ตอนที่ 4 : #TempoInverso IV

Tempo Inverso เรื่องราวในอดีตกาล
IV

กลิ่นหอมของพายแอปเปิ้ลเรียกความสนใจจากร่างเล็กที่เดินเข้ามาในห้องครัวได้เป็นอย่างดี
ดวงตาสีทองประกายจับจ้องมองไปยังร่างของนัคเคิลและแรมโพที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งภายในห้องนี้ รอยยิ้มอ่อนโยนตามประสาบาทหลวงถูกส่งมาให้ร่างของเด็กน้อยที่เดินเข้ามาในห้อง ดวงตาสีเขียวเพียงมองแล้วนั่งทานพายส่วนของตนต่อไป
"สนใจมาทานพายแอปเปิ้ลหรือไม่เก็นจัง?"
ใบหน้าเล็กพยักเล็กน้อยในขณะที่เดินไปพยายามปีนขึ้นนั่งเก้าอี้ เด็กชายมองพายที่ถูกตัดแบ่งมาให้ด้วยความคุ้นชินในขณะที่นั่งตักขึ้นทานอย่างเงียบๆตามประสาของตน
เขาอยู่ที่นี่มาหลายวันจนเริ่มชินแล้วสิ...
และเขาได้บอกหลายคนไปว่าให้เรียกเขาว่า เก็นจัง ซึ่งมันคงดูสมชื่อของเด็กมากกว่า เก็นคิชิ
มือเล็กตักพายทานจนหมดโดยไม่รู้ว่าริมฝีปากของตนเปื้อนเศษพายอยู่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความง่วงงุนของอัศนีเพียงจับจ้องมองแล้วจึงขยับไปเช็ดให้ตามประสาของตนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด พลางถือโอกาศนั้นบีบแก้มนิ่มเบาๆอย่างนึกเอ็นดู
"เจ้าทานเปื้อนอีกแล้วหนาเก็นจัง"
มือแกร่งของแรมโพบีบแก้มนุ่มนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนที่ปล่อยมือออกมา ดวงตาสีเขียวที่หลับข้างหนึ่งมองท่าทีของเด็กน้อยที่ตอนนี้ยู่หน้าคล้ายหมาสายพันธุ์ชิบะที่เคยเห็นในรูปถ่ายด้วยความเอ็นดูแล้วจึงขยี้เรือนผมสีเข้มนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนกลับไปนั่งเอื่อยคล้ายคนไม่อยากทำงาน
"ไม่อยากทำงานเอกสารเลย...นัคเคิลเจ้าเอาไปทำแทนข้าได้ไหม..."
"คงไม่ได้หรอกครับท่านแรมโพ ข้ายังมีหน้าที่ต้องเผยแผ่ศาสนาอยู่ครับ"
ดวงตาคู่คมสีทองของบาทหลวงหนุ่มหรี่ลงมองด้วยความอ่อนโยนแต่ก็แฝงความกระฉับกระเฉงตามประสาของอรุณ มือแกร่งนั้นลูบเรือนผมนุ่มสีเข้มของเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในขณะที่ฟังเสียงงอแงของสหายแห่งอัศนีที่กำลังทำตัวคล้ายเด็กเอาแต่ใจอยู่ไม่ขาดสาย
"ฮรื้ออออ ข้าไม่ได้อยากจะทำงานพวกนี้เสียหน่อยนะะะะ นัคเคิลลล ช่วยงานข้าหน่อยเถิดดด"
"คงไม่ได้หรอกครับท่านแรมโพ งานของผมเองก็ยังไม่เสร็จดีนักหรอกครับ"
เก็นคิชิมองความวุ่นวายเล็กๆตรงหน้าของตนก่อนที่จะยกมือขึ้นมาป้องปากหาวเล็กน้อย ความจริงเขาพึ่งกลับมาจากการซ้อมดาบกับอุเก็ตสึเลยรู้สึกอ่อนเพลียอยู่พอสมควรเลย...
"นี่พวกเจ้าทานพายกันอยู่หรือ?..."
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามแต่กลับอ่อนโยนดังขึ้นมาในขณะที่ร่างสูงโปร่งของนภาแห่งวองโกเล่จะเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นสหายของตนอยู่พร้อมกับเด็กน้อยที่เปรียบเสมือนหลานตัวเล็กของตน เนตรสีส้มประกายเพียงมองทุกอย่างในขณะที่เดินไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย
"เราขอทานด้วยคงไม่ว่าสินะ?"
