ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Etolus boxes (กล่องอีทูลัส)

    ลำดับตอนที่ #28 : แผนการร้ายของแซม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 32
      1
      28 มิ.ย. 62



                ความสงบสุขจอมปลอมกำลังครอบงำซางตานีโอ เมืองท่องเที่ยวที่ยังคงดูมีสีสันต์ทั้งในยามกลางวันและยามกลางคืน เมืองที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ยังได้ยินเสียงพูดคุยสนุกสนานของผู้คนอย่างมีความสุข   โดยไม่มีใครคาดคิดเลยว่า อีกเพียงไม่กี่วัน  ภัยสงครามจะย่างกรายเข้ามาทำลายล้างทุกสิ่ง!

                ชายเร่ร่อนนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้นบริเวณซอกตึกแคบๆ  เขาเหม่อลอยออกไปข้างหน้า เฝ้ามองผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ผ่านหน้าไปคนแล้วคนเล่าด้วยความลำบากใจ  และใบหน้าซีดๆอิดโรยนั้น  ก็ทำให้มีนักท่องเที่ยวบางคน ถึงกับขว้างเหรียญเงินเล็กๆมาให้ด้วยความสงสาร  

    “ขอบคุณท่านมากครับ”

    ชายเร่ร่อนเอ่ยขึ้นแล้วค่อยๆคลานไปหยิบเหรียญเงินด้วยมือสั่นเทา   เขาไม่ได้ขาดอาหารจนตัวสั่น  แต่กำลังหวาดกลัว   ดวงตาสีฟ้ายิ่งสั่นสะท้าน เมื่อได้มานั่งพิจารณาหาทางออกของศึกสงคราม เพื่อช่วยผู้คนทั้งเมืองก็ยังไม่อาจหาหนทางใดได้    

    “คงเหลือแค่ทางเดียวเท่านั้น”       

    เขาเปรยกับตนเองแล้วลุกขึ้น ชายเร่ร่อนสวมเสื้อผ้าเก่าๆขาดรุ่งริ่ง เดินหายลับไปในซอกตึกมืดสนิทของซางตานีโอ เขาเดินไปเรื่อยๆจนถึงหน้ามหาวิหารพร้อมกับก้าวเท้าออกมาจากความมืดในซอกแคบๆนั้น  ด้วยรูปลักษณ์ของอาร์คบิชอปผู้สูงศักดิ์  บัดนี้เขาตัดสินใจเอาไว้แล้ว เขาต้องช่วยซางตานีโอ

    “ท่านคิดบ้าอะไร กาเบรียล!

    เคนิสยกกำปั้นฟาดเปรี้ยงบนโต๊ะทำงานของอาร์คบิชอปดังลั่น   ดวงตาสีดำของเธอจ้องเขม็งด้วยความไม่พอใจไปยังอาร์คบิชอปแห่งซางตานีโอที่เพิ่งเดินเข้ามายังที่ทำการมหาวิหารเงียบๆกลางดึก

                “ท่านก็น่าจะรู้สาเหตุที่ฉันต้องมาอยู่ซางตานีโอ  แล้วนี่มันอะไรกัน!

    เคนิสโกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า เธอขว้างหนังสือคำสั่งที่เพิ่งได้รับมาหยกๆไปเบื้องหน้าอาร์คบิชอป

                “เกิดบ้าอะไรถึงจะส่งฉันไปซิลเทียเรสเอาตอนนี้!

                “ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเคนิส  ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป”

    กาเบรียลเอ่ยเสียงเรียบตอบเคนิส  ดวงตาสีฟ้าของเขามีประกายจริงจังและปะปนไปด้วยความตึงเครียด   

                “แต่ฉันไม่ยอมให้ท่านอยู่เมืองนี้คนเดียว !   พร้อมกับ ลูซิเฟอร์ และหนึ่งในเจ็ดขุนพลปีศาจนั่นหรอกนะ   !  กรุณาทบทวนคำสั่ง  ! ท่านกาเบรียล!

