คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : ปีศาจแห่งซิลเทียเรส
นักพรตแห่งซางตานีโอแทบไม่มีใครมีจิตใจเป็นสุขได้เลย เมื่อเข้าสู่การเข้าเงียบในวันที่สาม หลักสูตรรับมือกับนักรบเจตภูตเบื้องต้น รวมถึงแนวทางรับมือกับนักรบทมิฬ ถูกยัดเยียดอย่างหนักมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และวันนี้ นักพรตทั้งเก้าต้องรีบนำอาวุธพิฆาตเจตภูตระดับสูงใส่หีบไม้ ช่วยกันขนลงเรือดำและซ่อนอย่างมิดชิดใต้ท้องเรือ
“เร็วเข้าเถิด หากการประชุมสภานั่นล้มเหลว ประตูเมืองซิลเทียเรสกับซางตานีโอคงเปิดลงทันทีแน่ แล้วพวกเราจะออกจากเมืองนี้ไม่ได้นะ”
ทั้งหมดรีบเร่งอย่างสุดกำลัง แต่พวกเขาก็ยังกังวลใจ เมื่อสมาชิกนักพรตแห่งซางตานีโออีกคน ได้หายตัวไปตั้งแต่หัวค่ำ ทิ้งไว้เพียงจดหมายเล็กๆ ที่บอกเพียงว่า
หากข้ากลับมาไม่ทัน ขอพวกท่านจงรีบแล่นใบกลับซางตานีโอโดยเร็วที่สุด
อาร์กัสทิ้งจดหมายเล็กๆให้กับโทมัส นักพรตหนึ่งในคณะนักบวชแห่งซางตานีโอผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ผมสีดำสนิท เขาคือรองหัวหน้าคณะเดินทางในครั้งนี้ และต้องเป็นหัวหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อไม่มีนักพรตอาร์กัส
โทมัสเช็คชื่อเพื่อนๆจนครบ ทันใดนั้นเขาก็กระโดดลงเรือ ทั้งหมดรีบเล่นใบออกจากท่าเรือมหาวิหารซิลเทียเรส แล้วจอดเทียบท่าอีกครั้งยังบริเวณใกล้ๆประตูเมือง
“เราจะออกเรือทันทีหากพ้นหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว หากรอนานกว่านั้นฉันเกรงว่าจะไม่ทันกาล”
ทั้งหมดมองเห็นผู้คนมากมายยังบริเวณทางเข้าเมืองซิลเทียเรส ต่างเก็บข้าวของออกกันแล้ว ไม่มีการค้าขาย จะมีเพียงผู้คนเข้าออกกันมากผิดปกติ ด้วยทั้งหมดต่างรู้ว่าซิลเทียเรสจะเกิดสงครามใหญ่
“ไม่มีใครรอให้สิ้นสุดการประชุมสภาหรอก เห็นชัดๆว่ายังไงก็ต้องนองเลือดแน่ๆ”โทมัสว่า
“แล้วท่านอาร์กัสละครับ “นักพรตอีกคนถามอย่างกังวล
“จงอย่าลืมสิว่า ชายผู้นั้นเป็นอะไร”โทมัสตอบเสียงเรียบ
“เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่ แต่เราจะทิ้งคนในคณะเราไว้ในซิลเทียเรสได้ยังไงกัน”อีกคนแย้ง
“หากเขาไม่กลับมา ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง ที่เจตภูตอย่างเขาจะไม่ได้อยู่ฝ่ายเราแล้ว”
คำตอบต่อมาของโทมัสทำให้ทั้งหมดเงียบกริบด้วยความตกใจ
“ฉันคิดว่า ท่านอาร์กัสคงรู้ดี จึงได้บอกพวกเราอย่างนั้น เพราะถ้าเขาออกจากสถานีวิจัยนักรบทมิฬไม่สำเร็จ ก็มีแค่เหตุผลเดียวนั่นคือ เขาถูกเปลี่ยนเป็นฝ่ายศัตรูแล้ว”
