ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Etolus boxes (กล่องอีทูลัส)

    ลำดับตอนที่ #9 : ตัวตนที่แท้จริงของชายขี้เมา

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 65


    พวกเคนิสมองเหล่าอาร์คบิชอปออกไปจากร้านตาปริบๆ  เมื่อผู้มาเยือนบทจะมาก็มาแบบไม่ให้ตั้งตัว  บทจะจากไปก็รวดเร็วเสียจนไม่ทันถามรายละเอียดอะไรได้

     

     

                    “จะเอายังไงดีคะ  ตอนนี้หลอดไฟแตกหมด  คงเปิดร้านไม่ได้”

    แมรี่เอ่ยขึ้นขณะกวาดตามองร้านที่แทบมืดสนิท  มีแสงจากภายนอกส่องเข้ามาบ้าง รวมถึงแสงเทียนนวลๆ ที่พวกเธอพากันเอาเทียนสีขาวขนาดเมตรกว่าๆมาจุดให้ความสว่างกลางร้าน   ขับไล่ความมืดไปก่อน

                    “อา..............ปิดร้านไปเลยก็แล้วกัน”

    เคนิสว่าแล้วถอนหายใจ  เธอเดินไปล็อกประตูร้าน  ก่อนที่ทั้งสามคนจะพากันมานั่งรวมกลุ่มกันอีกครั้งที่เคาน์เตอร์

                    ระยะเวลาการประชุมลับของเหล่าอาร์คบิชอปนั้น  แม้จะใช้เวลาสั้นๆเพียงไม่ถึงชั่วโมง    แต่ข้อมูลที่ได้รับกลับมาทำให้เข้าใจได้ทันทีว่า   ตลอดเวลา 3 วันที่แสนเงียบกริบในความรู้สึกของพวกเธอ กลับเป็นความเงียบที่แฝงไปด้วยอันตราย   แต่ละเมืองถูกลอกโจมตีโดยที่ฝ่ายโน้นไม่หวั่นเกรงเลยสักนิด  อีกทั้งยังมีเรื่องมากมายที่พวกเคนิสไม่อาจเข้าใจทำได้แค่นั่งฟัง   บางอย่างก็น่าสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถาม

                                    “พวกเธอมีใครรู้จักหนังสือแห่งชีวิตกันบ้างมั้ย”

    หญิงสาวผมดำตัดสินใจถามเพื่อนๆทั้งสองคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ  

                                    “ฉันแอบเห็นบางอย่างในหนังสือนั่น ตอนเอากาแฟกับขนมไปเสริฟ”

    คำพูดของแมรี่ทำให้สองบริสตั้นสะดุ้งด้วยความตกใจ  ดูเหมือนว่าแม่สาวเมดของร้านจะตาไวใช่เล่น

                                    “เธอเห็นอะไรเหรอแมรี่!”

    เคนิสถามอย่างตื่นเต้น  แต่ฟีเดอาโก้อ้าปากค้างแทบอยากร้องให้ เพราะดูเหมือนขนมของเขาจะถูกอาร์คบิชอปยูริเอลแย่งกินไปเรียบร้อยแล้ว

                    “ฉันเห็นรหัสวิญญาณของมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในนั้น  หนังสือนั่น เป็นบันทึกวิญญาณจริงๆ”

    ในเสี้ยววินาทีที่แมรี่บังเอิญเหลือบไปเห็นข้อความบางอย่างในหนังสือเล่มนั้น  ดวงตาของดัลลาฮันก็บันทึกทุกอย่างที่เห็นได้อย่างรวดเร็ว  โคทแปลกๆที่บันทึกด้วยอักษรสวรรค์  บันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดบนโลก บันทึกการกระทำของมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงสิ้นชีวิต

                    “บันทึกวิญญาณ!นั่น   มันใช่อันที่ตำนานว่ากันว่า  จะใช้ในวันพิพากษาอะไรนั่นใช่มั้ย!”