                เคนิสระเบิดอารมณ์ออกมา เธอกำหมัดแน่น เมื่อไม่อาจจะยอมรับคำสั่งที่เพิ่งได้มาหยกๆนี้ได้  คำสั่งที่เหมือนกับการเปิดช่องโหว่อันตรายเอาไว้ คำสั่งที่เหมือนกับหมากตัวหนึ่งที่กำลังเดินตามแผนของใครบางคนที่กำลังจ้องมองมาในความมืดเสมอ

                “แล้วจะให้ฉันทิ้งนัวร์ และเมืองนี้หรือไง”

    น้ำเสียงเรียบๆของอาร์คบิชอปเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและกลัดกลุ้ม ดวงตาสีฟ้ายิ่งสั่นสะท้านเมื่อเขาพูดถึงนัวร์ โครวิส เจ้าเมืองซางตานีโอ

                “นัวร์รับมือสงครามนี้คนเดียวไม่ไหวหรอกเคนิส  ซางตานีโอในตอนนี้ทำอะไรซิลเทียเรสไม่ได้  ต่อให้ตั้งรับกองทัพทมิฬ หรือแม้แต่ให้พลเมืองทั้งหมดลี้ภัยก็ยังทำไม่ได้”

                เคนิสยืนค้างนิ่งเมื่อได้ยินเรื่องสงคราม เธอเบิกตากว้างทันทีเมื่อได้ยินคำว่ากองทัพทมิฬ กองทัพอมนุษย์ที่ไร้เทียมทานที่สุดในซิลเทียเรส และกำลังจะเข้าจู่โจมซางตานีโอในไม่ช้า

                “ เคนิส ! ฉันจะบอกเรื่องนี้กับนัวร์ทีหลัง  ตอนนี้สิ่งที่พวกเราทำได้ คือการตัดกำลังฝ่ายซิลเทียเรส  หาจุดอ่อนหรือแนวทางรับมือ  และยิ่งดีที่สุดถ้าหากเรายุติสงครามได้ก่อนจะมีการยกทัพมาจริงๆ  นี่ไม่ใช่สงครามธรรมดา ฉันไม่อยากให้เจ็ดนครสุดท้ายต้องล่มสลายเหมือนดินแดนเชล”

                อาร์คบิชอปผมทองยิ่งดูตึงเครียดกว่าเก่า  ใบหน้างดงามดูอิดโรยลงมาก เขาค่อยๆนั่งลงที่โต๊ะแล้วยกมือกุมขมับ

                “พวกเราประชุมกันลับๆทางเฮฟเว่นพาสเมื่อวานนี้  ข่าวสารไม่สู้ดีนัก ไม่มีลู่ทางอพยพผู้คนทั้งเมืองเพราะรีแบร์ก็เข้ากับซิลเทียเรส ลอร์แซมเบิร์กก็ยังมีปัญหาโรคระบาดร้ายแรงจนปิดพรมแดนไปแล้ว เกาะซอร์ก็เล็กเกินไป ซาเวียร์เองก็กำลังเผชิญกับสงครามศาสนา  และสุดท้ายเมืองทางใต้อย่างอาโรนก็ยังเกิดภัยแล้งจากลมนรกที่พัดเข้ามาเมื่อหลายวันก่อน   ตอนนี้หัวเมืองทั้งหมด ไม่มีเมืองใดสามารถรองรับผู้อพยพป็นแสนๆคนได้”

                ข่าวคราวเพียงไม่นานหลังจากเพิ่งประชุมอาร์คบิชอบในร้านสังฆภัณฑ์  ตอนนี้ภัยร้ายแรงกำลังโหมกระหน่ำเข้าสู่มหานครทั้งเจ็ด ภัยร้ายที่ดูเงียบๆมานาน ภัยร้ายที่เหมือนกับเป็นความขัดแย้งทั่วๆไปที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกยุคทุกสมัย  แต่เบื้องหลังนั้นมักมีผู้คอยชักใยความขัดแย้งอยู่เงียบๆ

                            เจ็ดขุนพลปีศาจ!

                เคนิสกำหมัดแน่น หากก้าวพลาดแม้เพียงก้าวเดียวก็จะพ่ายแพ้ต่อกลลวงของมารร้าย  เธอจะทำยังไงดี   ทิ้งอาร์คบิชอปไว้ที่นี่ แล้วก้าวเท้าตามแผนการ  หรือจะขัดคำสั่งเพื่อไม่เปิดช่องว่างให้ฝ่ายนั้นรุกเข้ามาได้ แล้วปล่อยให้ซางตานีโอเป็นไปตามยถากรรม   

