เชื้อไวรัสจากคมเขี้ยวพวกมันนั้น ก็ทำให้ติดเชื้อร้ายแรงถึงตายแทบจะทันที   และในกรณีของเขาที่ไม่สามารถตายได้  การถูกพวกมันแยกชิ้นส่วนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั้นก็ดูจะเลวร้ายยิ่งกว่า

    จี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  จี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

    พวกหนูยิ่งร้องลั่น  พวกมันเริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นๆ  ดวงตาสีแดงจำนวนมากแทบจะทำให้ทั้งทางเดินใต้ดินสว่างได้อยู่แล้ว

    จี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    เสียงแหลมเล็กดังลั่นจนเขาแสบหู    พริบตานั้นเองพวกมันทั้งหมดก็จากไป  และเป็นพริบตาเดียวที่เขาได้เห็นใครคนหนึ่งแม้ไม่ได้อยู่ตรงหน้า  บัดนี้เขาถูกจับได้แล้ว!  ถูกหนึ่งในขุนพลปีศาจเห็นตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามายังสถานีวิจัยแห่งนี้

    “ขุนพลปีศาจโพรเวล!

    อาร์กัสเอ่ยชื่อนั้นออกมาด้วยความตกใจ  จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่สามารถหลบหนี ซ่อนตัว หรือแม้แต่ปิดบังตัวตนเมื่อย่างเท้าเข้ามายังอาณาเขตของขุนพลชาวนรก

    “เมื่อรู้ว่าข้าเป็นใคร แกยังคิดว่าจะเสแสร้งเป็นมนุษย์ด้วยยาข่มจิตอะไรนั่นได้อีกหรือ  เจตภูต”

    “ข้าไม่ใช่เจตภูต !

    ทันทีที่เขาร้องสวนกลับ  อาร์กัสก็ถูกพามายังใจกลางสถานีวิจัย   เขาถูกขุนพลปีศาจโพรเวลพาตัวมาในชั่วพริบตาเดียว ในทันทีที่เขากล้าร้องลั่นใส่นายเหนือ

    คุกเข่าลงเจตภูตอาร์กัส”

    ไม่มีสิ่งยืนยันใดจะร้ายกาจเท่าความจริงอีกแล้ว   อาร์กัสคุกเข่าลงตรงหน้าขุนพลปีศาจตรงนั้นทันที  เขาพยายามขัดขืนแต่ทำไม่ได้  นี่คืออำนาจของชนชั้น  มันคือสิ่งที่เขาฝ่าฝืนให้ตายยังไงก็ทำไม่สำเร็จ  เขายังคงเป็นเจตภูต

    “แกอย่าคิดว่าข้าจะทำพลาดแบบอิซาเบลล่า  แกอย่าหลงภาคภูมิใจกับเกียรติยศลวงหลอก ที่พวกมนุษย์ร้องสรรเสริญแก   ! เพราะแกคือเจตภูต  เป็นทาส   ของพวกเรา !

    ยิ่งกว่าถูกมีดกรีดซ้ำเข้าไปในจิตใจ  อาร์กัสสู้มันไม่ได้   ต่อให้เขาพยายามมากสักเพียงไรก็ไม่มีทางฝ่าฝืนนายเหนือตรงหน้า   เขาได้แต่กัดฟันกรอด  ปล่อยให้ดวงตาสีฟ้าของเขากลายเป็นสีแดงโชนแสงของเจตภูตอีกครั้ง

    “เจตภูตอาร์กัส  เจ้ามาที่นี่ทำไม  มิคาเอล  กาเบรียล  และตัวเกะกะบริสตั้นวางแผนให้แกมาทำอะไร”

    แล้วปากของเขาก็คายทุกสิ่งออกมา  ขุนพลปีศาจโพรเวลที่กำลังยืนอยู่นั้นก็ยิ้มเหยียดเมื่อได้ฟังสถานการณ์ของอีกฝั่งหนึ่งจนต้องหัวเราะดังลั่น 

    “พวกมนุษย์มันโง่เขลาทุกยุคทุกสมัยนั่นแหละ ข้า  ก็แค่ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกมันรบราฆ่าฟันกันเท่านั้น   ตอนนี้ก็กำลังไปได้สวย”

    ขุนพลปีศาจผมสีทองร่างสูง ดวงตาสีแดงฉาน กำลังมองผลงานวิจัยภายในห้องแลปด้วยความสนุกสนาน

    “แกบอกว่า ไลท์ วาเลเรียส บริสตั้น  กำลังต้องการตัวอย่างทดลองใช่มั้ย  อยากได้ก็เอาไปสิ  เรื่องแค่นี้คุยกันดีๆก็ได้หรอก”

    โพรเวลว่าแล้วหัวเราะอย่างเหยียดหยามออกมา  บุรุษผมทองสูงศักดิ์ นำหีบดำสนิทออกมายื่นให้อาร์กัส  พร้อมอนุญาตให้เขายืนขึ้น

    “ข้าจะให้ตัวอย่างนิวเคลียสที่ดีที่สุด กับวาเลเรียส”

