ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : อยู่ในสายเลือด...
“โอย...เหนื่อยๆๆๆ...หิวน้ำจะตายอยู่แล้ว...”เคนินบ่นๆๆไปตลอดทาง
“หนวกหูน่า...บ่นแล้วนายจะหายหิวน้ำรึไงเล่า?”คาร์สหันมาตวาดใส่เคนิน
“โธ่...วิธีของน้าโรที่ว่า ไอ้เราก็นึกว่าจะใช้เวทย์หายตัวแว้บๆไปโผล่ถึงที่อย่างที่เคยทำ...ที่ไหนได้...ให้เดินเอาซะอย่างงั้น”เคนินบ่นต่อ
“แหม...ชั้นก็เคยบอกให้นายฟังแล้วนี่ว่าวิธีนั้นมันเปลืองพลังเวทย์”เรมิลพูดยิ้มๆ
“แต่มันเหนื่อยนะ! เพิ่งสู้มาเหนื่อยๆยังต้องมาเดินมาราธอนอีก!”เคนินยังบ่นไม่เลิก
“นายนี่น่ารำคาญจริง!...บ่นเป็นผู้หญิงไปได้!!!”คาร์สตวาด
“นายว่าใครเป็นผู้หญิงหา??? ชั้นผู้ชายทั้งแท่งนะเฟ้ย!!!...ไม่เชื่อจะเปิดให้ดูก็ได้ เอ้า!!!”เคนินย้อน
“ใจเย็นๆน่าทั้งสองคน...ทะเลาะกันไปเสียพลังงานเปล่า”เรมิลห้ามทัพ
“อืม...ว่าแต่เคนิน...เธอบอกว่าแผลมันหายเองหรอ?”โรหันมาถามหัวขโมยตัวดีที่บ่นเป็นชุดๆ
“ช่ายแล้วน้าโร...มันมีแสงวาบๆแล้วมันก็หายเจ็บไปเฉยๆเลย”เคนินอธิบาย
“นี่แกเป็นคนรึตัวอะไรกันแน่เนี่ย?”คาร์สประชดเล็กๆ เป็นการเปิดสงครามอีกรอบ
“อืม...คงเป็นเพราะความสามารถในสายเลือดสินะ...”โรมองเด็กหนุ่มทั้งสองพร้อมยิ้มเศร้าๆเมื่อหวนนึกถึงผู้ที่เป็นเจ้าของสายเลือดนี้...
...หนึ่งคือคนที่รักที่สุด...แต่ก็รักไม่ได้...
...อีกหนึ่งคือคนที่เกลียดที่สุด...แต่ก็เกลียดไม่ลง...
“ความสามารถอะไรหรอน้าโร? ผมไม่เห็นเคยรู้”เคนินสงบศึกชั่วครู่
“ชั้นว่าอาจจะเป็นความสามารถทางสายเลือดของเธอน่ะ...เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าพ่อเธอเป็นพ่อมดที่เก่งมากคนหนึ่ง” โรยิ้มให้เคนินพลางนึกถึงคนหัวเงินๆที่ชอบแช่แข็งคนอื่น
“คาโล...เอ่อ...พ่อของเธอ...เชี่ยวชาญด้านเวทย์รักษาขั้นสูงที่ขนาดจอมเวทย์ยังอาย...”โรยิ้มพลางนึกถึงเจ้าหญิงตัวดีที่ชอบก่อเรื่องให้เจ้าชายน้ำแข็งต้องมาร่ายเวทย์รักษาให้บ่อยๆ...
“แล้วมันเกี่ยวกันยังไงหรอน้าโร?”เคนินทำหน้างง
“เธอก็คงได้รับตกทอดความสามารถในการรักษามา แต่ดีไม่ดีเธออาจมีพรสวรรค์มากกว่าพ่อเธอก็ได้...”
“หา?...อย่างผมเนี่ยนะ? ไม่มีทางหรอกน้าโร...อย่ามาอำผมเล่นดีกว่าน่า”เคนินยักไหล่เป็นเชิงไม่เชื่อ
“...คนเราไม่ควรตัดสินตัวเองจากสิ่งที่เป็นอยู่ โดยยังไม่ได้ลองทำสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นมา...ถึงความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จมันจะน้อยจนอาจจะไม่มี...แต่อย่างน้อยพูดได้ว่าก็ได้ทำอย่างเต็มที่...ผลออกมาเป็นอย่างไรนั้นไม่สำคัญเท่าการที่เราได้ค้นพบตัวตนและความสามารถที่แท้จริงของเราเอง...”โรกล่าวเรียบๆ ขณะที่เคนินยังคงทำหน้างงอยู่
“วันนี้เธออาจยังไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูด...แต่ซักวัน...เมื่อถึงเวลานั้น...เธอจะเข้าใจมันเองแหละ”โรยิ้มให้เด็กหนุ่มที่พยักหน้าหงึกๆเป็นเชิงรับรู้ก่อนหันไปก่อสงครามกับนักรบหนุ่มต่อ...
