ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การพบกันของนักบวชกับซาตาน
...หลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่างเอเดนและเดมอสจบลง สันติภาพอันยาวนานระหว่างสองดินแดนทำให้ผู้คนลืมเรื่องราวอันเลวร้ายและเริ่มต้นชีวิตใหม่กันอย่างสงบสุข...
แต่ในศึกครั้งนั้น ทางฝ่ายเอเดนได้มีผู้สละชีพผู้หนึ่ง บุรุษผู้นั้นได้รับเกียรติ์จากมหาปราชญ์เลโมธีให้นำร่างไร้วิญญาณของเขามาฝังไว้ใต้แผ่นดินเอดินเบิร์ก สถานที่แห่งสุดท้าย ที่คนผู้นั้นได้มีลมหายใจ...
...บุรุษผู้จากไปกับการสูญเสียครั้งแรกและครั้งเดียวของเอเดนในศึกเกียรติยศ...
...เนื่องจากสภาพร่างกายที่บาดเจ็บจากการเดินทางจากชายแดนมาเพื่อร่วมในการรบ และไม่ได้ดื่มยาประคองพลังชีวิตเข้าไปแม้แต่น้อย ทำให้อาการบาดเจ็บในศึกครั้งนั้นเกินกว่าที่มหาปราชญ์เลโมธีหรือแม้แต่ราชินีจันทราจะเยียวยาได้
...บุรุษผู้นี้จึงจากไปอย่างสงบ...ในฐานะเลือดนักรบผู้กล้าหาญ...
‘...เพื่อศึกนี้ จะขอหลั่งเลือด พลีชีพ จะไม่มีคำว่าถอย จะขอสู้จนกว่าจะได้ชัย ขอสู้แม้เป็นคนสุดท้ายหรือคนเดียวที่จะสู้ สู้ให้ประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่า ครั้งหนึ่ง ที่นี่ วันนี้ ข้ามีชัยเหนือเดมอส...’
***********
สายลมยามค่ำคืนปะทะร่างสูงโปร่ง เส้นผมสีดำรัตติกาลพลิ้วไหวไปตามแรงลม แสงจันทร์สีนวลสะท้อนใบหน้าขาวและนัยน์สีนิลผ่านกรอบแว่นของผู้มาเยือนในยามวิกาล
ร่างสูงในชุดคลุมสีดำสนิท กลมกลืนไปกับความมืดรอบด้านก้าวเดินช้าๆผ่านส่วนต่างๆของปราสาทเอดินเบิร์ก ก่อนจะหยุดนิ่งที่หน้าป้ายหินอนุสรณ์แผ่นเรียบที่มีตัวอักษรแกะสลักไว้อย่างงดงามว่า
‘ลอเรนซ์ ดอว์น เดอะพรีสต์ ออฟ แอเรียส’
“ไม่เจอกันนานเลยนะ...ลอรี่” นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองไปที่แผ่นหินราวกับกำลังมองหน้าบูดๆเพื่อนสนิทอยู่ มุมปากเรียวกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ
“ขอโทษที่ไม่ค่อยได้แวะมาหานายเลย...”ลูคัส ซาโดเรีย อดีตซาตานแห่งป้อมอัศวินก้าวเข้ามาใกล้ก่อนจะล้มตัวลงนั่งพิงแผ่นหินเรียบ ความเย็นยามค่ำคืนแผ่ซ่านผ่านแผ่นหินเย็นๆมาตามแผ่นหลัง
“5ปีแล้วสินะ...ที่นายทิ้งชั้นไป...”ลูคัสเอ่ยขึ้นแผ่วเบาก่อนจะหลับตาลงนิ่ง
...ภาพความทรงจำเก่าๆผุดขึ้นมาในห้วงความคิดที่ล่องลอยของชายหนุ่ม...
************
ธงสีม่วงเด่นประดับด้วยลวดลายมงกุฎ คทา แหวน และดาบ ปลิวไสวไปตามแรงลม พร้อมด้วยธงสีประจำบ้านพักต่างๆ
เสียงพูดคุยดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณในวันเปิดเทอมวันแรก ผู้คนมากหน้าหลายตาจากทั่วทุกมุมของเอเดนมารวมกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้
...โรงเรียนพระราชา...
ร่างบางของเด็กชายวัย15ปี เส้นผมสีดำขลับตัดกับสีผิวขาวนวล นัยน์ตาสีนิลในแว่นตากรอบดำมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นสนใจ ภายในใจของเขารู้สึกโล่งเมื่อได้มาอยู่ที่นี่
...ในที่สุดเขาก็หนีออกมาจากที่แห่งนั้นได้...
