คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 8
บทที่ 8
หน้าต่างที่เปิดอยู่ดึงความสนใจของซางฉีไปที่ทิวทัศน์ด้านนอกพลางฟังเสียงเม็ดฝนที่ไหลผ่านชายคาลงมาไม่ขาดสาย ฝนที่ตกไม่หยุดทำให้นางรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นในค่ำคืนนี้ แม้อากาศจะหนาวเย็นขึ้นเพราะความชื้นจากสายฝน แต่ตัวนางกลับเหนียวเหนอะหนะเพราะเหงื่อไคล นับตั้งแต่ถูกพากลับมาที่จวนนางยังไม่ได้อาบน้ำเลยสักครั้ง ครั้นจะเดินเหินไปไกลจากเตียงเกินสิบเก้าก็เกรงว่าบาดแผลที่ข้อเท้าจะแย่ลงกว่าเดิม นางจึงนั่งรออยู่ในห้องที่มีแสงเทียนสลัวเคล้าคลอด้วยเสียงของสายฝนพลางรอใครคนหนึ่งให้กลับมาหานางเสียที ทว่าเขาก็ยังไม่มา ซางฉีคิดว่าบางทียามนี้ชายหนุ่มอาจตระหนักแล้วว่าสิ่งใดสำคัญก่อนและหลัง และนางไม่คิดว่าเถ้าแก่เนี้ยร้านอาภรณ์อย่างนางจะสำคัญต่อชายหนุ่มถึงขนาดที่อีกฝ่ายต้องเร่งมาอยู่กับนางในยามที่นางต้องการเขา
คืนนี้นายท่านคงจะไม่กลับมาแล้วกระมัง
ซางฉีสรุปเองในใจ นางห้ามตนเองไม่ให้ผิดหวังก่อนจะเดินกระโดดขาเดียวไปยังฉากกั้นห้องอีกด้านเพื่อลงไปแช่น้ำในอ่างให้รู้สึกสดชื่นสบายตัวขึ้นกว่าเดิม นางถอดเสื้อผ้าทิ้งกายลงในน้ำเย็นพลางระวังไม่ให้ขาข้างที่พันผ้าไว้จมลงไปในอ่าง
ไม่นานหลังจากนั้นหลิวเฟิงเดินเข้ามาในห้องแล้วไม่พบหญิงสาวบนเตียงนอน คำแรกที่เขาเอ่ยคือชื่อของนางที่ดังออกมาด้วยความกังวลจากใจ แต่ไม่นานนักเขาก็หันไปเห็นเงาร่างของหญิงสาวหลังฉากกั้นห้องอาบน้ำ
“ซางฉี!”
“ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ”
ร่างสูงรีบก้าวไปหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว เขาผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวก่อนจะรีบนั่งลงข้างอ่างไม้แล้วจุ่มมือลงในอ่างไม้เพื่อวัดอุณหภูมิของน้ำ
“ซางฉี ถ้าเจ้าอยากป่วยก็ไม่น่าจะใช้วิธีนะ” หลิวเฟิงเอ็ดหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแกมดุ “ทำไมไม่รอข้า ข้าจะได้ไปต้มน้ำมาให้เจ้าอาบ” ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวด้วยแววตำหนิ ก่อนที่มันจะวูบไหวเมื่อเลื่อนลงมองเรือนร่างแบบบางใต้ผิวน้ำอย่างเต็มสายตา
“ข้ารอท่านอยู่นานแต่ท่านก็ยังไม่กลับมา”
“ข้ามาแล้วนี่ไง มาเถอะ ขึ้นจากน้ำได้แล้ว ข้าช่วย” หลิวเฟิงยื่นมือออกไปช้อนร่างหญิงสาวขึ้นมาโดยไม่สนว่าแขนเสื้อของตนจะเปียกหรือไม่
“นายท่าน!”