**********
คณะเดินทางที่บัดนี้เปลี่ยนมาเดินเท้าทำให้เดินทางได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น...
“โอยๆๆ...ไหนว่าครึ่งวันไงน้าโร???...เดินมานานจนเหนื่อยม้ามจะแลบแล้วนะ...”เสียงบ่นจากหัวขโมยตัวดีเจ้าเก่าดังเป็นระยะ ท่ามกลางความเงียบและบรรยากาศอับชื้นของป่าดงดิบรอบข้าง...
“แล้วแกเคยสงสารคนที่ต้องมาทนฟังแกบ่นบ้างมั้ย???”คาร์สประชดกลับ
“ก็มันร้อน...เหนื่อย...และที่สำคัญ...หิวไส้แทบขาดแล้ว~~”เคนินบ่นโอดครวญอย่างที่เจ้าตัวคิดว่าน่าเห็นใจ แต่กลายเป็นน่ากระทืบซ้ำในสายตาของเด็กหนุ่มผมทอง
“เมื่อเช้าตอนที่แกไปบ้านชั้น แกก็เพิ่งซัดอาหารในครัวซะเกือบหมดไม่ใช่เรอะ???”คาร์สตวาดกลับ
“โธ่...แค่นั้นมันจะไปพอยาไส้ชั้นเรอะ???”เคนินบ่น
“กระเพาะแกทำด้วยอะไรฟะ???”คาร์สบ่นอย่างหงุดหงิด
เรมิลมองเพื่อนทั้งสองเปิดศึกปะทะคารมกันเป็นระยะๆมากว่า2ชั่วโมง โดยไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมใครแม้แต่น้อย...
...สงสัยจริงว่าเอาพลังงานที่ไหนมาทะเลาะกันไม่มีพักยกได้ขนาดนี้...
...ทำอย่างกะโกรธแค้นอะไรกันมาแต่ชาติปางไหน...
...ทั้งๆที่ตอนต่อสู้เมื่อกี้ยังเข้าขากันได้ดี(?)อยู่แท้ๆ...
แต่ภาพการโต้วาทีอย่างไม่ลดละของเด็กหนุ่มทั้งสองตรงหน้าก็เรียกรอยยิ้มให้ลืมความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไปได้ไม่น้อย
“โธ่...อากาศร้อนอย่างงี้ อย่างน้อยฝนตกลงมามั่งก็ดี...”เคนินบ่นเบาๆ
ฉับพลัน...ราวกับมีใครเล่นตลกกับคำร้องขอจากเด็กหนุ่ม...ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มและปกคลุมด้วยเมฆดำ ก่อนสายฝนจะทิ้งตัวลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...
“ไง...สะใจมั้ยล่ะแก...แล้วทีนี้จะไปหาที่หลบฝนที่ไหน???”คาร์สได้ทีร่ายบ่น
“อะไรกัน...พูดอย่างกะเป็นความผิดชั้นงั้นแหละ?”เคนินแย้ง
“ก็เออสิ...ใครมันบ้าไปร้องขอฝนปาวๆเมื่อกี้ละฟะ?”คาร์สเถียงไม่ลดละ
“ใจเย็นๆกันทั้งสองคน...เรารีบเดินทางไปข้างหน้าดีกว่า...ตรงนั้นรู้สึกจะมีบ้านอยู่นะ?”เรมิลชี้ไปที่เงาทะมึนเป็นอาคารหลังเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก...
“นั่นสิ...ไปขอหลบฝนที่นั่นก่อนดีกว่านะ”โรพูดพลางมุ่งหน้าไปยังสถานที่นั้น
“เอาสิ...ใครไปถึงก่อนเป็นคนฉลาด!!!”หัวขโมยตัวดีหันมาท้าทายนักรบหนุ่มก่อนออกวิ่งไปอย่างสนุกสนาน
สองพ่อลูกเซวาเรส ได้แต่มองตามเด็กหนุ่มสองคนที่วิ่งฝ่าฝนแข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม...
...ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแค่ไหนก็สามารถอารมณ์ดีได้เสมอ...
...เหมือนนายเลยนะ...เฟริน...
**********
แถมๆๆอีกซักตอน...เง้อ...อัพที4ตอนรวดจะเยอะไปป่าวอ่า?...