...ที่ๆมีแต่ผู้คนดูถูกเหยียดหยาม...
...ที่ๆเปรียบเสมือนนรก...
...ที่ๆเขาเรียกว่า...บ้าน...
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงประกาศก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“ลูคัส ซาโดเรีย เดอะ ซอสเซอเรอร์ ออฟ ทริสทอร์”
เด็กหนุ่มผมสีดำเจ้าของชื่อลูคัสเดินไปที่แท่นประกาศ ระหว่างนั้นก็มีเสียงประกาศอีกเสียงแทรกขึ้น
“ลอเรนซ์ ดอว์น เดอะ พรีสต์ ออฟ แอเรียส”
เด็กหนุ่มผมสีทอง ดวงตาสีม่วงเดินมาขึ้นเวทีพร้อมกับเขา
ลูคัสหันไปมองผู้ที่เดินตามมาน้อยๆก่อนจะอึ้งกับสีหน้าบูดสนิทของคนตรงหน้าที่เดินมายืนข้างๆเขา
เนี่ยนะ เดอะ พรีสต์ ออฟ แอเรียส?...
ในใจคิดสงสัยสุดๆว่าฉายาที่คนๆนี้ได้มาต้องผิดพลาดทางเทคนิคแน่ๆ
“ลูคัส กับ ลอเรนส์ใช่ไหม? โรงเรียนพระราชายินดีต้อนรับ ที่อยู่ของพวกเธอคือป้อมอัศวิน” เสียงเครือปนความใจดีตามอายุของผู้พูดดังขึ้น ก่อนจะผายมือให้ทั้งสองเดินตามรุ่นพี่ที่มารอรับอยู่ไป...
************
เรื่องนี้แต่งไว้นานพอสมควร ดังนั้นภาษาสำนวนอะไรต่างๆคงยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
แถมยังไม่จบซะด้วย...(-_-\")แง่ว (แสดงให้เห็นได้ชัดว่าไอ้คนแต่งมันขี้เกียจขนาดไหน?)
แต่อยากเอามาลงให้อ่านกันเล่นๆไปก่อนระหว่างรอ The thief of Kanoval ของผม
เพราะงั้นถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนก็ติชมได้นะคับ เป็นอีกเรื่องที่อยากฝากไว้
รับรองว่าจะพยายามแต่งให้จบให้ได้(รึเปล่า???)แง่ว^^\"
แต่ในศึกครั้งนั้น ทางฝ่ายเอเดนได้มีผู้สละชีพผู้หนึ่ง บุรุษผู้นั้นได้รับเกียรติ์จากมหาปราชญ์เลโมธีให้นำร่างไร้วิญญาณของเขามาฝังไว้ใต้แผ่นดินเอดินเบิร์ก สถานที่แห่งสุดท้าย ที่คนผู้นั้นได้มีลมหายใจ...
...บุรุษผู้จากไปกับการสูญเสียครั้งแรกและครั้งเดียวของเอเดนในศึกเกียรติยศ...
...เนื่องจากสภาพร่างกายที่บาดเจ็บจากการเดินทางจากชายแดนมาเพื่อร่วมในการรบ และไม่ได้ดื่มยาประคองพลังชีวิตเข้าไปแม้แต่น้อย ทำให้อาการบาดเจ็บในศึกครั้งนั้นเกินกว่าที่มหาปราชญ์เลโมธีหรือแม้แต่ราชินีจันทราจะเยียวยาได้
...บุรุษผู้นี้จึงจากไปอย่างสงบ...ในฐานะเลือดนักรบผู้กล้าหาญ...
‘...เพื่อศึกนี้ จะขอหลั่งเลือด พลีชีพ จะไม่มีคำว่าถอย จะขอสู้จนกว่าจะได้ชัย ขอสู้แม้เป็นคนสุดท้ายหรือคนเดียวที่จะสู้ สู้ให้ประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่า ครั้งหนึ่ง ที่นี่ วันนี้ ข้ามีชัยเหนือเดมอส...’