    “โพรเวล!  เจ้าวางแผนอะไรอยู่กันแน่”

    อาร์กัสไม่ไว้วางใจชายตรงหน้าสุดๆ 

    “แผน ?  ข้าจำเป็นต้องวางแผนให้ยุ่งยากวุ่นวายทำไม   รับไปสิ   ของขวัญจากข้าถึงวาเลเรียส  ส่งไปให้สิ  นี่คือความเมตตาจากชาวนรก  ที่คนอย่างมันจะไม่มีวันได้รับจากมนุษย์เผ่าพันธุ์เดียวกันกับมัน”

    บัดนี้อาร์กัสเข้าใจถ่องแท้แล้ว   ขุนพลปีศาจตรงหน้าไม่ได้วางแผนใดๆ ไม่ได้จงใจจะเล่นงานเขา  แต่มันจงใจจะเล่นงานวาเลเรียส  มันต้องการบดขยี้จิตใจ อดีตมหาราชาผู้หยิ่งผยอง หยิ่งในศักดิ์ศรี  กลับต้องมาแบมือขอความเมตตาจากปีศาจ

    “ยังไงก็ไม่ทันการหรอก   เพราะเราจะบุกซางตานีโอ ทันทีเมื่อตะวันตกดินวันนี้  

    อาร์กัสตาเบิกโพลงเมื่อได้ยิน  และขุนพลปีศาจโพรเวล ก็ยังพาเขาไปดูกองทัพอันเกรียงไกรทั้งหมดที่เตรียมพร้อมออกทำลายล้างซางตานีโอในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า  และสิ่งเดียวที่เขาได้รู้คือแพ้กับแพ้   อาวุธต่างๆที่พวกเขาเอาใส่เรือดำ ยังไงก็ไม่เพียงพอสู้รบกับพวกมันสักครึ่งได้ด้วยซ้ำ

                “อย่ามาโทษว่าข้าเลวเลยนะ   ทั้งหมดนี้ธีโอดอร์เจ้าเมืองซิลเทียเรสเป็นคนร้องขอเอง  เขาร้องอ้อนวอนข้าทุกวัน   ถ้าหากข้าไม่ช่วยบ้านเมืองนี้ต้องล่มสลายเป็นแน่แท้  ข้าก็แค่ช่วยตามมนุษยธรรม”

                อาร์กัสถึงกับร้องสบถออกมาเมื่อได้ยินคำพูดว่า มนุษยธรรม  ออกจากปากขุนพลปีศาจ

                “ปีศาจอย่างเจ้ารู้จักคำว่ามนุษยธรรมจริงๆหรือโพรเวล! เจ้าทำให้ผู้คนล้มตายไปเท่าไหร่” อาร์กัสเริ่มเดือด

      “ ทั้งหมดนี้ก็แค่เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของซิลเทียเรส”

    ขุนพลปีศาจแย้งเสียงเรียบ เขาทำทุกอย่างตามที่เจ้าเมืองซิลเทียเรสร้องขอ   เพื่อให้บ้านเมืองแข็งแกร่ง  และศัตรูรอบด้านต่างหวาดกลัว  ทุกอย่างที่ร้องขอ เขาก็ทำให้ธีโอดอร์จนหมดสิ้น

    “น่าขำ ! ปีศาจอย่างเจ้า จะมาช่วยมนุษย์ปกป้องบ้านเมือง มันเป็นไปได้หรือ  ไม่มีทาง!

    “ทำไมจะไม่ได้   เพราะข้ารักซิลเทียเรส”

    ขุนพลปีศาจเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง  แต่อาร์กัสยิ่งตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเรื่องที่แทบจะไม่น่าเชื่อนี้

     “ข้ารักที่นี่มากจริงๆ เจตภูตอาร์กัส  รักจนอยากจะเปลี่ยนพลเมืองที่นี่  เปลี่ยนบ้านเมืองแห่งนี้  ให้เป็นมหานครต้อนรับการกลับมาของนายท่าน   ข้าจะเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นอาณานิคมของชาวนรกเหมือนเมื่อห้าพันปีก่อนนั้นยังไงเล่า”

    ในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผย   ขุนพลปีศาจโพรเวลกำลังจะทำสำเร็จอีกครั้ง  เจ้าเมืองซิลเทียเรส หลงกลลวงปีศาจและกำลังพาบ้านเมืองสู่หายนะ  เขาจะทำยังไงดี หากปล่อยไว้อย่างนี้เจ็ดนครต้องล่มสลายอย่างแน่นอน

    พรตหนุ่มกำหน้าไม้ไว้แน่น  เขายกขึ้นแล้วเล็งไปที่ขุนพลปีศาจ  แต่โพรเวลกลับไม่แม้แต่หวาดกลัว ขุนพลปีศาจเพียงแค่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเหยียดออกมา

    “ข้ามีงานจะให้เจ้าทำพอดีเจตภูตอาร์กัส”

    ทันใดนั้นเองร่างกายของเขาก็ค่อยๆขยับตามคำสั่งของโพรเวล เท้าทั้งสองข้างพาเขาออกไปยืนอยู่ตรงบานหน้าต่างชั้นบนสุดของสถานีวิจัย   ที่นั่นเองเขาได้เห็นลานประชุมสภา  และมันก็ดันอยู่ในระยะลูกดอกของเขาพอดิบพอดี   อาร์กัสเบิดตากว้างด้วยความตกใจ  เมื่อมือทั้งสองข้างของเขาก็กำลังนำหน้าไม้เตรียมลูกดอกยื่นออกไปเบื้องหน้า!

