ลำดับตอนที่ #18
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : บทสนทนาเวลาน้ำชา
คณะเดินทางทั้งสี่รับคำเชิญและเดินเข้ามาในโบสถ์ไม้หลังเก่า แม้ดูจากภายนอกมันจะไม่ต่างอะไรกับอาคารร้างแต่ภายในกลับอุ่นสบายและดูน่าอยู่เหมือนที่พักอาศัยที่ดีทั่วไป...
...ถ้าไม่นับร่องรอยข้าวของที่แตกกระจายจากเหตุการณ์บางอย่างเมื่อครู่...
หลังจากเช็ดเนื้อเช็ดตัวและพิงไฟจนตัวแห้งดีแล้ว ลูคัสก็นำขนมและน้ำชามารับแขก...
...แล้วก็ได้เวลากระเพาะน้อยๆของเด็กหนุ่มจะทำตามหน้าที่ของมัน...
ครืดดด~โครกกก~
“โห...ขนมนี่น่ากินจังเลยนะครับ...”กระเพาะของหัวขโมยหนุ่มส่งเสียงครืดๆออกมาแข่งกับเสียงฟ้าร้องด้านนอก
เจ้าตัวดีคงกระโดดเข้าไปงาบไม่เหลือแล้วถ้าหากไม่ติดสายตาดุๆของนักบวชผมทองที่มองอยู่
“นั่นเสียงท้องแกร้องหรอเคนิน...น่าเกลียดชะมัด...”คาร์สบ่นเบาๆ ขณะที่เคนินหันมาค้อนขวับ
“เอาสิ...เชิญตามสบาย...ทานเยอะๆก็ได้นะ”นักบวชหนุ่มผมดำยิ้มให้อย่างใจดี
“งั้นไม่เกรงใจหละนะคร้าบบบบ^^” เสียงหัวขโมยตัวดีกับนักรบหนุ่มที่เสียพลังงานจากการก่อสงครามไปเยอะดังขึ้นพร้อมกันก่อนจะหันมาเขม่นกันนิดนึง
“ไหนนายว่าไม่หิวไงคาร์ส?”เคนินถามเย้ยๆ
“ชั้นพูดตอนไหนว่าไม่หิว?...”พูดจบคาร์สก็คว้าขนมปังที่อยู่ตรงหน้ามาเคี้ยวทันที
“เฮ้ย! ขี้โกงนี่นา...งั้นมาแข่งกินกัน! ใครกินได้มากกว่าชนะเฟ้ย!!!”คำท้าทายจากหัวขโมยตัวดีไม่ได้รับคำตอบ แต่นักรบหนุ่มก็เร่งสปีดการกินยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการรับคำท้า
“เฮ้อ...เชื่อเลย...”เรมิลถอนหายใจเบาๆพลางจิบน้ำชา...อะไรจะทะเลาะกันได้ทุกที่ทุกเวลาขนาดนี้?...
ภาพการแข่งกินระหว่างหัวขโมยช่างท้ากับนักรบบ้าจี้เรียกรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มผมดำได้ไม่น้อย
...อย่างกะเอเลี่ยนปะทะพรีเดเตอร์งั้นแหละ...(พวกไม่ใช่มนุษย์)
“แล้วโรรี่มาได้ที่นี่ได้ยังไงหละเนี่ย?” ลูคัสถามขึ้น ท่ามกลางเสียงกะซวกอาหารเข้ากระเพาะของหัวขโมยกับนักรบหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
โรยกน้ำชาขึ้นจิบก่อนตอบ
“บังเอิญผ่านมาน่ะครับ...แล้วบังเอิญฝนมันตกเลยหาที่หลบฝน”
ลูคัสยิ้มให้พลางพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงรับรู้...เรื่องอื่นที่เจ้าตัวไม่อยากเล่าเขาก็ไม่อยากฟัง...
“พาเด็กมาด้วย 3 คนอย่างงี้ไม่ลำบากแย่?”
