คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตัวตนที่แท้จริงของชายขี้เมา
พวกเคนิสมองเหล่าอาร์คบิชอปออกไปจากร้านตาปริบๆ เมื่อผู้มาเยือนบทจะมาก็มาแบบไม่ให้ตั้งตัว บทจะจากไปก็รวดเร็วเสียจนไม่ทันถามรายละเอียดอะไรได้
“จะเอายังไงดีคะ ตอนนี้หลอดไฟแตกหมด คงเปิดร้านไม่ได้”
แมรี่เอ่ยขึ้นขณะกวาดตามองร้านที่แทบมืดสนิท มีแสงจากภายนอกส่องเข้ามาบ้าง รวมถึงแสงเทียนนวลๆ ที่พวกเธอพากันเอาเทียนสีขาวขนาดเมตรกว่าๆมาจุดให้ความสว่างกลางร้าน ขับไล่ความมืดไปก่อน
“อา..............ปิดร้านไปเลยก็แล้วกัน”
เคนิสว่าแล้วถอนหายใจ เธอเดินไปล็อกประตูร้าน ก่อนที่ทั้งสามคนจะพากันมานั่งรวมกลุ่มกันอีกครั้งที่เคาน์เตอร์
ระยะเวลาการประชุมลับของเหล่าอาร์คบิชอปนั้น แม้จะใช้เวลาสั้นๆเพียงไม่ถึงชั่วโมง แต่ข้อมูลที่ได้รับกลับมาทำให้เข้าใจได้ทันทีว่า ตลอดเวลา 3 วันที่แสนเงียบกริบในความรู้สึกของพวกเธอ กลับเป็นความเงียบที่แฝงไปด้วยอันตราย แต่ละเมืองถูกลอกโจมตีโดยที่ฝ่ายโน้นไม่หวั่นเกรงเลยสักนิด อีกทั้งยังมีเรื่องมากมายที่พวกเคนิสไม่อาจเข้าใจทำได้แค่นั่งฟัง บางอย่างก็น่าสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถาม
“พวกเธอมีใครรู้จักหนังสือแห่งชีวิตกันบ้างมั้ย”
หญิงสาวผมดำตัดสินใจถามเพื่อนๆทั้งสองคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“ฉันแอบเห็นบางอย่างในหนังสือนั่น ตอนเอากาแฟกับขนมไปเสริฟ”
คำพูดของแมรี่ทำให้สองบริสตั้นสะดุ้งด้วยความตกใจ ดูเหมือนว่าแม่สาวเมดของร้านจะตาไวใช่เล่น
“เธอเห็นอะไรเหรอแมรี่!”
เคนิสถามอย่างตื่นเต้น แต่ฟีเดอาโก้อ้าปากค้างแทบอยากร้องให้ เพราะดูเหมือนขนมของเขาจะถูกอาร์คบิชอปยูริเอลแย่งกินไปเรียบร้อยแล้ว
“ฉันเห็นรหัสวิญญาณของมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในนั้น หนังสือนั่น เป็นบันทึกวิญญาณจริงๆ”
ในเสี้ยววินาทีที่แมรี่บังเอิญเหลือบไปเห็นข้อความบางอย่างในหนังสือเล่มนั้น ดวงตาของดัลลาฮันก็บันทึกทุกอย่างที่เห็นได้อย่างรวดเร็ว โคทแปลกๆที่บันทึกด้วยอักษรสวรรค์ บันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดบนโลก บันทึกการกระทำของมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงสิ้นชีวิต
“บันทึกวิญญาณ!นั่น มันใช่อันที่ตำนานว่ากันว่า จะใช้ในวันพิพากษาอะไรนั่นใช่มั้ย!”
