ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Horror Story

    ลำดับตอนที่ #1 : ใบหน้าของยาโยย

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 49


    ใบหน้าของยาโยย

     

              สายตาคู่หนึ่งจ้องเขม็งมาทางผม จากภายในของตู้เสื้อผ้า ดวงตาคู่นั้นกลมโตสีแดงฉาน แทบจะไม่เหลือส่วนของตาขาวให้เห็นนั้น ทำให้ผมรู้สึกกลัวจนแทบขยับไม่ได้แต่ผมก็ต้องฝืนตัวเองเพื่อลุกขึ้นมาปิดตู้เพื่อให้ดวงตาน่าเกลียดน่ากลัวนั้นหายไปซะที

     

     

              ยาโยยนั้นเธอเป็นลูกของอาจารย์ใหญ่และยังเป็นดาวประจำโรงเรียนม.ต้นเมฮิกิแห่งนี้ด้วย เธอมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยม มีผลงานทางด้านวิชาการและการกีฬาเสมอๆและยังมีใบหน้าทรงไข่ที่น่ารักนั่นอีก แน่นอนอยู่แล้วที่เธอจะเป็นที่รักของคนทั้งโรงเรียนและบรรดาผู้ปกครองอีกด้วย ซึ่งเธอนั้นก็ต่างกับผมลิบลับ ชนิดฟ้ากับก้นเหว เพราะผมนั้นมีหน้าตาที่ดูไม่ได้ มีทั้งสิวและฝ้ากระจายอยู่ทั่วใบหน้า เพื่อนก็ไม่มีเพราะคุยไม่เป็น การเรียนก็ไม่ได้เรื่อง อย่างมากสุดก็แค่1.21 เรื่องกีฬาก็เล่นไม่ได้ เพราะเป็นโรคหอบตั้งแต่เด็ก ซึ่งองค์ประกอบทุกอย่างของผมนั้น ก็ย่อมที่จะทำให้ผมตกเป็นลูกไล่ของคนอื่นทุกที แต่มันคงไม่ผิดใช่มั้ย ที่ผมคิดจะชอบเธอ

              ดวงตากลมโตคู่นั้นมีสีดำสนิท ริมฝีปากยิ่งดูยิ่งอวบอิ่ม เส้นผมที่ยาวสยายสีดำขลับนั่นด้วย ประกอบกับเครื่องแบบนักเรียนทุกชุดที่เหมือนตัดมาให้เธอโดยเฉพาะ ล้วนเป็นส่วนที่ทำให้ผมแอบชอบเธออยู่ลึกๆ เธอดูร่าเริงตลอดเวลา ชอบหัวเราะและชอบยิ้มให้คนรอบข้าง เธอมีน้ำใจกับเพื่อนและบรรดาคุณครูเสมอๆไม่เว้นแม้แต่กับผม ที่เธอเคยช่วยเก็บของดินสอให้บริเวณหน้าห้องเรียน ที่ผมรีบจนทำหล่น ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมตกหลุมรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นทันที หากผมขอพรได้หนึ่งอย่าง ผมอยากจะมองเห็นหน้าของยาโยยตลอดเวลาทั้งเช้าจรดเย็น แม้กระทั่งตอนนอน ผมก็ยังอยากเห็นหน้าเธออยู่เช่นเดิม

              "ฮิโรกิ ไหนลองอ่านวรรค3 ตอนที่อลิซพูดกับบาทหลวงในโบสถ์ให้ฟังหน่อยซิ" เสียงของอ.เอจิโกะดังมาจากหน้าห้อง เสียงนั้นทำให้ผมตื่นจากภวังค์ของผมที่กำลังล่องลอยไปไกลแสนไกลอยู่กลับมาได้ แต่นั่นก็ทำให้ผมลุกลี่ลุกลนพอสมควรที่จะลุกขึ้นยืนเพื่ออ่านบทความนั้น ซึ่งความรีบร้อนของผมนั้น ก็ทำให้โต๊ะทั้งโต๊ะต้องล้มลงพื้นดังตึงใหญ่ๆ สมุดจดโน้ตและปากกาเกลื่อนกระจายเต็มพื้นบริเวณหลังห้อง แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งห้องดังขึ้นไม่เว้นแม้แต่อาจารย์เอจิโกะที่ดูจะชอบใจกับเหตุการณ์นี้มากที่สุดด้วย ใบหน้าของทุกคนใจห้องดูหยามเหยียดผมว่าไม่ได้เรื่อง ซ้ำยังมองผมที่นั่งเก็บของอยู่ด้วยดวงตาที่น่าสมเพชอีก แต่ก็ยังมีเด็กผู้หญิงอีกคนที่ไม่ได้หัวเราะให้กับผมซักนิดแต่กลับลุกขึ้นยืนจากที่นั่งแล้วตรงเดินมาที่ผม เธอก็คือ ยาโยย

