ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Thief of Kanowal

    ลำดับตอนที่ #12 : ร่วมเดินทาง...

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 48


    “นายขยับไปทางนั้นหน่อยไม่ได้รึไงเล่า???”เสียงกวนๆของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลดังขึ้น ภายในเกวียนเล่มเล็กๆที่เริ่มจะแออัดเมื่อมีสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่ม...



    “นายก็ขยับไปเองสิ!!!...ที่นั่งมีตั้งเยอะไม่เห็นต้องมาเบียดชั้น!!!”เสียงเข้มของเด็กหนุ่มผมทองเถียงกลับ



    “ชั้นก็นั่งของชั้นดีๆไม่ได้ไปก้าวก่ายนายซะหน่อย...”น้ำเสียงกวนอารมณ์ให้น่าจับไปถ่วงทะเลทิ้ง พลางเจ้าตัวแสบก็ขยับขยายกินพื้นที่ด้วยการนอนแผ่สองสลึงลงบนม้านั่งตัวเล็กที่มีเด็กหนุ่มผมทองเป็นผู้ร่วมอาศัยนั่งด้วย...



    “ไอ้บ้า!!!มานอนแผ่แบบนี้เรียกไม่ก้าวก่ายเรอะ???!!!”เสียงเข้มตวาดทันที



    เด็กหนุ่มผมดำกับชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเกวียนนั่งมองสงครามย่อยๆที่เริ่มจะก่อตัวขึ้นพลางถอนหายใจเบาๆอย่างเหนื่อยใจ ไม่รู้จะเข้าไปห้ามทัพยังไงดี...



    ความประหลาดใจเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนเก่านักรบตาเดียวเกิดบอกว่าอยากให้ลูกชายออกเดินทางมาดูโลกภายนอกด้วย จึงจำใจต้องเพิ่มจำนวนผู้ร่วมเดินทางขึ้นอีกหนึ่ง



    นักรบหนุ่มเลือดร้อน...คาร์ส ธันเดอร์...



    เสียงตะโกนทะเลาะกันที่เหมือนจะมีนักรบหนุ่มบ้าตะโกนอยู่ฝ่ายเดียว เพราะฝ่ายหัวขโมยตัวดีนั่งฟังคำด่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่รู้สำนึกใดๆทั้งสิ้น...



    เมื่อเห็นว่าด่าไปก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาแบบไม่ผ่านเข้าสมองเลยซักนิด เด็กหนุ่มผมทองก็เปลี่ยนเป็นนั่งหน้าบูดอยู่คนเดียวเงียบๆ



    ...ไม่รู้พ่อคิดบ้าอะไร...ส่งมาให้อยู่กับตัวกวนประสาทแบบนี้...



    ...น่าแปลกที่แม่เองก็ไม่ห้าม กลับเห็นดีเห็นงามให้เดินทางมาด้วย...



    ยิ่งคิดเด็กหนุ่มก็ยิ่งผูกคิ้วให้เป็นโบมากขึ้นเรื่อยๆ



    ...นี่จะต้องมานั่งทนเปิดสงครามกะไอ้หัวขโมยกวนประสาทนี่อีกนานแค่ไหนกันนะ...



    ...ถ้าไม่บ้าจนสติแตกไปก็คงได้ฆ่ากันซักวัน...



    โรนั่งมองเด็กหนุ่มทั้งสองพลางถอนหายใจอีกครั้งเบาๆก่อนหันไปถามคนคุมบังเหียนเกวียนที่จ้างมาจากเมืองไนล์



    “ลุง...อีกนานไหม ถึงจะไปถึงเมืองข้างหน้า...”



    “อีกซัก 3 วันก็น่าจะไปถึงแอเรียสหละนะ”เสียงชายชราผู้ทำหน้าที่คุมเกวียนตอบ



    “อืม...”โรพยักหน้ารับน้อยๆ...3วัน...



    “พ่อครับ...”เรมิลเอ่ยขึ้นแผ่วเบา



    “หืม?...”



    “ผมว่า...”เรมิลลดเสียงลงจนเป็นเสียงกระซิบเบาๆ



    “อืม...นั่นสินะ...คงต้องทนฟังเสียงเด็กทะเลาะกันไปอีกซักพักหละ”โรยิ้มตอบพร้อมพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงรับรู้สิ่งที่ลูกชายพยายามจะสื่อความหมายที่แท้จริง...



    “นะ...นั่นสินะครับ...”เรมิลยิ้มด้วย



    หลังจากเวลาผ่านไปกว่า3ช.ม. ภายในเกวียนก็เริ่มเงียบสงบเนื่องจากเจ้าตัวดีนอนหลับน้ำลายยืดไปเรียบร้อย ไม่ต่างจากคู่กัดที่นั่งหลับอยู่ข้างๆกันเนื่องจากใช้พลังงานมากไป



    สองพ่อลูกมองภาพเด็กหนุ่มสองคนตรงหน้าที่เมื่อครู่ทะเลาะกันจะเป็นจะตายแต่ตอนนี้ดันสามัคคีกันหลับซะอย่างนั้น



    “เราจะไปไหนต่อหรอครับพ่อ?”เรมิลถามพลางยกน้ำชาขึ้นมาจิบ



    “เดินทางตามหาความจริงให้เคนินไง...”โรยิ้มพลางจิบน้ำชาไปด้วย



    “ความจริงของเคนินคือ.....”เรมิลทำท่าจะพูดต่อ แต่ก็ชะงักไป



    เกวียนไม้เล่มเล็กหยุดชะงักลงแทบจะในทันที ส่งผลตามกฎของแรงเฉื่อยให้ร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังเข้าสู่นิทรารมย์ทั้งสองกลิ้งตกลงมากับพื้นเกวียน เสียงแก้วน้ำชาตกกระทบพื้นแตกกระจาย



    ตุบ! เพล้ง!!!



    “งืมๆๆ...อะไรกันคนกำลังฝันดีอยู่เลย”เคนินลุกขึ้นมาโวยด้วยใบหน้างัวเงียไม่ต่างจากเด็กหนุ่มผมทองหัวกระเซิงที่นั่งถัดไปเท่าไหร่นัก



    “สงสัย...เราจะมีแขกแล้วหละ...”โรพูดพลางยิ้มอย่างเยือกเย็น...



    ...ผู้มาเยือนที่คงจะไม่ประสงค์ดีซะเท่าไหร่...



    **********

    เหอๆๆ(แอบหนีมาอัพ) ที่ว่าหายไป2อาทิตย์น่ะจริงๆนะคับ แต่ยังไงก็อย่างเพิ่งลืมกันน้า(สองอาทิตย์เอง) ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค้าบบบ

    ปริศนาทุกอย่างจะกระจ่างแน่นอน แต่ถ้าใครอ่านแล้วจับผิดคนอ่านได้ หรือคิดว่าสงสัยตรงไหนก็ถามได้น้าค้าบบ

    จะวิสัชนาให้ แหะๆๆๆ(หนีไปก่อนที่ท่านแม่จะมาลากตัว)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×