เคนิสได้ยินถึงกับร้องลั่นทำไมของแบบนั้นอาร์คบิชอปจึงมีไว้ในครอบครองแล้วถือไปถือมาได้กัน
“ใช่ มันบันทึกทุกอย่างที่มนุษย์แต่ละคนได้ทำตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ฉันได้ยินว่าหนังสือแห่งชีวิตอยู่ในครอบครองของหนึ่งใน 7 อัครทูตสวรรค์”
คนฟังทั้งสองได้ยินคำว่า 7 อัครทูตสวรรค์ แล้วพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ถ้าอย่างนั้นตัวจริงของพวกอาร์คบิชอปก็คือ..............ไม่ ผมว่าไม่ใช่หรอก ทั้ง 7 คนนั้นเป็นมนุษย์จริงๆครับ ผมรู้สึกได้ ใช่มั้ยครับเคนิส”
เคนิส บริสตั้นเห็นด้วยกับฟีเดอาโก้ ตลอดเวลาตั้งแต่เล็กแต่น้อยที่รู้จักอาร์คบิชอปพวกนั้น ทั้งญาณหยั่งรู้และสัมผัสพิเศษต่างๆในตัวของพวกเธอได้วิเคราะห์ ตรวจสอบ พวกเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน 7 คนนั้นแม้จะเก่งกาจขนาดไหนยังไงก็เป็นมนุษย์แท้ๆ แน่นอน
“ถึงพวกเขา จะ ใช้ชื่อเป็นนามของ 7 อัครทูตสวรรค์ แต่นั่นก็เป็นแค่ศาสนนามนี่ครับ อาร์คบิชอปเมืองซางตานีโอ ก็ใช้ศาสนนามว่า กาเบรียล มาตั้งแต่สร้างเมืองนี้ใหม่ๆ แล้วตอนนี้ก็เป็นอาร์คบิชอปกาเบรียลที่ 23 ไม่น่าจะใช่อัครเทวดา กาเบรียลหรอกครับ”
“นั่นสินะ คนขี้เมาแบบนั้นจะเป็นเทวดากาเบรียลได้ยังไง ไม่มีทาง”
สองบริสตั้นว่าแล้วพากันหัวเราะ แมรี่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเมื่อครู่ คนที่เพิ่งมากินเหล้ามิสซาร้องห่มร้องให้นั่น ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นทูตสวรรค์ในตำนานไปได้
“ฮือ ฮือ โฮ โฮ”
ทันใดนั้นทั้งสามคนก็ได้ยินเสียงร้องให้ที่แสนคุ้นเคยดังมาจากมุมมืด ทั้งหมดพากันสะดุ้งเพราะดูเหมือนว่าคนที่กำลังถูกนินทาอยู่นั้น จะยังนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมไม่ได้ไปไหน พวกเธอทั้งสามอาจจะไม่ทันสังเกต หรือเพราะร้านมันมืดมากทำให้มองไม่เห็นหรืออะไรก็ช่าง แต่ที่แน่ๆชายผมทองขี้เมาคนนั้นยิ่งร้องห่มร้องให้หนักขึ้น
“ฉันมาน แย่ โฮ โฮ ฉาน-มาน-โคนขี้มาวว ไม่ควรเป็นอาร์คบิชอปม่ายยควร เปน ทูตสวรรค์”
ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยกเหล้ามิสซาอีกขวดมาดื่มพรวดๆ เคนิสร้องลั่นรีบขอโทษขอโพย แล้วดึงขวดเหล้าจากมือเขา แต่ดูเหมือนจะสายไปแล้วเพราะเหล้าถูกดื่มไปจนหมดทั้งขวด สรุปแล้วชายผู้นี้เป็นทูตสวรรค์จริงๆเหรอ! พวกเคนิสพยายามเค้นคำตอบจากปากคนเมา จนได้รับคำตอบว่า “ใช่” จากเจ้าตัว แต่ความน่าเชื่อถือก็แทบไม่เหลือ เพราะยังไงก็เป็นคำพูดของคนเมาคนหนึ่งเท่านั้น
“ท่านกาเบรียล ท่านเข้มแข็งหน่อยสิ หยุดร้องได้แล้วท่านเป็นทูตสวรรค์ไม่ใช่หรือ”
“...................................”