“ไม่หรอกครับ...” โรยิ้มพลางหันไปมองสงครามย่อย(อาหาร)ที่ด้านข้าง “เฮฮาแบบนี้จะได้ไม่เหงา...”
“ว่าแต่พวกชั้นก็ไม่ได้เจอพวกเธอนานเหมือนกันนะ...อืม...ซัก10ปีได้...”
“...15ปี...”เสียงนักบวชผมทองที่พยายามทำตัวเป็นรูปปั้นหน้ายักษ์วัดแจ้งตอบให้
“ช่าย...ตั้งแต่...ตอนนั้น...”ลูคัสยิ้มบางๆ
“ครับ...ตั้งแต่พวกพี่มาเป็นบาทหลวงในงานแต่งงานของสองคนนั้น”โรพูดยิ้มๆ
“นั่นสิ...ไม่คิดว่าคนอย่างลอรี่จะมาเป็นบาทหลวงในพิธีแต่งงานได้นะเนี่ย”
“...เรื่องของชั้น...”เสียงหงุดหงิดพร้อมสายตาคมๆที่ส่งมาจากลอเรนซ์ มิได้กระทบกระเทือนลูคัสแม้แต่น้อย
“แล้วพวกพี่มาอยู่ด้วยกันได้ยังไงครับเนี่ย?...”โรถามก่อนจะยิ้มกับคำตอบที่ได้
“แหม...ก็ลอรี่น่ะสิ...บอกว่าไม่อยากแยกจากชั้นแม้จะจบการศึกษาไปแล้วก็ตาม...”ลูคัสพูดยิ้มๆพลางเอี้ยวตัวหลบมีดบินที่ถูกส่งมา...ทำให้คมมีดพลาดเป้าเฉี่ยวหัวขโมยตัวดีที่กำลังนั่งงาบคุกกี้อย่างเอร็ดอร่อยไปนิ้ดเดียว...
“....................”เคนินหน้าซีดสนิทกับเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อครู่ คุกกี้รสช็อกโกแลตร่วงออกจากปาก...
...เกือบได้ข่าวหน้าหนึ่ง...หัวขโมยหนุ่มถูกมีดปักตายคาที่พร้อมคาบคุกกี้ในปาก...(-_-“)
“ชั้นไปพูดอะไรบ้าๆแบบนั่นเมื่อไหร่หา!!!???”ใบหน้าของนักบวชหนุ่มผมทองเพิ่มดีกรีหงุดหงิดพาวเวอร์อัพ
“แหมๆ...ไม่ต้องอายหรอกลอรี่”ลูคัสยิ้มให้อย่างไม่สะทกสะท้านซักนิดก่อนเอ่ยต่อ
“เพราะถึงนายไม่พูดแบบนั้นชั้นก็อยากอยู่กับนายอยู่ดีแหละน่า”
“ไอ้บ้านี่!!!ก็บอกว่าไม่ได้พูด!!!”ลอเรนซ์ตวาด แต่ลูคัสเพียงแค่หันมายิ้มให้น้อยๆ
“...เพราะคนเดียวที่ทำให้ซาตานอย่างชั้นกลายเป็นนักบวชได้...มีแต่นายเท่านั้น...”
“........................”
“เอ่อ...แล้วพี่พอจะได้ข่าวเรื่องของ...เฟริน...บ้างไหมครับ?”โรถามเสียงแผ่วเบา
“...ไม่มีเลย...หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับเฟรี่อีกเลยหละ...”ลูคัสยิ้มให้อย่างเศร้าๆ...
“...หรอครับ...”
“ทำไมไม่ไปถามคิลลี่ดูล่ะ?...เขาเป็นคนที่รู้จักสองคนนั้นดีที่สุดนี่”ลูคัสแนะ
“ครับ...เรากำลังเดินทางไปหาคิลมัสอยู่”โรยิ้มตอบ
“อ้อ...เข้าใจหละ...ว่าแต่เด็กผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ตรงนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ?”ลูคัสถามขึ้น ทุกสายตาจ้องไปยังเก้าอี้ว่างเปล่าที่เมื่อครู่ยังมีร่างของหัวขโมยหนุ่มนั่งอยู่
“เอ่อ...มันบอกว่าจะออกไปเดินเล่นทำใจน่ะครับ...”คาร์สตอบ
“แล้วเขาบอกหรือเปล่าว่าจะไปไหน?”โรถาม
“เปล่าครับ...แต่เห็นเดินไปทางนั้น”เรมิลตอบพร้อมชี้ไปทางประตูที่แง้มออกเล็กน้อย ภายในนั้นมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น....
