ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Etolus boxes (กล่องอีทูลัส)

    ลำดับตอนที่ #1 : กล่องอีทูลัส (Etolus boxes)

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 59


    “เงามืด  กลืนกิน  ทุกชีวิต

    ดวงจิต  เคียดแค้น  เป็นหนักหนา

    สาปแช่ง  ทุกสิ่ง  สิ้นชีวา

    ทุกวิญญา   ร่วงสู่  อเวจี”

     

                    พรตพเนจรผู้หนึ่ง ปรากฏตัวยามบ่ายบนถนนของหมู่บ้านในถิ่นห่างไกล เขาเดินเท้าเปล่า ย่ำไปบนถนนลูกรังชื้นเเฉะ  พลางขับลำนำเป็นบทเพลงตำนานโบราณเก่าแก่   ดินสีน้ำตาลแดงเข้ม บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมต่อการเพาะปลูก  ต้นไม้ขนาดใหญ่เติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติ  แม้จะไม่ขึ้นเบียดเสียดรกทึบ  แต่มันก็ทำให้สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ ซ้ำยังออกผลสุก เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ท้องถิ่น และยังเหมาะต่อการหมักไวน์อีกด้วย

     

    “พอทีเถอะ นักพรต ! ไอ้เรื่องโบราณนี่ ข้าได้ยินมานานตั้งแต่ก่อนเป็นทารกด้วยซ้ำ  ข้าเบื่อเต็มทน”

    ชายวัยกลางคนหัวล้านเกลี้ยง  เอ่ยขัดพรตนักขับลำนำสวมฮูดในชุดคลุมเก่าๆ สีน้ำตาลเข้มขาดรุ่งริ่ง  ที่นานๆครั้งจะปรากฏตัวมาให้เห็นในหมู่บ้าน  เขาก้มเร่งมือตัดฟืนต่อไปแต่หูก็ยังฟังอยู่

                   

                                                    “ แต่ว่ามี  ผู้มา  จากสวรรค์”   พรตคนนั้นทำเป็นไม่ใส่ใจและเริ่มร้อง

     

    “อีกหนึ่งนั้น  ตระกูลกล้า เลิศราศี

    ผนึกมาร  ซาตาน  มากฤทธี”

    กักขังที่  อีทูลัส  กล่องสามใบ”

    คนขับลำนำไม่ทันร้องจบ  ก็ถูกร้องต่อโดยชาวบ้านที่บังเอิญเดินผ่าน และบางส่วนก็กำลังเก็บผลไม้เพื่อนำไปหมักไวน์  เรื่องราวของกล่องอีทูลัส  เป็นนิทานยอดฮิต  ที่คนเฒ่าคนแก่ มักเล่าให้เด็กๆฟังตั้งแต่ในสมัยโบราณจนถึงยุคปัจจุบันก็ยังเล่ากันอยู่อย่างนั้น   ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่  ไม่มีใครรู้ว่า  ผู้เล่าเริ่มแรกเป็นใคร แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายเชื่อว่า  กล่องกักปีศาจทั้งสามใบมีอยู่จริงๆ และได้กักขังวิญญาณและอำนาจมืดของจอมซาตานที่เคยปรากฏตัวบนโลก และสาปแช่งทุกชีวิตนั้น  ถูกผนึกลงกล่องกักปีศาจที่ชื่อว่า  อีทูลัส โดยฝีมือของนักขับไล่ปีศาจจากตะกูลบริสตั้น ว่ากันว่า กล่องทั้งสามนี้ ยังคงอยู่ที่ใดที่หนึ่งในเมืองซางตานีโอ ทางตอนใต้ของหมู่บ้าน

     

                    “เล่าเรื่องอื่นได้หรือไม่ ท่านนักพรตเรื่องกล่องอีทูลัส  ใบหนึ่งกักพลังมืด  ใบหนึ่งกักพลังอำนาจของทูตสวรรค์ อีกใบที่กักวิญญาณ ของลูซิเฟอร์  ……!

                                    ชายตัดฟืนเริ่มบ่น แต่พริบตานั้น เขาก็ต้องปิดปากเงียบ เมื่อสายตาของชาวบ้านบริเวณนั้น จ้องเขม็งมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง !

                    “เจ้าไม่ควรเอ่ยชื่อนั้น !