ดูเหมือนคำพูดประโยคนั้นของเคนิส จะทำให้เจ้าตัวสะดุ้งหยุดร้องให้ฟูมฟายฉับพลัน แต่หยาดน้ำตายังไหลรินออกจากตาไม่ขาดสาย
“สันตะปาปาทรงกันแสงกว่านี้มาก เพราะเห็นรายงานที่เต็มไปด้วยการกระทำชั่วช้าของมนุษย์ ทุกครั้งที่ฉันต้องเอารายงานไปถวายที่หน้าพระพัก ท่านร้องให้ไปหลายวัน แล้วครั้งนี้ฉันแทบไม่กล้าเอารายงานฉบับนี้ไปถวาย”
ว่าแล้วกาเบรียลก็ยกเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา จนเสื้อยืดสีขาวนั้นเปียกโชกไปหมด คนสามคนที่มองเขาอยู่นั้น ก็เริ่มพากันสงสารจับใจและแทบจะร้องให้ตามไปด้วย
“พวกเธอเข้าใจมั้ย ปีศาจมันแข็งแกร่งขึ้น มันขึ้นมาเข่นฆ่าทำร้ายผู้คนอย่างในตอนนี้ได้ ก็เพราะมนุษย์เจ้าบ้านมีจิตใจชั่วร้ายอำมหิต 7 นครสุดท้ายกำลังถูกโจมตี ถ้าฉันเอารายงานการประชุมนี้ไปถวาย ท่านต้องหัวใจสลายเป็นแน่ ฉันไม่อยากเห็นสันตะปาปาต้องเสียใจแบบนั้นอีกแล้ว”
อาร์คบิชอปการเบรียลพูดทั้งน้ำตานองหน้า เขายกแขนเสื้อมาปาดน้ำตา รายงานการประชุมที่อาร์คบิชอปยูริเอลบันทึกให้เมื่อครู่เริ่มเปียก
“ใจเย็นๆไว้ครับ ถ้าเรื่องปีศาจพวกผมจะพยามเต็มที่ ท่านรีบหยุดเสียใจแล้วเอารายงานไปมอบให้พระสันตะปาปาเถอะครับ ป่านนี้ท่านคงกำลังรออยู่แน่ๆ”
ฟีเดอาโก้เอ่ยปลอบอาร์คบิชอป พร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าจากแมรี่มายื่นให้เขา
“ขอบใจนะเจ้าหนู ฝากบอกเพื่อนเธอด้วยว่า พระสันตะปาปาคงจะดีใจมาก ถ้าเขากลับตัวกลับใจมาอยู่ข้างพระองค์อีกครั้ง”
ฟีเดอาโก้ได้ยินดังนั้นก็รู้ทันทีว่า เรื่องที่เขาเริ่มสื่อสารกับเพื่อนคนนั้นได้ เหล่าอาร์คบิชอปเองก็รู้เรื่องนี้แล้วเช่นกัน พวกเคนิสดูท่าจะปกปิดอะไรเหล่าอาร์คบิชอปไม่ได้เลย
“ครับ ไว้เขาตื่นแล้วผมจะบอกเขาให้ครับ”
อาร์คบิชอปกาเบรียลได้ยินดังนั้นก็ขยับยิ้ม ตัวเขาดูจะเริ่มกลับสู่สภาพปกติ เจ้าตัวหยุดร้องให้แล้วถอนหายใจ ยื่นมือไปคว้ารายงานการประชุมมาใส่ซองแล้วประทับตราอาร์คบิชอปเมืองซางตานีโอ
“จริงสิท่านกาเบรียล พระสันตะปาปาทรงประทับอยู่ที่ไหนเหรอ พวกเราอยู่ในเมืองนี้มาก็นาน ยังไม่เคยเห็นท่านเลยสักครั้งเดียว”
