ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บังอาจ!
เสียงพูดคุยดังขึ้นรอบๆด้านนอกของเกวียนไม้เก่าๆ ราวกับเจ้าของเสียงพวกนั้นค่อยๆทยอยกันเข้ามาล้อมเกวียนพร้อมบุคคลที่อยู่ด้านในไว้...
สถานการณ์ภายในเกวียนเริ่มตึงเครียดแต่โรยังคงนิ่งเงียบเช่นเดียวกับเรมิลที่เอาหูแนบผนังเกวียนเบาๆ
...ข้างนอกมีซักกี่คนกันนะ...5คน...10คน...รึมากกว่า...
“น้าโร! นี่มันอะไรกัน?”เคนินถามอย่างร้อนรน
“มีคนมาแวะทักทายเราน่ะ...ไม่มีอะไรมากหรอก...”โรพูดยิ้มๆ
ทันใดนั้นดาบ4-5เล่มก็พุ่งทะลุผนังไม้เข้ามา ต่างคนต่างกระโดดหลบได้แบบฉิวเฉียดแต่เนื่องจากเกวียนมันคับแคบทำให้มีที่กระโดดหลบได้ไม่มากนัก คมดาบจึงเรียกเลือดจากรอยกรีดบางๆได้หลายแผล
“นี่เหรอที่ว่าไม่มีอะไรมากอ่ะ???”เคนินโวยวาย
“ชั้นชัก...อารมณ์เสียแล้วนะ...”คาร์สพูดเสียงเข้มพลางปาดเลือดที่แก้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายกร้าว
“งั้น...เราออกไปทักทายกันหน่อยดีมั้ย?...”โรยังคงยิ้มเย็นๆ ก่อนจะเริ่มร่ายมนต์
ฉับพลัน เกวียนไม้เล่มเก่าก็ค่อยๆปริแตกออกก่อนจะกระจายกลายเป็นเศษไม้ไปทั่วทุกทาง...
“โห...น้าโร สอนผมมั่งสิ”เคนินมองอย่างอึ้งๆ
“อืม...เอาไว้ก่อนนะ ตอนนี้มาต้อนรับแขกกันดีกว่า ”
รอบด้านของทั้งสี่ ปรากฏร่างของชายฉกรรจ์น่าตาน่ากลัวกว่า10คนพร้อมอาวุธครบมือ!!!...
...และหนึ่งในนั้นคือชายชราผู้คุมบังเหียนของพวกเขา!...
“หวา...ไม่ใช่น้อยๆเลยนะเนี่ย...แล้วนั่นลุงที่เป็นคนคุมบังเหียนนี่นา?”เคนินร้องขณะกวาดสายตามองศัตรูรอบด้าน
“ก็ว่าอยู่ว่ามันแปลกๆ”โรเอ่ยขึ้น
“การเดินทางไปแอเรียสไม่น่ากินเวลาเกินครึ่งวัน การที่ใช้เวลาถึง3วัน หมายถึงเราต้องเดินทางแบบอ้อมข้ามป่าดงดิบ...ซึ่งก็หมายความว่า...มีคนซุ่มรอจัดการเราอยู่...”เรมิลเอ่ยต่อ
“...น่ารำคาญ...” คาร์สบ่นเบาๆ
“จะอีก3วันหรือกี่วัน พวกแกก็ไม่มีวันได้ไปถึงแอเรียสหรอก...เพราะพวกแกต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แหละ!!!”เสียงแหบๆของชายชราฟังดูขัดกับภาพลักษณ์ภาพนอกที่ดูเป็นเพียงชายชราไร้พิษสง
“เฮ้อ...ต้องมานั่งเสียเวลาที่นี่อีกหรอเนี่ย...”โรบ่นเบาๆ
“พวกแกแค่ผู้ใหญ่คนเดียวกับเด็กอีก3คนจะไปสู้อะไรได้?...พวกเรา!ฆ่ามัน!!!”สิ้นเสียงของชายชรา ชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็กรูกันเข้ามาโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ชีวิตของคนทั้งสี่!!!