    หญิงชราที่กำลังเก็บผลไม้ร้องลั่น เธอชี้นิ้วแห้งๆสั่นเทามาที่คนตัดฟืน อย่างหวาดกลัว การเอ่ยนามของเทวดาตกสวรรค์ตนนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้ามของชาวบ้านมานานนม  ด้วยกลัวลางร้ายและหายนะ และที่สำคัญกลัวว่า ผู้ที่ถูกเอ่ยถึงนั้นจะมาเยือนพร้อมกับหายนะ

                    “นี่แนะ แม่เฒ่า แทนที่จะว่าข้า ทำไมท่านไม่ไปว่าเจ้าพรตนั่นเล่า มันเดินเร่ร่อนเล่าเรื่องพวกนี้ ไม่เห็นมันจะตายเลย เชื่อไปได้อย่างไร”

     

                    “นั่นก็เพราะว่าข้าคือพรตเร่ร่อน ที่ไม่อาจตายได้”

     

    ประโยคเดียวเล่นเอาคนฟังเงียบกริบ  ก่อนที่บางคนจะเริ่มหัวเราะออกมา นี่คงเป็นมุขของนักขับลำนำที่โม้จนเกินจริง แต่แม้จะโม้อย่างไรก็ควรโม้ให้น่าเชื่อถือกว่านี้ เพราะถ้ายังเป็นมนุษย์ก็ต้องสิ้นชีวิตด้วยกันทั้งนั้น

     

                    “ถ้าท่านบอกว่าท่านไม่สามารถตายได้  ถ้าอย่างนั้นหนุ่มเอ๋ย  เจ้านะ อายุเท่าไหร่กัน”

    หญิงโสเภนีทรงโต ใส่เสื้อเปิดหน้าอกกว้าง เอ่ยแซวด้วยความขบขัน ซ้ำยังเริ่มหัวเราะคิกๆ  เธอเดินผ่านมาแถวนั้นแล้วหลิ่วตาใส่พรตหนุ่ม ตามนิสัยของเธอ

     

                    “ ชีวิตของข้านั้นยาวนานมานับพันปีแล้ว”

    คราวนี้ทั้งเสียงโห่ ทั้งเสียงหัวเราะดั่งลั่น  ต่อให้นี่เป็นนิทานหรืออะไรก็ช่าง  แต่ชายขี้โม้คนนี้มันกล้าดียังไงตู่เรื่องตัวเองตายไม่ได้และอายุพันกว่าปีเช่นนี้ พวกเขาเองก็สุดที่จะเชื่อลง นิทานเรื่องนี้มันห่วยเกินไป

     

     

                    “ตัวข้ามีชีวิตอยู่ในช่วงที่ความมืดครอบครองโลกนี้   ข้าถูกคนของความมืดสาปแช่งไม่ให้ตาย”

     

     เสียงของเขาแม้จะฟังดูเนิบๆเรียบๆ  แต่มันเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆนาๆ ทั้งเคียดแค้น  และทรมาร เขา ไม่ได้มาแสดงตลก เขาไม่ได้เข้ามาที่นี่เพื่อมาฟังพวกเกิดมาทีหลังโดยไม่ได้รับรู้อะไร มาหัวเราะเยาะ เขาเริ่มกัดฟันกรอดๆอย่างไม่พอใจ

     

    “เดี๋ยวนะ!  ข้ารู้แล้ว  ที่แท้ ท่านก็จะเล่าเรื่องพรตปีศาจ อาร์กัส แห่งป่าเดียวดายใช่มั้ย ว่ากันว่ามันถูกความมืด กลืนกิน ……

                    “ข้าไม่ได้ดั้นด้นมาที่นี่ เพื่อฟังเรื่องของตัวเอง สิ่งที่ข้าอยากบอกกับพวกท่าน ก็คือ เรื่องอำนาจมืดดำพวกนั้นหาใช่เรื่องเล่าอีกต่อไป  บัดนี้มันกลับมาแล้ว และ มัน  ได้เข้ามาที่นี่ปะปนกับพวกท่าน!

     

    คราวนี้เสียงฮือฮาดังลั่น บางคนก็เริ่มหัวเราะ  เมื่อพวกเขาเริ่มคิดแล้วว่า มีชายบ้าคนหนึ่งเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อมาป่าวประกาศเรื่องปีศาจ หรืออะไรสักอย่างที่กำลังจะกลับมายึดครองโลก

     

    “ใครมันจะไปเชื่อลงวะ” เด็กวัยรุ่นยิ้มเยาะแต่ก็ทนนั่ง ทนฟังอยู่นาน

     

     

    “สิ่งที่ข้าอยากบอกพวกท่านอีกเรื่องก็คือ กล่องทุกใบบนโลกนี้ บางกล่องนั้นก็ไม่ควรเปิด !