    เคนิสได้ยินถึงกับร้องลั่นทำไมของแบบนั้นอาร์คบิชอปจึงมีไว้ในครอบครองแล้วถือไปถือมาได้กัน

                    “ใช่   มันบันทึกทุกอย่างที่มนุษย์แต่ละคนได้ทำตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ฉันได้ยินว่าหนังสือแห่งชีวิตอยู่ในครอบครองของหนึ่งใน 7 อัครทูตสวรรค์”

                    คนฟังทั้งสองได้ยินคำว่า 7 อัครทูตสวรรค์ แล้วพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ  

                    “ถ้าอย่างนั้นตัวจริงของพวกอาร์คบิชอปก็คือ..............ไม่  ผมว่าไม่ใช่หรอก  ทั้ง 7 คนนั้นเป็นมนุษย์จริงๆครับ  ผมรู้สึกได้ ใช่มั้ยครับเคนิส”

                    เคนิส บริสตั้นเห็นด้วยกับฟีเดอาโก้  ตลอดเวลาตั้งแต่เล็กแต่น้อยที่รู้จักอาร์คบิชอปพวกนั้น ทั้งญาณหยั่งรู้และสัมผัสพิเศษต่างๆในตัวของพวกเธอได้วิเคราะห์ ตรวจสอบ พวกเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน  7 คนนั้นแม้จะเก่งกาจขนาดไหนยังไงก็เป็นมนุษย์แท้ๆ แน่นอน

                    “ถึงพวกเขา จะ ใช้ชื่อเป็นนามของ 7 อัครทูตสวรรค์   แต่นั่นก็เป็นแค่ศาสนนามนี่ครับ  อาร์คบิชอปเมืองซางตานีโอ ก็ใช้ศาสนนามว่า กาเบรียล  มาตั้งแต่สร้างเมืองนี้ใหม่ๆ แล้วตอนนี้ก็เป็นอาร์คบิชอปกาเบรียลที่ 23 ไม่น่าจะใช่อัครเทวดา กาเบรียลหรอกครับ”

                    “นั่นสินะ คนขี้เมาแบบนั้นจะเป็นเทวดากาเบรียลได้ยังไง  ไม่มีทาง”

    สองบริสตั้นว่าแล้วพากันหัวเราะ แมรี่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเมื่อครู่  คนที่เพิ่งมากินเหล้ามิสซาร้องห่มร้องให้นั่น ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นทูตสวรรค์ในตำนานไปได้

                    “ฮือ  ฮือ  โฮ โฮ”

    ทันใดนั้นทั้งสามคนก็ได้ยินเสียงร้องให้ที่แสนคุ้นเคยดังมาจากมุมมืด  ทั้งหมดพากันสะดุ้งเพราะดูเหมือนว่าคนที่กำลังถูกนินทาอยู่นั้น จะยังนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมไม่ได้ไปไหน  พวกเธอทั้งสามอาจจะไม่ทันสังเกต หรือเพราะร้านมันมืดมากทำให้มองไม่เห็นหรืออะไรก็ช่าง   แต่ที่แน่ๆชายผมทองขี้เมาคนนั้นยิ่งร้องห่มร้องให้หนักขึ้น

                    “ฉันมาน แย่ โฮ โฮ  ฉาน-มาน-โคนขี้มาวว ไม่ควรเป็นอาร์คบิชอปม่ายยควร  เปน ทูตสวรรค์”

    ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยกเหล้ามิสซาอีกขวดมาดื่มพรวดๆ  เคนิสร้องลั่นรีบขอโทษขอโพย แล้วดึงขวดเหล้าจากมือเขา แต่ดูเหมือนจะสายไปแล้วเพราะเหล้าถูกดื่มไปจนหมดทั้งขวด   สรุปแล้วชายผู้นี้เป็นทูตสวรรค์จริงๆเหรอ!  พวกเคนิสพยายามเค้นคำตอบจากปากคนเมา  จนได้รับคำตอบว่า “ใช่” จากเจ้าตัว  แต่ความน่าเชื่อถือก็แทบไม่เหลือ เพราะยังไงก็เป็นคำพูดของคนเมาคนหนึ่งเท่านั้น

                    “ท่านกาเบรียล ท่านเข้มแข็งหน่อยสิ   หยุดร้องได้แล้วท่านเป็นทูตสวรรค์ไม่ใช่หรือ”

                    “...................................”