ฉับพลันนัยน์ตาสีนิลที่เคยฉายแววใจดีเสมอก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบเช่นเดียวกับนักบวชหนุ่มผมทองที่ทำหน้าเครียดยิ่งขึ้น...
“...ลูคัส...”ลอเรนซ์เอ่ยเสียงเข้ม
“อืม...รีบไปช่วยออกมาก่อนดีกว่าลอรี่...”ลูคัสตอบตอบเสียงเรียบก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนกับเด็กหนุ่มอีกสองคนใจหายวาบ...
“...ก่อนที่มันจะสายเกินไป...”
**********
เหอๆๆๆ ขอบคุณทุกคอมเม้นน้าค้าบบบ
จริงๆวันนี้ไม่ได้กะมาอัพหรอก แต่ท่าน apple โพสขู่เหมือนกะว่า...
...ไม่อัพพรุ้งนี้...ตาย...(-_-+) ชิ้ง...
แหะๆๆๆ (ล้อเล่นน้าท่านแอปเปิ้ล...หุๆ)
เรื่องมุกไบร์ทนั่นผมนั่งคิดเองกะเพื่อนครับ...คือถ้าเทียบเป็นตัวละคร ผมก็คงเป็นเคนินโดนคาร์ส(เพื่อนผม)หลอกด่า...
เหอๆๆ แค้นฝังใจเลยเอามาใส่ซะเลย (จริงๆก็ชอบที่มันตลกดีด้วย...เพราเราลงไปขำกลิ้งตั้งนานกว่าจะทำจัยได้)
หุๆๆ ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคับ จะพยายามอัพบ่อยๆ(เยอะๆด้วย)
และสุดท้าย...ท่องไว้...เฟรินจะมาแล้ว...คาโลจะมาแล้ว..555+
...ถ้าไม่นับร่องรอยข้าวของที่แตกกระจายจากเหตุการณ์บางอย่างเมื่อครู่...
หลังจากเช็ดเนื้อเช็ดตัวและพิงไฟจนตัวแห้งดีแล้ว ลูคัสก็นำขนมและน้ำชามารับแขก...
...แล้วก็ได้เวลากระเพาะน้อยๆของเด็กหนุ่มจะทำตามหน้าที่ของมัน...
ครืดดด~โครกกก~
“โห...ขนมนี่น่ากินจังเลยนะครับ...”กระเพาะของหัวขโมยหนุ่มส่งเสียงครืดๆออกมาแข่งกับเสียงฟ้าร้องด้านนอก
เจ้าตัวดีคงกระโดดเข้าไปงาบไม่เหลือแล้วถ้าหากไม่ติดสายตาดุๆของนักบวชผมทองที่มองอยู่
“นั่นเสียงท้องแกร้องหรอเคนิน...น่าเกลียดชะมัด...”คาร์สบ่นเบาๆ ขณะที่เคนินหันมาค้อนขวับ
“เอาสิ...เชิญตามสบาย...ทานเยอะๆก็ได้นะ”นักบวชหนุ่มผมดำยิ้มให้อย่างใจดี
“งั้นไม่เกรงใจหละนะคร้าบบบบ^^” เสียงหัวขโมยตัวดีกับนักรบหนุ่มที่เสียพลังงานจากการก่อสงครามไปเยอะดังขึ้นพร้อมกันก่อนจะหันมาเขม่นกันนิดนึง
“ไหนนายว่าไม่หิวไงคาร์ส?”เคนินถามเย้ยๆ
“ชั้นพูดตอนไหนว่าไม่หิว?...”พูดจบคาร์สก็คว้าขนมปังที่อยู่ตรงหน้ามาเคี้ยวทันที
“เฮ้ย! ขี้โกงนี่นา...งั้นมาแข่งกินกัน! ใครกินได้มากกว่าชนะเฟ้ย!!!”คำท้าทายจากหัวขโมยตัวดีไม่ได้รับคำตอบ แต่นักรบหนุ่มก็เร่งสปีดการกินยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการรับคำท้า
“เฮ้อ...เชื่อเลย...”เรมิลถอนหายใจเบาๆพลางจิบน้ำชา...อะไรจะทะเลาะกันได้ทุกที่ทุกเวลาขนาดนี้?...