เคนิสถามทุกคนหันขวับมามองอาร์คบิชอปกาเบรียลเป็นตาเดียวกัน แม้แต่ดัลลาฮันที่อยู่ในเมืองนี้มาหลายพันปีก็ยังไม่เคยเห็นพระสันตะปาปา จะว่าไปแล้วก็ไม่เคยมีใครเห็นพระสันตะปาปาเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเคนิส ฟีเดอาโก้ เจ้าเมืองนัวร์หรือใครก็ตาม จะเห็นก็แค่อาร์คบิชอปของแต่ละเมืองอ่านสารของพระสันตะปาปาเดือนละครั้งเท่านั้น เรียกว่า เห็นแต่กระดาษกับตราประทับของท่านอย่างเดียว นอกนั้นก็ไม่เคยมีใครเห็นตัวเห็นตน เรียกว่าลึกลับเสียจนคนทั่วไปลือกันว่า ท่านป่วยหนักจนออกมาพบปะประชาชนไม่ได้ บางทีก็ว่ากันว่าท่านขังตัวเองในถ้ำที่ไหนสักแห่งหนึ่งเพื่อสวดภาวนาในนั้น
อาร์คบิชอปกาเบรียลค่อยๆยืนขึ้น ก่อนจะขยับยิ้มให้ทั้งสามคนที่กำลังรอคำตอบ
แล้วบุรุษขี้เมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเก่าๆไม่ต่างจากคนเร่ร่อนคนนั้น ชั่วพริบตาเดียวมันก็เปลี่ยนไปเป็นชุดคลุมยาวงดงาม พร้อมกับปรากฏปีกสีขาวขนาดใหญ่ที่กลางหลังของเขา ใบหน้าช้ำๆจากการร้องให้ถูกแทนที่ไปด้วยใบหน้างดงาม เส้นผมเงางามดุดทองคำ มือข้างหนึ่งถือคทาสีทอง อีกข้างหนึ่งถือดอกลินลี่สีขาวพร้อมกับรัศมีสีทองเรืองรองอบอุ่น นี่คืออัครเทวดาตามคำบอกเล่าในตำนาน ทูตสวรรค์ผู้นำสารจากสวรรค์
“อัครเทวดากาเบรียล!”
ทั้งสามคนร้องลั่น และทันใดนั้นอัครเทวดากาเบรียลก็หายวาปไปต่อหน้าต่อตา ผ้าเช็ดหน้าที่ ฟีเดอาโก้ยื่นให้เขาเมื่อครู่ร่วงลงพื้น ภูตดัลลาฮัน กับ สองบริสตั้นอ้าปากค้างยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ถ้าหากอาร์คบิชอปทั้ง 7 คืออัครทูตสวรรค์ตามตำนานจริงๆ พระสันตะปาปาหัวหน้าของพวกเขาคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพระเป็นเจ้าแห่งสวรรค์!
“ตะ ตะ ตัวจริงใช่มั้ยนั่น”
เคนิสยังอึ้งอยู่ มือยังชี้ไปตรงที่ว่าง ตรงที่อาร์คบิชอปกาเบรียลเคยนั่งเมื่อครู่
“นะ น่าจะ ของจริงครับ ”
ฟีเดอาโก้ตาเบิกค้าง เขาก้มหยิบผ้าเช็ดหน้าคืนให้แมรี่ บัดนี้ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้ว เมื่อทั้งมองกับตาปกติทั้งญาณหยั่งรู้ ทุกอย่างรู้สึกถึงพลังอำนาจทรงพลังของหนึ่งในเจ็ดอัครเทวดาผู้นั้นอย่างชัดเจน ทั้งที่ตอนอยู่ในร่างมนุษย์เมื่อครู่ พวกเธอทั้งสามกลับไม่รู้สึกถึงอำนาจนั้นแม้แต่น้อย นี่สินะเขาเรียกว่าความสามารถที่เหนือระดับ อาร์คบิชอปทั้ง 7 คืออัครเทวดาในตำนานนั่นจริงๆ พวกเขาสถิตในร่างกายแบบมนุษย์ ปลอมแปลงรหัสวิญญาณอย่างแนบเนียนเช่นเดียวกันกับปีศาจระดับนายพลพวกนั้น แฝงเร้นเข้ามาปกป้องมนุษย์ตามบันชาสวรรค์
“แบบนี้นี่เอง”