หลิวเฟิงกระชับร่างของซางฉีเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแน่นขึ้นจนคางของเขาเกยลงบนหัวไหล่เปลือยของหญิงสาว
ซางฉีทั้งเขินอายและคาดไม่ถึงกับการกระทำของชายหนุ่ม หลิวเฟิงกอดนางแน่นและแทบจะฝังใบหน้าลงบนไหล่ของซางฉี เขาพยายามข่มความรู้สึกไม่ให้ล่วงเกินนางอย่างยิ่งยวด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการสัมผัสร่างของนางช่างมอบความทรมานให้เหลือเกิน ครั้นวางร่างหญิงสาวลงบนเตียงเขาก็ช่วยนางสวมเสื้อผ้าตลอดจนเปลี่ยนยาและผ้าพันแผลที่ข้อเท้าของซางฉี ระหว่างนั้นหลิวเฟิงต้องหักห้ามความปรารถนาที่มีต่อนางจนเขาเกือบจะพ่ายแพ้แต่ก็สามารถควบคุมตนเองได้ เมื่อตระหนักว่าหญิงสาวเจ็บปวดเพราะเขามามากมายแล้วและเขาไม่ควรจะเอาเปรียบนางไปมากกว่านี้อีก
หลิวเฟิงประคองร่างหญิงสาวลงนอนอย่างนุ่มนวลก่อนจะผละกายจากไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนที่มุมหนึ่งของห้อง
“ก่อนหน้านี้ท่านออกไปพบใครหรือเจ้าคะ?” ซางฉีเอ่ยถามอย่างอยากรู้
หลิวเฟิงที่จดจ่ออยู่กับการสวมอาภรณ์ลำลองเพิกเฉยในคำถามนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับซางฉีที่นอนมองเขาจากบนเตียง
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าก็จะรู้เอง” หลิวเฟิงไม่พอใจที่จะให้คำตอบ เขามุ่ยหน้าใส่ซางฉีที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองทำอะไรผิด
หญิงสาวยังคงไม่รู้ซึ้งว่าความหึงหวงของชายหนุ่มนั้นเกิดขึ้นง่ายดายเพียงใด
“เลิกพูดเถอะ ตอนนี้เป็นเวลานอนของเราแล้ว” หลิวเฟิงดึงซางฉีลงนอนเคียงข้าง เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของเขาและนาง สร้างความประหม่าเล็กน้อยให้กับหญิงสาวที่นอนนิ่ง
ซางฉีลอบถอนหายใจที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความคิดนั้นก็สั่นคลอนทันทีที่แขนของหลิวเฟิงโอบกอดกายนางแน่นพร้อมดึงร่างของนางให้เข้าไปแนบชิดกายแกร่ง และในขณะที่เขากำลังกอดนางอย่างแนบแน่นนั่นเอง ซางฉีก็พลิกกายหันไปอีกด้านหนึ่งเพื่อควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ นางหลับตาลงขณะที่เขากกกอดนางไว้ในอ้อมแขน
“ยังไม่ชินกับอ้อมกอดของข้าอีกหรือ?” หลิวเฟิงถามเสียงค่อย
“ข้าแค่รู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อยเจ้าค่ะ... อะ”
มือของหลิวเฟิงจับที่หน้าอกของหญิงสาวเพื่อตรวจดูจังหวะการเต้นของหัวใจ และนั่นส่งผลให้หัวใจของซางฉีเต้นแรงขึ้นเพื่อตอบสนองต่อสัมผัสของชายหนุ่ม หลิวเฟิงเปลี่ยนจากการสัมผัสธรรมดาเป็นนวดคลึงทรวงอกของหญิงสาว เพียงไม่นานนักก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่ติดขัดของนาง
“นะ นายท่าน… อึก นอนได้แล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าก็กำลังนอน”
“งั้นก็ควรหยุดมือสิเจ้าคะ”
“หันหน้ามาหาข้าก่อนสิ แล้วข้าจะหยุด”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจก่อนที่ซางฉีจะถอนหายใจแล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับหลิวเฟิง ยามนี้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ใกล้กันมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รินรดใบหน้าของกันและกัน หลิวเฟิงลูบไล้ใบหน้าของซางฉีอย่างอ่อนโยนพลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่งามด้วยความเสน่หาก่อนจะแย้มยิ้มที่ทำให้ใบหน้าของซางฉีเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
“ซางฉี”
“เจ้าคะ?”