              "นี่ ทุกคน อย่าไปหัวเราะฮิโรกิอย่างนั้นสิ! เขาไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นซะหน่อยนี่นา" ยาโยยร้องเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยินแล้วหยุดหัวเราะให้ผม ซึ่งนั่น ก็ได้ผลจริงๆ ทุกคนหยุดหัวเราะและหันกลับไปนั่งที่ของตัวเอง แม้กระทั่งอาจารย์ก็ยังหยุดตาม

              "เอาล่ะๆทุกคน หยุดหัวเราะซะที แล้วหันหน้ามาฟังครู ยาโยย หนูก็มานั่งที่ซะสิจ๊ะ เดี๋ยวครูให้เพื่อนเค้าช่วยฮิโรกิเก็บของเองจ้ะ" .เอจิโกะพูดแล้วยิ้มหวานมาทางยาโยย แน่นอน ที่ครูเค้าเลียแข้งขาของลูกสาวเจ้านายตัวเอง เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากที่จะหวังตำแหน่งในสายชั้นให้สูงขึ้นกว่าเดิมก็แค่นั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยาโยยก็ไม่เคยที่จะบอกความดีของใครต่อใครให้พ่อเธอฟัง เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยชอบพ่อของเธอสักเท่าไร ซึ่งเรื่องนั่นผมก็ไม่ค่อยทราบเหตุผลเท่าไรนัก รู้แค่ว่าเธอคิดเอาเองว่าพ่อเธอทำให้แม่เธอตาย

              "เป็นอะไรมากมั้ย" ยาโยยพูดแล้วมองมาทางผม

              "ขอบคุณนะ แต่ผมไม่เป็นอะไรมากหรอก" ผมเอ่ยขอบคุณเธอ

              "ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ" ยาโยยพูดพร้อมยิ้มตรงมุมปากให้ผม

     

     

              เย็นวันนั้น ตอนเลิกเรียน ขณะที่ผมกำลังจะกลับบ้าน พวกมิยางิ อันธพาลประจำห้องที่ชอบเพ้อฝันว่ายาโยยแอบชอบมันอยู่ตลอดเวลา แต่เธอไม่กล้าพูดเพราะอายคนอื่น ซึ่งนั่น ก็เป็นแค่การคิดเอาเองแค่ฝ่ายเดียว แล้วผมก็คิดว่ายาโยยนั้น เธอเองก็คงจะรังเกียจเจ้ามิยางิพอๆกับแมลงสาปตัวหนึ่งเท่านั้น

              มันพาพวกของมันมาอีก 2คน เพื่อที่จะมาดักรุมผมเพียงคนเดียว ตรงหลังโรงเรียน ซึ่งเป็นทางกลับบ้านของผมเอง ซึ่งผมก็พอจะเดาออกว่าทำไมมันถึงมาดักรอผม ก็คงจะเป็นเหตุผลเดิมๆที่มันไม่พอใจ คือการที่ผมกับยาโยยได้คุยกัน แล้วมันไม่ได้คุยกับยาโยย ก็แค่นั้น

              "ว่าไง ไอ้อิ-นู-กิ (สุนัขตัวหนึ่ง)" เจ้ามิยางิเรียกผมด้วยคำที่ออกเสียงคล้ายกันแล้วผลักบ่าผมด้วยฝ่ามือที่หนักหน่วงจนไหบ่ผมชาแปล๊บๆ จนหลังผมชนกับกำแพงรั้วของโรงเรียน "อีกแล้วนะ ที่แกสะเออะไปคุยกับยาโยยจังเค้า นายก็รู้นี่นาว่ายาโยยจังเค้าเป็นแฟนชั้น คราวที่แล้วยังไม่เข็ดอีกเหรอยังไง ฮึ" เจ้ามิยางิพูดขึ้นคล้ายตะคอก แล้วพวกลูกกระจ๊อกของมันก็พากันมาหิ้วปีกแขนของผมทั้งสองข้างจนขาผมลอยขึ้นจากพื้นประมาณ 3เซนพอได้ พวกมันทำให้ผมเจ็บแขนไปหมด แต่ก็เหอะนะ พอพรุ่งนี้ มันก็ต้องมาหาเรื่องผมซะจนชินแล้วล่ะ

