คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เมืองซางตานีโอ( Santanio City )
ไม่มีอะไรแย่ไปกว่า การต้องมาอธิบายสาเหตุคดีฆาตกรรมยกหมู่บ้าน การตายอย่างสยดสยองของคณะกองคาราวานสินค้า แล้วก็เรื่องที่ดูเหมือนว่ามีตัวอะไรสักอย่างพยายามบุกเข้าเมือง ซ้ำยังฆ่าทั้งยามทั้งนักบวชสายพิฆาตความมืดที่เฝ้าหน้าประตูเมือง ให้กับประชาชนและผู้สื่อข่าวพวกนั้นอีกแล้ว
บุรุษผมสีดำสนิทในชุดขุนนางสีดำสูงศักดิ์ ใบหน้าของเขาบึ้งตึงด้วยความเครียดในระดับที่แทบจะทำให้เส้นเลือดในสมองทุกเส้นระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว เขานั่งอยู่ในที่ทำการมหาวิหารซางตานีโอเพียงลำพังกับนักบวชชั้นสูงผู้หนึ่ง ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้อง มีแต่บรรยากาศอึมครึมกดดันบุรุษทั้งคู่ จนในที่สุดบุรุษผมดำก็ไม่อาจทนอยู่อย่างนั้นได้อีกต่อไป
“ท่านอาร์คบิชอป !”
เสียงตะโกนอย่างหมดความอดทนของเจ้าเมืองซางตานีโอดังลั่นห้อง เมื่ออาร์คบิชอปตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรมาพักใหญ่แล้ว เขาต้องพยายามอย่างหนักปิดบังสาเหตุการฆาตกรรมหมู่เมื่อตอนหัวค่ำ ซึ่งเกิดจากการกระทำของปีศาจ จากการรับรู้ของชาวเมืองและผู้สื่อข่าว ซึ่งพวกนั้นต่างระดมยิงคำถามเป็นชุดไม่หยุดไม่หย่อนจนเขาแทบเป็นบ้าตายตั้งแต่เมื่อสองสามชั่วโมงนั่นแล้ว
“ท่านก็รู้ใช่มั้ย ท่านอาร์คบิชอป ข้า ! ไม่อยากให้ประชาชนของข้าต้องหวาดกลัว พวกปีศาจ!”
เมืองซางตานีโอเป็นเมืองที่ประชาชนมีความศรัทธาในศาสนา พวกเขาเชื่อมั่นในพระเจ้า และแน่นอนพวกเขาต่างก็เชื่อเรื่องปีศาจอย่างเข้ากระแสเลือดด้วยเช่นกัน ความหวาดกลัวต่อผู้ที่ซ่อนเร้นในความมืดไม่ได้เป็นเพียงตำนานสำหรับพวกเขา และถ้าอยู่ๆเกิดมีข่าวเรื่องการฆาตกรรมหมู่ผู้คนเป็นอันมากขนาดนั้นเกิดจากการกระทำของปีศาจได้รู้เข้าถึงหูของชาวเมืองจริงๆ อีกทั้งเรื่องที่พวกมันพยายามบุกเมืองนั่นอีก คงเกิดการโกลาหล วุ่นวายเป็นแน่ ขนาดแม้ในยามปกติ ชาวเมืองโดยแท้พอตกหัวค่ำ จะรีบปิดบ้านปิดช่องด้วยความกลัวผู้มาจากความมืดกันทั่วแล้ว ถ้าหากข่าวรั่วออกไปมีหวังได้ไม่พากันทำไร่ทำนา ไม่ค้าขาย หรือไม่ ก็เผ่นแนบย้ายถิ่นฐานออกจากเมืองกันหมด คราวนี้เศรษฐกิจของเมืองคงตกต่ำ อนาคตความมั่นคงได้พังพินาศย่อยยับแน่ แบบนี้ซางตานีโอคงได้เป็นแค่เมืองร้างภายในไม่กี่สิบวัน