    “เคนิส  นี่ไม่ใช่สงครามสวรรค์  แต่นี่คือเกมศึกสงครามที่กำลังใช้โลกทั้งใบเป็นเดิมพัน  พวกเราพยายามกันมนุษย์จากสงครามนี้แล้ว  แต่ปีศาจนั้นไม่  ดังนั้นถ้าฉันต้องตายก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ซางตานีโอยังต้องอยู่”

    ดวงตาสีฟ้าเข้มดูจริงจังจนเคนิสต้องถอนหายใจ เธอสงบสติอารมณ์แล้วยิ้มแห้งๆขณะมองหน้าอาร์คบิชอป

    “กาเบรียล  ท่านต้องตายเยี่ยงมนุษย์มากี่ครั้งกี่หลแล้วละ”

    อาร์คบิชอปผมทองเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดของเคนิส  เขาค่อยๆขยับยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบกลับมาง่ายๆโดยไม่ทุกข์ไม่ร้อน

    “มันเป็นหน้าที่ของฉัน”

    “หึ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปซิลเทียเรส”

    เคนิสเอ่ยขึ้นเรียบๆแล้วถอยออกมาพิงผนัง ก่อนจะลืมตามองอาร์คบิชอปผู้งามสง่าตรงหน้าชัดๆอีกครั้งหลังจากนี้เธออาจจะไม่ได้เห็นเขาอีก หรือถ้าโชคดีเขาก็จะปลอดภัย  แต่ถ้าไม่!

                ทันใดนั้นก็มีเสียงประตูเปิดเข้ามา ใครคนหนึ่งสวมชุดนักพรตก้าวฉับๆตรงเข้ามาหากาเบรียล เขาสวมฮูดคลุมศีรษะเอาไว้  แต่แสงเรืองรองแดงฉานจากดวงตาทั้งสองข้างในความมืด ทำให้หญิงสาวผมดำทราบใดทันทีว่านี่คือเจตภูต

                “อาร์กัส ?”

    เคนิสเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเขาสวมเกาะอ่อนราวกับอัศวินภายใต้เครื่องแบบนักพรตซางตานีโอแบบเก่า เข้ามาในมหาวิหารกลางดึก

                “มาแล้วหรืออาร์กัส”กาเบรียลยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นเขา

                “ขอรับ” อาร์กัสตอบเบาๆแล้วค่อยๆดึงฮูดคลุ่มศีรษะออก

                ไม่ได้พบกันตั้งแต่เมื่อพันปีก่อน ครั้งนี้ฉันต้องขอความร่วมมือกับเธออีกครั้ง”

    กาเบรียลเอ่ยขึ้นพลางยื่นเอกสารชุดหนึ่งให้อาร์กัส

                “ฉันจะแต่งตั้งคณะนักพรตไปเข้าเงียบในซิลเทียเรสอย่างลับๆ  โดยให้เธอเป็นหัวหน้าคณะเดินทางในครั้งนี้”

    พรตหนุ่มรับเอกสารจากมืออาร์คบิชอป แล้วค่อยๆก้มลงอ่าน ในนั้นเขาเห็นรายชื่อนักพรตของซางตานีโอประมาณสิบคนรวมทั้งตัวเขาเอง และมีผู้ช่วยด้านเครื่องอาคมที่จะติดตามไปด้วยอีกหนึ่งคนคือเคนิส   เอกสารนั้นมองเผินๆก็เหมือนกับโครงการเข้าเงียบประจำปีของคณะนักพรตสองหัวเมืองอย่างซิลเทียเรสและซางตานีโอ  การเข้าเงียบที่เป็นการรวมตัวกันเพื่อพิจารณาเจตนารมณ์ของการเป็นนักพรต  และไตร่ตรองชีวิตกับพระเจ้าของแต่ละคน แต่เบื้องหลังนั้นทั้งหมดมีภารกิจอื่นแอบแฝง   ภารกิจที่ต้องยุติสงครามระหว่างซางตานีโอและซิลเทียเรส ไม่ก็ผ่อนหนักให้เป็นเบา

                “มิคาเอล รอพวกเธออยู่ที่นั่น รีบเดินทางกันคืนนี้ ฉันเตรียมเรือไว้เทียบท่าแล้ว”

    พวกเคนิสโค้งคำนับให้อาร์คบิชอปแล้วเดินจากห้องไปเมื่อสิ้นสุดคำสั่ง  หล่อนหันมามองเขาครู่หนึ่งด้วยความกังวล  ดวงตาสีดำจับจ้องไปยังบุรุษดวงตาสีฟ้าที่ยังพยายามปั้นหน้ายิ้มแย้มมาให้