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะครับ...เป็นเหมือนกำลังใจให้ผมแต่งต่อได้ต่อไปเรื่อยๆ...หุๆๆ
“หนวกหูน่า...บ่นแล้วนายจะหายหิวน้ำรึไงเล่า?”คาร์สหันมาตวาดใส่เคนิน
“โธ่...วิธีของน้าโรที่ว่า ไอ้เราก็นึกว่าจะใช้เวทย์หายตัวแว้บๆไปโผล่ถึงที่อย่างที่เคยทำ...ที่ไหนได้...ให้เดินเอาซะอย่างงั้น”เคนินบ่นต่อ
“แหม...ชั้นก็เคยบอกให้นายฟังแล้วนี่ว่าวิธีนั้นมันเปลืองพลังเวทย์”เรมิลพูดยิ้มๆ
“แต่มันเหนื่อยนะ! เพิ่งสู้มาเหนื่อยๆยังต้องมาเดินมาราธอนอีก!”เคนินยังบ่นไม่เลิก
“นายนี่น่ารำคาญจริง!...บ่นเป็นผู้หญิงไปได้!!!”คาร์สตวาด
“นายว่าใครเป็นผู้หญิงหา??? ชั้นผู้ชายทั้งแท่งนะเฟ้ย!!!...ไม่เชื่อจะเปิดให้ดูก็ได้ เอ้า!!!”เคนินย้อน
“ใจเย็นๆน่าทั้งสองคน...ทะเลาะกันไปเสียพลังงานเปล่า”เรมิลห้ามทัพ
“อืม...ว่าแต่เคนิน...เธอบอกว่าแผลมันหายเองหรอ?”โรหันมาถามหัวขโมยตัวดีที่บ่นเป็นชุดๆ
“ช่ายแล้วน้าโร...มันมีแสงวาบๆแล้วมันก็หายเจ็บไปเฉยๆเลย”เคนินอธิบาย
“นี่แกเป็นคนรึตัวอะไรกันแน่เนี่ย?”คาร์สประชดเล็กๆ เป็นการเปิดสงครามอีกรอบ
“อืม...คงเป็นเพราะความสามารถในสายเลือดสินะ...”โรมองเด็กหนุ่มทั้งสองพร้อมยิ้มเศร้าๆเมื่อหวนนึกถึงผู้ที่เป็นเจ้าของสายเลือดนี้...
...หนึ่งคือคนที่รักที่สุด...แต่ก็รักไม่ได้...
...อีกหนึ่งคือคนที่เกลียดที่สุด...แต่ก็เกลียดไม่ลง...
“ความสามารถอะไรหรอน้าโร? ผมไม่เห็นเคยรู้”เคนินสงบศึกชั่วครู่
“ชั้นว่าอาจจะเป็นความสามารถทางสายเลือดของเธอน่ะ...เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าพ่อเธอเป็นพ่อมดที่เก่งมากคนหนึ่ง” โรยิ้มให้เคนินพลางนึกถึงคนหัวเงินๆที่ชอบแช่แข็งคนอื่น
“คาโล...เอ่อ...พ่อของเธอ...เชี่ยวชาญด้านเวทย์รักษาขั้นสูงที่ขนาดจอมเวทย์ยังอาย...”โรยิ้มพลางนึกถึงเจ้าหญิงตัวดีที่ชอบก่อเรื่องให้เจ้าชายน้ำแข็งต้องมาร่ายเวทย์รักษาให้บ่อยๆ...
“แล้วมันเกี่ยวกันยังไงหรอน้าโร?”เคนินทำหน้างง
“เธอก็คงได้รับตกทอดความสามารถในการรักษามา แต่ดีไม่ดีเธออาจมีพรสวรรค์มากกว่าพ่อเธอก็ได้...”
“หา?...อย่างผมเนี่ยนะ? ไม่มีทางหรอกน้าโร...อย่ามาอำผมเล่นดีกว่าน่า”เคนินยักไหล่เป็นเชิงไม่เชื่อ
“...คนเราไม่ควรตัดสินตัวเองจากสิ่งที่เป็นอยู่ โดยยังไม่ได้ลองทำสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นมา...ถึงความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จมันจะน้อยจนอาจจะไม่มี...แต่อย่างน้อยพูดได้ว่าก็ได้ทำอย่างเต็มที่...ผลออกมาเป็นอย่างไรนั้นไม่สำคัญเท่าการที่เราได้ค้นพบตัวตนและความสามารถที่แท้จริงของเราเอง...”โรกล่าวเรียบๆ ขณะที่เคนินยังคงทำหน้างงอยู่
“วันนี้เธออาจยังไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูด...แต่ซักวัน...เมื่อถึงเวลานั้น...เธอจะเข้าใจมันเองแหละ”โรยิ้มให้เด็กหนุ่มที่พยักหน้าหงึกๆเป็นเชิงรับรู้ก่อนหันไปก่อสงครามกับนักรบหนุ่มต่อ...