คำพูดของโทมัสทำเอาทุกคนหน้าซีดเผือก ทั้งหมดหันไปมองทางทิศเหนือ มองตรงไปยังสถานีวิจัยนักรบทมิฬด้วยความตึงเครียด แล้วสงครามครั้งนี้มันจะเป็นอย่างไร ในเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองในซิลเทียเรสเองก็ยังร้อนระอุ จนจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นอยู่แล้ว พร้อมกันนั้นยังมีกองทัพทมิฬจากนรกเตรียมพร้อมที่จะบุกซางตานีโออยู่ทุกเมื่อ
“แล้วเราจะชนะมั้ย” บางคนถามโทมัส
“เราจะรับมือกับปีศาจนักรบทมิฬ นั่นได้จริงๆหรือ”
ทั้งหมดก็หันไปถามโทมัส นักพรตร่างสูงใหญ่ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วเอ่ยสั้นๆเพียงว่า
“จะชนะหรือไม่ จะรับมือได้หรือไม่ พวกเรา.....ก็ไม่มีทางให้หนีได้อยู่แล้วนี่”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อีกด้านหนึ่งนักพรตปีศาจอาร์กัสค่อยๆแฝงกายผ่านเงามืดภายในอุโมงค์ใต้ดิน เขามาตามทางในแผนที่ของเคนิส ก่อนจะค่อยๆดันฝาท่อระบายน้ำออกไป
“ให้ตาย ! เถอะ”
พรตหนุ่มร้องออกมา เพราะทันทีที่เขาดันตัวขึ้นจากอุโมงค์ เขาก็ถูกกองทัพหนูเจตภูตห้อมล้อมรอต้อนรับ ด้วยเขี้ยวคมกริบราวกับสัตว์นักล่าที่กำลังหิวโซ
จี๊ดดดดดดดดดดดด จี๊ดดดดดดดดดด เสียงของพวกมันดังลั่น เมื่อพบสิ่งผิดปกติ ดวงตาสีแดงนับพันนับหมื่นตัว กำลังเล็งมาที่เขาเป็นเป้าหมายเดียว
หนูเจตภูตไวรัส!
อาร์กัสคิดถึงข้อมูลนักรบปีศาจที่เพิ่งได้รับการอบรมเมื่อช่วงหัวค่ำ มันเป็นนักรบทมิฬระดับล่างซึ่งถูกพัฒนาเพื่อใช้สอดแนม และกัดกินสิ่งใดก็ตามที่เข้ามายังอาณาเขตของมัน นี่เองคือหน่วยอารักขาชั้นใต้ดินศูนย์วิจัยนักรบทมิฬ ต่อให้มีระดับล่างสุด แต่เชื้อไวรัสจากคมเขี้ยวพวกมันนั้น ก็ทำให้ติดเชื้อร้ายแรงถึงตายแทบจะทันที และในกรณีของเขาที่ไม่สามารถตายได้ การถูกพวกมันแยกชิ้นส่วนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั้นก็ดูจะเลวร้ายยิ่งกว่า
จี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด จี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
พวกหนูยิ่งร้องลั่น พวกมันเริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นๆ ดวงตาสีแดงจำนวนมากแทบจะทำให้ทั้งทางเดินใต้ดินสว่างได้อยู่แล้ว
จี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงแหลมเล็กดังลั่นจนเขาแสบหู พริบตานั้นเองพวกมันทั้งหมดก็จากไป และเป็นพริบตาเดียวที่เขาได้เห็นใครคนหนึ่งแม้ไม่ได้อยู่ตรงหน้า บัดนี้เขาถูกจับได้แล้ว! ถูกหนึ่งในขุนพลปีศาจเห็นตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามายังสถานีวิจัยแห่งนี้
“ขุนพลปีศาจโพรเวล!”
อาร์กัสเอ่ยชื่อนั้นออกมาด้วยความตกใจ จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่สามารถหลบหนี ซ่อนตัว หรือแม้แต่ปิดบังตัวตนเมื่อย่างเท้าเข้ามายังอาณาเขตของขุนพลชาวนรก
“เมื่อรู้ว่าข้าเป็นใคร แกยังคิดว่าจะเสแสร้งเป็นมนุษย์ด้วยยาข่มจิตอะไรนั่นได้อีกหรือ เจตภูต”
“ข้าไม่ใช่เจตภูต !”