    “ท่านรักษาตัวด้วยก็แล้วกัน”

    ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องรีบตรงดิ่งไปที่ท่าเรือ  ทั้งสองเดินลัดเลาะผ่านซอกซอยแคบๆตรงไปยังท่าเรือเล็กๆของมหาวิหาร  ท่าเรืออันเปล่าเปลี่ยวเงียบสงัด แต่ก็ยังมีเงาตะคุ่มของกลุ่มคนเก้าคนที่กำลังรออยู่  พวกนั้นถือตะเกียงหลอดไฟประดิษฐ์ แล้วยกขึ้นลงเป็นสัญญาณให้พวกเธอรีบตรงไปหา

    “เร็วๆเข้าทั้งสองท่าน เราต้องเร่งออกเรือแล้ว”

    พวกเคนิสรีบตรงไปยังกลุ่มคนทั้งเก้า ทั้งหมดเป็นนักพรตที่สวมชุดสีน้ำตาลเข้มตามธรรมเนียมโบราณของซางตานีโอ แต่ละคนสวมเกราะอ่อนไว้ด้านในเช่นเดียวกับอาร์กัส นี่คือคณะนักพรตของซางตานีโอ นักพรตสายพิฆาตความมืดของอาร์คบิชอปกาเบรียลในยุคปัจจุบัน นักพรตที่กาเบรียลให้ความไว้วางใจที่สุด ทั้งด้านฝีมือ และความซื่อสัตย์

    อาร์กัสมองดูนักพรตเหล่านั้นด้วยความตื่นเต้น  เขาคิดถึงเหลือเกิน เหล่านักพรตชุดสีน้ำตาล ที่เหมือนกับเขา เหมือนกับเพื่อนพ้องในคณะนักบวชเมื่อพันปีก่อน

    “พวกเรายินดีที่ได้ร่วมเดินทางกับบุคคลในตำนานของซางตานีโอ  ท่านเคนิส จากตระกูลบริสตั้น  และท่านนักพรตเจตภูตอาร์กัส”

    พวกนั้นยื่นมือมาจับทักทายทั้งสอง แล้วรีบขึ้นไปบนเรืออย่างรีบเร่ง  แต่ละคนทำหน้าที่บนเรือใบขนาดใหญ่ได้ดีเยี่ยม แยกย้ายกันกางใบเรือ แล้วเริ่มแล่นใบออกจากท่า  แสงตะเกียงเล็กๆจากหลอดไฟประดิษฐ์ทุกดวงถูกดับลง ทุกสิ่งมืดสนิททันที เมื่อพวกเขาออกไปยังแม่น้ำเชลแล้ว เรือสีดำที่แล่นเร็วจี๋ตามกระแสลมก็ดูราวกับล่องหนได้

    “พวกท่านถนัดการเดินทางแบบลับๆล่อๆดีนะ”

    เคนิสว่าพร้อมกับยิ้มออกมา เมื่อนักพรตของกาเบรียลแต่ละคน ดูราวกับจะเป็นผู้คุมเรือเดินสมุทรชั้นเยี่ยม

    “ครับ พวกเราเป็นนักพรตที่ต้องออกแพร่ธรรมอยู่เสมอ  บางทีก็ต้องเเล่นใบผ่านเขตหวงห้าม ต้องออกมหาสมุทรเพื่อเข้าเขตนครอื่นบ่อยๆครับ  ท่านเคนิส”

    นักพรตที่คุมเรืออยู่เอ่ยตอบเคนิสอย่างสุภาพ ชายคนนั้นหันไปมองอาร์กัสอย่างสนใจเพราะยังเผลอมองเห็นดวงตาสีแดงฉานเรืองรองออกมา

    “และพวกผมก็เพิ่งจะเคยเห็น นักพรตที่เป็นเจตภูตครั้งแรกในชีวิต”

    อาร์กัสหันมามองนักพรตอื่นๆที่ยังจ้องมองมาทางตน  พรตปีศาจที่เลือกจะเงียบเสียนานจึงค่อยๆขยับปากพูด

    “ขอรับ ข้าเองก็ดีใจที่ได้ร่วมงานกับนักพรตซางตานีโอในยุคนี้  และนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเพิ่งเคยเดินทางมาซิลเทียเรส”