สาวเมดผมทองมองไปที่เหล้ามิสซาสองขวดที่น่าจะถูกอาร์คบิชอปกาเบรียลดื่มไปหมดแล้ว แต่ว่าเหล้าองุ่นในแก้วที่เธอรินให้เมื่อครู่ ก็ยังอยู่เต็มแก้วแบบนั้น ส่วนเหล้าที่อยู่ในขวดใบแรกก็ยังเหลือเท่าเดิม และอีกขวดที่พวกเธอเห็นเขายกดื่มจนเหล้าหมดจากขวดแล้ว กลับยังมีเหล้าอยู่เต็มขวด ทั้งฉลากทั้งจุกฝาที่ปิดปากขวดไว้ ก็ยังอยู่เหมือนใหม่ราวกับไม่ได้ผ่านการเปิดแม้แต่น้อย
“หมายความว่ายังไงแมรี่ เหล้าสองขวดนั่นถูกดื่มจนหมดแล้วฉันเห็นกับตา”
เคนิสมองเหล้ามิสซาตาค้างด้วยความตกใจ ส่วนฟีเดอาโก้ขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกจ้องขวดเหล้าตาแป๋ว
“เขาแค่ทำให้เราเห็นเป็นแบบนั้น เจ้าตัวมาที่นี่แค่วิญญาณ ส่วนร่างกายน่าจะยังนอนอยู่ที่ทำการมหาวิหารนั่นแหละ”
แมรี่ว่าพลางเก็บเหล้ามิสซาไว้ที่ชั้นดังเดิม ความสามารถนั้นทำให้เคนิสตกตะลึง นี่ขนาดถอดวิญญาณมาเขายังสามารถทำได้ขนาดนั้น อัครเทวดาเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าพวกเธอห่างไกลนัก
“แล้ว ทำไมขนมของผมยังหายเรียบเหมือนเดิมละครับ”
ฟีเดอาโก้แทบอยากร้องให้ อย่างน้อยถ้าเป็นแค่ร่างปรากฏก็น่าจะไม่กินเค้กของเขาไปจริงๆ และน่าจะเหลือไว้ให้เขาเหมือนเดิม
“รายนั้นน่าจะมาทั้งร่างทั้งวิญญาณแหละ กินเรียบแบบนั้น”
เคนิสวิเคราะห์แล้วหัวเราะ เมื่อฟีเดอาโก้ เริ่มทำหน้าเบ้ จานกับถุงที่เหลือทิ้งให้ดูต่างหน้านั่นทำให้เด็กหนุ่มผมขาวร้องลั่นด้วยความเสียดาย เขาอุส่าออกไปซื้อตั้งแต่หัวค่ำและตอนนี้ร้านนั่นก็น่าจะปิดแล้ว
“เอาเถอะพรุ่งนี้ นายก็ไปซื้อใหม่แล้วกัน ตอนกลับจากโรงเรียนก็ยังซื้อทันหรอก”
“โรงเรียน!”
“ใช่ พรุ่งนี้แต่เช้านายต้องไปเรียนคลาสพิเศษแผนกตรวจตราวัตถุอัปมงคลอะไรนั่น”
“ม่ายยยยยยยยยยยย พอที ผมไม่ไป”
ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มผมขาวจะเริ่มร้องลั่นไม่อยากไปโรงเรียน เขานั่งลงกับพื้นแล้วร้องให้โฮ ไม่ต่างจากเด็กเล็กๆที่ต้องไปโรงเรียนครั้งแรก ทั้งที่จริงแล้วเจ้าตัวกำลังร้องให้เพราะคทาอีกเป็นภูเขาที่ต้องซ่อม ซ้ำร้ายยังต้องไปเนียนเป็นนักสืบในคราบนักเรียน หาข่าวคราวของผู้อยู่เบื้องหลังการคืนชีพอิสซาเบลล่าอีก
“ขอเหล้าแรงๆผมขวด”
ในที่สุดเจ้าหนูฟีเดอาโก้ก็เริ่มร้องให้เหมือนใครบางคน แม้จะสั่งเหล้ามิสซามาย้อมใจแต่ดูเหมือนคนขายทั้งสองจะไม่ยอมให้
“นายอายุยังไม่ถึง”
แมรี่ว่าแล้วแอบหัวเราะ
“ไม่ใช่นะร่างนี้ที่เห็นว่าเป็นเด็ก แต่ก็เป็นแค่ร่างปรากฏของผมเท่านั้น”
“หืม ? อย่างนั้นหรือ” เคนิสพูดพลางหัวเรอะ