“อย่างงี้ก็สวยสิ!!!”เลือดนักรบในกายของเด็กหนุ่มผมทองฉีดพล่านพลางคว้าดาบประจำกายพุ่งเข้าใส่ศัตรูในทันที
“เฮ้อ...ไม่อยากออกแรงเล้ย”เรมิลบ่นน้อยๆพลางร่ายเวทย์โจมตีชายร่างใหญ่สองคนที่ตรงเข้ามาหา
“หวาๆๆๆ...เว้ยๆๆๆ...อย่าฟันมาทางนี้เซ่!!!”หัวขโมยหนุ่มอาศัยวิชาตีนเบากระโดดหลบไปมาอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ได้คิดจะตอบโต้กลับแม้แต่น้อย...
...ไม่รู้ทำไม...แต่กลับรู้สึกสนุกเมื่อได้ต่อสู้...รู้สึกตื่นเต้นจนแทบเรียกได้ว่าเป็นความยินดี...
...ทำไมกันนะ?...
โรร่ายเวทย์มนต์เบาๆส่งผลให้ทุกคนที่เข้ามาในรัศมีล้มลงหมดสติไปทันที
“น้าโรอ้ะ...เวทย์ดีๆก็สอนกันมั่งสิ!”เคนินบ่นพลางโดดหลบดาบที่ตวัดใส่ขณะที่โรยิ้มให้น้อยๆ
อีกด้านหนึ่ง นักรบหนุ่มผมทองก็ฟาดฟันดาบใส่ศัตรูร่วงกันเป็นแถว
“กระจอกชะมัดยาด...”คาร์สบ่นพลางฟันศัตรูไปเรื่อยๆ
“เหอๆๆ...นายเก่งนักนิ”เคนินย้อนอย่างกวนๆ
“แกไม่เห็นได้สู้อะไรกับใครก็ไม่ต้องมาพูด!!!”คาร์สตวาดอย่างฉุนๆ เวลาแบบนี้ยังมีหน้ามากวนประสาทเขาอีกแน่ะ...
“แค่ไม่อยากลงมือก็เท่านั้นเองน่า”เคนินยิ้มแหย่
ทันใดนั้น ด้วยความที่พูดมากไปรึกรรมตามสนอง ดาบเล่มหนึ่งจึงตวัดเฉี่ยวแขนขวาของหัวขโมยจอมกวนเป็นแผลยาว
“โอ๊ยย!!!”เคนินทรุดลงกับพื้น มือข้างซ้ายกุมแน่นตรงบาดแผลที่เลือดเริ่มไหลออกมาเป็นทาง
คาร์ส หยุดการฟาดฟันก่อนหันมาที่คู่หูคู่กัดตัวแสบที่บัดนี้นั่งร้องโอดโอยอยู่ไม่ห่าง
...ใจนึงนึกสมน้ำหน้าเจ้าหัวขโมยตัวดีที่ดีแต่กวนโมโหเขาจนพลาดท่า...
...แต่อีกใจนึงกลับเป็นห่วงและโมโหคนที่บังอาจทำร้ายคนๆนี้...
...ถึงจะเรียกได้ไม่เต็มปาก...แต่ก็อยากนับว่าเป็น“เพื่อน”คนหนึ่ง...
...คนแรก...และอาจจะเป็นคนเดียวที่เคยได้มี...
อีกด้านหนึ่ง เสียงร่างเวทย์ของเด็กหนุ่มผมดำก็ขาดหายไปทันทีที่ร่างของเคนินทรุดลง
เลือดสดๆที่ไหลออกจากบาดแผลเรียกโทสะให้ทะยานสูงยิ่งขึ้น
...เจ้านายคนสำคัญที่ตามหามาแสนนาน...
...เจ้านาย...คนที่สาบานกับบิดาว่าจะจงรักภักดีด้วยตลอดไป....
..บังอาจทำร้ายเจ้านายของชั้นให้บาดเจ็บ...
เร็วเท่าความคิด ร่างสองร่างก็พุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่สนอะไรทั้งสิ้น...
...หนึ่งนักรบบ้าเลือด...กับหนึ่งนักพนจรเลือดขึ้นหน้า...