     

    พรตหนุ่มดึงฮูดคลุมศรีษะออก  ผมสีทองสั้นเปล่งประกายเมื่อต้องแสงตะวัน ดวงตาสีฟ้าของเขาจับจ้องไปยังกล่องไม้ใบเก่าๆซึ่งเด็กหญิงตัวเล็กๆข้างๆหญิงโสเภนีกอดไว้แน่น

     

    “มันก็ไม่ใช่กล่องอีทูลัสหรอก !  เด็กหญิงตอบเสียงแผ่วเบา

     

     เธอได้กล่องเก่าๆใบนี้มาจากไหนนะ  เด็กหญิงถามตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะจดจำอะไรไม่ได้  เธอรู้แค่ว่าต้องเอามันมา   ต้องเปิดให้ได้    ปล่อยฉันออกไป  ต้องออกไปให้ได้   ต้องหามันให้เจอ   ความรู้สึกที่พรั่งพรูออกมาพวกนี้เป็นของใครกัน มันไม่ใช่เธอแน่ๆ  บางอย่างที่พยายามออกจากกล่องมาให้ได้  มีเสียงเรียกบางอย่างจู่โจมเข้าสู่ห้วงคิดของเด็กหญิงโดยตรง อย่างไม่หยุดหย่อน  มันร้องเรียกเธออยู่อย่างนั้น  จนในที่สุดเด็กหญิงก็ตัดสินใจเปิดมัน

     

    “ถึงมันจะไม่ใช่กล่องอีทูลัส  แต่ก็ยังมีกล่องอีกมากที่กักสิ่งช่วยร้ายอยู่ในนั้น !  ส่งกล่องนั่นมานี่”

     

    อาร์กัสเอ่ยเสียงเข้ม  เขายื่นมือไปที่เด็กหญิง แล้วพยายามแย่งกล่องจากเธอ

     

                    “นี่ท่านนักพรต ! แบบนี้มันจะเกินไป!

     

    หญิงโสเภนีเริ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ  เมื่อพรตบ้าคนนั้นนอกจากจะเพ้อเรื่องปีศาจยึดครองโลกแล้ว  ยังจะพยายามแย่งของจากมือเด็ก  แต่ว่าในพริบตานั้น อะไรบางอย่างก็ทำเธอเลือกที่จะเงียบ เมื่ออยู่ๆความรู้สึกกดดันอย่างรุนแรง ทั้งหนาวสะท้านไปทั้งกาย เลือดในกายปั่นป่วน และสัญชาตญาณบ่งบอกแล้วว่าเด็กที่อยู่ข้างๆ  ไม่ใช่มนุษย์!

     

     

                    “หลบไปซะ! อาร์กัสร้องลั่น

    อยู่ๆกล่องไม้ในอ้อมกอดของเด็กหญิงก็ระเบิดกระจุยของมันเองอย่างไม่น่าเป็นไปได้  ความมืดดำทมิฬไหลทะลักพุ่งออกมาแล้วก่อตัวราวกับแส้มีชีวิต พุ่งหวืดออกมาจากรอบตัวเด็กปีศาจด้วยความเร็วระดับมัจจุราช เป็นความเร็วที่ไม่อาจหลบหนีพ้น  ไอพิษทมิฬ ความมืดทะมึนที่ระเบิดออกมานั้น เป็นความมืดที่จะสูบโลหิตมนุษย์ทุกหยด 

     

                                   กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด !

    หญิงโสเภนีร้องลั่นอย่างหวาดกลัว ความมืดคมกริบราวกับหอกเหล็กกล้าพุ่งทะลวงหน้าอกเธออย่างจัง เสียแต่ว่าผู้ที่รับเคราะห์แทน กลับเป็นนักพรตบ้า ที่เอาตัวเข้ามาขวาง  ความมืดทั้งหมดเปลี่ยนทิศไม่โจมตีมนุษย์ทุกชีวิตในบริเวณนั้น  แต่ว่ามันกลับพุ่งเข้าหานักพรตผมทองนั่นเพียงคนเดียว 

     

                                                    “รีบหนีไป เร็ว ! อาร์กัสร้องลั่น

     

     มนุษย์ทุกคนที่นั่นเมื่อได้สติก็พากันวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
     

                    “แกเป็นตัวอะไรกันแน่ !ปีศาจในร่างเด็กร้องถาม

                    “จงกลับไปนรกซะ   ไปอยู่กับนายของแก”อาร์กัสสั่งเสียงเรียบ

                    “อย่ามาปากดีกับข้า ไอ้มนุษย์โสโครก”

    พริบตานั้นด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ก็ทำให้ผีร้ายทวีอำนาจมืดรุนแรงขึ้น ก่อนที่ัจะเรียกดาบโลหิตขนาดใหญ่เข้ามือแล้วพุ่งจู่โจมพรตหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง  ดาบใหญ่ของมันฟันฉับลงมาอย่างไร้ปราณี   แต่อาร์กัสมีอาวุธเพียงไม้เท้าเก่าๆยกขึ้นป้องกันตัวเองเท่านั้น 


    “น่าสังเวช  กิ่งไม้นั่น จะช่วยชีวิตแกได้แค่ไหนกันเชียว!

     

    พรตบ้านั่นรับการโจมตีของมันด้วยไม้เท้ากิ่งไม้ เสียแต่ว่ากิ่งไม้นั้นกลับมีผลรุนแรงมากอย่างที่มันคาดไม่ถึง

    เมื่อความมืดทั้งหมดกำลังสลายไป และที่สำคัญ ร่างกายของมันกำลังสลายกลายเป็นผงคลีดิน  มันเปิกตาค้างด้วยความตื่นตระหนก เพราะกิ่งไม้นั่นไม่ธรรมดา  ไม่สิ  หมอนี่ตั้งหาก  มันเป็นใครกันแน่  แล้วเมื่อปีศาจพิจารณาพรตนั้นอยู่นาน มันก็ขยับยิ้มเหยียดออกมา

     

                    “หรือว่า แกคือ ไอ้พรตน่าสมเพชที่ข้าเคยสาปแช่งเมื่อนานแสนนานมาแล้า  ช่างน่าดีใจเสียจริง  แบบนี้แกไม่ต่างอะไรกับทาสของข้าสินะ   อาร์กัส ”

    มันเรียกชื่อเขาได้ถูกต้อง ซ้ำยังหัวเราะลั่นด้วยความดีใจ   ก่อนที่พริบตานั้น ร่างกายของมันจะระเบิดพลังมืดทรงพลังออกมา  อาร์กัสเริ่มตื่นตระหนก ตัวของเขาสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะรู้ว่าไม่อาจชนะได้   เขารู้ดีว่าปีศาจตนนี้ร้ายกาจแค่ไหน มันไม่ได้กระจอกแบบปีศาจอื่นๆที่เขาเคยเจอมา  เป็นเขาเองที่ประเมินกำลังศัตรูผิดไป   เป็นเพราะว่าเขาจับจิตอ่อนๆของมันได้ และที่สำคัญเขาไม่คิดว่าปีศาจที่เคยส่งมันลงนรกไปแล้ว  จะกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง เขาควรรีบติดต่ออาร์คบิชอปเพื่อขอกำลังเสริม  หรือที่จริงแล้วต่อให้เรียกนักบวชผู้เชียวชาญด้านพิฆาตความมืดมาทั้งหมด ก็ไม่อาจหวังอะไรได้ เมื่อต้องยืนประจัญหน้าปีศาจตนนี้   เขาทรุดลงกับพื้น ไม่อาจขยับเขยื้อนได้ ความมืดดำเหล่านั้น  มีผลกับคำสาปในร่างเขาอย่างใหญ่หลวง มันทำให้เขาไม่อาจต่อต้านมันได้

     

     

                    “เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ อาร์กัส ว่าข้าเป็นใคร”