ดูเหมือนว่ามุขเลียนแบบนั้นจะใช้ไม่ได้ผล สาวๆทั้งสองไม่มีใครเอาเหล้าออกมาให้ แถมยังล็อคตู้มิดชิดทันที เคนิสขึ้นไปนอนที่ชั้นสอง ส่วนแมรี่ก็หายไปในความมืดพร้อมม้าฝันร้าย ทิ้งให้เขานั่งแหมะในความมืด กับชุดนักเรียนสีน้ำเงินที่จะต้องใส่ในวันพรุ่งนี้ตามคำสั่งของหนึ่งในอาร์คบิชอปเจ็ดอัครเทวดาในตำนาน ที่หลงคิดว่าน่าจะเป็นแค่ความเชื่อทางศาสนา ทั้งที่คิดว่าเป็นแค่เรื่องเล่า แต่พวกเขากลับมีตัวตนอยู่จริงๆ อีกทั้งยังปฏิบัติหน้าที่ตามบัญชาสวรรค์ด้วยความขยันขันแข็ง เข้ามาปะปนแฝงกายอยู่กับมนุษย์อย่างแนบเนียน ความปรารถนาเดียวของพวกเขาคือเพื่อพิทักษ์รักษามวลมนุษย์
เด็กหนุ่มผมขาวถอนหายใจ เขาเอาชุดนักเรียนสีน้ำเงินขึ้นมาสวม พอมองไปด้านนอกก็เห็นแสงจากพระอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาในร้าน เขาเห็นตรากางเขนหนามที่อกเสื้อ ซึ่งเป็นตรากางเขนประจำตระกูลบริสตั้น เด็กหนุ่มจำได้ทันทีว่าเขาลืมอะไรบางอย่างไป
“นี่นาย มีคนเขาฝากมาบอกกับนายว่า พระเจ้าคงจะดีใจมาก ถ้านายกลับตัวกลับใจมาอยู่ข้างพระองค์อีกครั้ง”
เด็กหนุ่มพูดกับชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ บุรุษผู้ถูกจองจำและพันธนาการลืมตาขึ้น แล้วยิ้มเหยียดออกมา
“ข้าขอฝากถ้อยคำของข้าถึงผู้ถือสารจากสวรรค์ผู้นั้นด้วยว่า ข้าจะตั้งบัลลังก์ของข้าในที่สูงสุดบนสวรรค์ และข้าจะเป็นดังผู้สูงสุด อย่าหวังว่าข้าจะก้มหัวให้ และมนุษย์ที่ท่านแสนโปรดปราน ข้าจะกระทำให้พวกมันเป็นดั่งหญ้าแห้งที่มอดไหม้ในไฟนรก”
“ครับๆๆ ไว้ว่างๆผมจะบอกเขาให้แล้วกันครับ ลูจัง”
ทันใดนั้นเงาสีดำของเด็กหนุ่ม ก็ค่อยๆกลายร่างเป็น งูสีดำสนิท มันเลื้อยขึ้นมาบนตัวเขาก่อนจะพันรอบต้นคอเด็กหนุ่ม หัวของมันแลบลิ้นแพลบๆเสมอใบหน้าของฟีเดอาโก้
“เจ้าจะเป็นมนุษย์เดียว ที่ข้าจะให้นั่งข้างกายข้าบนบัลลังก์ ณ ที่สูงสุดนั้น ถ้าเพียงเจ้าปล่อยข้าออกไป”
“เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ผมไม่ชอบที่สูงๆ นายหลับได้แล้ว ผมจะไปโรงเรียน”
เป็นคำสั่งที่เรียบง่าย แต่งูดำตัวนั้นก็สลายร่างไปในพริบตา กลับกลายมาเป็นเงาให้เขาอีกครั้ง เด็กหนุ่มรีบหยิบเสื้อสีน้ำเงินเข้มนั้นมาสวม ก่อนที่จะออกจากร้านเพื่อเข้าเรียนคลาสของระดับโปรครั้งแรก โดยที่ไม่รู้เลยว่า มีสายตาของใครบางคนแอบมองเขาอยู่ที่ไกลแสนไกล
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
END / ตัวตนที่แท้จริงของชายขี้เมา
ความคิดเห็น