***********
สายลมยามค่ำคืนปะทะร่างสูงโปร่ง เส้นผมสีดำรัตติกาลพลิ้วไหวไปตามแรงลม แสงจันทร์สีนวลสะท้อนใบหน้าขาวและนัยน์สีนิลผ่านกรอบแว่นของผู้มาเยือนในยามวิกาล
ร่างสูงในชุดคลุมสีดำสนิท กลมกลืนไปกับความมืดรอบด้านก้าวเดินช้าๆผ่านส่วนต่างๆของปราสาทเอดินเบิร์ก ก่อนจะหยุดนิ่งที่หน้าป้ายหินอนุสรณ์แผ่นเรียบที่มีตัวอักษรแกะสลักไว้อย่างงดงามว่า
‘ลอเรนซ์ ดอว์น เดอะพรีสต์ ออฟ แอเรียส’
“ไม่เจอกันนานเลยนะ...ลอรี่” นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองไปที่แผ่นหินราวกับกำลังมองหน้าบูดๆเพื่อนสนิทอยู่ มุมปากเรียวกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ
“ขอโทษที่ไม่ค่อยได้แวะมาหานายเลย...”ลูคัส ซาโดเรีย อดีตซาตานแห่งป้อมอัศวินก้าวเข้ามาใกล้ก่อนจะล้มตัวลงนั่งพิงแผ่นหินเรียบ ความเย็นยามค่ำคืนแผ่ซ่านผ่านแผ่นหินเย็นๆมาตามแผ่นหลัง
“5ปีแล้วสินะ...ที่นายทิ้งชั้นไป...”ลูคัสเอ่ยขึ้นแผ่วเบาก่อนจะหลับตาลงนิ่ง
...ภาพความทรงจำเก่าๆผุดขึ้นมาในห้วงความคิดที่ล่องลอยของชายหนุ่ม...
************
ธงสีม่วงเด่นประดับด้วยลวดลายมงกุฎ คทา แหวน และดาบ ปลิวไสวไปตามแรงลม พร้อมด้วยธงสีประจำบ้านพักต่างๆ
เสียงพูดคุยดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณในวันเปิดเทอมวันแรก ผู้คนมากหน้าหลายตาจากทั่วทุกมุมของเอเดนมารวมกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้
...โรงเรียนพระราชา...
ร่างบางของเด็กชายวัย15ปี เส้นผมสีดำขลับตัดกับสีผิวขาวนวล นัยน์ตาสีนิลในแว่นตากรอบดำมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นสนใจ ภายในใจของเขารู้สึกโล่งเมื่อได้มาอยู่ที่นี่
...ในที่สุดเขาก็หนีออกมาจากที่แห่งนั้นได้...
...ที่ๆมีแต่ผู้คนดูถูกเหยียดหยาม...
...ที่ๆเปรียบเสมือนนรก...
...ที่ๆเขาเรียกว่า...บ้าน...
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงประกาศก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“ลูคัส ซาโดเรีย เดอะ ซอสเซอเรอร์ ออฟ ทริสทอร์”
เด็กหนุ่มผมสีดำเจ้าของชื่อลูคัสเดินไปที่แท่นประกาศ ระหว่างนั้นก็มีเสียงประกาศอีกเสียงแทรกขึ้น
“ลอเรนซ์ ดอว์น เดอะ พรีสต์ ออฟ แอเรียส”
เด็กหนุ่มผมสีทอง ดวงตาสีม่วงเดินมาขึ้นเวทีพร้อมกับเขา
ลูคัสหันไปมองผู้ที่เดินตามมาน้อยๆก่อนจะอึ้งกับสีหน้าบูดสนิทของคนตรงหน้าที่เดินมายืนข้างๆเขา
เนี่ยนะ เดอะ พรีสต์ ออฟ แอเรียส?...
ในใจคิดสงสัยสุดๆว่าฉายาที่คนๆนี้ได้มาต้องผิดพลาดทางเทคนิคแน่ๆ
“ลูคัส กับ ลอเรนส์ใช่ไหม? โรงเรียนพระราชายินดีต้อนรับ ที่อยู่ของพวกเธอคือป้อมอัศวิน” เสียงเครือปนความใจดีตามอายุของผู้พูดดังขึ้น ก่อนจะผายมือให้ทั้งสองเดินตามรุ่นพี่ที่มารอรับอยู่ไป...
************
เรื่องนี้แต่งไว้นานพอสมควร ดังนั้นภาษาสำนวนอะไรต่างๆคงยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
แถมยังไม่จบซะด้วย...(-_-\")แง่ว (แสดงให้เห็นได้ชัดว่าไอ้คนแต่งมันขี้เกียจขนาดไหน?)
แต่อยากเอามาลงให้อ่านกันเล่นๆไปก่อนระหว่างรอ The thief of Kanoval ของผม
เพราะงั้นถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนก็ติชมได้นะคับ เป็นอีกเรื่องที่อยากฝากไว้
รับรองว่าจะพยายามแต่งให้จบให้ได้(รึเปล่า???)แง่ว^^\"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น