ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Thief of Kanowal

    ลำดับตอนที่ #18 : บทสนทนาเวลาน้ำชา

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 48


    คณะเดินทางทั้งสี่รับคำเชิญและเดินเข้ามาในโบสถ์ไม้หลังเก่า แม้ดูจากภายนอกมันจะไม่ต่างอะไรกับอาคารร้างแต่ภายในกลับอุ่นสบายและดูน่าอยู่เหมือนที่พักอาศัยที่ดีทั่วไป...



    ...ถ้าไม่นับร่องรอยข้าวของที่แตกกระจายจากเหตุการณ์บางอย่างเมื่อครู่...



    หลังจากเช็ดเนื้อเช็ดตัวและพิงไฟจนตัวแห้งดีแล้ว ลูคัสก็นำขนมและน้ำชามารับแขก...



    ...แล้วก็ได้เวลากระเพาะน้อยๆของเด็กหนุ่มจะทำตามหน้าที่ของมัน...



    ครืดดด~โครกกก~



    “โห...ขนมนี่น่ากินจังเลยนะครับ...”กระเพาะของหัวขโมยหนุ่มส่งเสียงครืดๆออกมาแข่งกับเสียงฟ้าร้องด้านนอก



    เจ้าตัวดีคงกระโดดเข้าไปงาบไม่เหลือแล้วถ้าหากไม่ติดสายตาดุๆของนักบวชผมทองที่มองอยู่



    “นั่นเสียงท้องแกร้องหรอเคนิน...น่าเกลียดชะมัด...”คาร์สบ่นเบาๆ ขณะที่เคนินหันมาค้อนขวับ



    “เอาสิ...เชิญตามสบาย...ทานเยอะๆก็ได้นะ”นักบวชหนุ่มผมดำยิ้มให้อย่างใจดี



    “งั้นไม่เกรงใจหละนะคร้าบบบบ^^” เสียงหัวขโมยตัวดีกับนักรบหนุ่มที่เสียพลังงานจากการก่อสงครามไปเยอะดังขึ้นพร้อมกันก่อนจะหันมาเขม่นกันนิดนึง



    “ไหนนายว่าไม่หิวไงคาร์ส?”เคนินถามเย้ยๆ



    “ชั้นพูดตอนไหนว่าไม่หิว?...”พูดจบคาร์สก็คว้าขนมปังที่อยู่ตรงหน้ามาเคี้ยวทันที



    “เฮ้ย! ขี้โกงนี่นา...งั้นมาแข่งกินกัน! ใครกินได้มากกว่าชนะเฟ้ย!!!”คำท้าทายจากหัวขโมยตัวดีไม่ได้รับคำตอบ แต่นักรบหนุ่มก็เร่งสปีดการกินยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการรับคำท้า



    “เฮ้อ...เชื่อเลย...”เรมิลถอนหายใจเบาๆพลางจิบน้ำชา...อะไรจะทะเลาะกันได้ทุกที่ทุกเวลาขนาดนี้?...



    ภาพการแข่งกินระหว่างหัวขโมยช่างท้ากับนักรบบ้าจี้เรียกรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มผมดำได้ไม่น้อย



    ...อย่างกะเอเลี่ยนปะทะพรีเดเตอร์งั้นแหละ...(พวกไม่ใช่มนุษย์)



    “แล้วโรรี่มาได้ที่นี่ได้ยังไงหละเนี่ย?” ลูคัสถามขึ้น ท่ามกลางเสียงกะซวกอาหารเข้ากระเพาะของหัวขโมยกับนักรบหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ

    โรยกน้ำชาขึ้นจิบก่อนตอบ



    “บังเอิญผ่านมาน่ะครับ...แล้วบังเอิญฝนมันตกเลยหาที่หลบฝน”



    ลูคัสยิ้มให้พลางพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงรับรู้...เรื่องอื่นที่เจ้าตัวไม่อยากเล่าเขาก็ไม่อยากฟัง...



    “พาเด็กมาด้วย 3 คนอย่างงี้ไม่ลำบากแย่?”



    “ไม่หรอกครับ...” โรยิ้มพลางหันไปมองสงครามย่อย(อาหาร)ที่ด้านข้าง “เฮฮาแบบนี้จะได้ไม่เหงา...”



    “ว่าแต่พวกชั้นก็ไม่ได้เจอพวกเธอนานเหมือนกันนะ...อืม...ซัก10ปีได้...”



    “...15ปี...”เสียงนักบวชผมทองที่พยายามทำตัวเป็นรูปปั้นหน้ายักษ์วัดแจ้งตอบให้



    “ช่าย...ตั้งแต่...ตอนนั้น...”ลูคัสยิ้มบางๆ



    “ครับ...ตั้งแต่พวกพี่มาเป็นบาทหลวงในงานแต่งงานของสองคนนั้น”โรพูดยิ้มๆ



    “นั่นสิ...ไม่คิดว่าคนอย่างลอรี่จะมาเป็นบาทหลวงในพิธีแต่งงานได้นะเนี่ย”



    “...เรื่องของชั้น...”เสียงหงุดหงิดพร้อมสายตาคมๆที่ส่งมาจากลอเรนซ์ มิได้กระทบกระเทือนลูคัสแม้แต่น้อย



    “แล้วพวกพี่มาอยู่ด้วยกันได้ยังไงครับเนี่ย?...”โรถามก่อนจะยิ้มกับคำตอบที่ได้



    “แหม...ก็ลอรี่น่ะสิ...บอกว่าไม่อยากแยกจากชั้นแม้จะจบการศึกษาไปแล้วก็ตาม...”ลูคัสพูดยิ้มๆพลางเอี้ยวตัวหลบมีดบินที่ถูกส่งมา...ทำให้คมมีดพลาดเป้าเฉี่ยวหัวขโมยตัวดีที่กำลังนั่งงาบคุกกี้อย่างเอร็ดอร่อยไปนิ้ดเดียว...



