ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (มี E-BOOK) เล่ห์ร้ายในจวนรัก Lust Manor [Clean Version]

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 67


    บทที่ 6

     

    หลิวเฟิงเดินวนไปมาหน้าห้องนอนด้วยความร้อนรุ่มใจ ฝ่าเท้าของเขากระทบกับพื้นไม้ขัดเงาจนเกิดเสียงดังสะท้อนก้องในราตรีกาลก่อนที่มันจะหยุดลงเมื่อ หยางฟาน สหายของเขาค่อยๆ เลื่อนบานประตูเปิดออกมา หลิวเฟิงพยายามไม่เร่งรัดสหายผู้มีคุณ เขารออย่างใจเย็นจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินออกไปนั่งลงที่โถงกลาง เมื่อนั้นเขาจึงรีบสาวเท้าเข้าไปถามอาการผู้บาดเจ็บ

    “หยางฟาน นางเป็นอย่างไรบ้าง?”

    “มีไข้ ส่วนบาดแผลโชคดีที่ยังไม่อักเสบ ยาที่จำเป็นต้องใช้ข้านำติดตัวมาด้วย ข้าให้คนรถของข้าไปนำมาให้แล้ว”

    “ขอบคุณเจ้ามากสำหรับสองวันที่ผ่านมา”

    “ไม่เป็นไร”

    “ในเมื่อนางปลอดภัยแล้ว ท่านก็ควรแจ้งแก่คนที่จวนซ่งให้หยุดตามหานาง ไหนๆ ข้าก็ต้องกลับไปเมืองหลวง ข้าจะช่วยเป็นธุระไปแจ้งข่าวให้แก่ท่านก็แล้วกัน” เสียงนั้นดังมาจากจงเหริน ชายผู้เพิ่งมาถึงจวนกลางดึกเอ่ยแทรกบทสนทนาของหนึ่งแขกและหนึ่งเจ้าบ้านในห้องโถง

    “งั้นก็ดีเลย ต้องรบกวนท่านแล้ว จงเหริน”

    “ไม่ต้องเกรงใจ ข้าไม่ทันได้ช่วยอะไรมากมายด้วยซ้ำ ทันทีที่ตามบ่าวของคุณชายหยางมาถึงจวนนี้ ท่านก็พบเจอนางเสียแล้ว”

    “ดูเหมือนมีบางคนอดช่วยสาวงามสินะ”

    หยางฟานเหลือบมองหลิวเฟิงสลับกับจงเหรินและเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย

    “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าช่วยนางจากอะไร” จงเหรินตอบกลับหลิวเฟิงแล้วส่งยิ้มน้อยๆ ไปให้

    ทั้งสองคนจ้องมองกันอย่างรู้เท่าทันความคิดของกันและกัน ก่อนที่หยางฟานจะลุกขึ้นกระแอมไอเบาๆ

    “อะแฮ่มๆ ข้าจะไปดูที่ครัวสักหน่อยว่าขาดเหลือสมุนไพรหรือตัวยาอะไรที่จำเป็นต่อการรักษาและบำรุงร่างกายของแม่นางโม่ เชิญพวกท่านทั้งสองคนตามสบาย”

    หยางฟานปลีกตัวหนีออกไปจากสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนแล้วปล่อยให้หลิวเฟิงกับจงเหรินประจันหน้ากัน เขาส่ายศีรษะน้อยๆ ขณะก้าวผ่านประตูเรือนออกไปสู่ด้านนอก

    คล้อยหลังจากนั้นไม่นานหลิวเฟิงจึงกล่าวกับสหายของตนด้วยความรู้สึกรำคาญใจ “เชิญ ข้าไม่ส่ง” ยามนี้เขามีเรื่องที่หนักใจรอเขาอยู่แล้ว ภายในใจของเขามันร่ำร้องอยากเห็นใบหน้ายามหลับใหลของซางฉีเสียเต็มแก่ ทว่าคนตรงหน้ายังคงไม่ก้าวเท้าออกไปจากเรือนของเขาเสียที

    “ข้าจะกลับหลังจากท่านตอบคำถามของข้าก่อน”

    จงเหรินก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าหลิวเฟิง น้ำเสียงอันเคร่งขรึมของเขาแฝงด้วยความจริงจังอย่างที่ทำให้หลิวเฟิงรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา

    “ท่านอยากจะถามอะไรก็ว่ามาเลย”

    “ทำไมนางถึงหนีเข้าไปในป่า?”