อาร์คบิชอปผมทองค่อยๆเงยหน้ามองไปยังเจ้าเมืองซางตานีโอที่ท่าทางร้อนรนนั่น ก่อนที่จะเอ่ยปราม
“ใจเย็นๆก่อนท่านเจ้าเมือง ซางตานีโอแห่งนี้ข้าได้กางเขตอาคมปกป้องเมืองไว้ จะไม่มีวันที่ปีศาจตนใดเข้ามาในเมืองได้เป็นอันขาด ขอท่านโปรดวางใจ” อาร์คบิชอปผมทองกล่าวเสียงเรียบ แล้วเงยหน้ามองเจ้าเมืองแวปหนึ่ง ก่อนที่จะยื่นเอกสารบนโต๊ะให้
“แบบนี้นี่เอง ปีศาจตัวต้นเหตุได้ถูกกำจัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
เจ้าเมืองซางตานีโอเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขานั่งลงอีกครั้งด้วยท่าทางผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้อ่านเอกสารชี้แจงเป็นที่เรียบร้อย
“ข้าได้ส่งสารถึงอาร์คบิชอปอีกหกหัวเมืองแล้ว พวกเราได้เตรียมพร้อมรับมือกับผู้มาจากความมืดแบบเต็มกำลัง ทั้งบิชอป และนักบวชผู้เชี่ยวฉาญด้านพิฆาตความมืดทั้งหมดจากมหาวิหารแต่ละแห่ง จะออกประจำการทุกหมู่บ้าน ทุกคนจะได้รับการปกป้อง” อาร์คบิชอปว่าด้วยใบหน้าจริงจัง
แม้อาร์คบิชอปทั้งเจ็ดหัวเมืองจะได้วางมาตรการรัดกุมไว้แต่แรกแล้ว แต่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันเกินความคาดหมายมาก ทำไมปีศาจระดับสูงอย่างนั้นจึงปรากกฎตัวขึ้นมาได้ มันผิดปกติเกินไป
“ขอบใจมากท่านอาร์คบิชอปกาเบรียล”เจ้าเมืองซางตานีโอเอ่ยขึ้น
บุรุษผมดำยาวค่อยๆลุกขึ้น เขาโค้งคำนับอาร์คบิชอปเป็นเชิงบอกลา
“ท่านเองก็อย่าหักโหมมากนักนะ ท่านนัวร์.....”
บุรุษเจ้าของชื่อหันกลับมามองอาร์คบิชอปกาเบรียลแวปหนึ่งก่อนจะขยับยิ้มออกมา ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นตัวเขาก็วิ่งพล่านไม่ได้หลับไม่ได้นอน นอกจากจะปิดข่าวเรื่องปีศาจพวกนั้นแล้ว เขายังต้องเร่งกระจายกองกำลังปกป้องเมืองไปทั่วซางตานีโอ นี่เป็นการร่วมมือกันครั้งแรกของเหล่านักบวชพิฆาตความมืดและกองกำลังพิทักษ์เมืองในรอบพันปีเลยทีเดียว
“ข้ารู้แล้วครับ ท่านอาร์คบิชอป ที่ข้าทำก็แค่อยากช่วยแบ่งเบาท่านบ้างเท่านั้น” เจ้าเมืองเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินออกจากมหาวิหารนั้นไป
แต่ระหว่างทางนั้นเอง เขาก็ได้เหลือบไปเห็นบุคคลผู้หนึ่งเข้าให้ คนคนนี้คือผู้ที่ปราบปีศาจร้ายตนนั้นลงตามรายงานที่อาร์คบิชอปยื่นให้เขาดูเมื่อครู่
“ดาร์ค เคนิส บริสตั้น!”