ภาพการแข่งกินระหว่างหัวขโมยช่างท้ากับนักรบบ้าจี้เรียกรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มผมดำได้ไม่น้อย
...อย่างกะเอเลี่ยนปะทะพรีเดเตอร์งั้นแหละ...(พวกไม่ใช่มนุษย์)
“แล้วโรรี่มาได้ที่นี่ได้ยังไงหละเนี่ย?” ลูคัสถามขึ้น ท่ามกลางเสียงกะซวกอาหารเข้ากระเพาะของหัวขโมยกับนักรบหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
โรยกน้ำชาขึ้นจิบก่อนตอบ
“บังเอิญผ่านมาน่ะครับ...แล้วบังเอิญฝนมันตกเลยหาที่หลบฝน”
ลูคัสยิ้มให้พลางพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงรับรู้...เรื่องอื่นที่เจ้าตัวไม่อยากเล่าเขาก็ไม่อยากฟัง...
“พาเด็กมาด้วย 3 คนอย่างงี้ไม่ลำบากแย่?”
“ไม่หรอกครับ...” โรยิ้มพลางหันไปมองสงครามย่อย(อาหาร)ที่ด้านข้าง “เฮฮาแบบนี้จะได้ไม่เหงา...”
“ว่าแต่พวกชั้นก็ไม่ได้เจอพวกเธอนานเหมือนกันนะ...อืม...ซัก10ปีได้...”
“...15ปี...”เสียงนักบวชผมทองที่พยายามทำตัวเป็นรูปปั้นหน้ายักษ์วัดแจ้งตอบให้
“ช่าย...ตั้งแต่...ตอนนั้น...”ลูคัสยิ้มบางๆ
“ครับ...ตั้งแต่พวกพี่มาเป็นบาทหลวงในงานแต่งงานของสองคนนั้น”โรพูดยิ้มๆ
“นั่นสิ...ไม่คิดว่าคนอย่างลอรี่จะมาเป็นบาทหลวงในพิธีแต่งงานได้นะเนี่ย”
“...เรื่องของชั้น...”เสียงหงุดหงิดพร้อมสายตาคมๆที่ส่งมาจากลอเรนซ์ มิได้กระทบกระเทือนลูคัสแม้แต่น้อย
“แล้วพวกพี่มาอยู่ด้วยกันได้ยังไงครับเนี่ย?...”โรถามก่อนจะยิ้มกับคำตอบที่ได้
“แหม...ก็ลอรี่น่ะสิ...บอกว่าไม่อยากแยกจากชั้นแม้จะจบการศึกษาไปแล้วก็ตาม...”ลูคัสพูดยิ้มๆพลางเอี้ยวตัวหลบมีดบินที่ถูกส่งมา...ทำให้คมมีดพลาดเป้าเฉี่ยวหัวขโมยตัวดีที่กำลังนั่งงาบคุกกี้อย่างเอร็ดอร่อยไปนิ้ดเดียว...
“....................”เคนินหน้าซีดสนิทกับเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อครู่ คุกกี้รสช็อกโกแลตร่วงออกจากปาก...