    หลิวเฟิงไม่แปลกใจที่จงเหรินสามารถคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง และทางเดียวที่เขาทำได้คือการตอบคำถามอย่างซื่อตรง

    “เพราะข้า” หลิวเฟิงเอ่ยตอบเสียงเบาลงขณะหลบตาอีกฝ่าย ไม่มีคำพูดใดเพิ่มเติมต่อจากนั้น

    จงเหรินหมุนกายก้าวเดินไปยังประตูช้าๆ ก่อนหยุดยืนเพื่อจะพูดบางอย่างเป็นครั้งสุดท้าย

    “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างท่านกับนาง แต่ท่านควรหยุดได้แล้ว ถ้าไม่อยากทำให้นางเสียใจ” เอ่ยเพียงเท่านั้นจงเหรินก็เปิดประตูแล้วก้าวเดินจากไป เป็นโอกาสให้หลิวเฟิงลุกพรวดไปยังประตูห้องนอนเพื่อพบคนที่ตนโหยหา

    เขาสูดลมหายใจรวบรวมความกล้าแล้วจึงเปิดประตูเข้าไปภายในนั้น ฝ่าเท้าค่อยๆ ก้าวเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงนอนพลางทอดสายตามองซางฉีที่กำลังนอนหลับใหล หากเป็นเขาคนก่อนคงไม่มีทางมายืนทำอะไรเช่นนี้แน่ หากเป็นเขาคนเดิมคงไม่มีทางร้อนใจแค่เพียงคนคนหนึ่งหนีหายตัวไป ทว่าทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปแค่เพราะเป็นซางฉี

    “ข้าขอโทษ”

    หลิงเฟิงขอโทษนางจากใจจริง เขาหวังว่านางจะตื่นขึ้นมาเร็วๆ เพื่อรับฟังคำพูดนี้ ยิ่งได้มองดูร่างที่กำลังหลับใหลของนาง หัวใจของเขาก็เต้นโครมครามเพราะรู้สึกถูกกระตุ้นให้สัมผัสใบหน้าของหญิงสาว มันช่างยากเหลือเกินที่จะสลัดนิสัยเสียเช่นนี้ของตนออกไป สุดท้ายจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นฝ่ามือออกไปสัมผัสใบหน้าของซางฉีอย่างอ่อนโยน

     

    ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงบนท้องฟ้า แสงสีทองลอดผ่านหน้าต่างที่เปิดออกอ้ารับกลิ่นอายของธรรมชาติ ซางฉีค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อสายลมอันอบอุ่นพัดผ่านผิวกายของนาง ร่างบางยันกายขึ้นนั่งและพบว่าข้อเท้าของนางถูกพันด้วยผ้าพันแผลไว้อย่างแน่นหนา เมื่อหวนคิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ความเศร้าก็รินรดในใจนางอย่างไม่อาจห้าม

    ขณะที่ซางฉีกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น หลิวเฟิงก็เดินเข้ามาภายในห้อง “เจ้ารู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง?” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงก่อนจะนั่งลงและตรวจดูร่างกายของนางโดยไม่สงวนท่าทีเป็นห่วงเป็นใยหญิงสาวแต่อย่างใด

    “ข้าไม่เจ็บแล้วเจ้าค่ะ” ซางฉีตอบแล้วเงียบไปอีกครั้ง นางยังคงไม่หันมองร่างสูงนับตั้งแต่เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างกายนาง

    “แล้วไข้ล่ะ?” หลิวเฟิงถามต่อ ชายหนุ่มไม่รอคำตอบแต่ยื่นมือออกไปวัดอุณหภูมิบนหน้าผากของซางฉี ทำเอาหญิงสาวที่ไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งตกใจและไม่กล้าขยับเขยื้อนกายหนีจากสัมผัสของชายหนุ่ม

    “ดีแล้ว ไม่มีไข้แล้วจริงๆ ด้วย” หลิวเฟิงกล่าวพลางยิ้มอย่างดีใจ ทำให้ซางฉีนิ่งอึ้งระคนแปลกใจให้กับท่าทีของชายหนุ่ม

    “ข้าให้คนไปรับแม่ครัวที่จวนมาทำอาหารให้เจ้าทาน ตอนนี้นางอยู่ที่นี่แล้ว ระหว่างรอสำรับเจ้านอนพักอีกหน่อยเถอะ”

    หลิวเฟิงประคองร่างของซางฉีเอนนอนลงบนเตียง ก่อนที่เขาจะนอนลงเพื่อพักผ่อนเคียงข้างนาง ทว่าร่างกายมันกลับเคลื่อนไหวไปเองเสียอย่างนั้น มันโอบกระชับร่างบางเข้ามากอดไว้แนบแน่น

    “ซ่งหลิวเฟิงท่านจะทำอะไร?”