**********
เหอๆๆ  แอบหนีมาอัพภาค2 หุๆ ก็มันรอให้หมดสองอาทิตย์ไม่ไหวนิ
หุๆๆ ยังไงก้อขอบคุณทุกท่านที่อ่านน้าค้าบบบ ๐(_ _)๐
สถานการณ์ภายในเกวียนเริ่มตึงเครียดแต่โรยังคงนิ่งเงียบเช่นเดียวกับเรมิลที่เอาหูแนบผนังเกวียนเบาๆ
...ข้างนอกมีซักกี่คนกันนะ...5คน...10คน...รึมากกว่า...
“น้าโร! นี่มันอะไรกัน?”เคนินถามอย่างร้อนรน
“มีคนมาแวะทักทายเราน่ะ...ไม่มีอะไรมากหรอก...”โรพูดยิ้มๆ
ทันใดนั้นดาบ4-5เล่มก็พุ่งทะลุผนังไม้เข้ามา ต่างคนต่างกระโดดหลบได้แบบฉิวเฉียดแต่เนื่องจากเกวียนมันคับแคบทำให้มีที่กระโดดหลบได้ไม่มากนัก คมดาบจึงเรียกเลือดจากรอยกรีดบางๆได้หลายแผล
“นี่เหรอที่ว่าไม่มีอะไรมากอ่ะ???”เคนินโวยวาย
“ชั้นชัก...อารมณ์เสียแล้วนะ...”คาร์สพูดเสียงเข้มพลางปาดเลือดที่แก้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายกร้าว
“งั้น...เราออกไปทักทายกันหน่อยดีมั้ย?...”โรยังคงยิ้มเย็นๆ ก่อนจะเริ่มร่ายมนต์
ฉับพลัน เกวียนไม้เล่มเก่าก็ค่อยๆปริแตกออกก่อนจะกระจายกลายเป็นเศษไม้ไปทั่วทุกทาง...
“โห...น้าโร สอนผมมั่งสิ”เคนินมองอย่างอึ้งๆ
“อืม...เอาไว้ก่อนนะ ตอนนี้มาต้อนรับแขกกันดีกว่า ”
รอบด้านของทั้งสี่ ปรากฏร่างของชายฉกรรจ์น่าตาน่ากลัวกว่า10คนพร้อมอาวุธครบมือ!!!...
...และหนึ่งในนั้นคือชายชราผู้คุมบังเหียนของพวกเขา!...
“หวา...ไม่ใช่น้อยๆเลยนะเนี่ย...แล้วนั่นลุงที่เป็นคนคุมบังเหียนนี่นา?”เคนินร้องขณะกวาดสายตามองศัตรูรอบด้าน
“ก็ว่าอยู่ว่ามันแปลกๆ”โรเอ่ยขึ้น
“การเดินทางไปแอเรียสไม่น่ากินเวลาเกินครึ่งวัน การที่ใช้เวลาถึง3วัน หมายถึงเราต้องเดินทางแบบอ้อมข้ามป่าดงดิบ...ซึ่งก็หมายความว่า...มีคนซุ่มรอจัดการเราอยู่...”เรมิลเอ่ยต่อ
“...น่ารำคาญ...” คาร์สบ่นเบาๆ
“จะอีก3วันหรือกี่วัน พวกแกก็ไม่มีวันได้ไปถึงแอเรียสหรอก...เพราะพวกแกต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แหละ!!!”เสียงแหบๆของชายชราฟังดูขัดกับภาพลักษณ์ภาพนอกที่ดูเป็นเพียงชายชราไร้พิษสง
“เฮ้อ...ต้องมานั่งเสียเวลาที่นี่อีกหรอเนี่ย...”โรบ่นเบาๆ
“พวกแกแค่ผู้ใหญ่คนเดียวกับเด็กอีก3คนจะไปสู้อะไรได้?...พวกเรา!ฆ่ามัน!!!”สิ้นเสียงของชายชรา ชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็กรูกันเข้ามาโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ชีวิตของคนทั้งสี่!!!