              "ทำไมน้า ถึงได้ชอบไปคุยกับยาโยยจังเค้า!!!" เจ้ามิยางิตะคอกแล้วพุ่งหมัดหนักๆของมันใส่พุงผมหนึ่งที จนผมแทบอยากจะกระอักเลือดออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

              "ฉะชั้นเปล่านะ" ผมรวบรวมแรงเพื่อที่จะพูดอ้อนวอนมันเหมือนทุกที แล้วผมก็รู้ดี ว่ามันไม่ได้ผล

              "อ้อ เหรอ ชั้นก็เห็นนายพูดอย่างนี้แทบทุกครั้งนี่นา จะบอกอะไรให้นะ อินูกิ นายอย่าหวังที่จะได้ฟันหล่อนเลยนะ มันน่าสมเพชว่ะ ฮะฮะ" เจ้ามิยางิพูดแล้วมันก็หัวเราะ ไอ้ลูกจ๊อกของมันก็หัวเราะตาม

              "ฟัน ฟันงั้นเหรอ แคกๆ" ผมพูดด้วยลมหายใจที่แผ่วเบาพลางไอออกมาเป็นเลือดเล็กน้อย

              "ใช่สิ ก็ฟันไง แบบที่ผู้ชายกับผู้หญิงเค้าทำกันน่ะ ฮึ อย่าบอกนะว่านายไม่รู้เรื่อง ฮะฮะ ขำว่ะ ไอ้เด็กเซนท์สิทีฟ" มันหัวเราะอีกครั้งแล้วก็พุ่งหมัดอย่างหนักมาที่ท้องผม อีกหมัด

              "ชั้น ไม่เคย แค่กๆ ที่จะคิดอย่างนั้น กับเธอเลย" ผมพูดเหมือนใกล้ตายจนไอ้สองคนที่หิ้วผมอยู่ปล่อยผมให้กองอยู่กับพื้น

              "แต่ชั้นเคยว่ะ ฮะฮะ นายอยากฟังมั้ย" เจ้ามิยางินั่งยิงๆลงมาดูหน้าผมที่นอนจมกองน้ำสกปรกอยู่แล้วควักบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อมายัดใส่ปากของมัน พลางเอาไฟแช็กมาจุด "ว่าไง อยากฟังไหม"

              "ไม่ ชั้นไม่อยากฟัง"

              "อ้อเรอะ เผอิญว่าชั้นอยากเล่าด้วยสิ เฮ้ย จับมันนั่งซิ" เจ้ามิยางิออกปากสั่งลูกน้องมันแล้วยิ้มน่าเกลียดๆมาให้ผม "เอาล่ะนะ แต่นแตนแต๊น ต่อไปนี้ชั้นจะเล่าจินตนาการเสียวของชั้นให้พวกนายฟังล่ะนะ" เจ้ามิยางิกวาดแขนออกแล้วพวกลูกน้องมันก็ตบมือดังแปะๆ

     

     