    ดูเหมือนคำพูดประโยคนั้นของเคนิส จะทำให้เจ้าตัวสะดุ้งหยุดร้องให้ฟูมฟายฉับพลัน   แต่หยาดน้ำตายังไหลรินออกจากตาไม่ขาดสาย

                    “สันตะปาปาทรงกันแสงกว่านี้มาก  เพราะเห็นรายงานที่เต็มไปด้วยการกระทำชั่วช้าของมนุษย์  ทุกครั้งที่ฉันต้องเอารายงานไปถวายที่หน้าพระพัก   ท่านร้องให้ไปหลายวัน แล้วครั้งนี้ฉันแทบไม่กล้าเอารายงานฉบับนี้ไปถวาย”

                    ว่าแล้วกาเบรียลก็ยกเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา จนเสื้อยืดสีขาวนั้นเปียกโชกไปหมด  คนสามคนที่มองเขาอยู่นั้น ก็เริ่มพากันสงสารจับใจและแทบจะร้องให้ตามไปด้วย

                    “พวกเธอเข้าใจมั้ย  ปีศาจมันแข็งแกร่งขึ้น  มันขึ้นมาเข่นฆ่าทำร้ายผู้คนอย่างในตอนนี้ได้ ก็เพราะมนุษย์เจ้าบ้านมีจิตใจชั่วร้ายอำมหิต  7 นครสุดท้ายกำลังถูกโจมตี  ถ้าฉันเอารายงานการประชุมนี้ไปถวาย  ท่านต้องหัวใจสลายเป็นแน่  ฉันไม่อยากเห็นสันตะปาปาต้องเสียใจแบบนั้นอีกแล้ว”

                    อาร์คบิชอปการเบรียลพูดทั้งน้ำตานองหน้า เขายกแขนเสื้อมาปาดน้ำตา   รายงานการประชุมที่อาร์คบิชอปยูริเอลบันทึกให้เมื่อครู่เริ่มเปียก

                    “ใจเย็นๆไว้ครับ  ถ้าเรื่องปีศาจพวกผมจะพยามเต็มที่ ท่านรีบหยุดเสียใจแล้วเอารายงานไปมอบให้พระสันตะปาปาเถอะครับ ป่านนี้ท่านคงกำลังรออยู่แน่ๆ”

    ฟีเดอาโก้เอ่ยปลอบอาร์คบิชอป พร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าจากแมรี่มายื่นให้เขา

                    “ขอบใจนะเจ้าหนู  ฝากบอกเพื่อนเธอด้วยว่า พระสันตะปาปาคงจะดีใจมาก ถ้าเขากลับตัวกลับใจมาอยู่ข้างพระองค์อีกครั้ง”

                    ฟีเดอาโก้ได้ยินดังนั้นก็รู้ทันทีว่า  เรื่องที่เขาเริ่มสื่อสารกับเพื่อนคนนั้นได้ เหล่าอาร์คบิชอปเองก็รู้เรื่องนี้แล้วเช่นกัน  พวกเคนิสดูท่าจะปกปิดอะไรเหล่าอาร์คบิชอปไม่ได้เลย

                    “ครับ  ไว้เขาตื่นแล้วผมจะบอกเขาให้ครับ”

    อาร์คบิชอปกาเบรียลได้ยินดังนั้นก็ขยับยิ้ม  ตัวเขาดูจะเริ่มกลับสู่สภาพปกติ  เจ้าตัวหยุดร้องให้แล้วถอนหายใจ ยื่นมือไปคว้ารายงานการประชุมมาใส่ซองแล้วประทับตราอาร์คบิชอปเมืองซางตานีโอ

                    “จริงสิท่านกาเบรียล  พระสันตะปาปาทรงประทับอยู่ที่ไหนเหรอ  พวกเราอยู่ในเมืองนี้มาก็นาน ยังไม่เคยเห็นท่านเลยสักครั้งเดียว”

                    เคนิสถามทุกคนหันขวับมามองอาร์คบิชอปกาเบรียลเป็นตาเดียวกัน  แม้แต่ดัลลาฮันที่อยู่ในเมืองนี้มาหลายพันปีก็ยังไม่เคยเห็นพระสันตะปาปา  จะว่าไปแล้วก็ไม่เคยมีใครเห็นพระสันตะปาปาเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเคนิส    ฟีเดอาโก้    เจ้าเมืองนัวร์หรือใครก็ตาม  จะเห็นก็แค่อาร์คบิชอปของแต่ละเมืองอ่านสารของพระสันตะปาปาเดือนละครั้งเท่านั้น    เรียกว่า เห็นแต่กระดาษกับตราประทับของท่านอย่างเดียว  นอกนั้นก็ไม่เคยมีใครเห็นตัวเห็นตน  เรียกว่าลึกลับเสียจนคนทั่วไปลือกันว่า  ท่านป่วยหนักจนออกมาพบปะประชาชนไม่ได้  บางทีก็ว่ากันว่าท่านขังตัวเองในถ้ำที่ไหนสักแห่งหนึ่งเพื่อสวดภาวนาในนั้น