    “อะไรนะ! ท่านอยู่มาตั้งพันกว่าปีแต่ยังไม่เคยไปซิลเทียเรส”

    “ขอรับ ปกติงานของข้า คือดูแลชายแดนป่าเดียวดายทางเหนือของซางตานีโอ นานๆครั้งจึงจะได้มีโอกาสเข้ามาในเมืองขอรับ”

    “หายาก ! ท่านเป็นดั่งของหายากจริงๆ”

    แล้วนักพรตทั้งเก้าก็เริ่มพูดคุยกับอาร์กัส  พวกเขาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในยุคพันปีก่อนและในยุคปัจจุบันอย่างสนุกสนาน   แต่สำหรับหญิงสาวผมดำอีกคนกำลังยืนนิ่งด้วยความกังวล สัพเสียงรอบกายราวกับอยู่ห่างออกไปแสนไกล  เคนิสหันกลับไปมองแสงไพเป็นจุดเล็กๆของซางตานีโอที่เริ่มไกลขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็ลับหายไปจากสายตา

    “อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปละ กาเบรียล!

    สายลมรุนแรงราวกับจะหอบเอาเสียงที่ดังขึ้นในจิตใจกลับไปยังซางตานีโอ มันพัดรุนแรงสวนทางกับสายลมจากป่าเดียวดายที่พัดลงใต้ กระแสลมแปลกๆที่พัดมาครู่เดียวแล้วหายไป  เคนิสเบิกตากว้างเมื่อรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นในซางตานีโอ  เธอรู้สึกถึงการจับตามองของผู้อยู่ในความมืดจากเมืองที่เพิ่งจากมา หล่อนได้แต่กัดฟันกรอด เมื่อไม่อาจทำอะไรได้นอกจากมุ่งไปซิลเทียเรสเท่านั้น

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ท่ามกลางความมืดในคืนดึกสงัด ชายผู้หนึ่งยืนอยู่บนกำแพงเมือง พร้อมกับกล้องส่องทางไกล เขาส่องกล้องอยู่เช่นนั้นมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นแล้วอยู่ๆรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏออกมา  เมื่อดวงตาสีทองได้พบความเคลื่อนไหวแปลกๆในเมืองเข้าโดยบังเอิญ

    “แซม! นั่นคุณทำอะไรลับๆล่อๆ”

    เด็กหนุ่มผมขาวโพลน วิ่งขึ้นกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว  เกรย์ ฟีเดอาโก้ ตัดสินใจที่จะยังไม่รายงานอาร์คบิชอปกาเบรียลถึงเรื่องที่เขาสืบมาได้  เขายังไม่อยากเป็นเบี้ยของปีศาจตนนี้  เพราะถ้าหากเจ้าเมืองซางตานีโอต้องมาขัดแย้งกับอาร์คบิชอปในช่วงที่สงครามจะเกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ ดังนั้นสิ่งที่เขาควรทำคือจับตามองปีศาจตนนี้เอาไว้  และขัดขวางมันให้ได้มากที่สุด

    “หืม? นี่หรือ ฉันแค่ลองของเล่นใหม่ที่ได้จากท่านนัวร์  นายจะลองเอาไปส่องดูเมืองสวยๆยามค่ำคืนดูหน่อยมั้ยละ”

    แซมว่าแล้วโยนกล้องให้ฟีเดอาโก้

    “คุณกำลังวางแผนอะไรอยู่แน่ๆ!

    เด็กหนุ่มจ้องมองบุรุษผมสีเงินจากลอร์แซมเบิร์กอย่างไม่ไว้วางใจ

    “แผน ? ฉันยังไม่ได้คิดแผนอะไรสักหน่อย”

    แซมบอกปัดอย่างสบายอารมณ์แล้วเดินลงจากกำแพงเมือง

    “ผมไม่เชื่อคำพูดปีศาจ!