              ระหว่างทางกลับบ้านท้องของผมเจ็บมาก ขนาดที่ว่าไส้ในท้องนี้บิดไปมาเป็นเกลียวเลยทีเดียว ความเจ็บปวดนั้นก็ทำให้ผมต้องแวะที่ร้านยาเพื่อซื้อยาแก้ปวดและแก้ช้ำซักแผง ไว้กินก่อนนอนเพื่อระงับอาการเจ็บปวด เสียงร้องครวญครางงั้นเหรอ ร่างกายที่เร่าร้อนงั้นรึ เฮอะ มันก็แค่ความคิดสกปรกของขยะตัวหนึ่งเท่านั้น ผมไม่เห็นต้องเก็บเอามาคิดเลย แต่ผมก็ต้องเก็บเอามาคิดจนได้ เกี่ยวกับเรื่องสกปรกที่เจ้ามิยางิมันคิดกับยาโยย และเรื่องนี้ ก็ทำให้การเดินทางกลับบ้านของผมดูยาวกว่าทุกทีที่เคยเป็น แต่แล้ว ตรงหน้าหมู่บ้านของผม ผมก็มองเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผมยาวสยายสีดำขลับ หุ่นสูงเพรียวยืนอยู่ข้างเสาไฟฟ้า ในมือของเธอถือถุงใบใหญ่สีน้ำตาลที่เหมือนถุงกระดาษแต่ไม่ใช่ ภายในคงบรรจุเสื้อผ้าไว้ล่ะมั้ง ส่วนหลังของเธอนั้น ก็สะพายกระเป๋าเป้สีชมพูอ่อนยี่ห้อเอาท์ดอร์ โดยที่กระเป๋าใบนั้น ได้ถูกปิดทับความงดงามของมันด้วยผมของยาโยยยาวสยายสีดำขลับที่สวยงามกว่า

              แล้วผมก็ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆเธออย่างช้า หลังจากนั้น เธอก็หันขวับมาที่ผม วินาทีที่เราประสานตากัน ผมรู้สึกมีความสุขมากๆส่วนเธอนั้น ก็แสดงออกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จากนั้นก็วิ่งมาหาผม

              "เฮ้อ ชั้นนึกว่าเธอจะไม่กลับบ้านซะแล้ว อุตส่าห์มารอตั้งนานแน่ะ" ยาโยยเอ่ยแล้วยิ้มกว้างเห็นฟันให้ผม

              "เอ่อ ห้องเรา มีเรื่องอะไรเหรอครับ หัวหน้า" ผมเรียกเธอว่าหัวหน้า เพราะเธอเป็นหัวหน้าห้องพลางก้มหน้าเพื่อหลบไม่ให้เธอเห็นหน้าแดงๆของผม

              "นั่นไง ชั้นบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกชั้นว่าหัวหน้า ชั้นก็เป็นนักเรียนธรรมดาน่ะแหละ เหมือนนายไง" ยาโยยพูดแล้วชี้มาที่ผม "อื้อ ใช่ เกือบลืมแน่ะ คือชั้นจะมาชวนนายไปงานเลี้ยงอำลาน่ะ" งานเลี้ยงอำลา คงจะเป็นงานเลี้ยงรุ่นพี่ล่ะมั้ง แล้วถ้าหากผมได้ไปล่ะก็ ผมต้องกลายเป็นบ๋อยจำเป็นแน่นอน

              "เอ่อ แล้วทำไมถึงมาชวนผมล่ะครับ" ผมพูด

              "อ้อ ก็บ้านนายหลังสุดท้ายแล้ว คนอื่นในห้องชั้นไปชวนมาหมดแล้ว มีแต่บ้านมิยางิล่ะที่ชั้นไม่เจอเค้า แม่เค้าบอกว่ามิยางิยังไม่กลับ"

              "ทุกคนในห้องเหรอครับ?" ผมสงสัย

              "ใช่สิ ทำไมเหรอ" ยาโยยพูด

              "แล้ว แล้วงานเลี้ยงอำลานี่ของใครกันเหรอครับ ไม่ใช่ของพวกรุ่นพี่ม.3หรอกเหรอ"

              "ใช่ซะที่ไหนล่ะ งานน่ะจัดที่อินดอร์ของโรงเรียนเรา" ยาโยยพูดแล้วหัวเราะคิกคัก

              "อินดอร์?" ผมยิ่งฉงนเข้าไปใหญ่

              "ใช่สิ คือว่า อีกสามวัน ชั้นต้องย้ายไปเรียนที่อเมริกาตอนกลางเทอมน่ะ เลยอยากจัดเลี้ยงซะตอนนี้เลย" ยาโยยพูดประโยคๆนี้ออกมา สิ้นเสียงของเธอ ผมแทบจะบ้าตาย 'นี่ผมจะไม่ได้เห็นหน้าสวยๆของเธออีกแล้วหรือนี่' พอคิดแล้ว มันใจหายจริงๆ

              "แล้ว คุณหัวหน้าจะไปจริงน่ะหรือคะ ครับ" ผมเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก เธอคงต้องล้อผมเล่นแน่เลย ไม่มีทางหรอก ที่เธอจะหนีไปจากผมน่ะ