“ซางฉี”
“เจ้าคะ?”
“ซางฉี”
“...นายท่าน”
ซางฉีหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอย่างชิดใกล้ หลิวเฟิงยังคงลูบไล้ใบหน้าของนางอย่างนุ่มนวล นางจ้องมองชายหนุ่มอย่างรอให้อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ย
“ข้ารักเจ้า”
หัวใจของซางฉีคล้ายหยุดเต้นไปชั่วขณะ แต่เพียงชั่วครู่มันก็กลับมาเต้นด้วยจังหวะเดิมอีกครั้ง
“ท่านแน่ใจได้อย่างไร?”
“ข้าไม่เคยเป็นเช่นนี้กับใคร ข้าหึงหวงแค่เพียงเจ้า ปรารถนาแค่เพียงเจ้า แค่นี้ยังไม่มากพอจะยืนยันว่าข้ารักเจ้าอีกหรือ”
“ท่านอาจจะแค่สับสน ความรู้สึกที่ท่านคิดว่าเป็นรัก แท้จริงเป็นเพียงความหลงใหลแค่ชั่วครู่”
ซางฉีขบกัดริมฝีปากแน่น นางเสียใจที่เห็นสายตาแห่งความผิดหวังของหลิวเฟิงทอดมองมา แม้การกระทำของเขาจะเป็นการทำร้ายนาง แต่นางไม่เคยคิดจะทำร้ายหรือเอาคืนชายหนุ่มให้เจ็บช้ำไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ และนางก็เจ็บปวดใจที่เผลอทำร้ายหลิวเฟิงในยามนี้
“งั้นมาดูกันว่าความหลงใหลที่ข้ามีต่อเจ้าจะเป็นแค่ความรู้สึกชั่วคราวหรือเป็นส่วนหนึ่งของความรัก”
หลิวเฟิงยื่นใบหน้าเข้าไปจุมพิตริมฝีปากบางขณะที่เขาเริ่มต้นปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเองอย่างช้าๆ ก่อนจะยันกายขึ้นมาปลดเปลื้องอาภรณ์ที่หญิงสาวสวมใส่อยู่ เมื่อร่างของนางเปลือยเปล่าเช่นเดียวกัน ริมฝีปากของชายหนุ่มก็สัมผัสนางไปทุกที่
ครั้นถึงแก่เวลาของหลิวเฟิง ชายหนุ่มก็คลานขึ้นมาจูบหญิงสาวอย่างดูดดื่ม นางครางอื้ออึงในลำคอ เล็บมือจิกลงบนบ่าด้านหลังของอีกฝ่าย
ครู่ต่อมาร่างสูงคว้าร่างบางแล้วพลิกกายลงนอนโดยให้หญิงสาวเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมทับ
นางหลับตาร้องครวญคราง สองมือกดลงบนหน้าท้องแข็งก่อนที่เอวบางจะถูกคว้าหมับด้วยมือหนาแล้วจับมันกระแทกเข้าเป็นจังหวะรุนแรง
"อ๊า!! อ๊ะ!! อ๊ะๆๆๆ"
ซางฉีล้มลงบนกายแกร่งทั้งที่กายท่อนล่างยังคงเชื่อมประสานกับอีกฝ่าย
หลิวเฟิงรวบแขนกอดนางไว้อย่างเป็นสุขใจ เขาลูบไล้แผ่นหลังของนางลงไปยังบั้นท้ายกลมกลึง ริมฝีปากเอนซบแนบใบหูของหญิงสาวก่อนจะเอ่ยเอื้อนถ้อยวจี
“ข้ารักเจ้า ซางฉี”