ทันทีที่เขาร้องสวนกลับ อาร์กัสก็ถูกพามายังใจกลางสถานีวิจัย เขาถูกขุนพลปีศาจโพรเวลพาตัวมาในชั่วพริบตาเดียว ในทันทีที่เขากล้าร้องลั่นใส่นายเหนือ
“คุกเข่าลงเจตภูตอาร์กัส”
ไม่มีสิ่งยืนยันใดจะร้ายกาจเท่าความจริงอีกแล้ว อาร์กัสคุกเข่าลงตรงหน้าขุนพลปีศาจตรงนั้นทันที เขาพยายามขัดขืนแต่ทำไม่ได้ นี่คืออำนาจของชนชั้น มันคือสิ่งที่เขาฝ่าฝืนให้ตายยังไงก็ทำไม่สำเร็จ เขายังคงเป็นเจตภูต
“แกอย่าคิดว่าข้าจะทำพลาดแบบอิซาเบลล่า แกอย่าหลงภาคภูมิใจกับเกียรติยศลวงหลอก ที่พวกมนุษย์ร้องสรรเสริญแก ! เพราะแกคือเจตภูต เป็นทาส ของพวกเรา !”
ยิ่งกว่าถูกมีดกรีดซ้ำเข้าไปในจิตใจ อาร์กัสสู้มันไม่ได้ ต่อให้เขาพยายามมากสักเพียงไรก็ไม่มีทางฝ่าฝืนนายเหนือตรงหน้า เขาได้แต่กัดฟันกรอด ปล่อยให้ดวงตาสีฟ้าของเขากลายเป็นสีแดงโชนแสงของเจตภูตอีกครั้ง
“เจตภูตอาร์กัส เจ้ามาที่นี่ทำไม มิคาเอล กาเบรียล และตัวเกะกะบริสตั้นวางแผนให้แกมาทำอะไร”
แล้วปากของเขาก็คายทุกสิ่งออกมา ขุนพลปีศาจโพรเวลที่กำลังยืนอยู่นั้นก็ยิ้มเหยียดเมื่อได้ฟังสถานการณ์ของอีกฝั่งหนึ่งจนต้องหัวเราะดังลั่น
“พวกมนุษย์มันโง่เขลาทุกยุคทุกสมัยนั่นแหละ ข้า ก็แค่ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกมันรบราฆ่าฟันกันเท่านั้น ตอนนี้ก็กำลังไปได้สวย”
ขุนพลปีศาจผมสีทองร่างสูง ดวงตาสีแดงฉาน กำลังมองผลงานวิจัยภายในห้องแลปด้วยความสนุกสนาน
“แกบอกว่า ไลท์ วาเลเรียส บริสตั้น กำลังต้องการตัวอย่างทดลองใช่มั้ย อยากได้ก็เอาไปสิ เรื่องแค่นี้คุยกันดีๆก็ได้หรอก”
โพรเวลว่าแล้วหัวเราะอย่างเหยียดหยามออกมา บุรุษผมทองสูงศักดิ์ นำหีบดำสนิทออกมายื่นให้อาร์กัส พร้อมอนุญาตให้เขายืนขึ้น
“ข้าจะให้ตัวอย่างนิวเคลียสที่ดีที่สุด กับวาเลเรียส”
“โพรเวล! เจ้าวางแผนอะไรอยู่กันแน่”
อาร์กัสไม่ไว้วางใจชายตรงหน้าสุดๆ
“แผน ? ข้าจำเป็นต้องวางแผนให้ยุ่งยากวุ่นวายทำไม รับไปสิ ของขวัญจากข้าถึงวาเลเรียส ส่งไปให้สิ นี่คือความเมตตาจากชาวนรก ที่คนอย่างมันจะไม่มีวันได้รับจากมนุษย์เผ่าพันธุ์เดียวกันกับมัน”
บัดนี้อาร์กัสเข้าใจถ่องแท้แล้ว ขุนพลปีศาจตรงหน้าไม่ได้วางแผนใดๆ ไม่ได้จงใจจะเล่นงานเขา แต่มันจงใจจะเล่นงานวาเลเรียส มันต้องการบดขยี้จิตใจ อดีตมหาราชาผู้หยิ่งผยอง หยิ่งในศักดิ์ศรี กลับต้องมาแบมือขอความเมตตาจากปีศาจ
“ยังไงก็ไม่ทันการหรอก เพราะเราจะบุกซางตานีโอ ทันทีเมื่อตะวันตกดินวันนี้ ”