    “ใช่ ! นายไม่เชื่อ  แต่เจ้าเมืองซางตานีโอเชื่อ! แค่นั้นก็พอแล้ว”

    อยู่ๆแซมก็หัวเราะกึกๆ  เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่วิ่งตามตนเสมอนั้นทำตาเหลือกออกมา

    “ฉันไม่ได้จะทำอะไรเมืองนี้สักหน่อย  ฉันแค่ทำในสิ่งที่เจ้าเมืองร้องขอ   มนุษย์นั้นไม่สนใจหรอก ว่าจะเป็นพระเจ้าหรือปีศาจ  พวกนั้นสนแค่ว่าฝ่ายไหนให้ผลประโยชน์ได้มากกว่ากันเท่านั้น  ช่างเจ้าเล่ห์  เห็นแก่ตัว  สักวันหนึ่งนายจะได้รู้ ว่าบางทีปีศาจอย่างฉันอาจจะยังน่าคบกว่ามดปลวกพวกนั้นเป็นไหนๆ”

    “ปีศาจเจ้าเล่ห์อย่างคุณ ผมไม่คบด้วยหรอก”

    “นั่นสิ ถ้าเรื่องเจ้าเล่ห์ฉันไม่เถียงนาย   แต่จะเรียกว่าเจ้าเล่ห์ได้มั้ย เพราะฉันก็แค่รู้เท่าทันเกมพวกนายเท่านั้น”

    บุรุษผมสีเงินหัวเราะร่า  เขาหันขวับไปมองยังทิศใต้ของซางตานีโอ มองไปยังทิศทางที่เหล่านักพรตทั้งสิบ และดาร์ค บริสตั้น ได้แล่นใบจากไป   บราเดอร์แซมยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ดวงตาสีทองเปล่งประกายเมื่อต้องแสงจันทร์

    “คิดจะเดินหมากแข่งกับฉันแล้วหรือ กาเบรียล”

    อยู่ๆแซมก็เอ่ยชื่ออาร์คบิชอปออกมา จนเด็กหนุ่มอีกคนสะดุ้งโหยงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

    “คุณคิดจะทำอะไร!

    ฟีเดอาโก้รีบขวางหน้าแซมพร้อมกับหยิบหน้าไม้ออกจากกระเป๋าเล็งมาที่ปีศาจผมเงินมากเล่ห์ด้วยความตื่นตระหนก   ดวงตาสีทองของเขาจับจ้องไปยังดวงตาสีเดียวกันของปีศาจร้าย ที่ยังทำหน้าทำตาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร

    เอ้า! อยากยิงฉันให้ตาย ก็ยิงสิ   แต่นาย.........ทำไม่ได้หรอก”

    ปีศาจว่าแล้วยิ้มเยาะ

    “ทำไมผมถึงทำไม่ได้”

    “นั่นเพราะว่านายมันไม่มีปัญญาทำอะไรฉันได้ยังไงละ”

    “อะไรนะ!

    “วาจาสิทธิ์ของนายก็ใช้ไม่ได้แล้วนี่ คิดว่าของอย่างนั้นจะทำอะไรฉันคนนี้ได้เหรอไง  เก็บหน้าไม้นั่นลงซะ  เรื่องประเมินกำลังฉันคิดว่านายเองก็น่าจะฉลาดพอ  และขอบอกให้รู้ไว้ด้วยว่าฉันคนนี้ จงใจมองข้ามเกรย์ บริสตั้น อย่างนาย เพราะว่านายมันกระจอก!

    เด็กหนุ่มได้แต่ยืนนิ่ง รู้สึกเจ็บใจจนทำอะไรไม่ถูก  ใช่แล้ว  เขาทำอะไรไม่ได้  ตอนนี้เขาก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา  มนุษย์ธรรมดาที่จะถูกปีศาจระดับนายพลกำจัดทิ้งไปง่ายๆ   ที่นี่ไม่มีเคนิส  ไม่มีใครอื่นอีกแล้วนอกจากกาเบรียล!

    “นายต้องการอะไรกันแน่ !

    “หมากขวางทางเกะกะฉัน ก็ออกจากเมืองนี้ไปแล้ว นายเองก็กระจอกเกินไป   แต่ละหัวเมืองลูกน้องของฉันก็กำลังเล่นงานอยู่ คงไม่มีพวกอาร์คบิชอปหน้าไหนว่างมายุ่งหรอก  ตัวเกะกะขวางทางตอนนี้มีแค่หมากตัวนั้นเท่านั้น”