ชื่อของดาร์ค เคนิส บริสตั้น กับ เกรย์ ฟีเดอาโก้ บริสตั้น เด่นเหรอหราอยู่ในรายงานที่อาร์คบิชอปมอบให้เขา ตระกูลบริสตั้นผู้พิทักษ์กล่องอีทูลัสในตำนาน ที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนั้นเขาไม่อยากจะใส่ใจ แต่ที่แน่ๆปีศาจระดับนายพลถูกกำจัดอย่างรวดเร็วเมื่อพวกนั้นไปถึง
“ให้ตายสิ ! ดูยังไงก็แค่ผู้หญิงกับ ......เด็กกระเปี๊ยกนั่นนะ”
เจ้าเมืองเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเด็กผมขาวอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเคนิส เด็กคนนี้เพิ่งปรากฏตัวในเมืองไม่กี่ปีก่อน ที่มาที่ไปก็ยังเป็นปริศนา ตัวเขาพยายามสืบประวัติจากสำนักทะเบียนของเมืองได้ข้อมูลมาเพียงว่า ดาร์ค เคนิส เป็นญาติห่างๆของอาร์คบิชอปมิคาเอลแห่งเมืองซิลเทียเรส ซึ่งข้อมูลนี้ต่อให้จ้างเท่าไหร่เขาก็ไม่มีวันเชื่อลง ส่วนเกรย์ ฟีเดอาโก้ เด็กกระเปี๊ยกนั่น มีข้อมูลเพียงว่าทางมหาวิหารยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อตัวมาจากนักค้าทาสแห่งเมืองลอร์แซมเบิร์ก ส่วนประวัติก่อนหน้านั้นก็ไม่มีบันทึกไว้ เขาลองสอบถามที่มาที่ไปของทั้งคู่จากอาร์คบิชอปกาเบรียล กลับได้รับคำตอบเป็นเพียงความเงียบและสายตาเยือกเย็นเป็นเชิงว่าไม่ให้ขุดคุ้ยเด็ดขาด เล่นมีมหาวิหารขัดขวางขนาดนั้นก็สุดที่อำนาจของเขาจะเข้าไปยุ่งไหว แถมคนที่ชื่อไลท์ วาเลเรียส บริสตั้นอีกคน เกิดมาเขาเคยได้ยินแต่ชื่อ ส่วนจะมีจริงหรือไม่นั้นตัวเขาเองก็สุดที่จะรู้ได้
เมืองซางตานีโอเต็มไปด้วยความลับและเรื่องราวบ้าบอคอแตกมากมาย ที่บางเรื่องเขาพยายามขุดคุ้ยก็ยิ่งจะเจอทางตัน ไม่ใช่ว่าหาข้อมูลไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมานั้น เป็นบางอย่างที่เล่นเอาเขาเกือบได้ไปโรงพยาบาลบ้าบำบัดทางจิต มันสุดปัญญาที่จะเชื่อได้ลงจริงๆ ทั้งเรื่องปีศาจ เทวดาพวกนั้น กล่องอีทูลัส ทั้งเรื่องสุสานโบราณของเมืองที่มีหลักฐานว่ามันตั้งอยู่ทางตะวันออกแต่อยู่ๆมันก็หายไปเฉยๆอย่างลึกลับ จนในยุคหลังๆคนเขียนแผนที่ก็เอามันออก จนไม่มีในแผนที่
“เอาเถอะ คิดมากไปก็ป่วยการ”
เจ้าเมืองซางตานีโอถอนหายใจก่อนที่เขาจะยืนอึ้งอีกรอบ คราวนี้นอกจากตระกูลบริสตั้นแล้วยังมีอีกคนโผล่มาป่วนสมองซ้ำเติมความเครียด
“ไม่จริงใช่มั้ย นั่นนักพรตปีศาจอาร์กัส !”
เจ้าเมืองจำได้ดีทีเดียวเมื่อทั้งรูป ทั้งสารคดี เอกสารนำเที่ยว ยันตำราเรียนของเมืองซางตานีโอก็มีเรื่องราวของนักพรตอาร์กัส พรตปีศาจแห่งป่าเดียวดายทางตอนเหนือ มันเป็นป่าเดียวที่ขวางกั้นระหว่างทวีปต้องสาป กับเจ็ดหัวเมืองที่มนุษย์อาศัยอยู่กันในตอนนี้ให้รอดปลอดภัยจากไอพิษ หมอนั่นยังสิงสถิตอยู่ในป่านั้นมานับพันปี แล้วมักจะออกมายังหมู่บ้านบริเวณใกล้เคียงพร้อมกับข่าวลือแปลกๆว่า ทุกแห่งที่พรตผู้นี้ปรากฏตัวมักมีภัยและหายนะ แล้วนี่เล่นออกจากป่าเดียวดาย มาโพล่ที่เมืองซางตานีโอเสียเฉยๆแบบนี้ถ้าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่
พรตผมทองคนนั้นเดินมาในสภาพชุดคลุมขาดรุ่งริ่ง ตรงดิ่งมาที่ บริสตั้นทั้งสองคนที่เพิ่งออกมาจากมหาวิหาร ดวงตาสีม่วงของเจ้าเมืองเบิกค้างมองอยู่อย่างนั้น ก่อนที่พริบตานั้นเอง ลมแรงก็พัดเข้ามากะทันหัน เอกสารในมือที่อาร์คบิชอปยื่นให้เมื่อครู่ปลิวหลุดจากมือไปอย่างน่าโมโห เขารีบก้มเก็บ แต่พอเงยขึ้นมาอีกที บุคคลในตำนานทั้งสามก็หายตัวไปราวภูตผีปะปนกับฝูงชนหน้ามหาวิหาร ที่ทั้งนักบวชชายหญิง คนทั่วไปเดินพลุกพล่านไปทั่ว
“มาก็ลึกลับ ไปก็ลึกลับ ให้ตายสิ!”