อาร์กัสตาเบิกโพลงเมื่อได้ยิน และขุนพลปีศาจโพรเวล ก็ยังพาเขาไปดูกองทัพอันเกรียงไกรทั้งหมดที่เตรียมพร้อมออกทำลายล้างซางตานีโอในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และสิ่งเดียวที่เขาได้รู้คือแพ้กับแพ้ อาวุธต่างๆที่พวกเขาเอาใส่เรือดำ ยังไงก็ไม่เพียงพอสู้รบกับพวกมันสักครึ่งได้ด้วยซ้ำ
“อย่ามาโทษว่าข้าเลวเลยนะ ทั้งหมดนี้ธีโอดอร์เจ้าเมืองซิลเทียเรสเป็นคนร้องขอเอง เขาร้องอ้อนวอนข้าทุกวัน ถ้าหากข้าไม่ช่วยบ้านเมืองนี้ต้องล่มสลายเป็นแน่แท้ ข้าก็แค่ช่วยตามมนุษยธรรม”
อาร์กัสถึงกับร้องสบถออกมาเมื่อได้ยินคำพูดว่า มนุษยธรรม ออกจากปากขุนพลปีศาจ
“ปีศาจอย่างเจ้ารู้จักคำว่ามนุษยธรรมจริงๆหรือโพรเวล! เจ้าทำให้ผู้คนล้มตายไปเท่าไหร่” อาร์กัสเริ่มเดือด
“ ทั้งหมดนี้ก็แค่เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของซิลเทียเรส”
ขุนพลปีศาจแย้งเสียงเรียบ เขาทำทุกอย่างตามที่เจ้าเมืองซิลเทียเรสร้องขอ เพื่อให้บ้านเมืองแข็งแกร่ง และศัตรูรอบด้านต่างหวาดกลัว ทุกอย่างที่ร้องขอ เขาก็ทำให้ธีโอดอร์จนหมดสิ้น
“น่าขำ ! ปีศาจอย่างเจ้า จะมาช่วยมนุษย์ปกป้องบ้านเมือง มันเป็นไปได้หรือ ไม่มีทาง!”
“ทำไมจะไม่ได้ เพราะข้ารักซิลเทียเรส”
ขุนพลปีศาจเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง แต่อาร์กัสยิ่งตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเรื่องที่แทบจะไม่น่าเชื่อนี้
“ข้ารักที่นี่มากจริงๆ เจตภูตอาร์กัส รักจนอยากจะเปลี่ยนพลเมืองที่นี่ เปลี่ยนบ้านเมืองแห่งนี้ ให้เป็นมหานครต้อนรับการกลับมาของนายท่าน ข้าจะเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นอาณานิคมของชาวนรกเหมือนเมื่อห้าพันปีก่อนนั้นยังไงเล่า”
ในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผย ขุนพลปีศาจโพรเวลกำลังจะทำสำเร็จอีกครั้ง เจ้าเมืองซิลเทียเรส หลงกลลวงปีศาจและกำลังพาบ้านเมืองสู่หายนะ เขาจะทำยังไงดี หากปล่อยไว้อย่างนี้เจ็ดนครต้องล่มสลายอย่างแน่นอน
พรตหนุ่มกำหน้าไม้ไว้แน่น เขายกขึ้นแล้วเล็งไปที่ขุนพลปีศาจ แต่โพรเวลกลับไม่แม้แต่หวาดกลัว ขุนพลปีศาจเพียงแค่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเหยียดออกมา
“ข้ามีงานจะให้เจ้าทำพอดีเจตภูตอาร์กัส”
ทันใดนั้นเองร่างกายของเขาก็ค่อยๆขยับตามคำสั่งของโพรเวล เท้าทั้งสองข้างพาเขาออกไปยืนอยู่ตรงบานหน้าต่างชั้นบนสุดของสถานีวิจัย ที่นั่นเองเขาได้เห็นลานประชุมสภา และมันก็ดันอยู่ในระยะลูกดอกของเขาพอดิบพอดี อาร์กัสเบิดตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อมือทั้งสองข้างของเขาก็กำลังนำหน้าไม้เตรียมลูกดอกยื่นออกไปเบื้องหน้า!
“แกเป็นคนจุดชนวนสงครามซิลเทียเรสกับซางตานีโอก็แล้วกัน!”