“อย่างงี้ก็สวยสิ!!!”เลือดนักรบในกายของเด็กหนุ่มผมทองฉีดพล่านพลางคว้าดาบประจำกายพุ่งเข้าใส่ศัตรูในทันที
“เฮ้อ...ไม่อยากออกแรงเล้ย”เรมิลบ่นน้อยๆพลางร่ายเวทย์โจมตีชายร่างใหญ่สองคนที่ตรงเข้ามาหา
“หวาๆๆๆ...เว้ยๆๆๆ...อย่าฟันมาทางนี้เซ่!!!”หัวขโมยหนุ่มอาศัยวิชาตีนเบากระโดดหลบไปมาอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ได้คิดจะตอบโต้กลับแม้แต่น้อย...
...ไม่รู้ทำไม...แต่กลับรู้สึกสนุกเมื่อได้ต่อสู้...รู้สึกตื่นเต้นจนแทบเรียกได้ว่าเป็นความยินดี...
...ทำไมกันนะ?...
โรร่ายเวทย์มนต์เบาๆส่งผลให้ทุกคนที่เข้ามาในรัศมีล้มลงหมดสติไปทันที
“น้าโรอ้ะ...เวทย์ดีๆก็สอนกันมั่งสิ!”เคนินบ่นพลางโดดหลบดาบที่ตวัดใส่ขณะที่โรยิ้มให้น้อยๆ
อีกด้านหนึ่ง นักรบหนุ่มผมทองก็ฟาดฟันดาบใส่ศัตรูร่วงกันเป็นแถว
“กระจอกชะมัดยาด...”คาร์สบ่นพลางฟันศัตรูไปเรื่อยๆ
“เหอๆๆ...นายเก่งนักนิ”เคนินย้อนอย่างกวนๆ
“แกไม่เห็นได้สู้อะไรกับใครก็ไม่ต้องมาพูด!!!”คาร์สตวาดอย่างฉุนๆ เวลาแบบนี้ยังมีหน้ามากวนประสาทเขาอีกแน่ะ...
“แค่ไม่อยากลงมือก็เท่านั้นเองน่า”เคนินยิ้มแหย่
ทันใดนั้น ด้วยความที่พูดมากไปรึกรรมตามสนอง ดาบเล่มหนึ่งจึงตวัดเฉี่ยวแขนขวาของหัวขโมยจอมกวนเป็นแผลยาว
“โอ๊ยย!!!”เคนินทรุดลงกับพื้น มือข้างซ้ายกุมแน่นตรงบาดแผลที่เลือดเริ่มไหลออกมาเป็นทาง
คาร์ส หยุดการฟาดฟันก่อนหันมาที่คู่หูคู่กัดตัวแสบที่บัดนี้นั่งร้องโอดโอยอยู่ไม่ห่าง
...ใจนึงนึกสมน้ำหน้าเจ้าหัวขโมยตัวดีที่ดีแต่กวนโมโหเขาจนพลาดท่า...
...แต่อีกใจนึงกลับเป็นห่วงและโมโหคนที่บังอาจทำร้ายคนๆนี้...
...ถึงจะเรียกได้ไม่เต็มปาก...แต่ก็อยากนับว่าเป็น“เพื่อน”คนหนึ่ง...
...คนแรก...และอาจจะเป็นคนเดียวที่เคยได้มี...
อีกด้านหนึ่ง เสียงร่างเวทย์ของเด็กหนุ่มผมดำก็ขาดหายไปทันทีที่ร่างของเคนินทรุดลง
เลือดสดๆที่ไหลออกจากบาดแผลเรียกโทสะให้ทะยานสูงยิ่งขึ้น
...เจ้านายคนสำคัญที่ตามหามาแสนนาน...
...เจ้านาย...คนที่สาบานกับบิดาว่าจะจงรักภักดีด้วยตลอดไป....
..บังอาจทำร้ายเจ้านายของชั้นให้บาดเจ็บ...
เร็วเท่าความคิด ร่างสองร่างก็พุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่สนอะไรทั้งสิ้น...
...หนึ่งนักรบบ้าเลือด...กับหนึ่งนักพนจรเลือดขึ้นหน้า...
**********
เหอๆๆ  แอบหนีมาอัพภาค2 หุๆ ก็มันรอให้หมดสองอาทิตย์ไม่ไหวนิ
หุๆๆ ยังไงก้อขอบคุณทุกท่านที่อ่านน้าค้าบบบ ๐(_ _)๐
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น