เจ้าเมืองร้องบ่นออกมา แต่ในใจลึกๆแล้วการที่เขาเห็นความเคลื่อนไหวของสุดยอดผู้พิฆาตความมืดผู้มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองก็ทำให้เขาอุ่นใจขึ้นไม่น้อย ไม่ว่าอาร์คบิชอปนั่นกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆพวกเขาและชาวเมืองจะต้องได้รับการปกป้อง เป็นความเชื่อมั่นที่ทำให้ชาวเมืองทุกคนรู้สึกปลอดภัยมาตั้งแต่อดีตแล้ว
“ท่านเจ้าเมืองรีบไปกันต่อเถิด”
ผู้ติดตามเจ้าเมืองซางตานีโอประมาณสิบกว่าคนที่รออยู่หน้ามหาวิหารออกมารับทันทีเมื่อเห็นเจ้าเมืองออกมาแล้ว นัวร์จึงรีบสวมหมวกสีดำที่เข้ากับชุด ก่อนที่จะออกลาดตระเวรตรวจตราความเรียบร้อยของเมืองอีกครั้ง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แสงอาทิตย์ยามเช้าเล่นเอาแสบตา อีกทั้งแสบผิว และร้อนระอุราวถูกย่างไฟ เขาไม่คิดเลยว่าแสงอาทิตย์ในตัวเมืองซางตานีโอมันจะร้อนเวอร์กว่าเมื่อพันกว่าปีก่อนขนาดนี้ ในป่าที่เขาอยู่นั้นแม้จะร้อนชื้นบ้าง แต่ต่อให้เป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ตั้งฉากกันกับป่าตรงๆ หรือต่อให้เข้าหน้าร้อนไปแล้วก็ไม่ร้อนบรรลัยอย่างตอนนี้
“ร้อนกว่าในป่าเดียวดายจริงๆ ”
บุรุษผมทองในชุดคลุมสีน้ำตาลขาดรุ่งริ่งเอ่ยขึ้น เขาคว้าไม้เท้า แล้วรีบเดินตามบริสตั้น ทั้งสองคนให้ทัน พวกเขาเข้ามาถึงตัวเมืองซางตานีโอได้หลายช่วงโมงแล้วตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ดาร์ค เคนิส บริสตั้น รีบเข้าพบอาร์คบิชอปกาเบรียลทันทีเพื่อส่งรายงานเกี่ยวกับปีศาจที่พวกเขาเพิ่งได้กำจัดไป ส่วนฟีเดอาโก้ เจ้าเด็กหนุ่มผมขาวเมื่อมาถึงก็รีบย่องตอด เข็นกล่องอีทูลัสแอบเนียนไปเก็บในอุโมงใต้ดินที่เก่าทันที หากมีใครรู้ว่า กล่องอีทูลัสสมบัติคู่บ้านคู่เมืองหายไป พวกเขาอาจถูกจับกุมข้อหาเป็นโจรปล้นโบราณวัตถุ ถูกตัดมือตามกฎหมายโหดๆของเมืองเลยทีเดียวก็เป็นได้ อีกทั้งยังต้องพาเด็กผู้หญิงอีกคนที่เคยถูกปีศาจสิงไปพบอาร์คบิชอป เพื่อรอให้ทางมหาวิหารส่งตัวไปยังสถานพักฟื้น จึงเป็นเวลาหลายชั่วโมง กว่าบริสตั้นทั้งสองจะเสร็จธุระ แล้วกลับมาพบเขาที่ลานหน้ามหาวิหาร
พรตอาร์กัสนั้นเลือกที่จะรอเงียบๆด้านนอกเพราะไม่ได้มีธุระอะไรในมหาวิหาร และเพราะชื่อเสียงของพรตปีศาจที่มักปรากฎตัวพร้อมหายนะ ไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่น้อย เขาพยายามทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่น สวมฮูดคลุมหัวไว้ ดูเผินๆก็เหมือนพรตทั่วไปที่ เดินไปมาให้เห็นบริเวณลานหน้ามหาวิหารนี้
เมืองซางตานีโอแทบไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อพันปีก่อน ทั้งกำแพงเมืองยักษ์ บ้านเรือนสไตน์เก่าแก่ จะผิดเพื้ยนก็แต่เสื้อผ้าการแต่งตัวของชาวเมืองที่เปลี่ยนไป มีร้านรวงสมัยใหม่เกิดขึ้นไปทั่ว ทั้งน้ำพุตรงลานกว้างและมหาวิหารนี่ก็เหมือนเดิมไม่ต่างอะไรจากเมื่อก่อนแม้แต่น้อย
"ท่านไม่เคยเข้าเมืองซางตานีโอหรือครับ ท่านอาร์กัส"
เด็กฟีเดอาโก้ถามอย่างสงสัย เขาเห็นนักพรตอาร์กัสมองบ้านเมืองด้วยความตื่นเต้น
"ครั้งสุดท้ายที่ข้ามาที่นี่ คือเมื่อหนึ่งพันปีก่อนขอรับ"
สองบริสตั้นทำตาโตเพราะคำตอบอันน่าตกใจของนักพรตปีศาจตรงหน้า
"ประทานโทษเถิดท่านนักพรต ! นี่คิดจะขังตัวเองอยู่ในป่าไปชั่วชีวิตหรือยังไง! หัดออกมาดูโลกภายนอกบ้างสิ"
เคนิสว่า หล่อนส่ายหัวไปมา แต่ก็ยังรีบเดินนำทางนักพรตหลงยุคไปยังร้านสังฆภัณฑ์ประจำเมืองซางตานีโอ
"ที่จริงถ้าข้าจะออกมาบ้างก็ได้อยู่หรอกขอรับ แต่การทิ้งป่าเดียวดายออกมา ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับที่นั่น มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่"
อาร์กัสว่าแล้วหันกลับไปทางทิศเหนือยังป่าเดียวดายบ้านของเขา ป่าศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำหน้าที่เป็นปราการปกป้องมหานครสุดท้ายให้รอดปลอดภัยจากพิษร้ายของทวีปต้องคำสาป
"มันก็จริงนะครับ "เด็กหนุ่มว่า
"ป่าเดียวดายเป็นป่าศักดิ์สิทธิ์ ทำหน้าทีแยกพรมแดนทิศเหนือระหว่างซางตานีโอกับทวีปต้องสาปออกจากกัน การมีชายแดนติดกับทวีปต้องสาปถือว่าอันตรายมากครับ ทวีปต้องสาปเอง เมื่อก่อนก็เคยเป็นมหานครทางเหนืออันเกรียงไกร แต่ก็.....ถูกชาวนรกอเวจีทำลายย่อยยับในสงครามเมื่อพันปีก่อน จนพินาศไปทั้งอาณาจักร หลังสิ้นสงคราม ก็ยังทิ้งร่องรอยไอพิษมรณะร้ายแรง ทำลายสิ่งมีชีวิตถูกอย่างจนไม่มีสิ่งใดอยู่อาศัยได้ ป่าเดียวดายจึงสำคัญอย่างมาก หากป่านี้เป็นอะไรไป เจ็ดมหานครก็คงล่มสลายเช่นกันสินะครับ"
เด็กหนุ่มว่าขณะเปิดหนังสือแนะนำเมือง เขามอบอีกเล่มให้อาร์กัส เพราะท่าทางพรตปีศาจจะอยากอ่านอยู่เช่นกัน