    “....................”เคนินหน้าซีดสนิทกับเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อครู่ คุกกี้รสช็อกโกแลตร่วงออกจากปาก...



    ...เกือบได้ข่าวหน้าหนึ่ง...หัวขโมยหนุ่มถูกมีดปักตายคาที่พร้อมคาบคุกกี้ในปาก...(-_-“)



    “ชั้นไปพูดอะไรบ้าๆแบบนั่นเมื่อไหร่หา!!!???”ใบหน้าของนักบวชหนุ่มผมทองเพิ่มดีกรีหงุดหงิดพาวเวอร์อัพ



    “แหมๆ...ไม่ต้องอายหรอกลอรี่”ลูคัสยิ้มให้อย่างไม่สะทกสะท้านซักนิดก่อนเอ่ยต่อ



    “เพราะถึงนายไม่พูดแบบนั้นชั้นก็อยากอยู่กับนายอยู่ดีแหละน่า”



    “ไอ้บ้านี่!!!ก็บอกว่าไม่ได้พูด!!!”ลอเรนซ์ตวาด แต่ลูคัสเพียงแค่หันมายิ้มให้น้อยๆ



    “...เพราะคนเดียวที่ทำให้ซาตานอย่างชั้นกลายเป็นนักบวชได้...มีแต่นายเท่านั้น...”



    “........................”



    “เอ่อ...แล้วพี่พอจะได้ข่าวเรื่องของ...เฟริน...บ้างไหมครับ?”โรถามเสียงแผ่วเบา



    “...ไม่มีเลย...หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับเฟรี่อีกเลยหละ...”ลูคัสยิ้มให้อย่างเศร้าๆ...



    “...หรอครับ...”



    “ทำไมไม่ไปถามคิลลี่ดูล่ะ?...เขาเป็นคนที่รู้จักสองคนนั้นดีที่สุดนี่”ลูคัสแนะ



    “ครับ...เรากำลังเดินทางไปหาคิลมัสอยู่”โรยิ้มตอบ



    “อ้อ...เข้าใจหละ...ว่าแต่เด็กผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ตรงนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ?”ลูคัสถามขึ้น ทุกสายตาจ้องไปยังเก้าอี้ว่างเปล่าที่เมื่อครู่ยังมีร่างของหัวขโมยหนุ่มนั่งอยู่



    “เอ่อ...มันบอกว่าจะออกไปเดินเล่นทำใจน่ะครับ...”คาร์สตอบ



    “แล้วเขาบอกหรือเปล่าว่าจะไปไหน?”โรถาม



    “เปล่าครับ...แต่เห็นเดินไปทางนั้น”เรมิลตอบพร้อมชี้ไปทางประตูที่แง้มออกเล็กน้อย ภายในนั้นมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น....



    ฉับพลันนัยน์ตาสีนิลที่เคยฉายแววใจดีเสมอก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบเช่นเดียวกับนักบวชหนุ่มผมทองที่ทำหน้าเครียดยิ่งขึ้น...



    “...ลูคัส...”ลอเรนซ์เอ่ยเสียงเข้ม



    “อืม...รีบไปช่วยออกมาก่อนดีกว่าลอรี่...”ลูคัสตอบตอบเสียงเรียบก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนกับเด็กหนุ่มอีกสองคนใจหายวาบ...



    “...ก่อนที่มันจะสายเกินไป...”



    **********

    เหอๆๆๆ ขอบคุณทุกคอมเม้นน้าค้าบบบ

    จริงๆวันนี้ไม่ได้กะมาอัพหรอก แต่ท่าน apple โพสขู่เหมือนกะว่า...

    ...ไม่อัพพรุ้งนี้...ตาย...(-_-+) ชิ้ง...

    แหะๆๆๆ (ล้อเล่นน้าท่านแอปเปิ้ล...หุๆ)

    เรื่องมุกไบร์ทนั่นผมนั่งคิดเองกะเพื่อนครับ...คือถ้าเทียบเป็นตัวละคร ผมก็คงเป็นเคนินโดนคาร์ส(เพื่อนผม)หลอกด่า...

    เหอๆๆ แค้นฝังใจเลยเอามาใส่ซะเลย (จริงๆก็ชอบที่มันตลกดีด้วย...เพราเราลงไปขำกลิ้งตั้งนานกว่าจะทำจัยได้)

    หุๆๆ ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคับ จะพยายามอัพบ่อยๆ(เยอะๆด้วย)

    และสุดท้าย...ท่องไว้...เฟรินจะมาแล้ว...คาโลจะมาแล้ว..555+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×