**********
คณะเดินทางที่บัดนี้เปลี่ยนมาเดินเท้าทำให้เดินทางได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น...
“โอยๆๆ...ไหนว่าครึ่งวันไงน้าโร???...เดินมานานจนเหนื่อยม้ามจะแลบแล้วนะ...”เสียงบ่นจากหัวขโมยตัวดีเจ้าเก่าดังเป็นระยะ ท่ามกลางความเงียบและบรรยากาศอับชื้นของป่าดงดิบรอบข้าง...
“แล้วแกเคยสงสารคนที่ต้องมาทนฟังแกบ่นบ้างมั้ย???”คาร์สประชดกลับ
“ก็มันร้อน...เหนื่อย...และที่สำคัญ...หิวไส้แทบขาดแล้ว~~”เคนินบ่นโอดครวญอย่างที่เจ้าตัวคิดว่าน่าเห็นใจ แต่กลายเป็นน่ากระทืบซ้ำในสายตาของเด็กหนุ่มผมทอง
“เมื่อเช้าตอนที่แกไปบ้านชั้น แกก็เพิ่งซัดอาหารในครัวซะเกือบหมดไม่ใช่เรอะ???”คาร์สตวาดกลับ
“โธ่...แค่นั้นมันจะไปพอยาไส้ชั้นเรอะ???”เคนินบ่น
“กระเพาะแกทำด้วยอะไรฟะ???”คาร์สบ่นอย่างหงุดหงิด
เรมิลมองเพื่อนทั้งสองเปิดศึกปะทะคารมกันเป็นระยะๆมากว่า2ชั่วโมง โดยไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมใครแม้แต่น้อย...
...สงสัยจริงว่าเอาพลังงานที่ไหนมาทะเลาะกันไม่มีพักยกได้ขนาดนี้...
...ทำอย่างกะโกรธแค้นอะไรกันมาแต่ชาติปางไหน...
...ทั้งๆที่ตอนต่อสู้เมื่อกี้ยังเข้าขากันได้ดี(?)อยู่แท้ๆ...
แต่ภาพการโต้วาทีอย่างไม่ลดละของเด็กหนุ่มทั้งสองตรงหน้าก็เรียกรอยยิ้มให้ลืมความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไปได้ไม่น้อย
“โธ่...อากาศร้อนอย่างงี้ อย่างน้อยฝนตกลงมามั่งก็ดี...”เคนินบ่นเบาๆ
ฉับพลัน...ราวกับมีใครเล่นตลกกับคำร้องขอจากเด็กหนุ่ม...ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มและปกคลุมด้วยเมฆดำ ก่อนสายฝนจะทิ้งตัวลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...
“ไง...สะใจมั้ยล่ะแก...แล้วทีนี้จะไปหาที่หลบฝนที่ไหน???”คาร์สได้ทีร่ายบ่น
“อะไรกัน...พูดอย่างกะเป็นความผิดชั้นงั้นแหละ?”เคนินแย้ง
“ก็เออสิ...ใครมันบ้าไปร้องขอฝนปาวๆเมื่อกี้ละฟะ?”คาร์สเถียงไม่ลดละ
“ใจเย็นๆกันทั้งสองคน...เรารีบเดินทางไปข้างหน้าดีกว่า...ตรงนั้นรู้สึกจะมีบ้านอยู่นะ?”เรมิลชี้ไปที่เงาทะมึนเป็นอาคารหลังเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก...
“นั่นสิ...ไปขอหลบฝนที่นั่นก่อนดีกว่านะ”โรพูดพลางมุ่งหน้าไปยังสถานที่นั้น
“เอาสิ...ใครไปถึงก่อนเป็นคนฉลาด!!!”หัวขโมยตัวดีหันมาท้าทายนักรบหนุ่มก่อนออกวิ่งไปอย่างสนุกสนาน
สองพ่อลูกเซวาเรส ได้แต่มองตามเด็กหนุ่มสองคนที่วิ่งฝ่าฝนแข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม...
...ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแค่ไหนก็สามารถอารมณ์ดีได้เสมอ...
...เหมือนนายเลยนะ...เฟริน...
**********
แถมๆๆอีกซักตอน...เง้อ...อัพที4ตอนรวดจะเยอะไปป่าวอ่า?...
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะครับ...เป็นเหมือนกำลังใจให้ผมแต่งต่อได้ต่อไปเรื่อยๆ...หุๆๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น