...เกือบได้ข่าวหน้าหนึ่ง...หัวขโมยหนุ่มถูกมีดปักตายคาที่พร้อมคาบคุกกี้ในปาก...(-_-“)
“ชั้นไปพูดอะไรบ้าๆแบบนั่นเมื่อไหร่หา!!!???”ใบหน้าของนักบวชหนุ่มผมทองเพิ่มดีกรีหงุดหงิดพาวเวอร์อัพ
“แหมๆ...ไม่ต้องอายหรอกลอรี่”ลูคัสยิ้มให้อย่างไม่สะทกสะท้านซักนิดก่อนเอ่ยต่อ
“เพราะถึงนายไม่พูดแบบนั้นชั้นก็อยากอยู่กับนายอยู่ดีแหละน่า”
“ไอ้บ้านี่!!!ก็บอกว่าไม่ได้พูด!!!”ลอเรนซ์ตวาด แต่ลูคัสเพียงแค่หันมายิ้มให้น้อยๆ
“...เพราะคนเดียวที่ทำให้ซาตานอย่างชั้นกลายเป็นนักบวชได้...มีแต่นายเท่านั้น...”
“........................”
“เอ่อ...แล้วพี่พอจะได้ข่าวเรื่องของ...เฟริน...บ้างไหมครับ?”โรถามเสียงแผ่วเบา
“...ไม่มีเลย...หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับเฟรี่อีกเลยหละ...”ลูคัสยิ้มให้อย่างเศร้าๆ...
“...หรอครับ...”
“ทำไมไม่ไปถามคิลลี่ดูล่ะ?...เขาเป็นคนที่รู้จักสองคนนั้นดีที่สุดนี่”ลูคัสแนะ
“ครับ...เรากำลังเดินทางไปหาคิลมัสอยู่”โรยิ้มตอบ
“อ้อ...เข้าใจหละ...ว่าแต่เด็กผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ตรงนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ?”ลูคัสถามขึ้น ทุกสายตาจ้องไปยังเก้าอี้ว่างเปล่าที่เมื่อครู่ยังมีร่างของหัวขโมยหนุ่มนั่งอยู่
“เอ่อ...มันบอกว่าจะออกไปเดินเล่นทำใจน่ะครับ...”คาร์สตอบ
“แล้วเขาบอกหรือเปล่าว่าจะไปไหน?”โรถาม
“เปล่าครับ...แต่เห็นเดินไปทางนั้น”เรมิลตอบพร้อมชี้ไปทางประตูที่แง้มออกเล็กน้อย ภายในนั้นมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น....
ฉับพลันนัยน์ตาสีนิลที่เคยฉายแววใจดีเสมอก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบเช่นเดียวกับนักบวชหนุ่มผมทองที่ทำหน้าเครียดยิ่งขึ้น...
“...ลูคัส...”ลอเรนซ์เอ่ยเสียงเข้ม
“อืม...รีบไปช่วยออกมาก่อนดีกว่าลอรี่...”ลูคัสตอบตอบเสียงเรียบก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนกับเด็กหนุ่มอีกสองคนใจหายวาบ...
“...ก่อนที่มันจะสายเกินไป...”
**********
เหอๆๆๆ ขอบคุณทุกคอมเม้นน้าค้าบบบ
จริงๆวันนี้ไม่ได้กะมาอัพหรอก แต่ท่าน apple โพสขู่เหมือนกะว่า...
...ไม่อัพพรุ้งนี้...ตาย...(-_-+) ชิ้ง...
แหะๆๆๆ (ล้อเล่นน้าท่านแอปเปิ้ล...หุๆ)
เรื่องมุกไบร์ทนั่นผมนั่งคิดเองกะเพื่อนครับ...คือถ้าเทียบเป็นตัวละคร ผมก็คงเป็นเคนินโดนคาร์ส(เพื่อนผม)หลอกด่า...
เหอๆๆ แค้นฝังใจเลยเอามาใส่ซะเลย (จริงๆก็ชอบที่มันตลกดีด้วย...เพราเราลงไปขำกลิ้งตั้งนานกว่าจะทำจัยได้)
หุๆๆ ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคับ จะพยายามอัพบ่อยๆ(เยอะๆด้วย)
และสุดท้าย...ท่องไว้...เฟรินจะมาแล้ว...คาโลจะมาแล้ว..555+
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น