    “แกเป็นคนจุดชนวนสงครามซิลเทียเรสกับซางตานีโอก็แล้วกัน!

     สิ้นคำสั่งนั้นลูกดอกสีเงินยวงก็พุ่งออกทันที   เป้าหมายคือกลางศีรษะเจ้าเมืองซิลเทียเรส

    บ้าที่สุด!

                อาร์กัสร้องลั่นออกมาในใจ  บัดนี้เขากำลังจะกลายเป็นไส้ศึกจากซางตานีโอที่กำลังลอกสังหารเจ้าเมืองซิลเทียเรส !   เป็นตัวหมากจุดชนวนสงครามระหว่างซิลเทียเรสและซางตานีโอ

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                            พริบตานั้นเองเมื่อลูกดอกสงหารพุ่งตรงเข้ามายังลานประชุมสภา  มันก็ถึงกับสูญสลายไปในอากาศทาตุทันที   ไม่มีใครทันรู้สึกตัว  ไม่มีใครได้รับอันตราย   มีเพียงอาร์คบิชอปแห่งซิลเทียเรสเท่านั้น ที่รู้สึกถึงความผิดปกติ และจัดการเป้าหมายนี้ได้ในพริบตาก่อนที่ ชนวนสงครามจะถูกจุดขึ้นมาจริงๆ  

    เคนิส!

    อาร์คบิชอปมิคาเอลซึ่งกำลังประชุมอยู่นั้น   เอ่ยชื่อองค์รักษ์ที่ยืนคุ้มกันอยู่ข้างๆ  เคนิสผงกศีรษะรับ  แล้วถอยเท้าจากไป  และพริบตาเดียวเธอก็ปรากฏตัวอีกครั้ง  ข้างๆเจตภูตที่กำลังจะใช้หน้าไม้ยิงซ้ำเมื่อเขาได้ทำพลาดในครั้งแรก

                “ให้พรตบ้าเอ้ยย!

    เคนิสกำหมัดซัดเปรี้ยงไปยังเจตภูตในคราบนักพรต  เจตภูตอาร์กัสล้มกลิ้งไปกับพื้น  ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวทันทีเมื่อเคนิสฉีดยาข่มจิตเจตภูตที่ต้นคอให้

                “เคนิส!  ออกไปซะ!ทันทีที่รู้สึกตัวพรตหนุ่มก็ร้องลั่น

                “นี่เป็นกับดัก!!

    อาร์กัสพลักเธอออกจากบริเวณที่เขายืนอยู่   เคนิสที่กำลังตกตะลึงก็เพิ่งเหลือบไปเห็นอักขระแปลกๆอยู่ที่พื้นเป็นวงกว้าง   เธอไม่ได้สนใจสิ่งใดนอกจากหยุดนักพรตเจตภูตที่กำลังพยายามลอกสังหารเจ้าเมืองซิลเทียเรส

                “อะไรน่ะ!

    พริบตาเดียวมหาเวทย์กับดักจากนรกก็ทำงาน  อักขระทั้งหมดเปล่งประกายแสงดำมืดและมีสิ่งหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากพื้นพิภพตรงดิ่งเข้าใส่เคนิสที่ยังตั้งรับไม่ทัน   ลูกดอกความมืดพุ่งเสียบทะลุเข้ากลางอก มันทะลวงเข้าไปจนในที่สุดเจ้าหล่นก็ล้มแน่นิ่งไปกับพื้น  

                “เคนิส!

    และทันใดนั้นเองร่างของหญิงสาวตรงหน้าก็เปลี่ยนไป เจ้าหล่อนกลายเป็นเปลวเพลิงดำทมิฬอีกครั้ง  แต่ในคราวนี้มีบางอย่างที่แตกต่างจนอาร์กัสต้องตกใจสุดขีด   เปลวเพลิงได้ระเบิดพุ่งออกมาราวกับพายุคลั่ง  อีกทั้งมันยังปล่อยอำนาจมืดมากมายมหาศาลอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง

    นี่มัน    เกิดอะไรขึ้น!

    “งานวิจัยของข้าไม่เสียเปล่าจริงๆ”ขุนพลปีศาจโพรเวลมองผลงานตนเองตาเป็นประกาย

    “เจ้าทำบ้าอะไร โพรเวล!

    “แกไม่เห็นหรอกหรือ” ขุนพลปีศาจโพรเวลหัวเราะเบาๆออกมา

    “กล่องดาร์คอีทูลัส แตกแล้ว!   

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    END / Chapter 31 / ปีศาจแห่งซิลเทียเรส

     

     

     

     

               

     

     

     

               

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×