    แซมว่าขณะมองไปยังมหาวิหาร  บุรุษผมเงินยิ้มเยาะก่อนที่จะหันหลังกลับมาก็ไม่เห็นเด็กหนุ่มอีกคนยืนอยู่อีกแล้ว    เกรย์ ฟีเดอาโก้  บริสตั้นรีบจากไปอย่างรวดเร็ว  เขาไม่ได้หนี แต่กำลังไปหาอาร์คบิชอป ตัวหมากที่ขุนพลปีศาจตนนั้นหมายตาอยู่   มันจะเป็นแผนหรืออะไรก็ช่าง แต่เขาต้องรายงานทุกอย่างกับอาร์คบิชอปอย่างไม่มีทางเลือก   และเขาไม่ยอมให้ปีศาจตนนั้นเข้ามาทำอะไรได้อย่างเด็ดขาด 

     “น่าเสียดาย  ทั้งๆที่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายแท้ๆ ”

    แซมบ่นแล้วถอนหายใจ 

    “อ้า ใช่ ยังมีหมากอีกตัว ที่ต้องเดินให้เรียบร้อย”

    เขารีบก้มหยิบกระเป๋าเอกสาร แล้วเดินตรงดิ่งหายไปในความมืด  และพริบตานั้นเขาก็ก้าวเข้ามายังห้องว่าราชการของซางตานีโอ  ปีศาจแซมไม่ปกปิดตนเองอีกแล้ว  เขาเข้ามายังห้องที่ล็อคปิดสนิทจากทางใดไม่ทราบ และในนั้นมีเพียงเจ้าเมืองซางตานีโอที่ยังทำหน้าเคร่งเครียดอยู่เพียงลำพัง

    “ข้ากำลังรอเจ้าอยู่พอดี”

    เจ้าเมืองที่คุ้นเคยกับปีศาจ เขาไม่หวาดกลัวกับการปรากฏกายอย่างลึกลับของแซมอีกต่อไปแล้ว  บุรุษผมดำสูงศักดิ์เหลือบตาสีม่วงเข้มมองบุรุษผมสีเงินตรงหน้าอย่างยินดี

    “สนธิสัญญาที่ท่านนัวร์ให้ผมแปลให้ อยู่นี่แล้วครับ”

    “ขอบใจ”

    “แล้วผมยังมีอีกเรื่องที่จะรายงานท่านด้วยครับท่านนัวร์”

    เจ้าเมืองซางตานีโอรับเอกสารจากมือของแซม ก่อนจะมองหน้าเขาด้วยความกังวล  ชายผู้นี้มักมีข่าวแปลกๆมารายงานเขาได้เสมอและมักไม่ใช่เรื่องที่สู้ดีนักสำหรับเขาและซางตานีโอ  แต่สิ่งที่แซมรายงานนั้นก็ไม่เคยเป็นข่าวเท็จ

    “ว่ามา”

    “ตอนนี้อาร์คบิชอปกาเบรียล  ได้ส่งคนของเขาไปยังซิลเทียเรส”

    “ซิลเทียเรส!

    “ครับ เพิ่งไปเมื่อครู่นี้เห็นจะได้”

    นัวร์เบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก  เขาค่อยๆทิ้งตัวเองนั่นลงกับเก้าอี้ราวกับกำลังได้ยินเรื่องร้ายแรงจนขยับเขยื้อนไม่ได้ไปครู่หนึ่ง แล้วทันได้นั้นดวงตาสีม่วงเข้มก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

    “เจ้ารู้มั้ย ว่ากาเบรียลส่งคนไปที่นั่นทำไม”

    แซมรีบส่ายหน้า ก่อนจะรีบตอบ

    “ทำไมท่านไม่ไปถามอาร์คบิชอปดูเองละครับ”

    “ไม่ต้องถามอะไรให้มากความแล้ว ! ชายคนนั้นนำผีร้ายมาจากลอร์แซมเบิร์ก  ปกปิดข้าทุกอย่างตั้งแต่เรื่องกล่องอีทูลัส   แอบซื้อตัวทาส แล้วยัง.....แอบส่งคนไปซิลเทียเรส  เขาเป็นภัยต่อซางตานีโอแน่ๆ  แล้วเจ้ารู้หรือไม่แซม  ว่าซิลเทียเรสส่งสารเฮ็งซวยนี่มาถึงข้ากี่ฉบับแล้ว”

    นัวร์โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขาหยิบแฟ้มหรูหราออกมา แล้วขว้างทิ้งไปเบื้องหน้าแซมอย่างเกลียดชัง  มือไม้สั่นเทาไปหมด เมื่อยิ่งได้รู้ว่า อาร์คบิชอปที่ตนไว้ใจกำลังหักหลังก็ยิ่งเริ่มฉุนเฉียว

    “ซิลเทียเรสส่งสารมาหาข้าทุกปี   พวกมันส่งมาบอกว่าให้ข้ายกซางตานีโอให้มัน!  พวกสารเลวนั่นอ้างสนธิสัญญาบ้าบอตั้งแต่เมื่อ ห้าพันปีก่อนเพื่อจะมายึดที่นี่  แล้วขับไล่ชาวเมืองซางตานีโอให้เป็นทาส  คิดว่าเรื่องบ้าๆนี่ข้าจะยอมรับได้ยังไง!