    “ไม่ต้องกลัว ข้าแค่อยากอยู่กับเจ้า”

    “แต่ท่านไม่จำเป็นต้องกอดข้าก็ได้นี่”

    “อย่าดิ้น เมื่อวานข้าเป็นห่วงเจ้าจนไม่ได้กินไม่ได้นอน ตกดึกทั้งเช็ดตัวและป้อนยาให้เจ้า ข้าขอพักสักครึ่งชั่วยาม”

    “ท่านก็กลับไปที่ห้องของท่านสิเจ้าคะ”

    “ขืนยังพูดอีก ข้าจะจูบเจ้า”

    ซางฉีขบกัดริมฝีปากของตนเองอย่างขัดใจเมื่อไม่สามารถตอบโต้คำขู่เล็กๆ ของเขาได้

    หลิวเฟิงหลับไปแล้ว แต่ซางฉีกลับนอนไม่หลับ การที่เขานอนโอบกอดนางและหลับไปนั้น ดูราวกับเป็นการแสดงความรักใคร่ของคนรัก เพียงแค่คิดอุณหภูมิในร่างกายของนางก็เหมือนจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กลิ่นกายของหลิวเฟิงยังคงติดอยู่บนเตียงนี้ นั่นยืนยันคำพูดของชายหนุ่มว่าเขาอยู่เคียงข้างนางเมื่อคืนและคอยดูแลนางจริงๆ

    นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าด้านข้างของคนที่นอนหลับอยู่ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าหลิวเฟิงลืมตามองนางมาตั้งแต่แรก

    “คิดอะไรอยู่หรือ” เสียงของเขาแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ

    ซางฉีคล้ายถูกดึงดูดด้วยแววตาที่ไม่คุ้นเคยของอีกฝ่าย

    ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าของนางอย่างทนุถนอม ก่อนที่ปลายนิ้วจะไล้ลงไปที่ต้นคอระหงและเคลื่อนเข้าไปใต้อาภรณ์เพื่อฟอนเฟ้นปทุมถัน ริมฝีปากของหลิวเฟิงสัมผัสกับส่วนเดียวกันของซางฉีอย่างนุ่มนวล มันค่อยๆ ลากไล้ไปยังต้นคอระหง ยามเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งจึงได้ประสานสายตาเข้ากับซางฉีที่นอนอยู่ใต้ร่าง ใบหน้าแดงก่ำของนางทำให้คนมองอดใจไม่ไหว รีบโน้มใบหน้าลงไปบดขยี้ริมฝีปากของซางฉีอย่างร้อนแรง

    หญิงสาวหันใบหน้าไปด้านข้างเพื่อบอกให้หลิวเฟิงจูบช้าลงกว่านี้ ทว่าหลิวเฟิงนั้นหมดความอดทน เขายันกายขึ้นมาปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเองแล้วคว้ามือของซางฉีให้เข้ามากอบกุมส่วนกายของเขาไปพร้อมกับอุ้งมือหนา

    หลิวเฟิงเพลิดเพลินไปกับจังหวะที่มือของเขาและหญิงสาวสรรสร้าง ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในค่อยๆ ปะทุออกมาเป็นความร้อนผ่าวและความชื้นแฉะ ครั้นแล้วเขาก็ละฝ่ามือจากมาแล้วปล่อยให้ซางฉีลูบไล้ไปตามความยาวของเขา

    ตอนนั้นเองที่กายแกร่งเคลื่อนสะโพกเข้าไปใกล้ดวงหน้าหวานราวกับบอกเป็นนัยน์ถึงความปรารถนาที่คุโชน และเจ้าของมือบางก็โอนอ่อนอย่างง่ายดาย

     

    “อ๊า...”

    “อ๊ะ! อ๊าา!! อ๊ะ!!!”

    เสียงของซางฉีคร่ำครวญอยู่ข้างหูของหลิวเฟิง เป็นเหตุให้ชายหนุ่มหันไปกัดงับริมฝีปากบางคู่นั้นเพื่อไม่ให้เสียงกรีดร้องของนางทำเขาคลั่งไปมากกว่านี้

    หญิงสาวเบือนหน้าหนีไปด้านข้างสำเร็จในที่สุด นางครางออกมาเสียงแหบโหย

    “นายท่าน...”

    “เรียกข้าหลิวเฟิง”

    “...หลิวเฟิง” ชื่อนั้นหลุดออกจากริมฝีปากของซางฉีด้วยเสียงครวญคร่ำ

    ชายหนุ่มจุมพิตลงบนกลุ่มผมของซางฉี หากเป็นเมื่อก่อนการกระทำเช่นนี้คงจะไม่มีทางเกิดขึ้น ทว่าในยามนี้เขาได้ครอบครองนางอย่างใกล้ชิดจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอยู่ข้างใน และนั่นไม่แตกต่างอะไรจากหัวใจของเขาที่เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน

    “ซางฉี... แต่งงานกับข้านะ”

     

     

    E-BOOK HERE >> https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=294883&page_no=1

    เนื้อหาที่คุณได้อ่านข้างต้นเป็นฉบับที่ถูกตัดทอนเนื้อความเพื่อใช้เผยแพร่สำหรับ [Clean Version]

    สามารถอ่านนิยายฉบับสมบูรณ์ NC18+ [Explicit Version] ได้เฉพาะใน E-BOOK เท่านั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×