                    อาร์คบิชอปกาเบรียลค่อยๆยืนขึ้น ก่อนจะขยับยิ้มให้ทั้งสามคนที่กำลังรอคำตอบ 
     

                    แล้วบุรุษขี้เมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเก่าๆไม่ต่างจากคนเร่ร่อนคนนั้น  ชั่วพริบตาเดียวมันก็เปลี่ยนไปเป็นชุดคลุมยาวงดงาม พร้อมกับปรากฏปีกสีขาวขนาดใหญ่ที่กลางหลังของเขา  ใบหน้าช้ำๆจากการร้องให้ถูกแทนที่ไปด้วยใบหน้างดงาม เส้นผมเงางามดุดทองคำ มือข้างหนึ่งถือคทาสีทอง อีกข้างหนึ่งถือดอกลินลี่สีขาวพร้อมกับรัศมีสีทองเรืองรองอบอุ่น  นี่คืออัครเทวดาตามคำบอกเล่าในตำนาน ทูตสวรรค์ผู้นำสารจากสวรรค์

                    “อัครเทวดากาเบรียล!”

                    ทั้งสามคนร้องลั่น   และทันใดนั้นอัครเทวดากาเบรียลก็หายวาปไปต่อหน้าต่อตา  ผ้าเช็ดหน้าที่  ฟีเดอาโก้ยื่นให้เขาเมื่อครู่ร่วงลงพื้น ภูตดัลลาฮัน กับ สองบริสตั้นอ้าปากค้างยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น   ถ้าหากอาร์คบิชอปทั้ง 7 คืออัครทูตสวรรค์ตามตำนานจริงๆ  พระสันตะปาปาหัวหน้าของพวกเขาคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพระเป็นเจ้าแห่งสวรรค์!

                    “ตะ ตะ ตัวจริงใช่มั้ยนั่น”

    เคนิสยังอึ้งอยู่   มือยังชี้ไปตรงที่ว่าง ตรงที่อาร์คบิชอปกาเบรียลเคยนั่งเมื่อครู่

                   “นะ น่าจะ ของจริงครับ  ”

    ฟีเดอาโก้ตาเบิกค้าง เขาก้มหยิบผ้าเช็ดหน้าคืนให้แมรี่  บัดนี้ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้ว เมื่อทั้งมองกับตาปกติทั้งญาณหยั่งรู้   ทุกอย่างรู้สึกถึงพลังอำนาจทรงพลังของหนึ่งในเจ็ดอัครเทวดาผู้นั้นอย่างชัดเจน ทั้งที่ตอนอยู่ในร่างมนุษย์เมื่อครู่  พวกเธอทั้งสามกลับไม่รู้สึกถึงอำนาจนั้นแม้แต่น้อย  นี่สินะเขาเรียกว่าความสามารถที่เหนือระดับ  อาร์คบิชอปทั้ง 7 คืออัครเทวดาในตำนานนั่นจริงๆ  พวกเขาสถิตในร่างกายแบบมนุษย์ ปลอมแปลงรหัสวิญญาณอย่างแนบเนียนเช่นเดียวกันกับปีศาจระดับนายพลพวกนั้น  แฝงเร้นเข้ามาปกป้องมนุษย์ตามบันชาสวรรค์

                                    “แบบนี้นี่เอง”

    สาวเมดผมทองมองไปที่เหล้ามิสซาสองขวดที่น่าจะถูกอาร์คบิชอปกาเบรียลดื่มไปหมดแล้ว  แต่ว่าเหล้าองุ่นในแก้วที่เธอรินให้เมื่อครู่   ก็ยังอยู่เต็มแก้วแบบนั้น  ส่วนเหล้าที่อยู่ในขวดใบแรกก็ยังเหลือเท่าเดิม   และอีกขวดที่พวกเธอเห็นเขายกดื่มจนเหล้าหมดจากขวดแล้ว กลับยังมีเหล้าอยู่เต็มขวด  ทั้งฉลากทั้งจุกฝาที่ปิดปากขวดไว้  ก็ยังอยู่เหมือนใหม่ราวกับไม่ได้ผ่านการเปิดแม้แต่น้อย