              "จริงสิจ๊ะ พ่อชั้นน่ะวางแผนไว้นานแล้ว พอดีกับตอนนี้เรื่องเอกสารทางโน้นเรียบร้อยพอดี ชั้นก็เลยต้องรีบไปน่ะ" ยาโยยเอ่ยพลางเดินไปพิงเสาไฟฟ้า

              "งั้น คุณไม่อยาก เห็น หน้าผม อีกแล้วเหรอครับ" ผมพูดอย่างตะกุกตะกักแล้วคิดไปด้วยว่าจะทำอย่างไงหากเธอไปแล้ว

              "บ้าเหรอ เราไม่ใช่แฟนกันนี่นา พูดไปได้" ยาโยยยิ้มจนเห็นเขี้ยวที่น่ารัก น่าเสียดายที่ผมจะไม่ได้เห็นหน้าของเธอแล้ว

              "หรือครับ งั้น ผมขอเห็นหน้าคุณทุกวันได้ไหม ยาโยย" ผมพูดชื่อของเธอออกมาเต็มๆปาก

              "เอ๋?"

              "ผม จะไม่ยอมที่จะให้ ใบหน้าของคุณหายไปแน่" ผมพูดแล้วหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋านักเรียนของผม และแล้วเมื่อยาโยยเห็นสิ่งนั้นออกมาจากกระเป๋าของผม เธอก็แสดงออกด้วยหน้าตาที่หวาดกลัวทันที แล้วก็กรีดร้องด้วยเสียงที่แหลมปรี๊ด

     

     

              ผมถือถุงใบใหญ่สีน้ำตาลของยาโยยกลับบ้านมาด้วย มือของผมเริ่มแดงนิดๆ แสดงถึงอาการแพ้ต่อเหล็กขึ้นสนิม ที่ผมเพิ่งจับมันอย่างแน่นมือเมื่อครู่ แล้วทันทีที่ผมเปิดประตูบ้านที่แสนสกปรกและคับแคบออก ก็มีแก้วพลาสติกใบหนึ่งปลิวมาโดนหน้าผากผมอย่างจัง จนต้องผงะไปข้างหลังเล็กน้อย แก้วใบนั้น เป็นฝีมือของแม่ผมเอง จากตรงบริเวณโต๊ะทำความร้องที่มีแก้ว บุหรี่ และขวดเหล้าวางอยู่เรียงราย แถมด้วยร่างเปลือยท่อนบนของผู้ชายอีกคนหนึ่งที่นอนอยู่ข้างๆแม่ด้วยฤทธิ์ความเมาของกัญชา

              "เพิ่งจะกลับมาเอาป่านนี้รึไง ห๊า ชั้นน่ะ หิวข้าวจะตายอยู่แล้ว!" แม่ของผมตะโกนออกมาด้วยสำเนียงที่คุ้นเคย คือสำเนียงของคนที่เมาเหล้าอย่างหนัก แล้วใช้ตาที่ปรือๆทั้งสองข้างจ้องเขม็งมาที่ผม

              "ขอโทษครับ เดี๋ยวจะรีบทำเดี๋ยวนี้ล่ะครับ" ผมพูดพลางถอดรองเท้าแล้ววิ่งขึ้นบันไดเพื่อที่จะหลีกหนีสภาพอันโหดร้ายของแม่ผม ให้ผ่านไป

              "เออ รีบๆล่ะ เอิ๊ก อย่าให้เลี้ยงเสียข้าวสุกล่ะ ไอ้ลูกเนรคุณไม่ดูแลแม่!" แม่ของผมร้องดังมาถึงห้องผมขณะที่กำลังเปิดประตูห้อง

     

     

              ผมเปิดตู้เสื้อผ้าออกแล้วบรรจงจัดเสื้อผ้าในตู้ให้เหลือที่ว่างไว้พอสมควร และมากพอที่จะวางวัตถุคล้ายลูกบอลได้มากกว่าพอดี จากนั้น ผมก็บรรจงหยิบบางสิ่งที่คล้ายลูกบอลออกมาจากถุงของยาโยยแล้ววางมันลงตรงที่ว่างในตู้ พลางจัดอะไรๆที่มันดูรุงรังให้เรียบร้อย จากนั้นก็ถอยออกมาห่างจากตู้ประมาณเมตรกว่าๆแล้วมองดูวัตถุนั้นให้เต็มตาอีกครั้ง