ซางฉีลุกขึ้นจากเตียงอย่างเกียจคร้านในเช้าวันต่อมา ยามนั้นเองที่นางได้สังเกตสภาพแวดล้อมภายในห้องและร่างกายของนางอย่างละเอียดและพบว่าอาภรณ์ของนางถูกเปลี่ยนใหม่รวมถึงผ้าพันแผลที่ข้อเท้าของนางก็เช่นกัน
“นายท่านหลิวเฟิง…” ซางฉีคิดถึงชื่อใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากชายผู้นี้
นางก้าวเดินออกจากห้องด้วยกำลังที่คืนกลับมาจนแทบจะเหมือนเก่า เดิมทีหลิวเฟิงได้กำชับให้นางอยู่แต่ในห้อง แต่ยามนี้ใจที่มันกล้าขัดคำสั่งกำลังเรียกร้องอยากพบเจอใครคนนั้น นางจึงก้าวเดินออกจากเรือนไปอย่างระมัดระวัง เคราะห์ดีที่ขาข้างที่บาดเจ็บนั้นหลงเหลืออาการเจ็บอยู่เพียงเล็กน้อย นางจึงก้าวเดินออกไปได้แทบจะเหมือนยามปกติ และในตอนนั้นเองร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่นางรู้จักมักคุ้นก็เดินลงจากสะพานข้ามธารน้ำมาหยุดอยู่หน้าตีนสะพานเพื่อกล่าวคำทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ ซางฉี” จงเหรินส่งยิ้มอ่อนโยนให้หญิงสาว ในขณะที่ซางฉีจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
“คุณชายจงเหริน ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?” ซางฉีเดินมาหยุดยืนตรงหน้าร่างสูงโปร่ง นางไม่คิดว่าจะได้พบกับจงเหรินที่นี่ น่าแปลกที่จงเหรินดูไม่แปลกใจที่เห็นนาง
“ตั้งแต่วันที่หลิวเฟิงพาเจ้ากลับออกมาจากป่า ข้าก็อยู่ที่นี่แล้ว แต่เพราะอยากรอให้เจ้าพักรักษาตัวเสียก่อน คืนนั้นจึงกลับไปเมืองหลวงเพื่อเอาความไปบอกคนที่จวนสกุลซ่งให้หยุดตามหาเจ้า เมื่อวานข้าเดินทางมาเยี่ยมเจ้าแต่เพราะฝนตกหนักจึงทำให้มาถึงล่าช้าไปมากเลยยังไม่ได้พบเจ้าเสียที มาวันนี้ได้เห็นเจ้าท่าทางสบายดี ข้าก็คลายกังวลได้เสียที”
“รบกวนคุณชายเป็นห่วงแล้ว” ซางฉีค้อมศีรษะเล็กน้อยให้คุณชายเป็นการขอบคุณ นางเงยหน้าขึ้นสบตาเขาขณะคิดหาคำพูดดีๆ ที่จะใช้จบบทสนทนาและขอตัวจากไปอย่างไม่ให้ดูเสียมารยาท
“ข้ากำลังจะไปหานายท่าน ไม่ทราบว่าคุณชายเห็นนายท่านของข้าหรือไม่?”
ซางฉีมองจงเหรินอย่างใจจดใจจ่อ แต่ยิ่งสบตาเขาความไม่สบายใจก็เพิ่มขึ้นตามมา เมื่อความทรงจำไม่กี่คืนก่อนแวบเข้ามาในหัวของนาง
ค่ำคืนที่หลิวเฟิงหึงหวงนางกับจงเหริน เรื่องนั้นย้ำเตือนนางว่าไม่ควรพูดคุยกับชายหนุ่มตามลำพังเป็นการดีที่สุด
“เจ้ากับหลิวเฟิง ตั้งแต่เมื่อไร?”
“ท่านหมายถึงอะไรเจ้าคะ?”