"เชิญเลยจีอ็อตโต้ พายแอปเปิ้ลของข้ายังเหลืออีกเยอะเลยหนา"
มือของบาทหลวงหนุ่มผละมือออกมาจากในขณะที่ตักพายให้นายของตนได้ทาน ร่างเล็กของเด็กน้อยยังคงนั่งนิ่งมองจานที่ว่างเปล่าแล้วสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อลูกกวาดสีสวยถูกส่งมาให้จากมือของอัศนีหนุ่มในขณะที่เจ้าตัวกลับอ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่าย
"เอาไปทานเถอะ ข้าไม่อยากทานมันแล้ว"
เสียงที่ดูคล้ายเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจเอ่ยแล้วยัดลูกกวาดนั้นใส่ในมือเล็ก
คิ้วกลมขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรในขณะที่นั่งทานอมยิ้มด้วยความสงบเรียบร้อยจนเรียกสายตาเอ็นดูเล็กๆจากนภาผู้โอบอุ้มทุกสิ่ง แต่เสียงเปิดประตูห้องที่มาพร้อมกับร่างของชายร่างสูงโปร่งผมแดงกับเรียกริมฝีปากที่คว่ำลงของจอมงอแงได้เป็นอย่างดีเมื่อเห็นหน้าคนเคร่งงาน
"ว่าไงท่านจี สบายดีไหม?"
"ข้าสบายดีนัคเคิล งานของข้าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว"
รอยยิ้มเล็กๆปรากฏที่มุมปากคมได้รูป ในขณะที่มือแกร่งจะอุ้มร่างเล็กของลูกชายขึ้นกลับถูกมือของอัศนีแสนเอาแต่ใจคว้าร่างเล็กให้ไปอยู่บนตักและนั่งกอดราวกับเป็นตุ๊กตาตัวโปรดของตน ดวงตาที่เปิดเพียงข้างเดียวมองจีอย่างไม่ค่อยพอใจมากนัก
"แรมโพ นั้นลูกชายของข้า"
"ไม่คืน"
แรมโพวางคางของตนลงบนเรือนผมนุ่มสีเข้มแล้วทำสีหน้าคล้ายเด็กเอาแต่ใจที่หวงของของตน ดวงตาคู่กลมสีทองเพียงหรี่ตาลงมองในขณะที่ปล่อยให้ตัวเองนั่งอยู่บนตักแกร่งและในอ้อมแขนที่แสนดื้อรั้น
"แรมโพ..."
เสียงทุ้มกดลงต่ำพร้อมสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดตามประสาของคนที่หวงลูกชายเป็นอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นคนที่กำลังกอดเด็กน้อยอยู่ก็ไม่มาท่าทีว่าจะปล่อยจนกำปั้นงามๆถูกประเคนให้ที่ศีรษะที่ถูกปกคลุมด้วยเรือนผมสีมรกตซีด ริทฝีปากคมส่งเสียงร้องงอแงออกมาในขณะที่คลายอ้อมกอดออกให้ร่างเล็กนั้นกลับไปอยู่กับผู้เป็นพ่อ
เก็นคิชิเดินไปนั่งบนตักผู้เป็นพ่อในขณะที่นั่งทานอมยิ้มสีหวานเช่นเดิมแล้วพิงแผ่นอกแกร่งเล็กน้อย
"ตายจริง? พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่กันงั้นหรือ?"
เสียงหวานดังขึ้นมาในขณะที่ประตูเดินพร้อมให้เห็นร่างของภรรยาผู้เป็นที่รักของสายหมอกแห่งวองโกเล่ ดวงตาคู่กลมสีทองเพียงสบกับเนตรคู่สวยสีฟ้าประกาย รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นมาในขณะที่เดินมาหาเด็กชายที่นั่งอยู่บนตักของวายุแห่งวองโกเล่ด้วยความเอ็นดู
"ท่านจี มันจะเป็นความคิดที่ดีหรือไม่หากเราจะออกไปในเมืองเพื่อซื้อเสื้อผ้าน่ารักๆให้เด็กคนนี้ได้ใส่?"