              หัวของยาโยยที่วางอยู่ตรงนั้น มันช่างสวยงามอย่างยิ่ง ดวงตาของเธอเบิกกว้างส่องประกายสีดำเข้มสดใส ผมของเธอยังคงยาวสยายสีดำขลับเหมือนเดิมจนเลยออกมานอกตู้ ปากเรียวยาวที่ดูอวบอิ่มดูน่ารักยิ่งนัก ใบหน้าของเธอ ช่างสวยงามยิ่งเมื่อวางอยู่ในตู้เสื้อผ้าของห้องผม แม้ว่าจะมีหยดเลือดที่มาจากลำคอของเธอจนเลอะตู้บ้างก็ตามแต่ ที่นี้ ผมก็จะได้มีเวลามองหน้าของเธออย่างชัดๆและนานๆแม้กระทั่งตอนนอน ซะที

     

     

              "…เมื่อเวลา20.57.มีพลเมืองคู่หนึ่งได้พบศพของนักเรียนมัธยมต้นชาย จำนวน3ศพอยู่ที่บริเวณหลังโรงเรียนมัธยมต้นเมฮิกิ ซึ่งทั้ง3นั้นล้วนเป็นนักเรียนของโรงเรียนที่เกิดเหตุจากเครื่องแบบที่สวมใส่อยู่ บาดแผลสำคัญที่ทำให้ถึงแก่ความตายนั้นคือบาดแผลยาวลึกที่ลำคอ คล้ายกับรอยของมีดขนาดยาว ซึ่งบาดแผลได้ทำลายเนื้อเยื่อหลอดลมของทั้ง3จนถึงแก่ชีวิต ตอนนี้ ทราบแค่ว่าทั้ง3ตายประมาณเวลาเลิกเรียน และยังทราบชื่อของเด็กคนหนึ่งว่ามีชื่อคือ มิยางิ คิโชโดะ ส่วนอีกสองคนยังไม่ทราบชื่อ จากการคาดการณ์เบื้องต้นของตำรวจ อาจเป็นการขัดผลประโยชน์ของแก๊งอันธพาลในย่านนั้นก็เป็นได้…" เสียงประการข่าวของนักอ่านข่าวชื่อดังของเอ็นเอชเคพูดขึ้นดังออกมาจากลำโพงทีวีของบ้านผม

              ถูกต้องแล้ว ผมฆ่าพวกมันเอง ซึ่งก็สมควรแล้วนี่กับความคิดสกปรกๆของมัน แต่อาวุธที่ผมฆ่ามันนั้น ไม่ใช่มีดยาวหรอกนะ แต่เป็นแค่เหล็กแหลมยาวขนาดท่อนแขนก็เท่านั้น ผมเก็บได้ตอนที่มันกำลังเล่าเรื่องสกปรกๆบริเวณถังขยะ พอผมจำได้มั่นมือ ผมก็หวดไปที่ลำคอของเจ้ามิยางิมัน หวังแค่จะให้มันหยุดพูดซะที แต่ก็ช่วยไม่ได้ ที่ปลายของแท่งเหล็กมันดันแหลมซะนี่ เลือดของมันเลยพุ่งกระจายไปทั่วท้องถนนแล้วมันก็นอนดิ้นอยู่กับพื้น แต่พวกของมันก็ทำท่าว่าจะวิ่งหนีด้วยความกลัว น่าเสียดาย ที่มันรู้จักผมและจำหน้าผมได้ซะนี่ ผมเลยต้องฆ่ามันซะทั้งสองคน ตอนนั้น ผมพยายามที่จะใช้แรงที่เหลืออันน้อยนิดที่หมดไปกับการถูกซ้อมของผม สั่งสอนมันก็เท่านั้น แต่พวกมันตะหากที่โชคร้าย ดันตายซะได้นี่ และอีกไม่นานหรอกมั้ง ที่ศพของยาโยยจะถูกพบ แต่คงจะยากหน่อยล่ะ เพราะไอ้เหล็กของผมที่ตัดคอของเธอนั้น ก็คมพอๆกับเลื่อยเลยล่ะ รู้มั้น ป่านนี้ชิ้นส่วนร่างกายของยาโยย ทั้งแขน ขา ลำตัว หรือมือและเท้า คงล่องลอยไปไกลในท่อระบายน้ำของหมู่บ้านแล้วล่ะ