“เจ้าอยู่กับเขาที่นี่ ที่ซึ่งเป็นเรือนหอของเขา ทั้งยังนอนในเรือนหลัก ข้าไม่ได้ซื่อเสียจนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับเจ้า” จงเหรินยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจสีหน้าตกใจของซางฉี ยามนี้เขาหวังว่าจะได้ระบายความในใจของเขาให้กับหญิงสาวที่ตนพึงใจ
“ซางฉี ข้ามองออกว่าเจ้ากลัวเขา ข้าช่วยเจ้าได้ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีวันทำร้ายเจ้า เจ้าเป็นคนที่ข้าห่วงใยมาตลอด”
“ขอบคุณคุณชายจงเหรินที่ห่วงใยซางฉี แต่ท่านเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ นายท่านดีกับข้ามาก”
“ถ้าเขาดีกับเจ้าจริง เจ้าคงจะไม่หนีเข้าป่าไปแบบนั้น”
นัยน์ตาของซางฉีเบิกกว้างด้วยความตกใจ คำพูดของเขาทำให้นางพูดต่อไปไม่ออก
“บางทีการที่เจ้ายังอยู่ที่นี่ ก็อาจเป็นเพราะเขารั้งตัวเจ้าไว้ ข้าพูดถูกหรือไม่ แต่ไหนแต่ไรมาเขามักจะใช้เงินและอำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ” จงเหรินพยายามให้หญิงสาวยอมรับกับเขาออกมาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับหลิวเฟิง แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งกลับกลายเป็นว่าเขากำลังว่าร้ายสหายของตน
“คุณชายกล่าวเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
ซางฉีเดินหลีกจงเหรินไปหลังจากเอ่ยจบประโยค จงเหรินจึงคว้าแขนของนางไว้ก่อนจะดึงนางเข้าไปใกล้
“ซางฉี ข้าจะเชื่อก็ต่อเมื่อเจ้าเป็นคนบอกข้าเอง หากเจ้าไม่ได้รักเขา ไม่ได้เต็มใจอยู่กับเขา ข้าพร้อมจะพาเจ้าไปจากที่นี่”
ซางฉีนิ่งชะงักอยู่ครู่หนึ่ง นางรู้ดีว่ายามนี้โอกาสหนีของนางมาถึงแล้ว แต่คำว่าหนีหรือการไปจากที่นี่กลับไม่ใช่สิ่งที่นางปรารถนาอีกต่อไป
“คุณชายจงเหริน ข้าไม่จำเป็นต้องหนี รอให้อาการบาดเจ็บของข้าหายดี นายท่านก็จะพาข้ากลับเมืองหลวง”
“ซางฉี…”
“ข้าขอตัวลา” หญิงสาวหมุนกายให้หลุดออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม นางกำลังจะก้าวเดินขึ้นไปยังสะพานนั้นแต่กลับถูกดึงกลับมาจนเสียหลักล้มลงในอ้อมแขนแกร่ง
ซางฉีรีบสลัดตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มสุดแรง นางสะกดกลั้นความไม่พอใจไว้ในส่วนลึกแล้วลากขาที่ยังบาดเจ็บไม่หายดีเดินขึ้นสะพานไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วฝ่าเท้าของนางก็หยุดชะงัก เมื่อนางมองขึ้นไปพบว่ามีใครบางคนกำลังมองดูพวกนางลงมาจากบนสะพานนั่น
“หลิวเฟิง…” จงเหรินเป็นคนเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อในขณะที่ซางฉียืนนิ่งงันด้วยความหวาดหวั่น
หลิวเฟิงค่อยๆ ก้าวเดินตรงมาที่พวกนางอย่างช้าๆ เขาเดินผ่านซางฉีไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามองหญิงสาว ชายหนุ่มก้าวตรงไปหาจงเหรินที่ปลายสุดของสะพานแล้ววาดวงแขนฟาดหลังมือเข้าที่ใบหน้าของสหาย
“ไสหัวออกไปให้พ้น”
E-BOOK HERE >> https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=294883&page_no=1
เนื้อหาที่คุณได้อ่านข้างต้นเป็นฉบับที่ถูกตัดทอนเนื้อความเพื่อใช้เผยแพร่สำหรับ [Clean Version]
สามารถอ่านนิยายฉบับสมบูรณ์ NC18+ [Explicit Version] ได้เฉพาะใน E-BOOK เท่านั้น
ความคิดเห็น