คิ้วสีแดงเพลิงเลิกขึ้นเล็กน้อย
"เป็นความคิดที่ดีเสียจริง เราจะเข้าไปในเมืองกันเธอสนใจไหมเด็กน้อยของข้า?"
ใบหน้าเล็กเพียงพยักเล็กน้อยคล้ายรับรู้แม้ในใจจะแอบหงุดหงิดเพราะนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเขาจะไม่ได้นอนพัก...
แต่ก็ไม่ได้อยากจะขัดใจหญิงสาวคนนี้เสียเท่าไหร่...
และเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับเพียงเสี้ยวนาที ร่างของเขาถูกวาดด้วยสายวัดตัวในขณะที่ดวงตาสีทองเหม่อมองเสื้อผ้าบางส่วนที่อยู่ในร้าน เอเลน่าเลือกที่จะทำชุดออกงานมาเฟียไว้สำหรับเขาเลยต้องมาวัดตัวโดยที่มีร่างของผู้เป็นพ่อยืนสูบซิการ์รออยู่นอกร้าน...ส่วนหญิงสาวคนชวนก็เดินหาเสื้อผ้าสำเร็จรูปมาให้เขา...
และสุดท้ายเสื้อผ้าบางส่วนก็ถูกใส่ในถุงกระดาษ และเขาก็เป็นอิสะได้เดินออกมาจากร้านเสื้อผ้านั้นเสียที
"..."
คิ้วกลมขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นเหม็นจากซิก้าร์ที่คนตัวสูงกว่าสูบ แต่ดวงตาของเขากลับมองไปรอบๆเมื่อต้องเดินเล่นไปพร้อมกับจี
เหล่าผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมาบนถนนแห่งนี้ เพราะว่าไร้วิทยาการรถที่ใช้นั้นยังคงเป็นรถม้าลากดูมีกลิ่นอายแห่งความคลาสสิคเก่าแก่ ดวงเนตรคู่กลมสีทองประกายจับจ้องคนที่เดินผ่านไปมาอย่างเหม่อลอยตามประสา
แต่แล้วก็เผลอไปสะดุดสายตากับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง...
เรือนผมสีนิลกาลที่ชี้ฟูขึ้นเป็นทรงที่แสนคุ้นตา ดวงเนตรคู่คมสีทองเป็นประกายความเบื่อหน่ายที่ดูขัดกับรอยยิ้มที่ยังคงประดับอยู่บนใบหน้าได้รูป กลิ่นอายรอบกายที่แสนคุ้นเคยทำให้เขาต้องชะงัดเมื่อดวงตาสีเดียวกันหันมาสบกันโดยบังเอิญ
เด็กหนุ่มคนนั้นเริ่มปรากฏความสนุกสนานเมื่อได้เห็นหน้าของเขา
ริมฝีปากคมแสยะเป็นรอยยิ้มที่ดูน่าหวาดกลัว
ก่อนจะขยับเป็นภาษาที่ไร้เสียงแต่เก็นคิชิกลับจับความหมายของมันได้อย่างรวดเร็ว
'ฉัน เจอ ตัว เธอ แล้ว'
ราวกับมีบางอย่างส่งผ่านความกดดันราวกำลังจะถูกพิพากษาทำให้ร่างกายเล็กบอบบางสั่นจนมือแกร่งของวายุแห่งวองโกเล่รีบอุ้มร่างนั้นขึ้นมาในอ้อมแขนของตน ดวงตาสีเพลิงพยายามมองหาต้นต่อเมื่อเห็นว่าลูกชายตัวน้อยของตนกำลังพยายามมองบางสิ่งบางอย่างอยู่
กลิ่นอายความอันตรายนั้นทำให้คิ้วสีแดงขมวดเข้าหากันแล้วจึงรีบเดินพาร่างของเด็กน้อยในอ้อมแขนกลับปราสาทวองโกเล่ให้ได้เร็วที่สุดโดยมีร่างบางของเอเลน่าเดินตามหลังไป
ดวงตาคู่คมที่แสนอันตรายนั้นยังคงมองตามแผ่นร่างเล็กนั้นไปจนลับสายตา
และเมื่อรู้ตัวอีกทีร่างของชายหนุ่มผมดำคนนั้นกลายหายไปท่ามกลางเหล่าผู้คน
คล้ายกับเมื่อครู่ที่เห็นเป็นเพียงภาพหลอน...แต่มันไม่ใช่ มันคือของจริง
ร่างเล็กของเก็นคิชิยังคงสั่นรัวคล้ายกับกำลังหวาดกลัวโดยมีมือแกร่งคลอยลูบปลอบประโลมเอาไว้ จีไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักว่าทำไมลูกชายตัวเล็กของเขาถึงกลัวเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ว่ากลิ่นอายความอันตรายที่ต่อให้อยู่ห่างกันเขายังคงสัมผัสได้นั้นเป็นสิ่งที่บอกว่าทำไมถึงหวาดกลัว
ดวงตาคู่มกลมสีทองสั่นไหวคล้ายกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้เห็น
ทำไมเขาถึงได้เจอกับผู้ชายคนนั้น...