                    “หมายความว่ายังไงแมรี่   เหล้าสองขวดนั่นถูกดื่มจนหมดแล้วฉันเห็นกับตา”

    เคนิสมองเหล้ามิสซาตาค้างด้วยความตกใจ  ส่วนฟีเดอาโก้ขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกจ้องขวดเหล้าตาแป๋ว

                    “เขาแค่ทำให้เราเห็นเป็นแบบนั้น เจ้าตัวมาที่นี่แค่วิญญาณ  ส่วนร่างกายน่าจะยังนอนอยู่ที่ทำการมหาวิหารนั่นแหละ”

             แมรี่ว่าพลางเก็บเหล้ามิสซาไว้ที่ชั้นดังเดิม  ความสามารถนั้นทำให้เคนิสตกตะลึง นี่ขนาดถอดวิญญาณมาเขายังสามารถทำได้ขนาดนั้น อัครเทวดาเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าพวกเธอห่างไกลนัก

                    “แล้ว  ทำไมขนมของผมยังหายเรียบเหมือนเดิมละครับ”

    ฟีเดอาโก้แทบอยากร้องให้ อย่างน้อยถ้าเป็นแค่ร่างปรากฏก็น่าจะไม่กินเค้กของเขาไปจริงๆ  และน่าจะเหลือไว้ให้เขาเหมือนเดิม

                    “รายนั้นน่าจะมาทั้งร่างทั้งวิญญาณแหละ  กินเรียบแบบนั้น”

    เคนิสวิเคราะห์แล้วหัวเราะ  เมื่อฟีเดอาโก้ เริ่มทำหน้าเบ้  จานกับถุงที่เหลือทิ้งให้ดูต่างหน้านั่นทำให้เด็กหนุ่มผมขาวร้องลั่นด้วยความเสียดาย เขาอุส่าออกไปซื้อตั้งแต่หัวค่ำและตอนนี้ร้านนั่นก็น่าจะปิดแล้ว

                    “เอาเถอะพรุ่งนี้ นายก็ไปซื้อใหม่แล้วกัน ตอนกลับจากโรงเรียนก็ยังซื้อทันหรอก”

                    “โรงเรียน!”

                    “ใช่  พรุ่งนี้แต่เช้านายต้องไปเรียนคลาสพิเศษแผนกตรวจตราวัตถุอัปมงคลอะไรนั่น”

                    “ม่ายยยยยยยยยยยย  พอที ผมไม่ไป”

    ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มผมขาวจะเริ่มร้องลั่นไม่อยากไปโรงเรียน  เขานั่งลงกับพื้นแล้วร้องให้โฮ ไม่ต่างจากเด็กเล็กๆที่ต้องไปโรงเรียนครั้งแรก ทั้งที่จริงแล้วเจ้าตัวกำลังร้องให้เพราะคทาอีกเป็นภูเขาที่ต้องซ่อม ซ้ำร้ายยังต้องไปเนียนเป็นนักสืบในคราบนักเรียน  หาข่าวคราวของผู้อยู่เบื้องหลังการคืนชีพอิสซาเบลล่าอีก

                    “ขอเหล้าแรงๆผมขวด”

    ในที่สุดเจ้าหนูฟีเดอาโก้ก็เริ่มร้องให้เหมือนใครบางคน   แม้จะสั่งเหล้ามิสซามาย้อมใจแต่ดูเหมือนคนขายทั้งสองจะไม่ยอมให้

                    “นายอายุยังไม่ถึง”

    แมรี่ว่าแล้วแอบหัวเราะ

                    “ไม่ใช่นะร่างนี้ที่เห็นว่าเป็นเด็ก   แต่ก็เป็นแค่ร่างปรากฏของผมเท่านั้น”