    ว่าแล้วร่างเด็กหญิงก็ค่อยๆกลายสภาพไป หมอกสีดำห้อมล้อมเธอก่อนที่จะปรากฏร่างจริงของมันออกมา  ปีศาจผู้มีรูปลักษณ์งดงาม มีความมืดเป็นอาภรณ์  ซ้ำยังเป็นปีศาจระดับนายพล เป็นปีศาจที่รับมือยากและอันตรายที่สุดในบรรดาปีศาจทั้งมวล  ในที่สุดยุคที่เศษซากแห่งความมืดในครั้งอดีตได้หวนกลับมาสู่โลกนี้อีกครั้ง  เหล่าผู้ซ่อนเร้นในความมืดจากขุมนรก อาศัยจิตใจอันชั่วช้าของมนุษย์และคืนชีพขึ้นมา  เจตนาเพียงหนึ่งเดียวที่มันต้องการคือคืนชีพนายของมันเพื่อนำพาวิญญาณมนุษย์ให้ตกต่ำยิ่งกว่าเดรัจฉาน   

    สิ่งที่เขาต้องทำคือต้องแจ้งใครสักคน  จะให้มันเอากล่องอีทูลัสแล้วคืนชีพลูซิเฟอร์ไม่ได้เด็ดขาด   แต่ว่าตอนนี้แม้แต่ขยับปากพูดเขายังทำไม่ได้

     

                    “มีใครได้ยินเสียงขอข้าบ้าง  ได้โปรดเถอะ! ช่วยตอบกลับที  ใครก็ได้”

    เสียงบุรุษร่ำร้องออกมาราวกับที่ไกลแสนไกล  ความมืดมิดได้เข้าปกคลุม บัดนี้เขาไม่อาจรู้สึกใดๆได้  ประสาทสัมผัสทุกสิ่งได้สูญเสียไปหมดสิ้น   เขาทำได้เพียง ร่ำร้องออกไปโดยไร้เสียง

                    “เปล่าประโยชน์  อาร์…..กัส…………

    เสียงของปีศาจแหบแห้งเอ่ยขึ้น  พร้อมกระทืบลงไปยังร่างที่บาดเจ็บสาหัสของพรตหนุ่ม มันยกดาบใหญ่ยักษ์ จ่อไปที่ต้นคอของเขา 

                    “แกมันไอ้ตัวเกะกะ !

    ปีศาจร้องลั่นด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ  แล้วกระชากศรีษะของนักพรตขึ้นมา

     

                    “ข้าต้องเสียเวลาไปนับพันปี เพราะพวกบริสตั้น และมนุษย์อย่างแก  ตอบมานะ  กล่องอีทูลัสอยู่ใหน!” 
     

    มันร้องอย่างคุ้มคลั่ง  แต่นักพรตไม่อาจตอบสิ่งใดได้

                   
                    
    ในเมื่อแกปากหนักนัก ก็จงเละเป็นชิ้นๆทั้งที่ไม่ตายไปซะ  แกมันตายไม่ได้ใช่มั้ยละ อาร์กัส

    มันยกดาบขนาดใหญ่กระหน่ำสับไปที่ร่างของเขาอย่างโหดเหี้ยม  อากัสไม่อาจร่ำร้องออกมาได้  แต่ก็ตะโกนก้องอย่างไร้เสียง

                “บริสตั้น!!

    ร่างของเขาขาดกระจุยเป็นชิ้นๆ  แต่ว่าด้วยคำสาปแช่งที่ไม่ให้ตายนั้น ทำให้เขาเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสจนไม่อาจบรรยายได้ เส้นประสาทรับรู้ความรู้สึกทุกเส้นยังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นทำให้เขาอยากจะร่ำร้องขอความตายให้พ้นความทรมานนี้

                    “แล้วไปหาตัวเอาเองนะจ๊ะ  อาร์กัส”

                    ว่าแล้วมันก็ตรงดิ่งไปทางใต้พร้อมกับหิ้วศีรษะของอาร์กัสไปยังเมืองๆหนึ่งที่มีตำนานเล่าว่า กล่องอีทูลัสถูกเก็บรักษาอยู่ที่นั่น  มันปาหัวของอาร์กัสเข้าไปในเมืองนั้นเป็นดั่งประกาศสงครามก่อนที่จะยิ้มเยาะอย่างสะใจ  มือของมันกำไม้กางเขนไม้ของนักพรตไว้แน่น ก่อนที่มันจะทิ้งลงพื้นแล้วเหยียบย่ำด้วยความเกลียดชัง

     

                    “ข้าจะละเลงเลือด! สิ่งสร้างที่รักของแกให้นองแผ่นดิน  รวมทั้งพวกแกด้วย”

                   “ บริสตั้น!

     

     

    END/ chapter 1 กล่องอีทูลัส

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×