ชายที่ไม่มีทางที่จะมีตัวตนอยู่ในยุคนี้เสียด้วยซ้ำ...
ริมฝีปากเล็กขยับเป็นคำพูดอย่างเชื่องช้าทั้งที่ร่างกายยังคงสั่นเทาคล้ายลูกนก ความรู้สึกจ็บปวดในตอนที่ร่างกายระเบิดจากฝีมือของคิเคียวยังคงตราบตึ่งจนอยากกรีดร้องออกมาแต่ก็ทำไม่ได้
ชายคนนั้นคือคนที่ช่วยเขาไว้...แต่ก็เป็นคนที่ทอดทิ้งเขาไว้...
...เบียคุรัน...
แม้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะดูแตกต่างกัน แต่โครงใบหน้าที่คุ้นเคยและรอยยิ้มนั้นกลับเป้นสิ่งที่โดดเด่นแม้จะอยู่กลางเหล่าผู้คนนับร้อยที่กำลังเดินอยู่บนถนนแห่งนี้
ดูเป็นคนเดียวกัน...แต่ก็อาจไม่ใช่คนเดียวกัน...
หากอยากรู้ต้องคุยด้วยสักครั้ง...แต่เก็นคิชิไม่กล้า
ภาพที่แสนน่าหวาดกลัวยังคงวนเวียนในภาพความทรงจำ
เขาควรที่จะเป็นหุ่นเชิดที่ไร้ประโยชน์แล้วแท้ๆ...แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงยังพยายามที่จะมีเขาไว้ในครอบครอง?
แรงกระชับอ้อมแขนนั้ทำให้เก็นคิชิเริ่มได้สติ ดวงตาคู่กลมจับจ้องมองคนที่อุ้มตนอยู่ด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงก็ยอมที่จะอยู่นิ่งๆเข้าไว้แล้วซุกใบหน้าลงที่ไหล่แกร่งคล้ายที่พึ่งพิง มือเรียวสวยของเอเลน่าลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบประโลมจากทางด้านหลัง
และสุดท้ายทั้งสามคนก็กลับถึงปราสาทวองโกเล่อย่างปลอดภัย...
แววตาของจีเริ่มแข็งกร้าวเมื่อนึกถึงชายที่ทำให้ลูกตัวน้อยของเขาต้องหวาดกลัว
เจ้าเด็กอันตรายคนนั้น...แกจะไม่ได้จับต้องลูกชายของข้าแม้แต่ปลายเล็บ
หาแกทำอันตรายลูกของข้า มันจะต้องมีการนองเลือด

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

46 ความคิดเห็น
-
#13 PhimpinTT (จากตอนที่ 4)วันที่ 30 มีนาคม 2563 / 05:48คนอย่างนี้อะนะ อยากวาร์ปเข้าไปตีพี่คนนั้นมากเลยค่ะ ตีให้เด้งออกนอกพาราเรลไปเลย หมั่นไส้!!!#130
-
#12 Aquarrr (จากตอนที่ 4)วันที่ 29 มีนาคม 2563 / 10:48เบียคุรั๊นน ปล่อยเก็นจังไปเถ้อะะ ตามมาหลอกหลอนยันอดีตเลยนะ!#120
-
#11 Lactasoy (จากตอนที่ 4)วันที่ 29 มีนาคม 2563 / 09:15คิดไว้ไม่ผิดว่ากล้วยไม้จะมา#110