ตำนานของเมืองซางตานีโอ ที่ฮิตกันมากในหมู่นักท่องเที่ยว เห็นจะเป็นเรื่องราวใดไปไม่ได้นอกจาก ตำนานกล่องอีทูลัส จอมปีศาจในตำนานถูกขังอยุ่ในนั้น กล่าวกันว่า ตระกูลบริสตั้นเป็นผู้ผนึกจอมมารลูซิเฟอร์ไว้ได้เมื่อนานแสนนานมาแล้ว เรื่องราวของสงครามเมื่อพันปีก่อน จนมาถึงเรื่องราวของนักพรตอาร์กัสผู้สร้างป่าเดียวดายออกมาปกป้องบ้านเมืองไว้ ชื่อเสียงของเขาเพิ่งจะดีขึ้นเมื่อหลายปีก่อน จากการโปรโหมดการท่องเที่ยว ของเจ้าเมืองนัวร์ โครวิส แห่งซางตานีโอ นักพรตอาร์กัสไม่ใช่ปีศาจแห่งภัยพิบัติ แต่เขาคือฮีโร่ และท้ายสุดของเรื่องยอดฮิต นั่นคือเรื่องราวสยองขวัญ ของผีร้าย ไลท์ วาเลเรียส บริสตั้น ปีศาจผู้สิงสู่เมืองซางตานีโอ ผีร้ายในตำนานที่มักสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ผีร้ายแห่งสุสานโบราณ จะส่งภูตรับใช้มาเก็บซากศพผู้คนที่เสียชีวิตด้วยโรคร้ายแรง และเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติ ต่างกล่าวกันว่า วาเลเรียส จะมารับศพพวกนั้นไป
"นี่ท่านอาร์กัส ขอฉันดูนั่นหน่อยได้มั้ย"
เคนิสว่าพลางชี้ไปที่ไม้เท้าของอาร์กัส ไม้เท้าที่ทำจากท่อนไม้สองท่อน แล้วมาผูกง่ายๆด้วยเชือกหนัง มันเป็นอาวุธที่ไม่ได้ลงอาคม ไม่ได้ปลุกเสก เป็นเพียงท่อนไม้ธรรมดา จนไม่น่าจะมีนักบวชสายพิฆาตความมืดคนใดกล้าเอาไปใช้สู้กับปีศาจจริงๆ
"ขอรับ"
อาร์กัสส่งมันให้เคนิส
"จริงๆด้วย ถ้าปรับแต่งสักนิด นี่น่ะ จะเป็นยอดศาสตราวุธที่ทรงพลังมาก"
เคนิสอธิบายตาเป็นประกาย แล้วส่งคืนให้เจ้าของ
“ไปเปลี่ยนชุดที่ร้านสังฆภัณฑ์กันเถอะครับ ผมเองก็เหลือคทาอีกมากโขที่ต้องซ่อมให้เสร็จวันนี้”
ฟีเดอาโกว่า แล้วรีบเร่งฝีเท้า
“จริงสิ รีบกลับกันดีกว่า ป่านนี้แมรี่คงรออยู่นานแล้ว”
พวกเขาจึงรีบตรงดิ่งไปที่ร้างสังฆภัณฑ์ของมหาวิหาร เป็นสถานที่อีกแห่ง ที่ทุกคนเมื่อมาเยือนซางตานีโอแล้ว ต้องมาเยือนเพื่อซื้อของที่ระลึก อีกทั้งเป็นแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์การเรียนคุณภาพสูงสำหรับเหล่านักบวชสายพิฆาตความมืดเลยทีเดียว พรตหนุ่มค่อยๆเรียกสติกลับมาเมื่อเริ่มเข้าใจเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน
ที่เรื่องของเขา ทั้งเรื่องผีสาง เทวดา การต่อสู้กับปีศาจ กล่องอีทูลัส
ตระกูลบริสตั้น เป็นเพียงแค่ตำนาน
วรรณคดีโบราณสำหรับขาย ให้นักท่องเที่ยงแห่กันมาเยี่ยมชมเมือง ตามนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยว ของเจ้าเมืองซางตานีโอไปเสียแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
END/ Santanio City
ความคิดเห็น