              "เสร็จยังโว้ย! หิวแล้ว จะกินวันนี้นะเฮ้ย ไม่ใช่พรุ่งนี้!" ผู้ชายของแม่ร้องดังขั้น แล้วก็เอาปากประกบกับแม่อีกครั้งแต่แม่ก็ผละหนีแล้วหันมามองทางผมที่ยืนทำกับข้าวอยู่ในครัว "รีบๆหน่อยล่ะ ไอ้ลูกเฮงซวย!" แม่ผมตะคอกซ้ำ

              "ครับ เดี๋ยวจะเสร็จแล้วครับ" ผมพูดปัดไปแล้วก็คิดถึงแผนการใหม่ ผมไม่คิดที่จะทำอะไรกับแม่ของผมหรอกนะ อย่างน้อย แม่ก็เลี้ยงผมมาจนโต ไม่ทิ้งไว้ข้างถนนเหมือนในหนังก็บุญแล้ว แล้วผมก็รักแม่ของผมมาก แม้ว่าจะไม่เคยกอดแม่เลยตั้งแต่จำความได้ก็เหอะ แต่กับไอ้กร๊วกนั่น ก็ไม่แน่

     

     

              สายตาคู่หนึ่งจ้องเขม็งมาทางผม จากภายในของตู้เสื้อผ้า ดวงตาคู่นั้นกลมโตสีแดงฉาน แทบจะไม่เหลือส่วนของตาขาวให้เห็นนั้น ทำให้ผมรู้สึกกลัวจนแทบขยับไม่ได้แต่ผมก็ต้องฝืนตัวเองเพื่อลุกขึ้นมาปิดตู้เพื่อให้ดวงตาน่าเกลียดน่ากลัวนั้นหายไปซะที ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หัวของยาโยยจะเป็นอย่างนี้ แก้มของเธอที่เคยสดใสนั้น ตอนนี้กลับช้ำเป็นสีม่วงจ้ำๆ ฟันของเธอเหลืองซะจนน่าเกลียด ผมเผ้าดูแข็งกระด้างไม่สวยงามเหมือนเมื่อก่อนที่เคยอยู่บนบ่าของยาโยย หนำซ้ำ ดวงตาของเธอยังดูแดงก่ำไม่เหลือเค้าเดิมของตากลมโตน่ารักเช่นก่อน ทำไม่นะ โลกถึงต้องพรากใบหน้าของยาโยยไปจากผมด้วย ทั้งๆที่ผมแค่อยากจะเห็นใบหน้าของยาโยยเท่านั้นเอง

              ตั้งแต่ที่ยาโยยหายไป โรงเรียนทั้งโรงเรียนก็ยุ่งกันใหญ่ ครูใหญ่แทบจะเป็นบ้า พวกคนอื่นในห้องก็พากันเศร้า น่าสงสารที่พวกเค้าไม่เคยรู้ความจริงเลยซักนิด แต่ก็ยังดี เพราะว่าตั้งแต่วันนั้นที่โรงเรียน ผมก็ไม่เคยโดนแกล้งอีกเลย แต่แล้วในช่วงที่ทุกคนวุ่นๆอยู่นั้น ก็มีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามา เธอเป็นเด็กผู้หญิงมาจากโตเกียวที่มีผลการเรียนดีจนได้ทุนต่อต่างประเทศ แล้วยังมีการกีฬาที่ดีเยี่ยมอีก เธอชื่อว่า ชิสุกะ

              วันที่เธอมาแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักเธอนั้น เธอมีผมยาวสีน้ำตาลถึงเอว ดวงตากลมโตสีเขียวสดใส มีรอยยิ้มที่สวยงามจนน่าจดจำ ฟันของเธอที่ขาวสะอาด แก้มป่องๆของเธอนั้น เหมือนกับยาโยยเลยทีเดียว พูดๆไปแล้ว ผมก็ชักอยากเห็นหน้าของชิสุกะทุกๆวันซะแล้วสิ

     

    จบเรื่อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×