                    “หืม ?  อย่างนั้นหรือ” เคนิสพูดพลางหัวเรอะ

    ดูเหมือนว่ามุขเลียนแบบนั้นจะใช้ไม่ได้ผล  สาวๆทั้งสองไม่มีใครเอาเหล้าออกมาให้  แถมยังล็อคตู้มิดชิดทันที เคนิสขึ้นไปนอนที่ชั้นสอง ส่วนแมรี่ก็หายไปในความมืดพร้อมม้าฝันร้าย  ทิ้งให้เขานั่งแหมะในความมืด กับชุดนักเรียนสีน้ำเงินที่จะต้องใส่ในวันพรุ่งนี้ตามคำสั่งของหนึ่งในอาร์คบิชอปเจ็ดอัครเทวดาในตำนาน   ที่หลงคิดว่าน่าจะเป็นแค่ความเชื่อทางศาสนา ทั้งที่คิดว่าเป็นแค่เรื่องเล่า แต่พวกเขากลับมีตัวตนอยู่จริงๆ อีกทั้งยังปฏิบัติหน้าที่ตามบัญชาสวรรค์ด้วยความขยันขันแข็ง    เข้ามาปะปนแฝงกายอยู่กับมนุษย์อย่างแนบเนียน   ความปรารถนาเดียวของพวกเขาคือเพื่อพิทักษ์รักษามวลมนุษย์

                    เด็กหนุ่มผมขาวถอนหายใจ เขาเอาชุดนักเรียนสีน้ำเงินขึ้นมาสวม  พอมองไปด้านนอกก็เห็นแสงจากพระอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาในร้าน    เขาเห็นตรากางเขนหนามที่อกเสื้อ ซึ่งเป็นตรากางเขนประจำตระกูลบริสตั้น  เด็กหนุ่มจำได้ทันทีว่าเขาลืมอะไรบางอย่างไป

                    “นี่นาย  มีคนเขาฝากมาบอกกับนายว่า  พระเจ้าคงจะดีใจมาก ถ้านายกลับตัวกลับใจมาอยู่ข้างพระองค์อีกครั้ง”

    เด็กหนุ่มพูดกับชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนบัลลังก์  บุรุษผู้ถูกจองจำและพันธนาการลืมตาขึ้น แล้วยิ้มเหยียดออกมา

                    “ข้าขอฝากถ้อยคำของข้าถึงผู้ถือสารจากสวรรค์ผู้นั้นด้วยว่า  ข้าจะตั้งบัลลังก์ของข้าในที่สูงสุดบนสวรรค์ และข้าจะเป็นดังผู้สูงสุด  อย่าหวังว่าข้าจะก้มหัวให้  และมนุษย์ที่ท่านแสนโปรดปราน ข้าจะกระทำให้พวกมันเป็นดั่งหญ้าแห้งที่มอดไหม้ในไฟนรก”

                    “ครับๆๆ  ไว้ว่างๆผมจะบอกเขาให้แล้วกันครับ ลูจัง”

    ทันใดนั้นเงาสีดำของเด็กหนุ่ม ก็ค่อยๆกลายร่างเป็น งูสีดำสนิท มันเลื้อยขึ้นมาบนตัวเขาก่อนจะพันรอบต้นคอเด็กหนุ่ม  หัวของมันแลบลิ้นแพลบๆเสมอใบหน้าของฟีเดอาโก้

                    “เจ้าจะเป็นมนุษย์เดียว ที่ข้าจะให้นั่งข้างกายข้าบนบัลลังก์ ณ ที่สูงสุดนั้น ถ้าเพียงเจ้าปล่อยข้าออกไป”

                    “เป็นข้อเสนอที่ดี  แต่ผมไม่ชอบที่สูงๆ นายหลับได้แล้ว  ผมจะไปโรงเรียน”

    เป็นคำสั่งที่เรียบง่าย แต่งูดำตัวนั้นก็สลายร่างไปในพริบตา  กลับกลายมาเป็นเงาให้เขาอีกครั้ง   เด็กหนุ่มรีบหยิบเสื้อสีน้ำเงินเข้มนั้นมาสวม  ก่อนที่จะออกจากร้านเพื่อเข้าเรียนคลาสของระดับโปรครั้งแรก  โดยที่ไม่รู้เลยว่า มีสายตาของใครบางคนแอบมองเขาอยู่ที่ไกลแสนไกล



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    END / ตัวตนที่แท้จริงของชายขี้เมา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×