    นัวร์โมโหจนเลือดขึ้นหน้าเมื่อยิ่งเห็นข้อความเหยียดหยามจากซิลเทียเรส ถูกส่งมาถึงซางตานีโอบ่อยครั้ง 

    “สนธิสัญญาที่ท่านให้ผมแปลให้นี่หรือครับ”

    แซมก้มมองเอกสารบนโต๊ะที่ตนเพิ่งแปลมาแล้วยิ้มเหยียด  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ค่อยๆปรากฏขึ้นแล้วหายไปทันที  ก่อนที่เขาจะปั้นหน้าเป็นร่าเริงเช่นเคย

    “ใช่! มันแนบมาพร้อมสารทุกครั้ง  เมื่อก่อนตอนที่เจ้ายังไม่ปรากฏตัว ข้าก็โยนทิ้งในเตาไฟบ้าง เพราะใครจะไปเข้าใจภาษาบ้าบอนั่นได้”

    “ภาษาปีศาจครับท่านนัวร์ อย่าเรียกว่าบ้าบอสิครับ เพราะผมจะกลายเป็นปีศาจบ้าเอา ”

    แซมเอ่ยแทรกพลางหัวเราะ เขาค่อยๆก้มหยิบสารที่หล่นอยู่ที่พื้นขึ้นมาไว้บนโต๊ะเช่นเดิม

    “ท่านสงบสติอารมณ์ลงก่อนดีกว่า  สนธิสัญญานี่ไว้ค่อยอ่านตอนท่านอารมณ์ดีเถอะครับ ตอนนี้ก็ทานข้าวพักผ่อนเสียบ้างเถอะ  คนรับใช้ของท่านยืนรอด้านนอกเสียนานแล้วด้วย”

    แซมหลิ่วตาไปยังคนรับใช้จำนวนสี่ห้าคน ที่นัวร์ไม่ยอมให้เข้ามาในห้อง พวกนั้นเตรียมอาหารรอเจ้าเมืองเป็นชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้อง

    “นั่นสิ งั้นเจ้าก็มาทานข้าวพร้อมข้าเสียเลย”

    “ท่านนัวร์ ท่านจะร่วมโต๊ะกับปีศาจได้หรือท่าน”

    “แล้วทำไมจะไม่ได้”

    แซมยืนหน้าตาตื่น แล้วเริ่มขำกับการกระทำของเจ้าเมือง  ที่กล้าเรียกปีศาจให้ร่วมโต๊ะอาหาร

    “แซมขอรับแค่น้ำใจของท่านก็พอครับ”

    ว่าแล้วเขาก็ถอยหลังหายไปในความมืด  แซมหายไปในชั่วพริบตาก่อนที่คนรับใช้จะนำอาหารเข้ามาในห้อง  เจ้าเมืองนัวร์ก็ได้แต่ถอนหายใจกับนิสัยชอบผลุบๆโผล่ๆของแซมก่อนจะเริ่มกินมื้อค่ำเป็นปกตินิสัย

    “ท่านนัวร์  ท่านคงยังได้นั่งทานอาหารเช่นนี้อีกไม่กี่วันเท่านั้น  และผมขอประกาศเปิดศึกอย่างเป็นทางการนับจากนี้ ”

    แซมเองก็ยังไม่ได้ไปไหนไกล เขาอยู่ด้านหน้าปราสาทซางตานีโอ  เงยหน้ามองไปยังห้องบนสุดที่เจ้าเมืองนัวร์ยังนั่งทานอาหารอยู่เมื่อครู่  เขายิ้มเริงร่า แล้วก้าวเท้าเงียบๆไร้เสียงฝีเท้าเข้าสู่ตัวเมืองซางตานีโอ บัดนี้ปีศาจ จะเรืองอำนาจขึ้นอีกครั้ง

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    END / Chapter 28 : แผนการร้ายของแซม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×