สิ้นคำสั่งนั้นลูกดอกสีเงินยวงก็พุ่งออกทันที เป้าหมายคือกลางศีรษะเจ้าเมืองซิลเทียเรส
บ้าที่สุด!
อาร์กัสร้องลั่นออกมาในใจ บัดนี้เขากำลังจะกลายเป็นไส้ศึกจากซางตานีโอที่กำลังลอกสังหารเจ้าเมืองซิลเทียเรส ! เป็นตัวหมากจุดชนวนสงครามระหว่างซิลเทียเรสและซางตานีโอ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พริบตานั้นเองเมื่อลูกดอกสงหารพุ่งตรงเข้ามายังลานประชุมสภา มันก็ถึงกับสูญสลายไปในอากาศทาตุทันที ไม่มีใครทันรู้สึกตัว ไม่มีใครได้รับอันตราย มีเพียงอาร์คบิชอปแห่งซิลเทียเรสเท่านั้น ที่รู้สึกถึงความผิดปกติ และจัดการเป้าหมายนี้ได้ในพริบตาก่อนที่ ชนวนสงครามจะถูกจุดขึ้นมาจริงๆ
เคนิส!
อาร์คบิชอปมิคาเอลซึ่งกำลังประชุมอยู่นั้น เอ่ยชื่อองค์รักษ์ที่ยืนคุ้มกันอยู่ข้างๆ เคนิสผงกศีรษะรับ แล้วถอยเท้าจากไป และพริบตาเดียวเธอก็ปรากฏตัวอีกครั้ง ข้างๆเจตภูตที่กำลังจะใช้หน้าไม้ยิงซ้ำเมื่อเขาได้ทำพลาดในครั้งแรก
“ให้พรตบ้าเอ้ยย!”
เคนิสกำหมัดซัดเปรี้ยงไปยังเจตภูตในคราบนักพรต เจตภูตอาร์กัสล้มกลิ้งไปกับพื้น ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวทันทีเมื่อเคนิสฉีดยาข่มจิตเจตภูตที่ต้นคอให้
“เคนิส! ออกไปซะ! ”ทันทีที่รู้สึกตัวพรตหนุ่มก็ร้องลั่น
“นี่เป็นกับดัก!!”
อาร์กัสพลักเธอออกจากบริเวณที่เขายืนอยู่ เคนิสที่กำลังตกตะลึงก็เพิ่งเหลือบไปเห็นอักขระแปลกๆอยู่ที่พื้นเป็นวงกว้าง เธอไม่ได้สนใจสิ่งใดนอกจากหยุดนักพรตเจตภูตที่กำลังพยายามลอกสังหารเจ้าเมืองซิลเทียเรส
“อะไรน่ะ!”
พริบตาเดียวมหาเวทย์กับดักจากนรกก็ทำงาน อักขระทั้งหมดเปล่งประกายแสงดำมืดและมีสิ่งหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากพื้นพิภพตรงดิ่งเข้าใส่เคนิสที่ยังตั้งรับไม่ทัน ลูกดอกความมืดพุ่งเสียบทะลุเข้ากลางอก มันทะลวงเข้าไปจนในที่สุดเจ้าหล่นก็ล้มแน่นิ่งไปกับพื้น
“เคนิส!”
และทันใดนั้นเองร่างของหญิงสาวตรงหน้าก็เปลี่ยนไป เจ้าหล่อนกลายเป็นเปลวเพลิงดำทมิฬอีกครั้ง แต่ในคราวนี้มีบางอย่างที่แตกต่างจนอาร์กัสต้องตกใจสุดขีด เปลวเพลิงได้ระเบิดพุ่งออกมาราวกับพายุคลั่ง อีกทั้งมันยังปล่อยอำนาจมืดมากมายมหาศาลอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
นี่มัน เกิดอะไรขึ้น!
“งานวิจัยของข้าไม่เสียเปล่าจริงๆ”ขุนพลปีศาจโพรเวลมองผลงานตนเองตาเป็นประกาย
“เจ้าทำบ้าอะไร โพรเวล!”
“แกไม่เห็นหรอกหรือ” ขุนพลปีศาจโพรเวลหัวเราะเบาๆออกมา
“กล่องดาร์คอีทูลัส แตกแล้ว!”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
END / Chapter 31 / ปีศาจแห่งซิลเทียเรส
ความคิดเห็น